New Release:Baby & Sister สะกิดหัวใจยัยพี่เลี้ยงจอมป่วน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:Baby & Sister สะกิดหัวใจยัยพี่เลี้ยงจอมป่วน

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

จังหวะกลองที่รัวกระหึ่มอีกทั้งเสียงกีตาร์ที่กำลังโหยหวนอย่างบ้าคลั่งนั่นทำให้ฉันได้แต่อุดหูเอาไว้แน่น เหมือนแก้วหูของฉันกำลังจะแตกเสียให้ได้ ตรงหน้าฉันคือเวทีขนาดย่อมที่ตอนนี้วงดนตรีแนวร็อคหนักๆ กำลังบรรเลงเพลงภาษาอังกฤษที่ฟังไม่คุ้นหูและฟังแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าเนื้อเพลงมีความหมายว่าอะไร แต่ดูเหมือนว่าบริเวณรอบๆ ตัวฉันซึ่งมีคนยืนแออัดยัดเยียดจะชอบกันเหลือเกิน เพราะพวกเขากำลังส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของฉัน โทริยามะ คานะ ที่กำลังชูไม้ชูมือเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอย่างบ้าคลั่ง
?วู้วๆๆ มันส์มาก~ >O< มิรา! ยืนบื้ออะไรของเธออยู่ได้ ไม่สนุกหรือไง!? คานะหันมาตะโกนถามเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่ยืนมองดูคอนเสิร์ตนิ่งๆ ไม่ออกอาการใดๆ เลยสักนิด เธอต้องตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีรวมถึงเสียงโหวกเหวกของพวกที่มาดูคอนเสิร์ตมากเลยทีเดียว
?เนี่ยนะที่เธอว่าจะช่วย?
?หือ? ใช่ไง หรือว่าเธอไม่ชอบ ไม่เอาน่าซองมิรา เธอควรจะผ่อนคลายบ้างนะ ลืมเรื่องร้ายๆ นั่นไปซะ?
คานะพยายามพูดกรอกหูฉัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกระตือรือร้นอยากระบายอารมณ์ออกมาเหมือนที่คานะอยากให้เป็นเลยสักนิด สีหน้าของฉันตอนนี้ดูเซ็งจัดและซังกะตายเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากแล้วยังไงยังงั้น
?ถ้าขืนเธอยังทำหน้าเหมือนคนท้องผูกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันได้หมดอารมณ์ตามเธอแน่?
?ก็ฉันไม่ชอบนี่? ฉันบ่นอุบอิบเบาๆ แน่นอนว่าคานะไม่ได้ยินหรอก เพราะตอนนี้เธอกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไปแล้ว
?กรี๊ด! Siblings สุดยอด! ปาร์คลีวู นายเท่ที่สุด!!!?
ฉันกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย แถมพวกผู้ชายที่ยืนเหวี่ยงอยู่ข้างๆ ยังชนฉันครั้งแล้วครั้งเล่าจนฉันเซไปเซมาแทบจะเวียนศีรษะไปหมดแล้ว
?คานะกลับเหอะ!? ฉันพยายามส่งเสียงตะโกนแข่งกับเสียงดนตรีหนักๆ นี่ แม้จะคิดได้ว่าเสียงเล็กๆ ของฉันไม่มีทางสู้เสียงพวกนั้นได้อยู่แล้ว ?คานะ!?
