00.20 AM
[S-Single Pub]
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปด้วยจังหวะดนตรีที่แสนหนักหน่วง บวกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มมาเกือบทั้งคืน ทำให้ร่างกายของฉันเกิดความรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก และอย่างยิ่งเมื่อหันไปมองกลุ่มเพื่อนสนิทที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอยู่ไม่ห่างด้วยแล้ว ฉันก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องส่ายสะบัดตามไปด้วย ทำให้ผู้คนรอบด้านพากันหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
ฉันรู้ดีว่าทุกครั้งที่ร่างกายเซ็กซี่สมส่วนเคลื่อนไหว มันจะเป็นที่สะดุดตาคนและช่างเย้ายวนได้เป็นอย่างดี ชุดบอดี้คอนรัดรูปสีดำสนิททำให้สัดส่วนของฉันฉายชัดยิ่งขึ้น ฉันมั่นใจว่าไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉันได้เลย
?ฮันนี่... ถ้าเธอลุกขึ้นเต้นแบบนี้ พวกเราก็แห้งเหี่ยวหมดสิจ๊ะ? เคที่เพื่อนในกลุ่มเอ่ยแซวไม่จริงจังนัก พร้อมกับยกแก้วค็อกเทลในมือขึ้นดื่ม
?ช่วยไม่ได้ ต้องโทษเสียงเพลงและบรรยากาศ?
?และผู้ชายคนนั้น??
?รู้ดีน่า... เคที่? ฉันตอบเพื่อนสาว ทั้งๆ ที่สายตาคมกริบยังคงจับจ้องไปยังอีกมุมหนึ่งของผับและกำลังสบตากับผู้ชายคนนั้น...ที่เคที่อ้างถึง
ผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันแสนเย้ายวนกำลังส่งยิ้มให้ฉัน ในมือของเขาถือแก้วใสที่มีน้ำสีอำพันวนไปวนมาก่อนยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด และพอแก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะขนาดเล็ก ก็มีใครอีกคนรินใส่ให้ใหม่อย่างไม่ขาดสาย
ฉันรู้จักเขา เขารู้จักฉัน มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราพบกันในคืนนี้...
?ฉันว่าฉันไม่เห็นเขาที่นี่นานแล้วนะ? ใครคนหนึ่งในกลุ่มฉันเอ่ยออกมาอีก
?ก็คงงั้นแหละ ผู้ชายมีเจ้าของแล้วคงไม่เที่ยวกันแล้วมั้ง?
?น่าเสียดาย?
?ไม่รู้คืนนี้ลากแฟนมาด้วยหรือเปล่าเถอะ?
?ไม่หรอก...? ฉันตอบออกไปหลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนตั้งคำถามและสนทนากันมามากพอแล้ว และคำตอบของฉันก็ไม่ใช่เพียงการเดาด้วย แต่มันคือเรื่องจริงที่ฉันรับรู้มาตั้งแต่ต้น
?ไม่เอาน่า ฮันนี่...? เคที่ปรามฉัน ?หมอนั่นก็แค่คนเคยฮอต?
?แล้ว??
?หนุ่มฮอตที่มีแฟนแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับของกินที่หมดอายุ?
?ใช่ อย่างเธอน่ะจะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แค่ส่งยิ้มทีเดียวผู้ชายก็ตามมาเป็นพรวนแล้ว จะไปยุ่งอะไรกับคนที่มีแฟนแล้วกันล่ะ?
คราวนี้ฉันเลิกสนใจชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนหันมาสบตากับกลุ่มเพื่อนและเชิดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก เสียงเพลงจังหวะเบาๆ ที่พอจะทำให้ร่างกายของฉันโยกย้ายไปตามบทเพลงยังคงเปิดดัง พอยกสองมือขึ้นสูง ก็ราวกับว่ามันจะทำให้ทรวดทรงของฉันเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เพราะแบบนี้ยังไงล่ะ ฉันถึงได้ชอบใส่ชุดรัดรูปที่แสนสั้น เพราะเพียงยกแขนขึ้น ชายกระโปรงที่ปกติก็สั้นเต่ออยู่แล้วก็กลับถูกดึงรั้งให้สูงขึ้นอีก จนเผยให้เห็นเรียวขาอ่อนขาวผุดผ่องสะท้อนแสงไฟที่ตกกระทบ ฉันส่งยิ้มให้เคที่ ก่อนค่อยเลื่อนไปยังทิศทางเดิมที่ฉันรู้ดีว่าเขาคนนั้นมองอยู่
?ยิ่งมีเจ้าของแล้วก็ยิ่งน่าสนใจ พวกเธอไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?
?หมายความว่าเธอจะแย่งงั้นเหรอ? เคที่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนทุกที
?แบบนี้ก็สงสารผู้หญิงคนนั้นแย่น่ะสิ?
?ใช่ เพราะคงไม่มีผู้ชายหน้าไหนกล้าปฏิเสธฮันนี่ของเราหรอก?
