New Release : การท้าทายของท่านเคานท์กำมะลอ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : การท้าทายของท่านเคานท์กำมะลอ

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ บันทึกของค่ำคืนในฤดูร้อน

วันนี้เป็นวันที่พิเศษวันหนึ่งของฉัน
เพราะว่าเป็นวันที่มีฉันอีกคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา

คนที่บอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้คือท่านไวเคานท์เซลฟีด พอท่านลอร์ดรัดฟอร์ดทราบเรื่องก็จับคอปกเสื้อของเขายกขึ้นด้วยความโมโห
พูดตามประสาชาวบ้านก็คือเขาโดน ?ล็อกคอ? นั่นเอง
ฉันทำให้ท่านไวเคานท์ต้องเดือดร้อนเสียแล้ว ที่จริงฉันเป็นคนวางแผนหลอกถามในขณะที่เขากำลังสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ต่างหาก ไว้ส่งของเล่นแมวไปขอโทษเขาเสียหน่อยดีกว่า
แต่ถึงท่านไวเคานท์จะไม่พูดออกมา ฉันก็หาทางสืบได้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
ช่วงนี้ท่านลอร์ดรัดฟอร์ดชอบทำหน้าน่ากลัวอยู่ตลอด
เขาช่างเป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนจริงๆ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นก็เถอะ แต่ฉันก็รู้อยู่ดี
เขาเคยสัญญาว่าจะไม่โกหกฉันเป็นอันขาด เพราะแบบนี้เขาก็เลยใช้วิธีปิดบังความจริงไม่ให้ฉันรู้แทน
ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ นึกว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ฉันทุกข์ใจได้งั้นหรือ
แม้จะไม่พูดออกมา สักวันฉันก็ต้องรู้ความจริงจนได้ เพราะว่าอีกไม่นานก็จะมีฉันอีกคนเข้ามาอยู่ในวังแห่งนี้ ถึงตอนนั้นเรื่องนี้จะต้องถึงหูฉันเป็นแน่ คนคนนั้นเขาไม่รู้เลยหรืออย่างไรกันนะ
ไม่สิ ถึงจะรู้ เขาก็คงไม่อยากบอกฉันหรอก ก็เขาเป็นคนแบบนี้นี่นา
เขาเป็นคนใจดีก็จริง แต่ก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อย เพราะว่าเขามักจะตามใจฉันตลอดเวลา ไม่ว่าฉันจะอายุเท่าไร ก็ยังทำเหมือนฉันเป็นเด็กไม่เปลี่ยนแปลง
?ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้โปรดเชื่อใจกระหม่อม? เขากล่าวแบบนี้ก่อนจะกลับไป ไม่รู้ว่าจะมาพูดอะไรเอาป่านนี้ ตั้งแต่ฉันได้รู้จักกับเขา ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉันจะไม่ไว้ใจในตัวเขา
แต่ทว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันนี่นา ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตัวฉันอีกคนหนึ่งเป็นใครมาจากไหน
ถ้าถูกจับได้คงต้องโดนสวดยับเป็นแน่ ฉันต้องแอบทำไม่ให้เขารู้
แล้วทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เขารู้ได้เล่า ฉันต้องมีคนที่คอยให้ความร่วมมือ ผู้ที่เหมาะสมจะให้ความร่วมมือ

อา ตกใจหมดเลย! จู่ๆ ท่านเคานท์ก็มาเยี่ยมฉันซะงั้น
ฉันรีบร้อนซ่อนบันทึกจนกระดาษยับยู่ยี่ไปหมด แถมยังลืมไปแล้วด้วยว่าเมื่อสักครู่ตั้งใจจะเขียนเรื่องอะไร
แต่ว่าก็ดีเหมือนกัน ได้เห็นหน้าท่านเคานท์หลังจากที่ไม่ได้เจอกันตั้งสี่วันแน่ะ
หรือว่าเขาเป็นห่วงฉันก็เลยมาเยี่ยม?
ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าท่านเคานท์ดูดีขึ้นมากจริงๆ หรือเป็นเพราะผมยาวขึ้นทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกระมัง
อีกไม่นานเขาก็จะอายุสิบเจ็ดปีแล้วสินะ ถึงจะเจ็บใจที่อายุเราต้องห่างกันมากขึ้นไปอีก แต่ฉันก็อดตื่นเต้นที่จะได้เห็นเขาหล่อเหลาขึ้นทุกวันแบบนี้ไม่ได้ คำว่าอาหารตาต้องหมายถึงแบบนี้แน่เลย
อา แต่เพราะความหล่อเหลาของเขานี่แหละ ทำให้เขาต้องออกคำสั่งไปยังกลุ่มหญิงสาวกุหลาบขาวว่า ในงานเทศกาลสมโภชนักบุญปีนี้ ?ห้ามเข้ามาวุ่นวายกับเขาเป็นอันขาด? เนื่องจากตอนนี้ที่คฤหาสน์ของท่านเคานท์มีผ้าคลุมไหล่ที่เคยได้รับมาเก็บเอาไว้เต็มสี่ห้องแล้ว เขาไม่อยากแบกรับภาระไปมากกว่านี้จึงออกคำสั่งเช่นนั้นออกมา
สมกับที่เป็นท่านเคานท์จริงๆ ฉันคิดว่าท่านลอร์ดรัดฟอร์ดก็น่าจะเอาเป็นตัวอย่างดูบ้าง
จะว่าไปแล้ว เห็นทั้งสองคนบอกว่าจะเดินทางไปซานเจอร์เวย์นี่นา พวกเขาไปทำอะไรกันนะ
ซานเจอร์เวย์เป็นบ้านเกิดของท่านเคานท์ คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเดินทางไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ปีนี้ท่านลอร์ดรัดฟอร์ดก็เดินทางไปที่นั่นบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน
พวกเขาไปทำอะไรที่นั่นกันแน่
หรือว่าที่ซานเจอร์เวย์จะมีอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้แอบซ่อนอยู่?


บทที่ 1 ฤดูกาลแห่งความสิ้นหวัง

?อะไรกัน....?
มิเรย์พึมพำด้วยหน้าที่ซีดเผือด และทรุดตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น
?ออลเซ็น? เป็นร้านขนมปังเก่าแก่ ตั้งอยู่ในเขตซีจิสม่อน ช่วงตึกที่ห้า ในย่านการค้าซานเจอร์เวย์
ตอนนี้ ในร้านแคบๆ แห่งนี้ มีคนอยู่ประมาณยี่สิบคน กำลังเบียดเสียดชุลมุนวุ่นวายดู ?การชิงชัย? ที่ทำให้ร้านถึงกับต้องหยุดให้บริการอย่างกะทันหัน คนในร้านส่วนมากเป็นหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ และเป็นเพื่อนสมัยเด็กของมิเรย์ด้วยกันทั้งนั้น ชายที่ยืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลางคือ รอย หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันของวันนี้ เขากำลังภาคภูมิใจในชัยชนะของตัวเอง และมองมิเรย์ด้วยสายตาดูถูก หลังจากนั้นดานิเอล เจ้าของร้านออลเซ็น ผู้เป็นคุณตาของมิเรย์ ก็กล่าวขึ้น
?ฉันสัญญาเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะยกร้านนี้ให้กับผู้ชนะ และฉันขอมอบร้านนี้ให้รอยเป็นผู้ดูแลต่อ?
เสียงประกาศที่สงบนิ่งของคุณตาทำให้มิเรย์ถึงกับอึ้งและเงยหน้าขึ้นมอง
?แกเองก็เป็นถึงลูกสาวของคนทำขนมปัง ยอมรับในความพ่ายแพ้ของตัวเองซะ?
