New Release : สิเน่หามายารัก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : สิเน่หามายารัก

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ ? จดหมายจากแดนไกล
เสียงกดกริ่งดังขึ้นหน้าบ้านไม้หลังสีขาว บุรุษไปรษณีย์ร้องตะโกนเข้าไปยังภายในบอกให้รู้ว่ามีจดหมายมาส่ง ก่อนที่ผู้อาศัยจะวิ่งออกมาเปิดประตูรับ
?จดหมายของคุณรัตติกาลครับ?
?ฉันเองค่ะ? หญิงสาวเอ่ยตอบก่อนจะรับซองจดหมายสีขาวจากบุรุษไปรษณีย์ ?ขอบคุณค่ะ?
เธอเอ่ยก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน
รัตติกาล ดวงกมล นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่น ก่อนที่เธอจะฉีกซองจดหมายซึ่งถูกส่งมาจากแดนไกล ชื่อผู้ส่งนั้นเธอคุ้นเคยดีเพราะได้ยินมาตั้งแต่จำความได้
?อุษา คาร์ริก? เธออ่านชื่อผู้ส่ง จดหมายฉบับนี้ส่งมาจากแม่ของเธอนั่นเอง
?รัตติกาลลูกรัก แม่ต้องขอโทษจริงๆ นะที่ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยงดูลูกเลย นั่นเพราะแม่มีความจำเป็นหลายอย่างทำให้ต้องแยกทางกับพ่อของลูก แม่ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยตั้งแต่วันนั้นและนั่นทำให้แม่ไม่ได้พบหน้าลูก ยกโทษให้แม่ด้วยนะจ๊ะ?
รัตติกาลน้ำตารินเมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย เธอฝืนอ่านต่อแทบไม่ไหว
?เดือนไม่เคยโกรธแม่เลยค่ะ?
เธอพึมพำเสียงสั่น พ่อบอกเธอเสมอว่าแม่รักเธอมาก เธอไม่เคยโกรธแม่เลย ตรงกันข้ามเธอภาวนาทุกวินาทีให้ได้พบท่านและวันนี้ก็เป็นจริงแล้ว ยี่สิบสามปีที่ไม่ได้พบหน้ากันในที่สุดวันนี้ก็ได้รับข่าวคราวจากแม่ ท่านติดต่อเธอมาเองด้วยซ้ำ แค่นี้เธอก็ดีใจเป็นที่สุดแล้ว
?ตอนนี้แม่อาศัยอยู่ที่ประเทศเฟลิกซ์ แม่ไม่รู้ว่าลูกจะรู้จักประเทศนี้ไหม แต่เฟลิกซ์เป็นประเทศที่สวยงามมากเลยจ้ะ แม่อยากให้ลูกมาเห็นเหลือเกิน ลูกอยากจะมาหาแม่ไหมจ๊ะ แม่หวังว่าลูกจะมาเยี่ยมแม่นะ แม่ยินดีต้อนรับลูกเสมอ?
รัตติกาลอมยิ้มเมื่ออ่านจดหมายฉบับนั้นจบ
?เดือนก็อยากพบแม่ค่ะ? เธอพึมพำเสียงสั่นเครือ ความดีใจยังคงมีอยู่เต็มล้นในอก ทำไมเธอถึงจะไม่อยากไปประเทศเฟลิกซ์ล่ะ หากได้พบแม่ไม่ว่าที่ไหนๆ ในโลกนี้เธอก็อยากจะไปทั้งนั้น
หญิงสาวกำลังจะเก็บจดหมายใส่กลับเข้าไปในซอง แต่ก็มองเห็นกระดาษอีกแผ่นที่อยู่ในซองจดหมายเข้าซะก่อน เธอเลิกคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาดูปรากฏว่าเป็นตั๋วเครื่องบิน ฝ่ามือนิ่มถึงกับสั่นระริกความตื่นเต้นแล่นเข้ามาในอก เธอแทบจะร้องไห้โฮอีกรอบ หยาดน้ำตาเอ่อคลอนัยน์ตาคู่สวยขณะที่ปลายนิ้วลากผ่านกระดาษแผ่นนั้นด้วยความปีติ
?แม่คะ...?
รัตติกาลพูดไม่ออกเลย เธอดีใจและปลื้มใจจริงๆ ตั๋วเครื่องบินที่ส่งมาในซองจดหมายแสดงให้รู้โดยไม่ต้องพูดเลยว่าแม่เองก็อยากพบเธอมากเช่นกัน

หญิงสาวเก็บเรื่องน่ายินดีนี้เอาไว้จนกระทั่งอาหารค่ำผ่านพ้นไป เธอถึงได้ยอมเอ่ยเล่าให้พ่อกับปู่ย่าฟังเรื่องจดหมายจากแม่ด้วยรอยยิ้มกริ่ม ไม่ได้เห็นว่าทั้งสามคนลอบมองสบตากันพลางถอนใจเบาๆ เพราะตอนนี้เธอมีแต่ความตื่นเต้นดีใจเท่านั้น
?แม่ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เดือนด้วยค่ะ พ่อคะ เดือนไปได้ไหมคะ? เธอเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงอ้อน ตาคู่สวยมองวอนขอให้พ่อยอมตามใจ เธออยากไปหาแม่จริงๆ และคิดว่าพ่อเองก็คงจะทราบดีถึงความรู้สึกของเธอว่าลูกสาวคนนี้อยากเจอแม่มาตลอด
เอกราช ดวงกมล จ้องมองใบหน้าดีใจของลูกสาวด้วยความหนักอก แม้ไม่อยากให้ไปแต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยหักหาญความยินดีของลูกสาวได้ รัตติกาลอยากพบแม่มาตลอด เรื่องนั้นเขาเองก็รู้ดี
?เอาสิลูก ถ้าหนูอยากไปก็ไปเถอะ?
