New Release : เรือนหอซาตาน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เรือนหอซาตาน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

"ถ้าลูกยอมแต่งงานกับลูกชายของเขา ก็จะช่วยครอบครัวของเราได้"
เกษราภรณ์ เด่นชัย รับฟังถ้อยคำของบิดา...นายกำพล เด่นชัยด้วยอาการนิ่งงัน หญิงสาวเพิ่งกลับจากไปพบลูกค้าประกันชีวิตที่นัดเธอออกไปพบ แต่กลับลงเอยว่าเขาพยายามยื่นข้อเสนอให้เธอหลับนอนกับเขาเพื่อแลกกับการทำสัญญา...
เกษราภรณ์ต้องใช้ไหวพริบพาตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ด่วนคว้าแจกันฟาดหัวหมอนั่นเข้าไปก่อน...แต่เมื่อกลับถึงบ้านกลับพบว่าผู้เป็นพ่อนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวายพร้อมด้วย ?ข่าว? บางอย่างที่รอจะพูดกับเธอ มีบางคนต้องการได้ตัวเธอไม่ต่างจากลูกค้าหน้าหื่นนั่น แต่ยื่นข้อเสนอที่ดูให้เกียรติกว่าก็เท่านั้น...
"คุณธมเขาบอกพ่อเองว่า ลูกชายของเขาชอบพอลูกของพ่อมานาน เขายินดีช่วยเหลือครอบครัวเราเรื่องหนี้สินนั่น...ขอเพียงลูกของพ่อยินดีไปเป็นสะใภ้บ้านเขา"
"คุณลุงพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือคะพ่อ"
เกษราภรณ์ไม่อยากจะเชื่อหู...
ปัญหาสำคัญของครอบครัวในยามนี้คือเรื่องหนี้สินกว่าห้าสิบล้าน เป็นเรื่องเดียวที่เกษราภรณ์ครุ่นคิดถึงอยู่ในทุกวันและทุกขณะที่หายใจ ไม่มีเหลือที่ว่างให้คิดเรื่องอื่นๆ
แต่จู่ๆ คุณลุงธมก็อาสาจะช่วยใช้หนี้ให้ด้วยเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างที่สุด...ก็เกษราภรณ์รู้จัก 'ลูกชายคนโต' ของคุณลุงธม ธนรักษ์วสุคนนี้ดี เป็นไปไม่ได้ที่นายคนนั้นจะอยากช่วยเหลือเธอโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นเคลือบแฝง...
ยิ่งเรื่องที่จะรักเธออย่างบริสุทธิ์ใจจนกระทั่งยอมแต่งงานด้วยนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
"แหม...คุณลุงธมพูดอย่างนั้น มันก็ต้องจริงสิคะพี่เกษ มันใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกันเมื่อไหร่"
แก้วกุดั่นรีบออกความเห็นบ้าง เพราะถ้าปลดหนี้ได้เธอก็สบายเหมือนกัน
"พี่เกษโชคดีจังเลยนะคะ พี่ธัญญ์เป็นผู้ชายที่รูปหล่อ เจ้าเสน่ห์ แถมฐานะก็ดี เพอร์เฟกต์แบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนแล้วนะคะพี่เกษ"
"ถ้าอย่างนั้นแก้วก็แต่งกับเขาเสียเองเลยสิ"
เกษราภรณ์บอกตรงๆ มั่นใจว่าอ่านสีหน้ายิ้มเยาะของน้องสาวต่างมารดาคนนี้ไม่ผิด
"ได้ยังไง ก็คุณธมเขาบอกมาแล้วว่าเขาต้องการตัวแกไปเป็นสะใภ้...ไม่ใช่ยัยแก้ว"
นางกรุณา แม่เลี้ยงของเกษราภรณ์รีบปกป้องลูกสาวของตัวเองทันที
"แต่เกษไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่เกษไม่ได้รัก"
"แล้วพี่เกษรักใครล่ะคะ อย่าบอกนะว่าเป็น..."
แก้วกุดั่นแกล้งยั่ว จ้องมองพี่สาวอย่างท้าทาย
"ถ้าเป็นคนอื่นน่ะอย่าหวังไปเลยค่ะ เพราะเขามาสู่ขอพี่เกษให้กับพี่ธัญญ์ซึ่งเป็นลูกชายคนโต...ไม่ใช่ลูกชายคนเล็ก..."
เกษราภรณ์ไม่อยากสนใจฟังน้ำเสียงเหน็บแนมเยาะเย้ยของแก้วกุดั่น แต่หันไปขอความเห็นใจจากพ่อ
กำพลก็มีสีหน้ากลัดกลุ้มใจไม่แพ้กัน....
