New Release : น้ำผึ้งซ่อนไฟ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : น้ำผึ้งซ่อนไฟ

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1
?อุแว้ๆ? เสียงร้องของทารกที่นอนอยู่บนที่นอนน้อยกลางห้อง เรียกให้หญิงสาวที่กำลังพับผ้าอ้อมอย่างขะมักเขม้นต้องรีบลุกไปหา
?ฉี่แตกเหรอเรา ร้องจังเลย แบบนี้ป้าจะทำอะไรได้บ้างเนี่ย? หญิงสาวร่างผอมบางบ่นกับเด็กชายที่นอนอยู่ ปากพูดกับหลานชาย ส่วนมือก็ทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
กว่าจะปล้ำเจ้าตัวเล็กให้หลับได้ชลธิชาก็แทบคลาน ใบหน้าสวยมีแต่เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็ม เธอนำมุ้งครอบสำหรับครอบกันยุงให้เด็กเล็กมาครอบร่างของหลานชาย แล้วจึงเดินออกไปนั่งพับผ้าอ้อมต่อ พอเสร็จหญิงสาวก็รู้สึกหิวจึงเดินเข้าไปในส่วนที่กั้นเป็นครัวเพื่อที่จะหาอะไรกิน
หญิงสาวเปิดตู้กับข้าวใบเก่า หยิบหม้อข้าวใบเล็กออกมาดูข้าวในหม้อ พบว่ามีเศษข้าวเหลือติดก้นหม้ออยู่เพียงน้อยนิด หญิงสาวถอนหายใจ วันนี้คงได้อดกินข้าวหันมาโซ้ยอาหารญี่ปุ่นอีกแล้ว
ชลธิชาหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังขึ้นมาฉีกใส่ชาม ก่อนจะเดินโหย่งด้วยปลายเท้าออกไปหากระติกน้ำร้อนข้างกระป๋องนมผงของหลานชาย จัดการกดน้ำร้อนใส่ชามพอประมาณ จากนั้นจึงถอยออกมานั่งกินไม่ไกลจากร่างของหลานชายที่นอนอยู่ หญิงสาวกินไปคิดไปจนกลืนบะหมี่ไม่ลงต้องวางช้อน
ทำไมเธอกับหลานต้องมามีชะตาแบบนี้ อีกไม่ช้าหนังสือพิมพ์คงลงข่าวป้าหลานอดอาหารตายในบ้านเช่ากลางกรุง ?หึๆ? หญิงสาวหัวเราะสมเพชตัวเองที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะเลี้ยงหลานสักคนให้รอด นี่ถ้าหากชาลินีน้องสาวฝาแฝดของเธอยังอยู่คงไม่ลำบากกันขนาดนี้ คนหนึ่งเลี้ยงลูก อีกคนทำงานคงพอได้ค่านมน้องนัฐ
ยิ่งคิดถึงน้องน้ำตาของหญิงสาวก็ยิ่งไหลออกมาเปรอะแก้มนวล หากชาลินีไม่หลงลมเชื่อผู้ชายลวงรักอย่างนายพีระเดช น้องสาวของเธอคงไม่หนีพี่สาวอย่างเธอและลูกชายวัยเดือนเศษไป
ในตอนนั้นพีระเดชยังคอยเทียวไปเทียวมาหาสู่น้องสาว เขาบอกว่าตัวเขาเป็นลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจส่งออก ร่ำรวยติดอันดับของเมืองไทย เธอเองก็หลงปลื้มดีใจกับน้องสาวที่ได้สามีรวย
อยู่กินกันมาได้ปีเศษน้องนัฐมีอายุครบหนึ่งเดือน พีระเดชบอกกับเธอสองพี่น้องว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องลูกเมีย จากวันนั้นเขาก็หายเงียบไป
ชาลินีน้องสาวผู้สำอางของเธอทนความลำบากไม่ไหว หนีหายไปจากชีวิตของเธอ โดยทิ้งลูกน้อยไว้ให้เธอดูต่างหน้า หญิงสาวซบหน้าลงกับฝ่ามือ น้ำตาที่ไม่เคยแห้งหายไปจากใบหน้าหล่นลงมาบนพวงแก้มงาม
