เป็นวันที่ร้อนระอุ ทั้งสามคนกำลังนอนเอกเขนกเหงื่อไหลเป็นทางอยู่บนพื้นห้อง ผ้าม่านโปร่งแสงสีฟ้าอ่อนพลิ้วไสวไปกับสายลมซึ่งพัดเข้ามาจากทางหน้าต่างที่เปิดค้างเอาไว้ เมื่อมองผ่านผ้าม่านผืนบางที่กำลังสะบัดเริงระบำ เห็นท้องฟ้าสีครามกับกลุ่มเมฆฤดูร้อน ฮารุก็หยีตาลงทันที
?เท่จัง?
ไคที่นอนอยู่ข้างๆ กันพึมพำ แขนและขาเรียวเล็กยื่นออกมาจากเสื้อวิ่งกับกางเกงขาสั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายโฆษณาสินค้าเกี่ยวกับเหล่าฮีโร่ขบวนการนักสู้
?พ่อครับ ซื้อเข็มขัดแบบนี้ให้ผมหน่อยสิ?
?เข็มขัด? นายไม่มีกางเกงที่ต้องคาดเข็มขัดสักหน่อย?
ยูยะตอบไม่ตรงประเด็นสักเท่าไร
?แต่ว่านั่นเป็นเข็มขัดเรืองแสงเชียวนะ ใช้แปลงร่างเป็นจูไรเดอร์ได้ด้วย?
?ไม่มีทาง ต่อให้เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยของนาซ่าก็ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก?
คำตอบขวานผ่าซากของยูยะทำเอาฮารุซึ่งกำลังนอนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับหัวเราะออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
?นี่ ฮารุจัง ฮารุจังก็คิดว่าเข็มขัดเส้นนั้นเท่ด้วยเหมือนกันสินะ?
เมื่อถูกเขย่าไหล่ ฮารุจึงพลิกตัวหันมาหาไค
?ถ้าผมมีสิ่งนั้นล่ะก็ ผมจะสามารถปกป้องฮารุจังจากสัตว์ประหลาดได้ด้วย?
คิ้วดกเข้มและดวงตาสีดำสนิทที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นสะท้อนอยู่ในแววตาของฮารุ สำหรับเขาแล้ว เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเป็นเหมือนยูยะรุ่นใหม่ ที่ตอนนี้รุ่นดั่งเดิมอายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว แถมยังดูอิดโรยเล็กน้อย
?ปกป้องฉันอย่างนั้นเหรอ.... ขนาดจักรยานนายยังขี่ไม่เป็นเลยเนี่ยนะ?
คำพูดของฮารุเล่นเอาไคถึงกับช็อก และทำให้ยูยะพ่นหัวเราะพรืดออกมา
?พอเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็จัดเต็มไม่ยั้งเลยนะ?
?พูดอย่างกับยูยะไม่เป็นอย่างนั้นแหละ?
ไคทำเสียงฟุดฟิดในจมูก และลากเสียง อือ ออกมา
?ทำไมล่ะ ผมทำได้แน่ๆ ถ้ามีเข็ดขัดนั่นล่ะก็ ผมจะต้องปกป้องฮารุจังได้แน่ๆ?
?เอ๋ หมายความว่า ถ้าไม่มีเข็มขัดนั่น นายก็จะปกป้องฮารุไม่ได้อย่างนั้นสิ? ไม่ได้เรื่องเลยนะเรา?
มุกตลกนี้ของยูยะทำให้ไครู้ว่าตนพ่ายแพ้เสียแล้ว เด็กน้อยจึงนิ่งเงียบ เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองก้มหน้านิ่งด้วยท่าทีเจ็บใจ ยูยะก็หัวเราะออกมาพร้อมกับยื่นมือไปขยี้ผมของไคเล่น
?น่าเสียดายนะ ฮารุน่ะมีฉันอยู่แล้ว นายไปปกป้องคนอื่นแทนก็แล้วกัน?
?ไม่ได้ ผมก็อยากปกป้องฮารุจังเหมือนกัน ผมชอบฮารุจังมากที่สุด?
?ฮารุเป็นผู้ชายนะ ต่อให้นายชอบเขามากเท่าไร เขาก็เป็นเจ้าสาวของนายไม่ได้หรอก รู้หรือเปล่า??