?........?
ก็จริงที่สัญญากันเอาไว้ตั้งแต่แรก เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน
แต่ตอนนั้นมิเรย์ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับความพ่ายแพ้แบบนี้
ร้านขนมปังเล็กๆ แห่งนี้ คุณตากับคุณแม่ของมิเรย์เป็นผู้ดูแล และผู้ที่จะสืบทอดกิจการต่อย่อมเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากลูกสาวที่ทุกคนยกย่องว่าเป็นหน้าเป็นตาของร้านอย่างมิเรย์เท่านั้น เธอเข้าใจแบบนี้มาโดยตลอด แต่ทว่าจู่ๆ วันหนึ่งรอยก็มาประกาศสงครามกับเธอ
รอยอายุมากกว่ามิเรย์หนึ่งปี และเป็นเพื่อนบ้านที่เธอรู้จักมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เนื่องจากผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านสนิทสนมกันเป็นอย่างดี รอยจึงมักจะมานั่งแช่ที่ร้านเป็นประจำตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว มิเรย์รู้ว่ารอยคุ้นเคยและยกย่องช่างทำขนมปังอย่างคุณตาของเธอเป็นอย่างมาก
แต่มิเรย์กลับเกลียดเขาเข้ากระดูก รอยชอบล้อมิเรย์ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ คนแบบนี้น่ารังเกียจที่สุด และทุกครั้งที่โดนล้อ มิเรย์ก็จะเอาคืนโดยการพยายามทำทุกวิถีทางให้รอยร้องไห้ แต่ไม่ว่าเธอจะต่อยเขา หรือผลักเขาตกแม่น้ำอย่างไร วันต่อมารอยก็ยังล้อมิเรย์ได้อีกอย่างไม่สะทกสะท้าน ช่างเป็นผู้ชายที่มีความมุ่งมั่นและความพยายามเป็นเลิศจริงๆ
หลังจากที่รอยเรียนจบชั้นประถม เขาก็ตัดสินใจศึกษาต่อวิชาชีพทำขนมปัง มิเรย์รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะรอยต้องเดินทางไปเรียนต่อถึงเซียรัน ประเทศเพื่อนบ้านที่ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารมีการแข่งขันกันสูงเป็นอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ของทวีปเลยทีเดียว มิเรย์ได้ยินก็อดนึกในใจไม่ได้ว่าแก่แดดชะมัดเลย แต่จากนี้ไปรอยก็จะมาตามรังควานกลั่นแกล้งมิเรย์ไม่ได้อีก เมื่อคิดได้เช่นนั้นมิเรย์ก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่ทว่าในปีนี้ จู่ๆ รอยก็กลับมา แถมยังขอลงสมัครแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดร้านออลเซ็นจากมิเรย์อีกต่างหาก
?ถ้าให้เธอมาสืบทอดกิจการต่อ ร้านนี้ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊งเท่านั้น ต้องเป็นคนที่ร่ำเรียนวิชาทำขนมปังจากเซียรันมาอย่างฉันนี่สิ ฉันจะขอรับช่วงกิจการต่อเอง เธอรีบหลีกทางไปซะดีกว่า ถ้าไม่ยอม งั้นเราก็มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงไป?
รอยป่าวประกาศท้าทายมิเรย์
แน่นอนว่าถ้าพูดกันขนาดนี้ คนอย่างมิเรย์จะนิ่งเฉยได้อย่างไร เธอไม่มีทางยกร้านที่คุณตากับคุณแม่ทุ่มเทบริหารมาตลอดให้ผู้ชายแบบนั้นได้หรอก
จะต้องชนะ และจะต้องทำให้ผู้ชายแบบนั้นขายขี้หน้าให้ได้ มิเรย์เปี่ยมล้นไปด้วยความมุ่งมั่น เธอทุ่มเทฝึกฝนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในวันนี้มาตลอด แต่ทว่า....
