New Release : Don?t Worry Mama series ค้นหัวใจใต้ชุดสูท 1

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Don?t Worry Mama series ค้นหัวใจใต้ชุดสูท 1

โพสต์ โดย Gals »

ถึงฝนจะตกไม่ยอมหยุดหย่อนนับตั้งแต่เข้าเดือนมิถุนายน แต่น่าแปลกที่วันนี้ฟ้ากลับใสกระจ่างตั้งแต่เช้า พระอาทิตย์สาดแสงแผดจ้า ไม่เหลือเค้าของเม็ดฝน ทว่าเมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงกลางวัน เมฆฝนสีเทากลับตั้งเค้ามากขึ้นๆ จนไม่นานก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้า ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นมา ฝนก็เริ่มตกอย่างแรงเสียจนทำให้สงสัยว่าท้องฟ้าไม่พอใจอะไรอยู่หรือเปล่า
ไคทานิ อันนะเดินแหวกช่องว่างของร่มหลากสีสันไปบนทางเท้า โดยอาศัยร่มพลาสติกที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อเพราะไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า เขาเหยียบลงบนแอ่งน้ำจนทำให้ชายกางเกงสแล็คเปียกแต่ก็หาได้สนใจไม่ จากนั้นเลี้ยวตรงหัวมุมและวิ่งขึ้นทางลาดสั้นๆ เผ่นพรวดเข้าไปในตึกบริษัทเครื่องสำอางคาร์วีย์ เมื่อเขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูอัตโนมัติ มันกลับเลื่อนเปิดออกช้ากว่าที่คิดไว้ไปหนึ่งจังหวะ แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแต่ก็พานให้หงุดหงิดเสียจนต้องเดาะลิ้น
ตอนวิ่งเข้าไปในล็อบบี้ เขาสบตากับซาซากุริ ฮิโรมิ สาวประชาสัมพันธ์ตรงบูทที่อยู่ด้านหน้า เธอเอามือป้องปากหัวเราะคิกใส่เขาด้วยกิริยาน่ารักจนเขาเผลอหลบตา ...สภาพรีบร้อนของเขาคงดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย
ลิฟต์จอดที่ชั้นหนึ่งพอดี มันหยุดพักชั่วครู่ตอนเขารีบกระโจนเข้าไป เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พอก้มหน้าลง กระเป๋าที่เปียกเป็นมันวาวกับชายกางเกงเปียกชื้นก็เข้ามากระทบสายตา เขาไม่ได้พกของจำพวกผ้าเช็ดตัว แล้วยังลืมผ้าเช็ดหน้าอีก ช่วงล่างตั้งแต่เข่าลงไปจึงหนาวสุดๆ แต่ก็ทำได้แค่รอให้แห้งไปเอง
เขาขึ้นลิฟต์ที่ชั้นห้า วิ่งเข้าไปในออฟฟิศที่ติดป้ายโลหะ ?ฝ่ายส่งเสริมการขาย? ภายในกว้างขวางแม้ทางเข้าจะแคบ โต๊ะมีอยู่เกือบยี่สิบตัว พวกมันถูกจัดวางให้เหลือทางเดินกว้าง ดูสะดวกสบาย โต๊ะแต่ละตัวมีขนาดใหญ่ มีคอกเตี้ยๆ กั้นอยู่ด้านข้างอย่างเป็นสัดเป็นส่วน เป็นบรรยากาศที่เคารพต่อความเป็นส่วนตัว ไม่ก่อให้เกิดความอึดอัด
โต๊ะของไคทานิซึ่งเข้าบริษัทมาเป็นปีที่สามอยู่ตรงมุมด้านในสุดของออฟฟิศ ใกล้ๆ กันมีตู้เอกสารตั้งอยู่ พอเขาวางกระเป๋าเปียกชื้นลงบนพื้น คุเงะ ริตสึโกะ รุ่นพี่วัยดึกที่อายุมากกว่าแปดปีก็ชะโงกหน้ามองเขาจากโต๊ะฝั่งตรงข้ามผ่านคอกกั้น
?ไคทานิ เธอมาสาย! ประชุมเริ่มตั้งแต่บ่ายสองนะ มันเริ่มไปเรียบร้อยแล้ว?
?ผมทราบครับ?
มือที่ยังชื้นน้ำฝนรวบรวมเอกสารการประชุมที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ
?ไม่น่ารักเลยน้า ถ้าทำท่าทางอวดดีแบบนั้น เดี๋ยวฉันไม่บอกเรื่องที่การประชุมวันนี้ย้ายจากห้องประชุมที่ห้าไปเป็นห้องประชุมที่แปดนะ?
?เอ๊ะ งั้นเหรอครับ?
เขาเงยหน้าขึ้น ในมือยังถือเอกสาร พอสบสายตากัน คุเงะก็หัวเราะออกจมูกหึหึ
?โอซาดะน่าจะแปะเมโมไว้ที่หน้าคอมฯ ให้แล้ว ไม่ได้ดูเลยใช่ไหม เอ้า รีบๆ ไปเถอะ สงสัยหัวหน้าแผนกฟุจิวาระคงกำลังโกรธอยู่แน่?
เขารีบฉวยเอกสารกับอุปกรณ์เครื่องเขียนออกจากออฟฟิศ ลิฟต์ทั้งสองตัวลงไปอยู่ชั้นหนึ่งหมด เขาเลยได้แต่หงุดหงิดที่ต้องรอลิฟต์ แต่ว่าการขึ้นบันไดไปห้องประชุมที่อยู่ชั้นสิบแปดก็เหมือนการฆ่าตัวตายทางอ้อม กว่าเขาจะไปถึงหน้าห้องประชุมที่ชั้นสิบแปดก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงสามสิบนาที เขาหยุดยืนหน้าประตู หลังจากถอนหายใจยาวๆ ระบายความอึดอัดใจแล้วก็จับลูกบิดประตู
?ไคทานิ ฝ่ายส่งเสริมการขายครับ ขอโทษที่มาสายครับ?