?ขอบคุณค่ะพ่อ? รัตติกาลยิ้มกว้าง เธอรีบยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็กำลังจะได้เจอหน้าแม่จริงๆ แล้ว
?ตาเอก ลูกแน่ใจแล้วหรือ? พ่อเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงเครียด ดวงตาที่มองไปยังลูกชายเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
?ครับพ่อ เดือนเองก็โตมากแล้วคงจะไม่เป็นไรหรอกครับ? เอกราชเอ่ยตอบพ่อ แม้แววตาที่สบตากับบุพการีจะเต็มไปด้วยความกังวล
คนเป็นพ่อได้แต่ถอนใจเมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้นจากปากลูกชาย
?เอาเถอะ เมื่อลูกอนุญาตพ่อกับแม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว?
?มีอะไรรึเปล่าคะปู่ย่า? รัตติกาลถาม รอยยิ้มเริ่มจะเลือนหายไปจากดวงหน้าหวานเมื่อเห็นสีหน้าเครียดขรึมจากผู้ปกครองทั้งสาม
?ไม่มีอะไรหรอกลูก? ย่าเป็นคนตอบ แม้จะเป็นห่วงแต่ท่านก็ไม่สามารถห้ามได้อีก เมื่อเอกราชเป็นคนตัดสินใจให้ไปเองก็ต้องยอมรับตามนั้น ?ปู่กับย่าแค่ห่วงเพราะหนูเดือนไม่เคยห่างไปไหนไกล แต่นี่จะไปเมืองนอกเมืองนา เราก็เลยกังวลกันน่ะจ้ะ?
รัตติกาลยิ้มออก ใบหน้าหวานยิ้มกว้างบ่งบอกว่ากำลังมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม เธอขยับไปกอดเอวย่าพลางยิ้มอ้อน ก่อนจะเอ่ยเสียงใส
?ย่าไม่ต้องห่วงนะคะ เดือนดูแลตัวเองได้ค่ะ อีกอย่างที่เฟลิกซ์ก็มีแม่อยู่ด้วย เดือนไม่กลัวเลยค่ะย่าเพราะเดือนอยากเจอแม่?
ผู้ปกครองทั้งสามต่างพูดไม่ออกเมื่อรัตติกาลว่าอย่างนั้น ได้แต่นึกโกรธตัวเองที่ไม่อยู่บ้านและรับจดหมายจากแดนไกลฉบับนั้นเสียก่อนที่มันจะไปถึงมือผู้รับอย่างรัตติกาล แต่เมื่อเหตุการณ์มันล่วงเลยผ่านมาถึงตอนนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้มีเพียงภาวนาให้การพบกันของสองแม่ลูกไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น และหวังเหลือเกินว่าสำนึกความเป็นแม่ของอุษาคงจะทำให้เธอทำดีกับลูกสาวคนนี้จริงๆ อย่าได้ทำลายความเชื่อใจของลูกสาวคนนี้เหมือนที่ครั้งหนึ่งอุษาเคยทำกับพวกเขาเลย
?เดือนหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเฟลิกซ์แล้วนะคะ? เธอเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงชื่นบาน ?เฟลิกซ์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรียค่ะย่า บรรยากาศก็ดี น่าเที่ยวมากๆ เหมือนที่แม่บอกมาในจดหมายเลยค่ะ?
อารามดีใจทำให้รัตติกาลไม่นึกฝันว่าการเดินทางไปประเทศเฟลิกซ์ในอีกห้าวันข้างหน้านี้จะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนผันไปตลอดกาล

1 ? เฟลิกซ์...ดินแดนในฝัน
อุษา คาร์ริก เหลียวซ้ายแลขวามองหาลูกสาวชาวไทยผ่านใบหน้านับร้อยนับพันที่กำลังเดินอยู่ภายในสนามบินประจำชาติเฟลิกซ์ หญิงวัยกลางคนซึ่งยังคงรักษาความงดงามเอาไว้ได้เป็นอย่างดีนั้นแสดงอาการดีใจอย่างปิดไม่มิด เมื่อในที่สุดเธอก็ได้พบหน้าหญิงสาวชาวไทยคนสวยซึ่งเป็นเจ้าของใบหน้าเดียวกับที่อยู่ในรูปถ่ายซึ่งเธอถือไว้ในมือ ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำใสก่อนจะโผเข้าสวมกอดลูกที่เธอไม่เคยได้พบหน้าตลอดระยะเวลายี่สิบสามปี
?รัตติกาล... หนูเดือนของแม่...?
