New Release: คมเขี้ยวราตรี

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: คมเขี้ยวราตรี

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

ชนบทในอังกฤษ ปี คศ. 1670

จันทราดวงโตสีแดงเข้ม จนแทบจะคล้ายกับสีของโลหิตแดงฉาน ในคืนจันทร์เต็มดวงวันนี้ ช่างดูน่าหวาดเกรงราวกับเงาของผีร้าย ที่กำลังกล้ำกลายจะกลืนกินโลก คำล่ำลือเกี่ยวกับตำนานของอสูรกาย ปีศาจที่กระหายเลือด ถูกเล่าขานมานานตั้งแต่เรายังเยาว์วัย เหมือนจะให้เกรงกลัวรัตติกาลอันมืดมิด บางคราวคนเราก็หวาดเกรงในสิ่งที่มองไม่เห็น ความมืดเป็นสิ่งลี้ลับและยากนักที่จะค้นหา แต่ท้ายที่สุดแล้วอาจจะเป็นใจมนุษย์เองก็ได้ ที่หวาดเกรงในสิ่งซึ่งตนเองไม่อาจรู้ จนจินตนาการถึงผีร้ายขึ้นมาเพื่อหลอกตนเอง
มือเรียวพลิกหนังสือในมืออย่างเบื่อหน่าย พลางปิดมันลงในที่สุด เทียนไขตรงหน้าส่งแสงวับแวม ให้แสงเพียงพอที่จะสว่างไปทั่วห้อง นัยน์ตางดงามมองเหม่อไปยังหน้าต่างกรุกระจกบานสูงซึ่งเปิดผ้าม่านทิ้งไว้ ร่างบางเดินไปยังหน้าต่าง เธอมองเหม่อไปยังท้องฟ้าด้านนอก แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างกลัดกลุ้ม
การหายตัวไปของสามีของเธอในคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้เคานท์เตสสาวรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เธอนึกระแวง สงสัย สับสน และร้อนรุ่มปะปนกัน
ท่านเคานท์บาร์เลนไทน์มักจะหายตัวไปในคืนพระจันทร์เต็มดวงอยู่เสมอ อาการป่วยเป็นโรค ?ไข้แสงจันทร์? ใกล้คืนพระจันทร์เต็มดวงของเขา ทำให้สามีผู้อ่อนโยนของเธอเปลี่ยนไป เขาหงุดหงิดและอารมณ์ร้ายมากขึ้น น้องชายของท่านเคานท์เตือนเธอว่าพี่ชายของเขามักจะมีอาการของโรคนี้เดือนละหน และถ้าอาการของโรคกำเริบแล้ว เขาจำต้องใช้สมุนไพรในการรักษา และต้องอยู่ในบ้านกลางป่าเพียงลำพังคนเดียว
ฟังๆ ดูแล้วมันอาจจะเหมือนอาการของโรคประหลาด ที่ราวกับต้องมนต์ดำคำสาปอย่างไรอย่างนั้น แอนนาเบลถูกเตือนและขัดขวางจากครอบครัว เมื่อเธอตัดสินใจแต่งงานกับท่านเคานท์บาร์เลนไทน์ ชายหนุ่มยศขุนนางสูงศักดิ์ หากแต่มีความเป็นมาลึกลับและน่าหวาดเกรง คำเล่าลือต่างๆ เกี่ยวกับเขาเรื่องตำนานไลแคน
ตระกูลของเขาเป็นตระกูลลี้ลับและต้องคำสาป ฟังแล้วมันช่างน่าตลกเสียสิ้นดีมากกว่าอย่างอื่น ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เรือนผมดำสนิทราวกับคืนรัตติกาลอันมืดมิด นัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินเข้มจัด แฝงแววเร่าร้อนเสมอยามที่จับจ้องมองเธอ ใบหน้าเรียวหล่อเหลา ริมฝีปากหยักได้รูป รูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง รวมถึงความฉลาดเฉลียวของเขา ความกล้าหาญยามเข้าร่วมรบในศึกสงครามต่างๆ เพียงเท่านี้ แอนนาเบลก็เชื่อเสียยิ่งกว่าเชื่อ ว่าเขาจะเป็นยอดบุรุษที่เธอจะรักและภักดีไปตลอดชีวิต
แต่จันทร์เต็มดวงวันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ ในเมื่อตอนนี้หัวใจของเธอกำลังร้อนรุ่มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เนื่องจากการปรากฏตัวของหญิงสาวสวย ผมยาวดำสลวย นัยน์ตาสีเทา ผิวขาวบอบบางราวกับตุ๊กตากระเบื้องเนื้อดี เธอสวยและมีเสน่ห์ลึกลับนัก หญิงสาวดูสูงศักดิ์และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันร้อนแรงอย่างน่าประหลาด
คามิล่า บาเลนไทน์ญาติผู้น้องของเคานท์บาร์เลนไทน์ แต่ความสนิทสนมของคนทั้งคู่ก็ทำให้แอนนาเบลหึงวูบขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอระแวงและสงสัยในตัวของสามีนัก และคืนนี้...ทั้งคู่ก็หายตัวไปพร้อมๆ กัน มันยิ่งทำให้แอนนาเบลร้อนรุ่มกลุ้มใจอย่างหนัก
แม้ว่าสามีจะเคยบอกไม่ให้เธอเข้าไปใกล้กระท่อมกลางป่า ที่เขาใช้รักษาตัวจากอาการไข้แสงจันทร์ แต่วันนี้แอนนาเบลจะทำตัวนอกเหนือคำสั่งของเขาเป็นครั้งแรก
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เคานท์เตสสาวก็จุดตะเกียง สวมเสื้อคลุมทับกับชุดกระโปรงจากแฟชั่นล่าสุดในราชสำนักที่ท่านเคานท์หนุ่มสั่งตัดเพื่อเธอ แน่นอนเธอคงไม่น้อยเนื้อต่ำใจหรือคิดระแวงแคลงใจขนาดนี้ ถ้าเขาสั่งมาให้เธอเพียงคนเดียว ไม่ได้เผื่อแผ่ไปยังสตรีสาวสวยนามว่าคามิล่า ญาติผู้น้องของเขาด้วย
แอนนาเบลค่อยๆ ย่องลงมาจากปราสาทหลังงาม บรรดาคนรับใช้กลับเข้าไปยังห้องของตนเองเกือบหมดแล้ว เธอลอบออกไปยังประตูหลัง ตรงไปยังคอกม้า ให้สินบนกับคนเลี้ยงม้าเล็กน้อย โดยบอกว่าเธอจะไปเรียกตัวท่านเคานท์ด่วน เนื่องจากมีข่าวมาจากในราชสำนัก
?แต่ท่านสั่งห้าม ไม่ให้ใครเข้าไปนะครับ เคานท์เตส?
