New Release : VAMPIRE KNIGHT 3 ตอน ฝันสีประกายเงิน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : VAMPIRE KNIGHT 3 ตอน ฝันสีประกายเงิน

โพสต์ โดย Gals »

ความรักอันบ้าคลั่ง


***

?ทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ล่ะ จูริ...ทำไม...?
ลูกสาวของจูริมีกลิ่นหอมแบบเดียวกันกับเธอ
ผมรู้สึกได้ว่าชีพจรค่อยๆ เต้นช้าลง ระหว่างที่สัมผัสกับความอบอุ่นจากเธอคนนั้นซึ่งอยู่ใกล้ๆ
สิ่งที่แทงทะลุอกผมอยู่คือคมมีดของยูกิ
ใช่แล้ว มันคืออาวุธของลูกสาวจูริ...
เพราะอะไรผมถึงไม่ได้สิ่งที่ต้องการมาสักอย่างเดียวแบบนี้นะ
ภายใต้สติที่เลือนรางลงเรื่อยๆ ผมเรียกชื่อของคนที่รักอยู่ภายในใจ
(จูริ...)

***

มือถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงเข้ม
และเมื่อเลื่อนสายตาลงไปยังปลายเท้าก็เห็นว่ามีเศษผงเป็นก้อนๆ กระจายอยู่บนพื้น


นั่นคือสิ่งที่เคยเป็น ?พ่อแม่? ของผมเอง
?พวกคุณไม่ดีเองนะที่มาขัดขวางผม...?
พ่อแม่จับจูริที่มีความสำคัญต่อผมแยกออกไป ไม่ให้ได้พบกัน แถมยังตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของผมตามใจชอบอีก อีกฝ่ายคือเจ้าหญิงเลือดบริสุทธิ์ชื่อชิสึกะ ฮิโอ ซึ่งยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่
?ถ้าหากจะรักษาสายเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ อีกฝ่ายก็ย่อมต้องเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์... แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กคนนั้นไม่ใช่เหรอ??
?ถ้างั้นจะมีใครอื่นอยู่อีกล่ะจ๊ะ??
แม่ถามมาด้วยใบหน้าแปลกใจ ผมจึงยิ้มให้และตอบว่า
?ของมันแน่อยู่แล้วนี่ครับ...ผมก็มีคนสำคัญอยู่ไม่ใช่เหรอ??
?...เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาด?
พ่อพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำๆ และจ้องผมเขม็ง
?ทำไมล่ะครับ? ไม่เข้าใจเลยว่ามีเหตุผลอะไรที่มาคัดค้านผม ...ทั้งที่ผมให้ความสำคัญต่อเธอเป็นอันมาก ใช่แล้ว หลงใหลเสียจนแทบจะกลืนกินเลย...?
เมื่อนึกถึงดวงตาอันไร้เดียงสากับผิวอ่อนนุ่มของเธอแล้ว ผมก็หรี่ตาลงอย่างเคลิ้มฝัน
เห็นผมเป็นแบบนั้นแล้ว พ่อก็หันหน้ามาด้วยความสลดใจ
?ความรักของแกมันผิดเพี้ยน...?
?ผิดเพี้ยน...??
ผมคนนี้น่ะเหรอผิดเพี้ยน?
พอเห็นผมทำท่าแปลกใจ พ่อก็พึมพำด้วยเสียงหนักๆ
?ยังไงก็ตาม แกแยกห่างจากจูริจะดีกว่า...?
พริบตานั้นก็มีเปลวเพลิงอันมืดมัวลุกโชนขึ้น ณ เบื้องลึกในอกผม
ผมเข้าใจเรื่องที่พ่ออยากบอก
พ่อหมายถึง แกแค่ทำตามสัญชาตญาณของแวมไพร์...ทำตามความอยากอันน่าชังที่สุดเพราะฉะนั้นถึงต้องการน้องสาวที่มีสายเลือดเดียวกัน
แต่ว่า เรื่องนั้น...มันไม่ดีตรงไหนกัน?
ผมรักแต่จูริคนเดียวเท่านั้น
เธอเปรียบเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ของผม ซึ่งไม่มีใครมาทำให้แปดเปื้อนได้...
?ฉันจะให้แกไปครองคู่กับเจ้าหญิงแห่งฮิโอ จะไม่ยอมให้ขัดขืนไปมากกว่านี้อีกแล้ว?
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของพ่อ