รัตติกาลน้ำตาซึม เธอกอดแม่แนบแน่นที่สุดให้สมกับความคิดถึงตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี เธอเคยนึกฝันเสมอว่าจะได้กอดแม่แน่นๆ แบบนี้ ที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝันหากแต่วันนี้กลับเป็นความจริงในที่สุด
?เดือนคิดถึงแม่เหลือเกินค่ะ... คิดถึงมากจริงๆ?
?แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ? อุษาบอกลูกสาวพลางยิ้มอ่อน ดวงตาที่มองรัตติกาลบ่งบอกถึงความยินดี ?ลูกสาวแม่สวยเหลือเกินนะ สวยเสียจนแม่แทบจะจำลูกไม่ได้ ไม่นึกว่าโตขึ้นมาจะหน้าตาน่ารักได้ถึงขนาดนี้?
เธอเอ่ยชม ให้มองนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อเลยกับหน้าตาสวยหวานของรัตติกาล ไม่นึกฝันว่าเด็กหญิงหน้าตามอมแมมในวันนั้นจะโตมาสวยน่ารักได้ถึงขนาดนี้ รัตติกาลได้เชื้อดีฝั่งเธอมาเต็มๆ ไม่มีเค้าของเอกราชคนพ่อเลยสักนิด โชคดีจริงๆ ที่ลูกเหมือนเธอ
รัตติกาลอมยิ้มเมื่อได้รับคำชม ?เดือนเอาของมาฝากแม่หลายอย่างเลยค่ะ? เธอเอ่ยบอก ?ย่าช่วยเตรียมของฝากให้เดือนเอามาฝากแม่ค่ะ?
รอยยิ้มของอุษาเลือนหายไปเมื่อได้ยินบุคคลที่เธอไม่เคยคิดอยากที่จะจำอีกหนึ่งคน
?ย่าของเรายังอยู่ดีอยู่เหรอ? เธอถามเสียงแข็ง แต่พอเห็นสายตางงงวยของลูกสาวก็เลยเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มอ่อน ?แม่หมายถึงท่านยังแข็งแรงดีหรือเปล่าน่ะจ้ะ?
?ย่าแข็งแรงดีค่ะ ปู่ก็เหมือนกันค่ะ? รัตติกาลยิ้ม ?พ่อเองก็ยังแข็งแรงดีค่ะแม่?
อุษาเพียงแต่รับฟังผ่านๆ เท่านั้น ?ไปบ้านแม่กันดีกว่าลูก แม่ให้คนใช้เตรียมอาหารไว้เยอะเชียวเผื่อว่าลูกจะหิว มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ แม่อยากให้ลูกทานของดีๆ หนูเดือนของแม่ผอมเกินไป? เธอว่าพลางย่นจมูกนิดๆ แม้ในใจจะนึกชมหุ่นผอมบางของลูกสาวอยู่บ้างก็เถอะ ?สาวๆ ที่เฟลิกซ์น่ะต้องหุ่นอวบกว่านี้หน่อยจ้ะถึงจะดูสวย?
รัตติกาลไม่ว่าอะไรเลย แม่อยากให้เธอทานอะไรเธอก็จะทำตามนั้น แม่อุตส่าห์ใจดีกับเธอถึงเพียงนี้เธอจะตอบแทนด้วยการเป็นลูกที่ดีของท่าน และจะเชื่อฟังทุกอย่างที่ท่านสอนสั่งเลย
อุษาพาลูกสาวออกไปขึ้นรถ เธอมีคนขับรถมาด้วย และรัตติกาลก็เริ่มรู้แล้วว่าแม่ของเธอใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเฟลิกซ์ในฐานะเศรษฐีนีคนหนึ่งแน่ๆ ดูจากรถยนต์ที่ใช้ก็พอรู้แล้ว ยิ่งรถแล่นเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่เธอก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด
?หนูเดือนคงไม่รู้เรื่องแม่ใช่ไหมจ๊ะ? อุษาเอ่ยกับลูกสาวหลังจากพารัตติกาลเข้ามาในห้องนั่งเล่นและสาวใช้เสิร์ฟเครื่องดื่มกับขนมแล้ว
?เดือนพอทราบบ้างค่ะ พ่อเคยเล่าให้เดือนฟังอยู่บ้าง? รัตติกาลว่า
?พ่อเขาเล่าอะไรให้ฟังบ้างจ๊ะ? อุษาถามพลางกลั้นใจรอฟัง ?คงไม่ได้ใส่ร้ายอะไรแม่หรอกนะ?
