New Release : FULL METAL PANIC! ANOTHER 1

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : FULL METAL PANIC! ANOTHER 1

โพสต์ โดย Gals »

ตอนที่ 1 วันของพวกคนยักษ์

?ทำได้ดีมากเลยจ้ะ อิจิโนเสะคุง?
เสียงอันอ่อนหวานลอยเข้ามาสัมผัสกับหูผมเบาๆ ท่ามกลางห้องเรียนในตอนเย็น
คนที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาจารย์ตอนนี้คืออาจารย์เคท โอ?ไบรอันซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษที่มาจากอเมริกา ผมสีแดงที่ตัดสั้นเพียงไหล่ของเธอถูกย้อมไปด้วยสีของพระอาทิตย์ยามเย็น บนใบหน้าที่มีกระอันน่าหลงใหลอยู่เล็กน้อยปรากฏรอยยิ้มอันยั่วยวนที่เกิดมาผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
?ไม่นึกเลยว่าเธอจะสอบได้คะแนน TOEIC 900 คะแนน?
?ปะ เป็นเพราะอาจารย์ช่วยชี้แนะให้ผมต่างหากล่ะครับ?
?ไม่หรอก เพราะความพยายามของเธอต่างหาก?
อาจารย์เคทค่อยๆ สลับขาที่ไขว้กันอยู่อย่างช้าๆ อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในส่วนในสุดของกระโปรงรัดรูปโผล่ออกมาให้เห็นแวบหนึ่ง บริเวณเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมเม็ดบนสุดของเธอมีเนินอกร่องลึกยื่นออกมา
?อาจารย์ครับ คือว่า....?
ผมเกือบเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวแล้ว แต่โชคดีที่ยังระงับอาการตื่นเต้นไว้ได้ทัน จะมาแสดงอาการลนลานหรือหื่นกระหายตรงนี้คงไม่เข้าท่าแน่ ใจเย็นไว้ ใช่แล้ว ใจเย็นไว้....
?อาจารย์คงจะไม่ได้ลืมที่สัญญาไว้ใช่มั้ยครับ?
โธ่โว้ย ดันเสียงหลงซะงั้น!
?แน่นอนอยู่แล้วสิจ๊ะ เอ้า มานี่สิจ๊ะ อิจิโนเสะคุง....ไม่สิ ทัตสึยะ?
อาจารย์เรียกชื่อจริงของผมด้วยท่าทางแบบไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด อ้า ไม่ไหวแล้ว เท้ามันขยับไปเอง อย่างกับแมลงเม่ากำลังบินเข้ากองไฟเลย
?ถ้างั้นเรามาเริ่มวิชานอกบทเรียนสำหรับผู้ใหญ่กันเลยดีมั้ยจ๊ะ?
เธอค่อยๆ เหยียดนิ้วที่เรียวขาวของเธอเข้ามาลูบไล้บนอกของผม เพียงเท่านี้ก็ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าสีชมพูไหลจากกระดูกเอว ทะลุไขสันหลัง ขึ้นมาโจมตีสมองส่วนซีรีบรัมของผมได้!
อะ อาจารย์! ละ เล่นใช้หน้าอกแบบนี้มันผิดกติกานะครับ!!
?โหววว!??
ทะ ทนไม่ไหวแล้ว! ผมจับไหล่สองข้างของอาจารย์ พร้อมกับกดตัวอาจารย์ลงบนโต๊ะ?
?มะ ไม่ได้นะทัตสึยะ ใช้ความรุนแรงแบบนี้ไม่ได้นะ....?
คำพูดของเธอแสดงออกถึงการขัดขืน แต่ท่าทางกลับแสดงออกถึงการเตรียมพร้อมรับ เพื่อนร่วมชั้นของผมทุกคนครับ ผมขอโทษ! ตอนนี้ผมต้องขอก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ก่อนทุกคนแล้วล่ะ!
ทันใดนั้น โต๊ะนักเรียนที่กำลังอยู่ในสภาพเอียงกระเท่เร่ก็พลิกคว่ำ
?เหวอ!??
?ว้ายย!?
