New Release : ปริศนาสีเพลิง

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ปริศนาสีเพลิง

โพสต์ โดย Gals »

ตอนที่ 1
?เฮ้อ? เสียงถอนหายถูกผ่อนออกมาจากริมฝีปากบางหลายต่อหลายครั้งเป็นการบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายในจิตใจ ร่างบางยืนออกมารับลมยังระเบียงห้องบนคอนโดฯ หรูเพื่อให้สายลมพัดพาความสดชื่นเข้ามาในความรู้สึก
นุชนารี อินสว่าง นักแสดงสาวที่ใครต่างพากันชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่สูงโปร่ง ใบหน้าที่หวานใสราวกับตุ๊กตาบวกกับผิวขาวอมชมพู ล้วนแต่เป็นที่หมายตาและให้ความสนใจกับผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก
แต่ใครเลยจะรู้ว่าคนที่ถูกจับจ้องนั้นหาได้รู้สึกดีและมีความสุขกับสิ่งที่เธอทำอยู่แม้แต่นิดเดียว ทุกก้าวที่เธอแสดง ผลงานที่ผ่านสู่สายตาคนทั่วประเทศกลับไม่ได้ทำให้นุชนารีภูมิใจกับมันเลยสักนิด
ดาราสาววัยยี่สิบสี่ปีกับการอยู่ในวงการบันเทิงเพียงสี่ปี แต่มันทำให้เธอรู้สึกราวกับอยู่มานานนับสิบปี นุชนารีไม่ชินกับการใส่หน้ากากเข้าหากัน ต้องแสร้งยิ้มทั้งที่เหนื่อย บางครั้งก็อยากร้องไห้แต่ต้องหัวเราะ
เธอถูกชักจูงให้เข้ามาถ่ายโฆษณาเมื่อยังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 ความฝันของเธอคือการมีทำธุรกิจท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในชนบทไม่ต้องจอแจด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความฝันและปลุกให้นุชนารีตื่นจากภวังค์ความคิด และมองไปยังมือถือที่วางทิ้งไว้บนโซฟานุ่มอย่างที่เจ้าของไม่ได้สนใจสักเท่าไร
มือบางเรียวหยิบและรับด้วยความรู้สึกที่นิ่งเฉยและชินชา เพราะทราบดีถึงธุระของปลายสายนั้นเป็นอย่างดี แต่กระนั้นเจ้าตัวยังคงต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
?พรุ่งนี้เรามีนัดไปร่วมงานประกาศผลรางวัลนะจ๊ะ อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ นะ เดี๋ยวพี่ไปรับตอนหกโมงเย็นจ้ะ? เจ๊เพลินสาวประเพศสองพูดเสียงหวานเข้ามาตามสาย
นุชนารีตอบกลับไปเพียงสองสามคำก่อนที่จะวางสายไป เจ๊เพลินผู้จัดการส่วนตัวที่เธอเคารพรักและให้ความเกรงใจนั้นเป็นเพียงหนึ่งในสองคนที่หญิงสาวให้ความไว้วางใจ
เพลินมีบุญคุณกับเธอ เป็นทั้งคนผลักดันทั้งปลุกปั้นให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย รวมถึงให้ชีวิตใหม่อีกต่างหาก และที่เธอมีเงินทองให้ใช้อย่างสบายก็เป็นเพราะว่าอาชีพนี้
ความจำเจและสิ่งที่เธอต้องเป็นในทุกวันนี้แทบจะทำให้ชีวิตเธอนั้นเหมือนเครื่องจักรและเป็นราวกับหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตจิตใจและความสดใสเลยเลย มันทำให้พลังชีวิตที่มีอยู่นั้นเหือดแห้งลงไปมากขึ้นทุกที
จะทนได้ไหมนะ...นุชนารี
***
แสงแฟลชที่กะพริบส่องแสงสว่างนับครั้งไม่ถ้วนและเสียงชัตเตอร์ที่กดระรัวเพื่อเก็บภาพคนมีชื่อเสียงที่พากันหลั่งไหลเข้ามาร่วมงานประกาศผลรางวัล ทุกคนล้วนแต่สวยงามและหล่อเหลาไม่มีใครยอมใคร
นุชนารีมาในชุดราตรียาวสีดำนิลตัดกับผิวขาวผ่อง กระโปรงเข้ารูปที่ผ่าขึ้นมาถึงกลางขาบวกกับสายเดี่ยวที่ให้เห็นเนินขาวผ่องรำไรชวนให้น่ามองและน่าค้นหามากยิ่งขึ้นไป รวมไปถึงสร้อยคอและตุ้มหูสีเงินที่เข้าคู่กันชวนให้ดูสง่างามราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว
ร่างบางหย่อนตัวนั่งลงข้างดาราสาวเพื่อนรักที่ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงพร้อมกัน โยทะกาเป็นเพียงคนเดียวที่รับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกของนุชนารี เป็นเพียงเพื่อนคนเดียวที่หญิงสาวไวใจได้อย่างแท้จริง
?โย...ฉันเบื่อจังเลย?
