New Release Bly แปล : รักที่ปรารถนาของคุณชายคายาชิมะ 3

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release Bly แปล : รักที่ปรารถนาของคุณชายคายาชิมะ 3

โพสต์ โดย Gals »

เขา ยูกาตะ และไฟเย็น


ทันทีที่เข้าสู่เดือนสิงหาคม สายโทรศัพท์จากบ้านเกิดก็ดังขึ้น ผมรู้อยู่แล้วว่าแม่ต้องโทรมาบอกให้ผมกลับบ้านช่วงเทศกาลโอบ้ง อย่างแน่นอน เพราะปีนี้ตรงกับครบรอบวันตายเข้าสู่ปีที่เจ็ด ของคุณย่าพอดี
[กลับมาได้ใช่ไหม? แค่สองสามวันก็น่าจะลางานได้นี่]
แม่ซึ่งอยู่ต่างจังหวัดเอ่ยปากถาม ผมตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
?ก็...คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร?
[โนริโกะกับสามีบอกว่าจะกลับมาด้วย นานๆ ทีลูกก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านบ้าง]
?นั่นสิ?
[วันที่สิบสามมีเทศกาลดอกไม้ไฟตรงริมแม่น้ำด้วยนะ]
?เข้าใจแล้วครับ ผมจะลองปรึกษากับอารากิซังที่เป็นรุ่นพี่ดู ถ้ารู้กำหนดวันกลับแน่นอนเมื่อไรผมจะบอกแม่อีกที?
ผมขยับโทรศัพท์มือถือแบบพับห่างจากหูและกดปุ่มวางสาย ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตอนที่ผมหันหลังเพื่อนำโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ผมก็สังเกตเห็นว่าเขาซึ่งเป็นทั้งคนรักและเจ้านายของผมกำลังยืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ สายตาของเขาจดจ้องมาทางผมราวกับต้องการถามว่า เกิดอะไรขึ้น
?อ้าว คุณมาแล้วเหรอ?
?เห็นนายกำลังโทรศัพท์อยู่เลยไม่กล้ารบกวน แต่ฉันเคาะประตูแล้ว?
เขายังพูดจาห้วนๆ เหมือนเดิม แต่นี่ถือว่าพูดเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว
?พอๆ กันแหละครับ เพราะผมก็ชอบเข้าห้องคุณโดยพลการเหมือนกัน?
ผมยิ้มเฝื่อนให้กับท่าทีสุภาพของเขา ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีซึ่งชอบสร้างความแปลกใจให้คนรอบข้างทั้งทางวาจาและพฤติกรรมอยู่เสมออย่างเขา แท้จริงแล้วกลับเป็นคนที่เคร่งเรื่องมารยาทเอามากๆ ขนาดที่ว่าคนธรรมดาอย่างผมไม่สามารถเข้าใจได้ เราสองคนคบหากันได้เกือบปีครึ่งแล้ว แต่มีหลายอย่างในตัวเขาที่ยังคงเป็นปริศนาสำหรับผมอยู่
ผมกับเขาอาศัยอยู่ด้วยกันตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
ที่กลายเป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะเขาขอร้องประกอบกับการต่อรองของผมนั่นเอง แต่ไปๆ มาๆ ผมคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
หลังเราสองคนได้มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ผมรู้สึกว่าความรักที่ผมมีต่อเขาค่อยๆ ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เรานอนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ...แม้จะแค่มื้อเย็นอย่างเดียวก็ตาม... เมื่อเรามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ผมก็เริ่มตระหนักได้ทีละนิดว่าผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาและเข้าใจยากคนนี้ก็เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจเหมือนเราๆ นี่แหละ อีกทั้งผมยังเริ่มอ่านสีหน้าไร้ความรู้สึกของเขาได้เก่งขึ้นด้วย ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองสามารถจับสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพียงน้อยนิดของเขาได้ในระดับเดียวกับหัวหน้าพ่อบ้านซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลเลยทีเดียว
ผมโอบร่างอันผอมบางของเขาเข้ามากอด ก่อนบรรจงจูบแผ่วเบาลงบนริมฝีปาก
?รออยู่ที่ห้องก็ได้นี่ ผมกำลังจะหาไปพอดี?
คุณนี่ใจร้อนจริง ผมเอ่ยเย้าแหย่ เขาชายตาแหลมคมจ้องผมเขม็ง แต่ผมรู้ว่าเขาแค่พยายามกลบเกลื่อนความเขินอายเท่านั้น และเมื่อเขาเห็นผมไม่แสดงทีท่าหวาดหวั่นใดๆ สายตาซึ่งกำลังจดจ้องอยู่จึงเริ่มคลายลงในทันที ทุกอิริยาบถของเขาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
?นายจะไปไหนเหรอ??
?เอ๋??
?โทรศัพท์เมื่อกี้...?