?แต่มีข่าวด่วนมา คนส่งสาสน์เพิ่งจะนำมาให้ฉันเมื่อตอนหัวค่ำ จะอย่างไรก็ต้องไปแจ้งกับท่านเคานท์ให้ได้คืนนี้ ฉันจะไปตามเอง?
เธอว่าอย่างดื้อดึง ในที่สุดเขาก็ต้องยอมผูกอานม้าให้กับเธอ แต่ก็ยังไม่วาย เอ่ยอย่างนึกเป็นห่วง เพราะเวลานี้ก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
?ให้ผมตามไปด้วยไหมครับ เคานท์เตส?
?ไม่ต้องหรอก? เธอเอ่ย พลางมองไปรอบๆ คอกม้าอย่างสำรวจ เห็นว่าม้าหายไปอีกตัวหนึ่ง นอกจากตัวที่เธอใช้งาน จึงอดถามขึ้นอย่างนึกสงสัยไม่ได้
?เจ้าแบล็กไทน์หายไปไหน แซม?
?คุณคามิล่าเอาไปน่ะครับ เห็นว่าเธอจะไปลอนดอน ผมจะให้เธอใช้รถม้าในการเดินทางไป เพราะท่านเคานท์สั่งไว้ แต่เธอก็ไม่ยอม ยืนยันจะควบม้าไปเอง ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนใช้ม้าเดินทางไปด้วยตัวเอง ไร้ผู้คุ้มกันแบบนี้มาก่อนเลย?
?อ้อ...? ใบหน้างดงามซีดเผือดทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น เธอค่อนข้างจะแน่ใจว่าคามิล่าอาจจะไม่ได้ไปลอนดอน บางที...เธออาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้
พิษรักแรงริษยาที่เกาะกุมหัวใจของแอนนาเบล ทำให้เธอควบม้าค่อนข้างเร็วเพื่อตรงไปยังกระท่อม ซึ่งสามีไปพักรักษาอาการ เมื่อเข้าใกล้กับกระท่อมซึ่งตอนนี้ไม่มีแม้แต่แสงไฟให้ความสว่าง แอนนาเบลก็ลงจากหลังม้า ผูกมันไว้ที่โคนต้นเอมล์ หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ว่าเหตุไฉนแล้ว ที่แห่งนี้ถึงเงียบนัก จันทร์เต็มดวงช่วยให้เธอเห็นทางที่ทอดไปยังกระท่อม หญิงสาวค่อยเคลื่อนกายอย่างช้าๆ อย่างจะกลัวว่าคนในบ้านจะรู้ตัวถึงการมาของเธอ
แอนนาเบลพยายามเงียบให้มากที่สุด เธอย่องเข้ามาจนถึงริมหน้าต่าง ก่อนจะค่อยๆ เขม้นมองดูข้างใน มันมืดและเงียบ ราวกับร้างและปราศจากผู้คน สามีของเธอไปไหนกันเล่า เธอเริ่มสงสัยและคลางแคลงใจมากยิ่งขึ้น
?วูฟ! วูฟคะ? เธอลองร้องเรียก หากแต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่โต้ตอบกลับมา หญิงสาวเดินตรงไปยังประตู แล้วก็ต้องย่นหัวคิ้ว เมื่อมันมีแม่กุญแจปิดไว้ แต่โชคดีเป็นของเธอ เมื่อมันมีลูกกุญแจคาไว้เช่นกัน
ใครมาเล่นตลกอะไรกันนี่? แล้วสามีของเธอไปไหน หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในใจ แล้วตัดสินใจปลดล็อก แล้วเปิดประตูเข้าไปในกระท่อม มันเงียบกริบ เงียบ....จนน่ากลัว
?วูฟ ที่รัก คุณอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? หญิงสาวร้องตะโกนเรียกชื่อของสามีซ้ำ กลิ่นสาบสางบางอย่างโชยออกมาจนเธอต้องย่นจมูก กลิ่นเหมือนสัตว์บางชนิด แอนนาเบลพยายามมองหาตะเกียงหรือเชิงเทียนเพื่อจะจุดมัน เธอไม่ชอบเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ
เสียงหอนดังขึ้นมาอย่างโหยหวนของสุนัขป่า รับกันมาเป็นทอดๆ ทำให้หญิงสาวขนลุก สามีของเธอหายไปไหนกัน เขาบอกว่าเขาอยู่รักษาอาการของโรคประหลาดที่นี่ แต่นี่ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว
ในที่สุดเธอก็หาตะเกียงเจอ พร้อมๆ กับไม้ขีด เธอรีบจุดตะเกียงให้แสงสว่างทันที และเมื่อแสงตะเกียงสาดส่องไปทั่วห้อง เธอก็พบเห็นอะไรบางอย่างที่น่าประหลาดใจ
มีเศษเสื้อผ้าที่เธอจำได้ว่ามันเคยเป็นเสื้อผ้าของสามีหล่นเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น...ในลักษณะที่ถูกฉีกทึ้ง แอนนาเบลถึงกับกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นดังนั้น!
เสียงสัตว์คำรามอยู่ด้านหลังเธอ ทำให้แอนนาเบลหันขวับไปอย่างรวดเร็ว แล้วกรีดร้องอย่างตกใจ ตะเกียงในมือหล่นร่วงลงบนพื้น และภาพสุดท้ายที่แอนนาเบลเห็น ก็คือดวงตาคู่แดงฉานราวกับเลือด สัตว์ป่าตัวโตใหญ่ยักษ์ตรงเข้าขย้ำเธอ คมเขี้ยวของมันฝังลงมาบนคอของเธออย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงข้นคลั่กพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ ร่างบางทรุดลงกับพื้นโดยมีร่างของสัตว์ใหญ่ทาบทับอยู่ด้านบน มันเมากลิ่นเลือด และฉีกทึ้งทำร้ายเธออย่างบ้าคลั่ง!
โบว๋ว...เสียงเห่าหอนของเหล่าสุนัขป่ายังคงดังขึ้นเหมือนกับเป็นดนตรีบรรเลงเพลงเข้ากับการฆาตกรรมอันเลือดเย็นของสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังครองสติไม่อยู่ สัตว์ร้ายที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกมัน หากแต่มีอายุยาวและไม่รู้จักตายราวกับต้องคำสาปจากเทพเจ้า ให้มีชีวิตอยู่อย่างครึ่งคนครึ่งสัตว์ . เร่าร้อน และเลือดเย็น
ไลแคน...ไม่ใช่เพียงตำนานเล่าขาน คำสาปจากเทพเจ้ายังคงตามติดคนในตระกูลเก่าแก่ ราวกับเป็นเงาตามตัว ให้ต้องทุกข์ทรมาน และอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดกาล!


