New Release : พิรุณสวาท

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : พิรุณสวาท

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1
รจเรขพาตัวเองเข้าไปหาหลักฐานในแผนกบัญชีเพิ่มเติม หลังจากถ่ายเอกสารครั้งที่แล้วยังไม่หมด...ยังมีเอกสารอีกมากมายที่พอแสดงเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญได้
หล่อนอาศัยช่วงเวลาเลิกงานที่คนกลับกันหมดแล้ว...เข้าไปถ่ายเอกสารโดยไม่มีใครจับได้ เพราะยามเป็นลูกน้องเก่าของบิดา
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน...รจเลขทำเช่นนั้นอีกครั้ง
หล่อนเข้ามาลอบถ่ายเอกสารสำคัญๆ ไปหลายชิ้น และเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อโหลดเอาทุกเรื่องที่มีอยู่ในเครื่องนี้ไปให้หมดสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเดียว...
ขณะนี้โหลดเอกสารเรียบร้อยแล้ว รจเรขกำลังจะออกไปจากห้อง...นายทศทิศ ผู้เป็นหุ้นใหญ่ก็เข้ามาพอดี ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว...
?เอ๊ะ...เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่ป่านนี้นี่?
นายทศทิศเดินเข้ามาใกล้และพิจารณาหล่อนจนจำได้...
?หนูเพิ่งพิมพ์งานเสร็จค่ะ...กำลังจะกลับ?
รจเรขแก้ตัวออกไป
?ไหน...งานอะไร...เอามาดูซิ...?
นายทศทิศต้อนหล่อนไปจนถึงโต๊ะพนักงานพิมพ์ดีดที่รจเรขทำงานอยู่...และรอจนหล่อนเปิดคอมพิวเตอร์ และดึงจดหมายที่มีถึงแผนกต่างๆ ให้เขาดู...
ขณะที่หล่อนดึงงานขึ้นมานั้นด้วยความตื่นเต้นตกใจ กลัวเขาจะจับได้ นายทศทิศก็จ้องมองหญิงสาวอยู่เงียบๆ อย่างพิจารณา...ก่อนจะลูบไปทั่วหลังไหล่ของหล่อนอย่างย่ามใจ...
?ฉันจำได้แล้ว...เธอเป็นลูกสาวของทนายสุรสิทธิ์ใช่ไหม...เพิ่งเข้ามาทำงานสินะ...?
ไม่พูดเปล่า...แต่นายทศทิศยังจับมือรจเรขเอาไว้แน่น และจับตามองหล่อนด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจ...
?พ่อเธอส่งเธอเข้ามาเป็นไส้ศึกในบริษัทเราหรือเปล่านี่...?
เขาถาม และกระชากหล่อนให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างพยายามจะหาเรื่อง...
?ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้...ไม่งั้นเธอโดนไล่ออกแน่...?
?ปละ...เปล่าค่ะ...หนูอยู่พิมพ์งานจริงๆ นะคะ...หนูพยายามทำงานให้ทันนะคะ...ได้โปรดเข้าใจหนูเถอะค่ะ...?
ความกลัวว่าจะถูกจับได้ทำให้รจเรขสั่นไปทั้งตัว...แต่นายทศทิศคิดว่าหล่อนกำลังกลัวเขา...กลัวถูกไล่ออกอย่างผู้หญิงส่วนมากที่เขาเคยเอาเปรียบได้ในอดีต...
นายทศทิศฉวยโอกาสดึงร่างหล่อนเข้าไปกอดและกดลงกับโต๊ะทำงานอย่างย่ามใจ เมื่อบอกกับหล่อนว่า...
?ก็ได้...ฉันจะยกโทษให้เธอในคราวนี้...แต่เธอต้องตามใจฉันหน่อยนะ...?
คำพูดของทศทิศทำให้รจเรขรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร...
หล่อนตัวสั่นมากยิ่งขึ้น แต่ความกลัวว่าเขาจะจับได้เริ่มลดลง...