?ฉันรู้...? และฉันก็รู้ดีด้วยว่าเขาจะไม่มีวันปฏิเสธฉันเด็ดขาด
แต่ถ้าการทำตัวเป็นมือที่สาม มันจะทำให้ประวัติของฉันด่างพร้อยแล้วล่ะก็... ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันคงต้องมีการลงทุนกันเสียหน่อย
?แต่ถ้าเขามาหาฉันเอง จะเรียกว่าแย่งได้ยังไง จริงมั้ย ??
ฉันเอ่ยพลางส่งยิ้มยั่วยวนให้เป้าหมาย พร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้มที่ทุกคนลงความเห็นว่าสามารถพิชิตใจชายได้ในเวลาอันรวดเร็วปรากฏให้เห็นอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่คนตรงหน้าก็ทำแบบเดียวกัน
?ไม่เจอกันนานเลยนะลีโอ...?
คำทักทายของฉันในฐานะคนคุ้นเคยถูกเอ่ยออกไปพร้อมกับอ้อมแขนเรียวบางที่โอบรอบคอของเขาเอาไว้ ลีโอเพียงกระตุกยิ้มที่มุมปากเหมือนเช่นทุกที ก่อนใช้สองมือโอบรอบเอวของฉันเอาไว้เช่นกัน
?ไม่เจอกันนาน ฮันนี่ก็ยังสวยเหมือนเดิม?
?นายก็ปากหวานเหมือนเดิม? ฉันบอกพลางโน้มใบหน้าไปใกล้เขา ริมฝีปากสีแดงสดกำลังยิ้มเชิดอยู่ตรงหน้า แต่เพียงไม่นานลีโอก็เป็นฝ่ายเลื่อนมือมาแตะที่ริมฝีปากของฉัน ทั้งๆ ที่อีกนิดเดียวเราก็กำลังจะจูบกันอยู่แล้ว!
?ดึกแล้ว ฉันต้องรีบกลับ? เขาบอกแบบนั้นก่อนจะผลักร่างของฉันให้ออกห่างและยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ?ลิมิตของฉันแค่เที่ยงคืนเอง แต่นี่มันเลยมาตั้งเกือบสามสิบนาทีแล้ว?
?ขออนุญาตแม่มาเที่ยวหรือไง?
พอฉันเอ่ยถาม ลีโอก็หลุดขำออกมา ก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราวกับภาคภูมิใจ
?แม่ทูนหัวน่ะ?
?ไม่เอาน่า... ลีโอ?
ฉันทำเป็นไม่สนใจคำตอบ พลางกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบลำคอของเขาให้ร่างกายเราแนบชิดขึ้นไปอีก แต่คนตรงหน้าเพียงส่งยิ้มจางให้ ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างดันตัวฉันออกทันที!
นี่ลีโอปฏิเสธฉันงั้นเหรอ!?
?โทษที แต่ฉันต้องรีบกลับแล้วจริงๆ? ลีโอกระซิบบอก เขายังคงยิ้มแย้มโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ต่างกับฉันที่ยืนนิ่งทว่าในใจกำลังลุกโชน!
ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธฉันมาก่อน! แล้วกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจอย่างเขา กล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!
เพราะผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสู้ฉันได้สักนิดเลยเนี่ยนะ!
ให้ตาย... ฉันรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้
ไม่! ไม่สิ... ฉันไม่ได้แพ้ เพราะฉันจะแย่งนายคืนมา และทุกอย่างมันกำลังจะเริ่มต้นต่างหาก
และลีโอ... นายเป็นคนท้าทายฉันเองนะ!
1
เสียงเรียกเข้าที่ฉันตั้งเอาไว้ด้วยเพลงร็อคจังหวะหนักหน่วงปนเซ็กซี่กำลังแผดเสียงดังลั่น ฉันงัวเงียและลืมตาตื่นขึ้นมาในที่สุด ก่อนจะปาโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่เงียบเสียงลงไปแล้วทิ้งลงบนพรมสีครีม พยายามจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า... นี่ไม่ใช่ห้องนอนของฉัน...
อีกแล้วสินะ...
เพราะเมื่อคืนหลังจากที่ลีโอหนีฉันกลับบ้านไปก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องกลับก่อนเที่ยงคืนตามกฎของซินเดอเรลล่าบอยอะไรนั่น (ที่ฉันมองว่าเขาน่ะห่วยแตกที่สุด!) ฉันก็เฟลิร์ตกับผู้ชายในผับไปเรื่อย อย่างน้อยก็เพื่อระงับอารมณ์ไม่ให้โมโหหมอนั่นไปมากกว่านี้ โอเค ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวลีโอหรอก แต่ก็อย่างที่ได้พูดไปแล้วนั่นล่ะ
อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้
มือที่สามเหรอ หึ! ไม่ใช่นี่... ก็แค่มาทีหลังแต่ได้ชัยชนะต่างหาก
ฉันลุกขึ้นนั่งโดยไม่คิดสำรวจร่างกายตัวเองแม้แต่น้อย มันเป็นความจริงที่ว่าฉันไม่ได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือห้องนอนของใคร แต่มันสำคัญนักหรือไงกับการที่ฉันจะนอนค้างที่ไหนกับใครสักคน
ฉันก็เป็นแบบนี้... เป็นฮันนี่ที่ไม่ได้แคร์อะไรมากมาย แล้วอีกอย่างนะ... จากสติสัมปชัญญะที่พอจะหลงเหลือ ฉันก็รู้ดีว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมากนัก ถึงจะเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นลึกซึ้ง ฉันยังจำสัมผัสอันเร่าร้อนแต่ทว่าอ่อนหวานจากผู้ชายคนนั้นได้อยู่เลย ตอนที่เรือนร่างเกือบเปลือยเปล่าของเราสัมผัสกัน หรือตอนที่ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ต้นขาฉัน รู้สึกได้เลยว่าเสียงหัวใจของเราทั้งคู่ต่างก็เต้นแรงราวกับโหยหา ก่อนที่เสียงเรียกชื่อฉันจะดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
?ฮันนี่...?
