มีคนเคยถาม...ว่าฉันชอบสีอะไร
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันชอบสีอะไรเพราะสีอะไรก็เข้ากับฉันไปซะหมด
แต่ถ้าถามว่าฉันไม่ชอบสีอะไรน่ะเหรอ? ฉันตอบได้เลยว่าสีเขียว
เพราะอะไรน่ะเหรอ...
ครั้งแรกที่ฉันใส่ชุดสีเขียวเดินบนแค็ตวอล์ค ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันลื่นล้มลงไปอย่างน่าอับอายที่สุด... ฉันเจ็บใจและโทษว่าเป็นเพราะความไม่ระมัดระวังของตัวเองที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา
ครั้งที่สองที่ฉันใส่รองเท้าสีเขียวเพื่อถ่ายแบบให้กับนิตยสารชั้นนำเล่มหนึ่ง ฉันล้มข้อเท้าแพลงจนต้องหยุดพักงานไปสองอาทิตย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ก็ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเอง แม้ความจริงแล้วฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงซุ่มซ่ามสักเท่าไหร่
ครั้งที่สามที่ฉันสะพายกระเป๋าสีเขียวพราด้าที่ปริมซื้อมาฝากจากฝรั่งเศส ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้ฉันขายหน้า เพราะใครบางคนทำกระเป๋าฉันที่วางไว้บนโต๊ะหล่นกับพื้นจนข้าวของข้างในออกมากระจายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
ครั้งที่สี่เป็นตอนที่ฉันถ่ายแบบนอกสถานที่ รอบด้านมีแต่ต้นไม้สีเขียวเต็มไปหมด ธรรมชาติอาจทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายก็จริง แต่ฉันรักแสงสีจากตัวเมืองมากกว่าที่จะนั่งมองใบไม้ร่วงหล่นทีละใบอย่างเบื่อหน่าย
และงานนั้นฉันร้องกรี๊ดลั่นป่าเพราะตัวทากกระโดดเกาะขาฉันพร้อมกันสามสี่ตัว สาบานเลยว่าจะไม่รับงานอะไรแบบนี้อีก...
หลังจากนั้นฉันก็อคติกับสีเขียวมาโดยตลอด...
จนกระทั่ง...ฉันได้พบผู้ชายคนหนึ่ง คนที่ทำให้โลกของฉันเปลี่ยนไป เขาพาฉันเข้าไปในอีกสังคมหนึ่งที่เป็นโลกแห่งความจริง...ไม่ใช่โลกที่มีแค่ฉันเป็นศูนย์กลางทั้งหมด
เป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งมองใบไม้สีเขียวๆ แล้วจิตใจที่ร้อนรนของฉันสงบสุขลงได้ ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันนั่งอยู่ข้างๆ เขาด้วยหรือเปล่า...
บางครั้งมนุษย์ทุกคนก็ต้องการสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับกลิ่นอายของธรรมชาติสักครั้งในช่วงหนึ่งของชีวิต เวลาที่รู้สึกท้อหรือเหนื่อย ธรรมชาติสามารถเยียวยาจิตใจเราได้ดีทีเดียว
และฉันเริ่มมองสีเขียวว่ามันสวย...
ในวันที่นิสัยร้ายกาจของฉันค่อยๆ จางหายไป
1
สวนสาธารณะครอสโร้ด
กลิ่นหญ้าอ่อนๆ กับแสงแดดรำไรที่ลอดส่องออกมาจากต้นไม้ กระทบเป็นไอร้อนไม่ไกลจากเก้าอี้ม้าหินอ่อนภายใต้ร่มไม้ที่มีต้นการเวกส่งกลิ่นหอมปกคลุมสถานที่แห่งนี้ สวนสาธารณะใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ข้างๆ มหาวิทยาลัยคริสตัลที่ฉันเรียนอยู่ มีพื้นที่กว้างขวางและเงียบสงบ คงมีเฉพาะคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติหรือคนที่จงใจหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองเท่านั้นที่มักจะเข้ามาหลบร้อนหรือนั่งปิกนิกทานอาหารกันที่นี่
ยกเว้นฉันที่ไม่ได้มาเพราะต้องการความสงบหรือหลีกหนีความวุ่นวายอะไรทั้งนั้น...
ฉันปัดหางผมเปียสองข้างที่ถักมาเรียบร้อยขึ้นเคลียไหล่ หลังจากก้มอ่านหนังสือได้สักระยะ
?แก้โจทย์ข้อนี้ได้มั้ยคะเจมส์?