?แต่ว่าฮารุจังสวยมากจริงๆ ผมก็ลื่นสลวย ดวงตาเรียวยาว ขนาดหน้าร้อนยังดูสงบเยือกเย็น ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสวยกว่าฮารุจังได้หรอก?
?โอ้ เรื่องนี้ฉันก็เห็นด้วยเหมือนกัน?
ยูยะกับไค หรือยูยะขนาดย่อส่วน หันมาจ้องหน้าฮารุด้วยสีหน้าทะเล้นพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฮารุเห็นแล้วก็ทำหน้านิ่วขึ้นมาทันที
?อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ?
จากนั้นเขาก็กวาดขาไล่เตะใส่คนละที ทำเอาทั้งสองคนกลิ้งไปกับพื้นก่อนจะหันมาหัวเราะให้กันด้วยท่าทีดีใจ
?เมื่อกี้เห็นหรือเปล่า??
?เห็นๆ?
?ทำท่าเขินด้วย?
?น่ารักมากเลยเนอะ?
พ่อลูกคู่นี้ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือเพื่อความสนุกสนานส่วนตัวนี่นา ฮารุเดาะลิ้นจิ๊กจั๊กและยื่นมือไปหยิบบุหรี่ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
?นี่ พ่อครับ?
?หืม??
?ถ้างั้น ผมยอมให้พ่อเป็นคนปกป้องฮารุจังเบอร์หนึ่งก็ได้ แต่ผมขอเป็นเบอร์สองได้หรือเปล่า?
?อืม เอาอย่างไรดีน้า?
ทั้งสองคนหันหน้าเข้ากันพลางคุยกระซิบซาบ ทั้งๆ ที่ยังนอนเกลือกกลิ้งกันอยู่บนพื้น
?ถ้านายขี่จักรยานได้ล่ะก็ จะยอมให้เข้าร่วมกลุ่มด้วยก็แล้วกัน?
?จริงหรือ? ถ้างั้นผมจะฝึกซ้อมอย่างหนักเลย?
?แต่ว่าถ้ากินพริกหยวกไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมนะ?
?เข้าใจแล้ว ผมจะพยายาม?
?แล้วอีกอย่าง นายต้องตั้งใจเรียน.... ไม่เอาดีกว่า ต้องสนุกกับการเล่นให้เต็มที่?
?เรื่องเล่นน่ะ ผมถนัดอยู่แล้ว?
?เอ่อ แล้วก็ต้องกินปลาด้วย แต่ต้องเลือกกินตัวที่สดๆ เกล็ดเป็นมันเงานะ?
ฮารุฟังบทสนทนาของสองพ่อลูกพลางลุกขึ้นนั่งเพื่อจุดบุหรี่
เขานั่งกอดเข่า ทอดสายตามองไปยังผ้าม่านซึ่งกำลังพลิ้วสะบัดไปตามสายลม ท้องฟ้าสีครามกับเมฆฝนที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ อากาศร้อนที่เรียกเหงื่อออกมาจนเหนียวเหนอะหนะระหว่างผิวกายกับเสื้อเชิ้ต และยูยะกับไคซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่
ฮารุมองตามควันบุหรี่ที่ฟุ้งอยู่ตรงหน้า พลางอธิษฐานขอให้หน้าร้อนแบบนี้มีไปตลอดด้วยเถิด
?กรงแห่งคิมหันต์?
ฝนตกลงมาไม่ยอมหยุดตั้งแต่เช้า ทำให้เหมือนมีแผ่นฟิลเตอร์สีเทาบางๆ บดบังวิสัยทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าตลอดเวลา
แม้จะมองเห็นแผ่นป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า ?สถานที่จัดงานศพของคิริชิมะ ยูยะ? แต่ฮารุก็ยังไม่เชื่อว่านี่คือความจริง
ชุดไว้ทุกข์ที่ขอยืมคนอื่นมาใส่อย่างกะทันหันนั้นใหญ่เกินกว่าตัวของเขานัก ฮารุคอยขยับไหล่ตลอดเวลาเพื่อซ่อนความไม่พอดีนี้มาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว พลางรู้สึกหงุดหงิดกับนิสัยขี้กังวลของตน ตัวกับหัวดูไม่ค่อยจะสมดุลกันเอาเสียเลย
?อายุแค่สามสิบเอ็ดเอง ยังหนุ่มอยู่เลยเนอะ มีลูกด้วยไม่ใช่เหรอ?