แต่สุดท้าย... ฉันก็หมดสติเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไปเสียก่อน
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะเมาหนักแต่สำหรับฉันแล้วเรื่องเรียนสำคัญเสมอ ฉันจึงรีบกลับบ้านและเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยเซนต์แบล็คเบิร์นของฉันจะไม่เคร่งครัดเรื่องนี้มากนัก แต่เพราะฉันรักในศักดิ์ศรีและความเป็นนักศึกษา ทำให้ฉันค่อนข้างเอาใจใส่กับการใส่ชุดนี้มากพอสมควร ฉันยอมสลัดคราบเสือสาวฮันนี่ออกไป แต่ถึงอย่างนั้น หุ่นอันเพอร์เฟกต์ของฉันก็เข้ากันได้ดีกับเสื้อสีขาวพอดีตัวกับกระโปรงทรงสอบยาวเท่าเข่า รวมไปถึงรองเท้าคัทชูสีดำสนิทสูงสี่นิ้วนั่นก็ทำให้ฉันดูดีได้ไม่ยากเลยจริงๆ
ฉันออกจากคอนโดมิเนียมสุดหรูของผู้ชายคนนั้น กลับไปแต่งตัวที่บ้าน และขับรถมามหาวิทยาลัย ทั้งหมดนี่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง มันไม่ใช่เรื่องยากหรอก คงไม่ผิดถ้าจะต้องบอกว่าความสามารถพิเศษของฉันคือการทำอะไรรวดเร็วไปหมด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอืดอาดยืดยาด ฉันชอบความคล่องตัว และแน่นอน... ความรวดเร็วในที่นี้ก็หมายความรวมไปถึง...การคบผู้ชายและเลิกรากันอย่างรวดเร็วด้วยล่ะมั้ง
ฉันชื่อ ?ฮันนี่? หลายคนมักชอบเรียกฉันว่า ?ที่รัก?, ?ดาร์ลิ้งค์? หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาพอจะสรรหามาเรียกได้ ฉันไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ ไม่ได้โกรธด้วย เวลาที่คนอื่นพยายามตั้งชื่อใหม่ให้กับฉัน เพราะมันก็ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่พากันเรียกฉันว่า ?ยัยฮันนี่จอมฉก? น่ะ
โอ๊ะ... ฉันไม่ได้มีนิสัยแบบนั้นหรอกนะ แต่คนส่วนใหญ่ชอบคิดไปเองว่าผู้หญิงร้อนแรงอย่างฉันชอบยั่วยวนและแย่งแฟนคนอื่น ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ความจริงสักหน่อย คนพวกนั้น... ฉันหมายถึงผู้ชายพวกนั้นน่ะ เป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันเองต่างหาก
?ไงจ๊ะฮันนี่ ไม่คิดว่าจะมาเรียนไหวเลยนะเนี่ย?
?ฉันเคยโดดเรียนหรือไง? ฉันตอบเคที่ด้วยน้ำเสียงติดจะรำคาญนิดหน่อย เพราะรูปประโยคของคำถามนั่นไม่ได้หมายความว่าฉันเมาหนักจนมาเรียนไม่ไหวหรอก
?ก็แหม... เล่นหายไปกับหนุ่มสุดฮอตขนาดนั้น?
เหอะ! นั่นไงล่ะ
?เมื่อคืนนี้เธอกับเขาคงจะ...?
?พอเถอะ? ฉันรีบตัดบท ไม่ได้รู้สึกอับอายจนไม่อยากพูดถึงหรอกนะ แค่รู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่จำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก
เมื่อคืนนี้ฉันคงเมามากจริงๆ ถึงจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้กระทั่งผู้ชายที่ฉันค้างคืนด้วย ขนาดว่าตื่นมายังไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย หมอนั่น (ผู้ชายที่โคตรเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ก็เป็นเกย์) คงมีธุระที่ต้องทำในตอนเช้า ถึงได้ทิ้งโน้ตไว้ให้ฉันแค่ว่าล็อกห้องให้ด้วย โดยปราศจากข้อความอื่นใดอีก
เหอะ! ฉันว่านะ เขาคงเป็นเกย์จริงๆ นั่นแหละ
?แหม~ ใจคอจะไม่เล่าให้เพื่อนฝูงฟังเลยหรือไง?
?ไม่มีอะไรหรอกน่า? ฉันบอกปัด เพราะไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่าคำนี้อีกแล้ว ขืนบอกว่าฉันจำอะไรไม่ได้เลย มีหวังโดนล้อแน่ ?ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้วล่ะ?