ผมกับอาจารย์ถูกเหวี่ยงลงไปที่พื้นทั้งในสภาพอย่างนั้น
เหตุการณ์ที่เหมือนกับความฝัน สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความฝัน
?เอ๋??
อิจิโนเสะ ทัตสึยะลืมตาตื่นขึ้นหลังจากนอนพึมพำอยู่คนเดียว เขามองขึ้นไปบนเพดานห้องด้วยสีหน้าที่เบลอๆ บนใบหน้าที่ดูหล่อใช้ได้
?อาจารย์เคท??
เสียงของเขาดังก้องในห้องเรียนที่ไม่มีใครอยู่ ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองกำลังนอนเหยียดแขนกางขาเป็นรูปตัวอักษรคำว่า ?ใหญ่? อยู่บนพื้น ท่ามกลางโต๊ะและเก้าอี้ที่พลิกคว่ำกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ
ในที่สุดสมองที่ตื้อไปเมื่อสักครู่ของเขาก็กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ช่วงเลิกเรียนตนเองได้มานั่งรอคิวอยู่คนเดียวในห้องเพื่อที่จะเข้าไปคุยปรึกษาเรื่องแผนการในอนาคตซึ่งทางโรงเรียนจัดให้มีขึ้นก่อนปิดเทอมฤดูร้อน แต่สุดท้ายก็เผลอหลับไปในระหว่างที่รอ....
?ฝันเองเรอะ....?
ทัตสึยะพึมพำด้วยเสียงแบบผิดหวัง หลังจากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาเช็คสภาพครึ่งท่อนล่างของตนอย่างรีบร้อน เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากด้วยความโล่งใจเมื่อรู้ว่าโชคดีที่ไม่มีคราบเลอะอันน่าอายใดๆ
?ระ รอดไป?
?นี่แกทำบ้าอะไรของแกอยู่??
?เหวอ!??
ทัตสึยะหันไปหาเสียงที่ดังขึ้นอย่างตกใจ ที่ประตูทางเข้าห้องมีอาจารย์ประจำชั้นกำลังยืนดูอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
?โอะ โอโนะ D!??
?ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามเรียกฉันว่าโอโนะ D?
ชื่อของเขาคือโอโนเดระ โคทาโร่ เป็นอาจารย์สอนวิชาภูมิศาสตร์วัยยี่สิบปลายๆ แถมยังเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนเทศบาลมัธยมปลายจินไดแห่งนี้ด้วย พวกนักเรียนต่างเรียกชื่อเล่นของเขาด้วยความสนิท (?) ว่าโอโนะ D
?นี่ แอบดูผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย? โอโนะ D เอ๊ย ไม่ใช่ อาจารย์โอโนเดระ?
?ก็ตั้งแต่ตอนที่แกนอนในท่าเท่ๆ พร้อมกับเพ้อคำว่า ?อาจารย์เคท? ซ้ำไปซ้ำมาน่ะ?
?ไอ้ท่าเท่ๆ ที่ว่านั่นมันอะไรล่ะเฮ้ย....??
?ก็ดูเท่ๆ แบบไร้ประโยชน์ หมายถึงในหลายๆ แง่มุมน่ะนะ?
โอโนเดระทำเสียงฮึบพร้อมกับพลิกเก้าอี้และโต๊ะที่คว่ำให้เข้าที่เดิม เสร็จแล้วจึงนั่งลง เขาคงกะจะมาคุยเรื่องแผนการในอนาคตกับผมเอาในห้องนี้เลย
ทัตสึยะยอมตามน้ำไปอย่างไม่เต็มใจ
?ให้ตาย ก็เห็นแกมาช้าเกินฉันเลยมาตาม ที่ไหนได้ กลับมานอนแอ้งแม้งอย่างนี้ อิจิโนเสะ นี่แกมัวทำบ้าอะไรของแกอยู่??
?ปล่อยๆ ผมไปก็ได้มั้ง?
?เฮ่ยๆ หัดรู้ฐานะตัวเองหน่อยสิ แกอยู่ปีสามแล้วนะ?
?ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ เรื่องแผนกงแผนการอะไรนั่น ยังไงซะผมก็กะว่าพอเรียนจบจะไปทำงานที่บริษัทของพ่ออยู่แล้ว?