?อะไรเล่ามิรา! ฉันพาเธอมาผ่อนคลายนะยัยบ้า? คานะหันมาแหวใส่เหมือนจะเริ่มหงุดหงิดที่ฉันเอาแต่ดึงแขนเสื้อเธอจึ้กๆ
?อือ ฉันรู้...แต่ฉันหมายถึงให้เธอช่วยฉันคิดหาหนทางต่างหากเล่า ไม่ได้ให้มาผ่อนคลายอะไรแบบนี้ซะหน่อย? ฉันได้แต่บ่น ทำปากงุบงิบๆ กับตัวเองตามเดิม
ตอนนี้ฉันเครียดจะแย่อยู่แล้ว สัปดาห์ที่แล้วฉันเพิ่งโดนไล่ออกจากงานพาร์ตไทม์ที่ฉันทำอยู่เพราะดันซุ่มซ่ามไปชนชั้นวางสินค้าจนข้าวของร่วงตกแตกหมด ฉันคงไม่ลำบากใจขนาดนี้ถ้าชั้นวางของนั่นจะไม่ใช่ชั้นวางเหล้าส่งตรงจากเมืองนอก ฉันก็เลยต้องชดใช้ค่าเสียหายตั้งหลายแสนเยน
นี่มันซวยของแท้เลย! Y.Y
?คานะ ฉันไม่มีเวลามาดูไลฟ์นี่หรอกนะ ฉันต้องทำงานหาเงินมาคืนผู้จัดการร้าน เธอก็รู้!? ฉันดึงแขนเสื้อคานะอีกรอบ เธอเลยหันหน้ามามองฉันแถมยังทำหน้าบูดแบบอารมณ์เสียแล้วด้วย
?เงินน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไลฟ์ดีๆ แบบนี้หายากนะ ยิ่งเป็นวงใต้ดินแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เห็นหน้าหล่อๆ ของพวกเขาอีก เธอไม่รู้เหรอว่าพวกเขาฮอตขนาดไหน กว่าฉันจะจองที่ได้นี่แทบกระอักเลยนะยะ!?
ฉันทำหน้าบึ้งแทนคำตอบแต่ก็ไม่รู้จะเถียงอะไรไปมากกว่านี้ แต่แล้วเสียงรัวกลองที่ดังกระหน่ำขึ้นอีกครั้งก็เล่นเอาฉันสะดุ้งตัวโยน
โอ๊ย! หูฉันจะแตกแล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะหยุดเล่นสักที!
พอหันหน้าไปมองคานะ ตอนนี้เธอก็เริ่มกระโดดเหยงๆ อีกแล้ว ฉันจึงจำเป็นต้องตะโกนแข่งกับเสียงที่กำลังทำลายประสาทหูนี่
?คานะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ!?
?อืม! รีบๆ มาล่ะ ใกล้จะเข้าเพลงสุดท้ายแล้วรู้เปล่า!?
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบแล้วรีบเอามืออุดหูสาวเท้าเร็วๆ เดินไปทันที แถมกว่าจะดันตัวออกมาได้ฉันต้องพยายามอย่างมากในการเดินแหวกผู้คนที่กำลังกระโดดเป็นคลื่นนี่
พรืด!
?เฮ้ย! อะไรวะ?
ย...แย่แล้ว
ตอนที่กำลังเดินแหวกออกมาอยู่ๆ เท้าของฉันก็ดันไปสะดุดกับสายไฟสีดำเส้นใหญ่เข้า ก่อนจะเซไปชนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเต็มๆ โชคดีที่ผู้ชายคนนั้นรับร่างฉันไว้ได้ทัน ฉันเลยไม่ต้องล้มหน้าคว่ำศพไม่สวยอยู่บนพื้น แต่มันกลับเลวร้ายไปกว่านั้น เพราะฉันดันเหยียบเท้าเขาไปเต็มๆ ด้วยน่ะสิ
?ข...ขอโทษค่ะ? ฉันรีบผละออกจากร่างท้วมๆ ของผู้ชายคนนั้นพร้อมกับขอโทษขอโพยยกใหญ่ ยิ่งเห็นสีหน้าโหดๆ และคิ้วของเขาที่ขมวดเข้าหากันแล้วฉันก็ได้แต่เหงื่อตก
?ยัยบ้า เดินยังไงวะ!?
เสียงตะคอกของผู้ชายคนนั้นทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก ฉันรีบถอยเท้าไปข้างหลังอย่างหวาดกลัวและพยายามก้มหน้าหลบสายตาของผู้ชายตรงหน้า แต่เมื่อเห็นว่าเขายังมีท่าทีจะคุกคามไม่หยุด ฉันก็รีบแหวกฝูงชนรอบข้างออกไปเพื่อที่จะหนี แต่ว่า...