ถึงตอนนี้ผมก็ยังนึกเรื่องในวันที่จูริลืมตาดูโลกได้อย่างแจ่มชัด
?ท่านริโดะ! ท่านฮารุกะ! เด็กคลอดแล้วค่ะ!?
ได้ยินดังนั้นพวกเราก็เร่งรีบไปยังห้องที่มีเด็กแรกเกิดอยู่
เข้าไปในห้องแล้วก็เห็นแม่ที่ดูอิดโรย...แต่ว่าใบหน้าเปล่งปลั่งเอามากๆ นอนอยู่บนเตียง
?มีเจ้าหญิงเกิดมาในตระกูลของเราเป็นครั้งแรกแล้วนะจ๊ะ?
แม่ยิ้มอย่างดีใจ พลางมองดูทารกตัวน้อยซึ่งนอนหลับอยู่ข้างกาย
?ริโดะ ฮารุกะ...มาดูหน้าตาน่ารักๆ ของน้องสาวสิ?
น้องชายผม ฮารุกะยื่นหน้าเข้าไปดูเด็กตัวน้อยที่เพิ่งเกิดมาเงียบๆ
บอกตามตรง ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยสนใจเด็กที่กำลังจะเกิดมาสักเท่าใดนัก
?เอ้า ท่านริโดะ น้องสาวท่านน่าเอ็นดูมากเลยนะคะ?
ผมอุ้มน้องสาวที่เพิ่งเกิดขึ้นมาตามการคะยั้นคะยอจากแม่นม
ทารกที่คอยังง่อนแง่นอยู่นั้นทำให้ผมกลัวว่าจะทำหล่น จึงเผลอกอดไว้แนบอกโดยไม่รู้ตัว
ในตอนนั้นดูเหมือนกับทารกจะยิ้มอย่างวางใจในอ้อมอกผม
(...อา)
วินาทีนั้นเอง มีอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของร่างกาย
ความรู้สึกพลุ่งพล่านนี่มันอะไรกัน?
ผมต้องพยายามใช้สติสัมปชัญญะอย่างเอาเป็นเอาตายในการระงับแรงกระตุ้นเพื่อไม่ให้ฝังเขี้ยวลงไป
(ยัยนี่ยังไม่ได้อยู่ในวัยที่เหมาะสม...ยังไม่ถึงเวลา)
ผมแนบริมฝีปากลงบนแก้มเด็กทารกเบาๆ
นั่นเป็น ?การแสดงออกถึงความรัก? เท่าที่จะทำได้
สัมผัสอันอ่อนนุ่มของแก้มทำให้ผมเคลิบเคลิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
?ริโดะ...เอ็นดูน้องด้วยล่ะ?
?แน่นอนครับ เด็กคนนี้เป็นเด็กคนสำคัญต่อผมนี่นา...?
?ริโดะ นี่ลูก...?
ไม่รู้ทำไมแม่จึงทำสีหน้าหวาดหวั่น
เห็นแบบนั้นผมเลยยิ้มให้แม่
?ไม่ต้องห่วงครับ เด็กคนนี้จะต้องเป็นของผม ดังนั้นผมจะปกป้องเธอแน่นอน?

น้องสาวที่เกิดมาได้รับการตั้งชื่อว่า ?จูริ? และกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเรา
ผมรักจูริสุดหัวใจ และคอยอยู่ข้างๆ ตลอดทั้งวัน แม้ว่าแม่จะบอกว่า ?การดูแลเป็นหน้าที่ของแม่นมนะจ๊ะ? แต่ว่ากันตามตรงแล้วผมไม่ชอบใจเลยที่ปล่อยให้แม่นมมาดูแลจูริ
การที่มีบุคคลอื่นนอกเหนือจากผมมาสัมผัสตัวจูริ เป็นเรื่องน่ารังเกียจมาก...
ทั้งที่จริงๆ แล้วกระทั่งคนในครอบครัว ผมก็ไม่อยากให้มาแตะต้องตัวจูริเลยด้วยซ้ำ

