คำพยากรณ์
ร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก้าวเท้าไวๆ จากรถคันหรูของตัวเอง ขึ้นบันไดหน้าเดินเข้าสู่คฤหาสน์หรู อากาศที่ร้อนจัดทำให้ชายหนุ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น มือใหญ่ปลดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตของตัวเอง กำลังจะพาตัวเองเลี้ยวไปยังห้องทำงานกลับต้องชะงักเท้าเมื่อถูกเรียก
?คุณรอสฮานครับ แม่เฒ่าดอนย่าอยากพบคุณครับ?
?ตอนนี้น่ะเหรอซาเล็ม?
?ครับ เอ่อ...เรื่องคำสาปของบาห์เร็ม?
?คำสาปหรือ? ฉันรู้สึกเกลียดเวลาได้ยินคำนี้นะซาเล็ม?
?ทายาทตระกูลนี้กลัวสิ่งนี้กันทุกคนเลยนะครับ ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณ?
รอสฮานยกมุมปากขึ้นยิ้มขำ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเชื่อเรื่องคำสาป เรื่องเหนือธรรมชาติมาก่อน ทว่าแม่เฒ่าดอนย่าได้พิสูจน์ให้เขาเห็นหลายครั้ง ทั้งในตอนที่ราฟิค...พี่ชายต่างมารดาตามหาเขาจนพบทั้งที่ไม่มีใครรู้เรื่องของเขาสักคน เพราะบิดาไม่เคยบอกเล่าเรื่องของเขาให้พี่น้องคนไหนรับรู้สักคน กอปรกับอายุขัยแสนสั้นที่ราฟิคต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการลอบฆ่าในวัยสี่สิบเก้าปี
ซาเล็มเดินตามเจ้านายจากคฤหาสน์หรูไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ลึกในสวนด้านหลังของคฤหาสน์ ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดเล็กก่อด้วยอิฐง่ายๆ ประตูหน้าเป็นประตูไม้รูปโค้งบานคู่ที่บานหนึ่งเปิดอ้าต้อนรับทั้งคู่ ซึ่งบ้านหลังนี้มีคนพักอาศัยสองคนคือแม่เฒ่าดอนย่า และแม่บ้านที่รอสฮานให้มาคอยดูแลแม่เฒ่าวัยเกือบแปดสิบปี
?แม่เฒ่าอยู่ไหน อยู่ที่ห้องพยากรณ์รึเปล่า?
?ค่ะ กำลังรอคุณรอสฮานเลยค่ะ?
รอสฮานเดินผ่านห้องกว้างที่เหมือนห้องนั่งเล่นซึ่งมีเพียงโซฟานอนสีม่วงเข้ม โต๊ะวางทีวีขนาดเล็ก และชั้นวางหนังสือ ด้านหลังคือประตูม่านลูกปัดทอดสู่ทางเดินไปยังห้องด้านใน ซึ่งมีห้องอีกสี่ห้อง และหนึ่งในนั้นมีห้องทึบที่ถูกเรียกได้ตรงกับการใช้งานว่า ?ห้องพยากรณ์?
ชายหนุ่มเคาะประตูห้องสองครั้งก่อนจะบอกคนด้านใน
?รอสฮานครับ? รอสฮานเอ่ยบอกแม่เฒ่าดอนย่าที่อยู่ด้านในห้อง
?เข้ามาสิ ข้ากำลังรอเจ้า?
ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้นวมตรงข้ามกับแม่เฒ่าที่ผุดลุกยกลูกแก้วพยากรณ์ที่วางบนฐานโลหะแกะสลักสวยงามไปยังโต๊ะใกล้ชั้นหนังสือ เขาเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรแม่เฒ่าดอนย่ามากนัก รู้เพียงว่าบรรพบุรุษของนางอยู่คู่กับบรรพบุรุษของเขา และเคยมีความเกี่ยวโยงกันด้วยการแต่งงานเมื่อหลายร้อยปีก่อน แม้ตอนนี้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแล้ว แต่ก็เหมือนญาติคนหนึ่ง และแม่เฒ่าคนนี้คือทายาทคนสุดท้ายที่มีความสามารถในการพยากรณ์ ซึ่งความสามารถและพรสวรรค์ของนางนั้นมีมากกว่าทายาทรุ่นที่ผ่านๆ มา เทียบได้กับบรรพบุรุษรุ่นเก่าแก่เลยก็เป็นได้ พี่ชายต่างมารดาของเขาจึงเชื่อว่าแม่เฒ่าผู้นี้จะสามารถทำให้ตระกูลพ้นคำสาปที่มีอายุมากกว่าสองพันปีได้
?ซาเล็มบอกว่าแม่เฒ่าเรียกผมมาเรื่องคำสาป?
?เจ้ามีอายุน้อยนักนะพ่อหนุ่ม จากบันทึกของบรรพบุรุษของข้า บรรพบุรุษของเจ้าตายในช่วงสี่สิบถึงห้าสิบกันเกือบทุกคน แต่เจ้า...อายุเพียงแค่สามสิบห้าเท่านั้นเอง?
?ท่านแม่เฒ่าหมายความว่าอย่างไร ผมเพิ่งสามสิบห้าไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเอง?
?ใช่ และเจ้ามีเวลาเหลืออีกเพียงหกเดือนเท่านั้น แต่ช่างน่าโชคดีนัก?
?โชคดี? คนจะตายนี่มีเรื่องโชคดีอีกรึ?
รอสฮานขมวดคิ้วมุ่น หากเขาตายไป ตระกูลบาห์เร็มก็จะไร้ซึ่งทายาทอย่างแน่นอน นอกจากจะไม่มีใครมารับช่วงต่อธุรกิจแล้ว ตระกูลนี้ก็จะหมดสิ้น แม้เขาจะเพิ่งมาใช้นามสกุลบาห์เร็มเมื่อสิบปีก่อนในฐานะบุตรบุญธรรมของราฟิค...พี่ชายต่างมารดา ซึ่งคนนอกไม่มีใครรู้ว่าเขาคือทายาทลับๆ ของบิดาเมื่อครั้งที่บิดาไปทำธุรกิจที่รัสเซีย และมีความสัมพันธ์กับมารดาของเขา ตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้าบิดา ไม่เคยรู้จักใครที่นี่สักคน
แต่แล้ว...เมื่อครั้งวันเกิดครบยี่สิบห้าปีของเขา ราฟิคก็เดินทางไปหาเขา แนะนำว่าเป็นใคร และชักชวนเขาให้มาเรียนรู้งานเกี่ยวกับธุรกิจปิโตรเลียม และรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อสานต่อธุรกิจหากราฟิคสิ้นลม คราแรกเขารู้สึกไม่เข้าใจ และโกรธบิดามาก แต่เมื่อรู้ว่าบิดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุเพียงหกขวบ เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายต่างมารดาจึงมาตามหาเขาตอนนี้ ทว่าก็ถูกมารดาขอร้องกึ่งบังคับให้เขามาใช้ชีวิตที่นี่
?โชคดีที่คนอื่นจะไม่มีเช่นเจ้า?
รอสฮานย่นหัวคิ้วจนเห็นร่องระหว่างคิ้ว หากเขากำลังจะตายภายในหกเดือนนี้ เขายังมีโชคดีอะไรอีกเล่า มีทายาทของบาห์เร็มคนอื่นอีกหรือ? ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแม่เฒ่าดอนย่าเป็นคนพูดเองว่าเขาคือทายาทคนสุดท้ายของบาห์เร็ม
?ไม่มีทายาทที่ใดหรอกรอสฮาน ที่เจ้าต้องตามหาคือผู้หญิง?
?ผู้หญิงเนี่ยนะ! ผมจะตามหาผู้หญิงมาสร้างทายาท แล้วรับคำสาปนั่นไปเรื่อยๆ หรือไง ผมไม่เห็นด้วย?