"พ่อคะ ขอเวลาเกษอีกหน่อยนะคะ เกษเชื่อว่าเราต้องมีหนทาง"
เกษราภรณ์ยังมีความหวัง ทุกวันนี้เธอก็ทำงานจนแทบไม่ได้พัก ทุกบาททุกสตางค์ก็ให้พ่อทั้งหมด ทั้งหนี้สินและค่ากินค่าอยู่ในบ้าน...เป็นเกษราภรณ์คนเดียวเท่านั้นที่เป็นกำลังหลัก เพราะยามนี้พ่อของเธอทำงานแทบไม่ได้อีกต่อไป ความที่ละเลยสุขภาพตัวเองมาหลายปี บวกกับความเครียดสะสมในเรื่องหนี้สิน ทำให้โรคประจำตัวของกำพลกำเริบออกมาหลายโรค และทำให้เขาต้องยอมให้ลูกสาวคนโตหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความละอายใจ...ส่วนภรรยาอย่างกรุณาก็ได้แต่กรีดกรายไปวันๆ ไม่คิดจะทำการทำงาน
หรือแก้วกุดั่นลูกสาวคนเล็กที่เกิดกับนางกรุณาก็ไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์มากไปกว่าแม่ของเธอ...แก้วกุดั่นเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่ อ้างว่าตัวเองเรียนหนัก และไม่ยอมคิดหารายได้ช่วยครอบครัวเลยแม้แต่น้อย แต่แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็เป็นเกษราภรณ์หามาให้ทั้งนั้น
แต่ต่อให้เกษราภรณ์เป็นคนเก่งขนาดไหน ด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่าๆ หญิงสาวก็คงไม่อาจแบกรับหนี้สินหลายสิบล้านของครอบครัวไว้ได้เพียงลำพัง และยังต้องหาเงินมาชำระเจ้าหนี้ในเวลาอันแสนจำกัด
กำพลกำลังจะทำใจอยู่แล้วว่าคฤหาสน์หลังใหญ่และตึกแถวอีกสองสามหลังที่จำนองธนาคารไว้คงจำเป็นต้องให้ธนาคารยึดไปขายทอดตลาด เหมือนกับที่ต้องยอมขายที่ดินและทรัพย์สินจำนวนหนึ่งไปแล้วก่อนหน้า
แต่ก็เหมือนปาฏิหาริย์...เหมือนมีเทวดามาโปรด
เมื่อจู่ๆ เพื่อนเก่าอย่าง ?ธม ธนรักษ์วสุ? มาทาบทามสู่ขอลูกสาวคนโตของเขาให้กับลูกชาย...
กำพลก็รู้จัก ?ธัญญ์ ธนรักษ์วสุ? มาตั้งแต่เด็ก ป่านนี้คงโตเป็นผู้ใหญ่ที่หน่วยก้านใช้ได้ดีคนหนึ่ง...ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะนึกชอบพอลูกสาวของเขาจนถึงขั้นอยากแต่งงานแต่งการด้วย
"เกษเชื่อนะคะพ่อ ว่าเราน่าจะยังมีทางออก..."
"ก็นี่ยังไงล่ะทางออก...คุณลุงธมเขามาสู่ขอพี่เกษไปให้พี่ธัญญ์ แล้วสินสอดทองหมั้นทั้งหมดก็จะมาใช้หนี้ของครอบครัวเราได้...นี่ยังไม่ใช่ทางออกอีกหรือไง"
แก้วกุดั่นพูดใส่พี่สาว
"ถ้านั่นเป็นทางออกของเธอ เธอก็แต่งเอง แต่พี่จะหาทางออกอื่น"
"พี่เกษจะยอมให้ธนาคารมายึดบ้านสินะ พูดจาอะไรไม่คิดถึงคุณพ่อบ้างหรือไง พี่ก็รู้ว่าเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลของคุณพ่อแค่อย่างเดียวก็ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว..."
แก้วกุดั่นแหวใส่พี่สาวอย่างไม่มีความเกรงใจ
"ฉันกับแม่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คุณพ่อน่ะสิ หรือว่าพี่เกษไม่ห่วงพ่อ"
"อย่าพูดอย่างนั้นแก้วกุดั่น"
กำพลปราม แก้วกุดั่นสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรเธอเป็นลูกรักของแม่มากกว่าพ่อ และนางกรุณาก็ตามใจและถือหางลูกสาวคนเดียวอย่างเธอเสมอ
เกษราภรณ์หน้าเครียด...เธอจะแต่งงานและจะรักธัญญ์ได้อย่างไรกัน ในเมื่อเธอได้มอบหัวใจให้คนอื่นไปแล้ว คิดไปก็ได้แต่กะพริบตาปริบ พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความคับแค้นใจเอาไว้...ทำไมนะปัญหามันถึงได้มากมายขนาดนี้ ไม่อย่างหนึ่งก็อย่างหนึ่ง
"ลูกยังไม่ต้องรีบตัดสินใจหรอกนะเกษ เรื่องแบบนี้พ่อเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ..."
กำพลพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อไม่ให้ลูกสาวสองคนต้องทะเลาะกันไปมากกว่านี้ แม้รู้สึกดีใจกับข้อเสนอของเพื่อน แต่ก็ไม่ลืมว่าคนที่ต้องตัดสินใจคือเกษราภรณ์ ไม่ใช่คนอื่น เพราะคนอื่นไม่สามารถแต่งงานแทนหญิงสาวได้
"ยังไงก็อย่าคิดนานจนไม่มีบ้านจะซุกหัวนอนกันหมดก็แล้วกัน"
นางกรุณาว่า นายกำพลอยากตำหนิภรรยาแต่ก็เหนื่อยใจเกินกว่าจะพูด...
ใจก็รู้สึกผิดกับลูกสาวคนโตที่เกิดกับภรรยาคนแรกซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว...ขณะที่กรุณาและแก้วกุดั่นใช้ชีวิตสุขสบายไปวันๆ กลับต้องเป็นเกษราภรณ์ที่รับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว
ส่วนตัวของเขาเองก็ไร้ความสามารถลงไปทุกวัน...ที่ยังทนใช้ชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเอาธรรมะเข้าข่ม ไม่คิดจะด่วนจบชีวิตตัวเองเพื่อหนีปัญหา...ความตายไม่ใช่ทางออก มีแต่จะทำให้คนข้างหลังยิ่งทุกข์ร้อนหนักกว่าเก่า และเขาก็ยังไม่หลงผิดถึงขนาดจะต้องฆ่าให้ตายก่อนทั้งครอบครัวแล้วตัวเองค่อยตายตาม...