ทัตสึยะเอนหลังพิงกับพนักอย่างสบายเฉิบพร้อมกับมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ โอโนเดระหัวเราะเจื่อนๆ กับท่าทางไม่พอใจของลูกศิษย์
?ถึงแกบอกว่าจะทำงานก็เถอะ แต่กับผลการเรียนแบบนี้ พูดตามตรงคือฉันรู้สึกเสียดายน่ะ?
โอโนเดระหยิบใบผลการเรียนของทัตสึยะออกมา
คะแนนเกินครึ่งของวิชาทั้งหมดค่อนไปที่คะแนนเฉลี่ยกับเกือบตก มีเพียงวิชาภาษาอังกฤษเท่านั้นที่คะแนนโดดขึ้นมาเต็มวิชาเดียว
?คนที่อาจารย์ภาษาอังกฤษสุดสวยสัญญาว่าจะพาไปเดทถ้าสอบ TOEIC ได้ 900 คะแนนขึ้นไป แถมยังอุตส่าห์ทำได้จริงๆ อีกแบบแกนี่ ฉันเองก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกนี่แหละ.... เฮ่ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันปลื้มในตัวแกจริงๆ นะ?
?ช่างเถอะครับ มันไม่มีความหมายอะไรแล้วล่ะ อุตส่าห์ตะบี้ตะบันท่องหนังสือจนถึงขั้นฉี่เป็นเลือด กลับไม่มาเดทตามที่สัญญา สุดท้ายก็กลับประเทศไปเพราะจะแต่งงาน?

?ตั้งแต่สอนมาอาจารย์ก็เพิ่งจะเคยเจอนักเรียนที่เอาจริงเอาจังแบบเธอเป็นครั้งแรกเลยนะอิจิโนเสะคุง ถึงอาจารย์จะต้องกลับแคลิฟอร์เนียแล้ว แต่อาจารย์ก็จะไม่มีวันลืมเธอแน่นอน?

พอนึกภาพใบหน้าอันปลื้มปีติตอนลาจากของอาจารย์เคทเมื่อเดือนที่แล้วขึ้นมา ทัตสึยะก็กัดฟันด้วยความเจ็บใจ
?อุตส่าห์เป็นรักแรกครั้งที่สามแล้วแท้ๆ ให้ตายสิ....?
?แบบนี้เขาไม่เรียกว่ารักครั้งแรกแล้วมั้ง?
?ฉันจะไม่เชื่อใจพวกผู้หญิงนอกอีกแล้ว?
?ไอ้เรื่องทรมานใจแบบนี้ จะผู้หญิงประเทศไหนก็ไม่ต่างกันหรอกเฟ้ย?
คำสอนของโอโนเดระฟังแล้วรู้สึกบาดลึกถึงใจแบบแปลกๆ ทัตสึยะจ้องไปที่แหวนสีเงินบนนิ้วนางของโอโนเดระที่สะท้อนแสงรางๆ เขาพูดพร้อมกับเหยียดหลังขึ้นตรงว่า
?คนมีเมียมีลูกแล้วมาพูดแบบนี้ให้ฟัง มันไม่ได้ช่วยให้คล้อยตามหรอกนะครับ?
?เจ้าบ้า ก็เพราะมีเมียมีลูกแล้วยังไงล่ะ ฉันถึงได้เคยลิ้มรสความทรมานใจพวกนี้?
โอโนเดระถอนหายใจด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย หลังจากนั้นจึงกลับมาพูดต่อราวกับปรับอารมณ์เสร็จแล้ว
?ถ้างั้นตอนนี้แผนการในอนาคตของแกเอาเป็นทำงานก่อนละกันนะ อิจิโนเสะ?
?ก็ย้ำไปตั้งกี่รอบแล้วไม่ใช่เรอะ?
?ถึงผลการเรียนของแกจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังมีมหาวิทยาลัยที่แกพอจะลุ้นได้หลายที่อยู่ เอาเป็นว่าถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาบอกฉันได้เสมอนะ?
?ไว้จะลองคิดดูครับอาจารย์ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ?