ผมมักจะพาจูริที่ยังเล็กออกไปเดินเล่นในสวน
ในคืนเดือนหงาย...คืนนั้นมีดอกกุหลาบสีแดงบานสะพรั่ง จนส่งกลิ่นหอมอบอวลไปรอบบริเวณ
?ท่านพี่ริโดะ กลิ่นหอมดีนะคะ?
?นั่นสินะ?
ผมใช้มือเด็ดดอกกุหลาบอันสวยงาม โดยตั้งใจจะเอามาให้จูริดู
ทันใดนั้น หนามแหลมคมได้ทิ่มเข้าที่นิ้วมือผม ส่งผลให้มีเลือดสีแดงเข้มซึมออกมาจากปลายนิ้ว
ผมระงับแรงกระตุ้นไว้ไม่อยู่ และเอาเลือดของผมแต้มใส่ริมฝีปากของจูริ
?จูริ...นี่เลือดของผมนะ เพื่อให้รู้ว่าผมรักเธอสักเพียงไหน...เธอจงจดจำเลือดของผมเอาไว้เถอะ จนกว่าจะไม่ต้องการเลือดของคนอื่นที่ไม่ใช่ผมอีก...?
?...ท่านพี่??
จูริมองดูผมด้วยดวงตาที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจ
?ริโดะ ทำอะไรอยู่น่ะ!?
ในตอนนั้นแม่วิ่งเข้ามาตบหน้าผมแล้วฉุดตัวจูริให้ห่างออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกแม่ตีเอา แต่ที่สำคัญกว่านั้น การที่จูริถูกจับแยกออกไปเป็นเรื่องคาดไม่ถึงยิ่งกว่า
?ท่านแม่...??
?ขอโทษนะจ๊ะ แต่ยังไงก็ตาม...จากนี้ไปลูกอย่าอยู่กับจูริตามลำพังเลย?

นับจากนั้นผมก็ไม่ได้พบกับจูริตามที่ต้องการอีก
ทั้งที่ฮารุกะซึ่งเป็นน้องชายไม่ถูกห้าม แล้วทำไมถึงมีแต่ผมที่ไม่ได้ล่ะ?
แต่ผมก็ไม่เผยความรู้สึกออกมาให้เห็น เพราะถ้าเกิดแสดงออกมาตรงๆ พ่อแม่ก็จะระแวงขึ้นมาอีก... มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความอดทนอย่างยิ่งยวด แต่ผมก็ทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ได้
ก็ผมมีเวลาอยู่เหลือเฟือนี่นา
เวลานานแสนนานที่เทียบได้กับชั่วนิรันดร
แต่วันที่สิ่งนั้นต้องพังทลายลงก็มาเยือนจนได้
ใช่แล้ว...วันที่พ่อแม่มาระบุคู่หมั้นให้ผม
คนที่ผิดคือพ่อกับแม่...
ผมอุตส่าห์อดทนมาจนถึงตอนนี้แท้ๆ แต่กลับไปตัดสินใจเรื่องพรรค์นั้นเอาเองตามใจชอบ
ยอมรับไม่ได้เป็นอันขาด

***

ทำไมถึงนึกเรื่องพวกนี้ขึ้นมาตอนนี้นะ...
ผมไม่ใช่คนโง่เขลาขนาดจะมาจมอยู่กับความหมองเศร้าพรรค์นี้เอาป่านนี้สักหน่อย
แต่เพียงแค่นึกถึง...ความอบอุ่น กลิ่นหอม และผิวเนียนลื่นของจูริ ก็รู้สึกเหมือนว่าความรุ่มร้อนที่ไม่ได้รู้สึกมานานพุ่งขึ้นมาจากภายในร่างกาย
(จูริ...)
ผมเคยเรียกชื่อนี้มากี่ครั้งกี่หนแล้วนะ
ไม่มีหญิงอื่นที่ผมจะใฝ่หาไม่ยอมเลิกราได้ปานนี้อีกแล้ว
(จูริ...เพราะอะไรเธอถึงไม่กลายเป็นของผมกันล่ะ?)
ทั้งที่คิดว่าผมอยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด นับตั้งแต่ได้อุ้มจูริที่ยังเป็นเด็กแรกเกิด
แล้วเพราะอะไรผมถึงได้อยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลมากที่สุดเสมอ
ทั้งที่ผมรักและต้องการจูริยิ่งกว่าใครๆ ทั้งนั้น...