?ลูกชายน่ะ เรียนอยู่แค่ชั้นประถมสี่เอง?
เสียงคุยกระซิบกระซาบดังออกมาจากวงสนทนาของกลุ่มคนชุดสีดำทางโน้นทางนี้ไปทั่ว
?แบบนี้ภรรยาคงจะลำบากแย่?
?เขาหย่ากันไปตั้งนานแล้ว ผู้หญิงน่ะทิ้งลูกที่เพิ่งเกิดมาได้แค่ไม่กี่เดือนแล้วหนีหายไปเลย ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แล้วคุณพ่อยังมาด่วนจากไปแบบนี้อีก น่าสงสารเด็กจริงๆ?
น่าสงสาร น่าสงสาร คำพูดที่เบาหวิวราวกับกระดาษกำลังบินกันสลอน
?ได้ยินมาว่าคุณพ่อเป็นนักแสดงด้วย เรื่องจริงหรือ??
?ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นเขาในทีวีมาก่อน แต่ความจริงเป็นอย่างไรฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน?
เรื่องซุบซิบนินทาที่แสร้งพูดให้ฟังดูดี ไม่ต่างกับการสวมเสื้อไหมพรมสากผิวใส่แล้วรู้สึกไม่สบายตัว ฮารุพยายามอดทนอดกลั้นไม่ให้ตนเองวิ่งเข้าไปฉีกเสื้อไหมพรมนั้นจนขาดเป็นชิ้นๆ อย่างที่ใจปรารถนา เขาเบนหน้าไปอีกทางแล้วก็พบเพื่อนๆ จากคณะละครของยูยะ มีคนหนึ่งกำลังก้มหน้าร้องไห้ และอีกคนกำลังกอดไหล่คนคนนั้นพลางร้องไห้ไปด้วย ฮารุรีบเบือนสายตาไปทางอื่นอย่างร้อนรน ถ้าเปรียบเทียบกับคนกลุ่มนี้ที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาอย่างเต็มที่แล้ว เขายังทนเสื้อไหมพรมสากผิวได้มากกว่าเสียอีก
ฮารุได้รับแจ้งข่าวตอนกลางคืนของเมื่อวานซืน หลังมหาวิทยาลัยเพิ่งปิดเทอมฤดูร้อนได้ไม่กี่วัน
ยูยะไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ ที่คณะละคร และถูกคลื่นทะเลคร่าชีวิตไป
เขาหายเข้าไปในกระแสน้ำพัดออก ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างคลื่นในทะเล ความเร็วของกระแสน้ำนั้นพัดเอาร่างของเขาไปสู่บริเวณน้ำลึกอย่างรวดเร็ว ไคเองก็ไปเที่ยวกับยูยะด้วยเช่นกัน แต่ถือเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่เจ้าตัวรู้สึกเหนื่อยล้ามากจึงนอนกลางวันอยู่บนชายหาด ผู้กำกับคณะละครกล่าวทางโทรศัพท์กับฮารุเช่นนั้น ร่างไร้วิญญาณของยูยะถูกนำขึ้นมาจากน้ำทะเล....
ฮารุตัดสายทิ้งระหว่างบทสนทนา ถ้าเขาต้องทนฟังมากกว่านี้ คงไม่สามารถเรียกกำลังของตัวเองให้กลับคืนมาได้แน่ มิหนำซ้ำเรี่ยวแรงของเขาอาจจะแตกฉานซ่านเซ็นไปยังสถานที่อันไกลโพ้นก็เป็นได้
แถวจุดธูปเคารพศพค่อยๆ ขยับไปอย่างเชื่องช้า จู่ๆ ฮารุก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมาจึงปลีกตัวออกมาจากแถว และเมื่อเหลือบมองผ่านช่องว่างระหว่างฝูงคน เขาก็เห็นโลงศพ ไม่อยากเชื่อเลยว่าร่างของยูยะจะอยู่ในนั้น
ฮารุคลายเนคไทออกอย่างร้อนรนเพื่อปลดปล่อยความกังวลใจ และทันทีที่ปลดกระดุมตรงคอออก เขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด เขาคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ค้นหาเบอร์ของยูยะ และกดส่งข้อความ
- ยูยะ อยู่ที่ไหน? -
หลังส่งข้อความไปสักพัก โทรศัพท์มือถือของฮารุก็สั่น เขาก้มลงมองและพบว่าเป็นข้อความจากยูยะ
- อยู่ที่นี่ -
ความหม่นหมองที่อึมครึมอยู่ อันตรธานไปในทันตา
เขารู้สึกโล่งอก ที่แท้นี่ก็เป็นแค่เรื่องตลกร้ายอย่างที่คิดจริงๆ ยูยะเป็นคนขี้อำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกได้ว่าชีวิตแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ชายคนนี้คือการแกล้งคนอื่น ตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนนะ ฮารุหันไปมองรอบๆ แล้วเขาก็พบยูยะแทบจะในทันที
?ยู....?