ฉันเลื่อนหนังสือที่มีรอยดินสอวงเอาไว้ให้ ?เจมส์? ผู้ชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ อย่างตั้งใจไม่แพ้กัน เขาชะโงกหน้ามาอ่านโจทย์ในหนังสือของฉันพลางจดอะไรบางอย่างในสมุด ฉันลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างปลาบปลื้ม...ทำไมเขาช่างเก่งนักนะ... มีใครเคยบอกเขาหรือเปล่าว่าถ้าหากเขาถอดแว่นสักนิด แต่งตัวเพิ่มอีกหน่อย เขาจะเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการมากที่สุดคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงสวยคนไหนเลยนอกซะจากหนังสือกองโตตรงหน้านี่
ส่วนที่เขายอมให้ฉันนั่งข้างๆ ได้แบบนี้คงเป็นเพราะลุคเรียบร้อยที่ฉันแต่งมาพร้อมกับหนังสือในมือสองสามเล่ม ฉันกลายเป็นหญิงสาวผู้รักในตัวอักษรและตั้งใจเรียนไม่ต่างไปจากเขาเลย นั่นเป็นสาเหตุเดียวที่เจมส์ยอมให้ฉันใกล้ชิดด้วยได้ขนาดนี้
ฉันหยิบหนังสือที่วางไว้มาเปิดดูแบบผ่านๆ หลังจากเจมส์เขียนโจทย์ยาวยืดพร้อมอะไรที่เข้าใจยากหรือแบบที่ฉันไม่เคยพยายามจะเข้าใจเต็มหน้ากระดาษ
?เจมส์อ่านหนังสือพวกนี้หมดแล้วเหรอคะ? ฉันเอ่ยถามพลางไล่เปิดไปทีละหน้าอย่างทึ่งๆ ฉันสังเกตเห็นรอยขีดเขียนในนั้นแทบจะทุกหน้า
?ครับ โรสลองอ่านเล่มนี้ดูสิ? เขายื่นหนังสือหน้าปกสีฟ้าส่งให้ ?มันเป็นหนังสือวิชาการที่อ่านง่ายมากๆ เลยนะ?
ฉันยิ้มให้เขาก่อนรับหนังสือนั่นมาเปิดอ่านเล่นๆ
?ขอบคุณนะคะ?
ฉันก้มหน้าแสร้งทำเป็นสนใจหนังสือทีละหน้าทั้งที่ดูไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เลยไม่เห็นว่าเจมส์กำลังสนใจกระเป๋าใส่หนังสือของฉันที่วางไว้บนโต๊ะอยู่
?โรสอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยเหรอ? เจมส์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจ เมื่อเหลือบไปเห็นนิตยสาร Blueberry นิตยสารแนววัยรุ่นจี๊ดจ๊าดที่มีรูปผู้หญิงแต่งตัวจัดจ้านอยู่บนหน้าปกโผล่ออกมาจากในกระเป๋าสะพายของฉัน
?เอ่อ พี่ข้างบ้านฝากซื้อค่ะ เมื่อกี้เจอแผงร้านหนังสือเลยแวะซื้อติดมือมาด้วย?
?ซื้อทีเดียวห้าเล่มเลยเหรอครับ?
แหม...นี่มันของสมนาคุณจากกองถ่ายฯ ต่างหาก
เจมส์ขมวดคิ้วสงสัยพลางดันแว่นตากรอบดำหนาขึ้นเหนือจมูกเล็กน้อยแบบที่เขาชอบทำ ฉันชอบชะมัดเวลาเขาขมวดคิ้วแบบนี้...
?ใช่ค่ะ พอดีจะซื้อไปไว้ที่ห้องสมุดด้วย?
ฉันยิ้มหวานก่อนดันสันปกหนังสือให้ลงไปนอนมิดชิดในกระเป๋ามากกว่าเดิม ฉันคิดว่าเขาคงจำภาพผู้หญิงที่อยู่บนปกไม่ได้หรอกนะ...ว่าเป็นใคร
?นิตยสารพวกนี้โรสไม่ค่อยชอบอ่านหรอกค่ะ?
?ผู้หญิงที่ถ่ายอะไรพวกนี้ได้คงจะเปรี้ยวน่าดู แถมยังกล้าใส่ชุดโป๊ๆ อีกนะครับ? เขาพูดก่อนหันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
?จริงๆ แล้วพวกเธออาจแค่ทำในสิ่งที่เธอรักก็ได้นะคะ? ฉันพูดพลางเท้าคางมองหน้าเขา
?เหรอครับ ผมคงเข้าไม่ถึงอะไรแบบนี้เท่าไหร่ โชคดีนะครับที่โรสไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น?