ตอนที่ได้ยินว่าจูริตั้งท้องแล้ว ผมรู้สึกไม่อยากเชื่อ และพร้อมกันนั้นก็เกิดความชิงชังต่อฮารุกะ
แต่ถึงตรงนี้ผมก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ลูกของจูริกับฮารุกะ...นั่นย่อมเป็นเด็กสายเลือดบริสุทธิ์ และมีพลังอันกล้าแกร่งอยู่
คิดได้ดังนี้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
(แบบนี้น่าสนใจดี...)
มันเหมาะเจาะต่อการจะเอาพลังที่เหนือกว่าฮารุกะลิบลับมาเป็นของตน
ความมืดแผ่ขยายออกไปในใจผม
และแล้วผมซึ่งต้องการพลัง ก็มีอันต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป...

คงไม่มีใครรู้หรอกว่าโลกที่ปราศจากจูรินั้นเปล่าเปลี่ยวและน่าเบื่อเพียงใด
โลกที่มีแต่ความทรมานจนแม้แต่การหายใจก็ยังเป็นเรื่องยุ่งยาก
ของพรรค์นั้นจะไปมีความหมายอะไรกัน
(ผมมีอะไรที่ไม่เพียงพอกันนะ...)
ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ และอาจทำความเข้าใจไม่ได้ไปตลอดกาลก็ได้
ผมออกแรงไปยังแขนซึ่งกอดยูกิอยู่
?ผมมีอะไรไม่เพียงพองั้นเหรอ? ต้องทำยังไงเธอถึงจะ...?
?.....?
ผมรับรู้ได้ว่ายูกิทำท่าตกใจ
(ลูกสาวที่มีกลิ่นแบบเดียวกันกับจูริ...)
ไม่นึกเลยว่าจะได้โอบกอดจูริซึ่งไม่อาจได้มาครองอีกต่อไปไว้ในอ้อมแขนนี้อีกครั้งหนึ่ง...
ถ้าหากเครื่องชดเชยสิ่งนี้คือ ?ความตาย? แล้วล่ะก็ มันก็ไม่เลวนัก
?ทั้งที่...ผม...รักเธอปานจะกลืนกินเลยแท้ๆ...?
ผมเอามือจับข้อมือยูกิไว้ และสัมผัสที่ต้นคอ
วินาทีนั้นคมมีดที่แทงทะลุอกผมก็ยิ่งฝังลึกลงไปอีก
?...จูริ...?
ภายใต้สติที่เริ่มเลื่อนลอย ผมพยายามใช้สติควานหาจูริ
สายตาก็เริ่มพร่าเลือน และไม่รับรู้กระทั่งความเจ็บปวด...
?สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ของพรรค์นั้น...?
วินาทีต่อมาเถากุหลาบจำนวนมากที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดก็เข้ามาจับผมเอาไว้
เส้นผมที่โผล่แพลมให้เห็นจากช่องว่างของหนามแหลมนับไม่ถ้วนนั้นเป็นผมสีน้ำตาลแก่ดูอบอุ่น เช่นเดียวกันกับจูริ
ผมเอื้อมมือไปยังเส้นผมของยูกิ...จากนั้นก็แตะที่แก้ม
ทีนี้ผมก็จะไปอยู่ข้างๆ จูริได้เสียที...
ได้เวลาอำลาโลกอันน่าเบื่อนี่แล้ว