จู่ๆ เสียงของเขาก็แผ่วเบาลงและขาดห้วงไปในที่สุด สงสัยเขาคงรู้สึกละอายใจที่ทำตัวเสียมารยาท แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ล่ะมั้ง
แต่ผมไม่ใส่ใจกับเรื่องแบบนี้หรอก ผมจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงสบายๆ
?อ้อ ผมจะกลับบ้านช่วงเทศกาลโอบ้งน่ะ ย่าของผมเสียไปหกปีแล้ว แม่เลยโทรมาตามให้กลับบ้านไปร่วมทำบุญครบรอบวันตายของย่า?
?งั้นเหรอ?
?ยังกำหนดไม่แน่ชัดหรอก แต่ผมกะจะขอลาหยุดเพื่อกลับบ้านไปสักสองสามวัน?
เขาเอียงคอเล็กน้อยพลางส่งสายตาราวกับมีความนัยบางอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
จากนั้นผมก็ปัดเรื่องนี้ออกไปจากสมองจนหมดสิ้น พลางผลักแผ่นหลังของเขาให้ออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกัน ห้องเช่าของผมภายในคฤหาสน์แบ่งเป็นสองส่วน ซึ่งค่อนข้างกว้างและหรูหรามากเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเทียบกับห้องของเขาซึ่งเป็นนายใหญ่ไม่ได้เลย เพราะมีถึงสามส่วนเชื่อมต่อกัน ได้แก่ ห้องนอน ห้องหนังสือ และห้องนั่งเล่น ขนาดใหญ่กว่าห้องนี้อีกเป็นเท่าตัว
ผมพาเขานั่งลงบนเก้าอี้ยาวหรูหรานำเข้าจากต่างประเทศ รินชาอู่หลงจากตู้เย็นภายในห้องใส่แก้วและยื่นให้เขา ที่จริงเขาเป็นคนคอแข็งมากๆ แต่เนื่องจากพรุ่งนี้ผมต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าจึงจำเป็นต้องงดดื่มแอลกอฮอล์ยามดึก ซึ่งตัวเขาก็เข้าใจเป็นอย่างดี จึงรับแก้วชามาโดยไม่ปริปากอะไร
?พรุ่งนี้คุณมีธุระต้องไปไหนหรือเปล่า??
?ไม่มีเป็นพิเศษ?
?งั้นเหรอ ออกไปข้างนอกก็เจอแต่อากาศร้อนเท่านั้น ผมว่าคุณนอนกลางวันพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ที่นี่ดีกว่า หรือจะอ่านหนังสือก็ได้?
เขาพยักหน้าตอบรับแบบขอไปที ไม่แน่เหมือนกันว่าเขาเข้าใจที่ผมพูดจริงๆ หรือเปล่า
?หลังเรากลับมาจากอังกฤษตอนเดือนพฤษภาคม ปีนี้เราก็ไปค้างที่โน่นที่นี่ในประเทศบ่อยเหมือนกันใช่ไหม??
?อืม?
?มีออกไปไกล ค้างนานกว่าหนึ่งคืนเยอะพอสมควร?
?อืม?
เขาตอบกลับสั้นๆ ราวกับไม่ใส่ใจนัก
หลังจากนั้นผมก็หยุดคุยด้วยเช่นกัน
ความเงียบที่แผ่ปกคลุมระหว่างเราสองคนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเลยแม้แต่น้อย นี่อาจเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าผมคุ้นเคยและสบายใจที่ได้อยู่กับอีกฝ่ายมากแค่ไหน
ผมกับเขาอยู่ด้วยกันท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนประมาณครึ่งชั่วโมง
เราสองคนนั่งเคียงข้างบนเก้าอี้ยาว ผมขยับสะโพกประมาณสองครั้งเพื่อบีบช่องว่างระหว่างเราให้แคบลง และจับนิ้วเรียวยาวของเขาขึ้นมาลูบไล้พลางใช้นิ้วของตัวเองเกี่ยวพันเล่น บางครั้งเขาก็เอื้อมมือมาสัมผัสหัวเข่าของผมเช่นกัน
?...ไปที่ห้องของคุณกัน?