?ทำไมล่ะคะ? ฉันถามพลางสังเกตปฏิกิริยาจากเขา ?เจมส์ไม่อยากให้โรสแต่งตัวแบบนี้สินะ?
ฉันนิ่งรออย่างลุ้นกับคำตอบ ไม่แน่ว่าเขาอาจกำลังหึงหวงไม่อยากให้ฉันถูกสายตาของใครๆ จับจ้องเหมือนนางแบบในหน้าปกนั้นก็เป็นได้...
?โรสไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้อยู่แล้ว และผมก็ชอบโรสที่เรียบร้อยแบบนี้มากกว่านะ?
พูดจบเจมส์ก็ส่งยิ้มให้ ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่ารักที่สุดในโลก แม้ตัวเองจะผิดหวังกับคำตอบของเขานิดหน่อย เพราะฉันนึกไม่ออกเลยว่าหากเขารู้ว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นยังไงเขาจะรับได้หรือเปล่า
?โรสกลับก่อนนะคะ ตอนเที่ยงมีเรียนพิเศษที่บ้านด้วย?
พูดจบฉันก็หยิบหนังสือเรียนที่วางกองไว้ขึ้นแนบอก
?ครับ โชคดีนะครับโรส?
เขายิ้มให้ฉันอีกครั้ง
?แล้ว...พรุ่งนี้จะมาอ่านหนังสือที่นี่อีกหรือเปล่า?
ถามจบเขาก็มองฉันนิ่ง จนฉันแอบคิดไปเองว่าเขาคงคาดหวังคำตอบดีๆ จากฉัน
?แน่นอนค่ะ ฉันยังอยากได้ความรู้จากเจมส์อีกเยอะเลย?
พูดจบฉันก็โบกมือบ๊ายบายเจมส์ก่อนเดินออกมา สายตาเหลือบมองนิตยสาร Blueberry ที่อยู่ในกระเป๋าถือพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
?ผู้หญิงที่ถ่ายอะไรพวกนี้ได้คงจะเปรี้ยวน่าดู แถมยังกล้าใส่ชุดโป๊ๆ อีกนะครับ?
ฉันนึกถึงคำพูดของเจมส์...ผู้ชายที่ฉันแอบปลื้ม เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบผู้หญิงเปรี้ยวและแต่งตัวเก่ง ซึ่งนั่นคือเหตุผลใหญ่ที่ฉันยอมลงทุนแต่งตัวเชยขนาดนี้ทั้งที่มันไม่ใช่สไตล์ฉันเลยสักนิด... โชคดีที่ฉันได้ใบหน้าไทยๆ จากแม่มาค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ แล้วตัวเองก็แค่ลูกครึ่งที่มีเชื้อนอร์เวย์นิดหน่อยเท่านั้น จะมีแค่ความสูงโดดเท่านั้นแหละที่ทำให้ฉันดูแปลกไปจากหญิงไทยคนอื่นๆ สักหน่อย ฉันลูบผมเปียสีน้ำตาลแดงทั้งสองข้างเล่นๆ แอบมองชายกระโปรงยาวกรอมเท้าของตัวเองอย่างรำคาญใจเพราะมันลำบากเวลาเดินเร็วๆ ก่อนเอื้อมมือถอดแว่นกรอบหนาสีดำออก เผยให้เห็นดวงตากลมโตเป็นประกายใสสีน้ำตาลอ่อนซึ่งเอกลักษณ์ประจำตัวของฉัน
นางแบบชื่อดังอย่าง ?โรส แกรนเจอร์? ลงทุนแต่งตัวโคตรจะเรียบร้อยแบบนี้เพื่อเขาเลยนะเนี่ย แต่ถ้าหากจะถามว่าเพราะอะไรฉันถึงชอบเขาอย่างนั้นน่ะเหรอ
คงต้องย้อนเหตุการณ์กลับไปวันนั้นอีกครั้ง...
..........
.....
ในงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองปิดกล้องภาพยนตร์โฆษณาตัวแรกของแบรนด์น้องใหม่ที่มีฉันเป็นนางเอกของเรื่อง คู่กับนายแบบสุดหล่อที่อิมพอร์ตมาจากอเมริกา ฉันจำได้แค่ว่าเราสนุกและดื่มกันสุดเหวี่ยงชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจำทางกลับบ้านไม่ได้ ที่สำคัญคือฉันไม่ได้เอารถมาด้วย เลยตั้งใจจะค้างที่บ้านของ ?แอนนา? นางแบบลูกครึ่งที่เคยสนิทกันมาก เพื่อจะได้สนุกกันให้สุดๆ ในผับปิดที่มีแต่คนในวงการบันเทิงเท่านั้น
ฉันไล่เดินชนแก้วกับบรรดาผองเพื่อนที่รู้จักกันจนเลยเถิดไปกลุ่มอื่นๆ ที่พวกเขาก็ยินดีที่ฉันเข้าไปร่วมวงด้วย จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าเดินออกมาห่างจากกลุ่มของตัวเองมากแล้ว เลยหันหลังเพื่อเดินกลับไปตามทางเดิน
?โรสครับ?
ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็น ?อดัม? แฟนหนุ่มของแอนนาเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ นัยน์ตาสีฟ้าของเขาเยิ้มฉ่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขาจงใจเดินเข้ามาใกล้จนฉันได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขา
?คืนนี้คุณสวยจัง? อดัมพูดพลางเอื้อมมือมาแตะที่เอวฉันอย่างหยาบคาย
?ขอบคุณค่ะ แต่ฉันว่าคงน้อยกว่าแอนนาล่ะมั้ง?
ฉันระงับอารมณ์โกรธและพยายามฉีกยิ้มให้เขาก่อนเดินโซเซไปอีกทาง อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทเห็นว่าแฟนหนุ่มของเธอกำลังคุยกับฉันอยู่ตามลำพัง แอนน่าน่ะขี้หึงจะตายฉันรู้ดี โชคร้ายจังหวะที่ฉันกำลังหันหลังเพื่อจะเดินหนี ผมสีน้ำตาลแดงที่ยาวมากของฉันก็ดันไปเกี่ยวกับกระดุมเสื้อของเขาเข้าจนได้ แย่ชะมัด!
?ใจเย็นๆ นะคนสวย ผมกำลังจะเอาออกให้แล้ว? อดัมพูดพลางช่วยแกะเส้นผมออกจากกระดุมเสื้อ...แบบช้าๆ จนฉันเกือบจะหงุดหงิด จึงออกแรงกระชากผมตัวเองพร้อมกับการถอนหายใจอย่างรำคาญตัวเอง
?เร็วๆ หน่อยได้มั้ย ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด?
อดัมยิ้มพร้อมกระเถิบตัวให้ชิดฉันมากกว่าเดิมจนยิ่งได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์มากยิ่งขึ้น
?เข้ามาใกล้ๆ หน่อย ผมไม่ค่อยถนัดเลย?
ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้พยายามจะเอาผมฉันออกจากกระดุมเขาเลยสักนิด ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าจมูกยาวๆ อย่างน่ารังเกียจของเขาแล้ว ยิ่งทำให้ฉันอยากจะอาเจียนออกมาซะให้ได้
?หอมจังเลยนะครับ...?
ฉันกัดริมฝีปากแน่นอย่างโมโห ก่อนเอื้อมมือไปกระตุกกระดุมเสื้อของอดัมอย่างแรงจนขาดติดมือ! เขาชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะส่งรอยยิ้มพึงพอใจอย่างกวนประสาทมาให้
?ใจร้อนจังเลยนะครับโรส?
ฉันได้แต่มองเขาอย่างเหยียดๆ ไม่เข้าใจเลยว่าแอนนาเลือกคบเขามาได้ยังไงตั้งหลายเดือน ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอไม่น่าต้องมาพลาดท่าให้กับผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้เลย แต่ก็เถอะนะ ของอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะว่ากล่าวกันได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้เจอกับตัว...
?เดี๋ยวก่อนสิ? อดัมพูดพลางฉวยข้อมือฉันที่กำลังจะเดินออกไปไว้
?มีอะไร? ฉันถามพลางรวบรวมสติดึงมือตัวเองออกจากมือเขา แต่อดัมก็ยังไม่หยุด เขายืนขวางหน้าฉันไว้เหมือนกับจะไม่ยอมให้ฉันไปไหนได้ทั้งนั้น!
?ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะร้องให้คนช่วย? ฉันจ้องเขานิ่ง ตอนนี้แทบหายเมาเป็นปลิดทิ้ง แม้จะยังรู้สึกมึนๆ อยู่นิดหน่อยก็เถอะนะ
?หึ? อดัมยิ้มมุมปากก่อนโน้มหน้าตัวเองเข้ามาหาฉันช้าๆ
?ไอ้บ้าเอ๊ย!? ฉันสบถออกมาอย่างเหลืออดพร้อมกับพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนที่แข็งปานเหล็กของเขา และดูเหมือนอดัมจะเมามากจนแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่!