ไม่อยากจะเชื่อ คนที่ขายขี้หน้ากลับกลายเป็นมิเรย์ต่างหาก
ผู้คนในเมืองที่ได้ลองชิมขนมปังของทั้งสองฝ่ายต่างก็โหวตให้กับขนมปังของรอยกันทุกคน มิเรย์ไม่ได้รับคะแนนโหวตเลยแม้แต่คะแนนเดียว
(ทำไมล่ะ....? แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ)
ก่อนหน้านี้มิเรย์เคยคิดสูตรขนมปังชนิดใหม่ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความหวังที่จะให้ร้านเป็นที่หนึ่งของประเทศให้ได้ เธอนำขนมปังเหล่านี้ไปให้เพื่อนบ้านลองชิมดู ถึงบางคนจะทำหน้าตาคิดหนัก แต่ก็ไม่มีใครที่วิจารณ์เธออย่างรุนแรงเลย
และถึงคุณแม่จะกินขนมปังของเธอไม่ลง แต่คุณตาก็ไม่เคยพูดถึงขนมปังของเธอในทางที่เสียหายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านกลับเฝ้าดูมิเรย์ที่ทุ่มเทคิดสูตรขนมปังชนิดใหม่ด้วยสายตาที่อบอุ่นอยู่เสมอ
ระหว่างที่มิเรย์กำลังคิดวนเวียนหาสาเหตุอยู่ในหัว ดานิเอลก็พูดขึ้นมาอย่างสงบนิ่งว่า
?ตาเห็นว่าแกมีความมุ่งมั่นมาก ตาเลยคิดว่าแกอาจจะทำได้ก็ได้ เลยลองสอนอะไรหลายๆ อย่างให้ แต่ว่านะ....?
?เอ๋....??
เฮ้อ ดานิเอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันไปพูดกับมิเรย์อย่างตรงไปตรงมา
?ตาอาจจะพูดแรงไปหน่อยนะ แต่ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีพรสวรรค์เรื่องทำขนมปังเอาซะเลย?
มิเรย์ตาโตจ้องมองคุณตาของเธอ
(....เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ คุณตา)
หรือว่าเธอจะตกใจมากจนทำให้หูฝาดไป
ภายในร้านเงียบสงัด มิเรย์หันไปมองเพื่อนๆ สมัยเด็กของเธอที่กำลังสบตากันด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แล้วเธอก็ถามในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ออกมา
?เอ่อคือ.... หรือว่าขนมปังที่ฉันทำ รสชาติแย่มากหรือ....??
หลังจากที่พวกเขาหันไปสบตากันอีกครั้ง ทุกคนก็ผงกหัวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
?อืม แย่มากเลยแหละ?
พอได้รับคำตอบที่ชัดเจนแบบนี้ มิเรย์ถึงกับอึ้งจนอ้าปากค้าง
ก็อาจจะมีบ้างบางครั้งที่เธอทำขนมปังออกมาแล้วรสชาติไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะแย่ถึงขนาดนี้
เมื่อลองคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เธอเคยเอาขนมปังไปให้เพื่อนบ้านลองชิมหลายต่อหลายครั้ง หน้าของมิเรย์ก็ค่อยๆ ซีดลง
(แบบนี้ก็หมายความว่าทุกคนฝืนกินขนมปังของฉันมาตลอดงั้นหรือ แล้วฉันก็หลงดีใจกับฝีมือทำขนมปังของตัวเอง โดยที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย....)
แถมคุณตายังบอกอีกว่าเธอเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ แล้วท่านก็ไม่ใช่คนที่พูดอะไรแบบนี้เล่นๆ ด้วย
แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือตัวเองเธอเองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยไม่ใช่หรือ มิเรย์ไม่เคยคิดเลยว่าขนมปังที่ตัวเองทำจะรสชาติแย่มากขนาดนี้
(หรอว่า....ประสาทรับรสของฉันจะมีปัญหา....?)