เพราะนั่นบาปยิ่งกว่าเดิม อาจไม่ได้ผุดได้เกิดไปอีกหลายภพชาติ...
"จะกระบิดกระบวนอะไรนักหนาก็ไม่รู้ กับอีแค่จะมีผัวสักคนหนึ่งน่ะ มันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนักหรอกนะแม่เกษ... แต่เรื่องเจ้าหนี้ที่ต่อคิวฟ้องร้องกับเรื่องเงินทองที่จะมาใช้จ่ายในครอบครัวนี่ต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องใหญ่"
นางกรุณาว่าเข้าให้อีก
"คุณพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก...ก็ในเมื่อลูกเกษไม่ได้รักใคร่ชอบพอกับนายธัญญ์เขามาตั้งแต่ต้น จู่ๆ จะขอให้เขาไปใช้ชีวิตเป็นผัวเป็นเมียกัน เป็นใครมันก็ต้องคิด..."
"ย่ะ...งั้นก็เชิญคิดให้หนำใจเถอะ แล้วอย่าลืมคิดเรื่องค่าหยูกค่ายาทั้งเบาหวานความดันตับไตของพ่อหล่อนไว้ด้วยก็แล้วกันนะ"
"คุณกรุณา..."
กำพลเรียกชื่อภรรยาซ้ำ เริ่มรู้สึกกรุ่นๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน เกษราภรณ์เองก็คิดว่าเธอคงใคร่ครวญด้วยความสงบไม่ได้หากยังนั่งอยู่ตรงนี้
"ถ้าอย่างนั้นเกษขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะพ่อ"
"ไปพักเถอะลูก"
นายกำพลมองตามลูกสาวไปอย่างเห็นใจสุดซึ้ง...
เกษราภรณ์หยิบกระเป๋าถือเดินกลับขึ้นห้องนอน ไม่ต้องการให้ใครเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าหรือกระทั่งน้ำตา โดยเฉพาะสองแม่ลูกคู่นั้น...
แม่เลี้ยงอย่างกรุณาก็ไม่เคยนับเธอเป็นลูก ส่วนแก้วกุดั่นก็ไม่เคยแสดงความนับถือว่าเธอเป็นพี่สาว...
ส่วนพ่อ...ก่อนที่จะประสบปัญหาจากการทำธุรกิจ พ่อรักและตามใจเกษราภรณ์มาก ไม่ว่าเธอต้องการอะไรพ่อจะต้องหามาให้ได้ และแต่ละสิ่งที่พ่อสรรหามาให้ลูกสาวของพ่อก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้า หรือการศึกษา...
แล้ววันนี้เมื่อพ่อพ่ายแพ้จากเกมการค้าจนทำให้ครอบครัวต้องตกอยู่ในสภาพยากลำบาก ที่เคยใช้จ่ายได้ฟุ่มเฟือยก็เริ่มอัตคัดขัดสน...เกษราภรณ์ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของลูกสาวอย่างเธอที่จะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย แล้วถ้าเธอเลือกจะทดแทนพระคุณพ่อด้วยวิธีนี้ล่ะมันจะเป็นอย่างไร...เกษราภรณ์ลองคิด
ระหว่างความรักกับความจำเป็น...
ความรัก...กินไม่ได้ เป็นแค่ความรู้สึกหวามไหวราวตกอยู่ในความฝัน แต่ปากท้องและความอยู่รอดของชีวิต...คือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา...เพราะรู้ว่าเอาเข้าจริงแล้วก็เลือกไม่ได้ ไม่มีทางเลือก
ที่บอกกับพ่อว่าน่าจะยังมีหนทางอื่น แต่พอคิดทบทวนจริงๆ ก็พบว่าเธอได้พยายามมาทุกหนทางแล้วมิใช่หรือ หากจะมีทางออกอะไรมันก็น่าจะปรากฏออกมาตั้งนานแล้วมิใช่หรือ... เหลือเพียงอย่างเดียว หนทางสุดท้ายที่ไม่ต้องหาเงินไปใช้หนี้ก็คือยอมให้บิดาถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ซึ่งลูกสาวอย่างเธอก็คงยอมไม่ได้...
ถ้าการแต่งงานจะช่วยทำให้ครอบครัวหมดภาระหนี้สินและกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง...เกษราภรณ์ก็คงจะต้องพิจารณาดูใหม่ แม้ว่านายคนนั้นจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธอคิดจะรักเลยตลอดชั่วชีวิตนี้ก็ตาม

************************************

เสียงหัวเราะของธัญญ์ ธนรักษ์วสุ ก้องดังอย่างสาแก่ใจเมื่อคนสนิทของบิดาโทรศัพท์มายืนยันแล้วว่าเกษราภรณ์ เด่นชัยตอบตกลงจะแต่งงานกับเขาเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะต้องการ
มันเป็นข่าวที่ทำให้เขาบันเทิงใจและดื่มกินสนุกขึ้นไปอีกหลายเท่าในคืนนี้
"มีข่าวดีอะไรหรือคะพี่ธัญญ์..."