?คุณต้องการอะไรคะ...บอกมาเลยค่ะ...หนูจะจัดหาให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ...?
หล่อนแกล้งลนลาน ทรงตัวลุกขึ้นอย่างเร็ว...และก้มหน้าหนีอีกฝ่ายไปอีกทางเหมือนรู้ไม่ทัน
?ฉันต้องการเธอไงล่ะนังหนู...มานี่...?
นายทศทิศฉวยโอกาสนั้นลากหล่อนตรงไปยังห้องทำงานของเขาทันที
?เดี๋ยวค่ะ...เดี๋ยว...หนูปวดฉี่ค่ะ...ขอเข้าห้องน้ำก่อนค่ะ...คุณอย่าขู่หนูมากสิคะ หนูกลัวค่ะ...?
พูดจบหล่อนก็สะบัดตัวหลุดจากมือเขาและวิ่งลิ่วไปห้องน้ำทันที โดยไม่สนใจนายทศทิศอีก...
พอเปิดประตูมานอกห้อง รจเรขก็พบกับยามที่เป็นคนของบิดาทันที...
?ลุงสอน...เร็วเข้า ช่วยหนูที...นายทศทิศจะปล้ำหนู...?
รจเลขละล่ำละลักบอกยามเก่าแก่ที่ไว้ใจได้
?หา...มันจะทำอย่างนั้นหรือ...?
ลุงสอนถามอย่างตกใจ...
?หนูต้องรีบกลับบ้านก่อนล่ะ...แต่หนูลืมกระเป๋า...ลุงไปเอากระเป๋าให้หน่อยสิ หนูจะรอตรงนี้...?
รจเลขร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ลุงสอนผู้เป็นยามพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในห้องบัญชีอย่างเร็ว...เผชิญหน้ากับนายทศทิศเข้าพอดี...
?เอ้า...แกเข้ามาทำไม...?
ทศทิศถามยามอย่างไม่พอใจ...
?ผมมาตรวจความเรียบร้อยครับ...มีพนักงานพิมพ์ดีดคนหนึ่งอยู่ในนี้ เธอยังทำงานไม่เสร็จครับ...นี่จะทุ่มแล้ว ผมจะมาเตือนให้เธอกลับได้แล้ว...คุณท่านเห็นเธอไหมครับ...?
ยามสอนเสแสร้งพูดออกไป เกรงว่านายทศทิศจะรู้ตัวว่าตัวเองทำเรื่องน่ารังเกียจอะไรไว้
?ไม่เห็น...?
นายทศทิศตอบก่อนจะเดินเข้าห้องไปด้วยความโมโหที่ยามเฒ่าเข้ามาขัดคอ...
ส่วนลุงสอนมองเห็นทศทิศก้าวเข้าไปในห้อง แล้วก็หันมาคว้ากระเป๋าของรจเรขเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
?เอ้า...เอาไปแล้วรีบกลับเลยนะคุณหนู...?
เขาส่งกระเป๋าให้หญิงสาวแล้วมองเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้งอย่างไม่ไว้ใจ
?ค่ะๆ...ไปล่ะ...?
หญิงสาวรับคำ แล้ววิ่งแน่บตรงไปยังลิฟต์กดลงสู่ชั้นล่างในทันที
***
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ซึ่งเป็นเรือนไม้เก่าๆ บนเนื้อที่ห้าสิบตารางวา หล่อนจึงเล่าให้บิดาฟัง
?พ่อคะ...วันนี้หนูเจอนายทศทิศค่ะ...เขาจำได้ว่าหนูเป็นลูกพ่อ...?
หล่อนบอกกับบิดาเมื่อกลับมาถึงบ้าน
?แล้วมันว่ายังไงอีก...?
ทนายสุรสิทธิ์หันมาถามอย่างสนใจ...
?มันพยายามจะปล้ำหนู...?
?หา...!? ว่าไงนะ...?
