เหตุการณ์เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อประกายพรึกในเรื่องซาตานสีน้ำเงินเพิ่งคลอดลูกคนแรก
เบญจา โควารี หรือที่ทุกคนรู้จักเขาในชื่อใหม่ว่า เบ็น โควารี เลขาฯ นักการเมืองคนใหม่ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของอเมริกา
เขากำลังขับรถยนต์คันหรูของเขาไปตามถนนหลวงเพื่อไปเยี่ยมน้องสาวในเขตชายแดนอเมริกาใกล้ๆ เม็กซิโก
เบ็นขับรถใกล้ตัวเมืองเข้าไปทุกที และอีกไม่กี่กิโลก็จะถึงถ้าขณะที่เลี้ยวโค้งนั้นไม่เจอท่อนไม้ใหญ่ขวางถนนอยู่ ทำให้เขาต้องชนมันเข้าอย่างจังอย่างเลี่ยงไม่ได้
เสียงชนโครมใหญ่ทำให้คนที่เฝ้าคอยให้อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นแยกยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อหันไปเห็นทั้งรถทั้งคนชนอยู่กับต้นไม้ต้นนั้นยับเยิน
***
?คุณประกายพรึก เข้าโรงพยาบาลไปแล้วครับผม...สงสัยว่างานของเราต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง...?
ลูกน้องคุณชายวสันต์เดินเข้ามาบอกเจ้านายในเวลาต่อมา...
คุณชายวสันต์มีสีหน้าผิดหวังทันที ทั้งๆ ที่พอใจที่ได้ตัวเบญจามาแล้วด้วยอุบัติเหตุที่จัดให้อยู่หยกๆ
?หล่อนเข้าโรงพยาบาลเรื่องอะไร...?
?คลอดลูกครับผม
คำตอบลูกน้องทำเอาคุณชายวสันต์รู้สึกผิดหวังจนบอกไม่ถูก และครั้งนี้ก็เช่นกัน ตัวเขาและเด็กสาวคนนั้น...ต้องถูกพรากจากกันครั้งแล้วครั้งเล่า คุณชายถึงกับเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้...ไหล่ลู่ลงอย่างคนหมดกำลังใจ
แต่แล้วในนาทีต่อมาคุณชายวสันต์ก็ทรงร่างขึ้นนั่งตัวตรงอีกครั้ง แล้วบอกตัวเองว่า...เขาไม่ยอมแพ้มันหรอก...ไม่ยอมให้หล่อนหลุดมือไปได้เป็นอันขาด...
เด็กสาวคนนั้นต้องเป็นของเขา...คุณชายไม่สนใจหรอกว่าหล่อนจะผ่านใครมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วต้องมาอยู่กับเขา และอยู่กันไปตลอดชีวิต...
คุณชายคิดก่อนจะคว้าไม้เท้าใกล้ๆ พาร่างตัวเองเดินออกจากห้องทำงานเข้ายังห้องนอนติดๆ กันนั่น แล้วเอนตัวลงนอนพักหลังจากเคร่งเครียดมาหลายเวลา
***
ครีสไม่ได้กลับบ้าน...เขาตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าภรรยากำลังจะคลอดลูกชายคนแรกให้เขา
ชายหนุ่มเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องคลอดเหมือนหนูติดจั่น...จนกระทั่งประตูห้องห้องนั้นเปิด แล้วพยาบาลก็อุ้มลูกของเขาออกมาให้ดู...
?ลูกชายของคุณค่ะ...ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ...?
ครีสมองลูกด้วยความรู้สึกปลื้มปิติ และยินดีปรีดาเป็นล้นพ้น
เขายื่นมาสั่นๆ ออกไปรับร่างกระจ้อยร่อยที่พยาบาลส่งมาให้มาอุ้มเอาไว้ด้วยกิริยากึ่งกล้ากึ่งกลัวว่าลูกจะหลุดมือ อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต...
