ร่างบอบบางสูงร้อยหกสิบเซนติเมตรสะพายกล้องถ่ายรูปเข้าบริษัทของรุ่นพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย นรินทร์เรียกให้เธอเข้ามาเพื่อส่งงานล่าสุดของนิตยสารของเขาซึ่งเป็นนิตยสารแฟชั่น
เสียงของนรินทร์ร้องเรียกมาแต่ไกล ทำให้ทานตะวันผินมองตามเสียง เธอสาวเท้าไวๆ ไปหารุ่นพี่หนุ่มที่เปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งของเธอ เพราะนอกจากจะปรารถนาดีต่อเธอแล้ว เขายังหยิบยื่นงานรายได้ดีให้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอได้รับงานให้ถ่ายแบบแฟชั่นให้นิตยสารของรุ่นพี่ทุกเดือน ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นช่างภาพประจำบริษัทของนรินทร์สักนิด
?นี่ค่ะ รูปถ่ายแฟชั่นของเดือนนี้ จะดูก่อนไหมคะ?
?พี่เชื่อใจตะวันอยู่แล้วล่ะ?
?ขอบคุณค่ะพี่นรินทร์?
?เออนี่! พี่ได้ข่าวว่าวันนี้รุ่นเรามีเลี้ยงรุ่นกันรึไง?
ทานตะวันยิ้มรับ
?ใช่ค่ะ นี่เดี๋ยวก็ต้องไปรับยัยมิลานอีก รถเข้าอู่น่ะค่ะ ลำบากให้ตะวันไปรับอีก เปลืองน้ำมันจะตายไป?
?โอ๊ย! จะขี้งกไปไหนน่ะเรา นี่ก็ทำงานหัวเป็นเกลียวตัวเป็นน็อตแล้วนะ ถูกจองคิวเพียบเลยนี่?
?แหม! งานอย่างตะวันจะทำได้กี่ปีก็ไม่รู้ ถ้าสายตาไม่ดีนี่ก็จบเลยนะ ตอนนี้มีโอกาสก็ต้องรีบคว้ารีบฉวยสิคะ?
?เป็นตากล้องที่ดีใช้แค่สายตาไม่ได้หรอกนะตะวัน?
?มันก็จริงค่ะ แต่สายตาก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดนี่คะ? ทานตะวันมองดูถ้วยรางวัลบนชั้นวางภายในห้องของรุ่นพี่อย่างชื่นชมความสามารถของนรินทร์
?ตะวันจะไปรับมิลานกี่โมงล่ะเนี่ย?
?รอเจ้าตัวโทร.มาก่อนนั่นล่ะ เรื่องอะไรต้องไปรอยัยมิลานล่ะ ตะวันไม่รอหรอกพี่นรินทร์ เปลืองน้ำมัน?
?ขี้งก มีรุ่นน้องขี้งกนี่พี่คงคิดผิดนะเนี่ย?
?ก็รายจ่ายหยุมหยิมไปหมดเลยนี่คะ เป็นราชินีเงินผ่อนหัวโตเลยเนี่ย?
นรินทร์ยีศีรษะอย่างเอ็นดูรุ่นน้อง แม้ภายนอกใครๆ จะเห็นว่าเขาเอ็นดูทานตะวันเป็นพิเศษ ทว่าความเป็นจริงแล้ว...เขารักทานตะวัน?รักและปรารถนาดีอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้ผู้หญิงที่เขารัก แต่เขาทำได้เพียงเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจเท่านั้น เพราะรู้ตัวดีว่าทานตะวันไม่มีวันตอบสนองความปรารถนาของเขา ทว่าเขาก็มีความปรารถนาดีและหวังดีต่อทานตะวันเสมอ ไม่ว่าท้ายที่สุดเธอจะเลือกรักใคร เขาก็ยินดีด้วยทั้งนั้น
ทานตะวันจับจ้องเลนส์ซูมตัวใหม่ล่าสุดบนโต๊ะทำงานของรุ่นพี่ นัยน์ตาเป็นประกายราวกับเจอของเล่นถูกใจ นรินทร์ปล่อยให้รุ่นน้องจับต้องเลนส์ซูมแล้วทดสอบด้วยกล้องถ่ายรูปของตัวเอง ก่อนจะตกใจกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง?ชื่อเพื่อนรักปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์
?ว่าไงยัยมิลาน เสร็จงานแล้วเหรอ?
?ใกล้จะเสร็จแล้ว เหลืออีกสองเซ็ต แกมาเลยก็ได้ อยู่ที่บริษัทพี่นรินทร์ใช่ไหมล่ะ?