เขาโค้งตัวลงต่ำทันทีที่เข้าไป พอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นท่ามกลางความเงียบ สายตาของคนทั้งสิบห้าคนที่นั่งล้อมโต๊ะรูปวงรีซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องประชุมที่มีความกว้างราวสิบสองเสื่อก็พุ่งมาที่เขา จนทำให้เหงื่อซึมออกหน้าผากทั้งที่อากาศไม่ร้อน
เขามองหาเก้าอี้ที่ยังว่าง ก็เห็นเก้าอี้ตัวเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ มันเป็นความซวยอย่างที่สุด เพราะมันคือเก้าอี้ข้าง ?ฟุจิวาระ ยาสุฮิโตะ? หัวหน้าแผนกวางแผนของฝ่ายส่งเสริมการขาย ?แหงะ? บอกตามตรง ในใจของเขานึกอย่างนั้น แต่อย่างไรก็ไม่เหลือที่ว่างตรงอื่นอยู่ดี เขาจึงเดินค้อมตัวเลียบกำแพงไปหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ว่าง กลิ่นน้ำหอมออกหวานที่หัวหน้าแผนกใส่อยู่เสมอลอยอวลขึ้น ทำเอาเขาตัวเกร็งโดยอัตโนมัติ
?...ขอโทษที่มาประชุมนัดสำคัญสายครับ?
เขาขอโทษเจ้านายที่อยู่ข้างๆ เสียงเบา ทว่าฟุจิวาระยังคงจ้องตรงไปข้างหน้า ไม่เหลือบมาทางเขาแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าไม่ทักเขาตอบด้วย ชวนให้หวาดกลัวต่อความโกรธที่แสดงออกถึงระดับ ?เมินอย่างสมบูรณ์แบบ?
เขาเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ เขาสายไปสามสิบนาทีสำหรับการประชุม ทั้งที่หัวข้อหลักของการประชุมวันนี้ คือการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่ฝ่ายพัฒนาสินค้าทำขึ้น ทว่าเขาไม่รู้เลยว่าเรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นไหน ขณะกำลังงุนงงทำตัวไม่ถูก หัวไหล่ของเขาก็โดนจิ้มจากทางขวามือ ไคทานิหันไปมอง เห็นโอซาดะ ยูกะ รุ่นพี่ที่อายุมากกว่าสามปีกำลังจ้องมาตาเขม็ง
?สายไปสามสิบนาที มัวไปทำอะไรมายะ?
อีกฝ่ายดุเขาเสียงเบา
?ขอโทษครับ ผมกลับจากไปทำงานข้างนอกสาย...?
โอซาดะยังขมวดคิ้ว ทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่เลิก
?เรื่องคำแก้ตัวจะไว้ฟังทีหลัง คำอธิบายเรื่องโลชั่นที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่จบไปแล้ว ตอนนี้กำลังแจกแซมเปิลอยู่?
เขารีบหยิบเอกสารที่ถูกแจกขึ้นมา เครื่องสำอางคาร์วีย์ตกลงพัฒนาปรับปรุงซีรี่ส์เครื่องสำอางเพื่อการดูแลตนเองสำหรับผู้ชายที่จะออกวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งไคทานิเป็นสมาชิกทีมฝ่ายส่งเสริมการขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ซีรี่ส์ ?KASHA?
คำเรียกว่าสมาชิกทีมก็ฟังเข้าทีอยู่หรอก ทว่าแม้ไคทานิจะเข้าบริษัทมาเป็นปีที่สามแล้ว ก็ยังให้ความเห็นด้านต่างๆ ในส่วนของเนื้อหาผลิตภัณฑ์ไม่ได้ ตำแหน่งเวลาประชุมก็แค่ ?อยู่? ตรงเก้าอี้ท้ายๆ เขาเองก็พอรู้ตัวว่าไม่ค่อยเป็นประโยชน์ และคนอื่นก็ไม่ได้คาดหวังในตัวเขา แต่ต่อให้สถานการณ์เป็นแบบนั้น เมื่อเขาได้ชื่อว่าเป็นสมาชิกก็จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุม
โดยพื้นฐาน KASHA เป็นรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ของไลน์ CHAPS ที่วางตลาดอยู่ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ CHAPS และ KASHA เป็นแค่การเปลี่ยนชื่อเท่านั้น อื่นๆ ภายในเหมือนกันแทบทุกอย่าง โดยที่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดมีแค่ ?คลีนซิ่ง โลชั่นโกนหนวด และโลชั่นบำรุงผิว? เครื่องสำอางพื้นฐานสำหรับผู้ชายสามตัวนี้ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
ต้นแบบผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งและโลชั่นโกนหนวดได้มีการประกาศ และกำหนดการวางจำหน่ายแล้วในการประชุมร่วมกันครั้งก่อน ทว่าโลชั่นบำรุงผิวยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา การแจ้งเรื่องต้นแบบผลิตภัณฑ์ถึงได้ล่าช้าไปราวหนึ่งเดือน หลังจากกวาดตามองเอกสารแบบคร่าวๆ เขาก็หยิบภาชนะพลาสติกติดเบอร์ 003 ซึ่งถูกส่งมาพร้อมกัน เมื่อเปิดฝาออกแล้วคว่ำขวด ของเหลวข้นที่เป็นสีขาวขุ่นก็ไหลหยดลงบนฝ่ามือ ?อ้าว? เขานึก
โลชั่นบำรุงผิวที่ไคทานิใช้อยู่เป็นประจำ (ต่อให้ปากฉีกก็ไม่กล้าบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น...) จะมีลักษณะบางเบาคล้ายน้ำ เขาเองก็พอรู้ว่าช่วงหลังเครื่องสำอางผู้หญิงจะมีลักษณะแบบนี้ แต่มันก็ถือว่าหายากสำหรับเครื่องสำอางผู้ชาย พอเขาลองทาที่หน้าก็รู้สึกถึงความชุ่มชื้นมากกว่าโลชั่นที่ใช้อยู่หลายเท่า แถมยังไม่เหลือสัมผัสเหนียวหนึบบนผิว และยังมีกลิ่นสมุนไพรหน้าร้อนเป็นเอกลักษณ์
หลังจากเขาปิดฝาแล้วเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ รับรู้ได้ถึงสายตาของทุกคนในที่นั้นจับจ้องมาที่ตัวเอง จะว่าไปตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องประชุม มีใครพูดขึ้นบ้างแล้วหรือยัง เขาคลับคล้ายคลับคลาว่ามันจะเงียบมาตลอด ในเมื่อเป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องต้นแบบผลิตภัณฑ์ ก็น่าจะคุยตอบโต้กันคึกคักว่านี้
?ไคทานิคุง?
หลังของเขายืดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเจ้านายที่ไม่แม้แต่จะหันมองเรียกชื่อ ดวงตายาวเรียวที่พวกพนักงานหญิงต่างลงความเห็นว่า ?แฝงแววเฉื่อยชา? กำลังมองมาที่เขาผ่านบรรยากาศกดดัน ด้วยความเย็นชาติดลบร้อยองศา
?คะ ครับ?
กระทั่งเสียงยังเผลอขึ้นสูงเพราะความเครียด
?ลองบอกความเห็นของเธอต่อ 003 มาตามตรงหน่อย?
ถึงอีกฝ่ายบอกให้เขาพูดความเห็นก็เถอะ แต่เขาไม่ได้ฟังรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ แถมเพิ่งได้จับของเดี๋ยวนี้เอง ไม่มีเวลาให้คิดหรือนึกหาข้อสรุป ทว่าเขาก็เอ่ยปากเมื่อถูกกดดันด้วยบรรยากาศว่าจำเป็นต้องพูดอะไรสักอย่าง
?เอ่อ คือว่า...ผมว่าก็ดีนะครับ?
เขาตอบอึกๆ อักๆ
?ช่วยตอบเป็นรูปธรรมหน่อยครับ ว่าดีตรงไหน?
พอถูกสวนกลับมา เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลอาบหลัง คอแห้งผาก รู้สึกเหมือนตัวเองโดนมองทะลุว่าแค่หาเรื่องพูดไปแบบลวกๆ
?ผมว่ามันดูน่าสนใจดี คล้ายกับของผู้หญิง ให้เนื้อสัมผัสแบบที่เจ้าอื่นไม่มี...?
?หึ? เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นก่อนจะฟังจนจบ ฟุจิวาระหันไปถามคนอื่น ?โอซาดะซัง คุณคิดว่าโลชั่นนี้เป็นอย่างไรครับ?
?นั่นสินะคะ...?
โอซาดะหยิบภาชนะของผลิตภัณฑ์ขึ้น พลางเอียงคอน้อยๆ
?โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบเนื้อโลชั่นที่เป็นแบบนี้ค่ะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าในฐานะเครื่องสำอางผู้ชายแล้ว มันจะได้รับการยอมรับหรือเปล่า ในเมื่อตามข้อมูล ผู้ชายมีแนวโน้มชอบเครื่องสำอางแบบเบาสบายให้ความรู้สึกสดชื่น?
?ทางเราเข้าใจผลของแบบสำรวจทางการตลาดครับ?
คนที่เอ่ยเรื่องนั้นคือ ฮิงาชิยามะ ยูอิจิ แห่ง ?ฝ่ายพัฒนาสินค้า? เมื่อก่อนไคทานิเคยทำงานร่วมกับเขาตอนอยู่ในทีมสายเครื่องสำอางบำรุงผิวสำหรับผู้หญิง ฮิงาชิยามะเคยเป็นพนักงานของบริษัทผลิตยา เลยรู้เรื่องของสมุนไพรตะวันออกและฤทธิ์ของมันโดยละเอียด ถึงแม้จะเข้าร่วมทีมมากลางคัน แต่ไม่ถึงหนึ่งปีก็แสดงความสามารถจนกลายเป็นดาวเด่นของฝ่ายพัฒนาสินค้า แล้วยังมีความใส่ใจต่องานที่รับผิดชอบสูง เป็นลูกพี่ที่น่าพึ่งพิง แถมยังเป็นคนง่ายๆ ใจกว้าง ถึงหล่อแต่ก็ไม่ได้โอ้อวดเรื่องนั้นเลยสักนิด ขนาดเขาที่อยู่คนละแผนกยังเคยคิดว่า ?ถ้าคนแบบนี้มาเป็นหัวหน้าก็คงดีหรอก? อีกฝ่ายคอยช่วยเหลือเขาหลายๆ เรื่อง หลังจากยุบทีมวิจัย พวกเขาเลยกลายเป็นเพื่อนออกไปกินข้าวด้วยกันเป็นบางครั้ง อีกฝ่ายให้ความรู้สึกที่สนิทสนมง่ายกว่าเจ้านายสายแมวเหมียวไฮโซประเภทจ้องแต่จะงาบอาหารกระป๋องราคาแพง แถมตัวยังโชยฟุ้งไปด้วยน้ำหอมกลิ่นหวานๆ และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้เหนื่อยใจ
?แต่เป็นเพราะมีผลสำรวจออกมาแบบนั้น ครั้งนี้เราถึงเลือกทำเนื้อครีมให้เป็นแบบนี้ เพื่อจะได้เกิดการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น เราเพิ่มความเหนียวแต่มันก็ทำให้ความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ปกติ?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระหรี่ตาลงข้างหนึ่ง เอียงคอน้อยๆ และใช้มือขวาที่งอลงนิดหน่อยทาบแก้ม
?ผมคิดว่าต่อจากนี้ โลชั่นของผู้ชายควรเน้นเรื่อง ?ประสิทธิภาพ? ไม่ใช่แค่เรื่อง ?ความรู้สึกสบายเวลาใช้? ปัญหาผิวหนังอันดับหนึ่งของผู้ชายตั้งแต่วัยสิบห้าไปจนถึงช่วงวัยยี่สิบซึ่งเป็นเป้าหมายในครั้งนี้คือเรื่องสิว และปัญหาหลักที่ทำให้เกิดสิว ก็คือแบคทีเรียและความแห้งของผิว ตามผลสำรวจที่ได้ พบว่าบ่อยครั้งที่สิวไม่ลดน้อยลง แม้จะไม่ได้ว่างเว้นจากการล้างหน้า พอล้างหน้าบ่อยเกินไป ก็พลอยล้างความชุ่มชื้นที่จำเป็นทิ้งไปด้วย จึงไปกระตุ้นให้ยิ่งขับไขมันส่วนเกินออกมา เราถึงอยากเน้นตรงจุดนั้น เพื่อควบคุมการขับไขมันและรักษาความชุ่มชื้นให้อยู่ในระดับพอเหมาะ ถึงได้ผสมส่วนประกอบที่ช่วยดูดไขมันไว้?