โยทะการับฟังด้วยความขบขันเล็กน้อยและไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าที่ควร หลายต่อหลายครั้งที่นุชนารีมักเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จนมันทำให้คนฟังนั้นรู้สึกเป็นเรื่องปกติ
?แกก็อย่าคิดมากสิ ทำงานไป ถ่ายละครไป อย่าหงุดหงิด ไม่ต้องเครียดเมื่อเจอคำถาม เราก็ตอบไปเท่าที่ตอบได้?
นุชนารียังคงนิ่ง เรื่องล่าสุดที่ทำให้เธอต้องเกิดอาการปวดประสาทเพราะเป็นที่หมายตาของนักการเมืองคนหนึ่ง และกว่าที่เธอจะหลุดรอดมาได้ต้องใช้เวลาเป็นเดือน
?ฉันรู้ว่าแกทำได้...นุช? โยทะกายังคงพูดต่อและบีบมือให้กำลังใจ
?ฉันอยากคิดอะไรและทำในสิ่งที่ฉันฝันบ้าง? นุชนารียังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบและใบหน้านวลนั้นฉายแววจริงจัง
?นุช...?
?บางทีตอนนอนฉันยังเคยฝันเลยนะว่าได้ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และตื่นมาพบกับหมอกยามเช้า และนับวันฉันยิ่งฝันและรู้สึกว่ามีความสุขกว่าตอนตื่นนอนอีกนะโย?
โยทะการับฟังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักและนึกเป็นห่วงเพื่อนสาวไม่น้อยเลย เธอไม่อยากให้เพื่อนทิ้งงานและทิ้งโอกาสดีๆ ที่คนหลายล้านคนอยากจะเป็น
?ฉันอยากให้แกลองคิดดูดีๆ นะ.. อยู่นิ่งๆพักผ่อนสักพัก แล้วกลับมาลุยงานต่อ ฉันไม่อยากให้แกหันหลังให้วงการ?
