New Release:มนต์รักนักรบ (ฉบับปรับปรุงใหม่)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:มนต์รักนักรบ (ฉบับปรับปรุงใหม่)

โพสต์ โดย Gals »

1...
คืนนั้นปูชิตาเหยียบคันเร่งพารถคันเล็กของหล่อนวิ่งมาตามทางหลวงด้วยความเร็งสูง...หวังจะกลับให้ถึงกรุงเทพฯ ก่อนมืด...
แต่มาค่ำเอาก่อนเข้าจังหวัดสิงห์บุรีนิดเดียว...และกว่าจะผ่านมาถึงค่ายพม่าก็มืดสนิท...
หญิงสาวหันไปมองเพื่อนสนิทที่ร่วมทางมา เห็นเทวีนั่งสัปหงกอย่างคนที่ง่วงเต็มที่ก็หันกลับมองถนนใหม่...
รถของหล่อนแล่นเร็วมากเพราะเหยียบมาถึงร้อยยี่สิบร้อยสามสิบ...และน่าประหลาดใจที่ปูชิตากลับมองเห็นข้างหน้าและข้างทางได้ชัดกว่าปกติ...ทั้งๆ ที่หล่อนไม่ควรเห็นอะไรนอกจากถนนด้านหน้าที่กำลังตรงไปเท่านั้น...
แล้วนาทีต่อมา...หญิงสาวก็เริ่มกะพริบตาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหมอกสีขาวโรยตัวเข้ามาจากข้างทางทั้งสองข้างช้าๆ...
ปูชิตาผ่อนคันเร่งลงทันที...ชะลอความเร็วลงโดยอัตโนมัติอย่างระมัดระวังผสมกับความไม่แน่ใจ...
อะไรกัน...หมอกพวกนี้มาจากไหน...ข้อสำคัญมันหนาทึบขึ้นทุกทีจนมองไม่เห็นทางข้างหน้าทำให้หล่อนต้องเหยียบเบรก...และบังคับรถเข้าข้างทางแต่ยังไม่ยอมหยุด...จนกระทั่ง...
พอรถของหล่อนพ้นแนวหมอกหนา ปูชิตาก็มองเห็นกำแพงไม้สูงเทียมฟ้าขวางอยู่ข้างหน้าทำเอาหล่อนต้องเหยียบเบรกมิดทีเดียวคราวนี้...แต่ช้าไป...
รถคันสวยที่เพิ่งออกมาใหม่หยุดไม่ทัน...พุ่งเข้าชนกำแพงไม้ซุงสูงตระหง่านนั้นเต็มแรง...
เทวีเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นก่อนชนแว่บเดียวถึงกับร้อง ?ว้าย? ขึ้นสุดเสียง...
ส่วนคนขับยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะล้มตัวลงบนคันเกียร์ข้างตัว หลบทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังพุ่งเข้าชนโดยไม่ร้องสักคำ...
มันดังโครมสนั่นเลยทีเดียว...หน้ารถพังยับเพราะรถสมัยนี้ใช้เหล็กบอบบางกว่าสมัยก่อนมาก...ขนาดชนกับซาเล้ง...หน้ารถยุบแต่ซาเล้งไม่เป็นอะไรเลยก็คิดดู...
ผลจากการชนอย่างไม่คาดฝันมาก่อนทำเอาเทวีได้เลือดจากเศษกระจกเม็ดเล็กๆ ที่กระเด็นเข้าหน้าผาก...ส่วนคนขับไม่เป็นอะไร เพราะก้มหน้าหลบทัน
?โอ๊ยตาย...ตายแน่คราวนี้...? เทวีบ่นอุบอิบขณะที่ค่อยๆ ยื่นมือไปเปิดประตูรถแล้วกลิ้งตัวลงไปอย่างหมดแรง...และปูชิตาก็ทำเช่นกัน...
ทั้งคู่ลงไปนั่งอยู่กับพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกำแพงไม้ซุงสูงท่วมหัวอย่างแปลกใจ...