มิเรย์ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ข้อบกพร่องที่ร้ายแรงของตัวเองในที่สุด เป็นถึงลูกสาวร้านขนมปังแต่กลับทำขนมปังไม่เป็นแบบนี้จะมีค่าอะไร ถ้าสักวันหนึ่งมิเรย์โดนไล่ออกจากบ้าน เธอก็คงไม่สามารถพูดแก้ตัวอะไรได้
?คุณพ่อคะ....?
จูเลียเห็นลูกสาวของตัวเองนั่งหน้าซีดนิ่งเงียบอยู่ก็อดสงสารไม่ได้ จึงกล่าวออกมาในที่สุด แต่สีหน้าของดานิเอลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
?ที่พ่อพูดตรงๆ แบบนี้ก็เพื่อตัวของเขาเองนะ?
?ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะค่ะ....?
จูเลียเห็นลูกสาวของตัวเองมุ่งมั่นพยายามจนเกินความจำเป็นมาตลอด แต่จู่ๆ กลับโดนหักหน้ากันแบบนี้ เธอเลยไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นการกระทำเพื่อมิเรย์จริงหรือเปล่า
รอยทำเสียงกระแอมในลำคอด้วยความตื่นเต้นซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับเดินเข้ามาหามิเรย์
?แหม ไม่เห็นต้องทำท่าผิดหวังขนาดนี้เลย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไล่เธอออกไปจากร้านสักหน่อย แล้วอีกอย่าง ที่นี่ก็เป็นบ้านของเธอด้วย?
?........?
?ถ้าเธอดึงดันอยากจะทำขนมปังต่อที่นี่ล่ะก็ ฉันจะสอนวิธีทำให้เธอก็ได้ ถึงฉันจะได้เป็นผู้สืบทอดกิจการต่อ แต่เธอก็ยังเป็นลูกสาวของบ้านนี้อยู่ดี....?
แก้มของรอยเปลี่ยนเป็นสีแดง คนรอบข้างที่เข้าใจความหมายที่รอยต้องการสื่อพูดแทนออกมาว่า
?จริงด้วย ถ้าให้รอยมาเป็นลูกเขยของบ้านนี้ ทุกอย่างก็จะลงตัวพอดี?
?หนะ หนวกหูน่า ฟรานซ์! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นสักหน่อย....?
?ดูท่าทางไม่ได้รังเกียจเสียด้วย?
?พวกเธอเองก็เหมือนกัน เงียบไปเลย!?
เสียงกระซิบกระซาบหยอกล้อของพวกผู้หญิงทำให้รอยหน้าแดง และระเบิดเสียงออกมาด้วยความโกรธ เขายังทำหน้าอารมณ์เสียไม่หาย
?เพราะฉะนั้น เอ่อคือ.... ถ้าเธอดึงดันอยากจะทำขนมปังต่อที่นี่ล่ะก็ เธอมาทำร้านกับฉันก็....?
?ผมกลับมาแล้ว!?
ประตูของร้านถูกกระชากออก พร้อมกับเสียงตะโกนที่ฟังดูสบายๆ
ชายหนุ่มรูปร่างงดงามดูไม่เข้ากับย่านการค้าแถวนี้เอาซะเลยเดินเข้ามาภายในร้าน เขาถอดหมวกขนนกสีน้ำเงินออกพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาสาวๆ ภายในร้านร้องกันจนเสียงหลง
?กรี๊ด เฟร็ด!?
?ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!?
กลุ่มของสาวๆ ต้อนรับการกลับมาของเฟร็ดกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
?ไง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน รีซ, โซฟี, อานิส, นาเดีย, คาโรไลน์, อเดล ทุกคนสบายดีกันหรือเปล่า?