หลังก้าวขาออกไปเพียงก้าวเดียว ก็รู้สึกตัวว่าเข้าใจผิดไปเสียแล้ว คนที่ยืนอยู่ใต้หลังคาวัดและจ้องเขม็งมาทางเขาไม่ใช่ยูยะ แต่เป็นไคต่างหาก คงเป็นเพราะชุดไว้ทุกข์จึงทำให้ไคในวันนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าปกติ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่น่ามองผิดเป็นยูยะไปได้เลย ในมือของไคมีโทรศัพท์มือถือของยูยะอยู่ ที่แท้คนที่ส่งข้อความตอบกลับมาก็คือไคนี่เอง ฮารุค่อยๆ เดินเข้าไปหาเด็กชายด้วยท่าทีท้อแท้ใจ
?หวัดดี?
ฮารุทักทายเหมือนทุกๆ ครั้ง ไคยกมือขึ้นทักทายตอบโดยไม่ได้พูดอะไร
?ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ คนอื่นๆ ไปไหนกันเหรอ??
ทันทีที่ถามจบ ไคก็ยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังแท่นบูชาอย่างเงียบๆ ญาติของผู้ตายกำลังนั่งเรียงอยู่ทางขวาของโลงศพ คอยโค้งขอบคุณแขกที่มาร่วมงานหลังจุดธูปเสร็จทีละคนๆ มีพ่อแม่ พี่ชายกับพี่สะใภ้ของยูยะ สงสัยพวกเขาคงไม่อยากให้เด็กต้องอยู่ร่วมในพิธีนานเกินไปล่ะมั้ง ไคจึงต้องมายืนอย่างโดดเดี่ยวอยู่เช่นนี้
?....ฝนตกหนักมากเลยเนอะ?
ฮารุหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับจุดไฟแช็ก แต่คงเป็นเพราะอากาศชื้นทำให้จุดเท่าไรก็ไฟไม่ติดเสียที กว่าเขาจะสามารถจุดไฟติดได้ก็เมื่อลองเป็นครั้งที่สาม ทันทีที่ปล่อยลมหายใจออกมา ควันสีขาวที่พวยพุ่งก็มลายหายไปกับเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาราวกับเข็มเล่มบางๆ ไคซึ่งปกติแล้วจะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลากลับนิ่งสงบ
ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกัน เหม่อมองวิวทิวทัศน์รอบๆ กาย เม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมาบนใบไม้หนาเป็นประกายสวยงาม สะท้อนภาพดอกสึบากิ หยดน้ำเกาะเป็นกลุ่มก้อนราวกับเพชรรัสเซียบนใยแมงมุงตรงชายคาวัด ระหว่างที่ฮารุกำลังมองทิวทัศน์ที่แสนงดงามรอบๆ ตัว เขาก็นึกถึงบทสนทนาของตนเองกับยูยะทางโทรศัพท์ก่อนวันที่ยูยะจะเดินทางไปเที่ยวทะเล
?นานๆ ทีฮารุก็ไปด้วยกันสิ?
เขาปฏิเสธคำเชิญชวนนั้นอย่างไม่ลังเลเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว การที่ต้องพูดคุยเรื่องไร้สาระกับคนจำนวนมากเป็นอะไรที่น่ารำคาญจริงๆ เขาอยากดื่มเบียร์ชิลล์ๆ อยู่คนเดียวมากกว่า
?ถ้าไปกับยูยะและไคสามคนก็ว่าไปอย่าง?
?นายนี่จริงๆ เลย โตจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วยังเข้ากับคนอื่นยากเหมือนเดิมเลยนะ?
?นอกจากยูยะกับไค คนอื่นจะเป็นอย่างไร ฉันไม่สนหรอก?