?นางจะสร้างทายาทให้เจ้าหรือไม่ขึ้นอยู่กับลิขิตของเจ้าเอง?
?ลิขิตของผมที่เหลืออีกเพียงหกเดือนน่ะหรือท่านแม่เฒ่า?
?เจ้าอย่าเพิ่งตีโพยตีพายสิ ให้ข้าได้พูดให้จบความก่อน?
รอสฮานกอดอกก่อนจะกระแทกแผ่นหลังกับเบาะนิ่มของเก้าอี้นวม เงยหน้ามองโคมไฟระย้าที่ส่องแสงวิบวับ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจก่อนจะสบตาคนสูงวัย
?นามสกุลบาห์เร็มไม่ได้มีมาตั้งแต่เมื่อสองสามพันปีก่อนหรอกนะ เจ้าเองอาจจะไม่รู้ประวัติของเปอร์เซียหรืออิหร่านดีนัก แต่ข้าจะบอกให้ว่าเปอร์เซียเราเพิ่งมีนามสกุลกันเมื่อปี 1919 เพราะงั้น...คำสาปจึงยึดติดที่ตัวคน มิใช่นามสกุล หรือจะพูดให้ถูก ก็คือมันติดอยู่ที่สายเลือด และเจ้าก็มีมัน เจ้าหลีกหนีไม่พ้น แม้จะเคยไม่เชื่อข้า แต่เมื่อเชื่อแล้วก็จงเชื่อต่อไปอีกนิดเถิด?
?ผมไร้ข้อกังขาต่อแม่เฒ่าแล้ว ก่อนนี้เคยสงสัย เคยตั้งคำถามมากมาย แต่ผมเชื่อในคำพูดที่ว่า ?ไม่เชื่ออย่าลบหลู่? และเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างคำสาป หากไม่โดนเองก็คงไม่รู้ และผมก็ยังไม่อยากตาย ไม่ว่าคำสาปจะมีจริงหรือไม่ ผมก็กลัวที่จะตาย ยิ่งเห็นการตายของพี่ฟาริคเมื่อสิบปีก่อน ผมก็รู้เลยว่าความตายด้วยคำสาป...มันไม่ได้สวยหรู หากถูกคำสาปแล้ว จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่แปลก และถ้ามีทางที่จะทำให้คำสาปหายไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ผมก็จะลองมันดูสักตั้ง?
แม่เฒ่าดอนย่าคลี่ยิ้ม สบนัยน์ตาคมปลาบที่บ่งบอกความตั้งใจ นางรู้ว่ารอสฮานไม่ได้กลัวตาย ทว่ายังไม่พร้อมตายต่างหาก เขายังมีสิ่งที่ปรารถนา ยังต้องการอีกหลายสิ่ง ซึ่งมนุษย์ทุกคนไม่ว่าใคร ย่อมมีความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุด ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีทรัพย์สมบัติเพียบพร้อมเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้ว...ก็ยังปรารถนาสิ่งที่มาเติมเต็มอยู่ดี แม้นางจะไม่รู้ว่ารอสฮานปรารถนาสิ่งใดมาเติมเต็ม แต่นางรู้ว่านางสามารถใช้รอสฮานแก้ปัญหามากว่าสองพันปีนี้ได้ อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่สามารถยุติมันได้ และหวังว่ารอสฮานจะทำสำเร็จ
?หากเจ้าปรารถนาจะมีชีวิตรอด หลุดพ้นจากคำสาป เจ้าต้องเชื่อในตัวของเจ้า เชื่อในสัญชาตญาณของเจ้า เชื่อในลิขิตที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาสู่เจ้า ข้าขอเพียงเท่านี้...เจ้าจะทำให้ข้าได้หรือไม่?