ทัตสึยะลุกขึ้นพร้อมกับพูดขอบคุณตามมารยาทด้วยน้ำเสียงแบบไร้อารมณ์ โอโนเดระยักไหล่เล็กน้อยด้วยความงุนงงให้กับท่าทีของทัตสึยะ

ระยะทางจากโรงเรียนมัธยมปลายจินไดถึงบ้านของทัตสึยะ ถ้าปั่นจักรยานจะใช้เวลาราวๆ 30 นาที
ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว บนถนนเลียบแม่น้ำทามะมีลมเย็นๆ ที่พัดมาจากทางแม่น้ำพร้อมกับเสียงของแมลงและกบที่ดังตามมา
ตรงปลายทางที่ทัตสึยะกำลังมุ่งไปเป็นบริษัทที่มีป้ายเก่าซอมซ่อเขียนว่า ?อิจิโนเสะคอนสตรัคชั่น?
?โอ๊ะ!??
ทัตสึยะเอียงคอด้วยความสงสัยหลังจากที่เข้าไปในพื้นที่ของบริษัท
มีเครื่องจักรกลหนักจำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่ตรงลานดินข้างหลังบริษัท หนึ่งในนั้นมีพวกคนงานในบริษัทไปยืนล้อมพูดคุยกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
ทัตสึยะลงจากจักรยานแล้วเดินเข้าไปเช็คให้แน่ใจ นับได้ทั้งหมด 11 คน เป็นจำนวนเกือบครบทั้งบริษัท
?เกิดอะไรขึ้นเหรอ คุณเก็น??
?อะไรกัน ไอ้หนูเองเหรอ?
ทันทีที่ทัตสึยะทักชายวัยกลางคนซึ่งเป็นคนงานเก่าแก่ของบริษัท เขาก็หันกลับมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่อย่างเห็นได้ชัด
?ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ เจ้าซากางุจิที่เพิ่งเข้ามาใหม่มันทำพลาด?
หัวหน้าช่างเก็นดะ ทาคาชิ หรือคุณเก็น พูดพร้อมกับเงยหน้ามองคนที่อยู่ข้างๆ ทัตสึยะเองก็หันไปมองตามเขาเช่นกัน
?อ้อ อย่างนี้นี่เอง?
ทัตสึยะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
สิ่งที่ทั้งคู่กำลังมองเป็นเงาของวัตถุรูปร่างมนุษย์ตัวสูงใหญ่ที่อยู่ในท่านั่งขดตัว
สีเหลืองที่ทาไว้หลุดลอกไปหลายจุด ทำให้เห็นสีแดงคล้ำของเหล็กขึ้นสนิมที่อยู่ข้างในรูปร่างอ้วนเตี้ยและทรุดโทรมของมัน ดูแล้วชวนให้รู้สึกเศร้า น่าสงสาร เหมือนกับตุ๊กตาเก่าๆ เยินๆ ตัวหนึ่ง
พาวเวอร์ สเลฟ หรือเรียกสั้นๆ ว่า PS ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ความนิยมของมันแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นเครื่องจักรกลหนักรูปร่างมนุษย์ที่เดินด้วยสองขา
มันถูกสร้างขึ้นโดยการประยุกต์เอาต้นแบบมาจากอาร์ม สเลฟ (AS) ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์รูปร่างมนุษย์ที่ใช้ในการรบ แต่ส่วนสูงเต็มที่ของมันอยู่แค่ 6 เมตร ซึ่งเล็กกว่าต้นแบบ
ไม่เพียงแค่นั้น ยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ขับเคลื่อนโดยใช้ระบบไฮดรอลิคในการจ่ายน้ำมัน แถมสมรรถนะของมันก็ห่างชั้นกับ AS อยู่หลายขุม
?เพราะฝนตกเมื่อวานดินเลยอ่อน แต่หมอนั่นไม่ได้ระวังก็เลยเหยียบจมลงไป สุดท้ายก็เลยกลายมาเป็นสภาพนี้?
?ว้า ซวยแย่เลย?
ส่วนขาขวาของ PS กว่าครึ่งหนึ่งจมอยู่ในโคลนลึกจนถึงต้นขา สภาพแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะดึงออกมาด้วยแรงของตัวมันเอง
?ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง?