พ่อหล่อนหันมามองอย่างตกใจ...
?แต่หนูหนีได้ทัน...พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ...หนูไม่มีวันยอมมันหรอก...สิ่งที่มันทำวันนี้ทำให้เข้าใจแล้วว่า...ข่าวที่พวกพนักงานนินทากันนั้นเป็นความจริง?
หล่อนหยุดพูดเพื่อมองหน้าบิดาอย่างจริงจัง เพราะต้องการบอกให้รู้ว่าหล่อนไม่กลัว และกล้าเสี่ยงที่เข้าไปเก็บหลักฐานที่เหลือให้ได้
บิดาได้นิ่งฟัง รจเรขจึงพูดต่อไปว่า
?ยังเหลือแฟ้มสำคัญอีกสองแฟ้มเท่านั้นค่ะ...เราจะได้หลักฐานทั้งหมด...หนูขอเวลาอีกไม่กี่วัน ทีแรกจะใช้เวลาหลังเลิกงาน...แต่ต้องเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นเสียแล้ว...หนูจะมองหาโอกาสเองค่ะ...?
คำอธิบายของลูกสาวทำเอาทนายเฒ่าต้องถอนใจ...
ความจริงเขาไม่อยากให้ลูกต้องเสี่ยงเลย...แต่จะเข้าไปค้นเองนายทศทิศต้องรู้ทันและไล่เขาออกมาอย่างแน่นอน
และแน่นอนว่าแผนการทั้งหมดที่วางไว้จะต้องพังครืนอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะฉะนั้น...ในตอนนี้มีเพียงรจเรขเท่านั้นที่จะแทรกซึมเข้าไปหาหลักฐานมาได้ และเขาต้องจำยอมในลูกเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องนี้
?เอาเถอะนะ...ระวังตัวนะลูก อย่าประมาทเป็นอันขาด เราจะต้องรวบรวมหลักฐานมาให้ได้?
ผู้เป็นบิดาถอนใจออกมาอย่างเป็นกังวล
?ค่ะพ่อ...หนูรู้ดี...นายทศทิศจะต้องใช้หนี้ที่พยายามรังแกหนูวันนี้ด้วย...?
รจเรขพูดถึงนายทศทิศด้วยความโกรธที่เขาทำท่าจะปล้ำหล่อน และคิดจะเอาคืนให้ได้ในที่สุด...
***
?ไอ้ทนายสุรสิทธิ์...มันทำเสียงแข็งกับพวกเราครับเจ้านาย?
ลูกน้องของทศทิศเข้าไปรายงานเขาในวันหนึ่ง
?ผมว่าไอ้หมอนี่มันทำท่าจะไม่ยอมเป็นพวกเราง่ายๆ...สงสัยว่าจะต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบกันสักที?
ลูกน้องเสนอเพื่อหวังจะเอาใจเจ้านาย
?จะทำอะไรก็ทำไป...อย่าให้เดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน...?
นายทศทิศพูดกับลูกน้อง แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อโดยไม่ใส่ใจอะไรอีก...
คืนนั้นเองในขณะที่สองพ่อลูกกำลังรับประทานอาหารเย็นกันในบ้าน...ระเบิดลูกย่อมก็ถูกปาข้ามรั้วเข้ามา
เสียงระเบิดดังสนั่นอยู่บริเวณหน้าบ้าน...ประตูกระจกถึงกับแตกกระจาย...รั้วบ้านเก่าๆ เป็นรูเบ้อเริ่มไปในทันที...ส่วนทนายและลูกสาวนั่งกินอาหารอยู่ในครัวเลยรอดไป...
?มันพยายามขู่เรา...?
ทนายบอกกับลูกสาวเมื่อหลบระเบิดกันอยู่ใต้โต๊ะ
?นายทศทิศหรือคะ...?