จู่ๆ ก็มีเสียงคนเดินเข้ามาในห้องของเธอ หญิงสาวหันขวับไปมองอย่างตกใจ ชายฉกรรจ์หลายคนเดินเข้ามาถึงห้องของเธออย่างที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว
?คะ...คุณเป็นใคร? ชลธิชาถามอย่างลนลาน หญิงสาววิ่งถลาไปอุ้มหลานชายตัวน้อยมากอดเอาไว้
?เฮ้ย! ของอะไรที่ไม่จำเป็นไม่ต้องเก็บเอาไป เอาแค่ตัวเด็กกับแม่ไปก็พอ? ผู้ชายร่างใหญ่ยืนสั่งการอย่างเฉียบขาด
?มันเรื่องอะไรที่จะมาเอาเราสองแม่ลูกไป แล้วเอาไปไหน ทำไมไม่มีใครบอกฉัน ว้าย!? หญิงสาวหวีดร้องอย่างตกใจ ร่างผอมบางของเธอถูกดึงแขนปลิวหวือต้องเดินแกมวิ่งตามชายร่างใหญ่
ชลธิชาโอบกอดหลานชายไว้แน่น ใบหน้าสวยซีดเผือด และยิ่งเสียงน้องนัฐร้องไห้เพราะตกใจตื่น คนเป็นป้าอย่างเธอก็แทบจะร้องตาม
หญิงสาวถูกดึงให้เดินมาจากซอยเล็กแคบอยู่นานจึงเดินออกมาถึงถนนใหญ่สายหลักที่มีรถวิ่งขวักไขว่ และริมทางเดินมีรถเบนซ์สีดำจอดรออยู่ มีผู้ชายร่างผอมยืนจังก้าอยู่ข้างรถ
?เฮ้ย! เบากันหน่อยสิพวกแก ไม่เห็นหรือไงว่าคุณหนูกับคุณแม่ตกใจกันหมดแล้ว? นายตัวผอมดุพวกที่ไปเอาตัวเธอกับหลานมาเสียงดัง ก่อนจะหันมายิ้มให้หญิงสาวที่ยืนอุ้มเด็กหน้าตาตื่น ?ต้องขอโทษคุณด้วยนะครับ ที่พวกนี้มันทำรุนแรงจนคุณต้องตกใจ?
?นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมพวกคุณต้องจับเรามาแบบนี้ ฉันมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักพวกคุณมาก่อน? ชลธิชาถามเสียงสั่น
?ขึ้นรถก่อนเถอะครับ เรื่องราวเป็นอย่างไร ผมจะอธิบายให้ฟังในรถ? ผู้ชายร่างผอมเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้เธอ
?ไม่ ฉันจะไม่ขึ้นไปไหนกับพวกคุณทั้งนั้น หากว่ายังไม่ยอมบอกเหตุผลมา? หญิงสาวไม่ยอมเหลือบแลสายตาไปมองประตูรถที่เปิดรอ
?อย่าเพิ่งถามเหตุผลเลยครับ ข้างนอกร้อน คุณหนูอาจจะไม่สบายได้?
เหตุผลของเขาน่าฟัง แต่ชลธิชาก็คิดว่าเหตุผลของเธอดีกว่า เธอยอมให้น้องนัฐไม่สบาย ดีกว่าที่ต้องไปผจญกรรมกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน
สุรพลถอนหายใจพรืด ผู้หญิงร่างผอมที่ยืนอุ้มเด็กด้วยหน้าตาตื่นท่าทางดื้อเอาการ ?บอกก็ได้ครับ ผมชื่อสุรพล เป็นคนขับรถของท่านเจ้าสัวพงษ์ดนัยกับคุณหญิงรัชนี ชัดหรือยังครับ?
?ชัด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันสองคนแม่ลูก? หญิงสาวพูดหน้าตาเฉย
?เกี่ยวสิครับ ในเมื่อคุณหนูที่คุณผู้หญิงอุ้มอยู่คือลูกของคุณพีระเดช และมีฐานะเป็นหลานปู่หลานย่าของท่านเจ้าสัวพงษ์ดนัยกับคุณหญิงรัชนี?