?อ่าฮะ...แต่จะให้ฉันไปรอแกรึไง ไม่เอาหรอก ขี้เกียจ?
?กว่าแกจะมาถึง ฉันก็เสร็จไปรอแกหน้าสตูดิโอพอดีนั่นล่ะ ไม่ต้องมัวพิรี้พิไร ออกมาเลยนะ?
?รอเช็กจากพี่นรินทร์ก่อน เดี๋ยวจะรีบไปรับนะยะ?
?แหม! ที่ไม่ออกมานี่ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เป็นเพราะรอรับเช็คใช่ไหมล่ะ?
?มันก็แน่อยู่แล้วน่ะสิ?
?ได้แล้วก็รีบมาล่ะ แค่นี้ล่ะ เดี๋ยวเจอกัน?
ทานตะวันคลี่ยิ้มกว้างพลางแบมือ กระดิกนิ้วขอรับเงินค่าจ้างของเธอจากรุ่นพี่ อีกฝ่ายยื่นเช็คให้รุ่นน้อง ทานตะวันยิ้มกว้างขึ้นอีกอย่างใจชื้นที่มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น
?จะเก็บเข้าแบงค์อีกหรือไงรอบนี้?
?แน่สิคะพี่นรินทร์ ไปล่ะนะ เดี๋ยวยัยมิลานบ่นตายเลย ยัยนั่นชอบบ่นเป็นป้าแก่เชียว เฮ้อ!? ทานตะวันบ่นพึมขณะหมุนกายออกจากห้องของนรินทร์
นรินทร์คลี่ยิ้มตามแผ่นหลังของรุ่นน้องจอมงกของเขา ทานตะวันเป็นน้องคนเล็กของบ้านรักษ์บุปผาก็จริง ทว่าก็มีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวระดับหนึ่ง ด้วยบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่สมัยที่เธอยังคงเรียนมหาวิทยาลัย เจ้าหล่อนจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายของพี่สาวทั้งสองคนด้วยการรับทำงานพิเศษจิปาถะ หนึ่งในงานพิเศษคือการรับจ้างถ่ายรูปตามงานต่างๆ ด้วยราคาย่อมเยา นั่นเป็นการฝึกฝีมือของเจ้าตัวจนมีคุณภาพในทุกวันนี้
แม้ทานตะวันจะไม่ใช่พนักงานประจำของนรินทร์ แต่เธอก็เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ฝีมือดี ทว่าเธอก็พยายามที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แม้จะมีค่าใช้จ่ายมากมาย ทั้งค่าอยู่ค่ากิน ผ่อนรถยนต์และผ่อนคอนโดมิเนียม แต่เธอก็พยายามเก็บเงินเข้าบัญชีเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน นรินทร์จึงชื่นชมทานตะวันที่มีเป้าหมายในชีวิตและมองการณ์ไกล
***
ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรลุกออกจากเก้าอี้นวมภายในห้องทำงานตรวจสอบธุรกิจไนท์คลับ เขาเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังภายในรัฐไซนาห์ และยังเป็นเจ้าของไนท์คลับอีกหลายแห่ง ทว่าเขาสนใจดูแลธุรกิจไนท์คลับมากกว่าห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นการต่อต้านพี่ชายของเขาที่เป็นท่านชีคประจำรัฐไซนาห์ที่ไม่ชอบใจกับการเปิดไนท์คลับของเขา
หญิงสาวร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งในชุดเดรสมิดชิดสีแดงปักลูกปัดและผ้าคลุมศีรษะสีเดียวกันกับชุด เจ้าหล่อนเดินยิ้มกว้างส่งให้เขา เธอเกี่ยวแขนของชายหนุ่ม ยืดกายจุมพิตแก้มสากของเขา
?เลิกงานแล้วใช่ไหมคะอัฟตาบ?
?ครับ ไปทานอะไรกันไหมที่รัก? โอบเอวบางของหญิงสาวเอ่ยถามอย่างหยอกเย้า นิ้วแกร่งขยับบนเอวเธอ
?ไปสิคะ แต่วันนี้ฟาร่าคงไปค้างกับคุณไม่ได้นะคะ มีงานเลี้ยงกับคุณแม่น่ะค่ะ? บอกพลางทาบนิ้วชี้บนริมฝีปากหนาสีแดงเป็นธรรมชาติ
ชายหนุ่มจุ๊บนิ้วเรียวสวย ฟาร่าคลี่ยิ้มสวยให้ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่ามีเสน่ห์ที่สุดในรัฐไซนาห์ แม้ว่าอัฟตาบจะเป็นเจ้าชายของรัฐไซนาห์ และสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองรัฐไซนาห์ ทว่าเขากลับปฏิเสธ ไม่ต้องการอำนาจจากสิ่งนั้น เพื่อเขาจะได้ทำตามความปรารถนาของตัวเอง โดยไม่สนใจกรอบและประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรอบของพี่ชายที่เป็นท่านชีคแล้วล่ะก็ อัฟตาบยิ่งพยายามฉีกกฎนั่นทิ้งให้สิ้นซาก
?น่าเสียดายจังเลยนะ วันนี้ผมกะว่าจะให้เวลาหลังเลิกงานเป็นของคุณเสียหน่อยฟาร่า?