นุชนารียังคงเงียบ เธอทำได้เพียงหันไปยิ้มให้กับโยทะกาเพราะรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความห่วงใยในน้ำเสียง แต่ลึกลงไปเจ้าตัวก็มีคำตอบให้กับตัวเองเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
และแล้วการสนทนาก็จบลง เสียงเพลง เสียงพิธีกร และเสียงปรบมือเข้ามาแทนที่ แต่สิ่งที่นุชนารีคิดและพูดออกไปนั้นไม่ได้จบลงไปเลยสักนิด
ใบหน้านิ่งสนิทของเจ๊เพลินยามที่ฟังนุชนารีพูดคุยหลังเสร็จงานนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย จนมันทำให้คนพูดเกิดอาการเครียดและเกรงใจเสียเหลือเกิน
นุชนารีสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงเพื่อเรียกกำลังใจ แต่เจ้าตัวก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว พร้อมที่จะรับฟังและตามใจเพลินทุกอย่างเพราะเธอเป็นผู้มีพระคุณอย่างที่สุด
?นุชอยากพักใช่ไหม? เพลินถามกลับ และแสดงสีหน้าเรียบสนิทยังคงไม่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกใด
?ค่ะ แต่นุช...เอ่อ..นุชแล้วแต่พี่เพลินนะคะ? นุชนารีตอบเสียงตะกุกตะกัก แต่ยังคงทำใจดีสู้เสื้อจ้องมองไปยังผู้จัดการส่วนตัวเพื่อรอฟังคำตอบ
?พี่จะว่าอะไรล่ะจ้ะ นุชอยากพักสักเดือนน่ะพี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าหายหน้าไปนานนะ พี่คิดถึง? เพลินพูดทิ้งท้าย
?ขอบคุณค่ะ นุชขอพักสักพักนะคะ? นุชนารีโอบกอดผู้ที่เป็นเสมือนแม่ด้วยความดีใจน้ำใสเอ่อล้นออกมาด้วยความตื้นตันใจ ความกดดันและความกังวลมันหายไปปลิดทิ้ง
?แกคิดดีแล้วหรอ? โยทะกาถามเสียงเศร้า
?ฉันไม่ได้หายไปไหนนะ ฉันยังอยู่เหมือนเดิม แต่แค่ขอเวลาอยู่กับตัวเองสักพักก็เท่านั้น? นุชนารีส่งยิ้มให้กับเพื่อนรักอีกครั้ง
รอยยิ้มที่สดใสเผยออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน น้อยครั้งที่นุชนารีจะมีความสุขสดชื่น จนทำโยทะกาต้องยอมแพ้และไม่ห้ามการตัดสินใจของเพื่อน
เดินทางปลอดภัยนะแก...
***
ภีม พิมุกข์ หนุ่มสีผิวเข้มรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมคมคาย ท่าทางของเขานั้นดูนิ่งเงียบจนเกือบจะกลายเป็นคนเย็นชา ภายนอกที่แข็งกร้าวมันสร้างความเกรงกลัวให้กับคนที่พบเห็น แต่คนงานในรีสอร์ทต่างรู้ดีถึงความใจดีของเจ้านายหน้านิ่งคนนี้
เมื่อสี่ปีก่อนภีมยังคงเป็นคนร่าเริงและมีชีวิตชีวา แต่เมื่อน้องสาวเพียงคนเดียวต้องมีอาการทางประสาท มันก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนนิ่งขรึม
แพร พิมุกข์ สาวน้อยวัยเพียงยี่สิบสามปีกลับต้องมีอาการเหม่อลอยและหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงดัง เธอไม่กล้าที่จะออกไปพบผู้คนและเผชิญโลกกว้างจึงเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง
หลายต่อหลายครั้งที่ภีมคิดวนเวียนซ้ำไปมาถึงคนที่ทำให้แพรผิดปกติเช่นนี้ แต่เขาเองไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดกับคนที่ทำร้ายแพรได้เลย
หัวใจของเขาบีบรัดและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ ความเคียดแค้นนั้นมันถูกสั่งสมและซ่อนไว้ในส่วนลึกและรอคอยวันที่จะได้ปลดปล่อยออกมาเท่านั้น
ภีมเดินตรวจความเรียบร้อยภายในรีสอร์ทเหมือนทุกเช้า ท่าทางนั้นยังคงเคร่งเครียดและจริงจัง ใบหน้าที่นิ่งราวกับรูปปั้นมันทำให้ทุกคนไม่กล้าสบสายตาเลยสักนิดเดียว
พนักงานทุกคนที่เจอกับสายตาแบบนี้ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจหรือหงุดหงิดที่ต้องทำงาน แต่กลับเห็นใจและเข้าใจในตัวนายหนุ่มอีกต่างหากที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้าย
?เฮ้ย... ไอ้ภีม!? คณินทักทายด้วยเสียงอันดังจนทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันมองมาเป็นตาเดียว
ภีมหันไปตามต้นเสียงหาได้รู้ร้อนรู้หนาวหรือตกใจกับเสียงเพื่อนรัก เขาเพียงแต่ตอบรับด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผิดกับคนอื่นที่พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และหัวเราะเสียงดัง
?ทำงานกันได้แล้ว? ภีมสั่งเสียงเฉียบและหันไปมองเพื่อนรักก่อนจะพากันเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่
ภีมเดินนำแขกที่ไม่ได้เชิญและหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้โซฟารับแขกสีครีม โดยที่ไม่ต้องเชื้อเชิญคณินก็นั่งลงตรงข้ามอย่างถือวิสาสะทันที
?นายมีธุระอะไร? เจ้าของห้องเปิดประเด็นเสียงเรียบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนฟังสะทกสะท้านหรือมีอารมณ์
?ฉันแค่แวะมาทักทาย...เห็นหายเงียบไปน่ะ กลัวว่าจะถูกงานทับตาย? คณินตอบกลับด้วยท่าทางสบาย เขายังคงนั่งไขว่ห้างพร้อมกับพลิกนิตยสารไปมา
?ฉันก็ทำงาน ดูแลคนในรีสอร์ททุกวัน?