ตึก!
O_O เหวอ...ใครมายืนบังตรงนี้เนี่ย
จู่ๆ รองเท้าบูทสีดำมะเมื่อมของใครสักคนกลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉันซะก่อน ฉันค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นจากรองเท้าคู่นั้นไปตามกางเกงลายตารางเล็กๆ สีดำแดงผ่านเสื้อแขนยาวสีขาวสะอาดตาก่อนจะหยุดตรงใบหน้าขาวเว่อร์ๆ ของเขา บอกได้เลยว่าผู้ชายตรงหน้านี้ขาวกว่าฉันซะอีก ผมสีน้ำตาลยาวรากไทรระลำคอขาวผ่อง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเรียวยาวปรายมองมาทางฉัน ก่อนที่เขาจะละสายตาไปมองยังสายไฟที่ฉันเผลอเตะเข้าแทน ตอนที่เขาก้มตัวลงเพื่อจัดการกับสายไฟพวกนั้นเลยทำให้เห็นเพียงเสี้ยวใบหน้าของเขาซึ่งเผยให้เห็นสันจมูกชัดเจน
?เฮ้ย ลีวู ตกลงเกิดอะไรขึ้นวะ!?
เสียงตะโกนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นแถวๆ เวที ซึ่งตอนนี้เหมือนว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นบางอย่างเพราะจู่ๆ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มในตอนแรกกลับเงียบหายไป
ฉันมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ายืดตัวขึ้นเต็มความสูงตามเดิมหลังจากที่เขาจัดการต่อสายไฟเรียบร้อยตามเดิมแล้วหันไปตะโกนตอบเพื่อน
?เหมือนจะมีคนเตะสายไฟเล่นว่ะ?
ก่อนที่สายตาของเขาจะหันมามองทางฉัน เล่นเอาฉันสะดุ้ง เผลอถอยเท้าไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากเย็นเมื่อสายตาของคนตรงหน้าบ่งบอกได้อย่างดีกว่าเขากำลังคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุแน่ ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาหาฉันช้าๆ โดยที่สายตาของเขายังคงเอาแต่มองฉันนิ่ง
?เธอเป็นใคร?

1

[มิรา นี่เธออยู่ไหนเนี่ย]
เสียงเล็กๆ ของคานะดังมาตามสายโทรศัพท์ของบ่ายวันหนึ่ง ตอนนี้ฉันกำลังเดินตะลอนๆ หาที่ทำงานพาร์ตไทม์ใหม่ แต่คิดหัวแทบแตกยังไงฉันก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาเงินมาใช้คืนภายในสามเดือน แถมยังตั้งหลายแสนเยนแบบนั้นได้ยังไง
หลังจากที่โดนคานะลากไปคลับวันนั้น...โอเค มันทำให้ฉันหงุดหงิดพอควรเลยแหละ ผู้ชายผิวขาวนั่นเอาแต่มองฉันไม่หยุดจนฉันแทบจะพรุนไปทั้งตัวเพราะสายตาของเขาแล้วมั้ง โชคดีที่เพื่อนๆ ของเขามาลากตัวเขาขึ้นเวทีซะก่อนเพราะคนดูเริ่มโวยวายกันแล้ว เขาก็เลยไม่ได้จัดการอะไรกับฉัน แม้ว่าสายตาที่มองอย่างกล่าวหาของเขาตอนนั้นจะยังอยู่ในหัวฉันมาจนถึงตอนนี้ก็เถอะ
?ฉันกำลังหางานใหม่อยู่ แต่เท่าที่ดูก็ไม่มีงานไหนที่ฉันจะทำแล้วหาเงินได้ทันเลย?