ปลายเสียงนั้นตวัดขึ้นสูงด้วยความไม่ชอบใจเมื่อเอ่ยถึงอดีตสามีผู้ไม่ได้เรื่องได้ราว
?ไม่หรอกค่ะ? รัตติกาลเอ่ยเสียงแผ่ว เธอพอรู้มาบ้างว่าพ่อแม่เลิกกันด้วยสาเหตุที่ค่อนข้างร้ายแรง แต่พ่อไม่เคยพูดถึงแม่ในทางไม่ดีเลย ?พ่อบอกเสมอว่าแม่มีเหตุจำเป็นเลยทำให้แม่ไม่สามารถอยู่กับเราได้ค่ะ พ่อบอกว่าแม่รักเดือนค่ะ?
อุษายิ้ม ?ใช่จ้ะ ถึงแม้แม่จะไม่ได้เลี้ยงลูกมาแต่แม่ก็รักลูกนะจ๊ะ?
รัตติกาลมีความสุขจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากแม่โดยตรง ไม่ใช่ความฝันที่เธอนั่งนึกเอาเองอีกแล้ว แม่มาอยู่ตรงหน้าและเธอก็สามารถสัมผัสท่านได้
?แม่อยากให้ลูกพักกับแม่นานๆ นะจ๊ะ? อุษาว่า ?อย่าเพิ่งรีบกลับเมืองไทยเลยนะ หนูเดือนจะได้สนิทกับครอบครัวของแม่ด้วย?
?เดือนจะไม่รบกวนเหรอคะแม่? รัตติกาลว่า
?ไม่รบกวนเลยจ้ะ คุณแพททริก เอ่อ... สามีของแม่น่ะ เขาเองก็อยากเจอลูกนะจ๊ะ? อุษาเอ่ย ?แล้วยังมีหนูเอวา น้องสาวของลูกด้วยนะ ทุกคนอยากเจอลูกกันทั้งนั้นล่ะจ้ะ?
?เดือนมีน้องสาวด้วยเหรอคะ? หญิงสาวถามพลางเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอก็ลืมนึกไปว่าแม่อาจจะมีลูกกับสามีใหม่ของท่าน
?จ้ะ เอวาห่างจากลูกประมาณสามปี ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน แต่เดี๋ยวก็ได้พบกันช่วงเย็นจ้ะ? อุษาบอกลูกสาวคนโต ?เอวาดีใจมากนะที่รู้ว่าลูกจะมา น้องอยากเจอลูกมาก?
รัตติกาลค่อยคลายใจหน่อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น กลัวอยู่เหมือนกันว่าน้องสาวต่างพ่ออาจจะรังเกียจเธอก็เป็นได้ ?เดือนก็อยากเจอน้องเหมือนกันค่ะ? เธอบอกอย่างจริงใจ นึกวาดภาพใบหน้าของน้องสาวไปด้วย ?เอวาเหมือนแม่รึเปล่าคะ?
อุษายิ้ม ความภูมิใจในตัวลูกสาวคนเล็กปรากฏให้เห็นผ่านแววตา
?เหมือนจ้ะ แต่นิสัยใจคอดูเหมือนจะได้ฝั่งพ่อเขามาเต็มๆ? เธอว่าพลางหัวเราะเบาๆ ?รายนั้นน่ะดื้อนักเชียว แล้วยังเป็นสาวเปรี้ยวชอบแต่งตัวด้วย จริงสิ แม่ลืมบอกไปเอวาน่ะเป็นนางแบบดังของเฟลิกซ์เลยนะจ๊ะ? เธอบอก ?ว่าแต่หนูเดือนทำงานอะไรล่ะลูก เล่าเรื่องของหนูให้แม่ฟังบ้างสิจ๊ะ?
?เดือนทำงานเป็นนักแปลค่ะแม่? รัตติกาลเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ?ทำมาได้สองปีแล้วล่ะค่ะ? เธอตอบ
เธอทำงานเป็นนักแปลมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว เป็นงานที่เธอรักมากด้วย แล้วพ่อกับปู่ย่าเองก็สนับสนุนให้เธอทำงานที่รักนี้อีกต่างหาก เธอเลยทำงานนี้อย่างมีความสุขเสมอมา
รอยยิ้มของอุษาเลือนหายไปชั่วครู่เมื่อได้ยินอย่างนั้น ?นักแปลเหรอลูก? เธอถาม
พอรัตติกาลพยักหน้าตอบ รอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นมุมปาก ไม่ใช่รอยยิ้มที่น่าชมเลยสักนิด ?อย่างน้อยหนูเดือนก็ยังเรียนจบปริญญาตรีล่ะนะ? เธอพึมพำ
?แม่ว่าอะไรนะคะ? หญิงสาวเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อครู่นี้เธอได้ยินไม่ถนัดนัก ไม่แน่ใจว่าแม่พูดกับเธอหรือเปล่าด้วย
?เปล่าจ้ะ? อุษาส่ายหน้า ?ไม่มีอะไรหรอกลูก ทานขนมสิจ๊ะ ขนมหวานนี่น่ะเป็นของขึ้นชื่อของเฟลิกซ์เลยนะ แม่สั่งให้เขาทำไว้ให้ลูกโดยเฉพาะเลย ลองทานดูนะจ๊ะ?