?นายน่าจะพักผ่อนบ้างนะ เดี๋ยวจะเครียดเกินไป อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากให้นายคิดมากน่ะ? คณินยังคงเอ่ยเสียงนุ่ม ผิดกับภีมที่ดูเคร่งขรึม
?ฉันไม่ได้เครียด!?
?แต่นายดูไม่มีความสุขเลยนะ...ฉันอยากเห็นนายเป็นคนเดิม เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้ นายกำลังทำร้ายตัวเองนะ?
?ฉันไม่มีทางมีความสุข ถ้าไอ้คนที่มันทำให้แพรยังไม่ได้รับโทษ?
?แต่เราไม่มีหลักฐานนะ ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้เลย? คณินเสียงอ่อนลงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนยังคงมีท่าทีที่แข็งกร้าวและไม่ยอมแพ้
?สักวันมันจะต้องได้รับโทษ?
คณินผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อยังคงเห็นใบหน้าคมคายของภีมดูเคียดแค้น และเขาก็ตัดสินใจที่จะยุติหัวข้อสนทนาที่ตึงเครียดนี้ลงเสียเมื่อเห็นว่า...ไม่มีประโยชน์
?ฉันไปเยี่ยมยัยแพรหน่อยนะ?
ภีมพยักหน้าแทนการตอบรับทางน้ำเสียงและเดินนำเพื่อนรักไปยังห้องพักของแพร พิมุกข์ สาวน้อยผู้ต้องมารับเคราะห์กรรมในสิ่งที่เธอไม่ได้ก่อขึ้นเลย
ประตูห้องชั้นบนของบ้านสองชั้นที่อยู่ห่างจากรีสอร์ทไม่มากนักถูกเปิดขึ้น ภาพของหญิงสาวที่กำลังนั่งกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ผู้เป็นพี่ซื้อให้ก็ปรากฏขึ้น
ร่างบางนั่งอยู่ที่มุมห้องเหม่อมองไปยังเบื้องหน้าของทุ่งกว้างสีเขียว ใบหน้านั้นดูเลื่อนลอยไม่สนใจกับสิ่งใดทั้งสิ้น แม้กระทั่งสองหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้องแล้วก็ตาม
?สวัสดีค่ะน้องแพร? คณินทักทายเสียงอ่อนโยนและส่งยิ้มหวานให้
แพร พิมุกข์ยังคงมองและส่งยิ้มให้บ้าง แต่กระนั้นก็เป็นเพียงยิ้มเพียงเสี้ยววินาทีเดียว หลังจากนั้นเธอก็หันกลับไปมองยังจุดหมายข้างนอกเหมือนเดิม
ภายในห้องพักนี้แพรจะไม่ยินยอมให้ใครเข้ามาได้เลยยกเว้นสองหนุ่มคนนี้และแม่บ้านเท่านั้น เพราะเธอคุ้นเคยและรู้จักคณินมาตั้งแต่ยังเด็ก
?น้องแพรสบายดีไหมคะ? คณินยังคงพูดต่อไป
?ค่ะ สวยจัง...? เธอเอ่ยเสียงหวานและชี้ไปยังสายธารเล็กที่ไหลผ่านระหว่างพื้นที่สีเขียว
?ไปเดินเล่นไหมคะ?