?เรื่องแค่นี้น่ะเหรอ? รอสฮานเลิกคิ้วถามอย่างฉงนใจ
?นอกจากสัญชาตญาณของเจ้า ความเชื่อในตัวเจ้า และลิขิตของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เจ้าจะต้องอดทนรอโดยไม่หวั่นเรื่องวันและเวลา ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ได้ถูกลิขิตไว้แล้ว รวมถึงชะตาของเจ้า หากคนผู้นั้นคือผู้ถูกลิขิต คนผู้นั้นจะช่วยเจ้าให้พ้นจากคำสาปได้?
?ผมต้องไปตามใคร และที่ไหน พยากรณ์บอกผมไหม?
?ผู้หญิง...ผู้หญิงในดินแดนแห่งรอยยิ้มทางทิศตะวันออก?
บทที่ 1
ดินแดนแห่งรอยยิ้ม
รอสฮานใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการสะสางงาน แล้วสั่งให้เลขานุการของเขาจองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมเพื่อให้เขาเดินทางไปประเทศไทย หากเป็นเขาในอดีตก็คงนึกว่านี่เขากำลังงมงาย หรือกำลังทำบ้าอะไรกับคำพูดปากเปล่าที่ดูไม่น่าเชื่อของแม่เฒ่าดอนย่า แต่ตอนนี้เขาเชื่อ และเขาตัดสินใจที่จะไปตามหาคนคนนั้น...คนที่จะช่วยแก้คำสาปให้เขาได้
ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ใช้นามสกุลบาห์เร็มเท้าคางมองนอกหน้าต่างรถยนต์ ขณะที่ปากก็พร่ำบอกคาลีล...ลูกน้องคนสนิทที่เขาไว้ใจฝากฝังให้เป็นหูเป็นตาในเรื่องงานที่นี่ระหว่างที่เขาไปตามหาคนแก้คำสาปตามคำพยากรณ์
?คุณรอสฮานเองก็ต้องระวังตัวนะครับ ผมว่าฟาร์ซาลต้องรู้เรื่องที่คุณเดินทางออกนอกประเทศแน่ และมันต้องส่งคนไปตามเก็บคุณ นายต้องดูแลคุณรอสฮานให้ดีนะเว้ยซาเล็ม? คาลีลเตือนก่อนจะกำชับเพื่อน
?พูดถึงฟาร์ซาล ฉันนึกอะไรขึ้นมาได้ หมอนี่เริ่มคิดจะเก็บฉันเมื่อปีก่อน และหนักขึ้นตอนที่ฉันแกล้งไปกวนเรื่องพี่ราฟิค บางทีที่มันฆ่าพี่ราฟิคอาจ...?
รอสฮานชะงักคำพูดเมื่อสายตาที่ทอดมองนอกรถเห็นร่างนักท่องเที่ยวหน้าตาแบบฝรั่งกำลังถูกล้อมด้วยนักเลงเจ้าถิ่น
?สั่งคนหยุดรถก่อน?
?มีอะไรครับ หรือว่าลืมอะไรครับ? ซาเล็มเอ่ยถามเสียงรัว
?ไม่ใช่ มีนักท่องเที่ยวถูกนักเลงรุม ไปช่วยกันเถอะ เร็วๆ เข้า?
ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันเมื่อเห็นเจ้านายรีบลงจากรถตั้งแต่รถยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่รอสฮานยื่นมือเข้าช่วยคนที่อ่อนแอกว่าหรือคนที่กำลังเดือดร้อน ทว่ารอสฮานที่รู้ว่าเวลากระชั้นชิดจนอาจตกเครื่องแบบนี้...ก็ยังคิดจะช่วยนี่สิที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งคู่สงสัย ทว่าทำได้เพียงวิ่งตามเจ้านายของตัวเองไปเท่านั้น
เสียงข่มขู่เป็นภาษาฟาร์ซีหรือภาษาเปอร์เซียทำให้ชายหนุ่มผมทองมองชายวัยรุ่นผิวคล้ำเจ็ดแปดคนอย่างไม่เข้าใจ คนหนึ่งส่งเสียงกรรโชกพร้อมแบมือ อีกคนหนึ่งถือมีดโดยปลายมีดแทบจะจ่อคอยหอยเขา
แชะ! เสียงกดชัตเตอร์ไม่ได้ทำให้พวกเจ้าถิ่นหันมอง ทว่านักท่องเที่ยวผมทองกลับมองร่างสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรอย่างสงสัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยเรียกหนุ่มนักเลงอย่างกวนประสาท
?เฮ้ย! คิดจะกรรโชกนักท่องเที่ยวแบบนี้ ไปหาตำรวจกันหน่อยไหม มีรูปเป็นหลักฐานด้วย? บอกพลางเอียงคอขณะยกโทรศัพท์ที่ใช้บันทึกภาพให้กลุ่มนักเลงรู้ว่ารูปที่ว่านั้นถูกบันทึกแล้วจริงๆ
ชายที่ถือมีดข่มขู่สบถ ใบหน้าเพื่อนร่วมทีมซีดเผือด ก่อนจะพากันวิ่งเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะกดโทร.หาตำรวจ การลงโทษ และกฎหมายที่เข้มงวดทำให้บรรดาหัวขโมยและโจรทั้งหลายนึกกลัว ยิ่งมีหลักฐานที่ดิ้นไม่หลุดด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีใครกล้าเสี่ยง
คล้อยหลังบรรดานักเลงที่คิดหลอกปล้นจี้นักท่องเที่ยว รอสฮานก็เอ่ยถามหนุ่มผมทองอย่างเป็นห่วง
?คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังครับ พวกนักเลงที่นี่ หรือแม้แต่พวกโจรที่แอบจี้นักท่องเที่ยวก็มีเยอะ?
?คุณรอสฮานครับ ช้ากว่านี้ไม่ได้นะครับ? ซาเล็มบอกเจ้านายของตัวเองที่ยังคงพูดคุยกับอีกฝ่ายเป็นภาษาอังกฤษ รอสฮานพยักหน้ารับ ก่อนจะบอกให้ลูกน้องทั้งคู่กลับไปที่รถ
?ผมต้องขอตัวนะครับ ไม่ทราบว่าคุณกำลังจะไปไหนรึเปล่า ให้คนของผมไปส่งให้ก็ได้?
?กำลังจะกลับโรงแรมใกล้ๆ ตรงนี้เองครับ ไม่ต้องเป็นห่วง?
?โอเค ระวังตัวด้วยนะครับ? รอสฮานค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายก่อนจะสาวเท้ายาวๆ เพื่อขึ้นรถ
***
รอสฮานมองบรรยากาศแปลกตาของ ?ดินแดนแห่งรอยยิ้ม? เขาไม่เคยมาเยือนประเทศไทยมาก่อน แม้จะเคยได้ยินพี่เลี้ยงของตัวเองบรรยายสรรพคุณของบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทว่าเขาไม่เคยมีโอกาสได้มาสัมผัสด้วยตัวเองเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเหยียบที่นี่
เขาออกเดินทางโดยสายการบินอิหร่านแอร์จากชีราซเมื่อวานในช่วงบ่าย หยุดที่แรกที่เตหะราน ซึ่งหยุดกว่าหกชั่วโมง แล้วเปลี่ยนสายการบินมาเป็นของกาตาร์ก่อนจะออกเดินทางข้ามประเทศไปยังโดฮาของกาตาร์ ซึ่งใช้เวลาพักเกือบสองชั่วโมงแล้วเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางมาเหยียบที่สนามบินสุวรรณภูมิของประเทศไทย
จากนั้นเขาจึงให้ซาเล็มรอรับกระเป๋า และเดินทางด้วยแท็กซี่มายังโรงแรมสกายเมโทรที่เลขานุการของเขาจองไว้ให้จากอิหร่าน เขาใช้เวลาทั้งบ่ายในการพักผ่อน เนื่องจากมาถึงโรงแรมในช่วงเที่ยง และเขานอนหลับบนเครื่องบินไม่สนิทนัก เมื่อมาถึงจึงเก็บกระเป๋าแล้วอาบน้ำล้มตัวลงนอนทันที
หลังใช้เวลาในช่วงบ่ายในการนอนหลับพักผ่อน เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มมองออกไปด้านนอกที่เขาเปิดม่านทึบชั้นในออก เห็นบรรยากาศช่วงค่ำที่เต็มไปด้วยแสงไฟ บรรยากาศแสนแปลกตา แต่ก็ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
?คุณรอสฮานครับ ตื่นรึยังครับ ผมเพิ่งปรับเวลาให้ตรงกับประเทศไทย ก็เลยเพิ่งรู้ว่านี่มันจะทุ่มแล้ว ผมโทร.ไปถามพนักงานของโรงแรม เขาบอกว่าแถวนี้มีร้านอาหารอร่อยอยู่ตรงหัวมุมถนน ผมก็เลยจะมาถามคุณรอสฮานว่าสนใจรึเปล่า หรือว่าค่อยออกไปพรุ่งนี้?