รจเรขเอ่ยชื่อทศทิศด้วยความมั่นใจ เพราะเวลานี้หล่อนกับพ่อไม่ได้มีศัตรูที่ไหน นอกจากเรื่องที่บิดาแข็งข้อกับนายทศทิศเพียงผู้เดียว
ที่สำคัญ นายทศทิศอาจจะระแวงหล่อนขึ้นมาก็ได้หลังจากวันนั้นที่เขาพบรจเรขในห้องทำงาน
?มีแต่พวกมันเท่านั้นล่ะ...วันนี้มันบังคับให้พ่อเซ็นรับรองการเบิกเงินเกินจำนวนของพวกมัน แต่พ่อไม่เซ็น...?
พูดจบแล้วทั้งพ่อทั้งลูกต้องถอนหายใจพร้อมๆ กัน...
?พ่อจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่คะ...พ่อต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะคะ?
รจเรขถามด้วยความกลุ้มใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
?พ่อกำลังคิดอยู่...พ่อจะส่งจดหมายไปบอกให้คุณปรเมศร์กลับมาจัดการกับทุกอย่างเสียที...ก่อนที่บริษัทปรวัน และเพื่อนจะเจ๊งเสียก่อน...?
?หนูสนับสนุนค่ะ...รีบๆ เข้าเถอะค่ะ...พ่อน่าจะบอกเขาตั้งนานแล้วนะ...?
หล่อนถอนใจออกมาหนักหน่วง
?พ่อบอกไปหลายหนแล้ว...แต่เขาไม่กลับมาสักทีน่ะลูก...?
ผู้เป็นบิดาเองก็หนักใจไม่แพ้กันกับความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอยู่
?จะรอจนไม่มีเงินไปส่งให้ล่ะมั้งคะ...ถึงจะยื่นหน้ามาถามว่าเงินหายไปไหนหมด...?
ลูกสาวพูดเป็นเชิงประชดถึงทายาทโดยตรงที่ไม่คิดจะกลับมาดูดำดูดีมรดกและผลประโยชน์ของตัวเองเสียทีนั่นเอง...
***
ที่อเมริกาในเวลาต่อมา...
ร่างสูงใหญ่ของปรเมศร์ขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่เข้ามาจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ราคาแพงของเขา...ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกและแว่นกันแดดเดินเข้าที่พักไปอย่างใจเย็น
?มิสเตอร์ซินครับ...มีจดหมายของคุณครับ...?
เจ้าหน้าที่ประจำฟร้อนท์บอกกับเขา ขณะที่ชายหนุ่มเดินผ่านไปยังลิฟต์ และส่งจดหมายประทับตราด่วนให้กับเขา...
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปรับและขอบใจพนักงานสูงวัยที่ไม่เคยเรียกนามสกุลเขาได้ครบเลยตั้งแต่รู้จักกันมา
ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นมาจนถึงชั้นที่เขาอยู่แล้วเดินออกจากลิฟต์เข้าห้องพัก พร้อมกับฉีกจดหมายออกอ่าน...
จดหมายจากประเทศไทยทุกฉบับเป็นจดหมายแจ้งการโอนเงินจำนวนมากให้เขาทั้งนั้น...ยกเว้นจดหมายฉบับนี้...
?กลับบ้านเสียทีครับคุณปรเมศร์...เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะครับ...ถ้าไม่กลับ บริษัทของคุณพ่อต้องพังแน่นอน...?
คราวนี้ทนายสุรสิทธิ์บอกความจริงไปเลยแบบสั้น...กระชับ ให้ผู้รับเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา...เพราะจดหมายฉบับก่อนๆ เป็นเพียงเร่งให้เขากลับบ้านเท่านั้น...
ไม่ได้บอกสาเหตุอย่างฉบับนี้
ฝ่ายปรเมศร์อ่านจดหมายจบแล้วก็เดินเอามันไปใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะใกล้ๆ นั่นเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองกระจกกลมชัดแจ๋ว...มองดูหน้าตัวเองอยู่ชั่วขณะ
ถ้ากลับบ้าน เขาก็ต้องตัดผมยาวๆ แถมหยิกฟูไปทั้งหัวนี่ทิ้ง...แถมหนวดเคราดำขลับที่ยาวเฟิ้มคลุมไปทั่วกรอบหน้าที่เขาชอบมันมากนี่ทิ้งไปด้วย...