"นั่นสิคะ หัวเราะใหญ่เลยเชียว"
สองสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยที่แนบชิดซ้ายขวาอยู่ตอนนี้อดเอ่ยถามไม่ได้ ธัญญ์ยกเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นดื่ม ตาเป็นประกายวาววับก่อนจะตอบ
"ข่าวดีมากๆ เชียวล่ะ?
?ข่าวดีอะไรหรือคะ บอกหนูบ้างได้ไหม?
?ได้สิ...ฉันกำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่...ของที่ใครบางคนคงจะต้องกระอักเลือดด้วยความอิจฉาถ้าได้รู้ ฮ่าๆ...?
สองสาวร่วมผสมโรงหัวเราะไปด้วยแม้จะไม่เข้าใจสักนิดว่าชายหนุ่มกำลังพูดถึงอะไร แต่หน้าที่เอาอกเอาใจและทำให้ธัญญ์มีความสุขเป็นหน้าที่ของพวกเธออยู่แล้ว...
เกษราภรณ์...ในที่สุดความยโสของเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้ ธัญญ์เยาะเย้ยอยู่ในใจ ไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะกลับลงเอยได้ง่ายดายเพียงนี้
หนี้สินของครอบครัวนายกำพล หากจะเทียบกับทรัพย์สมบัติของธนรักษ์วสุแล้วก็ถือว่าเล็กน้อยมาก เป็นแค่เศษเงินเท่านั้น แต่การที่ลูกชายเสเพลอย่างธัญญ์ยอมเอ่ยปากยินดีจะเป็นฝั่งเป็นฝา และผู้หญิงคนนั้นก็ยังมีประวัติดีว่าเป็นคนที่เอาการเอางานและเป็นลูกกตัญญู มีหรือที่เจ้าสัวธม ธนรักษ์วสุจะไม่ยอมตามใจลูกชายอย่างเขา...ยอมเดินทางไปทาบทามสู่ขอและยังยอมควักสินสอดทองหมั้นอีกไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน
ธัญญ์แทบจะรอไม่ไหว...วันที่จะได้เห็นสีหน้าหยิ่งทะนงของผู้หญิงคนนั้น
อยากดูนักว่าเมื่อเธอต้องกลายเป็นเมียของเขาอย่างถูกต้องและเปิดเผย จะยังทำหน้าหยิ่งแบบนั้นได้อยู่อีกหรือเปล่า...รวมถึงผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งธัญญ์ก็ไม่ได้อยากจะคิดแข่ง แต่ถึงตอนนี้แล้วก็อยากจะเห็นหน้า ?มัน? จริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไรหากรู้ว่าผู้หญิงที่มันรักกำลังจะกลายมาเป็นเมียของเขาเสียเองแล้ว...

******************************

งานแต่งงานของเกษราภรณ์กับธัญญ์จัดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกษราภรณ์รู้สึกใจหาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าชื่นใจของพ่อ หญิงสาวก็จำยอมทน...เพราะอย่างน้อยตอนนี้หนี้สินทั้งหมดของครอบครัวก็ได้รับการชำระไปหมดแล้วตามสัญญา
"เจ้าสาวยิ้มอีกนิดนะครับ..."
ช่างภาพร้องบอกขณะถ่ายภาพคู่ เกษราภรณ์ฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อนที่สุด...ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวรวน แต่เมื่อหัวใจแข็งขืน หน้าก็พลอยตึงไปด้วยไม่ตั้งใจ
แต่ธัญญ์กลับรื่นรมย์เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งเห็นเกษราภรณ์ดูขมขื่นแค่ไหน เขาก็ดูอารมณ์ดีมากเท่านั้น
"น่าเบื่อนะว่าไหม ไอ้งานพิธีเรื่องมากวุ่นวายแบบนี้"
ธัญญ์ก้มลงกระซิบ...
"แค่คนสองคนจะได้กัน ก็ต้องประกาศให้โลกรู้ด้วย...ไร้สาระน่าเธอว่าไหม"
เกษราภรณ์เงยหน้ามองเขาทันที ธัญญ์ยิ้มยั่ว ตาเป็นประกาย...
ความจริงเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง ผิวขาว คิ้วเข้ม ตาโตคมกริบ จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง...แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้วางใจ และไม่ชวนให้ผู้หญิงดีๆ อยากเข้าใกล้เลยสักนิด...
ธัญญ์ยกมือขึ้นแตะปลายคางเจ้าสาวที่แต่งหน้าอย่างสวยงามและอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดบริสุทธิ์...ถ้าไม่เพราะอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย เกษราภรณ์ก็อยากจะปัดมือเขาออกไปเหลือเกิน
"ฉันน่ะอยากจะเข้าห้องหอกับเธอเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย...รอเวลาส่วนตัวของเราสองคนแทบจะไม่ไหว"
"นาย...ต้องการแค่เรื่องพรรค์นั้นใช่ไหม ที่ยอมแต่งงานกับฉันน่ะ"
เกษราภรณ์กระซิบถามกลับไป ถ้าดวงตาเป็นเปลวไฟ เจ้าบ่าวของเธอก็คงจะไหม้เป็นจุณไปแล้ว
ธัญญ์หัวเราะ ส่ายหน้าน้อยๆ เหมือนเกษราภรณ์ถามคำถามที่ไร้เดียงสาเหลือเกิน
"ทำไมพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นล่ะครับที่รัก เกษก็รู้ว่าพี่ชอบเกษมาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่มีไอ้หมาตัวไหนคาบไป เราก็คงได้ลงเอยกันตั้งนานแล้ว..."