?จ้าๆ ไม่เล่าก็ไม่เล่า ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ เลยฮันนี่?
มีอะไรให้น่าอิจฉากันล่ะ กับเกย์พรรค์นั้นน่ะ...
ชีวิตของฉันนี่ช่างโชคดีเสียเหลือเกิน...
เพราะหลังจากที่ตัดสินใจมากินข้าวในโรงอาหาร แทนที่จะไปทานที่ห้างสรรพสินค้านอกมหาวิทยาลัยเหมือนอย่างเคย ก็ทำให้ฉันได้พบเจออะไรดีๆ เข้าให้
?อ๊ะ ฮันนี่... นั่น...?
เจสสิก้ากระทุ้งศอกใส่ฉัน แน่นอนล่ะ เธอตื่นเต้น
?รู้แล้วน่า?
?เอาจริงหรือไง?
?เอาจริงอะไร? ฉันตอบคำถามหล่อน
?ก็เรื่องผู้ชายมีเจ้าของไงล่ะ?
?.....? ฉันไม่ตอบ แต่ยิ้มที่มุมปาก
สาเหตุที่เราสามคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็เป็นเพราะภาพตรงหน้าของฉันคือสาวน้อยท่าทางอ่อนหวานและไร้เดียงสาคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ฉันไม่เคยรู้จักเธอหรอก แต่เพราะเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่ได้อยากรับรู้แต่ก็ดันต้องรับฟังลอยมาเป็นระลอกๆ เรื่องราวของกิ๊กเก่าฉันที่ดันไปรักมั่นคงกับผู้หญิงหน้าจืดยังไงล่ะ
?น่าสงสารนะ คงไม่รู้ตัวเลยว่าอีกหน่อยจะถูกทิ้ง? เคที่พูดต่อ
?ถ้าอีกฝ่ายเป็นฮันนี่ ไม่ว่าใครก็ต้องเจ็บตัวเจ็บใจทั้งนั้นแหละ?
?พวกเธอก็พูดเกินไป?
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้วฉันก็ไม่ปฏิเสธคำพูดของเจสสิก้าและเคที่หรอก มันเป็นเรื่องจริงนี่ เพราะสำหรับทุกคนแล้ว... ?ฮันนี่? คือผู้หญิงอันตรายต่อหัวใจชายหนุ่มทั้งนั้นแหละ
และอย่างยิ่งเมื่อคู่ต่อสู้ของฉันคือผู้หญิงคนนี้ด้วยแล้ว เฮ้อ... ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายเธอหรอกนะ แต่ทำไงได้ ฉันต้องการลีโอ!
ฉันเลือกที่จะนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับผู้หญิงคนนั้น (เห็นเจสสิก้าบอกว่าหล่อนชื่อ ?มินนี่? น่ะ) แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันปฏิบัติการของฉันหรอก เพราะถึงฉันจะเป็นต่อเรื่องความสวยงาม แต่ยัยมินนี่อะไรนั่นก็เป็นต่ออย่างมากเรื่องได้หัวใจของลีโอไปครอบครอง
และการที่ฉันตัดสินใจนั่งโต๊ะใกล้กับมินนี่ นั่นก็เพราะคติที่ว่า ?รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง? การนั่งมองดูหล่อนก็ทำให้ฉันคิดอะไรได้อีกมากมาย ถึงแม้จะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงหน้าตาจืดชืดถึงเอาชนะหัวใจผู้ชายอย่างลีโอได้นะ ทั้งๆ ที่เขาเจ้าชู้ แล้วก็เฟรนด์ลี่กับผู้หญิงทุกคน ฉันรู้สึกว่านิสัยของฉันกับลีโอยังจะดูเข้ากันกว่ายัยมินนี่เสียอีก ถึงแม้ว่าสาเหตุที่เราเลิกกันจะเป็นเพราะต่างคนต่างหนีไปมีคนอื่นก็ตาม
แต่ถึงยังไงฉันก็ยังรู้สึกว่าลีโอเข้ากับฉันได้ดีกว่ามินนี่ล่ะน่า...
แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโง่ ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าถ้าอยากได้แฟนของเขาก็ทำตัวหน้าด้านหน้าทนเข้าไปแย่งโดยไม่รู้จักอายแบบนั้น มารยาหญิงมีเป็นร้อยเล่มเกวียน ถ้าคิดจะยกมาใช้กับเรื่องแบบนี้สักเกวียนหนึ่งก็คงไม่หนักหนาเกินไปนักหรอก
แต่...ที่บอกว่าวันนี้ไม่ใช่วันปฏิบัติการของฉัน เห็นทีจะต้องเปลี่ยนคำพูดซะแล้ว...เพราะว่าคนที่ฉันต้องการเดินมานู่นแล้วยังไงล่ะ
?มินนี่เม้าส์รอนานหรือเปล่า?