โครม!!
ฉันถอยหนีไปเรื่อยจนแผ่นหลังชนเข้ากับใครบางคน ฉันหันไปสบตาเพื่อหวังให้เขาช่วยเหลือหรืออะไรก็ได้เพื่อให้ไอ้ฝรั่งขี้เมาอดัมนี่ถอยออกไปจากฉัน แต่ดูเหมือนแววตาที่เขามองกลับมาจะยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย แม้หน้าตาเขาจะดูดีมากก็เถอะ
?ปล่อยฉันนะ!?
ฉันดิ้นเพื่อให้หลุดจากมืออดัมที่เลื่อนมาจับไหล่ฉันอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะหันไปสบตากับชายหนุ่มคนเดิมที่น่าจะเป็นสตาฟฟ์ของกองถ่ายซึ่งฉันไม่รู้จักอีกครั้ง
?ช่วยฉันหน่อยได้มั้ยคะ รู้สึกว่าเขากำลังเมามาก!?
ฉันตะโกนบอกเขาเพราะดูเหมือนเขาจะเป็นคนเดียวที่มองเห็นสถานการณ์เลวร้ายของฉันตอนนี้ เพราะคนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับเสียงเพลง Kill every body ของ Skrillex เลยทำให้ไม่มีใครสนใจใครเท่าไหร่ เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งก่อนหันมองไปทางอดัมที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากฉัน
?ปล่อยเธอเถอะครับ? เขาเดินมายืนขวางระหว่างฉันกับอดัมเอาไว้ และดูเหมือนจะทำให้อดัมไม่พอใจมาก
?แกเป็นใครวะ?
?แอนนาเดินมาโน่นแล้ว? ชายแปลกหน้าชี้ไปทางด้านหลัง ?คุณคงไม่อยากให้เธอเห็นอะไรแบบนี้หรอกใช่มั้ย เพราะผมเห็นเธอจ้องอยู่พักใหญ่แล้วล่ะ?
ทั้งฉันกับอดัมหันไปมองตามก็เห็นแอนนายืนอยู่จริง! ไม่ใช่มุกหลอกล่อตามแบบที่มันควรจะเป็น อดัมผละจากฉันแล้วเดินตามแอนนาที่เดินหนีไปอีกทางด้วยอารมณ์ที่ฉันเดาได้ว่าเธอกำลังโมโหสุดๆ ออกไป ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เชื่อเถอะว่าเตกีล่าที่ฉันดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมดแล้ว
?จริงๆ นายน่าจะบอกฉันตั้งนานแล้วนะ? ฉันกอดอกและจ้องชายแปลกหน้าอย่างเอาเรื่อง ฉันไม่ได้อยากให้แอนนาเห็นเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
?ผมนึกว่าคุณตั้งใจจะอ่อยเขาจริงๆ ซะอีก เลยไม่ทันบอกน่ะครับ?
เขายิ้มเยาะมุมปากอย่างกวนประสาท แถมคำตอบของเขายังทำให้ฉันโกรธจัดจนแทบจะฆ่าเขาได้ทีเดียว!
?รู้จักฉันดีพอที่จะพูดแบบนี้กับฉันหรือไงกัน!? ฉันตะโกนใส่เขาก่อนเม้มริมฝีปากแน่นสนิทเพื่อระงับอารมณ์
?ดูจากชุดที่ใส่มาน่ะครับ ผมเลยคิดว่าคุณตั้งใจ?
เขาลากสายตาไล่ตั้งแต่ต้นคอลงไปยังปลายเท้าอย่างหยาบคายก่อนช้อนสายตามองหน้าฉันด้วยแววตาลามก! จริงอยู่ที่เดรสเอวสูงไหล่เดี่ยวสีดำของฉันออกจะดูโป๊ไปบ้าง แต่ฉันก็มั่นใจว่าเซฟตัวเองมากพอไม่ให้มันโป๊จนเห็นถึงไหนๆ ได้อยู่แล้วล่ะนะ!
?นายมันก็ลามกไม่ต่างกับไอ้ฝรั่งบ้านั่นเท่าไหร่หรอก!?
