New Release:ลำนำรักราชาปีศาจ ~แผนลักลอบเรียกปีศาจในโรงเรียน~

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:ลำนำรักราชาปีศาจ ~แผนลักลอบเรียกปีศาจในโรงเรียน~

โพสต์ โดย Gals »

1 ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนชาวปีศาจ

ณ โลกปีศาจ
โลกต่างแดนซึ่งอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากที่สุด
ท่ามกลางป่าลึกอันมืดทึบและไกลโพ้น ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปไกลจนสุดสายตา ตรงบริเวณทางเดินด้านหลังของตัวเมืองซึ่งเรียกกันว่าเป็น ?เมืองหลวงแห่งโลกปีศาจ? และตรงเสี้ยวเวลาเพียงชั่วขณะก่อนสติจะก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งการนิทรา??ภายในสถานที่ทั้งสามแห่งและช่วงเวลาดังกล่าว มีช่องว่างระหว่างมิติขนาดเล็กซึ่งเชื่อมต่อโลกทั้งสองเข้าด้วยกัน
หากมองไปยังอีกฟากหนึ่งของช่องว่างระหว่างมิติ จะแลเห็นทัศนียภาพของโลกปีศาจว่าเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่และมีแต่ความแห้งแล้งอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มองเห็นแต่ทะเลทรายและโขดหินสีน้ำตาลแดงอยู่เต็มไปหมด
ภายในดินแดนแห่งนี้ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นตึกหรืออาคารอยู่เลยแม้แต่แห่งเดียว สายลมที่พัดโหมกระหน่ำได้หอบเอาฝุ่นทรายจำนวนมากลอยหมุนคว้างขึ้นกลางอากาศจนกลายเป็นพายุ ฝุ่น ครั้นเมื่อพัดต่อไปกระแทกกับโขดหินใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณนั้นได้ก่อให้เกิดเสียงดังหวีดหวิวราวกับเสียงกรีดร้อง ก่อนที่พายุจะแตกกระจายร่วงลงสู่ผืนทรายใหม่อีกครั้ง
ท่ามกลางสถานที่และบรรยากาศอันแห้งแล้งเช่นนี้ ผู้คนของที่นี่เขาดำรงชีวิตอยู่อย่างไรกันนะ
คำตอบก็คือ ส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยอยู่ในภูเขาหินนั่นเอง
พวกเขาได้ขุดเจาะโขดหินซึ่งตั้งเรียงตัวกันอยู่ให้เป็นโพรงขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นสถานที่พักอาศัย
และในบรรดาโขดหินเหล่านี้ มีโขดหินที่ถูกเจาะเป็นโพรงขนาดมหึมาตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่โขดหนึ่ง สร้างเป็นปราสาทของปีศาจระดับสูงผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึง ?พระราชา? นามว่า ?คิวริออส?
???ออส....ท่านคิวริออส โปรดให้ข้าน้อยได้เข้าพบด้วยเถิด?
เสียงกระซิบเรียกดังขึ้นจากภายในปราสาท ฟังดูคล้ายกับเสียงร้องคำรามของสัตว์ประหลาด
สถานที่แห่งนี้หากมองเข้าไปภายในจะพบว่ามีลักษณะคล้ายกับเป็นถ้ำ
ส่วนห้องซึ่งได้ชื่อว่าเป็นห้องบรรทมของคิวริออสนั้นเป็นห้องกว้างที่ได้รับการขุดเจาะเป็นรูปโดม ภายในมีรูปปั้นแกะสลักของสัตว์ประหลาดรูปร่างหน้าตาท่าทางแปลกๆ อยู่เป็นจำนวนมาก บางตัวก็นอนดิ้นบิดตัวไปมา บางตัวก็อยู่ในท่ากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดขณะแลกเขี้ยวเข้าใส่กัน
บรรยากาศโดยรวมทั้งมืดทึบและน่ากลัว เนื่องจากไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว อีกทั้งเตียงนอนหรือพรมปูพื้นก็ไม่มี
สิ่งที่เห็นมีเพียงบัลลังก์แท่นประทับของราชาปีศาจซึ่งแกะสลักมาจากผนังหิน กับบ่อน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่ขุดขึ้นมา ตั้งอยู่กลางห้อง ภายในมีของเหลวสีแดงข้นบรรจุอยู่เต็มเปี่ยม ของเหลวที่ว่านี้ข้นทึบ แล้วจู่ๆ มันก็กระเพื่อมขึ้นทั้งที่ไม่มีลมพัดแต่อย่างใด จากนั้นก็หมุนวนพร้อมกับปล่อยฟองลอยปุด ปุด ขึ้นมาเป็นบางคราวอย่างน่าประหลาด
ดูเหมือนว่าเสียงร้องคำรามเมื่อสักครู่จะดังมาจากในบ่อน้ำแห่งนี้
?ท่าน....คิวริออส....ไม่ทราบว่า??ท่านได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วหรือยัง??