เขาหยิบโลชั่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากฟังคำพูดยืดยาวของฮิงาชิยามะ ถ้าหากว่ามีเป้าหมายอย่างนั้น เขาก็ยอมรับเนื้อครีมที่ให้สัมผัสเหนียวหนึบแบบนี้ได้ ถึงตอนแรกจะรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่มันก็ชวนให้คิดว่า...สินค้าตัวนี้ล่ะ ดีแล้ว
?ถ้าหากจะให้ผมพูดจากบทสรุป...?
หลังจากพูดทิ้งช่วงสั้นๆ หัวหน้าแผนกฟุจิวาระก็เปิดปาก
?ในฐานะของฝ่ายส่งเสริมการขาย ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้ผลิตภัณฑ์นี้ออกวางขาย?
คนรอบๆ ที่เงียบในตอนแรกเริ่มส่งเสียงเอะอะ คนฝ่ายพัฒนาสินค้าหันมองกันเอง ต่างคนต่างมีสีหน้าไม่พอใจ
?มีตรงไหนที่ไม่ดีเหรอคะ?
ทาคานางะ ฮิโรเอะ หัวหน้าแผนกของฝ่ายพัฒนาสินค้าถามด้วยเสียงราบเรียบ เธอเป็นสาวโสดอายุสี่สิบหกปี ผู้อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างให้กับการวิจัย เธอมีผิวสวยที่ไร้รอยเหี่ยวย่นแม้ก้าวล่วงสู่วัยกลางคน เขาเคยได้ยินเธอถูกเรียกในฝ่ายพัฒนาสินค้าว่า ?God skin?
?ผลิตภัณฑ์นี้ต่ำกว่าความคาดหวังของผม?
งึด หัวคิ้วของทาคานางะขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ เกิดสายฟ้าประกายแปลบปลาบที่ไม่น่าจะมองเห็นระหว่างคนทั้งคู่ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ความตึงเครียดจนน่าอึดอัดหายใจไม่ออกทำให้ไคทานิต้องลอบกลืนน้ำลาย
?ฝ่ายพัฒนาสินค้าขอยืนยันว่า ในด้านโลชั่น มันเป็นผลงานที่ดีสุดเท่าที่มีในช่วงเวลานี้?
จากสีหน้าของทาคานางะที่กล่าวสรุปโดยไม่ลังเล สะท้อนถึงความมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์เหนือธรรมดา
?โลชั่นในครั้งนี้มีส่วนพื้นฐานแตกต่างจากสินค้าที่ผ่านมา ถึงในด้านรูปแบบจะถือว่ามันเป็น ?โลชั่น? แต่ก็ควบคู่มากับผลลัพธ์ตามสายเครื่องสำอางผู้หญิง โดยมีประสิทธิภาพสามแบบ นั่นคือ ?โลชั่น เซรั่ม โทนเนอร์? ถ้าหากใช้งานจริงจะยิ่งเห็นความแตกต่างจุดนี้ได้ชัด?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระนั่งเก้าอี้ลึกขึ้น ฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าเฉื่อยชาเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่า ?ไม่สนใจ? ขนาดมองจากด้านข้างยังรู้สึกแย่
?ผมไม่เถียงเรื่อง ?ประสิทธิภาพ? ที่หัวหน้าแผนกทาคานางะพูดถึง แต่ถึงอย่างไรผลิตภัณฑ์นี้ก็เป็นของใช้ไม่ได้อยู่ดี?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระใช้ปลายนิ้วคีบภาชนะที่ปิดป้าย ?003? ซึ่งใส่ผลงานทดลองไว้แล้วส่ายหน้า ของเหลวซึ่งมีความเหนียวโดนเขย่าเบาๆ ในขวดทรงใส
?สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างแรกเลย คือ ?เรื่องกลิ่น? ถึงเป็นโลชั่นเนื้อดีแค่ไหน แต่ถ้าเป็นผม ผมคงไม่อยากใช้ของกลิ่นเหม็นเขียวแบบนี้ ในบรรดาคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเครื่องสำอางผู้ชาย มีคนที่สนกลิ่นหอมอยู่เยอะ แม้กระทั่งผลตามแบบสำรวจ หกสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา หรือที่ถูกควรบอกว่าเป็นผู้ที่ใช้งานอยู่แล้ว ก็สนใจเรื่องกลิ่นหอม ถ้าหากนำกลิ่นนี้ไปเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม คงทำให้ความต้องการซื้อของผู้บริโภคลดลง?
ตึง ฮิงาชิยามะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง แทบทำให้เก้าอี้ล้ม
?เราจะพิจารณาเรื่องกลิ่นค่ะ แต่ว่าผลิตภัณฑ์นี้...?
?ปัญหาอย่างที่สอง ก็คือเนื้อครีม?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระเปิดฝาขวดออกขณะเอ่ยเสียงเรียบ พอคว่ำลง ของเหลวเหนียวข้นสีขาวก็หยดลงบนฝ่ามือ
?มันเหนอะหนะมากเกินไป?
?ดิฉันบอกเรื่องเหตุผลที่ทำเนื้อครีมออกมาเป็นแบบนี้แล้ว คุณได้สัมผัสจริงๆ แล้วก็น่าจะพอรู้ว่าความรู้สึกเหนอะหนะจะเกิดขึ้นแค่ในช่วงแรกที่ทา หลังเวลาผ่านไปมันจะซึมเข้าผิวหนังอย่างรวดเร็วทำให้ผิวแห้งสบาย?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระหรี่ตาแล้วส่ายหน้าอีก
?นี่เป็น ?เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย? ไม่ใช่ ?สำหรับผู้หญิง? ครับ ถ้าเป็นของผู้หญิง เนื้อครีมแบบนี้ถือว่า ?ใช้ได้? แต่ไม่ใช่สำหรับของผู้ชาย?
?เราทราบเรื่องนั้นค่ะ แต่ก็เพราะอย่างนั้น...?