ในที่สุดผมก็ยื่นข้อเสนอเช่นนั้นออกมา เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย ลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวและเดินออกจากห้องล่วงหน้าไปก่อน
ทุกครั้งที่เรามีอะไรกันจะต้องเป็นที่ห้องของเขาเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าผมมีเหตุผลนิดหน่อย
นั่นก็เพื่อว่า ทุกเช้าเวลาหัวหน้าพ่อบ้านฮาตาโนะยกกาแฟมาเสิร์ฟ จะได้ไม่สับสนว่าต้องไปห้องไหนดี
หัวหน้าพ่อบ้านอาวุโสผู้ซื่อสัตย์และหูตากว้างไกลคนนี้ เข้าใจความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาของเราทั้งคู่เป็นอย่างดี แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮาตาโนะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องบนเตียงอันแสนเร่าร้อนของเรา ความจริงฮาตาโนะอาจรังเกียจที่ต้องมาเจอสภาพเราสองคนตื่นนอนด้วยกันตอนเช้าก็เป็นได้
เขาเป็นคุณชายที่มีนิสัยสบายๆ และไม่แยแสกับอะไรทั้งนั้น ตรงข้ามกับผมซึ่งค่อนข้างคิดมากพอสมควร หากเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากดื่มกาแฟยามเช้ากับเขาทุกครั้งแบบนี้หรอก และยิ่งนึกภาพว่า เขามานอนบนเตียงของผมโดยพ่อบ้านยกกาแฟมาเสิร์ฟให้ถึงที่ แค่จินตนาการก็รู้สึกเจ็บปวดแล้ว
ผมไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขาตรงๆ แต่ดูเหมือนเขาก็พยายามเข้าใจความรู้สึกของผมอยู่เหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยบ่นเรื่องที่เรามีอะไรกันเฉพาะบนเตียงของเขา แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เขาก็ไม่ยอมหากตอนเช้าผมลุกหนีออกจากเตียงไปก่อน ดังนั้นผมจึงต้องจำใจทนรับสภาพยามเช้าที่ไม่อยากเจอ
ถ้าให้พูดตามตรง อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งผมต้องการความสัมพันธ์ในรูปแบบกิฟแอนด์เทค หรือให้และรับด้วยแหละ สำหรับผมแล้วไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องความรักเท่านั้น แต่การที่เราจะคบหาสมาคมกับใครสักคนให้ได้นานๆ เราจะรอเป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียวไม่ได้ และในขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถให้เพียงอย่างเดียวได้ด้วยเช่นกัน นี่คือปรัชญาการดำเนินชีวิตในรูปแบบของผม

คนสวนซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลสวนสไตล์อังกฤษอันกว้างขวางภายในคฤหาสน์คายาชิมะ หากนับรวมผมด้วยแล้วมีทั้งหมดสี่คน ช่วงวันหยุดยาวฤดูร้อนจึงใช้วิธีสลับกันหยุด เนื่องจากผมขอลากลับบ้านเกิดไปทำบุญครบรอบวันตายของคุณย่า ทุกคนจึงให้สิทธิ์ผมเลือกวันลาช่วงเทศกาลโอบ้งได้ก่อน ไหนๆ แม่ก็อุตส่าห์พูดเรื่องงานเทศกาลดอกไม้ไฟทั้งที ผมจึงตัดสินใจกลับวันที่สิบสองถึงสิบสี่ ค้างที่บ้านเป็นเวลาสองคืนด้วยกัน จากนั้นจึงจัดการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่จริงผมจะกลับบ้านด้วยรถไฟก็ได้ แต่เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่คนเนืองแน่นมากที่สุด จึงเลือกกลับโดยเครื่องบินแทนแม้ราคาจะแพ้หูฉี่ก็ตาม ผมพยายามหาตั๋วของสายการบินราคาประหยัดแต่กลับเต็มหมดทุกที่นั่ง แต่นานๆ ได้กลับบ้านทีก็ช่างมันเถอะ
ผมอยู่กับเขาคืนก่อนออกเดินทาง
แม้ผมจะกลับบ้านแค่สามวันเท่านั้น แต่ผมก็ดูออกว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีมาได้พักใหญ่แล้ว ผมคิดว่าตัวเองควรปลอบใจเขาให้หายงอนก่อนดีกว่า ที่จริงผมกับเขามักทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำ และบ่อยครั้งที่เรามักถมึงทึงใส่กันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมอ่อนข้อกล่าวคำขอโทษก่อน แต่แน่นอนว่าบรรยากาศเช่นนั้นไม่ดีต่อสภาพจิตใจของเราทั้งคู่ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าผมกับเขาจะไม่ได้เจอกันอีกตั้งหลายวันเช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมควรเป็นฝ่ายยอมแพ้น่าจะดีกว่า นี่คงแสดงให้เห็นว่าผมหลงรักเขาหัวปักหัวปำมากแค่ไหน
?แล้วผมจะซื้อของมาฝากนะ?
ผมจับหัวเข่าของเขาให้ตั้งขึ้น อ้าออกและลูบไล้บริเวณต้นขาด้านในพลางเอื้อนเอ่ยคำสัญญา แต่เขากลับส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า ไม่ต้องการ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็เอื้อมมือซึ่งกำลังขยำผ้าปูที่นอนขึ้นมาจับแขนผมไว้ เราสบตากัน ผมขนลุกซู่ สายตาของเขาไม่ต่างจากหญิงงามเมืองที่กำลังยั่วยวนผมอย่างโจ่งแจ้ง
?คุณเหงาเหรอ ถ้าผมไม่อยู่??