ลีโอที่เพิ่งมาถึงเอ่ยทักยัยมินนี่ด้วยน้ำเสียงร่าเริง ท่าทางของเขาไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด ดูมีชีวิตชีวาน่าจับต้องกว่าเป็นไหนๆ
?รอนานมาก นี่นายเพิ่งตื่นใช่มะ ถึงได้โผล่มาตอนนี้เนี่ย แล้วเมื่อเช้าไม่มีเรียนหรือไง โดดอีกแล้วเหรอ ปีสี่แล้วนะ ตั้งใจเรียนหน่อยสิ?
?คร้าบๆๆ เฮ้อ นี่ฉันมีแฟนหรือมีแม่คนที่สองกันแน่เนี่ย?
?นายว่าฉันอีกแล้วนะ!?
?ว่าอะไรเล่า ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย?
?นายว่าฉันจู้จี้เหมือนแม่ยังไงล่ะ?
?อ้าว รู้ตัวด้วยเหรอ?
?ลีโอ!!?
?โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า? ลีโอพูดกลั้วหัวเราะ มือข้างหนึ่งของเขาวางลงบนศีรษะของยัยมินนี่แล้วก็จัดการขยี้ไปมาจนทรงผมของหล่อนกระเซอะกระเซิงไปหมด ในสายตาของลีโอมองไม่เห็นใครอื่นอีก ขนาดว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้... ทั้งๆ ที่ฉันเป็นจุดสนใจของคนทั้งโรงอาหาร แต่เขากลับมองเห็นเพียงผู้หญิงของตัวเองเท่านั้น...
ซึ่งนั่นมันน่าสะอิดสะเอียนที่สุด!
ฉันจึงยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจปล่อยปากกาด้ามกลมให้กลิ้งลงไปที่พื้น แน่นอน...มันกลิ้งไปถึงโต๊ะของลีโอกับมินนี่นั่นแหละ ฉันแสร้งลุกขึ้นยืน ในขณะที่ลีโอก้มลงไปเก็บปากกาให้ฉัน พอเขาเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเราก็บังเอิญสบกันพอดี และนั่น...ก็เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
?ขอบคุณค่ะ...อ้าว ลีโอ? ฉันทักเขาก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแบบมีจริตเล็กๆ
ลีโอชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีแก่ใจเอ่ยทักฉันราวกับไม่หวาดกลัวสิ่งใด
?สวัสดีฮันนี่?
เพราะลีโอเอ่ยตอบ และฉันเอ่ยทัก ทำให้ใครอีกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันหันมามอง และพอมินนี่สบตาฉัน หล่อนก็เบิกตากว้างและทำหน้าราวกับประทับใจ
?คุณฮันนี่!?
?เอ๋? รู้จักฉันด้วยเหรอคะ? ฉันถามพร้อมรอยยิ้มจอมปลอม นี่มันค่อนข้างจะผิดแผนไปนิดหน่อย ฉันไม่คิดว่าลีโอจะเล่าเรื่องของเราให้แฟนเขาฟังหรอกนะ ก็แหม... ระหว่างฉันกับเขาน่ะ แต่ละเรื่องมันต้องห้ามทั้งนั้น
มินนี่ที่นั่งอยู่ในตอนแรกถึงกับลุกขึ้นยืนและโค้งให้ฉันแบบสุภาพ จะบ้าตาย ถ้าจำไม่ผิดเรารุ่นเดียวกันไม่ใช่เหรอ ยัยนี่กำลังทำให้ฉันโมโห!
?ขอโทษนะคะ คือว่าฉันกำลังจะทำข่าวสาวฮอตในมหาวิทยาลัย และก็อย่างที่รู้ว่าถ้าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา นักศึกษาทุกคนจะต้องนึกถึงคุณฮันนี่เป็นอันดับแรก ฉันก็เลย...?
?.....? ฉันนิ่ง ไม่ยิ้มรับ แต่กำลังทำหน้างง
?โอ๊ย จริงๆ แล้วฉันควรแนะนำตัวเองก่อนสินะคะ ฉันชื่อมินนี่ค่ะ มาจากชมรมหนังสือพิมพ์ และถ้าไม่เป็นการรบกวน ฉันอยากจะขอสัมภาษณ์คุณฮันนี่ในหัวข้อสาวฮอตของมหาวิทยาลัยน่ะค่ะ?
อ้อ... ฉันงึมงำคนเดียว ยัยนี่ต้องการทำข่าวฉันงั้นสินะ
ดีเลย... ถึงจะผิดแผนไปบ้าง แต่ก็นับว่าไม่เสียเปล่า
?ฉันไม่ใช่สาวฮอตเสียหน่อย? ฉันถ่อมตัวเองอีกนิด ก่อนชายตามองลีโอที่กำลังนั่งยิ้มแป้นอยู่ข้างๆ เธอ ?ข้อนี้ลีโอรู้ดี?
?เอ่อ หา...? แล้วมินนี่ก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก เธอหันไปมองหน้าลีโอราวกับต้องการคำตอบ ซึ่งนี่ล่ะเป็นแผนที่ฉันต้องการอยากให้เป็น
?ฉันกับลีโอเรารู้จักกันมานานค่ะ อันที่จริงแล้วถ้าคุณมินนี่อยากจะถามอะไรฉัน ถามเอาจากลีโอก็ได้นะคะ เขาน่าจะยังจำได้?