[เฮ้อ...เธอนี่มันซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ มิรา]
ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ ไม่ตอบว่าอะไร
ดูจากชื่อของฉันแล้วเหมือนจะเป็นเกาหลีแท้ๆ แต่ความจริงฉันเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น พ่อของฉันเป็นคนเกาหลี ส่วนแม่เป็นคนญี่ปุ่น แต่ว่าท่านเสียชีวิตตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ แล้วน่ะ ความจริงฉันก็ใช้ชีวิตอยู่เกาหลีตั้งแต่เด็กกับพ่อแล้ว แต่เพราะฉันดันอยากดั้นด้นมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเองเมื่อไม่กี่ปีมานี้เนี่ยแหละ ตอนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ฉันเลยได้รู้จักกับคานะที่เรียนสาขาวิชาเดียวกัน โชคดีที่ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้บ้าง การใช้ชีวิตที่นี่เลยไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่จำความได้ พ่อก็สอนให้ฉันพูดและเขียนภาษาญี่ปุ่นมาตลอดเผื่อจะได้ใช้ประโยชน์ได้
และตอนนี้ฉันก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัดสุดๆ เพราะฉันเองก็สงสารพ่อที่ต้องส่งเงินจำนวนมากมาให้ฉันเรียนที่นี่ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยพ่อประหยัด ฉันก็เลยต้องทำงานพิเศษเพิ่มเพื่อเป็นค่ากินอยู่ เพราะยังไงซะครอบครัวของฉันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก แถมเพราะความซุ่มซ่ามของฉันแท้ๆ เชียว ตอนนี้ฉันถึงได้อดอยากปากแห้งอยู่แบบนี้ไง
[แล้วนี่ตกลงเธอจะเอาไง]
?ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันอยากได้งานสักงานที่ได้เงินเดือนเดือนละแสน T^T?
[เฮ้อ บ้าไปแล้วมิรา งานแบบนั้นเด็กมหา?ลัยอย่างเราคงจะยากแน่ๆ ฉันพนันเลยว่าเธอไม่มีทางได้เงินก้อนแบบนั้นหรอก อ๊ะ...แต่ก็ไม่แน่นะ ยกเว้นแต่ว่าเธอจะดวงดีสุดๆ ไปเลย]
?ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น?
[นี่ ฉันว่าเธอไปขอร้องผู้จัดการร้านให้ลดหย่อนหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ นี่มันออกจะเขี้ยวไปสักนิดสำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ นะ]
คานะออกความเห็น ซึ่งฉันก็ได้แต่ถอนหายใจ
?ไม่รู้สิ...ฉันคงไม่มีหน้าไปพบเขาแล้วล่ะ เฮ้อ?
[เอางี้ ฉันจะลองถามคนรู้จักดู เผื่อว่าจะมีงานอะไรที่เธอจะพอทำได้บ้าง]
?ขอบคุณมากนะ...?
[ขอบคุณอะไรเล่า เพื่อนกันนี่นา]
ฉันได้แต่ยิ้มให้กับโทรศัพท์ในมือก่อนที่คานะจะเป็นฝ่ายวางสายไปเอง ไม่รู้เพราะอะไร แต่พอได้ยินคำปลอบโยนรวมถึงกำลังใจต่างๆ จากคานะ ฉันก็มีแรงฮึดที่จะเดินหางานต่อแล้วล่ะ เอาน่า...เดี๋ยวเร็วๆ นี้ฉันก็คงได้งานแหละ...มั้ง T^T
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ขณะเดินลากขากลับไปยังอพาร์ตเมนต์ที่เช่าเอาไว้เป็นรายเดือน ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ ฉันจะไปหาเงินจากไหนกัน ฮือๆๆ
พั่บ!!
จู่ๆ กระดาษแผ่นหนึ่งก็ปะทะกับใบหน้าฉันซะแรง เล่นเอาตกใจดึงออกแทบไม่ทัน พอก้มมองกระดาษในมือแล้ว...เอ่อ...อะไรเนี่ย ภาษาอังกฤษเต็มพรืด -_-
แต่เมื่อฉันลองกวาดสายตามองไปทั่วกระดาษก่อนจะไล่อ่านทีละตัวๆ แล้ว...หืม! นี่มันรับสมัครงานนี่ ถึงฉันจะแปลได้ไม่หมด แต่เท่าที่อ่านดูคร่าวๆ มันต้องเป็นใบปลิวรับสมัครงานแน่ๆ แถมยังเขียนเอาไว้ชัดเจนอีกด้วยว่าหนึ่งแสนเยนต่อเดือน...