1

ปี ค.ศ. 2012 ยุคปัจจุบัน มหานครยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งมีประวัติมายืนนาน เจริญก้าวหน้าทั้งวิทยาการและอารยธรรม ชนชาติเก่าแก่อย่างอังกฤษ ตอนนี้ก็ยังคงความยิ่งใหญ่ และพัฒนาต่อไปไม่หยุดยั้ง แม้มหาอำนาจของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตามที แต่อังกฤษก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป
ท่ามกลางตึกราอาคารซึ่งหรูหราและทันสมัยไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ในย่านที่เจริญที่สุดของลอนดอน ชายคนหนึ่งซึ่งมีช่วงชีวิตยาวนานเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด กำลังนั่งเหม่อมองไปยังวิวทิวทัศน์ด้านนอก ทุกสิ่งเปลี่ยนไปตามยุคสมัย มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือตัวของเขาเอง...
ภาพวาดของชายในยุคสมัยที่อังกฤษยังเรืองอำนาจ ในยุคสงครามและการล่าอาณานิคม ถูกวาดอย่างประณีตบรรจงจากจิตรกรชาวฝรั่งเศส ผ่านมาระยะเวลาเป็นหลายร้อยปีแล้วก็ตามที แต่ยังคงรายละเอียดและความงดงามไว้ มีเพียงสีที่จืดจางลงเท่านั้น
คนในภาพดูหล่อเหลา เย็นชา และลึกลับอยู่ในชุดขุนนางระดับไวท์เคานท์แบบเต็มยศ จิตรกรถ่ายทอดรูปนัยน์ตาของเขาได้อย่างดีเยี่ยม มันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และพลังอันเย้ายวน ชายหนุ่มรูปงามในภาพ หน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกันกับชายผู้ซึ่งกำลังมองทิวทัศน์จากมุมของตึกสูงหกสิบชั้นอย่างเบื่อหน่าย น่าแปลกใจนักว่าพันธุกรรมช่างถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ตกหล่น เหมือนจนไม่ผิดเพี้ยน ราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
ไวท์เคานท์ บาเลนไทน์ วาเลนเซีย คือชื่อของชายซึ่งอยู่ในภาพวาด เขาเคยเป็นขุนนางคุมกองทัพเรืออังกฤษร่วมรบนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ บ้างก็ว่าเขาเสียชีวิตจากไข้แสงจันทร์ อาการโรคประหลาดซึ่งขุนนางผู้นี้เป็น มันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด และท่านเคานท์ก็ไม่ปรารถนาจะให้ใครมารักษาเขา นอกจากตัวเขาเอง แม้แต่น้องชายของเขาซึ่งไม่ยอมรับยศฐาใดๆ และการสืบทอดตำแหน่ง รวมถึงการเป็นทายาทก็ป่วยเป็นโรคนี้เช่นกัน
พวกเขาหายตัวไปอย่างน่าแปลกใจ ทิ้งไว้เพียงสมบัติซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังงามหลายหลัง ตำแหน่งขุนนาง บ้านว่างเปล่า ปราศจากคนในตระกูลบาเลนไทน์ ทิ้งไว้เพียงปริศนา และเรื่องเล่าจากเอิร์ลดอลตันว่าบุตรเขยของเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หากเป็นไลแคน เขาได้ฆาตกรรมแอนนาเบลผู้ซึ่งเป็นภรรยาของเขาอย่. ฉีกเนื้อของเธอกิน สุดท้าย...ท่านเอิร์ลถูกกล่าวหาว่าวิกลจริต ที่ไปใส่ร้ายไวท์เคานท์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างวาเลนเซีย
นัยน์ตาคมกริบสีน้ำเงินจัดละสายตาจากภาพวิวตึกรามด้านหน้า ก่อนจะหันมามองที่นาฬิกาข้อมือ ซึ่งมันบอกรายละเอียดได้มากกว่าเวลา เขาถอนใจเฮือก เมื่อรับรู้ว่าคืนจันทร์เพ็ญใกล้จะมาถึง เนื้อตัวของชายหนุ่มร้อนรุ่ม อารมณ์หงุดหงิดมากกว่าปกติ รวมถึงอารมณ์ทางด้านเพศที่คุกกรุ่นมากกว่าเดิม อีกไม่ถึงสองวันนี้แล้วสินะ มันจะได้เวลาที่เขาจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง มุมมืดที่น่ารังเกียจ แต่ก็ไม่เคยสลัดมันทิ้งไปจากชีวิตได้
เสียงกดออดดังขึ้นพร้อมๆ กับประตูที่เปิดผัวะเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน ร่างสูงกำยำเดินก้าวเร็วๆ เข้ามาด้านในห้องพักที่หรูหรา ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นห้อง จนทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่แล้วรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม
?วูฟ เฮ้! พี่อยู่หรือเปล่า ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกันนะ ผมเอาอาหารมาส่ง?
?นายจะหัดมามารยาทบ้างได้ไหม? ฟ็อกกี้?
?ฟ็อกกี้ ให้ตายเถอะวูฟ พี่เรียกผมได้ทุเรศเป็นบ้า?
เมื่อจับต้นเสียงได้ว่าพี่ชายอยู่ตรงไหน ชายหนุ่มก็เดินดุ่มมาตรงที่เขาอยู่ทันที ในมือของเขามีถุงใส่เนื้อสดและถุงเลือดมาด้วย กลิ่นคาวของมันแม้จะอยู่ในถุงพาสติกปิดซีนอย่างดี แต่จมูกที่ทรงประสิทธิภาพของวูฟก็ยังได้กลิ่นอันหอมหวนของมัน
?พี่ไม่อยากกิน?
แม้จะน้ำลายสอแต่วูฟก็ทำหน้าบึ้งแล้วปฏิเสธ ขณะที่น้องชายทรุดลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวนุ่ม แล้วส่ายหน้าน้อยๆ กับความดื้อดึงของพี่ชาย วูฟดื้อมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะกี่ร้อยปี เขาก็ยังดื้อไม่เปลี่ยนแปลง
?พี่รู้ ว่าพี่ต้องกินวูฟ หรือพี่จะคลั่งแล้วหันไปกินอย่างอื่นเอาล่ะ ถ้าถึงเวลาที่อาการของพี่กำเริบ?
คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มหน้าตึง แล้วกระชากถุงมาจากมือของน้องชาย เขามองพวกมันอย่างรังเกียจ เขาต้องกินเนื้อสดรวมถึงเลือด เพื่อลดอาการกระหายเลือดยามจันทร์เต็มดวง ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะทนไม่ไหว สติจะถูกตัดขาดเมื่อเปลี่ยนร่างเต็มที่ เขาเคยทดลองแล้วเมื่อครั้งอดีต ด้วยการอดกินอาหารพวกนี้ แต่ผลกลับกลายเป็นทุกข์ร้ายแรงมหาศาล ตราบาปที่จะติดตัวเขาไปจนวันตาย
?ที่นี่หนาแน่นดีน่า ฟ็อกกี้ นายไม่ต้องห่วงว่าฉันจะไปอาละวาด ทำเลวๆ ที่ไหนหรอก?
?ก็อด! พี่อย่าเรียกผมว่าฟ็อกกี้ได้ไหม มันฟังแล้วปัญญาอ่อนยังไงก็ไม่รู้ ผมเคยเป็นถึงนายทหารทัพหน้าในสงครามเจ็ดปีของอังกฤษกับฝรั่งเศส เป็นคนขับเครื่องบินรบของสหรัฐ รบกับพวกอัฟกานิสถาน แต่โดนเรียกว่าฟ็อกกี้ ถ้าใครรู้เข้านี่คงจะหัวเราะเยาะแล้วก็ล้อไปจนกว่าผมจะตายแน่ๆ?
?นายอย่าห่วงเรื่องที่นายจะโดนล้อไปจนตายหรอกน่า เพราะพวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย? คำพูดด้วยน้ำเสียงชาเย็นนั้น ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับมองหน้าคมสันของวูฟด้วยสายตาเห็นใจ
ในเมื่อมันเป็นคำสาปที่ยังหาทางแก้ไม่ได้ เขาก็อยู่กับมันด้วยความรู้สึกที่ทำให้ทุกวันเป็นวันแห่งความสุข ฟ็อกซ์ หรือ วิลเลียม บาเลนไทน์ ใช้ชีวิตของตนเองอย่างโลดโผน เปี่ยมไปด้วยความสุขล้น ตระกูลบาเลนไทน์มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล และเขาก็ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองอยากจะทำ
เขาเคยเป็นทหาร เป็นนักการเมือง นักธุรกิจ แม้กระทั่งเป็นนักบินอวกาศ เขาก็ลองทำมาแล้วทั้งสิ้น การมีชีวิตยาวนานกว่าคนอื่น เกือบจะเรียกได้ว่าอมตะ มันก็ต้องเสพหาความรู้ ความสนุกให้กับตนเอง ตอนนี้ฟ็อกเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเริ่มไปเรียนเกี่ยวกับโบราณคดี เขากำลังหลงใหลในเรื่องตำนานเก่าๆ เป็นอย่างมาก ฟ็อกซ์หวังว่าบางทีมันอาจจะมีหนทางสักหนทางหนึ่ง...ล้างคำสาปของคนในตระกูลที่เหลือ คือเขา วูฟ และคามิล่าได้ในที่สุด ให้เขามีช่วงชีวิตสุดท้ายอย่างมนุษย์ธรรมดาได้บ้าง
?ซีเรียสน่า วูฟ? เขาตบบ่าพี่ชายหนักๆ แล้วมองใบหน้าคมสันที่มีแต่ร่องรอยความหมองเศร้านั้นอย่างเห็นใจ ผ่านมากี่ร้อยปีแล้วนะ แต่วูฟก็ยังจมอยู่กับความเจ็บปวด ป่วยหนักทางด้านจิตใจ ตั้งแต่ครั้งเมื่อเขากลายร่างเต็มที่ แล้วลงมือทำร้ายแอนนาเบลจนถึงแก่ความตาย
วูฟโทษตนเอง ทำร้ายตัวเอง เขาเกือบจะใช้กระสุนเงินปลิดชีพตนเองได้สำเร็จ หากแต่คามิล่ามาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน เธอมอบเลือดเนื้อและจิตวิญญาณส่วนหนึ่งให้กับพี่ชาย รักษาเขาให้มีชีวิตรอดต่อ นั่นมันทำให้คามิล่าไม่เหมือนกับพวกเขา เธอกลายเป็นกึ่งมนุษย์และไลแคน มีชีวิตและความทรมานเสียยิ่งกว่าพวกเขามากนักในการใช้ชีวิต
การที่น้องสาวยอมเสียสละตัวเองมากขนาดนี้ มันก็ทำให้วูฟเลิกคิดที่จะตาย แต่เขาก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่ดี วูฟกลายเป็นคนเย็นชา นิ่งเฉย ยิ้มไม่เป็นไปเสียแล้ว แม้ว่าฟ็อกซ์จะพาเขาไปผจญภัยอะไรด้วยต่างๆ นานา แต่วูฟก็ทำอย่างแกนๆ ไม่เคยมีความสุขเลย ความสุขของเขาหายไปหมดสิ้น ตั้งแต่เขาฝังคมเขี้ยวลงบนคอของหญิงคนรัก
?แล้วพี่จะให้ผมพาสาวๆ มาให้ไหม? ขืนพี่ไม่ระบายออกไปบ้าง มันจะยิ่งอัดแน่น มันมีผลต่อเวลาแปลงร่างของพี่นะ พี่เองก็รู้?
วูฟกัดริมฝีปาก การปลดปล่อยอารมณ์อันร้อนแรงก็เป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้เขาคลั่งน้อยลง ฟ็อกซ์เห็นอาการนิ่งเฉยของพี่ชายเป็นการตอบรับ เขาจึงผิวปากหวือ แล้วกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อหาผู้หญิงมาให้พี่ชาย แน่นอนว่าเขาใช้บริการของมาดามแอกเนส เธอรู้เสมอว่าพวกเขาต้องการอะไร
?พี่ตกลงกับนายแล้วหรือยังไงกัน ฟ็อกซ์? วูฟอดขวางน้องชายไม่ได้ เมื่อได้ยินเขาเอ่ยบอกว่าต้องการผู้หญิงถึงสี่คน ฟ็อกซ์เพียงแค่ยักคิ้วให้กับพี่ชายใหญ่ของตนเองอย่างล้อเลียนเท่านั้น เพราะเขารู้ว่ายังไงวูฟก็ต้องยอมทำตามใจเขาอยู่ดี
?แค่คนเดียว...ทานพวกเราไม่ไหวหรอกน่าวูฟ พี่ก็รู้ว่าพวกเราตอนใกล้จันทร์เพ็ญ ร้อนรักกันขนาดไหน หึๆ พี่จัดการอาหารคาวของพี่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวอาหารหวานจะตามมา อย่าซีเรียสให้มากนักเลยน่าวูฟ?
ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจ แล้วลุกขึ้นเดินไปยังห้องครัวแต่โดยดี เขาเปิดถุงเนื้อสดออก กินมันอย่างหิวโหย เลือดและเนื้อทำให้อารมณ์ของเขาสงบลงได้บ้าง เหลือแต่อีกอย่างคือเซ็กส์ ที่เขาต้องการมาเพื่อบำบัดอารมณ์ร้อนคลั่งให้ระบายเบา วูฟเปิดตู้เย็นออกเพื่อเตรียมอาหารค่ำมื้อใหญ่ พวกไลแคนมักจะสนุกสนานกับการกินมากเป็นพิเศษ ยิ่งเวลาใกล้จะแปลงร่างแล้วแบบนี้ เขาและน้องชายก็กินจุมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว รวมถึงต้องมีอาหารอย่างพวกเนื้อสด เลือดสัตว์ มาเพิ่มด้วย ซึ่งมันก็กินเวลาไม่กี่วัน แต่เป็นเวลาที่ทรมานนักสำหรับวูฟ
เขาปรารถนาจะเป็นมนุษย์ปกติ คนธรรมดาๆ ที่มีคนรักเคียงข้าง สร้างครอบครัว อยู่จนหมดสิ้นอายุขัยไปพร้อมกับคนที่รัก เขาไม่อยากมีอำนาจเหนือมนุษย์ เป็นอมตะ เหมือนถูกสาปอย่างทุกวันนี้ ดังนั้น การเป็นไลแคนสำหรับคนในตระกูลบาเลนไทน์ เปรียบได้กับความทุกข์อันใหญ่ยิ่งสำหรับพวกเขาเสียจริงๆ

..............................................................................................................................................................................


?อา...? เสียงครวญดังลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เมื่อถูกกระแทกกระทั้นด้วยจังหวะเสน่หาอย่างรุนแรง เอวคอดบางถูกรั้งไว้เป็นหลัก พร้อมๆ กับมือหนาสากที่ไล้ไปทั่วร่างงาม บีบเคล้นอย่างเมามันไปตามเรือนร่างสวยสมส่วน ริมฝีปากได้รูปขบกัดไปตามบ่าไหล่มน ขณะที่สอดประสานร่างกายกับเธอ สัมผัสเร่าร้อนเร้าใจอันแสนจะรุนแรงนั้น ทำให้หญิงสาวต้องครางระโหย เมื่อถูกส่งไปพบกับดวงดาวนับครั้งไม่ถ้วน
?ใจเย็น วิเวียน่า ใจเย็น อา...ฉันยังไม่เสร็จเรื่องกับเธอ?
เสียงห้าวคำรามเมื่อรับรู้ว่าได้ส่งเธอขึ้นไปถึงดวงดาวแล้ว เขาจับร่างบางพลิกหันมาหาทั้งที่ยังอยู่ในตัวเธอ แล้วเริ่มจังหวะรักอันหนักแน่นเร่าร้อนอีกครั้ง ใบหน้าคมสันงดงามราวกับรูปสลัก ซบลงกับทรวงนุ่มขบกัดฝากรอยไปทั่วบัวแฝดคู่งาม วิเวียน่ากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด มันทำให้เธอยิ่งซ่านเสียว และเริ่มมีอารมณ์เร่าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
มือนิ่มจิกที่บ่ากว้าง ข่วนหยิกไปทั่วผิวเนื้อแกร่ง ฝากรอยเล็บไปทั่วเนื้อตัวของชายหนุ่ม หากแต่เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไร นอกจากความเมามันในเกมเสน่หาที่กำลังบรรเลงอย่างเร่าร้อน
?บาสเตียน โอ...บาสเตียน นายท่าน?
?กัดฉันสิ วิเวียน่า ที่รัก?
เขาครางเมื่อใกล้ถึงจุดมุ่งหมายแห่งความสุข หญิงสาวซบลงกับบ่ากว้าง เขี้ยวของเธองอกยาวออกมาทันที แล้วขบกัดเขาตามที่เขาร้องขอ เลือดไหลซึมออกมาทันที เซบาสเตียนคำรามลั่น เมื่อก้าวขึ้นไปยังสัมผัสแห่งจุดสุดยอดแห่งความใคร่ก่อนจะทาบทับร่างงาม เหงื่อของเขาชื้นไปหมด รสเค็มคาวของเลือดที่วิเวียน่าได้ลิ้มรส มันทำให้เธอรู้สึกแสนวิเศษและหฤหรรษ์นัก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเลือดอันแสนวิเศษของไลแคนหนุ่มรูปงาม ซึ่งเปรียบได้กับเป็นนายเจ้าชีวิตของเธอ
?คืนจันทร์เพ็ญนี้ นาร์ซิซัสจะมาที่นี่ไหม??
เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น เมื่อเขาและเธอหายเหนื่อยหอบจากเกมรักแล้ว ตอนนี้เซบาสเตียนนอนอยู่บนเตียงกว้าง มีวิเวียน่ากำลังนวดน้ำมันอโรม่าให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ ผิวเนื้อของเขาในยามนี้รุ่มร้อน และมีกลิ่นแห่งความกฤษณาคุกรุ่นไปทั่ว และอีกไม่กี่อึดใจ เธออาจจะต้องทานพลังรักอันล้นเหลือนั่นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหญิงสาวก็แสนจะเต็มใจ และพร้อมที่จะให้ความสุขแก่เซบาสเตียน ผู้เปรียบเสมือนกับเจ้าชีวิตของเธอ
?เห็นว่ากำลังรวบรวมพรรคพวกน่ะค่ะนายท่าน นาร์ซิซัสส่งข่าวมาว่าเขาได้ข่าวของคนตระกูลบาเลนไทน์ สายเลือดบริสุทธิ์อีกสามคนที่ยังหลงเหลืออยู่? มือเรียวนวดไปตามเนื้อตัวของเขา ไล้ผ่านรอยแผลที่เธอกัดเขา แต่ตอนนี้มันได้สมานตัวเข้าหากันแล้ว ไร้ริ้วรอยใดๆ ทั้งสิ้น
?ลูกชายของเคานท์บาเลนไทน์? เซบาสเตียนยิ้มที่มุมปาก เมื่อรำลึกถึงอดีต ?คู่แข่ง? ที่ฟาดฟันกันมายาวนานในครั้งอดีต ก่อนจะหัวเราะหึๆ ออกมาอย่างรื่นรมย์
บางทีแผนการของเขาอาจจะไม่ไกลเกินเอื้อมนัก ยิ่งสายเลือดของตระกูลบาเลนไทน์ด้วยแล้ว แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ไลแคนกระจอกๆ แน่นอน นั่นมันหมายถึง ?เลือดบริสุทธิ์? ที่หาได้ยากยิ่งนัก
?นายท่านรู้จักด้วยหรือคะ? เสียงหวานชะอ้อนถาม มือนิ่มยังคงเลื่อนไล้ ไปทั่วเนื้อตัวเขาอย่างอยู่ไม่สุข แม้จะผ่านสังเวียนรักด้วยกันมาแล้วเกือบสองเกม แต่เพราะพลังอำนาจของความร้อนรุ่มในกำหนัด มันก็ทำให้วิเวียนน่ายังอยากจะเสพสุขกับร่างกายอันแข็งแกร่งงดงามของเซบาสเตียนอย่างไม่รู้อิ่ม
?เธอเพิ่งจะมาเป็นไลแคน ที่รัก ฉันรู้จักอะไรๆ มากกว่าที่เธอคิดมากนัก พวกบาเลนไทน์มีชีวิตอยู่มานาน...นานมาก และเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่? มือหนาประคองใบหน้างดงามไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บาดใจส่งให้เธอ ความร้อนรุ่มกลับมาเยือนวิเวียน่าอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มเผยอแย้มอย่างเชิญชวน
?แต่จะอย่างไร ก็สู้นายท่านไม่ได้แน่ๆ ค่ะ นายท่านเป็นไลแคนผู้ยิ่งใหญ่ ราชาแห่งหมาป่าผู้เปี่ยมอำนาจ?
?แน่นอน ฉันคือราชาแห่งหมาป่า? เซบาสเตียนหัวเราะอย่างถูกใจ ก่อนจะกดริมฝีปากมาแนบกับปากอิ่ม แล้วกระซิบเสียงทุ้ม ?และจะเป็นราชาของโลกด้วย?
?นายท่านทำได้ทุกสิ่ง ที่นายท่านปรารถนา? เสียงหวานกระซิบตอบ แล้วปลายลิ้นหวานนุ่มของเธอก็ค่อยไล้เรียวปากได้รูปของเซบาสเตียนอย่างปลุกเร้า ชายหนุ่มเผยอริมฝีปากรับอย่างเร่าร้อน แล้วต้อนรับการบุกรุกของเธอด้วยปลายลิ้นอุ่นซ่าน ที่ตวัดรัดพันพัวกับเธออย่างเร้าอารมณ์
มือหนาไล้เลื่อนไปทั่วร่างงดงามเปล่าเปลือย บีบจับอย่างค่อนข้างรุนแรงเพราะแรงอารมณ์ หากแต่วิเวียน่ากลับคำรามเบาๆ อย่างชอบใจ ร่างงามแอ่นหยัดเมื่อปลายนิ้วของเขาเลื่อนลงไปปลุกสัมผัสเสน่หา ที่เนินกุหลาบแสนหวานและฉ่ำชื้น เธอแยกเรียวขาให้เขาอย่างรู้ใจ ริมฝีปากสองคู่ยังไม่คลาดจากกัน ยังคงจุมพิตกันอย่างลึกล้ำ...ดื่มด่ำ
?ดื่มกินฉันสิ วิเวียน่า? เสียงห้าวคำรามสั่งการ วิเวียน่ายิ้มหวานฉ่ำให้กับนายเจ้าชีวิต ก่อนจะเคลื่อนตัวลงต่ำ ไปยังบริเวณกึ่งกลางลำตัวอันแข็งแกร่ง มือนิ่มจับความแข็งกร้าวเร่าร้อน ก่อนจะซบหน้าลงไปสัมผัสดื่มกินเขาตามคำขอ
เซบาสเตียนจิกเรือนผมดำสลวยงดงามนั้นด้วยความเร่าร้อนในอารมณ์ เขาครางกระหึ่มอย่างชอบใจกับการปรนนิบัติอันแสนสุขของหญิงสาว มือหนาตบที่ก้นงามงอนเบาๆ เมื่อรู้สึกร้อนเร่าเกินจะทานทน วิเวียน่าขยับขึ้นคร่อมเขาอย่างรู้งาน มือบางยันที่อกกว้าง เมื่อค่อยสอดแทรกความแข็งแกร่งเข้าไปในความนุ่มแน่น
เซบาสเตียนกัดกรามกรอดเมื่อความอ่อนนุ่มตอดรัดเขา กี่ครั้งที่เสพสุขจากร่างงดงามนี้เธอก็ยังให้ความรู้สึกแสนหฤหรรษ์กับเขาได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เขาเลือกนางทาสได้ถูกคนจริงๆ วิเวียน่าปรารถนาจะสมัครตนเป็นไลแคน เป็นทาสของเขาไปตลอดกาล และเขาก็มอบชีวิตอันเป็นนิรันดร์ให้กับหล่อน วิเวียน่าตอบแทนเขาด้วยความภักดี และเซ็กส์อันแสนเร่าร้อน สุขสมใจทุกครั้งที่ได้เสพลิ้ม
ร่างงามเริ่มขยับไปตามจังหวะพิศวาส อันแสนหนักแน่นและรุนแรงในแบบที่เซบาสเตียนชอบ เสียงครางดังสอดประสานกันอย่างแสนสุข ราตรีเสน่หานี้คงจะยังดำเนินไปอีกยาวไกล ยิ่งใกล้คืนพระจันทร์เพ็ญด้วยแล้ว กลิ่นกำหนัดคงไม่จางหายไปง่ายๆ เลยเสียทีเดียว

............................................................................................................................................................................

วูฟจุดบุหรี่สูบ พลางมองไปยังเตียงกว้างของเขา หญิงสาวสองคนนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องอยู่บนนั้น หลังจากที่ผ่านเกมรักกันมาอย่างโชกโชน สายตาดำกล้าสีน้ำเงินจัด เปล่งประกายเจ็บปวดขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาถอนหายใจเมื่ออัดควันบุหรี่เข้าปอด ถ้าคามิล่ารู้เข้า คงจะเทศนาเขาอีกตามเคย เพราะเธอไม่ชอบให้เขาทำร้ายตัวเองด้วยของเสพติดแบบนี้
แต่ไลแคนมีหรือจะตายด้วยโรคมะเร็ง?