?อย่ามาโกหกหน่อยเลยค่ะอัฟตาบ ฉันรู้จักคุณดีนะ? หญิงสาวเคาะกับแก้มสากที่ประดับด้วยเคราเส้นสั้นที่ชายหนุ่มตกแต่งอย่างสวยงาม ?คุณไม่ได้มีฉันแค่คนเดียวนะคะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เชียว?
?งั้นคุณค่อยใช้เวลากับผมวันหลังก็แล้วกันนะ วันนี้เราไปทานอะไรอร่อยๆ กันเถอะ แล้วผมจะไปส่งที่บ้าน?
?ตกลงค่ะ? รับคำพลางกอดแขนของอัฟตาบ ?ฉันให้เพื่อนมาส่งที่นี่ก็เพราะแบบนี้ล่ะค่ะ คุณนี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะคะ?
?แต่ผมก็ได้ยินว่าคุณกำลังจะสละโสดแล้วนี่?
?แหม! เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนหรอกค่ะ ที่สำคัญ...ถ้าเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว ฉันก็เป็นภรรยาคนที่สามนะคะ?
?แต่คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่ชอบยุ่งกับภรรยาของใคร?
?รู้ค่ะ ฉันก็เลยรีบคว้าความสุขจากคุณมากๆ ไงคะ เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันเข้าพิธี คุณก็คงหันหลังให้ฉันตลอดไปสินะคะ?
?ฟังดูแล้วมันแน่นอนมากกว่าไม่แน่นอนนะครับฟาร่าที่รัก?
?ก็คุณแม่ต้องการแบบนั้นนี่คะ ยังไงซะฟาร่าก็เป็นลูกที่ดีนะคะ?
?ครับ คุณเป็นลูกสาวที่ดี แต่...คุณเป็นผู้หญิงที่ไม่น่ารักเลยนะ? ชายหนุ่มแกล้งแตะสะโพกอิ่มของอีกฝ่ายก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
อัฟตาบพาฟาร่าเดินไปด้วยกันไม่สนใจสายตาคนอื่นที่มองเขาเหมือนเขาคือผู้แย่งชิงเจ้าสาว หรือว่าที่ภรรยาของใคร ด้วยตัวของอัฟตาบเองนั้นไม่สนใจสายตาของใคร และชอบทำให้ชื่อเสียงเสียๆ ของเขาดังเข้าหูพี่ชาย ไม่ต่างจากเด็กวัยหนุ่มที่กำลังต่อต้านผู้ปกครอง
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างถูกอกถูกใจที่ได้เห็นสายตาของคนอื่นๆ ต่างจ้องมาที่เขาแล้วหันไปกระซิบกระซาบกันเอง แบบนี้นี่ล่ะที่เขาต้องการ หากเรื่องนี้ถึงหูของพี่ชายของเขาเมื่อไหร่ นั่นล่ะถึงประสบความสำเร็จที่เขาต้องการ
?พี่อัฟตาบ จะไปไหนคะ?
?ดาเนียร์ มาทำอะไรที่นี่น่ะ?
ดาเนียร์เอียงคอมองพี่ชายสายเลือดเดียวกัน ก่อนจะมองหญิงสาวที่ควงแขนพี่ชายอย่างประหลาดใจ ชุดเดรสยาวสีแดงนั่นสวยจับตาเธอนัก หญิงสาวจับมือฟาร่าพลางคลี่ยิ้มราวกับเด็กน้อยช่างออดอ้อน
?ชุดของคุณฟาร่าสวยจังเลย แต่เสียดายจังเลยที่ดาเนียร์คงถูกสั่งงดซื้อเสื้อผ้าในช่วงนี้? ทำแก้มป่องพลางมองหน้าของพี่ชายที่แกล้งถอนหายใจอย่างระอากับใบหน้าขี้อ้อนของดาเนียร์
?ชุดนี้ราคาไม่เท่าไหร่หรอกค่ะน้องดาเนียร์ ขนหน้าแข้งอัฟตาบไม่ร่วงหรอกจ้ะ?
?ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นน่ะสิคะ อยู่ที่พี่อัฟตาบติดกาวขนหน้าแข้งแน่นเลย ไม่ยอมให้หลุดร่วงเพราะดาเนียร์น่ะสิ?
?เงียบไปเลยน่า แล้วนี่มาทำอะไร?
?มาเดินเที่ยวห้างก็เลยแวะมาหาพี่ชายน่ะสิ แล้ว...นี่จะไปไหนกันเหรอคะ?
?ไปหาอะไรกินกันน่ะสิ ว่าแต่เราเถอะมาหาพี่จริงเหรอ? งั้นไปกินอะไรด้วยกันสิ?
?ไม่ไปหรอก ดาเนียร์นัดกับพี่คามิลไว้ ไปล่ะนะ?
?ไหนว่ามาหาพี่ไง โกหกล่ะสิ แล้วนี่นัดกับไอ้คามิลงั้นเหรอ นั่นมันเพื่อนพี่นะ?
?ก็เพราะเป็นเพื่อนพี่อัฟตาบไงถึงได้ไว้ใจ ที่สำคัญนะ พี่ไม่เห็นจะต้องห่วงน้องเลย ไปล่ะนะ?
?เดี๋ยวสิ? อัฟตาบร้องเรียก ทว่าถูกฟาร่าดึงแขนไว้ให้เลิกยุ่งกับน้องสาว
?คามิลเป็นเพื่อนคุณนะคะอัฟตาบ เขาเห็นคุณดาเนียร์มาตั้งแต่เธอยังเด็กๆ ไม่ใช่เหรอไงคะ คุณไม่ไว้ใจเพื่อนตัวเองหรือไง?
อัฟตาบยักไหล่ เขารู้ดีว่าคามิลไม่มีวันทำร้ายความไว้ใจของเขา แต่อย่างไรซะน้องสาวของเขาก็ยังเด็กนัก ทั้งยังอายุห่างจากเขาถึงสิบปี เขาเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ จึงทั้งรักทั้งห่วง ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นห่วงเป็นใยเธอมากขนาดนี้ แม้เธอจะไม่ใช่เด็กๆ แล้วก็ตาม แต่ความเป็นห่วงไม่ว่าอย่างไรก็อดไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ!
ดาเนียร์เป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาของเขา ซึ่งต่างจากริยาด พี่ชายเจ้าระเบียบของเขาซึ่งดำรงตำแหน่งชีคนั้นเป็นพี่ชายต่างมารดา ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังของน้องสาวที่เดินหายไปทางห้องทำงานของเพื่อนรักที่เขาเองก็ใช้ห้องหนึ่งภายในโรงแรมของเพื่อนรักเป็นห้องทำงานดูแล ไนท์คลับ
?ไปกันเถอะ คามิลไม่มีพิษมีภัยกับดาเนียร์หรอก ตอนนี้เราไปของเรากันบ้างดีกว่า? อัฟตาบเอ่ยชวน
ท่าทางของอัฟตาบที่ปล่อยวางทำให้ฟาร่ายิ้มกว้าง แม้อัฟตาบจะมีชื่อเสียงไม่ดี แต่เขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ สำหรับผู้หญิงนั้นเขาดึงดูดเข้าหาด้วยเสน่ห์ทางเพศ ในขณะที่เพศเดียวกันถูกเขาดึงดูดด้วยความอิจฉาที่เขามีเสน่ห์ล้นหลาม และให้ความสนใจเขาที่เป็นจุดศูนย์กลางให้ผู้คนล้อมรอบ ให้ผู้คนกระทำตามได้อย่างง่ายดาย จะมีคนสักกี่คนที่กล้าปฏิเสธความจริงนี้
อัฟตาบรู้จักตัวเองดีพอว่าเขาไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น แม้เขาจะมีชื่อเสียงไม่ดีในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องของผู้หญิง และการแหกกฎเกณฑ์ของเจ้าชายแห่งรัฐไซนาห์ ทว่าเขาก็ได้รับการนับถือ ยกย่อง และชื่นชมจากคนในวงการธุรกิจไม่น้อย
?คุณนี่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มีแต่คนมองตามได้เสมอเลยนะคะ?
?จะบอกว่าผมมีเสน่ห์ใช่ไหมล่ะคนสวย ผมไม่ปฏิเสธในเรื่องนั้นหรอกนะ?