"ไม่มีทาง"
เกษราภรณ์หลุดปากพูดไปอย่างลืมตัว ธัญญ์เลิกคิ้ว...
"งั้นหรือ แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันไม่ทราบ"
เกษราภรณ์ต้องหลับตาตั้งสติ ข่มใจที่จะไม่โต้ตอบหรือเดินออกจากงานไปอย่างที่ใจต้องการ...ต้องอดทนไว้เท่านั้น มาถึงจุดนี้แล้ว...จะถอยหนีได้อย่างไรกัน
"ว่าไงเจ้าบ่าวเจ้าสาว กะหนุงกะหนิงอะไรกันอยู่"
นายธมตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าเบิกบานก่อนจะพาตัวทั้งคู่ไปรับไหว้แขกที่มาใหม่
ยิ่งใกล้เวลาส่งตัวเข้าหอ เกษราภรณ์ก็ยิ่งรู้สึกพะอืดพะอม เฝ้าภาวนาให้งานพิธีการต่างๆ ยืดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอไม่อยากอยู่กันตามลำพังกับธัญญ์เลยแม้แต่วินาทีเดียว...
แต่คำภาวนาของเธอมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะในที่สุดตอนนี้ก็มีเพียงเธอและนายธัญญ์อยู่กันตามลำพังในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อต้อนรับคู่บ่าวสาวโดยเฉพาะ แต่มันไม่แทรกซึมเข้าไปในความรับรู้ของเกษราภรณ์แม้แต่น้อย...และแม้ห้องนอนของธัญญ์จะกว้างขวางและหรูหรา แต่เกษราภรณ์ก็รู้สึกว่าไม่มีพื้นที่ให้เธอยืนอยู่อย่างปลอดภัยได้เลยสักนิด
เธอไม่อยากมองหน้าหรือสบสายตากับเขา เพราะแววตาของเขามักแสดงออกอย่างเยาะเย้ย...สาแก่ใจ
"ฉันหิวน้ำ ขอลงไปในครัวได้ไหมคะ"
"ทั้งชุดนี้น่ะหรือ"
ธัญญ์พยักพเยิดใส่ชุดเจ้าสาวของเธอ
"ก็คงไม่เป็นไรไม่ใช่หรือคะ"
"ก็ตามใจ แต่เธอไม่เห็นหรือไงว่าในห้องนี้ก็มีน้ำดื่ม..."
เกษราภรณ์พยักหน้าอย่างยอมจำนน...
"เอ่อ...แต่ฉันอยากไปสำรวจบ้านสักหน่อย ไม่ได้หรือคะ"
"นี่ไม่ใช่เวลามาทำลวดลาย เกษรา...ไอ้นัทมันยังไม่ได้กลับมา ต่อให้เธอออกไปดูไปตามหาก็ไม่เจอมันหรอก"
"เกษไม่ได้คิดถึงเรื่องพี่นัท!"
"อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย เธอคงคิดสินะว่าถ้ามาที่นี่แล้วจะได้เจอกับไอ้นัทอีก..."
ธัญญ์หัวเราะ เดินมาประชิดตัวภรรยาและบีบแขนเธอแน่นอย่างลืมตัว เกษราภรณ์เจ็บจนนิ่วหน้า แต่ไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา
"ป่านนี้มันคงมีความสุขอยู่กับแฟนของมันที่อังกฤษโน่น...ถ้ามันยังแคร์เธอจริงๆ มันคงกลับมาแสดงความยินดีกับเราสองคนแล้ว...เธอคงไม่คิดหรอกนะว่าการได้มาอยู่ในครอบครัวธนรักษ์วสุ จะทำให้เธอได้กลับมาใกล้ชิดมันอีกครั้ง"
"ฉันไม่เคยคิดอะไรทั้งนั้น..."
เกษราภรณ์สะบัดแขนให้หลุดจากมือหยาบของธัญญ์
"ฉันหยุดคิดเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ยอมแต่งงานกับคุณแล้ว"
"ก็ดี"
ธัญญ์เอ่ยกร้าว
"เพราะต่อนี้ไปเธอแค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ ทั้งความคิดและความรู้สึกของเธอทั้งหมดมันต้องกลายเป็นของฉันแค่คนเดียว..."
"ฉันเป็นคนเป็นมนุษย์เหมือนกับคุณนะ ฉันแค่ยอมแต่งงานแต่ไม่ได้ขายชีวิตหรือวิญญาณให้..."
"ตัวของเธอแลกกับเงินห้าสิบล้าน ยังกล้าบอกว่าไม่ได้ขายตัวอีกหรือ...เกษราภรณ์"
เกษราภรณ์สะอึก เขาพูดถูก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เธอก็ยินดีเอาตัวแลกกับเงินไม่ใช่หรือ
ธัญญ์ยิ้มสะใจเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเผือดไปของเจ้าสาวใหม่หมาดๆ ของเขา...
เขาถอดเครื่องแต่งกายออกพลางสืบเท้าเข้าหา เกษราภรณ์ถอยหนีโดยอัตโนมัติ แต่นั่นยิ่งทำให้ธัญญ์ยิ้.