เธอเปลี่ยนเรื่องพลางมองดูรัตติกาลตักขนมหวานทานด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจ เมื่อได้ยินรัตติกาลบอกว่าทำงานแปลหนังสือเป็นงานหลักก็นึกสังเวชไม่น้อย แต่ก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่นักหรอกเพราะคนเป็นพ่ออย่างเอกราชคงจะสามารถให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกสาวได้เพียงเท่านี้นั่นล่ะ คนจนๆ อย่างเอกราชคงไม่มีปัญญาส่งเสียให้ลูกได้เล่าเรียนและมีหน้าที่การงานที่ดีไปมากกว่านี้ได้หรอก เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลิกกับเขา ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่แคล้วต้องมีชีวิตที่ตกระกำลำบากเหมือนชีวิตของผู้เป็นลูกสาว
?ขนมอร่อยมากเลยค่ะ?
อุษายิ้ม ?ชอบก็ทานเยอะๆ นะลูก จะเติมอีกก็ได้นะจ๊ะ? เธอบอกลูกสาวอย่างใจดี ?เอาเลยจ้ะ อยากทานอะไรอีกก็บอกนะลูก?
?ขอบคุณค่ะแม่?
อุษาไม่ว่าอะไรเลย เธออยากให้รัตติกาลทานเยอะๆ เพราะแน่ใจว่าตั้งแต่เด็กยันโตมาจนถึงตอนนี้รัตติกาลคงจะไม่ค่อยได้ทานอะไรแพงๆ สักเท่าไหร่นัก
เธอยิ้มขื่นเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวคนโตของเธออดอยากปากแห้งแบบนี้ ก็คงไม่พ้นพ่อผู้ไม่เอาไหนอย่างเอกราชนั่นล่ะ เงินเดือนของข้าราชการต๊อกต๋อยมันจะสักเท่าไหร่กันเชียว จะมีปัญญาหาของอร่อยแพงๆ ให้ลูกกับเมียกินได้อย่างไร
?พ่อของลูกแต่งงานใหม่รึเปล่าจ๊ะ? เธอเอ่ยถามลูกสาว
?เปล่าค่ะแม่? รัตติกาลตอบ ตอนนี้เธอทานขนมอิ่มแล้ว
?จริงหรือ เขาไม่มองผู้หญิงคนไหนเลยเหรอ? อุษาแปลกใจนัก เธอเลิกกับเอกราชในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างอายุยังน้อยอยู่เลย แค่ยี่สิบห้าปีเท่ากับอายุของรัตติกาลในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ จะว่าไปหน้าตาเอกราชก็หล่อเหลาแม้ฐานะจะด้อยไปบ้าง แต่ก็น่าจะสามารถหาหญิงสาวมาเป็นแม่ของลูกได้ไม่ยากเลย เธอเองยังคิดว่าเขาคงจะมีเมียใหม่ไปแล้วแท้ๆ เพราะขนาดเธอเองยังแต่งงานใหม่เลยนี่นา
?เท่าที่เดือนทราบ...ไม่มีค่ะ? รัตติกาลตอบ เธอค่อนข้างภูมิใจในตัวพ่อมาก พ่อไม่เคยมองใครเลยแม้ว่าจะมีผู้หญิงมารักชอบอยู่บ้าง แต่พ่อทุ่มเทเวลาและทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้เธอคนเดียว และเธอก็ไม่โทษแม่ที่แต่งงานใหม่หรอก เพราะเธอรู้ว่าไม่มีใครอยากอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่าแน่ แม่เธอเองก็สวยออกปานนี้ไม่แปลกหากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่ดีสักคน
?ก็สมกับเป็นเอกราชล่ะนะ? อุษาพึมพำ ข้อดีข้อเดียวของอดีตสามีที่เธอพอจะนึกออกก็คือการรักเดียวใจเดียวนี่ล่ะ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นข้อด้อยอย่างใหญ่หลวงในสายตาของเธอเช่นเดียวกัน
ความรักอย่างเดียวมันกินไม่ได้ เอกราชไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของเธอได้ และนั่นทำให้เราต้องแยกทางกันหลังจากแต่งงานมาได้สามปี เธอบอกเลิกเอกราชในวันเกิดครบสองขวบของลูกสาว จากนั้นก็เดินทางมาประเทศเฟลิกซ์พร้อมกับแพททริกผู้เป็นคนรักคนใหม่ และต่อมาก็เป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อุษากับแพททริกสร้างครอบครัวที่มีความสุขพร้อมกับมีลูกสาวน่ารักน่าชังอย่างเอวา ตลอดยี่สิบสามปีที่ผ่านมาแพททริกเติมเต็มความต้องการของเธอได้ทุกสิ่งทุกอย่าง จนทำให้เธอลืมความยากจนในอดีตที่เคยมีมาอย่างหมดสิ้น ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองเคยมีอดีตสามีที่ชื่อเอกราชและลูกสาวที่ชื่อรัตติกาล
รัตติกาลเอ่ยเล่าให้แม่ฟังถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตที่เมืองไทยของเธอ แม่สอบถามอย่างละเอียดด้วยความอยากรู้ เธอเองก็เอ่ยตอบไปทุกสิ่งทุกอย่าง และดีใจมากที่แม่สนใจความเป็นอยู่ของเธอ ก่อนที่จะเดินตามแม่ขึ้นไปยังห้องพักที่ท่านจัดเตรียมเอาไว้ให้
อุษาเปิดประตูห้องเข้าไป เป็นห้องพักที่เธอเอาไว้ให้แขกพักแต่ตอนนี้เธอจะให้ลูกสาวได้พักห้องนี้ ?เป็นยังไงจ๊ะ พออยู่ได้ไหมหนูเดือน?