?เอ่อ...? มินนี่อึกอักอีกรอบ
ส่วนลีโอ... หมอนั่นนิ่งสนิท
เฮ้อ ไม่สนุกเอาซะเลย
?อุ๊ย ฉันนี่ก็ชอบพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่เรื่อยเลย? ฉันแสร้งตกใจ เอามือทาบอกตัวเองก่อนเนียนๆ นั่งลงข้างมินนี่ ซึ่งนั่นเป็นตำแหน่งที่ตรงข้ามกับลีโอนิดหน่อย
แอบมองตาเขา ก็เห็นประกายบางอย่างส่งมา
เอาน่า... ฉันไม่รุกฆาตวันนี้หรอก
?ฉันกับลีโอเราเป็นเพื่อนกันค่ะ แค่เพื่อนจริงๆ นะคะ ขอโทษด้วยหากคำพูดของฉันจะทำให้คุณมินนี่เข้าใจผิด เป็นแบบนี้เรื่อยเลย ฉันย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่จบอนุบาลใหม่ๆ ก็เลยค่อนข้างมีปัญหากับการเรียบเรียงคำภาษาไทยน่ะค่ะ I?m sorry?
ท้ายประโยคฉันพูดด้วยสำเนียงฝรั่งจ๋า ถึงแม้จะเป็นแค่ประโยคง่ายๆ ก็เถอะ แต่นั่นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าการใช้ชีวิตตั้งแต่หกขวบจนจบมัธยมปลายในนิวยอร์กส่งผลอะไรบ้าง
?อ๋อ แบบนี้นี่เอง แหม ฉันตกใจหมดเลยค่ะ แหะๆ? ยัยมินนี่หัวเราะหน้าแห้ง
?ขอโทษอีกครั้งนะคะ แค่เพื่อนจริงๆ ค่ะ เพื่อนกันเท่านั้น? ฉันย้ำอีกรอบ คราวนี้มินนี่ยิ้มกว้างเลยล่ะ เดาได้เลยว่าเธอเชื่อแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม
เคยมีคนบอกเธอหรือเปล่านะ ว่าไม่ควรหลงเชื่อนักศึกษาเอกการละครที่ได้ A ทุกวิชาแบบฉันน่ะ
?ถ้างั้นเอาเป็นว่ามินนี่ขอสัมภาษณ์คุณฮันนี่เลยนะคะ?
?เต็มใจค่ะ? ฉันตอบเสียงเบา ไม่มีอารมณ์อยากตอบคำถามอะไรมากเท่าไหร่ ที่ทนนั่งอยู่นี่ก็เพราะลีโอทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่า พอฉันตอบออกไปแบบนั้น อีกกลุ่มคนที่ตรงดิ่งเข้ามาก็ทำให้แผนการของฉันล้มละลาย
?เฮ้ย ลีโอ!?
?อะไรล่ะ ไอ้โยตะ? ลีโอตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ซึ่งฉันเดาว่ากลุ่มคนที่มาใหม่คงเป็นพวกนักบาสทีมมหาวิทยาลัยเหมือนกันกับเขานั่นล่ะ
?โห เรียกไอ้ พูดจาไม่เพราะเลยนะเว้ย? โยตะ (ล่ะมั้ง) ตบบ่าลีโอก่อนจะหันมายิ้มหวานให้ฉันเป็นการทักทาย แล้วก็กลับไปสนทนากับเพื่อนของเขาต่อ ?ว่าแต่โดดซ้อมเหรอวะ ไอ้นี่นิสัยไม่ดี?
?โดดที่ไหน ก็ไอ้กัปตันมันบอกว่าวันนี้งดซ้อมนี่หว่า?
?ไม่ต้องมาอ้างเลย เวกัสไม่เห็นบอกว่าวันนี้งด?
?มันพูด ไม่เชื่อไปถามสิ? ฉันรู้ดีว่าลีโอตอบส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง แต่บังเอิ๊ญ! คนที่ชื่อเวกัสดันเดินเข้ามาพอดี และถ้าไม่ได้คิดไปเองนะ ฉันรู้สึกว่านายเวกัสอะไรนั่นเหมือนจะแอบมองมาที่เรานานแล้วด้วยล่ะ
?เออ ไอ้เวกัสมาพอดีเลย จริงเหรอที่ว่าวันนี้งดซ้อม?
?ไม่จริง?
?ลีโอแม่งมั่ววว!! หาข้ออ้างโดดซ้อมตลอด?
คนที่ชื่อโยตะตะโกนลั่น และบรรยากาศในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ฉันเห็นมินนี่กับทุกคนดูเข้ากันได้ดี แต่ไม่รู้ทำไม... ฉันถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึมครึมอยู่ที่ฉันคนเดียว...