พวกผู้หญิงพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังสนั่น ตรงกันข้ามกับพวกผู้ชายโดยสิ้นเชิง พวกเขาจ้องมองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เห็นภาพเหล่านี้กันจนชินชาและไม่รู้ว่าควรจะบ่นอย่างไรดีแล้ว
?อา กลับมาแล้วหรือ เฟร็ด?
ดานิเอลยิ้ม พร้อมกับเดินออกมาต้อนรับหลานชายของตัวเอง เขาหันไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอีกคนเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของเฟร็ด
?คุณริฮาร์ท ยินดีต้อนรับ?
?ขอบคุณครับ.... ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะครับ?
ริฮาร์ทถอดหมวกออกพร้อมก้มโค้งทักทาย แม้ว่าภายในร้านจะปกคลุมไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด แต่ดานิเอลกับจูเลียก็ยังไม่ลืมทักทายแขกอย่างสุภาพ
?ใครหรือ??
?ไม่รู้สิ....?
พวกผู้ชายต่างพากันกระซิบกระซาบพูดถึงชายหนุ่มที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน ทุกคนดูออกอย่างชัดเจนว่าเขาเหน็บดาบซ่อนเอาไว้นอกเสื้อโค้ท แถมท่าทางก็ไม่น่าใช่ผู้ที่จะย่างกรายเข้ามาในร้านขนมปังแถบย่านการค้านี้ได้เลย
?....แล้วทำไมวันนี้ดูครึกครื้นกันจัง ยังไม่ถึงหน้าเทศกาลเลยนี่นา?
เฟร็ดรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทั้งบรรยากาศตึงเครียดและผู้คนที่อัดแน่นกันจนเต็มร้าน เขาหันมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ พวกผู้หญิงรีบแย่งกันเป็นผู้บรรยายทันที
?มิเรย์กับรอยแข่งขันกันทำขนมปังเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดร้านนี้แหละ ใครทำขนมปังได้อร่อยกว่า ผู้นั้นก็จะได้ร้านนี้ไปครอง?
?แล้วมิเรย์ก็แพ้ย่อยยับเลย?
?รอยก็เลยพูดเหมือนจะขอมิเรย์แต่งงาน แต่ตอนนี้มิเรย์คงไม่มีอารมณ์ที่อยากจะคิดเรื่องแบบนั้นหรอก?
?ขอแต่งงาน??
เฟร็ดร้องเสียงหลง ริฮาร์ทเองก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจเหมือนกัน ทั้งคู่ก้มมองมิเรย์ที่กำลังนั่งเหี่ยวเฉาอยู่ที่พื้น
?หนะ หนวกหูน่า ที่ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าฉันชอบยัยนี่สักหน่อย ผู้หญิงหยาบกระด้างแบบนี้เนี่ยนะ แค่คิดว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหนเลือกแล้ว ฉันก็เลย....?
เฟร็ดหันไปหารอยที่กำลังพูดแก้ตัวเสียงดังลั่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
?ตัดสินใจเอาเองแบบนี้ก็แย่สิ ถ้าเธออยากจะคบกับมิเรย์จริง ก็ต้องผ่านพี่ชายอย่างฉันไปให้ได้ก่อน จะทำอะไรก็ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตูจริงไหม....เอ่อ?
?....ฉันชื่อรอย?
?อ้อ ใช่ๆ รอย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดจริงจังกับมิเรย์มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าเธอไม่แสดงความจริงใจให้ฉันเห็นล่ะก็ ฉันคงยอมให้เธอคบกับน้องสาวของฉันไม่ได้ เพราะฉะนั้น เธอ....เอ่อ?
?ฉันบอกไปแล้วว่าฉันชื่อรอย?
?ใช่ รอย เอาเป็นว่าก่อนอื่นเธอลองแต่งกลอนเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอที่มีให้มิเรย์แล้วมาส่งฉันก่อนก็แล้วกัน ฉันจะเป็นคนให้คะแนนเอง ถ้าผ่าน ฉันก็จะอนุญาตให้เริ่มจากเป็นเพื่อนกันไปก่อน ถ้าไม่ผ่าน เธอก็ตัดใจจากมิเรย์ไปซะ แบบนี้ว่าไง....เอ่อ?