?นี่มันอะไร...เธอตกถนนมาจนถึงค่ายพม่าทีเดียวหรือ...?
เทวีถามอย่างงงๆ...และมองสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ...
?ไม่ใช่...เลยค่ายพม่ามาตั้งนานแล้ว...แต่มันค่ายอะไรกันเนี่ย...?
ปูชิตาพึมพำถามตัวเองก่อนจะเซลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับกวาดตาไปรอบๆ ตัวที่เต็มไปด้วยป่ากล้วย...
?ป่ากล้วย!?...? หล่อนพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย...
แต่ทั้งคู่สงสัยไม่ได้นานก็ได้ยินเสียงบานประตูค่อยๆ แง้มเปิดออก...
ทั้งคู่หันขวับไปทางเสียงนั้นทันที หมายจะขอความช่วยเหลือ?
แต่สิ่งที่เห็น...ทำเอาต้องตกตะลึงจังงังครั้งที่สอง
?คุณพระ?!? เทวีอุทานในลำคอด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที...
****************************************
สิ่งที่ทั้งสองสาวเห็นคือมนุษย์ผู้ชายสี่ห้าคนที่ออกมาจากประตูเล็กนั้นและทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมดนั้นคือผ้าหยักรั้ง แถมผูกผ้าพันคออีกชิ้น...
ทั้งปูชิตาและเทวีงงอยู่ชั่วอึดใจ แต่พอจะวิ่งหนีก็ถูกดักไว้ทุกด้าน จนไม่มีทางจะวิ่งไปไหน...
?พวกแกเป็นใคร...อย่ามายุ่งกับเรานะ ไม่งั้นได้ถูกตำรวจจับแน่...?
เทวีขู่พลางถอยหลังมาชนกับปูชิตาด้วยความหวาดหวั่น...
?แล้วแกล่ะเป็นใคร...มาถึงนี่ได้ยังไง...?
คำถามที่คนๆ หนึ่งถามกลับมาทำให้ทั้งคู่นิ่งไปเมื่อเห็นคนๆ นั้นถนัด...
เขาเป็นผู้ชายไทยร่างสูงใหญ่ไว้ผมแปลกๆ เป็นผมสั้นแบบทรงกะลาครอบ...แต่แสกกลาง
ความเหนียวหนึบของเส้นผมทำให้มันจับกันเป็นปึกชี้ไปทั้งสองข้างเหมือนหนวดหนาๆ เหนือริมฝีปาก
พอเห็นผมแบบนี้...เห็นหนวดแบบนี้ก็ทำให้ปูชิตาและเทวีคิดถึงเรื่องในประวัติศาสตร์ขึ้นมาทันที
?นายจันไปก่อนแล้วกัน...ปล่อยทางนี้ไว้ฉันจัดการเอง...?
เสียงที่ตามมานั้นมาจากคนข้างหลังที่ไม่ได้สูงเป็นยักษ์อย่างนายจันแต่ก็จัดว่าสูงอยู่
คนที่ก้าวออกมาทีหลังทำให้ทั้งปูชิตาและเทวีตกตะลึงอีก เพราะเขาแต่งตัวแปลก เหมือนขุนนางสมัยโบราณ...โจงกระเบนนั้นเป็นผ้าไหมแถมเสื้อที่ใส่ก็เช่นกัน เล่นเอาทั้งปูชิตาและเทวีงงมากขึ้นไปอีก...
หล่อนทั้งคู่ถูกดึงให้ออกไปจากทางที่ ?นายจัน? ต้องเดินผ่านไปกับพรรคพวกสี่ห้าคนของเขาตามที่คนตามหลังออกมาบอก
ขณะที่เดินผ่านไปนั้นนายจันขมวดคิ้วมองดูซากรถของหล่อนราวกับไม่เคยเห็น...แต่ไม่มีเวลาที่จะซักไซ้ไล่เลียงอะไร นอกจากจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว...