?คุณนี่มั่นใจตัวเองเกินไปนะคะ สักวันนึงเถอะ คุณคงได้เจอคนไม่มองไม่สนใจคุณขึ้นมาบ้างล่ะ?
?ไม่มีทางหรอก ผมเป็นถึงนายแบบ และเป็นเจ้าชายอันดับต้นๆ ของโลกที่สาวๆ อยากกอดเลยนะ?
ฟาร่าหัวเราะคิกกับคำพูดของชายหนุ่ม ขณะที่เขาพาเธอสอดกายเข้าสู่รถคันหรูของเขาแล้วพากันเคลื่อนรถออกจากโรงแรมหรู
เจ้าหล่อนรู้ดีว่าอัฟตาบไม่มีวันสนใจเธอมากไปกว่านี้ หากเขาคิดจะรักเธอ เขาคงรักเธอนานแล้วล่ะ คงไม่เพิ่งมารู้สึกชอบอกชอบใจเอาตอนนี้ นั่นอาจเป็นเพราะแสงเจิดจ้าของเขาทำให้มองไม่เห็นความสำคัญของเธอ สักวันหนึ่งเขาอาจได้เจอผู้หญิงที่ดึงดูดเขาให้หันมอง และยอมลดประกายแสงเจิดจ้าให้อ่อนลงก็เป็นได้
เธอเองก็ไม่ได้รักอัฟตาบ เพียงแค่หลงใหลในเสน่ห์ของเขาเท่านั้น การได้มีความสัมพันธ์กับเขา แม้จะเป็นเพียงทางกาย ทว่ามันก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นกัน
***
ทานตะวันเท้าคางเคาะนิ้วกับแก้มตัวเองอย่างนึกรำคาญเพื่อนร่วมคณะที่เอาแต่พร่ำพูดเรื่องว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเอง เธอเอียงหูไปฟังมิลานที่กระซิบกระซาบเป็นระยะๆ ซองการ์ดแต่งงานสีชมพูหวานแหววตรงหน้าทำให้ทานตะวันครุ่นคิดว่าเธอควรจะไปงานแต่งงานของอรวีจริงหรือ เธอและอรวีไม่กินเส้นกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพียงเพราะว่าเธอสามารถดึงดูดคนให้สนใจได้มากกว่า
?เฮ้อ!?
?ถอนหายใจอะไรของแกน่ะยัยตะวัน กำลังคิดอะไรอยู่ยะ?
?ฉันไม่อยากไปงานของชีน่ะสิ แกก็รู้ว่าฉันไม่ถูกกับนาง? ทำปากบุ้ยใบ้ไปทางอรวีที่กำลังพยายามทำตัวเด่นอยู่บริเวณหัวโต๊ะภายในร้านอาหารที่รุ่นของเธอนัดรวมรุ่นมาร่วมรับประทานอาหาร ด้วยรุ่นของเธอที่เรียนจบพร้อมกันมีเพียงห้าสิบกว่าคนเท่านั้น
?ไปเหอะน่าตะวัน แกจะได้ไปทำให้นางเห็นไงล่ะว่าถ้าแกจะทำตัวให้สวยให้เริ่ดขึ้นมาน่ะ แกชนะนางใสๆ?
?ใช่ๆ มิลานพูดถูกนะ? เพื่อนอีกคนกระซิบเห็นด้วยกับมิลาน
?ตะวันจะไปด้วยไหมจ๊ะ? เสียงระรื่นของอรวีที่ดังมาจากบริเวณหัวโต๊ะทำให้คนที่กำลังนั่งเงียบๆ ต้องผินหน้ามอง
?ฉันไม่ชอบไปงานเลี้ยงในฐานะคนร่วมงานซะด้วยสิ ไม่ไปไม่ได้รึไงกัน? เอ่ยถามพลางจิ้มอาหารเข้าปาก
?ไม่กล้ารึไง หรือว่าตั้งแต่จบออกมา เสน่ห์มันหมดจนเอาแต่หดหัวอยู่หลังกล้องถ่ายรูป?
มิลานมองใบหน้าของเพื่อนรักที่นิ่งสนิทผิดปกติ นั่นเป็นคำตอบได้อยู่แล้วว่าทานตะวันรับคำที่อรวีท้าทายแบบไม่รู้ตัว รอยยิ้มมุมปากของทานตะวันที่เหมือนกำลังสนุกนั่นทำให้มิลานปิดปากหัวเราะคิกคักเพียงลำพัง
?ได้สิ! งานนี้ฉันจะไปในฐานะแขกรับเชิญร่วมงานแต่งงาน ถ้าเกิดฉันเด่นกว่าเจ้าสาวนี่จะทำไงนะ?