?ถ้าทราบแล้วก็ทำตามนั้นสิครับ สิ่งที่ผมต้องการคือ ของที่ขายได้ ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพแค่ครึ่งเดียว ไม่ใช่ของที่มีประสิทธิภาพแต่ขายไม่ออก อย่างไรนี่ก็เป็นธุรกิจ ช่วยขจัดสิ่งที่เป็นผลเสียต่อการขายทิ้งไปให้หมดด้วยครับ?
เขามองเห็นฮิงาชิยามะกัดฟันกรอด
?ผลงานทดลองในครั้งนี้เป็นอันตกไป การประชุมขอให้จบลงเพียงแค่นี้ หวังว่าครั้งหน้าคงมีอะไรก้าวหน้านะครับ?
หัวหน้าแผนกฟุจิวาระรีบรวบรวมเอกสารบนโต๊ะ ล่วงหน้าออกไปจากห้องประชุมก่อน โอซาดะและสมาชิกของฝ่ายส่งเสริมการขายคนอื่นรีบไล่ตามอีกฝ่ายไป เขาเองก็รู้ว่าควรจะรีบตามไป แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าคงไม่ค่อยดีนักที่มาทีหลังคนอื่นแล้วยังรีบออกไปก่อนอีก เพราะมัวแต่คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถูกสายตาเย็นชาของสตาฟฟ์ฝ่ายพัฒนาสินค้าที่เหลืออยู่ทั้งเก้าคนสาดซัดมาเป็นกระสุน
?ฝ่ายส่งเสริมการขายเนี่ย เอะอะอะไรก็เอาแต่ยอดขายๆ นะ?
สตาฟฟ์ที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาพูดเหวี่ยงเสียงดัง
?รู้ไหมว่ากว่าจะทำโลชั่นนั้นเสร็จได้ พวกเราต้องลำบากแล้วก็ใช้เวลานานแค่ไหน ไม่ใช่แค่วันหรือสองวันนะ แต่เป็นครึ่งปี ครึ่งปี! ?กลิ่นไม่ดี? ?เนื้อครีมใช้ไม่ได้? แล้วสุดท้ายยังมาพูด ?ถึงประสิทธิภาพน้อย แต่เป็นของขายได้? งั้นเหรอ ไม่ตลกเลยนะ?
?ขะ ขอโทษครับ แต่ในความคิดผมก็ว่ามันดีมากๆ นะครับ...?
ไคทานิก้มหน้า โค้งตัวลง
?พอเถอะ ตำหนิคนคนเดียวไปก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ แล้วอีกอย่างก็เป็นเพราะทางเรายังมีช่องโหว่ให้ปรับปรุงด้วย
คนที่ปกป้องเขาเป็นฮิงาชิยามะไม่ใช่ใครอื่นเลย
?เราอยากสร้างอิมเมจในเรื่องกลิ่นให้เป็นแบบโอเรียนทัล เลยทำโลชั่นให้มีกลิ่นค่อนข้างแรง แต่มันอาจไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ที่ชอบกลิ่นหอมอย่างที่หัวหน้าแผนกฟุจิวาระพูดก็ได้ ถ้าลดกลิ่นลงหน่อยอาจจะดีกว่า?
สมาชิกของฝ่ายพัฒนาสินค้านิ่งเงียบ ทาคานางะ หัวหน้าแผนกของฝ่ายพัฒนาสินค้าที่เงียบมาตลอดจึงลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆ เอ่ยปาก
?พอโดนตอกหน้าเรื่อง ?ยอดขาย? มาตรงๆ มันน่าหงุดหงิดนะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงว่าถ้าของขายไม่ได้ ก็ไม่มีเงินเดือนให้พวกเรา หัวหน้าแผนกฟุจิวาระเป็นมือโปรด้านมาร์เก็ตติ้ง การที่เขาคัดค้านก็แปลว่าต้องมีที่มาที่ไปพอสมควร จากนี้เราคงต้องหาทางลงรอยด้วยการประนีประนอมสักทาง ก่อนอื่นพวกเรากลับไปมีตติ้งกันเถอะ?
คนของฝ่ายพัฒนาสินค้าค่อยๆ ออกจากห้องประชุมไปทีละคน สภาพในสถานที่นั้นจึงกลับมาสงบอีกครั้ง พลอยให้ร่างที่แข็งเกร็งผ่อนคลายลง เขาหันกลับไปเมื่อมีคนมาตบไหล่ แล้วก็เห็นฮิงาชิยามะยืนอยู่ข้างๆ
?ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีนะ?
เขาส่ายหน้าอย่างแรงเมื่ออีกฝ่ายขอโทษด้วยท่าทางรู้สึกผิด
?ไม่เป็นไรครับ ผมเก่งเรื่องรับฟังคำบ่น อีกอย่างผมก็พอเข้าใจความรู้สึกอยากบ่นของคนฝ่ายพัฒนาสินค้าครับ วิธีพูดของหัวหน้าแผนกฟุจิวาระก็แรงด้วย แต่ผมว่าโลชั่นคราวนี้ดีเลยนะครับ ถึงความเห็นของผมจะไม่ค่อยถูกนำมาใช้อ้างอิงก็เถอะ ไว้กลับไปแล้ว ผมจะลองผลักดันกับหัวหน้าแผนกอีกรอบครับ?
?นายไม่จำเป็นต้องลำบากหรอก? ฮิงาชิยามะยิ้มให้หน้าเจื่อนๆ
?ทางเราก็ยังเหลือจุดให้ปรับปรุงเพิ่ม อีกอย่างหัวหน้าแผนกฟุจิวาระก็มีผลงานดี ถ้าในสายตาของเขาเห็นว่ามันใช้ไม่ได้ มันก็คงมีปัญหาตรงไหนสักแห่งจริงๆ?
แม้สีหน้าจะบ่งบอกถึงความเสียดาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มปลอบไคทานิ พอมองไปรอบๆ ก็พบว่าคนของฝ่ายพัฒนาสินค้าออกไปกันหมดแล้ว ในห้องประชุมเหลือพวกเขาเพียงแค่สองคนเท่านั้น
?ไว้มีเวลาว่างเมื่อไรไปดื่มด้วยกันอีกสิ เห็นอิมาคุระซังบอกว่าไปเจอร้านที่มีไวน์ขาวอร่อยๆ เลยอยากให้ไคทานิได้ดื่มด้วย?