ฉันผลักอกเขาแล้วรีบเดินออกไปจากที่นี่ ก่อนที่ฉันจะโมโหจนขาดสติแล้วเผลอเขวี้ยงปาข้าวของในร้านนี้จนแตกต่อหน้าไอ้บ้านี่ซะเดี๋ยวนี้
ฉันเดินออกมาด้านนอกคนเดียว หลบเลี่ยงจากเสียงอึกทึกของเครื่องเสียงชั้นดีภายในร้านออกมาสูดบรรยากาศที่เกือบจะเรียกว่าปกติดี ถ้าไม่ติดว่าข้างหน้าจะมองไปเห็นแต่รถที่จอดเรียงรายกันอย่างไม่เป็นระเบียบ แถมกลิ่นบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งจนฉันต้องเดินหนีออกไปอีกทางเพื่อหามุมสงบๆ คนเดียว
ฉันเดินกระแทกส้นสูงด้วยอารมณ์ที่ยังไม่ปกติดีเท่าไหร่ไปยังด้านข้างของร้านที่ไม่ค่อยมีใครมานั่ง จึงไม่ทันสังเกตเห็นใครบางคนที่นั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้นคนเดียว ฉันมองอย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นคนมาเที่ยวผับแล้วอ่านหนังสือ และ...เสียงส้นสูงของฉันอาจรบกวนเขา
?ขอโทษค่ะ ฉันไม่นึกว่ามีใครนั่งอยู่ตรงนี้? ฉันขอโทษเขาที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้สีดำในมุมมืด
?ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายเลย? เขายิ้มให้ก่อนใช้มือดันแว่นตาให้กระชับขึ้นกับสันจมูก ฉันลอบมองเขาก่อนยิ้มตอบ ชายหนุ่มที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตทับด้วยเสื้อคลุมตัวโคร่งสีน้ำตาลกับกางเกงยีนสีดำ ใส่แว่นสายตากรอบหนา แถมยังยัดชายเสื้อใส่ในกางเกงอีก ไม่น่ามาปรากฏตัวที่ Blueberry Pub ได้หรอกนะ
?ฉันไม่เคยเห็นคุณที่นี่มาก่อน? ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาก่อนตัดสินใจลองชวนคุยดู
?อ๋อครับ? เขายิ้มอายๆ ?ผมติดรถมากับพี่ชายน่ะ เลยต้องมารอแถวนี้ก่อน?
?ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะคะ?
?ไม่ดีกว่าครับ ที่แบบนั้นไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไหร่?
เขายิ้มอีกแล้ว... แม้ใบหน้าเขาจะถูกพรางด้วยแว่นตากลมโตแต่ก็ไม่ได้ทำให้เค้าหน้าหล่อเหลาของเขาลดลงเลย คิ้วเข้มๆ กับผิวสีขาวของเขาแลดูสะอาดสะอ้านไร้เดียงสากว่าพวกหนุ่มๆ นายแบบที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำหอมฝรั่งเศสราคาแพงยี่ห้อดังรอบตัวฉันจริงๆ
?ผมอยากกลับนะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะกลับถูกมั้ย เลยนั่งรอจนกว่าพวกเขาจะเสร็จกันน่ะครับ?
?ฉันว่าคุณต้องรออีกสี่ห้าชั่วโมงเลยล่ะ? ฉันพูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือที่เพิ่งจะบอกเวลาสี่ทุ่ม
?งั้นเหรอครับ เฮ้อ...? เขาถอนหายใจออกมาท่าทางเซ็ง แล้วหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาเปิดผ่านๆ แบบไม่ตั้งใจเท่าไหร่ สักพักเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวโคร่งสีน้ำตาลออกแล้วยื่นให้ฉันที่กำลังกอดอกเพราะรู้สึกหนาวขึ้นมาทันทีเมื่อลมเย็นๆ พัดวูบผ่านไหล่เปลือยของฉัน
?เอ่อ ผมว่าคุณน่าจะใส่นี่ไว้นะ ข้างนอกอากาศเริ่มเย็นแล้ว?
?ขอบคุณมากเลยนะคะ? ฉันยิ้มให้ แม้จะไม่ชอบดีไซน์ของเสื้อสักเท่าไหร่ แต่เพราะน้ำใจของเขาทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มากเลยทีเดียว ฉันรับมาก่อนคลุมมันไว้บนบ่า
?ถ้าอย่างนั้น...? ฉันมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ยังไงซะฉันก็เชื่อว่าเขาปลอดภัยมากกว่าผู้ชายทุกคนที่ฉันเจอมาละกัน ?คุณจะกลับกับฉันมั้ยคะ ฉันกำลังจะกลับพอดีเลย?