"เชิญหนีให้พอใจเกษรา...แต่ฉันไม่ได้จ่ายค่าตัวเพื่อเอาเธอมาดูเล่นแน่ๆ คืนนี้แหละที่ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นของใคร"
ธัญญ์ใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่อแววหยาบคายอย่างไม่ปิดบัง
เกษราภรณ์อยากร้องไห้ อยากวิ่งหนี แต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง เพราะเมื่อมาอยู่ถึงที่นี่แล้วก็ไม่สามารถที่จะหนีออกไปได้อีก มีแต่ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่ตัวเองเป็นผู้เลือก
ธัญญ์ถอดเสื้อนอกออก ตามด้วยเสื้อเชิ้ต เข็มขัด...สายตาจับจ้องที่เกษราภรณ์อยู่ตลอดเวลาราวกับกลัวว่าถ้าคลาดสายตาไปวินาทีเดียวเธอก็จะหนีรอดไปได้
เขาเคยใช้ความพยายามและเงินทองมากมายในการจะพิชิตใจผู้หญิงคนนี้ แต่เธอก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่ามีใจตอบ ตรงกันข้าม กลับดูหมิ่นดูแคลนเขาสารพัดทั้งด้วยการกระทำและคำพูด แต่วันนี้เกษราภรณ์กลับมาอยู่ในห้องส่วนตัวของเขา ในฐานะภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี...
ธัญญ์ยิ้มร่าให้กับความโชคดีของตัวเอง...
เพราะเหตุวิกฤตการเงินของครอบครัวนี้แท้ๆ ทำให้เขาได้ตัวหล่อนมาอย่างง่ายดายไม่คาดฝัน
ความจริงคือเขาเลิกสนใจเกษราภรณ์ไปได้สักพักแล้ว เพราะชีวิตของคนอย่างธัญญ์ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง ไม่เพียงด้วยรูปร่างหน้าตา...แต่ฐานะของพ่อก็ยิ่งทำให้ไม่ว่าสาวๆ ที่ไหนก็อยากวิ่งเข้าหา...
แต่พอเขารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเกษราภรณ์...ความคิดนี้ก็แล่นวาบเข้ามาทันที
"ขึ้นไปนอนบนเตียง"
ธัญญ์ออกคำสั่ง เกษราภรณ์หน้าตาตื่น
"ฉันไม่อยากใช้ความรุนแรงเสียตั้งแต่คืนแรกนะเกษราภรณ์ ไปนอนบนเตียงซะ...ฉันสั่ง"
เกษราภรณ์อยากขาดใจตายเสียแต่ตรงนั้น...
ธัญญ์ถอดเสื้อของตัวเองออกเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงกางเกงสแล็คขายาว แผงอกขาวสะอาดดูแกร่งกำยำและเป็นมัดกล้าม ธัญญ์ไม่เคยละเลยตัวเอง เพราะมันเป็นอาวุธอย่างหนึ่งในการพิฆาตผู้หญิงซึ่งเขาถือว่าเป็นเหมือนของหวานหรือไม่ก็ของเล่น...
หน้าตาเขาก็หล่อเหลา...มากเสียด้วย แต่ใครจะรู้ว่าภายในนั้นชั่วร้ายและสกปรก
และนั่นทำให้เธอไม่เคยหลงใหลรูปลักษณ์ภายนอกของธัญญ์เลย ไม่ว่ามันจะงดงามราวเทพบุตรจำแลงกายลงมาสักปานใดก็ตาม
"พี่ธัญญ์คะ คือเกษ...เกษยังไม่พร้อม"
เกษราภรณ์บอกสั่นๆ ภาวนาว่าอาจมีความเมตตาหลงเหลืออยู่ในจิตใจของเขาบ้าง
ธัญญ์เลิกคิ้ว ย่างเท้าเข้ามาใกล้...
"คิดจะถ่วงเวลาหรือไง"
"เปล่านะคะ เกษแค่...ว้าย..."
ธัญญ์ดึงตัวเธอมากอดรัดและระดมจูบโดยไม่ฟังเสียง ทั้งที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้างในคืนแรก แต่เกษราภรณ์ก็ยังตื่นกลัวจนตัวเย็นและน้ำตาไหล
ธัญญ์ผลักหญิงสาวล้มลงบนเตียง มองเธอร้องไห้เบาๆ โดยไม่คิดจะแสดงความเห็นใจ...
"ฉันไม่ได้จะฆ่าจะแกง...อย่าทำเป็นสำออย"
เกษราภรณ์กัดริมฝีปากจนห้อเลือดเพื่อกลั้นสะอื้น นอนหลับตาแน่นตัวแข็งทื่อ...
"อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่เคย...ใครเชื่อก็โง่เต็มที"
ธัญญ์หัวเราะหยาบคาย เกษราภรณ์ได้ยินทุกคำแต่ไม่ตอบ...เขาคงจะยิ่งสาแก่ใจมากขึ้นกว่านี้หากรู้ว่าจะได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ...ซึ่งเธอจะไม่มีวันยอมให้เขารับรู้ เพราะผู้ชายอย่างธัญญ์คงจะหยิบยกมาพูดทุกครั้งเพื่อทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยลงไปกว่าที่เป็นอยู่
"แต่ฉันไม่ถือหรอกนะ หากต้องกินของเหลือเดนของไอ้นัท..."
ชื่อนี้ทำให้เกษราภรณ์แปลบปลาบในหัวใจ...