อิมาคุระเป็นบริกรของร้านอาหารที่ไคทานิรู้จักผ่านฮิงาชิยามะ เขาอยากเป็นซอมเมอลิเยร์เลยรู้เรื่องไวน์ละเอียด หลังจากที่ทราบว่าไคทานิชอบไวน์ขาว เขาก็บอกข้อมูลไวน์ขาวอร่อยๆ มาให้เสมอ เขาอายุเท่ากับหัวหน้าแผนกฟุจิวาระซึ่งก็เท่ากับว่ามากกว่าไคทานิ แต่ด้วยความเป็นคนตัวเล็กหน้าอ่อน ดูเผินๆ แล้วแทบมองผิดเป็นเด็ก ม.ปลาย
?จริงเหรอครับ บอกผมได้ตลอดนะครับ ผมหาเวลาว่างได้เสมออยู่แล้ว?
ฮิงาชิยามะยิ้มให้ด้วยท่าทางขำๆ ก่อนบอก ?ขอตัวก่อนนะ? แล้วออกจากห้องประชุมไป ไคทานิซึ่งเหลือเป็นคนสุดท้ายพลิกแผ่นป้ายตรงประตูจาก ?กำลังใช้งาน? เป็น ?ห้องว่าง? แล้วจึงลงลิฟต์
เขาคิดตอนลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนลง...ทำไมโลชั่นตัวนั้นถึงใช้ไม่ได้นะ ถึงเนื้อครีมที่ให้สัมผัสเหนอะหนะจะดูแปลก แต่ถ้ามันเป็นของที่ใช้แล้วดี เขาก็อยากลองใช้ เรื่องที่ว่ามันเป็นของใช้ไม่ได้ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของหัวหน้าแผนกฟุจิวาระ เป็นแค่การคิดไปเองคนเดียวไม่ใช่เหรอ เขานึกสรุปเอาแบบนั้นตอนที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นห้า
ตอนกลับมาถึงโต๊ะในออฟฟิศ ?ไคทานิคุง? เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นก่อนเขาจะได้หย่อนก้นลงชั่วพริบตา เสียงนั้นค่อนข้างต่ำแต่ดังกังวาน เขาหันกลับไป มองเห็นหัวหน้าแผนกฟุจิวาระเอามือทาบแก้มเท้าโต๊ะ สายตาจ้องเขม็งมาทางเขา เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขณะก้าวไปหาโต๊ะกว้างที่อยู่ติดหน้าต่างอย่างเชื่องช้า
กลิ่นหวานๆ โชยฟุ้งเมื่อเขามาหยุดยืนหน้าโต๊ะ มันเป็นกลิ่นหอมพิเศษที่ไม่รู้ชื่อหรือที่มาของน้ำหอม เพราะหัวหน้าฟุจิวาระไม่เคยบอกใคร ในหมู่พนักงานหญิงเลยถือว่ามันเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของบริษัท ตอนนี้สมมติฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือ มันอาจจะเป็น ?ฟุจิวาระสูตรออริจินัล? ที่ให้นักผสมน้ำหอมผสมให้เป็นพิเศษ
ในหมู่พนักงานหญิง มีบางคนเคยบอกว่า ?ใจเต้นตึกตักเวลาได้กลิ่นนั้น? แต่สำหรับไคทานิ มันกลับเข้าอีหรอบเดียวกับเพลงประกอบภาพยนตร์ฉลามในสมัยก่อนเรื่อง ?จอวส์? หลังจากเขาเรียนจบแล้วมาประจำอยู่ฝ่ายส่งเสริมการขายสามปี ถึงแม้ว่าจะไม่น่าอวดที่ไม่เคยถูกอีกฝ่ายโกรธ แต่เขาก็ไม่เคยถูกชมเชยด้วยเช่นกัน ดังนั้นเวลาได้กลิ่นนั้นใกล้ๆ = ตอนที่หัวหน้าแผนกเรียกให้ไปหา ซึ่งก็มาจาก ?การตำหนิ? เท่านั้น
ฟุจิวาระ ยาสุฮิโตะเป็นหัวหน้าแผนกวางแผนของฝ่ายส่งเสริมการขายด้วยวัยสามสิบสองปี เขาเป็นคนมีชื่อเสียงภายในบริษัทในหลายๆ ความหมาย เป็นคนที่แตกต่างจากคนวัยเดียวกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งแรกเลยก็คือรูปร่างหน้าตา มันช่างได้สัดส่วนลงตัวเสียจนเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยใจ ทั้งศีรษะเล็ก เรือนร่างสูง ถึงแม้จะดูผอมบาง แต่ร่างกายก็ตึงแน่นมีกล้ามเนื้อ เรื่องนั้นเห็นได้ชัดแม้อยู่ในชุดสูท ใบหน้าเรียว จมูกโด่ง ดวงตาเรียวยาวแฝงแววโศกอยู่เสมอ ถึงขั้นมีข่าวลือว่าเคยเป็นนายแบบเครื่องสำอางผู้ชายของบริษัทพวกเขาเมื่อหลายปีก่อน ถึงไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใดก็เถอะ
เส้นผมที่ออกยาวเล็กน้อยถูกเซตเป็นทรงอยู่เสมอจึงดูเรียบร้อย ชุดสูทเองก็ไม่ใช่ของสำเร็จรูปในร้านขายเสื้อผ้าปลีก แต่เป็นสไตล์ในฝันของ ?ชายรูปหล่อ? ที่ถูกแนะนำในนิตยสารแฟชั่น ถ้าหากเจอในเมืองก็คงโดนมองด้วยสายตาอิจฉาทำนองว่า ?แบบนี้ล่ะ ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่? ?ฉันเองก็อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง? แต่ว่าพอคนแบบ ?The โคตรหล่อ? ตัวเป็นๆ มาอยู่ใกล้ๆ มันก็ชวนให้เอียนจัด ดูแตกต่างยากจะเข้าหา ไม่ทำให้อยากเข้าใกล้ ถึงนี่อาจจะเป็นแค่ความอิจฉาที่มีต่อคนเก่งก็เถอะ...