?...อืม?
ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันสิ ผมพูดแบบนั้นออกไปไม่ได้หรอก ถึงอย่างไรก็ไม่มีทาง
ผมยังไม่ได้บอกครอบครัวเลยว่าผมเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน แม้ผมจะบอกที่บ้านเรื่องผมย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์คายาชิมะ แต่พวกเขาก็คิดแค่ว่าผมเป็นลูกจ้างซึ่งมีสวัสดิการด้านที่พักเท่านั้น ครอบครัวของผมเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ในชนบท พอเอ่ยชื่อ ?คายาชิมะ สึมิโตะ? ทุกคนก็ตอบรับแค่ ?เอ๊ะ เหมือนเคยได้ชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน เป็นมหาเศรษฐีชื่อดังใช่ไหม? แต่เรื่องที่ว่าเขาเป็นคนแบบไหน และสภาพแวดล้อมที่ผมทำงานอยู่นั้นสุขสบายเพียงใด พวกเขาแทบไม่สนใจเลย ตอนที่ผมบอกครอบครัวว่าจะทำงานเป็นคนสวนทั้งๆ ที่สอบเนติบัณฑิตผ่านแล้ว ทุกคนค่อนข้างกลุ้มใจมากเลยทีเดียว แต่พอเห็นผมทำงานต่อเนื่องมาได้สิบปี แถมยังใช้ชีวิตอย่างสงบสุข พวกเขาก็ทำใจยอมรับได้ในที่สุด ผมเป็นคนหัวรั้นมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ชอบตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่เคยปรึกษาพ่อแม่เรื่องเส้นทางในอนาคตกับเขาหรอก
ตอนผมตัดสินใจว่าจะอยู่กับเขาคนนี้ไปตลอดชีวิต ผมเกริ่นให้ทางบ้านทราบคร่าวๆ ว่าผมจะไม่แต่งงาน แถมยังเป็นการแจ้งให้ทุกคนรู้ผ่านทางจดหมายแอร์เมล์ ส่งจากย่านชนบทในประเทศอังกฤษแบบกะทันหันอีกต่างหาก ทำให้พ่อแม่ น้องสาวกับน้องเขยของผมตกใจเป็นอย่างมาก น้องสาวโทรศัพท์มาคะยั้นคะยอถาม ?หมายความว่าอย่างไร? จากนั้นแม่ก็โทรมาถามอีกว่า ?เกิดอะไรขึ้น? ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
แต่ผมก็ได้แค่ตอบแบบเลี่ยงๆ กลับไปเท่านั้น
เพราะผมคิดว่าปัญหานี้ไม่สามารถจัดการให้จบผ่านทางโทรศัพท์ได้ อีกทั้งผมก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยให้ทุกคนรู้ถึงรสนิยมของตัวเองในตอนนี้ด้วย ผมจึงล่าถอยออกมาตั้งรับก่อนโดยที่ทุกอย่างยังค้างคาอยู่
ด้วยเหตุนี้ จู่ๆ จะให้ผมพาเขาไปร่วมงานทำบุญครบรอบวันตายคุณย่าไม่ได้หรอก ผมไม่รู้จะอธิบายกับครอบครัวเรื่องของเขาอย่างไรดี ผมไม่อยากทำให้ทั้งครอบครัวและเขาต้องเจ็บปวด
?สึมิโตะซัง?
เขาปิดดวงตาแสนเย้ายวนพร้อมยื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้ ทันทีที่เห็น ผมก็รีบปัดความคิดวุ่นวายต่างๆ ในสมองออกไปจนหมด แล้วประกบริมฝีปาก ดื่มด่ำรสสัมผัสอันนุ่มนวลและความชุ่มชื้นจากของเหลว
?อ๊ะ อา...?
ลิ้นของผมกับลิ้นของเขาเกี่ยวไล่ตามกันพัลวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะถอยห่าง น้ำลายยืดหยดที่มุมปากเราทั้งสอง ผมใช้นิ้วหยาบกร้านเช็ดมันออก ก่อนขยับมือไปบดขยี้ติ่งไตแผ่นอกของเขา
?อืม อือ?
เขาส่งเสียงครางราวกับกำลังทุกข์ทรมาน พลางขยับตัวเล็กน้อย
ผมนอนคร่อมตัวเขาเหนือบริเวณท้อง สะโพกของเขาสั่นไหว ในขณะเดียวกันผมก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นเล็กน้อยตรงบริเวณสะดือด้วย จังหวะนั้นเอง จู่ๆ เขาก็ยกขาเรียวยาวทั้งสองข้างขึ้นและใช้ท้องขาเกี่ยวรัดรอบลำตัวของผม ช่างเป็นท่าที่แสนเย้ายวนเสียจริง
?...ใส่เข้าไปที ...ใส่เข้าไปทีเถอะ?