?อยู่ได้สิคะ? รัตติกาลเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ห้องพักสวยขนาดนี้มีเหรอเธอจะอยู่ไม่ได้ ?ห้องกว้างกว่าห้องนอนของเดือนอีกค่ะ? เธอบอกอย่างไม่คิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่ากระทบใจคนเป็นแม่เข้าเต็มๆ
?ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนนะลูกนะ แล้วเย็นๆ แม่จะให้คนมาตามลงไปทานข้าวพร้อมกัน?
?ค่ะแม่? รัตติกาลรับคำ
อุษาขยับเข้าไปกอดลูกสาวไว้อย่างแนบแน่น พลางลูบแผ่นหลังบางนั้นเบาๆ ?รู้ไหมจ๊ะ แม่ดีใจมากนะที่ลูกมาอยู่ด้วย ถ้าเป็นไปได้แม่อยากให้หนูเดือนอยู่ซะด้วยกันที่นี่เลยด้วยซ้ำ แม่จะได้ดูแลหนูได้ จะได้ชดเชยเวลาที่แม่ไม่ได้เลี้ยงดูหนูด้วย?
รัตติกาลยิ้มอ่อน ?เดือนก็ดีใจค่ะที่ได้เจอแม่?
อุษาผละห่างจากลูกสาว เธอลูบแก้มใสด้วยปลายนิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความรักและสงสาร ?พักผ่อนเถอะจ้ะ แล้วค่อยเจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ?
?ค่ะแม่? รัตติกาลพยักหน้ารับคำ
อุษาออกจากห้องพักของลูกสาว เธอพิงหลังเข้ากับประตูห้องพลางถอนใจ เกือบไปแล้วเมื่อครู่นี้เธอเกือบจะร้องไห้แล้ว แค่ได้ยินคำพูดของลูกสาวเธอก็รู้แล้วว่ารัตติกาลมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ในขณะที่เอวาซึ่งเธอเลี้ยงดูอย่างดีให้แต่สิ่งดีๆ เติบโตมาอย่างคนที่อยู่ในวงสังคมชั้นสูง แต่รัตติกาลกลับมีชีวิตไม่ต่างจากเด็กด้อยโอกาส แม้หน้าตาจะงดงามเพียงใดแต่ความรู้ความสามารถกลับด้อยกว่าเอวาผู้เป็นน้อง ทั้งหมดมันเพราะพ่อแย่ๆ อย่างเอกราชนั่นล่ะที่ฉุดให้ลูกสาวตกต่ำลงไปด้วย
?ถ้าแกให้ลูกกับฉันซะตั้งแต่แรกหนูเดือนก็ไม่ต้องมีชีวิตแบบนั้น!? เธอเอ่ยอย่างแค้นเคือง ใบหน้าของผู้เป็นอดีตสามีผุดมาในความนึกคิด นั่นยิ่งทำให้เธอโกรธเกลียดเขายิ่งนัก ?คอยดูไปเถอะเอกราช ฉันไม่มีทางยอมให้หนูเดือนกลับไปอยู่กับแกอีกแล้ว!?
อุษาวาดฝันไว้แล้ว ตั้งแต่นาทีที่รัตติกาลเดินทางมาหาเธอที่เฟลิกซ์ เธอจะทำทุกทางเพื่อชดเชยให้กับเวลาที่เสียไปของลูกสาว เธอจะชดเชยให้รัตติกาลทุกอย่าง จะให้ลูกสาวได้สัมผัสกับชีวิตของชนชั้นสูงในเฟลิกซ์ จะทำให้รัตติกาลมีความสุข มีเงินทองและเกียรติยศ เธอจะไม่ยอมให้ลูกกลับไปใช้ชีวิตอย่างไร้ค่ากับพ่อจนๆ ที่เมืองไทยอีกอย่างแน่นอน!
************************************
แพททริก คาร์ริก เดินทางกลับบ้านในช่วงเย็น เขาส่งยิ้มอ่อนก่อนจะจูบแก้มภรรยาชาวไทยเมื่อเธอออกมาต้อนรับก่อนจะเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
?ลูกสาวของฉันมาถึงแล้วนะคะ? อุษาเอ่ยบอกสามี
?งั้นเหรอ? แพททริกยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับดึงภรรยาให้นั่งด้วยกัน ?เป็นยังไงบ้างล่ะ เธอชอบที่นี่รึเปล่า?