ถ้าเป็นคนหล่อ มีรสนิยมเรื่องเสื้อผ้า ใส่เครื่องประดับดูเรียบร้อยสวยงาม แล้วยังมีบรรยากาศอมโศกแตกต่างจากคนอื่นเป็นพิเศษ ก็ไม่มีทางเสียล่ะที่ผู้หญิงจะปล่อยผ่าน ฟุจิวาระมักเป็นข่าวกับใครสักคนในบริษัท แล้วพอผ่านไปไม่นานราวสามเดือนถึงครึ่งปี มันก็หมุนเวียนเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขากินผู้หญิงหลากหลายสไตล์เป็นของว่าง คนรอบข้างต่างก็ยอมรับกันว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ความจริงในเมื่อเขามีความสัมพันธ์เรื่องผู้หญิงมากหน้าหลายตา ก็น่าจะถูกพวกผู้หญิงในบริษัทหลีกเลี่ยง แต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้หญิงที่อยากคบด้วยไม่ขาดสาย
สาเหตุมาจากฟุจิวาระไม่ได้มีดีแค่หน้า แต่ยังเป็นคนทำงานเก่งด้วย จนถึงทุกวันนี้งานชิ้นไหนที่ผ่านมือเขาจะไม่มีคำว่า ?ล้มเหลว? ถึงมีเรื่องฮิตมากฮิตน้อยอยู่บ้าง แต่จะได้ยอดขายระดับหนึ่งอย่างแน่นอน เบื้องบนถึงให้ความเชื่อมั่นในตัวเขาสูงจนถึงขนาดมีคำบอกว่า ?ถ้าไม่ได้คำว่า OK จากฟุจิวาระของฝ่ายส่งเสริมการขาย สินค้าก็ไม่มีทางฮิต? ตอนเขาเข้าบริษัทมาใหม่ๆ ยังเคยประทับใจจากใจจริง ?เป็นหัวหน้าแผนกตั้งแต่วัยยี่สิบเหรอ เก่งจริงๆ? แต่ช่วงหลังไคทานิก็อดตั้งคำถามต่อวิธีการทำงานของอีกฝ่ายไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมทีมทำงานกับอีกฝ่ายมาแล้วสองครั้ง และสิ่งที่เขาได้รู้ก็คือ วิธีการของฟุจิวาระจะเน้นเฉพาะเรื่องการตลาดอย่างเดียว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ สิ่งที่เป็นที่ชื่นชอบจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง นอกเหนือจากนั้นเป็นอันปัดทิ้งไป ไม่ว่าฝ่ายพัฒนาสินค้าจะเสนอไอเดียแบบใหม่มากแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่ตรงกับแบบสอบถามของผู้บริโภคและข้อมูลของยอดขายในอดีตจะถูกตัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
เขาถึงขนาดเคยรู้สึกว่า พอทำงานกับฟุจิวาระแล้ว เหมือนตัวเองเป็นเครื่องจักรที่ทำงานไปตามสิ่งที่เรียกว่าข้อมูล ทั้งที่เคยคิดว่าการทำสิ่งของขึ้นมาสักอย่าง...น่าจะเป็นการกระทำที่แฝงกลิ่นอายมนุษย์มากกว่านี้ อย่างเช่น ให้ความรู้สึกสมัครสมานสามัคคีและความสำเร็จ เหมือนอย่างตอนงานออกร้านของห้องเรียนในงานโรงเรียน แต่พอทำงานกับฟุจิวาระแล้ว สิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีกลับแบ่งแยกด้วย ?ขายได้? กับ ?ขายไม่ได้? แค่สองอย่างเท่านั้น ความรู้สึกส่วนตัวกับความตั้งใจกลายเป็นเพียงส่วนเกินที่ถูกกำจัดทิ้ง
ถ้าเปรียบเทียบกัน คุเงะที่เกือบจะเป็นรุ่นเดียวกับฟุจิวาระกลับมีวิธีทำงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของมนุษย์ เพราะฉะนั้นเขาเลยชอบที่จะทำงานกับคุเงะ แต่เขาเป็นพวกอ่อนหัด มีความสามารถอยู่น้อยนิด เลยไม่มีสิทธิ์เลือกเจ้านาย
?ประชุมน่าจะจบไปสิบห้านาทีแล้ว มัวไปทำอะไรอยู่?
เสียงทุ้มต่ำออกเคร่งเครียด ดวงตาเฉื่อยชาที่มองมาทางเขาแฝงแววตำหนิ ?มาประชุมสายไม่พอ ยังโดดงานอีก หน้าด้านมากนะ?
?ผมคุยเรื่องต้นแบบผลิตภัณฑ์กับคนของฝ่ายพัฒนาสินค้ามาครับ?
ถึงแก้ตัวเรื่องมาสายไม่ได้ แต่เรื่องที่เขาคุยงานหลังการประชุมก็เป็นเรื่องจริง อย่างน้อยเลยอยากแก้ไขความเข้าใจผิดเรื่องนั้น ต่อให้ตัวเองต้องโดนตำหนิเอาฝ่ายเดียวก็เถอะ... ฟุจิวาระลูบผมด้านข้างที่ไม่ยุ่งเหยิงแม้แต่น้อยด้วยกิริยาเชื่องช้า
?ผลงานทดลองตัวนั้นโดนปฏิเสธไปแล้ว ไม่เห็นมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยอีก?
?แต่ว่าทางนั้นเขาก็มีปัญหาทางด้านจิตใจนะครับ ในเมื่อพวกเขาอุตส่าห์พยายามทำมันขึ้นมา?
ฟุจิวาระหัวเราะขึ้นจมูก
?ไคทานิคุง นี่เป็นธุรกิจนะ มันเป็นงานของฝ่ายพัฒนาสินค้าที่จะปรับปรุงของที่ผลิตขึ้นมาแล้วขายไม่ได้ให้ขายได้ ไม่ต้องไปเห็นอกเห็นใจเกินความจำเป็นหรอก อีกอย่างเธอก็ยังมีงานที่ต้องทำ ไม่น่ามีเวลาเหลือเฟือไปสงสารคนอื่นนะ?