ยูยะหัวเราะพลางพึมพำออกมาว่า งั้นก็ตามใจ
?ถ้างั้น เดี๋ยวฉันจะเก็บเปลือกหอยมาฝากก็แล้วกัน?
?ขอของฝากที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?
?ก็ฉันไม่มีเงินนี่ ทนๆ รับเปลือกหอยไปหน่อยเถอะน่า?
ก็ได้ ฮารุตอบกลับ เขาวางสายไปหลังนัดกินข้าวเย็นกันวันมะรืนเมื่ออีกฝ่ายกลับมาจากเที่ยว
วันมะรืนตามที่สัญญากันไว้นั้นได้หายไปตลอดกาล ไม่มีเปลือกหอยของฝาก เขากินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ ใต้ตาดำคล้ำ เปลือกตากระตุกและบวมเป่ง รู้สึกเหมือนตัวเองได้สูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายไปพร้อมๆ กับยูยะ สมดุลทุกอย่างพังทลาย ร่างค่อยๆ จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ต่อให้ตะเกียกตะกายเท่าไรก็ไม่สามารถว่ายขึ้นมาได้
?ฮารุจัง?
?....หืม??
?ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? กินข้าวลงหรือเปล่า??
เป็นคำถามที่คาดไม่ถึงจริงๆ ดวงตาสีดำสนิทมองขึ้นมาหาเขาด้วยท่าทีเป็นห่วง ถึงฝนจะตกหนักขนาดนี้ แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังทอประกายเจิดจ้า ฮารุรู้สึกสมเพชตัวเองเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เด็กชายวัยเก้าขวบต้องมาเป็นห่วง
?เจ้าบ้า?
ฮารุยื่นมือไปขยี้ผมของไคแบบที่ยูยะชอบทำกับลูกชายตัวเองบ่อยๆ
?นายน่ะ คิดแต่เรื่องของตัวเองอย่างเดียวก็พอ?
?ผมไม่เป็นอะไรเลย เพราะว่าพ่อก็อยู่ในตัวของผม ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย?
?....หา??
?พ่อเข้ามาอยู่ในตัวของผมได้สักพักแล้วแหละ?
มือที่กำลังขยี้ผมของไคอยู่หยุดชะงัก หรือไคจะหมายความว่าพ่อยังอยู่ในความทรงจำ แต่ประโยคที่กล่าวออกมาไม่ได้เป็นนามธรรมเช่นนั้น ฟังแล้วรู้สึกเหมือนหมายความแบบที่พูดจริงๆ มากกว่า
?ฮารุจัง วันนี้ขับรถมาหรือเปล่า??
?อือ รถจอดอยู่ที่ลานจอดน่ะ?
ไคร้อง อืม พลางเอียงศีรษะเหมือนครุ่นคิด
?ถ้างั้น เราออกไปที่ไหนสักแห่งด้วยกันเถอะ?
ความรู้สึกแปลกประหลาดโถมกระหน่ำเข้าใส่ตัวของฮารุอย่างฉับพลัน เขารู้สึกผิดปกติเหมือนหูกำลังจมอยู่ในน้ำลึก และเมื่อขยับสายตามองไปข้างตัว ก็เห็นไคเหม่อมองหยดน้ำฝนที่กำลังย้อยลงมาจากชายคาวัด
?....ไค??
?ที่นี่น่าเบื่อจะตาย เราไปที่อื่นกันเถอะ?
ไคยิ้มพร้อมกับยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เสี้ยววินาทีนั้นฮารุรู้สึกราวกับหัวใจของตัวเองกำลังจะหยุดเต้น
วิธียิ้มแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้
....ยูยะ
จู่ๆ ไคก็หัวเราะออกมาทำลายบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดนี้
?นี่ไง พ่อในตัวของผมกำลังพูดอยู่?
รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มปกติของไค ในที่สุดก็กลับมาเป็นคนเดิม แล้วเมื่อสักครู่นี้มันคืออะไรกัน เสี้ยววินาทีหนึ่งฮารุเห็นไคกลายเป็นยูยะ ขณะที่ฮารุกำลังอ้าปากหวออยู่นั้นไคก็ยื่นมือมาจับ
?ทุกคนไม่ได้มองมาทางนี้อยู่พอดี จังหวะนี้แหละ เราออกไปกันเถอะ?