พอเงยหน้ามองไปโดยรอบก็รู้ซึ้งถึงต้นเหตุนั้น เพราะในช่วงเวลาที่ทุกคนพากันหัวเราะ (ด้วยมุกอะไรสักอย่างของโยตะ) ก็มีหนึ่งคนกำลังจ้องฉันอยู่ด้วยแววตาไม่น่าพิสมัย ฉันไม่ได้หลบสายตาด้วย และเพราะแบบนั้นล่ะที่ทำให้ฉันรู้สึกถึงพลังเลวร้ายอะไรบางอย่าง
เวกัส... ฉันไม่ได้รู้จักเขาหรอก เท่าที่รู้ก็แค่หมอนี่เป็นกัปตันทีมบาสเกตบอล รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี สาวกรี๊ดกันทั้งมหาวิทยาลัยนั่นแหละ แต่ที่ยังครองตัวเป็นโสดอยู่ทุกวันนี้ ว่ากันว่าเขายังลืมรักครั้งแรกไม่ได้
และแหม... รักครั้งแรกของเขาที่ยังลืมไม่ได้น่ะ ก็ไอ้รักปัจจุบันของกิ๊กเก่าฉันนี่ยังไงล่ะ! (นังมินนี่น่ะแหละ)
ห่วยแตกนะ ฉันเกลียดที่สุดเลยพวกผู้ชายมีความหลังเนี่ย หน้าตาดีๆ ก็สมควรจะใช้ชีวิตให้สนุกสนานสิ ไม่ใช่จมปลักอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน แต่อ๊ะ อย่าเหมารวมฉันนะ เพราะในกรณีของฉันเรียกว่าเป็นอดีตที่กำลังจะหวนคืนต่างหาก ?
แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นี่ ก็ยังอยู่ภายใต้สายตาคาดคั้นและกดดันแปลกๆ จากผู้ชายที่ชื่อเวกัสอยู่ดี
บ้าจริง... หมอนั่นมองฉันจนทะลุไปหมดแล้วเนี่ย
ฉันไม่ได้หวาดกลัวผู้ชายนะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ แต่ต้องไม่ใช่กรณีแบบนี้ เวกัสมองฉันเหมือนรับรู้อะไรบางอย่าง มันเหมือนเขารู้ทันไปหมด ฉันที่ไม่บริสุทธิ์ใจในการมานั่งตรงนี้ตั้งแต่แรกถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความรู้สึกประหลาด ยิ่งนัยน์ตาสีนิลของเขาหรี่ลงและจ้องฉันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ราวกับว่ากำลังจะหลอมละลายฉันเลยทีเดียว
ให้ตายเถอะ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ
?เอ่อ ฮันนี่ขอตัวก่อนนะคะ? ฉันรีบเอ่ยลา
พอมินนี่นัดแนะเรื่องสัมภาษณ์สาวฮอตบ้าบอคอแตกอะไรนั่นเป็นรอบสุดท้าย ฉันก็ลุกหนีมาโดยไม่ลืมหันไปส่งยิ้มให้ลีโอก่อน แต่พอเดินหนีมาตั้งไกลแล้ว คิดว่ารอดพ้นจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนั่น ใครบางคนที่ไม่รู้ว่าเดินตามฉันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็กระชากต้นแขนฉันไว้ทันที!
?ทำบ้าอะไรน่ะเวกัส!? เป็นเขานั่นแหละ ให้ตายเถอะ หมอนี่ป่าเถื่อนที่สุดเลย
?รู้จักชื่อฉันด้วย? เขาถามกวนประสาท
?ไม่ได้อยากรู้จักเท่าไหร่หรอก แล้วก็กรุณาปล่อยฉันได้แล้ว? ฉันพูดเสียงดัง บ้าจริง ไม่น่าเดินหนีมาที่ด้านหลังโรงอาหารเลย ที่นี่มันเปลี่ยวแล้วก็ไร้ผู้คนสุดๆ
?กลัวเหรอ?
?พูดบ้าอะไร? ฉันขมวดคิ้วถาม
จะบ้าตาย! เชื่อมั้ยว่านี่คือการพบกันครั้งแรกระหว่างเรา! ฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนเลวร้ายเท่านี้มาก่อนเลย
?เราไม่ได้รู้จักกันไม่ใช่หรือไง นายมีสิทธิ์อะไรมาจับมือถือแขนฉันแบบนี้?
?หวงเนื้อหวงตัว??
หมอนี่พูดน้อยแบบนี้ตลอดเลยหรือไง กวนประสาทชะมัด!
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นเขาก็ยอมปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระแต่โดยดี และพอฉันทำท่าจะเดินหนี เขาก็รีบมาดักหน้าฉันไว้และใช้สายตาสะกดร่างของฉันราวกับมีเวทมนตร์
?ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร? เขาพูดประโยคนี้ออกมา และมันก็ทำให้ฉันสะดุ้งเบาๆ แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ มันเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย แต่มันเป็นปัญหาก็ตรงที่เวกัสเป็นเพื่อนกับมินนี่ และเขาจะทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นไปอีก
?อย่ายุ่งกับสองคนนั่น?
?ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่? ฉันยักไหล่อย่างเจ้าเล่ห์ แต่ฉันรู้แหละว่าเวกัสไม่เชื่อหรอก
?หึ...? เขายิ้ม และจ้องฉันอีก ?อย่ายุ่งกับสองคนนั่น ฉันขอเตือน?