ธัญญ์ทิ้งตัวลงมาบนเตียง คร่อมร่างได้สัดส่วนที่กำลังนอนนิ่งของเกษราภรณ์ และเริ่มจูบอย่างหยาบคายไปตามส่วนต่างๆ พร้อมทั้งดึงทึ้งเครื่องแต่งกายออกไปทีละชิ้น เกษราภรณ์เลิกดิ้นรนแล้ว แต่กลับนอนนิ่งเหมือนคนที่ตายไปแล้ว...
ธัญญ์ก้มมองเธอด้วยความรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็เดาได้แต่แรกว่าจะต้องเจอปฏิกิริยาแบบนี้
"อย่าคิดว่านอนแข็งเป็นท่อนไม้แบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้นะเกษราภรณ์...เธอน่ะมันก็แค่อีตัวที่ฉันจ่ายเงินซื้อมา ต่อให้เธอไม่ยอมทำหน้าที่ ฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปอยู่ดี"
"ฉันรู้..."
เกษราภรณ์ยอมเปิดปากพูดในที่สุด
"ฉันรู้ว่าคนอย่างคุณมันเป็นคนหยาบคายและป่าเถื่อน..."
"รู้ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเกรงใจ"
ธัญญ์กร้าวและลงมือทำอย่างที่เขาประกาศไว้...คือไม่ให้ค่าอะไรกับเกษราภรณ์มากไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่ต้องสนองตอบต่อความต้องการอันดิบเถื่อนของตัวเอง...
"เธอจะเปลี่ยนใจก็ได้นะเกษราภรณ์...แล้วเราจะได้สนุกไปด้วยกัน"
ธัญญ์กระซิบเสียงกระเส่าขณะที่ฝ่ามือคลึงเคล้นไปตามเนื้อตัวอ่อนนิ่มอย่างไม่คิดจะออมมือ หยาดน้ำยังไหลรินจากปลายหางตาของหญิงสาวไม่ได้หยุด แต่หัวใจทั้งดวงนิ่งชา...
นี่ไม่ใช่ร่างกายของเธอ นี่ไม่ใช่ตัวของเธอ...เกษราภรณ์กัดฟันบอกตัวเอง ภาพของธัญญ์ที่กำลังกระทำอยู่บนร่างกายของเธอมันเป็นเพียงภาพที่ไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น
"ร้องสิ...เกษราภรณ์ ร้องออกมา..."
เขาออกคำสั่ง แต่เธอยังคงเงียบกริบ มีเพียงริมฝีปากที่กัดเม้มแน่นเท่านั้นที่บอกว่าเธอยังหายใจ ไม่ได้ตายไปแล้วอย่างที่แสดงอยู่
"ร้องออกมาเหมือนตอนที่เธอทำมันกับไอ้นัทไง...หรือเธอคิดว่าฉันจะสู้ไม่ได้"
?อย่าพูดถึงพี่นัท!?
เธอร้องออกมาจนได้ เพราะชื่อนั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกละอาย... เธอไม่ต้องการให้ภาพของผู้ชายอีกคนมาแปดเปื้อนกับการกระทำสกปรกที่ธัญญ์กำลังกระทำอยู่ แต่ธัญญ์เห็นเป็นเรื่องสนุกที่จะได้ตอกย้ำซ้ำเติมเธอทางวาจา...เพราะข่มเหงทางร่างกายมันยังไม่พอสำหรับเขา แม้ตอนนี้ร่างกายของธัญญ์จะตื่นตัวด้วยแรงอารมณ์ แต่มันก็ปราศจากความอ่อนโยน เห็นใจ และไร้ซึ่งความรักใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อเห็นเธอมีปฏิกิริยาด้วยชื่อของผู้ชายอีกคน...เขาก็หัวเราะเสียงต่ำ
"ฉันไม่พูดถึงมันก็ได้ เพราะถึงยังไงตอนนี้เธอก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียของฉัน มันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดอะไรกับเธออีก จำไว้นะเกษ เพราะเธอเป็นเมียของผู้ชายที่เธอเคยบอกว่ารังเกียจนักหนาไง จำได้ไหม?
เกษราภรณ์เผลอส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด เพราะสิ่งที่ธัญญ์พูดมามันเป็นความจริงทุกประการ เธอแต่งงานกับเขาอย่างสมบูรณ์ด้วยเงื่อนไขที่ไม่อาจเรียกคืนได้ เธอเองที่เป็นฝ่ายกลืนน้ำลายตัวเองด้วยการยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยประกาศใส่หน้าเขาว่ารังเกียจ...
ธัญญ์หัวเราะต่ำๆ อีกครั้ง และยอมรับกับตัวเองในใจว่าเขาชื่นชอบเรือนร่างของหญิงสาวคนนี้ เธองดงามกว่าที่คิดและเขากำลังลิงโลดที่ได้โลมไล้แตะต้องผิวเนื้อเนียนละเอียดอ่อนนุ่มนิ่ม อีกทั้งกลิ่นหอมของกายสาวที่ปราศจากการเจือปนของกลิ่นน้ำหอมฉุนๆ อย่างที่เขาเจออยู่เสมอ
เกษราภรณ์งดงามมากกว่าที่ธัญญ์คาดคิดไว้มากนัก และเขานึกดีใจที่ไม่ต้องใช้ความอดทนกล้ำกลืนเพื่อจะขืนใจเธอ ชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นปีศาจผู้หญิงคนหนึ่งไม่คิดจะใช้ความช่ำชองของเขาเพื่อจะเล้าโลมให้หญิงสาวโอนอ่อนผ่อนตาม เพราะเขาต้องการกลั่นแกล้งให้เธอทรมานและเจ็บปวดเสียมากกว่า...ก็ใครใช้ให้เมื่อหลายปีก่อนเธอกล้าปฏิเสธผู้ชายอย่างเขาได้ล่ะ แต่ไม่สนใจเขานั้นไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่เธอยังกล้าหันไปคบหากับผู้ชายอีกคนแทนเขา ทั้งที่มันกับเขาแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ฐานะ หรือแม้แต่นามสกุล...