ซากางุจิ ฮาจิเมะ โอเปอเรเตอร์หนุ่มหน้าใหม่ทำหน้าซีดเผือด เขาคงจะโดนหัวหน้าเก็นดะจวกยับมาน่าดู
?อีกตัวหนึ่งก็ดันเอาไปทิ้งอยู่ที่ทำงานอีกแห่งที่ไกลน่าดูด้วยน่ะสิ ตอนนี้เลยกำลังคิดหาทางกันอยู่ว่าจะเอาเจ้านี่ขึ้นมายังไง?
?โฮ่ เรื่องใหญ่นะเนี่ย?
ทัตสึยะยิ้มกว้างขัดกับคำพูดสิ้นเชิง
?ขอบอกไว้อย่างหนึ่งนะ ฉันไม่คิดที่จะขอยืมแรงของเอ็งหรอก?
?เอ่อ แต่พักหลังผมไม่ได้เอาเจ้าพวกนี่ไปขับเล่นเลยนี่สิ?
?นี่ ไอ้หนู ฉันบอกหลายครั้งแล้วนี่ว่าเจ้านี่ไม่ใช่ของเล่นของเอ็ง?
?ผมรู้น่า?
ทัตสึยะตอบไปด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนไม่ได้รู้อะไรหรอก
?แต่คุณเก็น ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะมืดซะก่อนนะ?
?อืม มันก็....?
พอโดนจี้จุด เก็นดะก็เริ่มมีสีหน้าเครียด
?ตอนนี้ถ้าจะเข้าไปเก็บอีกตัว กว่าจะได้เริ่มงานก็คงมืดกันพอดีมั้ง แต่ถ้าเป็นผม คงจะพอทำอะไรได้บ้างอยู่มั้ง?
?แต่ว่าเอ็งยังไม่ได้ใบขับขี่เครื่องจักรสองขาเลยใช่มั้ยล่ะ เสียดายที่อุตส่าห์ไปเรียนมา แทนที่น่าจะได้เอามาใช้ในเวลาสำคัญอย่างนี้....?
?อะไรกัน ก็แค่ขี่ก่อนไปเอาใบจริงเท่านั้นเอง?
เก็นดะถอนหายใจหนักๆ ให้กับทัตสึยะที่พูดประโยคดังกล่าวออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
?ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ?
?โอ้ ตกลงให้ผมขับสินะ คุณเก็น?
?เฉพาะครั้งนี้เท่านั้นนะ?
ทัตสึยะแสยะยิ้มแหงนหน้าขึ้นมอง PS โดยไม่ได้ฟังเสียงย้ำเตือนของเก็นดะเลยแม้แต่น้อย
?กุญแจล่ะ??
?เสียบคาอยู่ในเครื่องแล้ว นี่แกจะเอาจริงๆ ใช่มั้ยไอ้หนู?
?แหงอยู่แล้วสิ วางใจได้ คิดซะว่ากำลังลงเรือลำใหญ่ก็แล้วกัน?
?หวังว่าเรือลำนั้นคงจะไม่ได้ทำมาจากดินนะ?
ทัตสึยะไม่สนคำพูดเหน็บแนมของเก็นดะ เขาถอดเป้กีฬาที่สะพายไหล่วางไว้กับพื้น หลังจากนั้นก็ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย
?เอานี่ไปใช้สิ?
?แต๊ง?
ทัตสึยะรับแว่นตากับถุงมือหนังสำหรับใช้ทำงานจากเก็นดะ จากนั้นเขาก็ขึ้นเกาะกับตัว PS พร้อมกับปีนขึ้นไปบนลำตัวมันอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นลิง
?หัวหน้า ทัตสึยะคุงยังไม่ได้ใบอนุญาตขับ PS นี่ครับ แบบนี้จะไหวเหรอครับ?
?เอาน่า แกเงียบแล้วดูอยู่เฉยๆ ไปเถอะ เด็กใหม่?