มาถึงตรงนี้หญิงสาวเพิ่งถึงบางอ้อ คนพวกนี้คงคิดว่ามีเงินแล้วจะมาพรากหลานของเธอไปล่ะสิ เชอะ! เมินเสียเถอะ ต่อให้รวยล้นฟ้าเธอก็ไม่มีวันยกหลานให้
?เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นรถเถอะ แดดร้อนจัดจะไม่สบาย? สุรพลยังคงพูดเชิญให้ขึ้นรถอย่างสุภาพ
?เขาไม่อยากขึ้นก็ปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนั้นแหละสุรพล เอาหลานของฉันมาขึ้นรถได้แล้ว? เสียงทุ้มนุ่มแต่ออกแววรำคาญของผู้ชายที่ดังมาจากข้างในรถ ทำให้ชลธิชาชะเง้อคอมองเข้าไปด้านใน
สุรพลขยับเดินมาใกล้หญิงสาวเพื่อที่จะอุ้มเด็กชายในอ้อมแขนของเธอตามคำสั่ง แต่ชลธิชาถอยหลังกรูดเหลียวซ้ายแลขวาอย่างตระหนก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบกับพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคนของเจ้าสัวพงษ์ดนัย
เธอพยายามคิดสะระตะในสมองอันชาญฉลาดของตัวเองเพียงชั่วครู่ หญิงสาวก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนรถเคียงคู่กับผู้ชายเสียงหล่อทันที ไม่ว่าจะไปขึ้นเขาลงหนองคลองบึงที่ไหนเธอก็พร้อมที่จะไปกับเขา
ขืนอยู่ที่บ้านเช่าเธอคงได้พาหลานอดตาย ไปข้างหน้าหาปู่ย่าของหลาน อย่างน้อยหลานเธอคงไม่อด แต่จะให้เธอยอมปล่อยหลานไปกับพวกนี้ตามลำพังก็เมินเสียเถอะ
?อ้าว!? สุรพลร้องอ้าว เกาหัวแกรกอย่างไม่เข้าใจหญิงสาวนัก แรกจะให้ขึ้นทำยังไงก็ไม่ยอมจะขึ้น แต่ตอนนี้กลับกระโดดขึ้นไวกว่าลิงซะอีก
?เขาขึ้นแล้วแกก็ขึ้นเสียทีสิสุรพล เวลาฉันเป็นเงินเป็นทอง ไม่มีเวลามาเสียให้กับความไร้สาระมากนัก? ชายหนุ่มผู้เป็นนายพูด
สุรพลทำคอหดรีบขึ้นรถสตาร์ทเครื่องมุ่งหน้าออกไปสู่ถนนที่จราจรคับคั่งไปด้วยยวดยานพาหนะ ถึงรถจะติดมหาโหด แต่คนขับก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองทางกระจกส่งหลัง
ชลธิชานั่งกอดหลานชายแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าผู้ชายนั่งข้าง ทำใจอยู่นานว่าจะหันไปดีไหม จนในที่สุดหญิงสาวก็ได้ความกล้าหาญ เธอหันขวับไปมองหน้าของผู้ชายข้างตัว ท่าทางนายคนนี้จะยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น พูดจาไม่เอาไหน
แต่...พอได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม หญิงสาวมีอาการตัวแข็งไปเล็กน้อย นี่เหรอปู่ของน้องนัฐ ทำไมทั้งหนุ่มทั้งหล่อขนาดนี้ นี่แค่เห็นเพียงด้านข้างนะ หากได้เห็นใบหน้าตรงๆ หัวใจเธอจะละลายขนาดไหน
?มองพอหรือยัง?
?อะ...อะไร? ใจของหญิงสาวไหววูบ เมื่อจู่ๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็หันมา
?ฉันถามว่ามองฉันพอหรือยัง? เสียงเขามีแววรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
?พะ...พอแล้ว?
?หึๆ นึกว่ายังไม่พอ จะได้นั่งให้มองให้พอ...ก่อนคุยกัน?