?เก็บคำเตือนของนายไว้เตือนมินนี่ดีกว่า? ฉันท้า ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วสำหรับแผนการเพื่อนผู้แสนดี โธ่... ฉันกำลังจะแทรกตัวเข้าไปตีสนิทกับมินนี่เสียหน่อย ถ้าเวกัสเข้ามาวุ่นวายแบบนี้ เห็นทีจะยาก
?เพราะฉันจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าลีโอเป็นฝ่ายมาเอง อันนั้นก็ช่วยไม่ได้?
?หมอนั่นไม่มาหรอก?
?นายจะไปรู้อะไร?
?.....?
?อย่างน้อยๆ เมื่อคืน...? ฉันพูดแค่นั้น จงใจอย่างสุดซึ้งให้อีกฝ่ายเอาไปคิดต่อเองให้เลยเถิดไปไหนต่อไหน แต่ทว่าเวกัสกลับยิ้ม รอยยิ้มจางที่มุมปากของเขากำลังฆ่าฉัน
?รู้อะไรมั้ย?
?.....?
?ถ้าลีโอรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน ให้ตายยังไงมันก็จะไม่กลับมาเล่นกับเธออีก?
?งั้นฉันจะไม่มีวันเป็นผู้หญิงของนาย?
?งั้นเหรอ?? เวกัสพูดแล้วก็ยิ้ม เขาหรี่ตาลงอีกแล้ว และนั่นก็ทำให้ฉันขนลุกวาบ
แต่เท่าที่จำได้ ฉันกับเวกัสไม่เคยมีสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนเผชิญหน้าและพูดคุยกันแบบนี้ ถ้าจะมีทางใดที่ทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงของเขา ทั้งๆ ที่หมายหัวลีโอเอาไว้แล้วแบบนี้ นั่นก็คือเขาข่มขืนฉันนั่นล่ะ แต่ดูท่าว่าเวกัสจะเชื่อมั่นในตัวเองเสียเหลือเกิน ถึงได้เอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น
ให้ตาย... ฉันจำได้พันเปอร์เซ็นต์เลยนะ! ว่าฉันกับเวกัสไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน!!!
?เธอขี้ลืมหรือว่าเมามาก?
?นายพูดอะไร?
?คงเป็นอย่างหลัง?
?พูดบ้าอะไรน่ะ!?
เวกัสเริ่มพูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ และสิ่งที่เขาพูดก็ทำให้ฉันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวบางอย่าง อาทิเช่น เรื่องเมื่อคืนนี้...
อย่าบอกนะว่าผู้ชายที่ฉันค้างด้วยเมื่อคืนนี้คือเวกัส!!
?ก็ไม่มีอะไร? เขายักไหล่ ไม่แยแสท่าทีของฉันที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในตอนนี้เลย
?ไม่ใช่นายใช่มั้ย!? ฉันถามต่อ เสียงดังกว่าเดิมด้วย
?ไม่รู้สิ?
โอ๊ย! หมอนั่นกล้ามเนื้อกระตุกหรือไง ถึงได้เอาแต่ยักไหล่กวนประสาทแบบนั้นน่ะ ฉันต้องการคำตอบที่แน่ชัด ไม่ใช่กำกวมแบบนี้นะ!!
แต่ช่างเถอะ อันที่จริงแล้วเวกัสไม่ใช่หมากตัวสำคัญสักหน่อย ก็แค่เพื่อนของลีโอกับมินนี่ เขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน และหากว่าฉันเดินหน้าต่อไป ลีโอก็ต้องตกเป็นของฉันในที่สุดอยู่แล้ว (ขอโทษทีที่ฉันเป็นนางร้าย)
ฉันเลิกสนใจเวกัสแล้ว แต่ในขณะที่หมุนตัวกลับ อีตานั่นก็กลับโพล่งขึ้นมาด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันแทบทรุด และเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว...
?กางเกงในลายเสือดาวของเธอเมื่อวานนี้เซ็กซี่ดีนะ ??
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เพราะเบื่อหน่ายกับฉายาคาสโนวี่เต็มที ฉันเลยคิดอยากคบใครสักคนแบบจริงจัง แต่ดูเหมือนผลกรรมจากการหักอกบรรดาหนุ่มๆ เอาไว้จะตามมาไวปานติดจรวด เพราะฉันถูก ?ลีโอ? ผู้ชายที่อยากสานสัมพันธ์รักด้วยปฏิเสธด้วยเหตุผลว่ามีแฟนแล้ว หน็อย! กล้ามาหักหน้ากันขนาดนี้มีหรือคนอย่าง ?ฮันนี่? จะยอมง่ายๆ ฉันจะทำให้ไอ้ผู้ชายตาถั่วนี้มาสยบแทบเท้าฉันให้ได้เลย แต่ดูท่าเรื่องนี้จะไม่แฮปปี้เอนดิ้งง่ายๆ เพราะมีมารผจญอย่าง ?เวกัส? คอยตามขัดแข้งขัดขา ฉันรู้มาว่าหมอนี่เป็นกิ๊กเก่าของแฟนคนปัจจุบันของลีโอ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้ลีโอนัก และที่ทำเอาฉันแทบช็อกก็คือประโยคที่เขาบอกว่า ?กางเกงในลายเสือดาวของเธอเมื่อวานนี้เซ็กซี่ดีนะ? กะ...กรี๊ด! >o< หมอนี่มัน...!!