เก็นดะถลึงตากลับใส่ซากางุจิที่ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทัตสึยะเหลือบดูการสนทนานั่นผ่านหางตา และแล้วในที่สุดเขาก็ปีนขึ้นไปถึงที่นั่งคนขับได้สำเร็จ
PS ที่ใช้ในอิจิโนเสะคอนสตรัคชั่นเป็นรุ่น ?ไดดาระ? ซึ่งเป็นรุ่นที่ผลิตในประเทศ จากการครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศได้มากกว่าร้อยละ 60 เลยทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ชื่อมันเรียกแทน PS เหมือนกับ yumbo ที่ใช้เรียกรถตักดิน หรือ Unic ที่ใช้เรียกรถบรรทุกติดเครนยก
?เอาล่ะ?
ทัตสึยะขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ ร่างกายของเขาติดกับเบาะในท่าที่เหมือนกับกำลังย่อตัวลงเล็กน้อย ทัตสึยะเช็คจนแน่ใจว่าข้อต่อทั้งตัวของ ?ไดดาระ? ล็อกดีแล้วจึงเริ่มสตาร์ทเครื่อง ทันทีที่เสียงดังกระหึ่มที่ส่วนท้องสิ้นสุดลง เครื่องยนต์ดีเซลก็เริ่มทำงาน ร่างของไดดาระเริ่มมีการสั่นเล็กน้อย
ที่กระจกหน้ามีรอยร้าวขนาดใหญ่อยู่ ทัตสึยะนิ่วหน้าเล็กน้อยพลางตรวจสอบมิเตอร์ เครื่องยนต์ ระบบไฮดรอลิค ทำงานได้ดีทั้งคู่
?ดูเหมือนตัวเครื่องจะขยับได้ไม่มีปัญหานะ?
ทัตสึยะพึมพำออกมาเบาๆ หลังจากนั้นเขาจึงสอดมือและเท้าเข้าไปในหลอดรูปทรงกระบอกกลวง ทันทีที่มือจับคันบังคับส่วนปลาย เท้าเหยียบไปที่คันเร่ง หลอดเหล่านั้นก็หดเข้ามากระชับอย่างนุ่มนวล
ทัตสึยะกดปุ่มที่คันบังคับเพื่อปลดล็อกข้อต่อของไดดาระ พอทำแบบนี้เสร็จ ไดดาระจะอ่านการเคลื่อนไหวของเขาที่ทำหน้าที่เป็นคนควบคุม พร้อมกับทำตาม
วิธีการควบคุมที่เรียกว่า ?เซมิ-มาสเตอร์สเลฟ-ซิสเต็ม? นี้ เป็นการนำเอาเทคโนโลยีของ AS มาปรับใช้
สภาพของไดดาระที่ทัตสึยะกำลังขับอยู่ในเวลานี้ เท้าขวาของมันจมอยู่ในโคลน เหลือแต่เท้าซ้ายที่คอยพยุงร่างของมันอย่างน่าหวาดเสียว หากไดดาระล้มลงไปตอนนี้อาจทำให้โกดังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างหลังมันโดนทับพังเสียหายได้
?เดี๋ยวผมจะลองก้าวเท้าซ้ายดู ช่วยดูให้หน่อย?
?เอ้อ ระวังหน่อยล่ะ?
ทัตสึยะพูดกับเก็นดะที่อยู่ด้านล่าง พร้อมกับให้สัญญาณมือแก่กันและกัน ยังไงก่อนอื่นคงต้องลองขยับเท้าซ้ายนี่ดูก่อน
ร่างของไดดาระโอนเอนไปมา เล่นเอาทัตสึยะถึงกับเสียวไปแวบหนึ่ง แต่ไม่นานนักร่างของมันก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
?ไม่เป็นไร ไอ้หนู ดินตรงนี้แน่น?
?OK?
อย่างน้อยก็อุ่นใจแล้วว่ามีที่เหยียบ แต่ในสภาพที่เอียงอยู่นี้หากใส่แรงมากเกินไปเพื่อดึงเท้าขวาให้หลุดออกมา อาจทำให้ร่างของมันเสียงสมดุลและล้มเอาได้ง่ายๆ
ในกรณีแบบนี้ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่แรงขา แต่อยู่ที่สมดุลของเอว
?เอาล่ะ?