?ไปตอนนี้ก็ดีนะ อยากยืดเส้นยืดสาย จะได้ออกไปดูด้านนอกด้วย?
รอสฮานปิดประตู ก่อนจะพาตัวเองไปหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ สายตาหันไปเห็นกระเป๋าเดินทางที่เขาเปิดกว้างไว้ เห็นสมุดบันทึกเล่มเล็กที่เขาพกมาด้วย ชายหนุ่มเดาะลิ้นก่อนจะหยิบสมุดบันทึกสีน้ำตาลมาเปิด
ตัวอักษรที่เขาเขียนไว้ลวกๆ ในหน้าสุดท้ายคือคำพยากรณ์ที่เขาได้รับจากแม่เฒ่าดอนย่า คำพยากรณ์ถึงบุคคลที่เขาจะต้องตามหา เขาจำได้ว่าตอนที่เขาถาม แม่เฒ่าดอนย่าหลับตานิ่งแล้วเอ่ยเสียงก้องไปทั้งห้องทั้งที่ริมฝีปากปิดแน่น และเขารู้ว่านั่นหมายถึงคำพยากรณ์ที่เป็นความสามารถพิเศษของแม่เฒ่าดอนย่า
?หวานเหมือนผลไม้ใกล้สุก ยิ้มสนุกไม่ทุกข์พึ่งพิงได้
แค่พบหน้าทุกอย่างพลันเปลี่ยนไป สัมผัสไซร้คือกุญแจแถลงความ
ลิขิตฟ้าจะบันดาลให้พบพักตร์ ดึงดูดรักสลักจิตให้นึกถาม
แต่ไร้ซึ่งคำตอบมิรู้นาม สาวโฉมงามจะหวนคืนสู่เจ้าเอย?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น นึกสงสัยนักว่าจะไปเจอ ?สาวโฉมงาม? ตามคำพยากรณ์ได้ที่ไหนและอย่างไร ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเล็กๆ ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนอยู่มุมใดของประเทศนี้ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอย่างนึกหงุดหงิด รอสฮานตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้เขาจะลองไปตามห้างสรรพสินค้า บางทีอาจจะไปเจอคนคนนั้นที่นั่นก็เป็นได้
รอสฮานโยนสมุดบันทึกใส่กระเป๋าเดินทางของตัวเองก่อนจะรูดซิปปิด แล้วพาตัวเองออกจากห้องพักไปยังล็อบบี้ชั้นล่าง ชายหนุ่มรอซาเล็มไม่นาน อีกฝ่ายก็ออกจากลิฟต์ตรงมาที่เขา ทั้งคู่พากันเดินออกจากโรงแรม
ซาเล็มมองบรรยากาศช่วงค่ำที่เต็มไปด้วยแสงสี เสมือนว่าที่นี่ไม่เคยหลับใหล แม้แต่ยามค่ำคืนก็เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าจนบดบังแสงเดือนและแสงดาว สองหนุ่มไม่ทันได้ระวังเลยว่าที่นี่อาจไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา
ทั้งคู่เลี้ยวไปยังซอยแห่งหนึ่งเมื่อตัดสินใจจะเดินเล่นกันก่อน ทว่าการเดินเข้าไปในซอยแห่งนั้น เสมือนการเชื้อเชิญให้มัจจุราชมาลงทัณฑ์