คนที่ออกมาสั่ง ยืนมองจนนายจันลับไปจากสายตาจึงหันมามองปูชิตาและเพื่อนหล่อน ก่อนจะหันไปมองรถด้วยสายตาประหลาดใจเช่นเดียวกับคนอื่น...
?นี่มันอะไร...เจ้าเอาอะไรมา...?
เขาถามพร้อมกับหันไปดึงคบไฟที่บรรดาลูกน้องต่างถือกันมาคนละอันมาช่วยดูรถให้ชัดๆ ตั้งแต่หัวไปถึงท้าย...แล้วก็วนกลับมาอย่างงงๆ...
?นี่มันอะไรของเจ้า...?
?ก็รถไง...ไม่รู้จักเหรอ? ปูชิตาย้อนถามอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน...
กิริยาที่ต่างมองกันอย่างสงสัยนั้นเอง ทำให้ต่ายฝ่ายต่างเห็นกันชัดๆ เป็นครั้งแรก...
นายคนที่แต่งตัวราวกับขุนนางโบราณถึงกับกะพริบตามองหล่อนอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกวาดตาสำรวจไปทั่วร่างที่แต่งกายแปลกตา ก่อนจะหันไปมองเทวีแล้วหันกลับมามองรถอีกครั้งอย่างพิจารณา
?เจ้าเรียกไอ้สิ่งนี้ว่าอะไรนะ...? เขาถามย้ำอีกครั้ง
?รถ...? ปูชิตาตอบชัดๆ...พลางมองดวงหน้าเข้มคมของเขานิ่ง...
ในใจของหล่อนกำลังคิดว่า ไม่ว่าพวกนี้จะเป็นใคร...หล่อนไม่กลัวทั้งนั้น...
?แล้วพวกคุณล่ะ...เป็นใคร...ทำไมแต่งตัวแปลกๆ...?
?แล้วเจ้าล่ะ...มาจากไหน...ทำไมแต่งตัวแปลกๆ เหมือนกัน...? เขาย้อนถาม
?เราก็เป็นคนไทยนี่แหละ...มาจากกรุงเทพฯ...แล้วท่านล่ะ...?
คนๆ นั้นฟังหล่อน แล้วขมวดคิ้วนิ่วหน้า...
?คนไทยมาจากกรุงเทพฯ...ข้าไม่เคยได้ยินชื่อกรุงเทพฯ...เจ้าต้องโกหกแน่ๆ เลย...เจ้าเป็นพวกพม่าเข้ามาสอดแนมใช่ไหม...?
?จะบ้าเหรอ...ข้าเป็นคนไทยนะ...ข้าหลงทางมา...ไม่เห็นเหรอ...?
ปูชิตารีบแก้ตัวอย่างตกใจ...แถมใช้สรรพนามเรียกตัวเองตามเขาไปด้วย
อีกฝ่ายทอดตามองหล่อนนิ่ง...ก่อนจะมองไปตลอดตัว สังเกตเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมือนผู้หญิงที่เคยเห็น...และ ?รถ? ที่หล่อนเอ่ยถึงเป็นสิ่งสุดท้าย...
?เอามันไปขังไว้ก่อน...พรุ่งนี้ข้าจะลงมาไต่สวนใหม่...?
พูดจบ...บุรุษที่แต่งตัวราวกับขุนนางก็หมุนตัวเดินลับเข้าไปภายในอย่างเร็ว ปล่อยให้ลูกน้องลากหล่อนทั้งคู่เข้าไปตามคำสั่ง...
พอพ้นประตู...ปูชิตาก็มองเห็นกระท่อมมุงด้วยจากเรียงขนานกันเข้าไปเป็นแถว...ต่อจากนั้นก็เป็นต้นไม้...ขนาบไปทั้งสองข้าง...แต่เป็นต้นอะไรบ้างหล่อนไม่รู้...
?ปล่อยข้านะ...จับข้าทำไม...ข้าจะแจ้งตำรวจจับเจ้านะ...?