แขนของฮารุถูกดึง ขาของเขาก้าวออกมาหนึ่งก้าวท่ามกลางสายฝน น้ำกระเซ็นแตกเป็นละออง
?นี่ ไค?
?เอาเถอะน่า ไปกันเร็ว?
ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวาก็เห็นคนใส่ชุดไว้ทุกข์สีดำเต็มไปหมด และเพราะทุกคนกำลังกางร่มอยู่ วิสัยทัศน์ในการมองเห็นจึงไม่ค่อยดีนัก ไคดึงมือฮารุจนมาถึงลานจอดรถที่อยู่ด้านหลัง แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นและทักทายพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว
ทันทีที่เข้ามาในรถของฮารุ ไคก็ปรับหาเพลงที่หน้าปัดเครื่องเสียงและหยุดลงที่เพลงของเรดิโอเฮด จากนั้นพิงศีรษะกับหน้าต่างรถพลางฮัมเพลงด้วยท่าทีสบายอารมณ์
?พ่อเขาอยากฟังเพลงนี้แหละ?
เม็ดฝนโปรยปรายลงมาใส่กระจกหน้ารถ มีทั้งที่เม็ดกระเด็นกระดอนไปและเม็ดที่ไหลเกาะกระจกลงมาตามแรงโน้มถ่วง ฮารุไม่รู้เหมือนกันว่าตนกำลังขับไปที่ไหน ตอนนี้เขาแค่ขับไปเรื่อยๆ ตามทิวทัศน์สีเทาข้างทาง ไล่ตามไฟท้ายของรถคันข้างหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย ระหว่างทางที่รถวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ เขามองเห็นปลายทางออกของความมืดซึ่งถูกรอบล้อมไปด้วยแสงสีส้มจากฝีมือการสร้างของมนุษย์อยู่ไกลๆ ขนาดเล็กเท่าปลายเล็บ
?ฮารุจัง?
ฮารุสะดุ้งเมื่อถูกเรียกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
?พ่อมีเรื่องจะบอก?
?....บอกว่าอะไรเหรอ??
เขาถามกลับอย่างหวาดหวั่น
?พ่อบอกว่าให้ขับไปเรื่อยๆ ไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก?
ศีรษะของไคยังพิงอยู่ที่หน้าต่างเช่นเดิม มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ส่งมาทางนี้
?แล้วก็บอกอีกว่า จะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว?
ฮารุอยากจะหัวเราะออกมาเพื่อรับมุกตลกนี้ แต่วิธียิ้มมุมปากแบบนั้น วิธีเอียงคอเช่นนั้น แม้ภายนอกจะเป็นไคแน่ๆ แต่ท่าทางที่แสดงออกมากลับเหมือนยูยะไม่มีผิด เป็นความประหลาดที่รุนแรงมากจนทำให้เขารู้สึกสับสนไปหมด ท่ามกลางอุโมงค์มืดที่อาบด้วยแสงสีส้มเข้ม ฮารุเริ่มไม่รู้แล้วว่าตัวเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกันแน่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คิชิโมโต้ ฮารุ ผู้สูญเสียชายที่เขารักมากที่สุดไป ได้ออกเดินทางอย่างไร้จุดหมายร่วมกับ คิริชิม่า ไค ลูกชายวัย 9 ขวบของชายผู้นั้น ไคบอกเรื่องน่าประหลาดให้ฮารุฟังว่าพ่ออยู่ในตัวของเขา และบางครั้งบางคราวเด็กชายก็แสดงท่าทีเหมือนพ่อของเขาได้ปรากฏกายออกมาจริงๆ ทั้งสามคนใช้ชีวิตร่วมกันอย่างน่ามหัศจรรย์และเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ทว่า เด็กผู้ชายอย่างไคคงไม่สามารถอยู่ร่วมกับชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวอย่างฮารุได้นานอยู่แล้ว เป็นเหตุให้การตัดสินใจหนีตามกันไปของพวกเขาครั้งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นโศกนาฏกรรมในที่สุด ....ผ่านมา 10 ปี ไคก็ยังคงเฝ้าตามหาฮารุซึ่งหายจากเขาไปตั้งแต่วันนั้นมาตลอด.... นี่คือเรื่องราวความรักที่น่ามหัศจรรย์ของคนสามคนซึ่งผูกพันธ์กันแม้แต่ในความทรงจำ