ของกำนัลจากยูกิ

ภายในห้องนั่งเล่นมีกลิ่นหอมของกุหลาบลอยอยู่จางๆ
คานาเมะดื่มด่ำอยู่กับกลิ่นหอมนั้นด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย พลางหรี่ดวงตาสีแดงเข้มลงอย่างนุ่มนวล
หมู่นี้เขาชื่นชอบชากุหลาบสีทับทิมแก่
?ยูกิทำอะไรอยู่เหรอ??
?ตอนนี้เป็นเวลาเรียนของท่านยูกิค่ะ?
เซย์เรนซึ่งประจำอยู่ทางด้านข้างให้คำตอบ และทำความเคารพอย่างคล่องแคล่ว
?เหรอ...?
นอกหน้าต่างเป็นความมืดในยามค่ำคืน...
สำหรับแวมไพร์แล้วนี่เป็นช่วงเวลาที่ ?สมองปลอดโปร่ง?
?ดูเหมือนจะเกินเวลาไปนิดหน่อยนะ แต่ถ้ากำลังตั้งใจจริงอยู่ก็ถือเป็นเรื่องดี?
คานาเมะวางถ้วยชากลับลงไปบนจานรองโดยไม่เกิดเสียง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องที่ยูกิใช้เล่าเรียน...
(รุ่นพี่ไอโด้ทำหน้าเคร่งเครียดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ...ยังใช้การไม่ได้อย่างที่คิดเลยรึเปล่านะ...)
ไอโด้ผู้กำลังจ้องมองกระดาษคำตอบอยู่ ขมวดคิ้วจนมุ่น
เมื่อเหลือบมองดูใบหน้าด้านข้างของเขาแล้ว ยูกิก็ประสานมือไว้ตรงหน้าอกในท่าภาวนาเสียแน่นด้วยความกังวล
(ฉันก็มั่นใจในการสอบครั้งนี้อยู่พอตัวแล้วนะ...)
เมื่อครู่นี้มีการสอบเลขแบบไม่บอกล่วงหน้า
ช่วงที่ไอโด้เพิ่งมาติวหนังสือให้ยูกิใหม่ๆ ในฐานะครูผู้สอน หลังจากที่ยูกิมาอาศัยอยู่ ณ บ้านหลังนี้...บ้านคุรันที่ซึ่งเธอเกิดมา หัวสมองของยูกิก็ในสภาวะสิ้นหวังที่ ?ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่รู้อะไร? แล้ว
จากสภาพเช่นนั้น เธอต้องมาตั้งต้นที่ขั้นพื้นฐานใหม่ และหลังจากพยายามมาทีละเล็กทีละน้อย พักหลังนี่เธอก็พอจะทบทวนบทเรียนและเตรียมตัวสำหรับบทเรียนถัดไปขึ้นมาได้บ้างแท้ๆ
(หัวสมองของฉันมันย่ำแย่อย่างไร้ความหวังเลยรึเปล่านะ... รู้สึกว่าถ้าคราวนี้ยังใช้ไม่ได้อีก ก็เหลือแต่ต้องปรับปรุงด้วยการกลับไปเกิดแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเดียวนั่นล่ะ...)
ระหว่างที่เธอนั่งมองดูปลายนิ้วไอโด้ซึ่งเช็กไปทีละข้อๆ อย่างถ้วนถี่โดยเปรียบเทียบระหว่างช่องคำตอบกับโจทย์ ด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังดิ้นรนขณะที่เท้าติดอยู่ในหล่มโคลน...
?ไม่อยากจะเชื่อ...?
อยู่ๆ ไอโด้ก็พึมพำออกมาเบาๆ
เสียงนั่นทำให้ไหล่ยูกิกระตุกวูบ
(นะ นึกแล้วเชียว...ว่าใช้ไม่ได้ ขอโทษด้วยค่ะ รุ่นพี่คานาเมะ ยูกิเป็นเด็กไม่เอาไหนจริงๆ ด้วยค่ะ...!)
ขณะที่ยูกิมัวแต่ขอโทษขอโพยคานาเมะอยู่ในใจด้วยน้ำตาคลอเบ้านั้น...
?ไม่อยากจะเชื่อ...!?
ไอโด้พึมพำแบบนั้นออกมาอีกครั้ง แล้วขีด ?O? เร็วๆ ลงไปที่คำตอบบนสุด
(เอ๋...!?)
ยูกิกะพริบตาปริบๆ พลางมองตามปลายนิ้วไอโด้ที่ตวัดปากกาแดงเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามช่องคำตอบ...
?ตอบถูก...นี่ก็ด้วย นี่ก็ด้วย...นี่ก็ด้วย...!?
ในที่สุด ?O? ใหญ่ๆ ก็ถูกขีดลงบนช่องทางด้านล่างสุดของกระดาษข้อสอบ
นั่นทำให้ดวงตาของยูกิเบิกกว้าง
?รุ่นพี่ไอโด้...นั่นแปลว่า?
?อืม...แบบนี้ไม่ผิดแน่นอน...?
ไอโด้เขียนลงไปข้างๆ ชื่อ ?ยูกิ คุรัน? บนกระดาษข้อสอบว่า ?100? ก่อนจะขีดเส้นใต้สองเส้น
?ได้ 100 คะแนน?
ความก้าวหน้าของยูกิซึ่งสอบตกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไอโด้ต้องทำหน้าราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์
?นี่นับเป็นผลลัพธ์ที่ได้จากการสอนสั่งของผมสินะ แหม ช่างยาวนานมาก...?
ไอโด้ทำท่าปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วพ่นลมหายใจออกดังฟู่อย่างโล่งใจ
ยูกิเองก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อขณะจับจ้องไปที่ตัวเลข ?100? แต่แล้วความรู้สึกรับรู้ก็ค่อยๆ ท่วมท้นขึ้นมา...
?กรี๊ดดด 100 คะแนน! 100 คะแนนล่ะ! รุ่นพี่คานาเมะ ในที่สุดยูกิก็ได้ 100 คะแนนแล้วล่ะค่า!?
ยูกิร้องขึ้นพร้อมกับลุกจากที่นั่ง และถือกระดาษคำตอบวิ่งปราดออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน
?เฮ้ ไม่มีคำขอบคุณผมบ้างรึไง!??
ไอโด้รีบตามไล่หลังเธอออกไปยังทางเดิน แต่ก็ยิ้มฝืดๆ ออกมาโดยไม่ตั้งใจเมื่อเห็นด้านหลังของยูกิผู้กำลังเริงร่า
?ดีใจขนาดนั้นเชียว หรือว่า...?
(ยัยนั่นเพิ่งเคยได้คะแนนเต็มเป็นครั้งแรกในชีวิตเหรอ...?)