เมื่อฟองที่ผุดขึ้นมาแตกหายไป เสียงร้องคำรามอันแหบแห้งนั้นก็ดังขึ้นมาอีก แต่ทว่าทางฝ่ายคิวริออสซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์กลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ราชาปีศาจผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์หากมองผิวเผินจากภายนอกแล้ว ใบหน้าเขาเหมือนชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างผอมซูบ ตัวสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดทหารสีขาว ผมสีทองยาวสยายปรกบ่า
ตามปกติถ้าพูดถึงการแต่งกายในชุดสีขาวให้เข้ากับผมสีทองที่ยาวสยาย บรรยากาศรอบตัวเขาก็น่าจะดูสว่างสดใสเจิดจ้า ทว่าสภาพของคิวริออสในขณะนี้ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวจนแทบไม่มีใครอยากจะย่างกรายเข้ามาใกล้เลยทีเดียว
เริ่มจากตรงด้านล่างของเสื้อนอกแขนยาวที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงคล้ำ เปลือกตาอันบางเบาปิดสนิทอยู่บนใบหน้าที่ราวกับไม่มีพลังของสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่ ผิวขาวมากจนซีดเผือด ไม่เหลือความเปล่งปลั่งของผิวหนังสะท้อนให้เห็นอยู่เลย ถูกแล้ว จะว่าไปใบหน้าของเขาดูเหมือนซากศพไม่มีผิด
?รึว่า??เจ้าเร็กซ์ที่ถูกพวกมนุษย์หน้าโง่บงการนั่นได้สังหารพระราชาของพวกเราไปซะแล้ว!??
คราวนี้แทนที่จะมีฟองผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำเหมือนเดิมก็กลับกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างโผล่ขึ้นมาแทน
ของเหลวสีแดงข้นหนืดในบ่อซึ่งเกาะติดอยู่ตามตัวของเจ้าสิ่งนั้นค่อยๆ ไหลหยดลงมา เผยให้เห็นโครงร่างของสัตว์ประหลาดเจ้าของเสียง
รูปร่างแบบนี้ใช่เสือรึเปล่านะ? ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นสัตว์สี่เท้าขนาดใหญ่รูปร่างโตพอๆ กับวัวเลยต่างหาก แต่เพราะของเหลวสีแดงข้นหนืดนั้นเกาะเต็มตัวไปหมด เลยทำให้มองดูไม่รู้ว่าเป็นปีศาจอะไรกันแน่
พอคลานขึ้นมาจากบ่อน้ำได้แล้วมันก็พยายามจะใช้กรงเล็บอันคมกริบสัมผัสที่ปลายเท้าของราชาปีศาจ
จังหวะนั้นเองที่เขาขยับตัวขึ้นทันที
คิวริออสเตะเจ้าสัตว์ประหลาดที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงกระเด็นออกไป จนมันส่งเสียงร้อง
และแล้วสีหน้าอันซูบซีดราวกับซากศพของเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
???ให้ตายสิ! ไม่มีเวลาให้เราได้พักผ่อนนอนหลับสบายๆ เอาซะเลย เอ๊ะ? เจ้านี่มันอาร์เมอร์ (อาวุธหอก) นี่นา?
พอได้ยินเสียงราชาปีศาจบ่นพึมพำดังนั้น เจ้าสัตว์ประหลาดที่ล้มไปนอนหมอบอยู่กับพื้นก็เงยศีรษะขึ้นมาเล็กน้อย
?โอ....จำข้าน้อยได้ด้วยหรือขอรับ ช่างน่ายินดีเหลือเกิน ขอบคุณท่านมากจริงๆ ท่านคิวริออส กรุณาให้ข้าน้อยได้รับใช้ท่านด้วยเถอะ?