เขาปัดความอับอายที่เหลืออยู่ออกไปจนหมด ก่อนเอ่ยวิงวอนผมด้วยเสียงขาดเป็นห้วงๆ
แต่เนื่องจากผมอยากจดจ้องเรือนร่างอันหื่นกระหายของเขาให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย ผมจึงจงใจกลั่นแกล้ง
?ใส่เข้าไปอย่างเดียวพอเหรอ??
ผมกอบกุมส่วนที่เปียกชุ่มด้วยไอระอุขึ้นจ่อตรงจุดเร้นลับของเขา มันกำลังแหงนเงยเต็มที่ พร้อมมุดผ่านรอยคดโค้งซึ่งกำลังสุกงอมเพื่อเข้าไปด้านในสุด
เขาส่ายศีรษะไปมาราวกับทนไม่ไหว
?ใส่... สะ...ใส่เข้า...ข้างใน ช่วยใส่ลึกเข้าไปข้างในด้วย?
ผมค่อยๆ แยกทางเข้าแสนอ่อนไหวของเขาออก และหยั่งเชิงเข้าไปเพียงนิดเดียว
เสียงครางกระตุ้นอารมณ์เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขา
พอรู้ว่าผมไม่ยอมคืบคลานเข้าไปลึกมากกว่านั้น เขาจึงกำแขนของผมไว้แน่นราวกับขุ่นเคืองก่อนจิกเล็บข่วนท่อนแขนของผม
?นี่ๆ?
ผมคว้ามือขวาของเขาไว้เพื่อปลอบโยน พร้อมจ้องมองดวงตาซึ่งกำลังชุ่มไปด้วยความโทสะของเขากลับ
?เดี๋ยวเล็บสวยๆ ก็หักหรอกครับ?
เล็บของเขาได้รับการดูแลอย่างดีเป็นประจำ ผ่านการแต่งทรงด้วยตะไบและขัดผิวหน้าอย่างพิถีพิถันโดยมืออาชีพ นิ้วเรียวขาวของเขางดงามมากจนยากจะเชื่อว่าเป็นของผู้ชาย ดูแตกต่างจากมือคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
?อยากให้ลึกกว่านี้เหรอ...??
เขาพยักหน้า
น่ารักเหลือเกิน
ยามเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนา เขาดูน่ารักมากเสียจนผมไม่อาจห้ามใจได้
?ถ้างั้นขอร้องผมอีกครั้งสิ เอ่ยคำขอร้องให้ผมทำให้?
เขากัดริมฝีปาก ผมถอนสะโพกออก และทันทีที่ส่วนปลายนูนซึ่งอุตส่าห์เข้าไปแล้วเกือบหลุดออกมา เขาก็รีบเกาะผมไว้แน่นอย่างร้อนรน
?อย่า อย่าลุกไปนะ ช่วยเข้าไปให้ลึกกว่านี้หน่อย ฉันต้องการนาย ฉันอยากเป็นหนึ่งเดียวกับนาย?
?สึมิโตะซัง?
น้ำตาของเขาไหลริน
ผมเลิกกลั่นแกล้งเขา จากนั้นจึงขยับสะโพกซึ่งถอยทัพออกมาเมื่อสักครู่หวนคืนสู่ความลึกอย่างสุดแรง ความเสียวซ่านถาโถมเข้าใส่จนผมรู้สึกตาลาย เขาเองก็คงรู้สึกดีไม่แพ้กัน ผมรับรู้ได้จากเสียงครางอันแสนเย้ายวน
ผมโหมกำลังต่อไปอย่างรุนแรงพลางลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มของเขาบ้าง พรมจูบลงบนหน้าผากของเขาบ้าง
?อ๊ะ อ้า?
ทุกจังหวะที่ผมจู่โจม ถอยร่น หมุนวน และละเลงบดขยี้ภายใน ความหฤหรรษ์ก็ยิ่งซึมออกมาพร้อมเสียงร้องของเขาจนฟังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
?อ๊ะ ดี ดี... เอาอีก?