คนที่ทำลายบรรยากาศหรูๆ ในห้องนั่งเล่นที่มีกลิ่นหอมอ่อนจางของกุหลาบลอยอยู่ ก็คือยูกิซึ่งพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมด้วยกระดาษข้อสอบแผ่นหนึ่งในมือ
?รุ่นพี่คานาเมะ ช่วยฟังหน่อยค่ะ!?
?เอะอะเรื่องอะไรกันเหรอ? ยูกิ?
เมื่อเห็นคานาเมะฝืนยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบถ้วยชาขึ้นมา ยูกิก็รีบจัดท่าให้เรียบร้อย
?ขะ ขอโทษด้วยค่ะที่มารบกวนเวลาพักผ่อน...?
อยู่ๆ ยูกิก็รู้สึกอายจัดจนหน้าแดงที่ทำตัวเริงร่าเหมือนเด็กๆ
?ไม่ต้องสำรวมขนาดนั้นหรอก?
คานาเมะวางถ้วยกลับลงไปบนจานรองเบาๆ ก่อนจะเกริ่นว่า ที่สำคัญกว่านั้น...และมองไปที่ยูกิ
?ตั้งใจจะเรียกผมว่า ?รุ่นพี่? ไปถึงเมื่อไหร่กัน??
คานาเมะเคยบอกให้เรียกเขาว่า...?คานาเมะ? เฉยๆ มาแล้ว
แต่ยูกิยังลังเลที่จะเรียกเขาห้วนๆ อยู่
เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามเรียกเขาว่า ?ท่านพี่? หรือ ?ท่านพี่คานาเมะ? เท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อกี้เธอมัวเริงร่าเสียจนเผลอลืมไป...
?ขอโทษนะคะ ท่านพี่...คานาเมะ?
พอเธอยอมขอโทษแต่โดยดี คานาเมะก็ยิ้มให้อย่างนุ่มนวลเป็นเชิงบอกว่าตอนนี้เอาอย่างนั้นไปก่อนก็ได้
?ว่าแต่มีอะไรเหรอ? ท่าทางดีใจแบบนั้น...มีเรื่องอะไรดีๆ รึเปล่า??
?อ๊ะ ค่ะ! คือว่า...วันนี้ฉันทำสอบได้ 100 คะแนนค่ะ!?
ว่าแล้วยูกิก็กางรอยยู่ยี่เล็กน้อยตรงมุมกระดาษออก
?แต่นแต๊น!?
จากนั้นก็ยื่นมันไปตรงหน้าคานาเมะด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ตรงนั้นมีตัวเลข ?100? จากลายมือของไอโด้ที่ดูเป็นประกายระยิบระยับอยู่
?งั้นเหรอ... ยินดีด้วยนะ ยูกิ พยายามได้ดีมากเลย?
?คะ ค่ะ! ขอบคุณมากค่ะ รุ่นพี่คา...ไม่สิ ท่านพี่! ตัวฉันเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลย...?
?ยูกิเป็นคนที่ตั้งใจจริงแล้วจะทำได้นะ?
คานาเมะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ และรับกระดาษข้อสอบไปตรวจดูโจทย์อย่างถี่ถ้วนทีละข้อๆ
เสร็จแล้วเขาจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ และกล่าวกับเซย์เรน
?เซย์เรน มีปากกาแดงรึเปล่า??
?...มีค่ะ ท่านคานาเมะ?
เซย์เรนยื่นปากกาแดงมาให้ในทันที
คานาเมะยื่นมือออกไปรับอย่างสง่า แล้วเขียนวงกลมรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ลงไปจนเต็มหน้ากระดาษคำตอบ
?ผมจะเขียนวงกลมรูปดอกไม้ให้เธอก็แล้วกัน ยูกิ จากนี้ไปก็พยายามเข้าล่ะ?
?ค่ะ...! ฉันจะพยายาม! ขอบคุณนะคะ ท่านพี่?
ยูกิรับกระดาษข้อสอบไป และกอดไว้กับอกอย่างทะนุถนอม
คานาเมะมองดูสีหน้าเช่นนั้นของน้องสาวที่รักใคร่ด้วยความพึงพอใจ พลางยิ้มน้อยๆ
***