ในเวลาต่อมา...ประตูห้องคลอดก็เปิดออก แล้วเตียงที่ประกายพรึกนอนอยู่ก็ถูกเข็นออกมา...
?ส่งเด็กให้ดิฉันก่อนค่ะ...?
พยาบาลกระซิบให้เขาส่งลูกคืนให้ก่อนจะเดินตามกันไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานั้นครีสรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝัน...บอกตัวเองด้วยว่านับแต่นี้ต่อไปเขาคือพ่อของคนแล้ว...ไม่ใช่หนุ่มโสดที่จะทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกต่อไป
ความจริงเรื่องนี้เขาบอกตัวเองตั้งแต่แต่งงานกับประกายพรึกแล้ว แต่มาบัดนี้เขายิ่งย้ำตัวเองให้สำนึกมากขึ้นไปอีก
***
เบ็น โควารี ลืมตาตื่นด้วยความเจ็บปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัวในเวลาต่อมา แล้วพบว่าตัวเองแขนหักหนึ่งข้าง ขาหักหนึ่งข้าง...และสิ่งสำคัญที่สุดคือจำอะไรไม่ได้ แม้แต่ชื่อตัวเอง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร...แล้วมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
?น้ำ...?
เขาพึมพำออกไปเบาแสนเบา ด้วยความกระหายน้ำแบบสุดๆ
ปุษยานั่งเฝ้าเขามาสามวันแล้ว...ได้ยินเสียงอันแผ่วเบานั้น แล้วจัดการหันไปรินน้ำมาให้เขาทันที..
หล่อนประคองศีรษะเขาขึ้นแล้วจ่อหลอดเข้าที่ปากของเขา...รอจนชายหนุ่มดื่มน้ำไปได้สองสามอึก ก่อนจะสำลักน้ำไอแค่กๆ ตามมา...
หล่อนวางเขาลงแล้วก้มลงมองดวงตาที่มองสบมาก่อนจะถามว่า...
?เป็นยังไงบ้างคะ...?
หล่อนหลุดปากถามออกไป..ทำให้ชายหนุ่มถึงกับกะพริบตาอย่างแปลกใจเมื่อถามกลับไปทันทีว่า...
?คุณเป็นคนไทยรึ!?...?
?ค่ะ...แล้วคุณล่ะคะ...?
หล่อนตามกลับมา...เล่นเอาเบ็นนิ่งงันไปหลายอึดใจ ก่อนจะตอบไปได้ว่า
?ใช่...ผมเข้าใจภาษาที่คุณพูดอยู่นะ มันเป็นภาษาแม่ของผม...?
?ถ้าพูดกันรู้เรื่องแบบนี้ก็คงใช่ล่ะค่ะ...คุณเป็นคนไทยแน่นอน...?
?แล้วผมอยู่ที่ไหน...ผมชื่ออะไร ทำไมผมจำอะไรไม่ได้แบบนี้ล่ะ...แล้วคุณเป็นใคร...คุณชื่ออะไร...แล้วทำไมผมมานอนอยู่ในบ้านหลังนี้คุณตอบผมได้ไหม...?
คำถามหลายคำถามที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออกไปเหมือนกัน...
?คุณชื่อ เบน โควารีค่ะ...ฉันชื่อปุษยา โควารี...ฉันเป็นภรรยาของคุณ...?
ชายหนุ่มฟังแล้วอึ้ง...เหลือบตาขึ้นจ้องหน้าหล่อนเขม็งเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองแต่งงานแล้ว...และหล่อนคือภรรยาของเขา...
?เป็นไปไม่ได้...? เขารำพึงกับตัวเอง แล้วหลับตาลงอย่างตกใจ....
?คุณไม่เชื่อหรือไงคะ....?
หล่อนก้มลงมาถาม และมองสบตาคมของเขาอย่างค้นคว้า...
แน่นอน...หลังจากที่นั่งเฝ้าเขามาแล้วสามวัน...ปุษยารู้ดีว่าชายหนุ่มที่หล่อนต้องเข้ามาดูแลเขาอยู่นี้เป็นคนที่มีหน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว...