วูฟยิ้มเหยียดๆ ถ้าเกิดว่าของพวกนี้ทำให้เขาสามารถตายได้แล้วล่ะก็ เขาคงจะสนุกสนานกับการเสพมันมากเลยทีเดียว แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย พระเจ้าสาปเขาอย่างเลือดเย็น...
เสียงครวญครางจากห้องข้างๆ ดังลอดมาจนเขาได้ยิน วูฟถึงกับขมวดคิ้วเลยทันทีก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อนึกถึงน้องชายตัวแสบอย่างฟ็อกซ์ หมอนั่นบ้าพลัง แล้วก็ไม่ยอมพอง่ายๆ เสียด้วย อย่าว่าแต่ตัวฟ็อกซ์เลย ตัวเขาเองก็เถอะ มันห้ามธรรมชาติข้อนี้ไม่ได้เสียจริงๆ ทั้งที่เคยตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ขอแตะต้องใครนอกจากคนที่รัก แต่วูฟก็ไม่อาจจะห้ามสัญชาตญาณดิบเถื่อนในตนเองได้
เขากัดริมฝีปากจนเจ็บ...เดือนหนึ่งเขาต้องมีเซ็กส์บ้าง เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนร้ายในตัวออกไป แต่มันก็คล้ายเป็นเพียงหน้าที่ที่จะต้องทำ หัวใจของเขาด้านชาและไม่เคยมีความสุขที่แท้จริงเลยสักนิด ถ้าเลือกได้ เขาอยากแปลงร่างเป็นไลแคน ไปหาล่าสัตว์กินมากกว่ามีเซ็กส์กับสาวๆ แปลกหน้า ที่พึงพอใจเพียงแค่เงินที่เขาจ้างพวกหล่อนมาขึ้นเตียง หรือชอบหน้าตาอันหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ร้ายกาจของเขา พวกไลแคนมักจะมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศสูงลิบ เป็นเหมือนเครื่องมือในการล่าเหยื่ออย่างหนึ่งของหมาป่าตัวร้าย
บิดาเคยบอกว่าไลแคนจะมีคู่แท้เพียงหนึ่งเดียว ที่มีจิตวิญญาณร่วมกัน เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ที่ถูกสาปนี้ให้ยืนนานต่อไป คู่แท้ของไลแคนนั้น จะมีบางอย่างที่สื่อสัมผัสถึงกันได้เมื่อได้พบเจอ ท่านเสียชีวิตพร้อมกับมารดาในการรบกับไลแคนผู้ร้ายกาจตนหนึ่ง แม้กระทั่งการรบ พวกท่านยังสู้เคียงข้างกัน ตายเคียงข้างกัน ช่างน่าอิจฉา ที่แม้บิดาจะมีชีวิตอย่างถูกสาป แต่อย่างน้อยๆ ท่านก็ได้มีความสุขในความรัก
ตัวเขาเลือกแอนนาเบลให้เป็นคู่แท้ แต่วูฟไม่เคยเปิดเผยตัวตนอันชั่วร้ายของตนเอง เขาเลือกที่จะปกปิดมันไว้ราวกับว่าเป็นโรคร้าย เลือกที่จะโกหกเธอ เพราะเกรงว่าถ้าหากแอนนาเบลรู้เข้า เธอจะหนีเขาไป เธอเป็นรักแท้ซึ่งเขาตามหามานานเหลือเกิน และการจากไปของเธอ...ด้วยน้ำมือของเขาเอง มันทำให้หมาป่าหนุ่มเศร้าเสียใจเกินที่จะทานทนไหว ความเสียใจเกาะกุมหัวใจที่ปวดร้าว จนกลายเป็นเย็นชาและชิงชังรังเกียจในการเป็นไลแคนของตนเองนัก
แม้บิดาจะเคยบอกเขาว่าเขาต้องทำสัญลักษณ์ให้กับคู่แท้ของตน ด้วยการเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นไลแคนเหมือนกับเขา แต่วูฟก็ไม่อยากเห็นแก่ตัว จนทำร้ายใครให้เป็นเหมือนกับเขา เขาเกลียดการเป็นไลแคน เกลียดพลังอำนาจเหนือมนุษย์ และอยากจะปัดเป่ามันไปให้พ้นเสียจากตนเอง
ดูเหมือนว่าฟ็อกซ์จะยอมรับการเป็นไลแคนได้ดีกว่าเขานัก น้องชายเขาเปลี่ยนชื่อตนเองจากวิลเลียม เป็นฟ็อกซ์ แล้วก็ยินดีที่จะให้ใครต่อใครเรียกเขาด้วยชื่อนี้ ฟ็อกซ์ชอบเป็นสุนัขจิ้งจอก เจ้าเล่ห์ ปราดเปรียว มากกว่าเป็นหมาป่าผู้เงียบขรึม ทุกข์แบบอมโลกไว้ทั้งใบเหมือนกับพี่ชาย เขาใช้พรสวรรค์ และคำสาปของการเป็นอมตะผู้กระหายเลือด มาผสมผสานกันในการดำเนินชีวิตได้อย่างแสนมีความสุข น้องชายเขาเลือกที่จะทำตัวเองให้อยู่กับสังคมมนุษย์ปกติได้อย่างสนุกสนาน
จริงอยู่...ไลแคนมักจะกระหายเลือด และออกล่าในคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่เขาไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องทำอะไรร้ายๆ แบบนั้น เขาเลือกที่จะกินพวกเนื้อสดในตอนใกล้ค่ำคืนที่จะปลดปล่อยตัวอันตรายออกมา และมีเซ็กส์แบบเร่าร้อนกับเหล่าสาวๆ มากหน้า เพื่อบรรเทาอารมณ์ต่างๆ ให้ความคุกรุ่นของอารมณ์รุนแรงค่อยจางหายไปบ้าง มันได้ผลนัก เพราะตอนที่แปลงร่างเป็นไลแคนยามคืนพระจันทร์เริ่มเผยมนต์ของมัน ทั้งเขาและฟ็อกซ์มักจะสงบนิ่ง ไม่อาละวาดคลุ้มคลั่ง บางครั้งถึงกับมีสติเต็มที่ และไปวิ่งเล่นด้วยกันในป่าเพื่อปลดปล่อยพลังงาน วูฟและฟ็อกซ์แทบจะไม่เคยทำร้ายใครนอกจากตะปบนายพรานบ้าง เพื่อสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ ว่าอย่างรังแกสัตว์ไม่มีทางสู้ นั่นก็เพราะพวกเขานึกสนุกขึ้นมาแต่ไม่เคยทำจริงจังเลยสักครั้ง