?จะให้เราใช้เจ้าทำอะไรดีล่ะ? แต่จะว่าไป ฝีมือของเจ้าก็ไม่เบาเหมือนกันนี่ สามารถทำลายกรงขังข้างล่างแล้วคลานขึ้นมาหาเราถึงที่นี่ได้ ฝีมือดีแบบนี้ต้องเป็นประโยชน์ต่อการทำศึกสงครามแน่ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เรายังไม่สามารถจะออกไปต่อสู้กับใครได้จนกว่าจะรักษาบาดแผลให้หายดีซะก่อน ที่สำคัญ ถึงออกไป แต่สนามรบที่ไม่มีเร็กซ์อยู่ด้วยก็เหมือนกับไม่ใช่สนามรบนั่นแหละ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นแค่เกมล่าเหยื่อเท่านั้น?
ดวงตาของคิวริออสหรี่ลงเผยให้เห็นขนตายาวสีทอง ในขณะที่พูดพลางมองดูร่างกายของตัวเอง
สิ่งที่ทำให้ชุดทหารสีขาวต้องเปรอะเปื้อนก็คือเลือดของตัวเขาเอง บาดแผลที่ได้รับนี้มาจากการต่อสู้กับราชาปีศาจอีกตนซึ่งมีนามว่า ?เร็กซ์? ขณะอยู่บนโลกมนุษย์
?เร็กซ์? ที่กล่าวถึงคือปีศาจระดับสูงซึ่งมีบรรดาศักดิ์เทียบเท่ากัน การโจมตีของเขานั้นหนักหน่วงมาก อย่าว่าแต่ลงไปโลกมนุษย์เลย ขณะนี้แม้แต่จะขยับตัวออกไปนอกปราสาทของตนเอง คิวริออสยังไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ
ดูเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดจะเข้าใจความหงุดหงิดใจของราชาปีศาจได้เป็นอย่างดี มันจึงกล่าวข้อเสนอขึ้นมาว่า
?ท่านคิวริออส ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะไปพามันกลับมาเอง....จะพาเจ้าเร็กซ์นั่นกลับมาให้ท่าน?
???เจ้าน่ะเหรอ??
คิวริออสชายตามองไปที่ตัวมัน
ดวงตาสีแดงคู่นั้นฉายแววจิตสังหารอันแรงกล้า ทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดตัวสั่นไปเล็กน้อย แต่มันยังคงพยักหน้า
?ถูกแล้วขอรับ เพราะเหตุนี้ข้าน้อยถึงได้ขึ้นมาพบกับท่าน เพื่อแสดงฝีมือของตนให้เป็นที่ประจักษ์....หากสามารถพาเจ้าเร็กซ์นั่นกลับมาให้ท่านได้สำเร็จล่ะก็ โปรดรับข้าน้อยไว้คอยรับใช้อยู่ข้างๆ ท่านตลอดไปจะได้ไหมขอรับ!?
?....อย่างนี้นี่เอง เจ้าน่ะเหรอ?
คิวริออสพูดแล้วก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งว่า
???ก็ได้ ตกลง เราอนุญาตให้ลองทำดู ถ้างั้นเราจะปลดสายโซ่ที่พันธนาการตัวเจ้าออกเดี๋ยวนี้ล่ะ?
ทันทีที่เขากล่าวจบ ร่างของสัตว์ประหลาดก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นของเหลวสีแดงกองลงบนพื้น จากนั้นก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากของเหลวที่กองอยู่ตรงนั้น
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าในขณะนี้ดูแล้วช่างเหมือนกับการเล่นมายากล??เมื่อได้รับการปลดผนึกความสามารถแล้ว ปีศาจที่เดิมทีมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้กลายร่างเป็นมนุษย์
คิวริออสปิดตาลงพร้อมกับพูดเบาๆ ต่อไปโดยไม่สนใจเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
?ไปได้แล้ว! แต่ไม่ต้องเสียเวลาพาเร็กซ์กลับมาที่นี่หรอก ฆ่ามันทิ้งซะที่โลกมนุษย์ไร้สาระพรรค์นั้นไปเลยก็ได้ ต่อให้ซากศพของมันก็ไม่มีคุณสมบัติจะมาเหยียบดินแดนอันแสนวิเศษของโลกปีศาจแห่งนี้อีกต่อไป?