?ชอบสิคะ? อุษายิ้มกริ่ม วันนี้เธออารมณ์ดีแทบจะทั้งวันเลยเชียว ?หนูเดือนหน้าตาน่ารักเชียวค่ะ เธอเหมือนฉันมากๆ เลย?
?ถ้าอย่างนั้นก็หน้าตาก็คล้ายกันกับเอวาสินะ? แพททริกพึมพำ
?คล้ายกันสิคะ แต่จะต่างกันที่สีผมกับสีผิวเท่านั้นล่ะค่ะ? อุษาบอก ?หนูเดือนผมสีดำเข้มแล้วก็ผิวไม่ขาวเท่าเอวา?
แพททริกพยักหน้ารับรู้ ?มองเผินๆ แล้วเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? เขาว่า
?ค่ะ ไม่ต่างกันเลยล่ะ?
สองสามีภรรยามองตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่พวกเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจในสิ่งที่แต่ละคนกำลังขบคิดอยู่
?ฉันอยากให้หนูเดือนอยู่ด้วยกันซะที่นี่เลย คิดว่าทุกอย่างคงไม่มีปัญหาอะไร? อุษาเอ่ยอีก ?หนูเดือนดูเป็นเด็กหัวอ่อนนะคะ ลูกน่ารักมากเชียวค่ะ?
?แบบนั้นยิ่งดีใหญ่?แพททริกยิ้ม ?ผมแน่ใจว่าคุณคงจะกล่อมให้เธออยู่ด้วยกันกับเราซะที่นี่ได้ไม่ยากนะอุษา มันจะดีกับตัวเธอเองด้วยนะ?
?ฉันรู้ค่ะ เพราะอย่างนี้ล่ะถึงได้ส่งจดหมายไปเรียกตัวแกมา? อุษาว่า ?ยิ่งลูกอยู่เมืองไทยก็มีแต่จะทำลายชีวิตที่เหลืออยู่ของแก สู้มาอยู่ที่นี่ยังจะมีอนาคตซะมากกว่า?
?เราทำได้แน่ เรามอบชีวิตที่ดีให้เธอได้แน่? แพททริกบอกอย่างมั่นใจ ?ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่นะ มากกว่าเอวากี่ปีกันล่ะ?
?ยี่สิบห้าค่ะ แกอายุมากว่าเอวาสามปี? อุษาว่า ตอนนี้เอวาของเธออายุยี่สิบสองปี ยังเป็นสาวน้อยแสนน่ารักน่าชังอยู่เลย ส่วนรัตติกาลนั้นเป็นสาวสวยเต็มตัวไปแล้ว
?อายุกำลังพอเหมาะกับการมีครอบครัวนะ? แพททริกว่า ?ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป การได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายดีๆ สักคนในช่วงอายุเท่านี้นี่ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีเลย?
อุษาพยักหน้าเห็นดีด้วย ?ถ้าแกได้เจอผู้ชายดีๆ ก็ดีน่ะสิคะ?
เธอมองเห็นอนาคตของลูกสาวสดใสเหลือเกิน แน่ใจเชียวล่ะว่ารัตติกาลจะมีคืนวันที่ดีในเฟลิกซ์เป็นแน่
?ผมจะหาให้เอง? แพททริกบอกพลางยิ้ม ?ลูกชายของเพื่อนผมมีตั้งหลายคน แต่ละคนหน้าที่การงานดีๆ ทั้งนั้น ต้องมีสักคนที่เหมาะกับหนูเดือนล่ะน่า?
อุษายิ้มชอบใจ ?ถ้าเป็นลูกชายเพื่อนคุณล่ะก็ฉันเห็นดีด้วยเลยค่ะ?
เธอสนับสนุนเต็มที่เลยเชียว เพราะเพื่อนของแพททริกแทบทุกคนนั้นมีหน้ามีตาในวงสังคมชั้นสูงของเฟลิกซ์ รวมทั้งยังมีฐานะที่ร่ำรวยพอๆ กับครอบครัวคาร์ริกของเธอด้วย
?ไว้เป็นหน้าที่ผมเอง? สามีรับปาก ?จริงสิ ผมว่าจะโทรศัพท์ไปหารัฐมนตรีไมเคิลเสียหน่อย?
อุษาเลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อได้ยินสามีเปรยขึ้นแบบนั้น ?ไม่รีบร้อนไปเหรอคะ?
?ไม่หรอกน่า ผมมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย? แพททริกว่า เขากุมมือภรรยาไว้พลางบีบเบาๆ ?คุณไม่เคยทำให้ผมผิดหวังไม่ใช่หรือที่รัก?
อุษาแย้มยิ้ม ?ค่ะที่รัก? เธอเอ่ยตอบ ?คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ?