ทัตสึยะเลียริมฝีปากหนึ่งครั้ง ก่อนจะควบคุมร่างของมันอย่างระมัดระวัง
ทัตสึยะใช้ส่วนเอวเป็นจุดหมุน และให้ขาทั้งสองข้างเสมือนตัวถ่วงน้ำหนักของคานแต่ละข้าง เขาพยายามใช้ร่างกายทุกส่วนของมันเพื่อย้ายจุดศูนย์ถ่วงไปอย่างช้าๆ
ร่างของไดดาระค่อยๆ โยกสลับกับยืด วิธีการนี้ถึงจะช้าแต่ก็ชัวร์ว่าขาขวาของมันจะค่อยๆ หลุดจากโคลน
?ครั้งนี้จบก็เป็นอันเสร็จพิธีละ?
หลังจากความพยายามครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง ในที่สุดขาขวาของไดดาระก็หลุดจากโคลนดินกลับมามีอิสรภาพอีกครั้ง ขาขวาที่เต็มไปด้วยโคลนของมันเหยียบลงบนพื้นดินได้อย่างมั่นคง
พวกคนงานที่อยู่รอบๆ ต่างพากันโห่ร้องดีใจ
?เฮอะ ก็แค่นี้แหละ?
ทัตสึยะเอานิ้วสีกับจมูก พร้อมกับยิ้มอย่างลำพองใจ

?ยอดเยี่ยมไปเลยครับ ทัตสึยะคุง เก่งกว่ากว่าคนที่มีใบอนุญาตขับขี่อย่างผมมากๆ เลย?
ซากางุจิพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูทึ่งมากกว่าแสดงอาการปลาบปลื้มเฉยๆ เก็นดะที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าให้ด้วยท่าทางโล่งใจ
?ไอ้หนูมันเล่นเจ้าหุ่นโทรมตัวนี้ตั้งแต่ที่มันยังใหม่ปิ๊งแล้ว ประสบการณ์มันต่างกัน ถึงไม่มีใบอนุญาตแต่ฝีมือการขับไดดาระนี่ต้องเรียกว่าอันดับหนึ่งของบริษัทเราเลยล่ะ?
?ที่ว่าใหม่นี่ ได้สักกี่ปีก่อนหน้านี้แล้วครับ??
?ตั้งแต่ตอนที่ไอ้หนูมันยังสะพายเป้โรงเรียนประถมอยู่เลย มีครั้งหนึ่งตัวมันกับไดดาระเกือบจมลงไปตายในแม่น้ำด้วยกันทั้งคู่แล้ว แต่มันก็ยังไม่เข็ด?
ทัตสึยะลงมาจากไดดาระที่อยู่ในท่านั่งยองตรงหน้าเก็นดะที่กำลังเล่าเรื่องในอดีต เขายืดอกด้วยความภาคภูมิใจอย่างดูถูก
?เป็นไง คุณเก็นดะ?
?ขอบใจมาก เดี๋ยวที่เหลือพวกฉันจัดการต่อเอง?
?รับทราบครับ ว่าแต่?
ทัตสึยะชักสีหน้าเคร่งอย่างจริงจัง พร้อมกับหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ อย่างระแวง
?เกิดเหตุวุ่นวายตั้งขนาดนี้ แต่พ่อมัวไปทำอะไรอยู่?
เก็นดะชักสีหน้าเคร่งเล็กน้อย หลังจากเห็นท่าทางดังกล่าว
?ถ้าประธานล่ะก็ อยู่ในห้องทำงานน่ะไอ้หนู พอดีมีคนมาจากธนาคารเข้าไปคุยธุระกับแกตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?
?จริงดิ?
ทัตสึยะเผลอเดาะลิ้นดังจิ๊ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าเล็กน้อย

ที่ทางทิศใต้ของบริษัทเป็นตึกทำการที่ถูกใช้เป็นบ้านด้วย ทัตสึยะเอาจักรยานเข้าไปจอดในโรงรถที่ตั้งอยู่ข้างตึกดังกล่าว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่มีคนเปิดประตูทางเข้าข้างหน้าตึกออกมาพอดี
?ถ้าเช่นนั้นขอตัวก่อนนะครับ ประธานอิจิโนเสะ?
คนที่ออกมาจากตึกทำการเป็นพนักงานธนาคารอายุน้อย ส่วนโทชิยูกิ พ่อของทัตสึยะที่อยู่ในชุดทำงานผูกเนคไทตามออกมาส่งเขาที่หน้าประตูด้วย
?อะ เอ่อ ระ....เรื่องกู้ยืมเงินลงทุนเพิ่มเติมนั่น ยังไงผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ คุณคันดะ?