เย็นวันถัดมา...
(อื๋อ...?)
ยูกิตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นหอมของกุหลาบ
เธอขยี้ดวงตาอันง่วงงุนพลางกวาดตามองไปรอบห้องนอน และพบว่า...
มีดอกไม้อยู่ทั่วไปหมด...
ในห้องเต็มไปด้วยดอกไม้ จนเธอหลงนึกไปชั่ววูบหนึ่งว่าที่นี่อาจจะเป็นแปลงดอกไม้
ทั้งกุหลาบสีแดง ขาว เหลือง ชมพู ส้ม ดอกยิปโซฟิล่าสีขาว ลิลลี่ กล้วยไม้ เดซี่...
แค่ดูคร่าวๆ ก็เห็นว่ามีดอกไม้มากขนาดนี้แล้ว ถ้าหากรวมดอกไม้ที่ไม่รู้จักชื่อเข้าไปอีก ก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดจะมีสักกี่ชนิดกันแน่
?ทะ ทำไมถึงได้มีดอกไม้เยอะแยะขนาดนี้...??
เธอลุกขึ้นด้วยอาการงงงัน แล้วจึงเห็นว่ามีการ์ดข้อความใบหนึ่งแนบมากับช่อดอกไม้ตั้งโต๊ะน่ารักๆ ที่วางอยู่ข้างเตียง

...ยินดีด้วยที่ได้คะแนนเต็มคานาเมะ

?นะ นี่เป็น...ของอวยพรที่ได้ 100 คะแนนเมื่อวานนี้เหรอ!??
เธอคลุมผ้าคลุมไหล่ทับลงบนเสื้อคลุมนอนอีกที และพอรีบวิ่งออกจากห้องไป ยูกิก็บังเอิญเจอกับเซย์เรนเข้าตรงกลางทางเดิน
?อ๊ะ เซย์เรนซัง! รุ่นพี่คา...เอ๊ย ท่านพี่ล่ะ??
?ท่านคานาเมะออกไปข้างนอกเมื่อครู่นี้ค่ะ?
?เหรอ...?
?ที่สำคัญกว่านั้น ท่านยูกิ ถ้าอยู่ในห้องตัวเองก็เป็นอีกเรื่อง แต่แต่งตัวแบบนี้ออกมาคงไม่เหมาะ...?
เซย์เรนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นการแต่งตัวของยูกิ
?อ๊ะ ขอโทษนะคะ ฉันรีบร้อนไป...?
ยูกิรวบด้านหน้าของผ้าคลุมไหล่มาทบกันไว้ ก่อนจะกลับไปยังห้องนอน
จากนั้นก็ใช้เวลาในวันนั้นอย่างสุขสงบ...
(รุ่นพี่คา...ไม่ใช่สิ ท่านพี่ยังไม่กลับมาอีกเหรอ...)
เธอรอคอยอยู่เพราะตั้งใจที่จะกล่าวคำขอบคุณ แต่คานาเมะไม่ยอมกลับมาสักที...จนยูกิผล็อยหลับไปก่อน