แล้วถ้าจะไม่ตัดผมไม่โกนหนวดได้ไหมนี่...
เขาถามตัวเองขณะยกปลายนิ้วขึ้นลูบไปทั่วหนวดเคราที่ทำให้ไม่มีใครเห็นใบหน้าอันคมคายหล่อเฟี้ยวของเขาชัดเจนอย่างพอใจ...
เขานึกถึงจดหมายจากประเทศไทยที่เรียกร้องให้เขากลับบ้านหลายครั้งแล้ว...แต่ปรเมศร์ติดนัดทุกครั้ง...จนกระทั่งตอนนี้
เขาไม่มีนัดที่ไหนกับสาวๆ คนใดอีกแล้ว...เรียกได้ว่าว่างชั่วคราว...
เอาเถอะ...เขาจะกลับไปดูเรื่องใหญ่โตที่ทนายบอกมาสักหน่อย...จะจัดการให้มันกลายเป็นเรื่องเล็กแล้วค่อยกลับมาใหม่...
มาใช้ชีวิตหนุ่มโสดของเราให้มันชุ่มโชกต่อไป...
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผละออกจากโต๊ะลิ้นชักตรงนั้นเข้าไปในห้องพัก แล้ววางแผนกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ทันที...
เขาไม่คิดจะเอาอะไรติดตัวไปมากมาย เพราะตั้งใจจะกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน
ปรเมศร์ไม่รู้หรอกว่าการกลับไปคราวนี้...เขาจะไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกแล้ว...หรือถ้าได้กลับมาที่นี่ก็เพราะจำเป็นเท่านั้น...
ชะตาชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงแบบยาวนานตลอดชีวิตเลยทีเดียว...
***
ในห้องขังแห่งหนึ่งในคุกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ร่างสูงตรง...บ่ากว้างแบบทหารของผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าเส้นชอล์กจำนวนมากตรงหน้า แล้วมองดูวันที่เขาจะต้องติดคุกที่เหลืออีกแค่ไม่กี่วันนี้เอง...
ห้าปีในคุก...สุดแสนทรมานสำหรับเขา
กาวินทร์นายทหารหนุ่มสูญเสียโอกาสในชีวิตมากมายไปในห้าปีนี้...รวมทั้งผู้หญิงที่เขาเลือกมาเป็นคู่ชีวิต...
กาวินทร์ถอนใจยืดยาวแล้วปัดความคิดถึงหล่อนไปทันที...ซึ่งเขาทำมานานและได้ผลมาจนถึงวันนี้...จนไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป
ร่างสูงยืดตัวเองขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างทระนง...แล้วบอกตัวเองว่าอีกไม่กี่วันจะได้ออกไปจากห้องขังนี้แล้ว...และจะไม่ยอมกลับมาอยู่ในนี้อีกตลอดชีวิต...
เขาไม่ใช่คนพาลสันดานหยาบ ที่จะเข้าๆ ออกๆ คุกเป็นว่าเล่น...
เขาเป็นคนดีคนหนึ่งที่พลาดในสังคมที่มีอันธพาลมากมายเช่นนี้
และเขาจะพลาดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น...กาวินทร์บอกตนเอง
กาวินทร์ถอยออกไปจากผนังที่เต็มไปด้วยเส้นชอล์กสีขาวมากมายที่เขาเขียนหักจำนวนวันออกไปเรื่อยๆ จนเหลืออีกไม่กี่เส้นไป
ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหยียดยาว...ยกมือขึ้นวางบนหน้าผาก แล้วหลับตาลงเพื่อรอคืนวันให้ผ่านไป...