?เอาเป็นว่าผมจะส่งเรื่องให้กับประธานสาขาไว้ก่อนแล้วกันนะ แต่ไม่ขอรับปากนะครับว่าจะได้หรือไม่ได้?
คันดะจ้องมองตึกทำการด้วยสายตาที่ดูเย็นชามาก
?นอกจากนี้บริษัทคุณยังมีหนี้สินอยู่อีกเยอะเลยไม่ใช่เหรอครับ แทนที่จะทำแบบนี้ รีบยุบกิจการเสียตอนนี้จะบาดเจ็บน้อยกว่ามั้ยครับ?
?ชะ ช่วยลองหาทางทำอะไรสักอย่างหน่อยเถอะครับ?
โทชิยูกิคำนับปลกๆ ด้วยหัวที่มีผมหงอกขึ้นแซมผมดำเหมือนโกมาชิโอะ ใบหน้าสีแดงจากความอายซึ่งเต็มไปด้วยเคราของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
(ไอ้บ้าเอ๊ย)
พนักงานที่วางท่าใหญ่โต กับพ่อบังเกิดเกล้าที่เอาแต่ก้มหัวให้ ภาพนี้ทำให้ทัตสึยะรู้สึกฉุนกึกขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กแล้วที่จะเข้าไปโวยวายในเวลานี้
ทัตสึยะพยักหน้าให้กับคันดะเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบๆ คันดะเหลือบตามองไปทางทัตสึยะ ก่อนจะขึ้นรถออกไปจากบริษัท
?ให้ตายสิ! นี่พ่อ เดี๋ยวผมจะเอาเกลือมาโปรยนะ?
?ตามใจแกสิ?
ทัตสึยะเข้าไปหยิบไหใส่เกลือสำหรับใช้ในพิธีมงคลที่วางตรงทางเข้า แล้วนำมาโปรยลงไปบนพื้นจริงๆ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เก็นดะหันมาทางนี้พอดี
?ประธาน คุยธุระเสร็จแล้วเหรอ?
?เอ้อ โทษทีฟ่ะ บักเก็น เลยกลายเป็นทิ้งภาระให้พวกนายเลย?
พูดจบโทชิยูกิก็ก้าวขายาวไปหาเก็นดะและพวกคนงาน สักพักเขาก็หยุดและหันกลับไปหาทัตสึยะ
?ฉันมีเอกสารที่ต้องจัดการอยู่ กว่าจะเสร็จก็คงดึกๆ นู่นน่ะ ฝากบอกยูคาริด้วย?
?เอ้อ?


-----------------------------------------------------------------
จิโนเสะ ทัตสึยะ นักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนเทศบาลจินไดธรรมดาคนหนึ่งที่มีความชื่นชอบในเครื่องจักร ที่ผ่านมาเขามีความสุขอยู่กับการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเสี่ยงภัยมาตลอด แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาเกือบถูกฆ่าตายด้วย AS ลึกลับที่กำลังคลุ้มคลั่ง และในวินาทีที่เขาคิดว่าตนเองคงไม่รอดแล้วนั่นเอง ก็มีสาวน้อยน่ารักลึกลับคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาช่วยเขา เธอมีนามว่าอเดลีน่า
แต่ด้วยความที่เธอบาดเจ็บสาหัสมาก่อนหน้า เธอจึงเสียท่าพ่ายแพ้ให้กับศัตรูอย่างน่าเสียดาย เพื่อปกป้องน้องสาวและอเดลีน่า ทัตสึยะตัดสินใจขับ AS ที่ตนไม่เคยมีประสบการณ์ในการขับมาก่อนเข้าสู้กับอีกฝ่าย และการตัดสินใจในครั้งนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนโชคชะตาของเขาไปอย่างใหญ่หลวง
เรื่องราวใหม่ของนวนิยายแอ็คชั่นไซไฟยอดนิยมตลอดกาลอย่าง FULL METAL PANIC! ได้เปิดม่านขึ้นแล้ว MISSION START!!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”