?ทราบแล้วขอรับ ท่านคิวริออสผู้เป็นวีซารี่ แฟนแทสซึ่ม (เจ้าแห่งขุมนรกโลกันตร์) พระราชาของพวกเรา?
เด็กหนุ่มผู้ได้รับการปลดปล่อยพลังให้เป็นอิสระก้มศีรษะอย่างนอบน้อมแสดงความเคารพ
ผมสีแดงของเขาเปล่งประกายระยิบระยับยามสะท้อนแสง ดวงตาสีทอง รูปร่างภายนอกตอนนี้ไม่เหลือวี่แววแห่งความเป็นสัตว์ประหลาดอยู่เลย แม้แต่ใบหน้าเองก็ยังดูราวกับหนุ่มน้อยรูปงามอายุราว 17-18 ปี

*************************************************************************************************************

ขณะนั้นบนโลกมนุษย์เป็นช่วงเวลาครึ่งหลังของศตวรรษออโธดอกซ์เชอร์สที่ 19
ห่างจากเมืองหลวงของประเทศนอร์สแลนด์ออกไปสามสิบกิโลเมตร มีปราสาทเก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่กลางเนินเขาบนผืนแผ่นดินอันเงียบสงบ ปราสาทนี้มีชื่อเรียกกันว่าปราสาทเชอร์สวาน ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
?ว้าว....ท้องฟ้าอันสดใสของที่ราบในประเทศนอร์สแลนด์?
จัสตินส่งเสียงร้องร่าเริงอย่างดีใจขณะยืนชูแขนยืดตัวสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่บนหลังคาปราสาท
การที่เธอกล่าวเช่นนี้เพราะประเทศนอร์สแลนด์เป็นประเทศหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนเกาะทางฝั่งตะวันตกของทวีปตอนเหนือ โดยอยู่ทางตอนบนและมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะ ในปีนี้ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนเร็วกว่าปกติ
ท้องฟ้าสีครามที่มองจากบนหลังคาดูกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา กลุ่มเมฆจับตัวเป็นก้อนใหญ่ทอดตัวเป็นแนวยาวแผ่โค้งออกไปไกล
หากมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นเนินเขาเล็กๆ ถูกย้อมและแต่งแต้มด้วยสีสันของต้นไม้ในป่า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนสีเป็นสีแดงบ้าง สีเหลืองบ้างขณะทอดกิ่งก้านเอนลู่ไปทางแม่น้ำสีฟ้าใสที่อยู่ใกล้ปราสาทอย่างงดงามราวกับว่าฤดูใบไม้ร่วงกำลังขับไล่ฤดูร้อนอันแสนสั้นให้ลาจากไป
ทัศนียภาพของโลกอันสดใสเช่นนี้ดูคล้ายกับกระจกสีที่ส่องประกายแวววาวยามสะท้อนแสงอาทิตย์
?ในป่าทึบเขตร้อนชื้นคงไม่มีโอกาสได้เห็นฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้แน่ นานๆ ทีได้กลับมาอยู่บ้านเกิดบ้างก็ดีเหมือนกันเนอะ?
จัสตินที่กำลังนั่งกอดเข่าดูวิวบนหลังคาและพูดจาแปลกๆ นี้เป็นเด็กสาวอายุเพียง 15 ปี
ผมสีพลาทินั่มบลอนด์ของเธอเป็นลอนยาวสลวย ส่องประกายสวยงามยามสะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ดวงตาสีเขียวใสให้ความรู้สึกสดชื่นร่าเริงมีชีวิตชีวา แม้ชุดที่สวมใส่จะเป็นชุดสาวใช้ซึ่งเป็นกระโปรงสีดำผูกผ้ากันเปื้อนขาวแบบเรียบง่ายก็ตาม แต่นั่นก็มิได้บดบังความน่ารักเหมือนตุ๊กตาของเธอเลยแม้แต่น้อย ใครก็ตามที่ได้เห็นต่างก็จะต้องบอกว่าเธอเป็นเด็กสาวผู้งดงามไร้ที่ติกันแทบทั้งนั้น
....เพียงแต่ว่านิสัยของเจ้าตัวออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย
?เฮ้อ วันที่ท้องฟ้าโปร่งใสอากาศดี ๆ แบบนี้ อยากไปดูการแสดงโชว์ถอดผ้าพันมัมมี่ในห้องมืดสลัวจัง....หรือไม่ก็ไปเที่ยวชมนิทรรศการของหายากที่ขึ้นจัดตามปราสาทลึกลับสยองขวัญสักแห่งก็ดีนะ?