ผมตอบสนองเสียงร้องขอ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ผมจะไม่ได้อยู่กับเขาประมาณสามวัน
หากกลับมา ผมตั้งใจว่าโอบกอดและทำให้เขาร้องไห้หนักกว่านี้อีก ผมจะซื้อของที่เขาเห็นแล้วต้องดีใจจากที่โน่นกลับมาด้วย แม้ไม่ใช่ของฝากจากท้องถิ่นก็ตาม
จุดที่ช่วยสร้างความสุขสมจนแทบเสียสติของเขาถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาถึงฝั่งฝันแม้ถูกกระตุ้นแค่จากข้างหลังเท่านั้น ความร้อนถูกระบายออกมา ในขณะที่น้ำตารินไหลทั่วใบหน้า
ผมเองก็ปลดปล่อยออกมาอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน จากนั้นผมจับเขาเปลี่ยนเป็นท่าหันหลังโดยยังไม่ถอนกำลังออก และท้าทายต่อในครั้งที่สอง เขาทั้งเปียกชุ่มและนุ่มลื่น แต่แน่นอนว่าแรงตอบโต้กลับก็มีมหาศาลด้วยเช่นกัน เป็นเหตุให้แม้แต่ตัวของผมซึ่งอายุอานามไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยังสามารถกลับมาพร้อมสู้อีกครั้งได้อย่างง่ายดาย
ไม่น่าเลือกเที่ยวบินรอบเช้าที่สุดของวันพรุ่งนี้เลย ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีแรงตื่นไปขึ้นเครื่องได้ทันหรือเปล่า

เนื่องจากเวลานี้กำลังเข้าสู่ช่วงที่ผู้คนเดินทางกลับบ้านเกิดกันมากที่สุด ภายในสนามบินจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน แต่เมื่อขึ้นมานั่งบนเครื่องแล้วกลับรู้สึกไม่ต่างจากเวลาปกติมากนัก ซึ่งข้อนี้ทำให้ผมรู้สึกคิดไม่ผิดที่เลือกเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน สำหรับผมแล้วการเดินทางที่รวดเร็วไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่าความสะดวกสบาย ต่อให้ผมกลับบ้านด้วยชินคันเซ็นแบบระบุที่นั่ง ก็ต้องเผชิญกับความอึดอัดเพราะผู้คนหลั่งไหลรายล้อมที่นั่งของผมกันจนแน่นบริเวณทางเดิน ที่จริงผมจะกลับกรีนคาร์ ก็ได้ แต่ผมคิดว่าอาจไม่เหมาะกับสถานภาพทางการเงินของตัวเองนัก
ผมแยกกับเขาหลังรับประทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จ
ไม่รู้เป็นเพราะเขายังเขินอายกับเหตุการณ์เมื่อคืนหรือเปล่า ตอนเช้าจึงดูพูดน้อยผิดปกติ แถมยังเหมือนกำลังงอนผมด้วย ที่จริงผมก็อยากเข้าไปปลอบประโลมเขาก่อนออกเดินทางเหมือนกัน แต่ผมเกรงว่าหากทำเช่นนั้น อาจทำให้เขางอแงจนผมต้องพาเขาไปด้วย ผมจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
กลับกลายเป็นว่าผมลุกจากโต๊ะอาหารเช้าโดยไม่ได้กล่าวลา และหลังจากนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกเลย ทำให้ผมมานึกเสียใจทีหลัง ไม่น่าเลยเรา ผมไม่อยากจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ผมไม่รู้ว่าเขาอารมณ์เสียและหายตัวเข้ากลีบเมฆไปซ่อนอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์ หรือตรงมุมไหนภายในสวนอันแสนกว้างขวาง และผมก็ไม่มีเวลาตามหาเขาแล้ว จะบอกให้เครื่องบินรอก็ไม่ได้ด้วยสิ สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงแค่ฝากหัวหน้าพ่อบ้านบอกลาเขาเท่านั้น
ผมเดินทางมาถึงสนามบินซึ่งตั้งอยู่แถบชนบท ผู้คนอาจไม่พลุกพล่านเท่าสนามบินฮาเนดะแต่ก็เนืองแน่นกว่าปกติ ผมกลับมาบ้านเกิดครั้งล่าสุดช่วงเทศกาลปีใหม่เมื่อสองปีที่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อกับแม่จะคะยั้นคะยอให้ผมลางานกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง
จากที่คุยกันเมื่อวันก่อน แม่บอกว่าวันนี้สามีของน้องสาวผมจะมารับที่สนามบิน
ผมกวาดสายตาไปยังกลุ่มคนซึ่งมารอรับผู้โดยสาร เพื่อตามหาชายตัวสูงใหญ่รูปร่างกำยำ
แล้วผมก็เจอน้องเขยในทันที
ดูเหมือนอีกฝ่ายก็สังเกตเห็นผมทันทีที่ออกมาจากประตูบานเลื่อนอัตโนมัติเช่นกัน เราทั้งสองสบตา น้องเขยยิ้มกว้างพร้อมโบกไม้โบกมือทักทาย
ผมเดินเข้าไปหาน้องเขย และวินาทีนั้นเอง ผมสังเกตเห็นร่างชายผอมบางคนหนึ่งกำลังยืนด้วยท่วงท่าสง่างามเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย ผมตกใจสุดขีด
?เอ๋?
?ไม่ได้เจอกันนานเลยพี่... อ้าว เป็นอะไรไปเหรอครับ?
?อ๊ะ โทษทีนะ ฮิเดโอะคุง ช่วยรอฉันแป๊บหนึ่ง?