เขามีหน้าผากกว้าง มีคิ้วเข้มขนานไปกับดวงตาคมที่หล่อนมองเห็นขนตางอนหนา โดยไม่ต้องใช้เครื่องดัด...มีโหนกแก้มสูง...จมูกโด่งตรง...และริมฝีปากได้รูป...ไม่บางหรือหนาจนเกินไป....
หล่อนชอบแอบมองเวลาเขาหลับ ซึ่งดวงหน้านั้นเหมือนรูปปั้น...งามได้สัดส่วนไปหมดเหมือนมีใครจงใจปั้นเอาไว้...
?เราแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่....?
เขาถามหลังเสียงเบาราวกับกระซิบหลังจากต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่งอย่างพิจารณาอยู่นาน
หญิงสาวไม่ได้ตอบ...แต่ถึงลิ้นชักออกมาหยิบกระดาษที่เป็นหลักฐานการจดทะเบียนของเขาและหล่อนขึ้นมาถือไว้ในมือ...
?ขอดูหน่อย...?
จนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น...ทำให้หล่อนต้องส่งกระดาษใบนั้นไปให้ดู
?ปีหนึ่งมาแล้วหรือ...ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย...แล้วเราเจอกันเมื่อไหร่...ยังไง..?
เขาถามหล่อนขณะที่ปุษยา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง...
ก่อนที่หล่อนจะตอบ ประตูก็ถูกเปิดกว้างออก...แล้วแม่บ้านร่างท้วม...สวมหมวกขาวสะอาด...แต่งชุดทำงานบ้านสีดำปิดเข่า...ผูกผ้ากันเปื้อนขาวเช่นเดียวกับหมวกก็เดินเข็นรถอาหารเข้ามา...
มันเหมือนระฆังช่วยสำหรับหญิงสาว...ทำให้หล่อนได้มีเวลาคิด...
?อาหารเย็นค่ะคุณผู้หญิง...อ้าว...คุณผู้ชายฟื้นแล้วหรือคะ...ดิฉันจะตามหมอให้นะคะ..?
?ขอบใจจ้ะ...?
หล่อนตอบแม่บ้าน แล้วร่างท้วมๆ นั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว...
เพียงไม่กี่นาทีคณะแพทย์สามคนก็เดินตามกันเข้ามาเป็นชุด...ทำให้ปุษยาได้โอกาสถอยห่างมาโทรศัพท์กลับไปหาคุณชายทันที....
***
?เขาฟื้นแล้วค่ะ และจำอะไรไม่ได้เลย...ไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไรด้วยซ้ำ...ตอนนี้คณะแพทย์กำลังเข้ามาตรวจอาการเขาค่ะ...?
หล่อนรายงานผู้เป็นลุงไปตามที่รู้...และต้องการคำแนะนำในการตอบ...
?เธอบอกว่ามันจำอะไรไม่ได้เลยงั้นรึ...!??
คุณชายวสันต์ถามกลับด้วยความตกใจ...ไม่คาดคิด...
?ใช่แล้วค่ะ....?
คุณชายวสันต์อึ้งไปนาน...ดูมันประจวบเหมาะกันอย่างไม่น่าเชื่อ...น้องสาวเข้าโรงพยาบาลคลอดลูก..ส่วนพี่ชายกลับสมองเสื่อม...จำอะไรไม่ได้...นี่มันอะไรกัน
คุณชายวสันต์นิ่งงัน...พูดไม่ออก..คิดก็ไม่ออกไปชั่วขณะ
?เขาถามฉันค่ะว่าเจอกันที่ไหน...ฉันไม่รู้จะตอบยังไง...ความจริงคุณลุงไม่น่าจะผูกฉันไว้กับเขาแบบนี้เลย...?
?เธอเป็นคนสวย ฉันรู้ว่ามันต้องชอบเธอแน่...เธอต้องทำให้มันติดกับหลงรักเธอจนดิ้นไม่หลุด...แล้วเวลานั้นไม่ว่าฉันต้องการอะไร มันก็ต้องยอมหามาแลก...?