สิ่งที่พึมพำออกมาขณะมองดูท้องฟ้าอย่างเพลิดเพลินมีแต่เรื่องประหลาดพิลึกพิลั่นแทบทั้งนั้น
เพราะสมัยยังเยาว์วัยนั้นเธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางผจญภัยรอบโลกพร้อมกับบิดาผู้เป็นขุนนางนักผจญภัยตัวยง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้งานอดิเรกค่อนข้างจะแหวกแนวไปจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
ความใฝ่ฝันอยากมีความรักหรือความรู้สึกอยากใส่กระโปรงสวยงามไปงานปาร์ตี้ตามประสาเด็กสาวทั่วไปนั้นไม่มีเลย สิ่งที่ชอบกลับเป็นโบราณสถานและพวกสิ่งของประหลาดลึกลับ ความสามารถพิเศษก็คือการใช้ชีวิตอยู่กลางทุ่งหญ้าได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้ยังเธอใช้เวทมนตร์คาถาและยิงปืนได้อีกด้วย เรียกได้ว่าประหลาดจากเด็กคนอื่นๆ อย่างหนักเลยทีเดียว
ที่สำคัญกว่านั้น เจ้าตัวไม่เคยคิดว่านั่นคือสิ่งที่ประหลาดผิดแผกไปจากชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย เพราะจากนี้ไปเธอก็ยังอยากจะใช้ชีวิตแบบนักผจญภัยมากกว่าจะเป็นสุภาพสตรี ดังนั้นจัสตินจึงไม่เคยมีความคิดว่าจำเป็นจะต้องฝืนทำตัวให้สมเป็นเด็กผู้หญิงที่ตรงไหน
?แต่เรามีงานต้องทำอยู่เต็มไปหมด จะทิ้งปราสาทออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ซะด้วย??อย่างน้อยถ้ามีแขกซึ่งมีลักษณะแปลกๆ น่าสงสัยมาเยือนที่นี่สักคนก็คงจะดีหรอก หรือไม่ก็เป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็ได้ เอาประเภทที่มีนิสัยประหลาดลึกลับก็ยังดี ....เอ๊ะ??
ระหว่างที่พึมพำระบายความในใจอยู่นั้น จัสตินก็เห็นเงาของรถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งอยู่บนเนินเขาฝั่งตรงข้ามกับป่า
ครั้นสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าเป็นรถม้าสีดำที่ดูหรูหรา บนตัวรถมีลวดลายแกะสลัก และมีเครื่องประดับสีทองสวยงามติดอยู่
ที่สำคัญคือ รถคันนั้นกำลังวิ่งตรงมายังปราสาทเชอร์สวาน
?หือ แขกที่มาเป็นพวกขุนนางเหรอ? หรือว่าจะเป็นเด็กนักเรียนใหม่ จริงสิ ดูเหมือนคุณเลขาฯ จะเคยพูดอะไรทำนองนี้อยู่เหมือนกัน....?
?จาเน็ต ไปทำอะไรอยู่บนหลังคาน่ะ!??
ขณะที่กำลังนึกทบทวนสิ่งที่ตนเคยได้ยินมาอยู่นั้น จู่ๆ หน้าต่างบนหลังคาก็เปิดออก
ใบหน้าที่โผล่ขึ้นมาจากหน้าต่างบานนั้นคือเพื่อนสาวใช้คนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าเมย์เบล
จัสตินจึงหันไปตอบด้วยรอยยิ้มว่า
?เมย์เบล พอดีตอนที่เด็กนักเรียนกำลังออกกำลังกายกันอยู่ ลูกบอลมันลอยขึ้นมาติดอยู่บนหลังคาน่ะ ฉันเลยขึ้นมาเก็บ?
?หา ว่ายังไงนะ!? เธอนี่บ้าจริงเชียว เรื่องพรรค์นั้นทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกเด็กปีหนึ่งเขามาเก็บกันเองล่ะ ทำแบบนี้มันอันตรายนะ! ฉันว่าเจ้าพวกคุณหนูตัวแสบทั้งหลายนั่นเจตนาจะหาเรื่องแกล้งเธอให้ลำบากซะมากกว่า?