ผมพยายามสะบัดความสับสนให้ออกไปจากสมอง หลังปรับอารมณ์และตั้งสติได้แล้ว ผมจึงเดินตรงดิ่งไปยืนอยู่เบื้องหน้าคายาชิมะ สึมิโตะ ที่จริงผมอยากจะวิ่งเข้าไปหาเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ผมต้องการเวลาเพื่อครุ่นคิดจัดระเบียบเรื่องราวในสมองก่อนเล็กน้อย
ผมยืนกอดอก สีหน้าเกรี้ยวกราด สายตาจดจ้องเขาเขม็ง เขาหลบสายตาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน เขามามือเปล่า แสดงว่าการที่เขาเดินทางมาถึงสถานที่ซึ่งเขาไม่รู้จักแม้แต่น้อยเช่นนี้ เป็นเพียงเพราะความคิดชั่วแล่นจริงๆ ผมรู้สึกเอือมระอามากกว่าโมโห โชคยังเข้าข้างผมอย่างหนึ่ง ที่เขาแต่งตัวปกติในชุดเดียวกับที่ผมเห็นที่โต๊ะอาหารเมื่อเช้า ทำให้เขาไม่โดดเด่นสะดุดตามากจนเกินไปนัก
?นี่มันเรื่องอะไร??
ผมถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาส่งสายตาดื้อดึงเล็กน้อยมองผม แต่สุดท้ายก็ตอบกลับอย่างหวาดหวั่น
?...เผลอขึ้นเครื่องตามมา?
เขาแก้ตัว
?เผลอ งั้นเหรอ คุณมีคนใหญ่คนโตที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ แค่ตั๋วเครื่องบินใบเดียวคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกเขาหรอก?
ตามปกติบนเครื่องบินโดยสารจะมีการสำรองที่นั่ง VIP ไว้จนวินาทีสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แค่เขาโทรศัพท์หาผู้มีอำนาจของบริษัทสายการบินกริ๊งเดียว ทางนั้นต้องยินดีหาที่นั่งให้เขาอย่างแน่นอน
?ถ้างั้นคุณก็ใช้วิธีเดิมกลับไปเดี๋ยวนี้เลย?
?ฉัน...?
?ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณในที่แบบนี้?
ผมเอ่ยเสียงแข็งขัดคำพูดของเขา ไหล่ของเขาลู่ตกในทันที เขาคงรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเอาแต่ใจมากแค่ไหน และทำให้ผมต้องเดือดร้อนมากเพียงใด เมื่อเห็นท่าทีหงอยของเขาเช่นนี้ ผมก็พลอยรู้สึกแย่ไปด้วย
?ผมจะหาไฟลท์ขากลับให้ ...แล้วผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง โทษทีนะ แต่คราวนี้ช่วยทำตามที่ผมบอกด้วย?
คุณคายาชิมะส่ายศีรษะ
?ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่เป็นไร ฉันจะกลับคนเดียวเมื่ออยากกลับ?
?เอาอีกแล้ว อย่าทำให้ผมลำบากใจสิ...?
?พี่!?
ขณะที่ผมกำลังขมวดคิ้วแน่นด้วยความโมโห ฮิเดโอะน้องเขยก็ส่งเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง ฮิเดโอะคงเป็นห่วงเมื่อเห็นเราสองคนทำท่าเหมือนจะทะเลาะกัน
?มีอะไรหรือเปล่าครับ? อ๊ะ คนรู้จักเหรอ??
ผมลังเลอยู่เสี้ยววินาทีว่าจะตอบเช่นไรดี แน่นอนว่าผมคงไม่สามารถตระเตรียมกับเขาเพื่อแสดงละครตบตาได้ทัน จึงแนะนำไปตรงๆ ว่าเขาคือคายาชิมะ สึมิโตะซัง ดูเหมือนฮิเดโอะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคายาชิมะ สึมิโตะเลย จึงได้แต่กล่าวคำทักทายสั้นๆ ว่า ?สวัสดีครับ? พร้อมเกาศีรษะแกรกๆ
?ฮิเดโอะคุง โทษทีนะ นายอุตส่าห์มารับฉันแท้ๆ แต่ฉันขอส่งเขาก่อน นายช่วยกลับบ้านไปก่อนจะได้ไหม??
?หา เอาอย่างนั้นเหรอครับ...แต่ว่า?
?ฉันอยู่คนเดียวได้?
คุณคายาชิมะกล่าวแทรกขึ้นมาจากทางด้านข้าง
ผมหันขวับไปมองค้อนเขา แต่เขากลับไม่มีท่าทีว่าจะเลิกทำตัวดื้อด้านกับผมง่ายๆ ผมอยากตะโกนเสียงดังใจจะขาดแต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้ ในเมื่อเขายังแข็งข้ออยู่เช่นนี้ คงเป็นไปได้ยากที่ผมจะพาเขาขึ้นเครื่องกลับบ้านในทันที
?ฉันจะอยู่คนเดียว นายไปซะเถอะ?