?ไม่มีทางหรอก เพราะชุดเจ้าสาวของฉันมีชุดเดียวในโลก แฟนของฉันให้ดีไซเนอร์ออกแบบและตัดเย็บให้เป็นพิเศษเลยนะ?
?เอาเถอะๆ ฉันจะรอดูละกันนะจ๊ะคุณว่าที่เจ้าสาว จะว่าไป...เธอนี่อายุก็เท่าฉัน แต่ไม่ยักจะมีงานสักทีนะ มัวแต่มองหาแฟนหล่อๆ รวยๆ รึไง?
?ก็คงดีกว่าเธอที่ไม่มีทั้งหล่อทั้งรวย เพราะไม่มีใครสนใจเลย เอ... หรือว่าเสน่ห์ของเธอมันจะเสื่อมไปแล้วจริงๆ?
?ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าเธอสงสัยเรื่องเสน่ห์ของฉัน ก็รอดูในวันงานแต่งงานก็แล้วกัน?
อรวีกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าเนื้อฝ่ามือ เธอตั้งใจให้ทานตะวันโมโหจนเลือดขึ้นหน้าแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเรื่องคนรักเสียนี่! เธอไม่อยากเชื่อจริงๆ นั่นล่ะว่าทานตะวันจะไม่สนใจเรื่องผู้ชาย เท่าที่เธอจำได้...สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทานตะวันเสน่ห์แรงจนมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาแจกขนมจีบไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ ใครจะคิดว่าเมื่อเรียนจบออกมาแล้ว คนที่รุ่งที่สุดในการเป็นช่างภาพจะเป็นทานตะวัน
?นี่ๆ พวกเธอสองคนแข่งกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ พอเหอะน่า วันนี้พวกเรามากินกันสนุกๆ นะ ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรสักหน่อย?
ทานตะวันกอดอกขณะสบตากับอรวีอย่างไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากสวยยกขึ้นอย่างดูถูกก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก มิลานใช้ศอกถองสีข้างเพื่อนเบาๆ เป็นการเตือนไม่ให้เพื่อนรักแสดงออกนอกหน้ามากเกินไป
?พอเหอะน่าตะวัน?
?เฮ้อ! น่าเบื่อจริงเล้ย งั้นฉันกลับดีกว่า พรุ่งนี้ต้องแหกตาตื่นไปถ่ายรูปตั้งแต่เช้า ถ้าแสงสวยก็คงดีล่ะนะ หวังแต่ว่าฝนจะไม่ตก?
มิลานยิ้มกว้างก่อนจะหันมองทานตะวันที่ลุกขึ้นบิดซ้ายบิดขวา ทุกคนจึงพากันลุกขึ้นหลังจากอิ่มท้องและพูดคุยกันมานานกว่าสามชั่วโมง
?งั้นกลับกันเถอะพวกเรา พรุ่งนี้จะได้ทำงานกันอีก? เสียงของประธานชั้นปีบอกเพื่อนๆ
?ตะวัน...ฉันได้ข่าวว่าแกกำลังจะได้งานใหญ่ไม่ใช่เหรอไง?
?พูดเรื่องไรวะโจ? เอ่ยถามเพื่อนชายก่อนจะเหลือบตามองคนที่กอดคอเธอ
?อย่ามาทำเป็นไก๋น่า ฉันได้ข่าวว่างานนี้ได้เงินฟู่ฟ่าเลยนี่นา ดังใหญ่แล้วนะ?
?ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ตอนนี้มีคิวงานอีกสองงานแล้วว่าง ก็เลยกะว่าจะไปถ่ายรูปไปเที่ยวไป แต่ถ้ามีคิวงานเข้ามาก็ดีนะ?
?จะว่างจริงเหรอ...? ลากเสียงถามอย่างหยอกล้อ ?เกรงว่าจะไม่น่ะสิเพื่อน ไม่ลองถามพี่นรินทร์ล่ะ ฉันรู้มาจากพี่นรินทร์นะเนี่ย?
?จริงสิ นายเป็นตากล้องประจำของพี่นรินทร์นี่?
?แต่ก็ไม่เก่งเหมือนแกหรอกน่า ว่าแต่ไม่ลองติดต่อพี่นรินทร์ล่ะเพื่อน ดูท่าทางนั้นเขาเจาะจงว่าเป็นแกเลยนะ?
?นี่ไม่เสียดายรึไงที่เขาขอให้เป็นฉันแทนแกน่ะ?