เมย์เบลพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่ความจริงแล้วเมย์เบลเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่อายุแค่ 10 ปีเท่านั้น
พอได้ยินเพื่อนสาวใช้ตักเตือนมา จัสตินก็ลุกขึ้นยืนแล้วพยายามเดินทรงตัวบนหลังคาอันลาดชัน ครั้นมาถึงตรงข้างบานหน้าต่างเธอก็นั่งยองๆ ลงพร้อมกับหันไปยิ้มให้และพูดว่า
?ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็อยากลองปีนขึ้นมาบนหลังคาดูสักครั้งเหมือนกัน จริงสิ เมย์เบล เธอเห็นรถม้าคันนั้นรึเปล่า? รถสวยแบบนี้จะต้องเป็นเด็กใหม่จากตระกูลผู้ดีที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนนี้แน่!! ยอดไปเลยเนอะ แสดงว่าโรงเรียนของเราเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นรึเปล่าน้า....?
?ชื่อเสียงโด่งดังเหรอ? จริงสินะ....จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ยังใหม่ แถมอยู่ห่างจากเมืองหลวงในระยะห่างกำลังดี ไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป แต่ชื่อเสียงที่ว่าคงจะมาจากคำเล่าลือซึ่งใครๆ พูดกันว่า ?พ่อแม่หรือผู้ปกครองเห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ขับไล่เจ้าลูกชายจอมยุ่งออกไปจากบ้านเสียที? มากกว่านะ?
เมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาตรงๆ เช่นนั้น รอยยิ้มของจัสตินก็เจื่อนไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าลำบากใจ
สาเหตุก็คือ เดิมทีท่านดยุคเชอร์สวานซึ่งเป็นท่านพ่อของเธอตั้งใจว่าจะดัดแปลงปราสาทเชอร์สวานอันเก่าแก่แห่งนี้ให้กลายเป็นโรงเรียนสตรี
จุดมุ่งหมายก็เพื่อต้องการให้บุตรสาวได้เรียนรู้และฝึกฝนความเป็นสุภาพสตรีต่อไปในภายภาคหน้า ดังนั้นท่านจึงฝากฝังโรงเรียนนี้ไว้ โดยมอบหมายให้เพื่อนสนิทเก่าแก่คนหนึ่งคอยจัดการดูแล แต่แล้วเพื่อนคนนั้นกลับทรยศหักหลัง หวังจะฮุบเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลท่านดยุคไปเป็นของตนเอง มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนปราสาทหลังนี้ให้กลายเป็นโรงเรียนชาย โดยมีระบบหอพักไว้สำหรับนักเรียนประจำทั้งหมดอีกด้วย
เมื่อจัสตินที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพียงลำพังได้ทราบเรื่องนี้เข้า เธอจึงแฝงตัวเข้ามาในฐานะสาวใช้ โดยใช้ชื่อปลอมว่า ?จาเน็ต? แล้วในที่สุดเธอก็สามารถจัดการกับเพื่อนเก่าของท่านพ่อและกอบกู้ปราสาทหลังนี้กลับคืนมาได้สำเร็จ
แต่ทว่าปราสาทหลังนี้ได้ดำเนินการในฐานะโรงเรียนชายล้วนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
พอตอนนี้จู่ๆ จะไล่พวกเด็กนักเรียนออกไปก็คงกระไรอยู่ ที่สำคัญ จัสตินเองก็ไม่เคยมีความคิดอยากจะเรียนรู้ฝึกฝนการเป็นเจ้าสาวในโรงเรียนสตรีเลยสักนิด....ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจดำเนินกิจการในฐานะที่เป็นโรงเรียนชายล้วนต่อไปตามเดิม
?เนื่องจากหม่อมฉันยังไม่บรรลุนิติภาวะ อีกทั้งยังอ่อนประสบการณ์....แถมที่ผ่านมายังเคยทำงานเป็นสาวใช้มาก่อน จู่ๆ ไปบอกกับทุกคนว่า ความจริงแล้วฉันคือคุณหนูผู้เป็นบุตรสาวของท่านดยุค รวมทั้งเป็นเจ้าของปราสาทหลังนี้ด้วยล่ะก็ มีหวังทุกคนจะต้องลำบากใจในการปฏิบัติตัวด้วยเป็นแน่ ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะทำงานเป็นสาวใช้ตามเดิม แต่เบื้องหลังก็จะช่วยบริหารงานในฐานะเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนด้วยเพคะ?