ฮะ!? หนึ่งแสนเยนต่อเดือนเลยเหรอ!!
นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะเนี่ย พระเจ้าต้องตั้งใจประทานมันมาเพื่อฉันแน่ๆ
พอก้มหน้าลงมองที่อยู่ที่แจ้งอยู่บนกระดาษแล้วก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ห่างจากที่นี่ไปสักเท่าไหร่ ถึงเขาจะไม่ได้ให้เบอร์โทรติดต่อไว้...แต่ลองไปดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง ^^

10 นาทีต่อมา
ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ฉันเงยหน้ามองตึกสูงเป็นสิบๆ ชั้นนี่ก่อนจะก้มหน้าอ่านที่อยู่ที่เป็นภาษาอังกฤษนี่ทวนอีกครั้ง
...ก็ที่นี่จริงๆ นั่นแหละ
?ฟลอร์สิบหก? ฉันพึมพำพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่ 16 ?รูมหนึ่งหกสองห้า ?
ฉันไล่สายตาไปตามป้ายเลขที่ติดหน้าห้องจนในที่สุดฉันก็หยุดยืนอยู่หน้าห้องสุดทางเดิน หลังจากเช็คดูว่ามาถูกที่แล้วฉันก็กดออดทันที แต่ว่าหลังจากยืนรออยู่พักหนึ่งก็ยังไม่มีคนมาเปิดประตูซะที พอลองกดออดเรียกอีกครั้งประตูก็ยังคงปิดเงียบอย่างเดิม
หรือว่าไม่มีคนอยู่กันนะ...
ฉันขมวดคิ้วมองประตูตรงหน้าที่ยังคงปิดเงียบอย่างสงสัย พอเขยิบเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะลองแนบหน้าลงกับประตูและเงี่ยหูฟังเสียงจากข้างในห้อง จู่ๆ ประตูกลับถูกเปิดออก ร่างของฉันเลยเซถลาไปข้างหน้าจนชนกับใครสักคนเข้า!
พลั่ก!
ซะ...ซวยแล้ว
ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้สึกว่ามือของฉันกำลังวางทาบอยู่บนแผงอกเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า พอผละออกมาจากร่างนั้นแล้วฉันถึงเพิ่งสังเกตว่าคนตรงหน้าสวมเพียงแค่กางเกงยีนสีซีด เปลือยท่อนบนเผยให้เห็นหน้าท้องขาวๆ นั่น
?ข...ขอโทษค่ะ! สงสัยจะผิดห้อง!!? ฉันรีบโพล่งขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งผ่านไปหลายวินาทีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูดอะไรออกมาสักคำ มันเลยทำให้ฉันอดหันไปมองอย่างสงสัยไม่ได้ ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังก้มตัวหยิบอะไรสักอย่างที่ตกอยู่บนพื้น
ฉันไล่สายตาไปตามใบหน้าขาวผ่องจนแทบซีดนั่น
O_O น...นี่มัน! ผู้ชายผิวขาวในคลับวันนั้นนี่!!
?ฉันว่าเธอมาถูกแล้วล่ะ?
เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเรียกสติของฉันให้กลับคืน ฉันเอียงคอมองอย่างสงสัยก่อนที่เขาจะชูกระดาษที่ฉันเก็บได้นั่นให้ดู
?เอ่อ...คือว่า...? ฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี
ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูออกกว้างกว่าเดิมขณะยืนพิงผนังห้องแล้วยื่นกระดาษนั่นส่งคืนให้ฉัน
?คือว่า นายเป็นเจ้าของกระดาษแผ่นนี้เหรอ?