และแล้วในเย็นวันต่อมา...
(เอ๋...?)
ยูกิซึ่งตื่นขึ้นมาต้องกะพริบตาปริบๆ อีกหนหนึ่ง
รอบตัวเธอมีแต่ดอกไม้แล้วก็ดอกไม้...ไม่ต่างจากเมื่อวานนี้ แต่ว่ามีกล่องของขวัญนานาชนิดซึ่งประดับด้วยกระดาษห่อและโบวางกองกันเป็นภูเขาอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องนอนด้วย
(คะ คราวนี้อะไรอีก?)
ยูกิเอาผ้าคลุมไหล่ห่มลงบนเสื้อคลุมนอน และขยับเข้าไปใกล้กองของขวัญนั่นอย่างหวาดๆ
การ์ดที่แนบมาในนั้นมีข้อความว่า...

...ขอชื่นชมในความพยายามของเธอ คานาเมะ

ร้อยเรียงเอาไว้
(.....)
เธอเลือกกล่องเล็กๆ มาลองเปิดดูก่อน ข้างในนั้นมีช็อกโกแลตรูปทรงลูกเจี๊ยบน่ารักๆ ใส่อยู่
ลูกเจี๊ยบตัวกลมป๊อกสีไข่นั้นมีดวงตากลมโตน่าเอ็นดูที่ทำจากช็อกโกแลตนม
?ทำไมถึงเป็นลูกเจี๊ยบ...? ที่สำคัญกว่านั้น ทำไมต้องเป็นช็อกโกแลตด้วย????
ยูกิจ้องมองดูลูกเจี๊ยบด้วยท่าทางสงสัย...
แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ก่อนที่เซย์เรนจะเข้ามาพร้อมกับพูดว่า ?ขออนุญาตค่ะ?
?ท่านยูกิ ตื่นแล้วเหรอคะ?
?อะ อืม...เซย์เรนซัง นี่คือ...?
ยูกิปรายตามองไปยังกองของขวัญ พลางเผยอยิ้มฝืดเฝื่อน
?ท่านคานาเมะเอามากองไว้ด้วยมือตัวเองค่ะ?
เมื่อนึกภาพคานาเมะแอบเอากล่องของขวัญมาก่อขึ้นไปเงียบๆ อย่างเพลิดเพลินเหมือนเล่นต่อตัวต่อ แถมยังไม่ทำให้ยูกิตื่นด้วย ยูกิก็ต้องเอามือกุมหน้าผากเบาๆ
?อีกอย่างหนึ่ง ระหว่างที่ก่อของพวกนั้นอยู่ ท่านคานาเมะพึมพำไปด้วยว่า ?รู้สึกว่าในช็อกโกแลตจะมีสิ่งที่ดีต่อหัวสมองอยู่เต็มไปหมดเลย...? นะคะ?
?ระ เหรอ...?
เรื่องที่ว่าช็อกโกแลตจะส่งผลต่อสมองของแวมไพร์ได้มากแค่ไหนนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ
(มะ มาสร้างแรงกดดันกันเฉยเลยรึเปล่าคะเนี่ย!? ท่านพี่!)
ยูกิใส่ลูกเจี๊ยบกลับลงไปในกล่องด้วยใบหน้ายิ้มทั้งน้ำตา






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไนต์คลาสแห่งโรงเรียนคุโรสึถูกยุบลงหลังจากผ่านการต่อสู้กับริโดะ ยูกิกับเซโร่ก็ต้องแยกจากกันไป... ผู้ซึ่งคอยจับตาดูเซโร่อยู่ในเมืองยามค่ำคืน ก็คือลูกน้องของชิเอ็นนั่นเอง จุดประสงค์คืออะไรกันแน่!? นี่คือฉบับนิยายที่เหล่าแฟนๆ ต้องมีเอาไว้ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 บท รวมถึงเรื่อง ?ของกำนัลจากยูกิ? ผลงานที่ลงใน WEB ด้วย

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”