?ไม่ล่ะ! ฉันอ่อนภาษา ที่สำคัญเลยนะ ตากล้องในบริษัทก็มีไม่กี่คน พี่นรินทร์ถึงได้จ้างแกเกือบทุกเดือนไง ส่งงานกันแทบไม่ทันอยู่แล้วอ่ะตอนนี้?
ทานตะวันโบกมือให้เพื่อนหนุ่มที่มาส่งที่รถยนต์สีฟ้าของเธอ ชายหนุ่มเพียงขยิบตาเป็นการบอกให้เธอติดต่อนรินทร์อีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัยในคำบอกเล่าของเพื่อนหนุ่มนักว่าเป็นจริงแค่ไหน
?คิดอะไรอยู่น่ะตะวัน ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวแกก็บ่นอีกว่าถึงบ้านดึก?
?แกนี่ก็ขี้บ่นนะ บ่นอย่างกับพี่โรสเลยแน่ะ?
?พูดถึงพี่โรส แกได้ไปหาพี่บัวบ้างป่ะเนี่ย อยู่ไม่ไกลกันซะหน่อย? เอ่ยถามถึงพี่สาวคนโตของเพื่อนรัก
?ไม่ไกล!? ทานตะวันร้องเสียงหลง ?อยู่คนละมุมเมืองกันเลยนะ ให้ขับรถไปก็เปลืองน้ำมันเปล่าๆ แล้วรถก็ติดสุดๆ ถ้าจะไม่ติดก็ต้องทางด่วนใช่ไหมล่ะ ไม่เอาด้วยหรอก เปลือง?
?โหย...นี่แกจะงกแม้แต่กับพี่กับเชื้อรึไงยะ? มิลานตวัดตามองเพื่อนรักที่กำลังพารถแล่นบนถนนที่การจราจรแออัด ?แล้วกับพี่โรสล่ะ ได้ไปหาบ้างรึเปล่า?
?พี่โรสอยู่เมืองกาญจน์นะ พูดเหมือนว่าข้ามรั้วแล้วเจอ แต่ก็โทร.มาบ่นได้ทุกวันนั่นล่ะ หาว่าฉันงก ทั้งๆ ที่ฉันก็แค่รู้จักใช้เงิน ประหยัดและมัธยัสถ์ก็เท่านั้นเอง?
?คิดว่าแค่นั้นรึไงยะ!? เอ่ยถามเสียงสูง ?แกน่ะไม่ใช่แค่ประหยัดหรอกนะ เรียกว่างกนั่นล่ะถูกแล้ว พี่โรสพูดไม่ผิดสักนิด?
?ยัยมิลานนี่ เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ระหว่างทางให้กลับแท็กซี่ซะเลยนี่?
?ร้ายกาจ แกกล้าใจร้ายกับเพื่อนรักแบบนี้หรือไงยะ?
?งั้นก็หุบปากไปเลยย่ะ?
มิลานหัวเราะคิกคัก เธอนึกสงสัยจริงๆ ว่าจะมีใครทำให้แม่สาวจอมงกอย่างทานตะวันยอมเสียสละได้ทุกอย่าง เธอรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของทานตะวันไม่ใช่คนขี้งก แต่เจ้าหล่อนเป็นคนที่มองการณ์ไกล เพราะเป็นเช่นนี้จึงพยายามเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เห็นได้จากการใช้รถที่มีราคาไม่แพงนักแต่คงทน ซื้อคอนโดฯ ราคาล้านต้นๆ ที่เป็นการยืนยันว่าเธอสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้ ทั้งยังมีเงินเก็บในธนาคาร
ทานตะวันเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ มีรอยยิ้มชวนมอง แต่กลับพยายามทำตัวเรียบง่าย และมีนิสัยที่แสนจะประหลาด ทานตะวันมีโลกส่วนตัวสูง เป็นคนชอบปลีกวิเวก อยู่ตามลำพัง ทว่าก็เป็นคนอารมณ์ดีชวนยิ้มชวนหัวได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเจ้าตัวโมโหหรือโกรธจะเอาช้างมาฉุดก็หยุดอารมณ์ทานตะวันไม่อยู่
?ตกลงแกจะไปงานแต่งงานยัยอรจริงเหรอตะวัน?
?ก็ใช่สิ ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าจะใส่ชุดอะไร รับรองได้เลยว่าชีจะต้องขยาดไปอีกนานที่กล้ามาท้าผู้หญิงอย่างทานตะวัน?
?ผู้หญิงอย่างทานตะวันที่เอาแต่ชูคอยืดกายส่งยิ้มเนี่ย...น่ากลัวจริงๆ เลยนะ? มิลานเอ่ยแซวเพื่อนก่อนจะหัวเราะคิก ?แต่แกมันซ่อนหนามไว้ชัดๆ ว่าแต่...ทานตะวันนี่มีหนามไหม?