ถ้าฮิเดโอะไม่อยู่ตรงนี้ละก็ ผมคงตบหน้าเขาฉาดใหญ่ต่อหน้าสาธารณชนไปแล้ว
ผมรู้สึกแย่ที่เขามาลองใจผมแบบนี้ เขาอาจไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นหรอก เขาทำทุกอย่างลงไปเพียงเพราะความไม่รู้จักคิด แต่สิ่งที่เขาทำก็ไม่ต่างจากการขู่บังคับเป็นนัยให้ผมยอมจำนนต่อเขา เห็นได้ชัดว่าการผจญภัยของเขาในครั้งนี้แม้แต่ฮาตาโนะก็คงไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ที่คฤหาสน์คงวุ่นวายตามหาเขากันน่าดู
?ขอตัวไปโทรศัพท์ก่อน?
ผมพูดกับฮิเดโอะ ก่อนคว้าโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าพลางเดินไปหามุมเงียบสงบ แต่เขากลับพูดว่า
?อย่าทำให้วุ่นวายสิ?
ด้วยน้ำเสียงร้อนรนต่างจากปกติ พร้อมเดินตามผมมา
ผมโมโหมากจนทนไม่ไหว
และใช้ฝ่ามือตบเข้าที่แก้มของเขาดังเพียะ
ผมรู้สึกเหมือนคนรอบข้างแอบหันมามองเราสองคนอยู่ประมาณเสี้ยววินาที แต่ผมอาจคิดไปเองก็ได้ เพราะไม่มีใครส่งสายตาจดจ้องมายังเราทั้งคู่เลย มีเพียงฮิเดโอะเท่านั้น ที่กำลังยืนตกตะลึงมองภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
ผมกดโทรศัพท์มือถือโดยปล่อยให้เขายืนอึ้งงันอยู่ข้างๆ เช่นนั้น ทั้งที่ภายในอกรู้สึกเหมือนพายุกำลังพัดกระหน่ำ ผมเผลอลงไม้ลงมือกับคายาชิมะ สึมิโตะเข้าจนได้ นี่อาจเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมมั่นใจว่าแม้แต่ฮาตาโนะก็ยังไม่เคยตีเขา แต่ในใจผมกลับไม่รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองแม้แต่น้อย ผมจึงไม่คิดจะกล่าวคำขอโทษ
ปลายทางแรกที่ผมโทรไป แน่นอนว่าคือคฤหาสน์คายาชิมะ
ผมแจ้งให้ฮาตาโนะทราบว่าตอนนี้เขาอยู่กับผม แค่บอกให้ฮาตาโนะรู้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว เพราะผมได้รับความไว้วางใจจากฮาตาโนะไม่น้อยเหมือนกัน
ผมชายตามองเขาซึ่งกำลังยืนกัดริมฝีปากอยู่ข้างๆ โดยไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่ปลายนิ้ว
ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ ผมคงได้แต่ทำใจยอมรับสภาพ
?อาจจะกะทันหันไปสักหน่อยนะครับ แต่สึมิโตะซังจะค้างที่บ้านเกิดของผม และกลับคืนวันที่สิบสี่ครับ?
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผม
ใบหน้าของผมยังบูดบึ้งเช่นเดิม แต่ก็พยักหน้าตอบรับเขา
ท่าทีของเขาค่อยๆ คลายความตึงเครียดลงทีละนิด เมื่อเห็นใบหน้าเช่นนั้น ช่างเถอะ ผมถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นผมจึงโทรศัพท์ไปที่บ้านเพื่อบอกแม่ว่าถึงแล้ว และแจ้งให้แม่รู้ว่ามีแขกจะมาพักด้วยกะทันหัน แม่ตกใจไม่น้อยแต่ก็ตอบตกลง บ้านในชนบทค่อนข้างกว้างขวาง ดังนั้นเรื่องที่นอนจึงไม่น่ามีปัญหา



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คุณคายาชิมะ นักลงทุนหนุ่มผู้แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร มีคนสวนหนุ่มประจำคฤหาสน์เป็นคู่รักแบบลับๆ ของเขา คุณคายาชิมะแอบตามคนสวนซึ่งเดินทางกลับบ้านเกิดไปทำบุญครบรอบหกปีวันตายของคุณย่า คนสวนจึงจำเป็นต้องให้คุณคายาชิมะนอนค้างที่บ้านเกิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันคนสวนก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเจ้านายผู้นี้ให้คนในครอบครัวได้รับรู้ มีแค่โนริโกะ น้องสาวของคนสวนเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง!? แถมท้ายด้วยเนื้อเรื่องตอนพิเศษที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”