***
วันต่อมา...นายทศทิศยังไม่ลืมรจเรขไปง่ายๆ เขาเข้าเดินเข้าไปหาหล่อนในห้องทำงาน โดยปรายสายตามองหาหล่อน...
รจเรขมองเห็นร่างท้วมสูงใหญ่ของเขาเข้าเสียก่อน แล้วพาตัวหลบวูบไปทันที...ทำให้นายทศทิศไม่เห็นหล่อน
เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน ทศทิศก็พบหญิงสาวสวยหน้าใหม่ที่มีเรือนร่างอวบขาวไปทั้งตัวจนทำให้เขาลืมรจเรขไปได้ทันทีเหมือนกัน...
?หนูเป็นใครกัน...แล้วมีธุระอะไรกับฉัน...?
เขาถามโดยไม่วางตาจากร่างอวบขาวนั้น
?หนูมาแทนคุณปรีชา เลขาฯ คนสนิทที่ลาป่วยน่ะค่ะ...ข้างล่างส่งหนูขึ้นมาให้คุณทศทิศสัมภาษณ์อีกครั้งว่าจะตกลงรับไว้หรือไม่...?
คำตอบของสาวสวยทำเอานายทศทิศซ่อนยิ้มไว้อย่างถูกใจ...เมื่อบอกให้หล่อนนั่งลง แล้วเริ่มสัมภาษณ์กันตามลำพังต่อไป...
เขาบรรจุหล่อนให้เริ่มทำงานทันที...
และเย็นนั้นก็ชวนกันไปทานอาหารเย็น โดยไม่หันมาสนใจรจเรขอีกเลย...
รจเรขถึงกับถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก เมื่อไม่มีใครอยู่ขวางการหาหลักฐานในตอนเลิกงานของหล่อนอีกต่อไป แล้วรีบลงมืออย่างรวดเร็ว...
เมื่อหล่อนได้หลักฐานครบ...หล่อนก็ไม่กลัวแล้วที่นายทศทิศจะไล่ออกหรือไม่ไล่ออกถ้าขัดใจเขา...




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?ปรเมศร์? ถูกเรียกตัวกลับมาจากอเมริกาโดยด่วน ข้อความที่ทนายส่งไปบอกคือเขากำลังโดนโกงและจะล้มละลายในไม่ช้า เขาจึงกลับมาแต่เป็นการกลับมาโดยไม่บอกกล่าวใครล่วงหน้าให้รับรู้ จนกระทั่งเขาไปปรากฏตัวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยอาการสมองเสื่อม ทว่าการกลับไปยังคฤหาสน์หลังงามนี้ไม่ใช่ทายาทที่แท้จริงอย่า ปรเมศร์กลับกลายเป็น ?กาวินทร์? ผู้ซึ่งได้รับการปล่อยตัวจากห้องขังที่จองจำเขาเกือบห้าปี และชายหนุ่มผู้นี้ก็ช่วยสะสางปัญหาและจับกุมคนคดได้อยู่หมัดทันเวลา ส่วนปรเมศร์ที่ต้องไปอาศัยอยู่กับ ?สายรุ้ง? ที่
รีสอร์ทเพราะความบังเอิญนั้น ก็กลับมาพร้อมกับความทรงจำใหม่ที่ถูกสร้างด้วยความรักท่ามกลางสายฝนของสายรุ้ง

ปรเมศร์บอกหล่อนก่อนจะซบหน้าลงกับตักภรรยาอย่างที่เขาชอบทำ...
พอซบหน้าลงจูบแล้วก็จูบไล่ไปเรื่อยโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของหล่อน...
?คุณรู้ไม่ใช่หรือว่าคุณมีความหมายกับผมขนาดไหน...
ขาดคุณไปแล้วใครจะกล่อมผมให้นอนกับความรักแบบนี้...?
เขาถามและระดมจูบหล่อนจนตัวอ่อน...ทำอะไรไม่ได้ในเวลาต่อมา...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”