ฮึ หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดคอแข็งโป๊ก ผู้ชายอะไรทั้งหยิ่งยโส ทั้งจองหอง คงถือว่าตัวเองรวยรูปรวยทรัพย์ล่ะสิ
?บอกตรงๆ ฉันก็ไม่ได้คิดจะมองคุณนักหรอก แต่เห็นว่าเราจะมาเกี่ยวดองเป็นญาติกัน เลยต้องมองให้รู้จักหน่อยว่าใครเป็นใคร?
?ใครเป็นญาติกับเธอ? เสียงของชายหนุ่มสั้นและห้วน
?อ้าว คุณไม่ใช่ปู่ของน้องนัฐหรอกเหรอ?
?นี่เธอ! ปู่บ้าอะไรจะหนุ่มขนาดฉัน!?
?อ้าว ก็ฉันได้ยินคนขับรถบอก ปู่น้องนัฐชื่อพงษ์ดนัย ฉันก็นึกว่าคุณมารับหลาน?
ภคพงษ์เมินหน้าไปมองนอกหน้าต่างรถ ใจหนึ่งก็อยากจะหัวเราะเยาะผู้หญิงคนนี้ แต่อีกใจก็แอบยิ้มกับคำพูดเหมือนจะซื่อไร้เดียงสาของเธอ แต่ซ่อนคมมีดไว้อย่างมิดชิด
?ฉันชื่อภคพงษ์ เป็นลุงของเด็กที่เธออุ้มอยู่? เมื่อหันกลับมาหาคู่สนทนาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็เรียบเฉยไร้ความรู้สึกเช่นเคย
?อ๋อ...ค่ะ คุณเป็นลุง แล้วพีระเดชพ่อของน้องนัฐไปไหน ทำไมเขาไม่มาเอง? หญิงสาวกังขากับน้องเขยจึงถามออกไป
?พีระเดชตายแล้ว ตายไปได้เดือนกว่าๆ นี่เอง?
คำตอบของเขาทำคนฟังใจหายวูบ เพราะอย่างนี้เองใช่ไหม พีระเดชถึงไม่กลับมาหาน้องสาวของเธออีก
?เขาบอกเรื่องลูกกับคุณเหรอ?
?ก่อนตายเขาไม่ได้บอกอะไรเลย เขาเพียงแต่หยิบกระเป๋าสตางค์ส่งให้ ตอนนั้นพวกเรายังไม่เข้าใจนัก จนงานศพเขาผ่านพ้นไป ฉันถึงได้มีเวลามาเปิดกระเป๋าสตางค์ของเขาดู?
ชายหนุ่มหยิบรูปถ่ายใบเล็กส่งให้หญิงสาว ภาพสามคนพ่อแม่ลูกที่เธอเป็นคนถ่าย ยังติดอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม ชาลินีกำลังนอนยิ้มให้กล้องขณะโอบกอดลูกน้อยที่เพิ่งคลอดไว้ในอ้อมแขนโดยมีหนุ่มหล่อกอดกระชับอีกที
?จำรูปนี้ได้ไหม? ชายหนุ่มถามเสียงขรึม
?จำได้สิ ก็ฉะ...ฉัน? หญิงสาวเกือบจะบอกไปแล้วว่าเธอเป็นคนถ่ายมันกับมือเอง
?เธอ...ในรูปดูเหมือนจะอ้วนกว่านี้นะ?
?อ่ะ? ชลธิชาอ้าปากก่อนหุบฉับ นี่เขาเข้าใจว่าเธอคือชาลินี แม่ของน้องนัฐอย่างนั้นเหรอ
?เขาว่ากันว่า ผู้หญิงเพิ่งคลอดให้นมลูกมักจะ...? ชายหนุ่มหยุดพูดพลางกวาดสายตามองร่างผอมบางของหญิงสาวขึ้นลงไปมาอย่างวิเคราะห์ ?แต่...ทำไมเธอถึงได้ผอมจริงล่ะชาลินี รูปร่างแบบนี้ไม่น่าเลี้ยงลูกให้อ้วนได้เลย?