ปุ๊! เสียงปืนจากกระบอกเก็บเสียง ทำให้สองหนุ่มพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด ซาเล็มดึงปืนจากด้านหลังขึ้น ปลดไกปืนอย่างรวดเร็วก่อนจะยิงสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
?พวกมันตามเรามาถึงที่นี่เลยนะครับ? ซาเล็มเอ่ยพลางต่อกระบอกปืนเก็บเสียงกับปลายกระบอกปืน
รอสฮานทรุดกายนั่งหลังลังไม้เมื่อเสียงกระบอกเก็บเสียงยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะถูกตามล่าทันทีที่มาถึงที่นี่จึงไม่ได้นำอาวุธออกมาจากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อเสียงเงียบลง เห็นร่างของชายที่เปิดเผยใบหน้าเขาก็จำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นคนของคู่แข่งทางธุรกิจ
?พวกฟาร์ซาล?
?อีกแล้วเหรอครับ...มันมากันสองคนครับ วิ่งออกไปถนนใหญ่ที่มีคนพลุกพล่าน อาจจะหยุดมันได้นะครับ?
รอสฮานพยักหน้ารับ ทั้งคู่ผุดลุกจากด้านหลังลังไม้ ซาเล็มเอี้ยวกายหันมองคนของฟาร์ซาลทั้งสองคนก่อนจะลั่นไกปืน แล้ววิ่งตามรอสฮานไปติดๆ
หนุ่มอิหร่านสองคนไม่คิดปล่อยให้เป้าหมายได้หนีออกจากซอย เมื่อบรรจุกระสุนเต็มรัง ทั้งคู่ก็ผลัดกันยิง
?คุณรอสฮานรีบวิ่งไปก่อนเลยครับ ผมจะช่วยยิงสกัดให้?
?กระสุนจะหมดแล้วไม่ใช่รึไง?
?ไม่ต้องห่วงครับ ถ้ารู้จังหวะของมันสองคนก็น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง?
?ฉันจะไม่ยอมเสี่ยงแบบนั้นหรอกนะ?
?แต่ว่า...?
แรงกระแทกของกระสุนกับลังไม้หยุดการสนทนาของทั้งคู่ ซาเล็มพยักหน้าให้รอสฮานราวกับจะบอกว่าทั้งคู่จะหลุดจากตรงนี้ไปด้วยกัน รอสฮานขยับกายโผล่หน้ามองทั้งคู่ก่อนจะรีบหลบกระสุน แล้วเงยหน้ามองลังไม้สูงกว่าตัวเองมาก เขาผลักลังไม้ให้ล้มลงขวางทางของทั้งคู่
?เฮ้ย! นี่มันอะไรวะ?
เสียงสบถดังลั่น รอสฮานวิ่งไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเตะข้อมือจนปืนกระเด็นไปไกล ชายหนุ่มหยิบปืนของอีกฝ่ายก่อนจะยืนเล็งทั้งคู่เอาไว้นิ่ง
?คิดว่าจะมาจัดการฉันเหรอวะ กลับไปบอกเจ้านายของพวกแกเลยว่าอย่าคิดมาลอบกัดแบบนี้ ทำแบบนี้ไม่ใช่ผู้ชายสักนิด?