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ ก่อนหยุดคิด
?อย่าดีกว่าครับ คุณเป็นผู้หญิง เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี ขอบคุณมากเลยนะครับ?
ฉันยืนขึ้นพร้อมกับความประทับใจในตัวของผู้ชายตรงหน้าที่เพิ่มมากขึ้น เขาเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่มองฉันด้วยแววตาลามกหรือฉวยโอกาสกับฉันแม้ว่าจะมีช่องตั้งมากมายให้ทำได้ แต่ฉันก็รู้สึกด้วยว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเหมือนกับผู้ชายที่จะสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง
?งั้นฉันกลับก่อนนะคะ?
?ครับ โชคดีนะครับ?
ฉันยิ้มให้เขาก่อนหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น แม้วันนี้จะเจอเรื่องแย่ๆ จากคนแย่ๆ มา แต่ฉันก็คิดว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนแบบนั้นไปซะหมด ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ เพียงแต่ฉันเพิ่งจะเจอเท่านั้นเอง
ฉันโทรบอกให้คนขับรถที่บ้านมารับที่นี่ ก่อนหันกลับไปมองทางเดิมที่เดินออกมาอีกครั้ง พร้อมบอกกับตัวเองว่าฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใคร!
.....
..........
ฉันยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน ก่อนที่จะรู้ว่าเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน และชอบมานั่งอ่านหนังสือที่สวนสาธารณะครอสโร้ดแทบทุกวัน เพราะอะไรบางอย่างทำให้ฉันตั้งใจจะลองพูดคุยทำความรู้จักกับเขาดูโดยปกปิดสถานะนางแบบของฉันเอาไว้ แล้วแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยเหมือนเด็กเรียน แถมยังสร้างลุคชอบอ่านหนังสือเพื่อให้เราสองคนสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจมากขึ้น และเมื่อฉันได้มาพบแล้วลองพูดคุยกับเขาจริงๆ ฉันก็รู้สึกโล่งแล้วก็สบายใจมากๆ จนเผลอคิดไปว่าคงจะดีถ้าเกิดฉันได้อยู่กับเขาบ่อยๆ หรือเราสองคนอาจจะลองคบหากันอย่างจริงจังจิงๆ แต่ที่สำคัญคือฉันไม่รู้ว่าเขาจะสนใจผู้หญิงไปมากกว่าหนังสือตรงหน้าขนาดไหนน่ะนะ
ฉันปลดหนังยางที่รัดผมเปียสองข้างออกแล้วสะบัดผมยาวตรงที่ตอนนี้กลายเป็นคลื่นยาวสลวย ก่อนถอดแว่นตากรอบดำออกแล้วเก็บใส่ในกระเป๋าสะพาย รู้สึกรำคาญเสื้อตัวโคร่งกับกระโปรงยาวกรอมเท้าของตัวเองขึ้นมา แต่ก็ต้องทนจนกว่าจะเดินถึงรถตัวเอง
สุดท้าย...ฉันก็ต้องสลัดคราบเด็กสาวคงแก่เรียนกลับมาเป็นโรส แกรนเจอร์ นางแบบสุดฮอตบนหน้าปกนิตยสาร Blueberry ที่กำลังได้รับความนิยมอีกครั้งอยู่ดี
Grrrrr...?
?ฮัลโหล? ฉันกรอกเสียงลงไปเมื่อกดรับโทรศัพท์ ก่อนกดรีโมทเปิดรถสปอร์ตสีแดงที่จอดแอบไว้หลังมุมตึกในสวนสาธารณะครอสโร้ดแล้วก้าวขึ้นรถไป
[อยู่ไหนเนี่ยโรส]
?ครอสโร้ดน่ะ?
[อย่าบอกนะว่าเธอไปนั่งเฝ้าหนุ่มเด็กเรียนนั่นอีกแล้ว! ให้ตายเถอะ เธอไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง!]
ยัยปริมเพื่อนสนิทของฉันบ่นมาตามสาย เธอเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก และเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้แถมยังคัดค้านฉันมาโดยตลอดแม้จะยังไม่เคยเจอเจมส์เลย ยัยนี่ค่อนข้างจะห่วงฉันมากเป็นพิเศษ เพราะคงจะเหนื่อยหน่ายกับการเปลี่ยนคู่ควงบ่อยๆ ของฉัน และพอมารู้ว่าฉันกำลังตั้งใจจะทำความรู้จักกับเด็กเนิร์ดที่เจอในผับไม่กี่วัน เธอก็บอกว่าฉันไม่เหมาะกับผู้ชายแบบนี้ ซึ่งฉันคิดว่าปริมกังวลเกินไป เจมส์ไม่ใช่ผู้ชายอย่างอดัมหรือใครๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่ฉันรู้สึกดีมากๆ หลังจากได้คุยกับเจมส์นี่หรอก
?โธ่ ปริม ไว้ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักก่อนแล้วเธอค่อยบอกว่าเขาไม่เหมาะกับฉันนะ?