ฉันยื่นมือไปรับก่อนจะเอ่ยปากถามเขา แต่เขากลับไม่ตอบอะไรนอกจากมองหน้าฉันพลางขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง ฉันเลยกลายเป็นฝ่ายพูดเองเออเองคนเดียว
?ฉันเห็นมันเป็นภาษาอังกฤษ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ฉันต้องการเงินก็เลยมา? ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางสบตาเขานิ่ง แต่พอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาแล้วฉันว่าฉันต้องพูดอะไรผิดไปแน่เลย
โอ๊ย เขาต้องคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าเงินไปแล้วแน่ๆ! พอคิดขึ้นได้ฉันรีบเอ่ยบอกอย่างละล่ำละลัก
?เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ คือว่าฉันมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจริงๆ แล้วบังเอิญฉันเห็นใบปลิวนี่ติดอยู่แถวๆ อพาร์ตเมนต์ของฉันด้วย ฉันก็เลยลองมาตามที่อยู่นี่ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเขียนว่ายังไงบ้าง เพราะฉันก็ไม่สันทัดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ แต่เห็นจำนวนเงินที่บอกอยู่บน...?
?จะเริ่มงานเมื่อไหร่?
?ฮะ??
?เข้ามาสิ?
?ต...แต่ว่า...? ฉันอึกอัก จู่ๆ จะให้เข้าห้องผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งคุยกันไม่กี่ประโยคเนี่ยนะ
?งั้นปิด? เขาเอ่ยเสียงเรียบ แถมยังดึงบานประตูทำท่าว่าจะปิดจริงๆ ด้วย ฉันเลยรีบเอาตัวไปขวางไว้จนจมูกเกือบจะชนกับไหล่กว้างๆ ของเขา
?เริ่มวันนี้เลยก็ได้ถ้านายต้องการ แต่ว่างานที่นายจ้างนี่มันอะไรเหรอ?
เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ไม่ตอบอะไร สีหน้าเรียบเฉยของเขานี่แหละที่ทำให้ฉันได้แต่กลืนน้ำลายก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างแห้งแล้ง แต่แล้วเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นเรียกความสนใจจากเราทั้งคู่
?ปะป๊า?
เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กผู้ชายตัวเล็กเดินเตาะแตะมาทางประตูทำให้ฉันหันสายตาไปมอง ก่อนที่ดวงตากลมโตสีดำของเขาจะสบมองดวงตาฉันเข้า ถ้าฟังไม่ผิด เมื่อกี้ฉันได้ยินเขาพูดภาษาเกาหลีนี่นา เขาเอียงคอเล็กน้อยเหมือนจะสงสัยโดยที่สายตายังไม่ละไปจากดวงหน้าของฉันเลยสักนิด
ดวงตากลมโตเป็นประกายของเขาทำให้ฉันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าขาวใส ตาโตๆ แก้มยุ้ยๆ น่าดึงเล่นนั่น อีกทั้งริมฝีปากแดงๆ น่าจุ๊บสุดๆ
นะ...น่ารักจังเลยยยย *O*
?ลีจิน ไปนอนรอก่อนไป เดี๋ยวไปทำอาหารให้?
?ไม่อาว~ จะหม่ำๆๆ?
ร่างสูงเสยผมตัวเองจนยุ่งไปหมด เขาถอนหายใจแล้วหันหน้ามาทางฉันพลางบอกเสียงเรียบ
?ถอยไป จะปิดประตู?
?ฮะ -O-?
ฉันเบิกตามองเขาอย่างตื่นๆ แต่ก็ยอมขยับตัวออกมาหลังจากที่ยืนกั้นประตูเอาไว้ ยังไม่ทันที่ผู้ชายผิวขาวซีดนั่นจะได้ปิดประตู ฉันก็รู้สึกว่ามีอะไรกำลังสะกิดอยู่ที่ขาซะก่อน
?อุ้มๆๆ *O*?