การที่จะต้องฆ่ามนุษย์เพื่อเป็นอาหารนั้นไม่ได้อยู่ในสมองของไลแคนสองพี่น้องเลยแม้แต่น้อย พวกเขารังเกียจเสียด้วยซ้ำ และตามกฎของไลแคน พวกเขาจะไม่ทำอย่างนั้นเด็ดขาด อาหารของพวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยงไว้กินเนื้ออยู่แล้ว อย่างพวกหมู ไก่ แพะ วัว เป็นต้น เพียงแค่เขากินไม่เหมือนคนธรรมดา เพราะว่ามันไม่ได้ผ่านการปรุงรสและปรุงให้สุกก็เท่านั้นเอง
กฎของไลแคน...คำนี้แวบขึ้นมาในสมองของวูฟ บิดาเคยพร่ำสอนสั่งถึงพลังมหัศจรรย์ที่แฝงมาด้วยยีนอันตรายอันใหญ่หลวงของไลแคน เขามีมันสมองระดับอัจฉริยะ ประสาทการรับรู้ว่องไว การมีชีวิตอมตะยืนนานยิ่ง แต่เขาก็ต้องแลกมาด้วยความรู้สึกกระหายเลือดยามคืนพระจันทร์เพ็ญ ซึ่งไลแคนที่ดีต้องควบคุมตนเองให้ได้ และไม่ทำร้ายระรานมนุษย์ พวกเขาจึงแฝงตัวมาได้อย่างยาวนานหลายศตวรรษ เพราะยึดถือกฎนี้อย่างเคร่งครัด ไลแคนไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขา วูฟกัดริมฝีปากเมื่อนึกถึงตระกูลขุนนางอีกตระกูลหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับไม่แพ้กับตระกูลบาเลนไทน์ และแน่นอน พวกเขาก็คือไลแคนเช่นกัน และเป็นไลแคนที่ไม่เคยสนใจกฎระเบียบใดๆ เสียด้วย
ชื่อของเซบาสเตียนแวบเข้ามาในหัวสมอง จนทำให้วูฟต้องสะบัดหน้าเบาๆ เพื่อไล่ความทรงจำอันแสนร้ายกาจออกไป คู่แข่งยาวนานของบิดาและจบชีวิตไปพร้อมๆ กับท่าน เขาจำเคานท์อลาสเตอร์ เซบาสเตียนได้ดี ชายหนุ่มผมทอง นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับห้วงแห่งรัตติกาล เขามักจะมีรอยยิ้มที่ริมฝีปากเสมอ รอยยิ้มนั่นดูหยามหยัน เลือดเย็น หากแต่บางครั้งก็เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดใจ เซบาสเตียนเป็นไลแคนหนุ่มผู้สามารถในเชิงรบ และมีความมุ่งมั่นอันแสนน่ากลัว และสวนทางกับเคานท์บาเลนไทน์ผู้ซึ่งต้องการใช้ชีวิตร่วมกันกับมนุษย์อย่างปกติสุข ความมุ่งมั่นนั้นต้องถูกทำลายลงให้ย่อยยับ! มิเช่นนั้นเขาจะเป็นอันตรายต่อผู้คนเพราะความทะนงในอำนาจเหนือมนุษย์ของตนเอง
วูฟเสยผม เหงื่อเริ่มซึมออกมาเพียงแค่นึกถึงชายผู้แสนจะอันตรายอย่างเซบาสเตียน ถ้าไลแคนผู้นั้นยังอยู่ จะเป็นอย่างไรบ้างนะ เขาไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ว่าเซบาสเตียนจะสามารถสั่นคลอนโลกได้มากขนาดไหน เขาก้มลงมองที่มือทั้งสองข้างของตนเอง เซบาสเตียนจบชีวิตลงเพราะมือของเขา ที่ถือดาบเงินแทงเข้าตรงหัวใจซึ่งเป็นจุดตายของไลแคน
เขาขยี้บุหรี่ลงกับจานรอง พลางถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทอดกายลงนอนด้านล่างเตียงบนพื้นพรม เขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนไหนๆ นอกจากแอนนาเบล อย่างน้อยเขาก็ทำได้แค่นี้เพื่อเธอ วูฟยิ้มเหยียดๆ อย่างจะหยันตัวเอง อีกไม่กี่คืนก็จะถึงคืนเพ็ญ วันอันแสนทุกข์ทรมานของเขาแล้วสินะ
ชายหนุ่มพริ้มหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เขาจะตายไม่ได้ เพราะมีคนเสียสละเพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่อย่างน้องสาวต่างมารดาอย่างคามิล่า เธอคงจะเศร้าเสียใจมาก ถ้าเกิดการเสียสละของตนเอง จบลงด้วยการจากไปของพี่ชายคนโตอย่างเขา

-----------------------------------------------------------------------------------------------
เมื่อดวงจันทรากลมโตสีแดงฉาน บุรุษที่ถูกสาปไว้จะควบคุมตนไม่ได้ เขาต้องการพลังจากสิ่งมีชีวิตสักสิ่งและยิ่งไปกว่านั้นเขากระหายเสพสม ไวท์เคานท์ บาเลนไทน์ วาเลนเซียพยายามแล้วที่จะระงับความอยากเหล่านั้นมาตลอดหลายร้อยปี โรคไข้แสงจันทร์ที่ตีตราไลแคนหนุ่มให้รับความโชคร้ายไว้ทำให้เขาไม่มีความสุขเลยสักวัน จนกระทั่งเขามาเมืองไทยเพื่อตามหาไลแคนสาวผู้น้องจอมซนที่ชอบท่องเที่ยวไปรอบโลก การเดินทางครั้งนี้ชายหนุ่มจะต้องปราบอริร้ายไลแคนเลวที่จ้องล้างผลาญโลก ซึ่งในคราเดียวกันนั้นวาเลนเซียก็ได้เจอหญิงสาวที่เขามั่นใจว่าคือคู่แท้ เพราะน้ำรินสาวนักข่าวสายอาชญากรรมหาได้หวั่นกลัวใดๆ กับความเป็นไลแคนของเขา ทว่าวาเลนเซียก็ยังกลัวว่าสัญชาตญาณแห่งไลแคนจะจู่โจมทำร้ายคนที่เขารักเช่นในอดีต แต่ความรักมักทำให้เกิดเรื่องราวมหัศจรรย์และประหลาดใจอยู่เสมอ...ดังเช่นไลแคนหนุ่มกับมนุษย์สาวในอ้อมกอดของกันและกัน
รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”