?มันจะไปมีได้ไงล่ะยะ ฉันไม่ใช่กุหลาบนะจะได้มีหนาม?
?อ้อ! งั้นทานตะวันก็เชิดคอหาแสงพระอาทิตย์สินะ แล้วเจอพระอาทิตย์ที่อยากจะแหงนคอมองรึยัง?
?แกพูดเหมือนจะให้ฉันหาแฟนงั้นล่ะ ฉันมีแฟนเป็นกล้องถ่ายรูปแล้วย่ะ?
?งั้นแกต้องหานายแบบสิ เพราะแกมองนายแบบผ่านกล้อง?
?ฉันไม่เอาหรอก ไอ้พวกนั้นน่ะมันบ้าวัตถุ ใช้เงินยิ่งกว่าเบี้ยซะอีก ฉันไม่เอาด้วยหรอก?
มิลานคลี่ยิ้มกว้าง รู้ทันความคิดของแม่ผู้หญิงขี้งกดี เธอรู้จักทานตะวันสมัยเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในหอพักนักศึกษาทำให้รู้จักนิสัยและชอบพอจนเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
จนเมื่อเรียนจบ ทานตะวันก็ไขว่คว้าที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เพียงปีเศษเจ้าหล่อนก็มีเงินเก็บซื้อคอนโดมิเนียมและมีรถเป็นของตัวเอง ทุกอย่างเป็นเพราะความมัธยัสถ์และรู้จักใช้เงินของทานตะวัน
เธอรู้สึกชื่นชมทานตะวันเสมอ ชื่นชมบุคลิก พฤติกรรม และรู้จักใช้รู้จักคิด แม้เธอจะทำงานเหมือนทานตะวัน แต่รายได้ที่เธอได้มาไม่เคยเก็บสะสมจนมีที่อยู่ มีรถเป็นของตัวเองสักที เพราะรถของเธอตอนนี้เป็นรถที่บิดาซื้อให้เมื่อครั้งเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย และเธอก็พักอยู่คอนโดฯ เดียวกับพี่ชาย
สิ่งเดียวที่ทำให้ทานตะวันกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งนั่นก็คือการสูญเสียบิดามารดา การที่เธอต้องสูญเสียบุพการีทำให้พี่สาวทั้งสองคนพยายามทำงานให้เธอใช้เล่าเรียนจนจบ การเห็นพี่สาวที่รักต้องลำบาก ทำให้เธอรู้จักค่าของเงินมากขึ้น และอยากแบ่งเบาภาระของพี่สาวอีกสองคนจนเป็นเหตุให้เธอพยายามทุกอย่างเพื่อยืนได้ด้วยตัวเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทานตะวันผู้จริงจังกับงานรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่นายแบบคนนี้เรื่องมากและไม่ตรงต่อเวลา ทั้งๆ ที่นายแบบคนที่ว่านี้มียศถาระดับเจ้าชายอีกทั้งพ่วงตำแหน่งผู้ชายน่ากอดที่สุดในโลกก็ตาม ไม่เคยมีใครคนไหนที่กล้าและบังอาจได้เท่ากับช่างภาพจากเมืองไทยคนนี้เลย ทว่าเขาชอบ...ใช่แล้วเจ้าชายเพลย์บอยรู้สึกชอบทานตะวันจนไม่อยากให้เธอกลับ ยิ่งเมื่อเขาปรามให้เธอหยุดต่อว่าด้วยการจูบโชว์กลางล็อบบี้ยิ่งทำให้คะนึงหาปากหวานๆ นั้นอีก แผนการโปะยาสลบหญิงสาวจึงเริ่มต้นและจบลงด้วยการอาวะวาดของทานตะวันเมื่อเธอฟื้น เธอเรียกร้องจะกลับบ้านท่าเดียวแต่แล้วก็ต้องใจอ่อนเมื่อเขาวางกับดักความรักไว้ ทานตะวันได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าห้ามรักเขาเด็ดขาดแต่แล้วใจเอยก็ขัดคำสั่ง สุดท้ายหญิงสาวเสียน้ำตาเป็นล้านหยดพอๆ กับเขาที่หมดอาลัยตายอยาก เมื่อความแตกต่างเป็นอุปสรรคกางกั้นให้พรากจากกัน มีเพียงทั้งสองเท่านั้นที่ต้องช่วยกันทลายกำแพงหนาสูงชันให้ทลายลงด้วยความรัก