?คุณลุงต้องการอะไรจากเขาคะ...?
?ไม่ต้องมาถาม...ทำตามคำสั่งฉันก็แล้วกัน...เพื่อตัวหล่อนและงานของฉัน..?
จึงต้องเงียบขณะที่อีกฝ่ายวางสายไปเสียแล้ว เหมือนจะปล่อยให้หล่อนแก้ปัญหาเอาเอง...
หญิงสาวยกมือขึ้นแปะหน้าผากเมื่อคิดอะไรไม่ออก หล่อนรู้ว่าการจะหลอกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วจะทำอย่างไรดี
หล่อนเดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด...และก็คิดไม่ตกจนกระทั่งคณะแพทย์พากันออกมา...
?เขาเป็นยังไงบ้างคะ..!?? หล่อนถามทันที
?อาจจะเป็นความจำเสื่อมชั่วคราว...คนที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเป็นแบบนี้กันเยอะ..พอค่อยยังชั่วขึ้น...ความจำก็จะกลับมาเหมือนเดิม...?
?นานไหมคะกว่าจะเหมือนเดิม...?
?สามเดือน...หกเดือน...หรือเป็นปี...สองสามปี...แต่ก็มีมากเหมือนกันที่จำไม่ได้อีกเลย...?
หมอตอบก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ...หญิงสาวถอนใจเฮือกก่อนจะขยับตัวไปแอบดูเขาเงียบๆ...
หล่อนไม่อยากจะเข้าไปอีกเพราะกลัวเขาจะถามคำถามที่หล่อนตอบไม่ได้...
ผลสุดท้ายปุษยาจึงตัดสินใจเดินไปหาพยาบาล...ขอยาแก้ปวดหัวสองเม็ด...บอกว่าหล่อนไม่ค่อยสบาย...ให้พยาบาลเข้าไปดูแลคนป่วยแทน...หลังจากนั้นก็เข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้องพักตัวเอง...แล้วคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี...ถ้าเจอคำถามที่หล่อนตอบไม่ถูกและไม่อยากตอบเลยแบบนั้นอีก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?เบ็น โควารี? ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว ในเมื่อเวลานี้ชายหนุ่มแขนและขาหักและพบว่าจำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง หากแต่ผู้หญิงที่ชื่อ ?ปุษยา? กลับทำให้เขาต้องกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ หล่อนบอกแบบอ้ำๆ อึ้งๆ กับเบ็นว่าหล่อนคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา ทว่าความทรงจำอันรางเลือนกลับไม่มีผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว และเข้าใกล้เมื่อไหร่ปุษยาก็ทำเหมือนเขาคือคนแปลกหน้าที่มิเคยร่วมเคียงหมอนนอนเตียงเดียวกัน ความสับสนในตัวเองและบาดแผลบนร่างกำยำทำให้เบ็นสงสัยและค้นหาความจริง ในขณะที่หญิงสาวต้องกุมความลับที่ไม่กระจ่างชัดในแผนการของผู้ที่หล่อนเรียกว่าลุงนัก ปุษยาต้องเลือกว่าจะเดินตามคำบัญชาของผู้มีพระคุณโดยที่ไม่รู้ว่าคำสั่งนั้นจะพลาญชีวิตของใคร หรือจะเลือกที่ไปใช้ชีวิตกับเบ็นเมื่อเขาสอนบทเรียนแรกด้วยการกอดจูบลูบไล้ไปทั่วร่าง จนทำให้ชีวิตสาวซึ่งไม่เคยต้องมือใครอยากปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสปรารถนา
?ฉันอยากเรียนบทเรียนที่สอง...คุณจะสอนฉันได้หรือยัง...? หล่อนถาม...และมองนิ่งมาที่เขา... ทำให้ชายหนุ่มต้องก้มลงไปถามจนติดดวงหน้าสวยและสบตากันนิ่ง