จู่ๆ เด็กเกาหลีนั่นก็มาดึงชายกางเกงเอี๊ยมที่ฉันใส่อยู่พลางมองหน้าฉันตาแป๋ว แถมยังกางแขนออกกว้างเหมือนกำลังรอให้อุ้มอีกด้วยแหละ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะสอดมือเข้าไปด้วยซ้ำ ผู้ชายผิวซีดนั่นกลับเป็นฝ่ายอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นซะก่อน
?ยุ่งจริงนะ ไปนอนเล่นเลยไป?
เขาก้มหน้าบอกเสียงดุแล้วอุ้มเด็กชายตัวน้อยกลับเข้าไปในห้องโดยที่ยังเปิดประตูคาไว้ ทิ้งให้ฉันมองตามอย่างงงๆ อยู่หน้าประตู หลังจากที่คิดได้แล้วว่าควรทำยังไงต่อ ฉันเลยดึงประตูปิดให้ก่อนจะเดินตามหลังเขาเข้าไปในห้อง
ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีมารยาทหรือใจกล้าอะไรนะ แต่ฉันอยากได้งานนี้จริงๆ นี่นา แล้วเวลาของฉันก็เหลือไม่มากแล้วด้วย
?ฉันจะทำงานนี้ค่ะ?
เสียงของฉันทำให้ผู้ชายคนนั้นหันหน้ามามอง เขาเลิกคิ้วเข้มขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะหยิบเสื้อกล้ามที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นมาสวมต่อหน้าฉันที่ยืนมองเขาอยู่
โอ๊ย...ใจเต้นเลยแหละ เกิดมายี่สิบปีนี่ฉันยังไม่เคยเห็นผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเปลือยท่อนบนต่อหน้าต่อตาเลยนะ >///<
?รู้เหรอว่างานอะไร?
?เอ่อ...แม่บ้านเหรอ? ฉันเอียงคอถามอย่างสงสัย เขาส่ายศีรษะเหมือนละเหี่ยใจก่อนจะเดินไปเก็บกองของเล่นที่กระจัดกระจายเพราะฝีมือตัวเล็กนั่น เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบฉันก็เลยเดาสุ่มต่อไป
?งั้นก็...ครูสอนพิเศษ?
?เธอบ้าเหรอ?
?อ้าว...? ฉันทำหน้ามุ่ย อยู่ดีๆ ก็โดนว่าเฉยเลยอ่ะ ?ง...งั้น...งานอะไรเหรอ...?
?ฉันว่าฉันก็เขียนภาษาอังกฤษชัดแล้วนะ หรือว่าเธอแปลไม่ออก?
ฉันทำหน้างอง้ำเมื่อเห็นเขาปรายตามองอย่างเอือมๆ
?ขอโทษได้ไหมล่ะที่ฉันไม่เก่งอังกฤษอ่ะ?
เขาเอามือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลของตัวเองจนดูยุ่งเหยิง แต่ก็ยังคงดูดีรับกับใบหน้าขาวผ่องนั่นอยู่ดี ดวงตาสีน้ำตาลเรียวคมตวัดมองหน้าฉัน ก่อนเสียงทุ้มต่ำนั้นจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
?พี่เลี้ยงเด็ก ชัดพอไหม?
?อ๋อ พี่เลี้ยงเด็กนี่เอง...? ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่พอเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยินดีๆ แล้วฉันก็ต้องร้องออกมาเสียงดัง ?อะไรนะ!?
?ร้องทำไม? ผู้ชายตรงหน้ามองฉันนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยของเขาทำเอาฉันไม่รู้จะตีสีหน้ายังไงต่อไปดี
?หรือว่า...เธอไม่เคยเลี้ยงเด็ก? เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด
?ไม่นะ เคยสิ! ฉันนี่โปรเลยน้า ผ่านงานมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบ?
?.....?
?จริงๆ นะ นายไม่เชื่อฉันเหรอ? ฉันเข้าไปเขย่าแขนเขาพลางทำตาปริบๆ เม้มริมฝีปากนิดๆ เหมือนกำลังออดอ้อน กะว่ามีมารยาอะไรก็ใช้ไปให้หมด! ก็ถ้าฉันชวดงานนี้ไปอีกได้ตายของแท้แน่น่ะสิ
อีกอย่าง...