ชลธิชาอยากร้องกรี๊ดใส่หูของผู้ชายนั่งข้างนัก หน้าตาหล่อดีแต่ทำไมปากคอเราะร้ายจริง ริมฝีปากบางอ้าเผยอเพื่อปฏิเสธการเป็นแม่ของหลานชาย แต่คิดอีกทีหากเธอพูดปฏิเสธไป เขาอาจจะอยากถีบเธอลงจากรถ และลักตัวหลานชายของเธอไปก็ได้ ไหนๆ เขาก็คิดว่าเธอเป็นแม่ก็รับคำสมอ้างไปเลย จะว่าเธอโกหกก็ไม่ได้นะ ในเมื่อเขาพูดเองเออเองโดยไม่ถามเธอสักคำ
?ลูกของฉันกินนมกระป๋องย่ะ? ชลธิชาเข่นเขี้ยวตอบ
ภคพงษ์ปรายสายตามองร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะปรายตากลับไป
?ช่วยทำให้ลูกของเธอมันเงียบปาก หยุดร้องก่อนได้ไหม ฉันหนวกหู?
?ลูกของฉันมันก็หลานคุณแหละ? หญิงสาวเถียง
?เออน่ะ จะลูกเธอหลานฉันหรือลูกเธอหลานใครยังไงก็หุบปากมันให้ได้ก่อน ฉันหนวกหู?
หญิงสาวเขย่าร่างในอ้อมแขนเบาๆ พร้อมกับร้องเพลงกล่อมเด็กชายลั่นรถ
?โยนยาวเอ๊ย ค้างคาวกินกล้วย มารับน้องนัฐไปด้วย มา...ช่วยกันโยนยาวเอ๊ยยยย? ชลธิชาร้องเพลงกล่อมแข่งกับเสียงร้องไห้ของหลานชายดังลั่นรถ
ชายหนุ่มยกมือสองข้างอุดหูตัวเอง ก่อนจะตะเบ็งเสียงเข่งกับทารกและสตรี
?หยุด! หยุด! ฉันบอกให้หยุด?
?อ้าว หยุดทำไมคะ ฉันกำลังกล่อมลูก คุณให้ฉันหยุด แล้วน้องนัฐจะเงียบได้อย่างไร?
?ผมว่า...เสียงของคุณจะยิ่งทำให้เด็กไม่อยากหลับมากกว่า? ภคพงษ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
สุรพลขับรถไปอมยิ้มไปกับภาพเหตุการณ์ด้านหลัง ภาพภคพงษ์ลูกชายคนโตของเจ้าสัวพงษ์ดนัยนั่งเอามือปิดหู เพราะทนฟังเสียงเพลงกล่อมเด็กที่ร้องครวญครางของแม่ลูกอ่อนไม่ไหว ภาพแบบนี้ไม่ค่อยมีใครเห็น...ต้องขยายซะแล้ว
?ยิ้มอะไรสุรพล? ไม่รู้จะระบายความอัดอั้นของความรู้สึกกับใครดี พอหันไปเห็นคนขับรถเหลือบมองมาด้วยประกายตาระยิบระยับ ชายหนุ่มได้ทีเลยชี้หน้าออกไป ?ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร หุบปากเก็บคำพูดของนายที่จะเอาไปต่อเป็นปากกาเลยนะ?
?เอ่อ...? สุรพลพูดไม่ออก ได้แต่กลอกตาไปมา
ชลธิชาเหลียวมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างสงสัย
?แล้วจะมีใครบอกฉันได้ไหม ว่าจะพาเรา เอ่อ...สองคนแม่ลูกไปไหน?
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปรายตามองมาทางผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นเมียน้องชาย
?จะพาไปอยู่ที่บ้านอัศวางกูร?
?ไม่ไปได้ไหม? หญิงสาวต่อรองเสียงอ่อย
?ทำไม? ชายหนุ่มถามเสียงห้าวห้วน
?ฉันกับลูกเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่กล้าที่จะไปอยู่บ้านคนใหญ่คนโตแบบนั้น?
?กลัวล่ะสิ? น้ำเสียงหมิ่นแคลน ?แล้วรู้ได้อย่างไรว่าบ้านของฉันหลังใหญ่?