แพรหันมามองคนถาม ดวงตาที่เลื่อนลอยกลายเป็นตื่นกลัวทันที ใบหน้านวลส่ายไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกอดตุ๊กตาไว้แน่น หลายปีมาแล้วที่แพรไม่ได้ออกไปดูโลกกว้าง
?ไม่เป็นไรนะแพร พี่นินไม่ได้ทำร้ายหนูนะคะ อย่ากลัวนะคนดี? ภีมพูดปลอบโยนน้องสาวและดึงเธอเข้ามากอดเพื่อให้คลายอาการที่เป็น
คณินและภีมสนทนาและใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นอีกสักพักก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ท่าทางของคณินหดหู่ ความรู้สึกนั้นเสียใจและสงสารคนในห้องจับใจ
หัวใจของภีมยิ่งปวดร้าวและเพิ่มความแค้นที่มันสั่งสมไว้มากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าน้องสาวเพียงคนเดียวยังคงเหม่อลอยและหวาดกลัวกับเรื่องเล็กน้อย
?ภีม...เราสามารถหาหมอมารักษายัยแพรได้ไหม?
?ฉันเคยพยายามแล้ว แต่หมอบอกว่าแพรต้องการกำลังใจ แกต้องหลุดพ้นจากความกลัวเองน่ะ ตอนนี้ก็ทานยาเพื่อให้คลายความเครียดทางประสาทเท่านั้นน่ะ?
คณินเงียบลงไป เขายิ่งเห็นใจในตัวเพื่อนรักมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่เขาเองก็ต้องการให้ภีมกลายเป็นคนเก่าเหมือนดังเดิม ไม่อยากให้เก็บความทุกข์ไว้ตลอดเวลา
ภีมกำมือหนาเรียวเข้าหากันแน่น และปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายน้องเธอนั้นอยู่อย่างมีความสุข แม้ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะรอจนกว่าจะมีโอกาสที่ทำลายคนพวกนั้น
พี่จะแก้แค้นให้แพรเอง...



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?นุชนารี? ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมปล่อยให้คำว่ารักมามีอิทธิพลต่อหัวใจ และหล่อนก็ตอบไม่ได้อีกเช่นกันว่าทำไมหล่อนต้องรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ ?ภีม? เจ้าของรีสอร์ทที่หล่อนมาพักใจให้หายเหนื่อยจากเรื่องคาวในวงการมายา แต่กลับกลายเป็นว่านุชนารีก้าวเข้ามาติดบ่วงอาญาพร้อมให้เขาลงทัณฑ์โดยที่ภีมไม่ต้องเหนื่อย เมื่อความบังเอิญทำให้เขารู้ว่าหล่อนคือน้องสาวของผู้ชายที่ทิ้งแก้วตาดวงใจของภีมไปอย่างไม่ไยดี แม้ว่าหล่อนจะพยายามเต็มที่กับการเยียวยาคนไข้ที่มีอาการทางประสาทแล้วก็ตาม ใช่ว่าภีมไม่เห็นความดีที่หล่อนทำให้น้องสาวเขาดีขึ้นแต่เขายังเห็นความน่ารักของผู้หญิงที่ชื่อนุชนารีอีกด้วย การไม่ยอมปล่อยให้หล่อนกลับไปใช้ชีวิตปกติมันเป็นเพียงข้ออ้างของผู้ชายทิฐิที่ไม่อยากเสียรักแรกอย่างหล่อนไป ในขณะเดียวกันนุชนารีก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้สักทีที่จะไม่รักเขา...

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”