นัยน์ตาคมกริบเงยหน้าจ้องรอสฮานราวกับไม่ยอมแพ้ ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้รอสฮานขยับนิ้วอย่างข่มขู่ให้ชายหนุ่มอีกคนที่ถือปืนเล็งมาทางเขารู้ว่าเขาเอาจริง หากอีกฝ่ายยิงเขา เขาก็จะยิงตอบโต้ไปเช่นกัน เขายอมแลก ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดจะฆ่าใครสักนิด
?คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอวะ ถ้าไม่ไปตอนนี้ ฉันจะทิ้งเป็นศพเอาไว้?
หนุ่มอิหร่านสองคนสบตากัน ทว่าไม่ทันจะได้ตัดสินใจ เสียงเป่านกหวีดที่ดังมาทำให้สองหนุ่มคิดว่าเป็นตำรวจ จึงรีบพากันวิ่งหนีไปอีกทาง
รอสฮานพ่นลมหายใจเมื่อลับแผ่นหลังของทั้งคู่ หันมองไปทางเสียงเป่านกหวีดจึงได้รู้ว่าเป็นการเป่าเล่นของเด็กสองคนที่กำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน โดยไม่ได้รับรู้เหตุการณ์อันตรายที่เกิดขึ้นสักนิด
?เฮ้อ! แค่วันแรกก็เจอแบบนี้ซะแล้ว ไล่ไปแบบนี้คงไม่ยอมจบง่ายๆ แน่? รอสฮานงึมงำกับตัวเอง
?คุณรอสฮานจะทำไง เราอาจต้องเผชิญหน้ากับพวกของฟาร์ซาล?
?ฉันมาที่นี่เพื่อหาคนแก้คำสาป ไม่ใช่มาเพื่อปะทะกับฟาร์ซาล เป็นไปได้ก็พยายามเลี่ยงพวกมันเถอะ?
?แต่พวกมันไม่ได้คิดจะทำแบบเดียวกับคุณรอสฮานนะครับ พวกมันมาเพื่อฆ่า ไม่ได้มาเพื่อปรานี?
?เอาเถอะ! ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องปะทะ แต่ฉันอยากโฟกัสไปที่คนแก้คำสาปมากกว่า ตอนนี้ฉันมีเวลาเหลือไม่ถึงหกเดือนแล้วนะ เสียเวลาในการเคลียร์งานไปหนึ่งอาทิตย์แล้วด้วย แล้วต้องเสียไปกับการเดินทางไปอีกหนึ่งวัน และวันนี้อีกหนึ่งวัน?
ซาเล็มมองตามร่างสูงที่ขยับกายยืนขึ้นเต็มความสูง รอสฮานส่งปืนให้ลูกน้อง ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปยังร้านอาหารบริเวณหัวมุมถนนแถวโรงแรมที่เขาตั้งใจจะมานั่งรับประทานอาหารในคราแรกก่อนจะต้องวิ่งหลบกระสุนจนเหนื่อยหอบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความรีบร้อนทำให้ ?กรนิต? วิ่งมาชนกับนักท่องเที่ยวหนุ่ม และทันทีที่ร่างสองร่างกระทบกันอย่างจังนั้นสมองของเธอก็ปรากฏภาพขึ้น ความน่ากลัวที่เห็นจากความสามารถพิเศษที่ติดตัวเธอมาแต่กำเนิดนั้น ทำให้กรนิตนึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาแต่ก็บอกตัวเองว่าอย่าไปยุ่งเลย ขณะที่ ?รอสฮาน? ก็มองหญิงสาวแล้วคิดทบทวนไปถึงคำพยากรณ์ หรือเธอคนนี้คือสาวโฉมงามที่จะช่วยเขาแก้คำสาปของตระกูลบาห์เร็มได้ แม้รอสฮานจะไม่แน่ใจนักว่าเธอจะใช่คนที่เขากำลังออกตามหาหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่ากงล้อแห่งโชคชะตาหมุนเขาจากซีกโลกหนึ่งมาให้เจอกรนิตในดินแดนแห่งรอยยิ้มและรอสฮานก็จะทำให้หัวใจของกรนิตและเขาเต้นพร้อมกันในจังหวะความรัก