ฉันหันสายตาไปมองเด็กผู้ชายที่ยืนเอียงคอมองอยู่ข้างๆ เด็กคนนี้น่ารักโฮกอ่าค่า!!! >O<
จู่ๆ เขาก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างมาปลดมือฉันออก ทิ้งให้ฉันยืนกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเขา
?เธอชื่ออะไร?
?มิรา...ซองมิรา?
คนตรงหน้าขมวดคิ้วนิดๆ แต่ฉันไม่สนใจ รีบถามชื่อเขากลับทันที
?แล้วนายล่ะ?
?ปาร์คลีวู?
ชัดเลย...เขาเป็นคนที่อยู่ในคลับวันนั้นจริงๆ ด้วย
?มองหน้าฉันทำไม?
คงเพราะฉันเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น ลีวูถึงได้ขมวดคิ้วมองหน้าฉันกลับ
?นาย...จำฉันไม่ได้เหรอ?
เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ไม่ตอบอะไร สงสัยคงจะจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ตอนนั้นในคลับก็ค่อนข้างมืด แล้วฉันก็ไม่ได้โดดเด่นถึงขนาดที่เขาจะต้องจำได้นี่ ถึงแม้ว่าวันนั้นเขาจะจ้องฉันซะจนฉันนึกว่าเขากำลังจะเขมือบฉันได้อยู่แล้วก็เหอะ
?ปะป๊า~ หิวแย้วอ่ะ อยากหม่ำๆๆ?
เสียงร้องโวยวายของเด็กเกาหลีคนนั้นเรียกความสนใจให้เราหันไปมองอีกครั้ง ลีวูเดินเข้าไปนั่งยองๆ ตรงหน้าพร้อมกับเอานิ้วชี้แตะปาก
?ชู่ว...ลีจิน เงียบ!?
ได้ผลทันใด เพราะเด็กน้อยที่ชื่อลีจินนั่นกะพริบตาปริบๆ มองหน้าลีวูเหมือนงุนงง แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ฉันรู้สึกว่ามีอะไรคาใจตั้งแต่เห็นเด็กคนนี้แล้วล่ะ อ๊ะ...ใช่แล้ว
?ปะป๊า...เขาเรียกนายะป๊า??
ฉันขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย มันหมายความว่า...เขาเป็นพ่อคนแล้วเหรอ?!

****************************************************************************************
กำลังกลุ้มใจว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ค่าเหล้าราคาแพงที่ดันซุ่มซ่ามทำแตกทั้งชั้นได้ยังไง ก็มีใบปลิวรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กลอยมาแปะหน้า ต้องเป็นโชคชะตานำพาให้ ?ซองมิรา? ได้งานแน่ๆ และที่ แจ็คพ็อตกว่านั้น...พ่อของเด็กที่เธอต้องดูแลก็คือ ?ปาร์คลีวู? นักร้องนำ Siblings วงร็อกที่กำลังมาแรงอยู่ตอนนี้ ว่าแต่...ไม่ยักเห็นแม่เด็กแฮะ แต่ช่างเถอะ ที่สำคัญกว่าเรื่องนั้นคือจะรับมือกับหนูน้อยนี่ยังไงต่างหากเล่า ก็ฉันเคยเลี้ยงเด็กซะที่ไหน ขืนไม่โกหกว่าเชี่ยวชาญก็อดได้งานน่ะสิ >O< แล้วอีตาลีวูนี่ก็จ้องจับผิดซะเหลือเกิน แถมหน้าตาหล่อลากชวนเลือดกำเดาไหลของเขายังทำเอาหัวใจฉันเต้นตึ๊กตั๊กทุกครั้งที่เข้าใกล้ โฮก~ ฉันจะทำงานนี้อย่างราบรื่นแล้วเอาเงินไปใช้หนี้ได้สำเร็จมั้ยเนี่ย!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”