ความหงุดหงิดก่อเค้าเมื่อโดนหัวเราะเยาะผสมกับคำพูดตอกหน้าว่าไม่มีเวลา ไคทานิคิดว่าต่อให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ คนน่ารังเกียจที่เหมือนเครื่องจักรซึ่งถูกป้อนข้อมูลก็คงไม่ยอมรับฟังแบบจริงจัง ?...เข้าใจแล้วครับ? เขาเลยได้แต่ก้มหน้าขอโทษ หัวหน้าแผนกฟุจิวาระเอามือทาบแก้ม ถอนหายใจแผ่วเบา
?ช่วยติดต่อสมาชิกของฝ่ายพัฒนาสินค้าด้วย ว่าประชุมคราวหน้าจะเริ่มตั้งแต่เวลาบ่ายโมง วันอังคารที่ 12 เดือนกรกฎาคม?
เขาเตรียมกลับไปโต๊ะหลังก้มหัวลงในระดับที่แสดงความหมายขอโทษ ทว่าอีกฝ่ายยังเอ่ยไม่จบ ?แล้วก็...? นี่ยังมีเรื่องให้พูดอีกเหรอ...ในใจของเขานึกเบื่อหน่ายพลางหันกลับมา
?ฉันติดใจตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องประชุมแล้ว ปลายแขนชุดสูทของเธอเลอะอยู่นะ?
พอเขารีบยกแขนขวาขึ้นก็โดนเตือนด้วยเสียงนิ่งเรียบ ?ซ้าย? เขายกแขนเสื้อขึ้นดู ก็เห็นบางอย่างที่เป็นสีน้ำตาลอ่อนเลอะอยู่ กลิ่นหอมหวานโชยขึ้นเมื่อเอาหน้าเข้าไปใกล้ กลางวันนี้เขากินโอโคโนมิยากิช่วงที่ออกไปทำงานข้างนอก มันคงจะเลอะตอนนั้น รอยเลอะดูเด่นมาก ทว่าเพราะอยู่ด้านนอกก็เลยทำให้มองไม่เห็น เขาจึงไม่ทันสังเกตจนกระทั่งโดนเตือน
?มีเสื้อนอกสำหรับเปลี่ยนไหม?
ไคทานิกะพริบตาปริบๆ ทั้งที่ปากยังอ้าค้าง ...ปกติคงไม่มีใครเอาชุดสูทสำรองไว้ที่บริษัทหรอก เขาตอบคำถามขณะสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ถามเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กัน ?ไม่มีครับ?
?มีกำหนดการจะออกไปข้างนอกหลังจากนี้ไหม??
?ไม่มีครับ หลักๆ เป็นงานสำนักงาน...?
ฟุจิวาระนั่งเก้าอี้ให้ลึกกว่าเดิม ตั้งศอกบนโต๊ะ ประสานมือเข้าหากัน
?ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก เรื่องวันนี้ฉันจะมองผ่านให้ แต่ว่าฉันก็ติดใจมานานแล้วเรื่องที่เธอน่าจะเป็นพวกขาดความเอาใจใส่ อย่างชายกางเกงสแล็คของเมื่อวานซืนก็เลอะ ถ้าเป็นคนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ ?ความงาม? ก็ควรใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกแม้แต่ในส่วนเล็กๆ น้อยๆ ถ้ารู้ตัวว่าชอบทำเสื้อผ้าเลอะ ก็น่าจะทิ้งสูทสักตัวไว้ที่บริษัท เธอคิดว่าเรามีล็อกเกอร์ส่วนตัวอันใหญ่ไว้ทำไม ไม่ได้เอาไว้ใช้เก็บเอกสารที่ไม่ได้ใช้แล้วหรอกนะ?
เขาโดนตักเตือนด้วยเสียงดังให้คนรอบๆ พลอยได้ยินด้วย เหมือนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู มีสตาฟฟ์บางคนหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น หน้าที่ก้มลงนิดๆ แดงซ่านด้วยความกระอักกระอ่วนและความอาย เขาเคยอยู่ชมรมเบสบอลสมัย ม.ปลาย กับมหา?ลัย ใช้ชีวิตในเสื้อยืดและกางเกงยีนตลอดทั้งปี ผมเองก็ตัดสั้นจนเกือบเหมือนพระ ห่างไกลกับคำว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือการแต่งตัว ไม่เคยสัมผัสกับของจำพวกเครื่องสำอางมาก่อนด้วยซ้ำ
เขามุ่งมั่นอยู่กับกิจกรรมชมรมมากเกินจนไม่ได้ทำเรื่องหางาน พอได้ฟังเพื่อนๆ รอบตัวคุยเรื่องได้งานก่อนเรียนจบแล้วถึงค่อยสำนึกตัวได้ว่าตัวเองออกสตาร์ทช้าไป งานกิจการอุตสาหกรรมที่เคยคิดว่าเข้าท่าก็ไม่เหลือแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการทำตามความคิดง่ายๆ ว่าค่อยหางานใหม่ปีหน้า พอถึงช่วงเรียนจบเลยให้คุณอาช่วยใช้เส้นสายยัดเข้ามาในบริษัทเครื่องสำอางคาร์วีย์
เขาไม่สนใจเรื่องเครื่องสำอาง แล้วก็ไม่ใช่พวกทำงานเก่ง แต่เขาก็ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างจริงจัง ไม่นึกเลยว่าจะต้องถูกต่อว่าด้วยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องเลยอย่างเรื่องเสื้อผ้า



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไคทานิผู้ซึ่งใช้ชีวิตช่วงวัยเรียนห่างไกลจากการใส่ใจดูแลรูปลักษณ์ เข้าทำงานในบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่เป็นปีที่สาม โดยมีฟุจิวาระ ชายรูปงามผู้ใส่น้ำหอมกลิ่นฟุ้งเป็นเจ้านาย ฟุจิวาระเป็นคนทำงานเก่ง มีผู้หญิงอยากคบหาเป็นแฟนด้วยเสียจนนับไม่ถ้วน ทว่าไคทานิกลับมองอีกฝ่ายเป็นเพียงชายน่ารังเกียจ ชอบดูถูกคน แถมเขายังต้องประจันหน้ากับอีกฝ่ายเพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับผู้ชายตัวใหม่ที่กำลังจะออกวางจำหน่าย และในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินมาว่าฟุจิวาระจะไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออกเด็ดขาดแม้แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนรัก...!? พร้อมด้วยเรื่องสั้นตอนพิเศษของ ?Don?t Worry Mama? ภายในเล่ม!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”