[ฉันว่าไม่กี่วันเดี๋ยวเธอก็เบื่อแล้วยัยโรส]
ฉันกลอกตาอย่างหงุดหงิดหน่อยๆ ก่อนพยายามเปลี่ยนเรื่อง
?อาทิตย์นี้เธอมีถ่ายซีรี่ส์อีกหรือเปล่า ได้ข่าวว่าซีรี่ส์ชุดนี้ดังระเบิดเลยไม่ใช่เหรอ?
[แหม มีปริมดาราสาวสวยเล่นทั้งคน เรื่องนี้ไม่ดังก็ให้รู้ไปสิ]
?จ้า แม่ดาราสาวสวย? ฉันพูดไปยิ้มไป แอบดีใจว่าสามารถทำให้ปริมเลิกบ่นเรื่องฉันไปได้ แต่ฉันก็ไม่ได้โกหกเรื่องซีรี่ส์นั่นหรอกนะ เธอแสดงได้ดีจริงๆ ผิดกับฉันที่ไม่เอาดีทางด้านการแสดงซะเลย แต่แม้ว่าจะอยู่คนละวงการแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ดีนั่นแหละ
ฉันคุยกับปริมอีกสองสามประโยคก่อนวางสาย พอดีกับที่ฉันเลี้ยวรถเข้าสตูดิโอเพื่อมาถ่ายแบบภาพนิ่งตามที่นัดกับพี่ซิน ผู้จัดการส่วนตัวของฉันเอาไว้
ฉันเลื่อนม่านกันแดดตรงกระจกลงทั้งสี่ด้านรวมทั้งด้านหลัง เมื่อเห็นทางโล่งก็รีบถอดเสื้อตัวโคร่งออกเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีดำข้างใน และสวมกางเกงยีนขาเดฟเข้าไปในกระโปรงสุ่มก่อนรูดกระโปรงออกทางปลายเท้า ทุกครั้งที่ฉันแต่งตัวเชยๆ มาหาเจมส์ ฉันไม่ได้รู้สึกชอบการแต่งตัวอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่เพราะลุคแบบนี้ทำให้ฉันได้คุยกับเจมส์นานขึ้น และยิ่งคุยฉันก็ยิ่งรู้สึกดีและประทับใจในความสุภาพของเขา นั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่กล้าให้เจมส์รู้ว่าจริงแท้แล้วนิสัยฉันเลวร้ายแค่ไหน แต่ตอนนี้ทันทีที่สลัดเสื้อผ้าเหล่านั้นออก ฉันก็กลายมาเป็นนางแบบจอมเหวี่ยงอีกครั้ง!
โรส แกรนเจอร์กลับมาแล้ว!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่เคยคิดเลยว่านางแบบสุดฮอตที่มีแต่หนุ่มๆ รุมล้อมอย่าง ?โรส? จะต้องมาทำเรื่องน้ำเน่าอย่างการปลอมตัวเป็นยัยเชยสุดเรียบร้อย (>_<) แต่ทำไงได้ ก็ ?เจมส์? พ่อหนุ่มรูปหล่อ พ่ออภิมหารวย ที่ฉันหมายตาไว้ดันแอนตี้ผู้หญิงเซ็กซี่น่ะสิ ขณะที่แผนการกำลังไปได้สวยจู่ๆ ?เจย์? อริเก่าของฉันก็โผล่มา และที่แย่ไปกว่านั้นคือหมอนี่ดันเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจมส์! (-_-*) ตั้งแต่นั้นชีวิต (รัก) ของฉันก็ปั่นป่วนทันที เพราะหมอนี่คอยตามเป็นมารคอหอย แล้วยังขู่จะแฉว่าฉันหวังคบเจมส์เพื่อเชิดหน้าชูตาตระกูลไฮโซที่ฐานะกำลังง่อนแง่นเต็มทีอีกด้วย YOY นะ...หน็อย! อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยล่ะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้สิ่งที่ลงทุนไปเสียเปล่าหรอก!