แพททริกยิ้มกริ่มกับคำตอบของภรรยา เขาจูบเธอเบาๆ ด้วยความรักแทนคำขอบคุณ ก่อนจะผละไปโทรศัพท์หารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระหว่างที่รอสายนั้นเขายังคงมีรอยยิ้มและฝันหวานถึงโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ซึ่งบริษัทของเขาต้องการประมูลงาน หากทำสำเร็จเงินทองมากมายจะไหลมาเทมาอย่างแน่นอน
?ว่ายังไงคุณแพททริก? เสียงของรัฐมนตรีดังมาให้ได้ยิน
?ท่านครับ ตกลงตามที่เราคุยกันเอาไว้นะครับ? แพททริกเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับ
?จริงรึ ดีมาก ผมดีใจจริงๆ นะที่ได้ยินคำตอบแบบนี้ ว่าแต่จะเอามาส่งให้เมื่อไหร่ล่ะ เร็วหน่อยก็ดีนะเพราะผมเองก็อยากจะให้ลายเซ็นกับคุณไวๆ เหมือนกัน?
?วันอาทิตย์นี้ครับท่าน?
?ได้ ผมจะรอนะ?
?ครับท่าน สวัสดีครับ?
แพททริกวางสายแล้ว เขาหันกลับมาหาภรรยาก่อนจะเอ่ยบอกเธอทุกคำที่เขาและรัฐมนตรีไมเคิลพูดคุยกัน ?วันอาทิตย์นี้ คุณพร้อมรึเปล่าอุษา?
อุษาพยักหน้า ?คิดว่าพร้อมค่ะ?
?ดี? เขาพึมพำ หากพอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของภรรยาเขาก็กอดปลอบเธอ ?คิดซะว่าเรากำลังมอบอนาคตที่ดีให้ลูกๆ นะอุษา อย่าคิดว่าเราทำผิดบาปอะไร เราหวังดีกับลูกเราถึงต้องทำแบบนี้?
?ฉันรู้ค่ะ? อุษาพึมพำ แต่เธอก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ ?ไม่รู้ว่าลูกจะว่ายังไงบ้างหากรู้ว่าพ่อกับแม่ทำเรื่องไม่ดีแบบนี้เพื่อให้ได้งานที่ประมูลมา?
?ถึงเราไม่ทำบริษัทอื่นก็ทำ? แพททริกบอก ?เราจำเป็นต้องทำแบบนี้ ใช่ว่าผมจะอยากทำหรอกนะ หากเลือกได้ผมก็อยากได้งานประมูลมาอย่างขาวสะอาดหรอก แต่คุณก็รู้รัฐมนตรีไมเคิลน่ะเป็นคนแบบไหน ถ้าเราอยากได้งานประมูลสร้างสะพานครั้งนี้เราก็ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขา?
อุษาไม่ตอบอะไร เธอได้แต่หวังว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำต่อจากนี้ไปจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับลูกสาวทั้งสองคนของเธอ
เอวาเป็นหัวใจของเธอ...รัตติกาลเองก็เช่นกัน แม้ความรักความผูกพันจะต่างกันบ้างเพราะเธอไม่ได้สนิทกับรัตติกาลนัก แต่รัตติกาลก็ยังเป็นลูก เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ หวังเหลือเกินว่าสิ่งที่เธอจะทำลงไปจะสามารถฉุดรั้งชีวิตของรัตติกาลให้ดีขึ้นกว่าเมื่อคราวอยู่ที่เมืองไทย



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เฟลิกซ์คือดินแดนในฝันของ ?รัตติกาล? ที่แห่งนั้นไม่ใช่มีความสวยงามเพียงอย่างเดียวหากแต่ที่นั่นมีแม่ผู้เป็นที่รักอยู่ด้วย ผู้หญิงที่รัตติกาลเรียกว่าแม่ได้ติดต่อกลับมาและขอร้องให้หล่อนไปพบ รัตติกาลหอบเอาความรักความคิดถึงใส่เต็มกระเป๋าไปให้แต่แล้วหล่อนก็ต้องผิดหวัง เมื่อพบว่าตัวเองถูกวางยาสลบและตื่นขึ้นมากลายเป็นนางบำเรอให้รัฐมนตรีแก่คราวพ่อ ทว่าโชคดีเหลือเกินที่ ?เจ้าชายเอริก? แห่งเฟลิกซ์มีบัญชาให้บุกจับคนโกงชาติ รัตติกาลเองก็ถูกจับไปสอบสวนเค้นหาความจริงและหล่อนก็เลือกที่จะปิดบัง แถมยังใจกล้ายื่นข้อเสนอที่จะยอมทำคำสั่งทุกอย่างของเจ้าชายเอริกอีกด้วย เจ้าชายได้ยินดังนั้นจึงไม่รีรอที่จะสั่งให้รัตติกาลทำหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือทำให้พระองค์มีความสุขทุกค่ำคืน
?ที่รัก อีกนิดเดียวเท่านั้น? ทรงกระซิบบอกเสียงพร่า รัตติกาลพยักหน้าหงึกหงัก นาทีนี้เจ้าชายให้ทำอะไรเธอก็ยอมเขาได้ทั้งนั้น ขอเพียงให้เขาช่วยปลดปล่อยจากความทุกข์ทรมาน แสนสุขสมนี้เป็นพอ


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”