เมื่อครั้งที่เข้าเฝ้าฯ พระราชินี เธอได้กราบทูลต่อพระองค์เช่นนั้น สถานภาพของเธอในตอนนี้จึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เนื่องจากภายนอกที่เห็นทำงานเป็นเพียงสาวใช้ แต่เบื้องหลังก็คือครูใหญ่ของโรงเรียนตัว
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปราสาทหลังนี้เปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนชายก็เพราะเพื่อนเก่าของท่านพ่อหวังจะกอบโกยเงินเป็นสำคัญ จึงได้รับสมัครแต่เด็กนักเรียนที่ร่ำรวยมีตระกูลเสียส่วนใหญ่ ทำให้นักเรียนของที่นี่มีแต่พวกเด็กเกกมะเหรกเกเรชอบสร้างปัญหา หรือไม่ก็เป็นเด็กประเภทที่พ่อแม่ไม่ค่อยอยากให้ลูกของตัวเองอยู่ใกล้ๆ แทบทั้งสิ้น
แต่ยังไงก็ตาม จัสตินไม่อยากจะเลิกล้มความพยายามในเรื่องนี้
?จริงสินะ เธอพูดถูก ที่นี่อาจจะยังห่างไกลจากคำว่า ?โรงเรียนดีมีชื่อเสียง? ก็จริงอยู่ ....แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้พวกเด็กๆ ที่ถูกผู้ปกครองส่งเข้ามาเรียนที่นี่ด้วยเหตุผลว่า ?อยากจะขับไล่เจ้าตัวยุ่งนั่นออกไป? ได้มีความคิดใหม่ว่า ?ไม่น่าเชื่อเลยนะ! เราช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้? บ้างก็ยังดี เพราะขนาดตัวฉันเองก็ยังชอบปราสาทหลังนี้มากเช่นกัน ถ้าทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขก็คงจะดีนะ??ดีล่ะ ถ้างั้นก่อนอื่นต้องรีบไปทักทายเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก่อนจะดีกว่า เพราะถึงยังไงภาพพจน์ของโรงเรียนที่ได้พบเห็นในครั้งแรกนั้นก็ถือว่าสำคัญที่สุด!?
เด็กสาวพูดพลางกำมือแน่น แต่เมย์เบลซึ่งยืนฟังอยู่ข้างๆ กลับถอนหายใจ
?เอาเถอะ ยังไงก็ทำความสะอาดให้เสร็จเรียบร้อยด้วยล่ะ ขืนปล่อยให้ใบไม้ร่วงหล่นค้างเป็นกองพะเนินอยู่ที่ประตูหน้าล่ะก็ มีหวังภาพพจน์ของโรงเรียนคงเสียหายยับเยินไปตั้งแต่แรกเริ่มแล้วล่ะ?
?จ้า....รู้แล้วล่ะ!?
จัสตินพูดพลางมุดตัวลอดผ่านหน้าต่างบนหลังคาเข้าสู่ตัวอาคาร จากนั้นก็รุดต่อไปยังประตูหน้า
ในขณะนั้นทางฝ่ายเมย์เบลยังไม่รู้ความจริงว่า การทักทายเด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามานั้นก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของครูใหญ่ผู้บริหารอยู่เบื้องหลังด้วยเช่นเดียวกัน

******************************************************

ภายหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ ผ่านพ้นไป จัสตินผู้เกลียดหนุ่มหล่อเป็นที่สุดก็ได้กลายมาเป็นครูใหญ่ (แต่อยู่เบื้องหลัง) ของโรงเรียนชาย ชีวิตประจำวันของเธอต้องต่อสู้กับการสารภาพรักของบรรดาเด็กนักเรียนหนุ่ม รวมทั้งราชาปีศาจเร็กซ์ผู้หล่อขั้นเทพ แถมยังชอบตามมาเกาะแกะเธออยู่เป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามา! หลังจากที่รู้ว่านักเรียนใหม่ผู้นี้วางแผนจะครอบครองโรงเรียน จัสตินก็ได้สั่งให้เร็กซ์และลูกสมุนปลอมตัวเป็นนักเรียนเพื่อเข้าไปสืบหาความจริง และแล้วเธอก็ได้ทราบว่าเรื่องครั้งนี้มีแผนร้ายของโลกปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้อง....!?

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”