?เธอจะว่าฉันโหดร้ายไม่ได้นะเกษ เพราะต่อให้เธอนอนนิ่งแบบนี้ฉันก็ไม่หยุดแน่?
เขากระซิบบอกอีกครั้งขณะที่ฝ่ามือลูบไล้ไปทุกสัดส่วนอันงดงาม แต่เธอก็ไม่ตอบสนองเขาแม้แต่นิด แม้แต่น้ำตาที่ไหลรินก็ดูจะเหือดแห้งไปแล้ว ธัญญ์ดันตัวขึ้นเพื่อมองใบหน้านวลให้ชัดๆ ก่อนจะจงใจก้มจูบแรงๆ ไปตามส่วนต่างๆ แต่ปฏิกิริยาของหญิงสาวก็ยังเหมือนเดิม...ราวกับว่าชีวิตและวิญญาณของเธอได้ถูกกลืนหายไปในอากาศเสียแล้ว...
ธัญญ์จูบเธอย้ำๆ และเริ่มไม่สนุกที่จะได้กลั่นแกล้งคนใต้ร่าง และโดยไม่คาดคิด เขาหยุดกึก สบถออกมาดังๆ และก้าวลงจากเตียง
?อย่าคิดว่าจะใช้วิธีนี้ได้ตลอดไปนะเกษ ลูกไก่ในกำมืออย่างเธอ ถ้าฉันอยากจะเชือดเสียวันไหนก็ไม่มีทางรอดไปได้แน่!?
ธัญญ์คำราม เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและแต่งตัวอย่างหงุดหงิด ห้านาทีต่อมาเขาก็คว้ากุญแจรถแล้วออกจากห้องหอนั้นไป เขาอาจจะไปหาใครสักคนหรือหลายคนเพื่อมาช่วยปลดเปลื้องความต้องการที่ไม่ถูกปลดปล่อย หรือจะไปที่ไหนอื่นก็สุดที่ใครจะรู้ แต่เกษราภรณ์ไม่แยแสสักนิดว่าเขาจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรก
เมื่อแน่ใจว่าธัญญ์ออกไปแน่แล้วเธอก็รีบคว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาห่อพันร่างกายไว้ จากที่แข็งทื่อก็กลายเป็นสั่นเทาและน้ำตารินไหลออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่...เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ชายที่ไม่ได้รักใคร่สักนิดเลยนั้นให้ความรู้สึกที่น่ารังเกียจมากแค่ไหน และคืนต่อๆ ไปเธออาจจะไม่โชคดีอย่างคืนนี้แล้วก็ได้...
พี่นัท...พี่นัทจ๋า เกษกลัวเหลือเกิน
เกษราภรณ์ร่ำร้องถึงคนที่เธอไม่อาจแตะต้องไปอีกต่อไป ร้องกระทั่งหลับใหลไปด้วยน้ำตาและความอ่อนเพลีย...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?เกษราภรณ์? ฟังบิดาด้วยความรู้สึกสับสนในหัวใจ หญิงสาวรู้ดีว่ามันเป็นเพียงฉากบังหน้าที่จะทำให้ครอบครัวของเธอไม่ล้มละลาย การแต่งงานนี้ไม่ได้เกิดจากความรักทว่ามันยังเกิดจากความเคืองแค้นอีกด้วย เพราะเจ้าบ่าวของเธอคือ ?ธัญญ์? ซึ่งเป็นพี่ชายของ ?ธนัท? แฟนเก่าเกษราภรณ์ สองพี่น้องคู่นี้มีเรื่องหมางใจกันมาตลอดและต่างต้องการเอาชนะ และผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายคาสโนว่าทั้งสองคนก็คือเกษราภรณ์ เพียงวันแรกของการใช้ชีวิตคู่หญิงสาวก็ต้องเผชิญกับคู่ควงคนล่าสุดของธัญญ์ แล้วอีกไม่กี่วันต่อมาธนัทก็กลับมาเพื่อรับรู้ข่าวการแต่งงานของพี่ชายเขากับเธอ บางเวลาเกษราภรณ์ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเพราะเหตุผลอะไรกันที่ทำให้ชีวิตเดินมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ต้องใช้ชีวิตในฐานะภรรยาของผู้ชายที่เธอชังและต้องทนกับความหมางเหมินของผู้ชายที่เธอรัก บทสรุปของเจ้าสาวที่ต้องมาอยู่ในเรือนหอซาตานนี้จะเป็นเช่นไร...เกษราภรณ์นึกภาพความสุขไม่ออกเลย
"พี่จะรักเกษให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้" เขากระซิบแนบชิดใบหู เขาจะ "รัก" เธอในทุกความหมาย...และความรักระคนใคร่ของเขาก็กำลังทำให้เกษราภรณ์ครวญครางเหมือนใจจะขาดอยู่รอนๆ แล้วตอนนี้


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”