รอยเหลืออดที่อีกฝ่ายไม่คิดจะจำชื่อของตัวเองสักที จึงระเบิดความโกรธออกมา
?เจ้าบ้า นี่มันเกินไปแล้วนะ! ทีชื่อของผู้หญิง ครั้งเดียวก็จำได้ แต่กับชื่อของผู้ชาย ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา!?
?เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ใครปฏิบัติดีกับฉัน ฉันก็จะปฏิบัติดีตอบ ไม่ได้หมายความว่าฉันเอาใจเฉพาะพวกผู้หญิงสักหน่อย ผู้ใดที่ชื่นชมฉัน ไม่ว่าจะคนแก่หรือหนุ่มสาว ชายหรือหญิง ฉันก็รับไว้หมดทั้งนั้นแหละ เลิกพูดจาเหมือนฉันเป็นพวกบ้าผู้หญิงซะที?
?หุบปากไปเลย! แกเนี่ยพูดจาอวดเก่งตั้งแต่เด็กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ?
จูเลียเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน
?เฟร็ด ว่าแต่ว่าทำไมจู่ๆ ลูกถึงมาที่นี่ล่ะ ลูกจะมารับมิเรย์ไปอีกหรือ??
?ก็ประมาณนั้นแหละครับ นี่ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของเราสองคนแล้ว เลยกะว่าจะชวนไปฉลองที่กรีนฮิลเด้เสียหน่อย?
?ก็ดีเหมือนกันนี่ มิเรย์จะได้เปลี่ยนบรรยากาศด้วย?
ดานิเอลพูดแทรกขึ้นอย่างสงบนิ่ง จูเลียพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจ
?แต่ว่า....ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งหรือเปล่า อย่าว่าแต่ยืนหยัดเลย ตอนนี้จะให้ลุกขึ้นยืนก็ท่าทางจะไม่ไหว?
?เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวริฮาร์ทจะแบกมิเรย์ให้เอง?
?อา.... ครับ?
เมื่อได้รับคำสั่งเช่นนั้น ริฮาร์ทก็คุกเข่าลงตรงหน้ามิเรย์ที่นั่งอยู่
ระหว่างที่มิเรย์กำลังนั่งห่อเหี่ยวกอดเข่าตัวเอง พร้อมกับครุ่นคิดว่าจะเผชิญหน้ากับทุกคนอย่างไรดีอยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนมานั่งอยู่ตรงหน้า เธอจึงเงยหน้าขึ้นมอง มิเรย์ไม่มีแรงแม้แต่จะคิดสงสัยว่าทำไมริฮาร์ทถึงมาอยู่ตรงหน้าเธอได้
?....ขอโทษนะ ริฮาร์ท....?
เอ๋? ริฮาร์ทเบิกตาโพลงด้วยความแปลกใจ มิเรย์น้ำตาคลอเบ้า เธอรู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นหน้าริฮาร์ทหลังจากไม่ได้เจอกันเสียนาน อีกทั้งความรู้สึกเสียใจก็ถาโถมเข้ามา
?ฉันไม่รู้มาก่อนเลย....ว่าฉันทำขนมปังรสชาติแย่ๆ ให้คุณกินตั้งมากมายขนาดนั้น....?
ลองคิดย้อนกลับไป เมื่อครั้งที่ไปอัลเทมาริส อัศวินกลุ่มลิลลี่ขาวร้องไห้กันยกใหญ่หลังได้กินขนมปังของมิเรย์ เธอแค่รู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่เคยคิดเลยว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นต้นเหตุ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจสาเหตุแล้ว และคนที่รับขนมปังที่เหลือจากเหล่าอัศวินทั้งหมดก็คือริฮาร์ทนั่นเอง
?ผมไม่คิดเลยสักครั้งว่าขนมปังของคุณไม่อร่อย?