?เปล่า ฉันไม่ได้กลัว แค่ไม่อยากทำอะไรที่เปิ่นให้คนในบ้านคุณหัวเราะเยาะแค่นั้น? หญิงสาวยกไหล่ ?เดาเอาค่ะ รถยนต์คันใหญ่ขนาดนี้ บ้านจะหลังเล็กได้ยังไง จริงมะ? ประโยคหลังเธอหันไปถามเขาด้วยท่าทางที่ออกจะกวนๆ แต่ยังแฝงไว้ด้วยความกลัว
?ไม่ต้องห่วง เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอเป็นทายาทของอัศวางกูร และเธอในฐานะแม่ไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาหัวเราะเยาะหรอก? คำพูดที่ราบเรียบ แต่แฝงการปลอบของเขาไม่ทำให้สีหน้าของหญิงสาวคลายวิตกไปได้ ?และอีกอย่างท่าทางของเธอก็...เอาเรื่องไม่เบา คงไม่ปล่อยให้ใครมาหาเรื่องได้ง่ายๆ หรอกมั้ง?
หญิงสาวไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ได้แต่นั่งกอดหลานชายอยู่เงียบๆ ภคพงษ์เห็นหญิงสาวเงียบเขาก็พลอยเงียบตาม ชายหนุ่มหยิบแฟ้มงานที่วางเทินบนตักขึ้นมาดูเงียบๆ และพอรถวิ่งผ่านห้างดังชลธิชาก็รีบบอกให้คนขับจอด
?จอดก่อนๆ?
เสียงดังเอะอะของหญิงสาวก่อความรำคาญให้กับผู้ชายตัวสูงไม่น้อย
?มีอะไรอีกล่ะเธอ? เขาถามเมื่อรถจอดสนิท
?คุณลงไปกับฉันหน่อยสิ? หญิงสาวเปิดประตูรถ ก่อนจะหันมาชวนเขา
?จะให้ฉันไปไหน...ไม่เอา? ชายหนุ่มละความสนใจจากหญิงสาวหันไปอ่านกระดาษในมือของเขาอย่างไม่สนใจ
?ไปกับฉันหน่อย ฉันจะซื้อนมให้ลูก?
?เธอจะซื้ออะไรก็เรื่องของเธอ หากไม่มีคนช่วยถือของก็นั่น? ภคพงษ์พยักหน้าไปทางสุรพล ?นายแน่ะ ไปช่วยเขาหิ้วของหน่อย?

----------------------------------------------------------------------------
?ภคพงษ์? เป็นผู้ชายมาดนิ่งจนใครๆ พากันคิดว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง แต่แล้วในวันหนึ่งเขาได้พบกับ ?ชลธิชา? โดยการบุกจู่โจมบ้านหลังน้อยของเธอ ด้วยความจำเป็นเพราะเขาต้องพาตัวหลานชายกลับมาดูแลให้ได้ ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยคนนี้ทั้งเชยทั้งขี้เหร่ในสายตาของเขาเหลือเกิน หากแต่ลักษณะภายนอกที่เขามองนั้นกลับมัดหัวใจผู้ชายเย็นชาแบบเขาได้ ชายหนุ่มตกหลุมรักชลธีชาเสียแล้วเห็นแต่เขาก็จิกกัดเธอทุกครั้งที่เจอหน้า เพราะในขณะเดียวกันนั้นเขาต้องพยายามปิดบังหัวใจตัวเองไว้ให้มิดชิด ไม่ให้ใครรู้ว่าเขาได้มอบหัวใจรักอันบริสุทธิ์ให้กับหญิงสาวผู้นั้นไปแล้ว ชายหนุ่มจะกล้าบอกคนในครอบครัวได้อย่างไรว่า...เขารักเธอ ก็ในเมื่อชลธิชาเป็นอดีตภรรยาของน้องชายที่เสียชีวิตลงไป หากแต่เรื่องราวก็กลับตาลปัตรไปหมด เมื่อมารดาบอกภคพงษ์ว่าจะให้เขาแต่งงานกับแม่ของหลานชาย

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”