?แต่ว่า.... ฉันไม่ได้คะแนนโหวตเลยแม้แต่คะแนนเดียว?
?อย่าร้องไห้อย่างนี้สิครับ ยังไงผมก็ชอบขนมปังของคุณนะ?
มิเรย์ได้รับคำปลอบใจที่แสนอ่อนโยน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มากขึ้น เขาช่างเป็นคนดีจริงๆ และตัวเองก็เป็นผู้หญิงที่โหดร้ายราวกับปีศาจ ที่ยัดเยียดขนมปังรสชาติไม่ได้เรื่องให้คนดีอย่างเขากินทุกวัน
ริฮาร์ทจับมิเรย์ที่กำลังโน้มตัวเข้ามากอดเขาด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม และอุ้มเธอขึ้น
รอยซึ่งกำลังจับตาดูพวกเขาอยู่ด้วยความตกตะลึงส่งเสียงออกมาราวกับเพิ่งจะรู้สึกตัว
?เดี๋ยวก่อนสิ!?
ริฮาร์ทที่กำลังจะหมุนส้นเท้าก้าวออกไปหันกลับมาหาเขา
?มีอะไรหรือครับ??
?มีอะไรงั้นหรือ.... แก เป็นอะไรกับมิเรย์??
ถึงจะมีเด็กหนุ่มแปลกหน้ามาเรียกสรรพนามแทนเขาว่าแก แต่สีหน้าของริฮาร์ทก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
?ผมเป็นองครักษ์?
?อะ....องครักษ์?
?ถ้างั้นผมขอตัวก่อน?
เขาหันไปโค้งคำนับดานิเอลและจูเลียอย่างสุภาพ และเดินผ่านประตูทางเข้าซึ่งเปิดอ้าค้างไว้ออกไป
?ดะ....เดี๋ยวก่อน! ฉันยังพูดไม่จบเลย?
รอยยืนอึ้งอ้าปากหวอ รีบขยับเท้าตามหลังพวกเขาไป เฟร็ดเห็นดังนั้นจึงคว้าไหล่ของรอยเอาไว้
?ถ้านายเป็นผู้ชายจริงก็น่าจะดูออกนะ เข้าใจใช่ไหม มิเรย์มีคนจองแล้ว?
?หา!? มีคนจอง....?
?เอาล่ะ หม่าม้า คุณตา ผมขอฝากเรื่องนั้นด้วยนะครับ!?
เฟร็ดหันไปโปรยยิ้มให้ทุกคนเหมือนตอนขามา ก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีสง่างาม


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มิเรย์แพ้การแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดร้านขนมปังอย่างย่อยยับ เธอจึงเปลี่ยนแนวมาถักผ้าคลุมไหล่แสดงความรักให้ริฮาร์ทแทน แต่ทว่ายังไม่ทันจะถักได้เท่าไรเลย ผ้าคลุมไหล่ (มั้ง) ก็ถูกจอมโจรขี้หลีรูปงามขโมยไปเสียแล้ว ความโกรธจึงระเบิดขึ้น! สาวน้อยที่มีความมุ่งมั่นอย่างมิเรย์จึงตัดสินใจเสี่ยงตายตามล่าจับโจรสุดชีวิต และทำ (ตัวเอง) ให้เข้าไปพัวพันกับแผนการร้ายของราชวงศ์ซีเรีย....!? ความรักและการท้าทายที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของ ?ท่านเคานท์กำละมอ? ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!! เชิญพบกับเรื่องราวแฟนตาซีแบบฉบับเจ้าชายเจ้าหญิงที่เพิ่มดัชนีความหวานให้หัวใจคุณต้องเต้นไม่เป็นจังหวะในเล่ม 3 ได้เลย!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”