หล่อนตะโกนไล่หลัง...และเริ่มใช้ภาษาแบบเดียวกันโดยอัตโนมัติ...ทำให้ร่างสูงที่เดินนำไปถึงกับชะงัก...หันมามองหล่อน...
ดวงตาสองคู่สบกันอีกท่ามกลางแสงคบเพลิงวับแวม...ไม่มีใครยอมหลบ
ต่อมาอีกฝ่ายก็สั่งสำทับ...
?เอาไปขังไว้ พรุ่งนี้ข้าจะลงมาชำระความ...วันนี้พวกเราเหนื่อยกันมากแล้ว...แยกย้ายกันไปพัก...อย่าลืมจัดเวรยามเอาไว้...?
เสียงสั่งนั้นดังพร้อมกับเสียงก้าวเท้าห่างไป ขณะที่ปูชิตาและเทวีถูกลากไปทางไหนไม่รู้...ก่อนจะถูกโยนโครมเข้าไปในกรงไม้ไผ่ราวกับหมูกับหมาแล้วคล้องทับไว้ด้วยโซ่ตรวนก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปในความมืด...ทิ้งหล่อนและเทวีเอาไว้ลำพัง...
?ทำไมพวกนั้นมันน่ากลัวนัก...?
เทวีรำพึงตามความรู้สึกของหล่อน...ปูชิตาหาที่พิงแล้วถอนใจ
?เธอสังเกตไหมว่าพวกนี้แต่งตัวแปลกๆ...เหมือนคนโบราณ...โดยเฉพาะคนที่สั่งขังเรา...?
เพื่อนสาวติงให้เทวีเริ่มมีสติและคิดตาม...
?อือใช่...ฉันยังแปลกใจเลยว่า ทำไมเขาแต่งตัวแตกต่างๆ ไปจากทุกคน รวมทั้งนายจันอะไรคนนั้นด้วย?
?คนนั้นนุ่งผ้าหยักรั้ง...แถมมีผ้าพันคอ...เหมือนนักรบที่เราเห็นที่อนุสาวรีย์ตอนมาเที่ยวค่ายบางระจันใช่ไหม...?
ปูชิตาถาม...เล่นเอาเทวีเบิกตากว้าง
?ใช่...?
?นายจันคนนั้น...มีหนวดยาว และผมนั่นก็ผมคนโบราณที่ใช้ขึ้ผึ้งทาแทนน้ำมันใส่ผม...?
ข้อคิดเห็นของปูชิตา ทำให้เทวีอ้าปากค้างเลยคราวนี้...
?นี่...เธออย่าบอกนะว่าเราได้เห็นนายจัน หนวดเขี้ยวเข้าแล้ว...แล้วนี่เป็นค่ายของไทยที่บางระจัน...อย่าบอกนะว่าเราผ่านอุโมงค์เวลาหรือกระจกเวลาอะไรเข้ามาในอดีต...อย่านะ...?
เทวีห้ามเพื่อนเพราะไม่อยากเชื่อ...
?มันเป็นนิยายนะปูชิตา...ไม่มีจริงหรอก...ไม่ใช่เรื่องจริงด้วย...?
?ฉันก็อยากจะเชื่อแบบนั้น...เราเพียงแต่ฝันไป...และพรุ่งนี้อาจจะตื่นกลับไปสู่ความจริง...งั้นก็รีบหลับเถอะ...?
?แล้วจะหลับลงเหรอ...เจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วนี่...?
เทวีครวญก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวออกอย่างเจ็บปวดรวดร้าว...ที่ศีรษะของหล่อนมีคราบเลือดแห้งกรัง
ปูชิตาหันไปมองเพื่อนแล้วก็นึกถึงตัวเองที่เคล็ดขัดยอกไปทั้งตัวเช่นกัน...
ทั้งคู่พากันถ่างตาด้วยความหวาดระแวงอยู่ได้เพียงค่อนคืนก็ต้องพากันหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเอาตอนย่ำรุ่งนั่นเอง...
*****************************************************************

ว่าแล้วคุณพระก็ขยับตัววางดอกบัวลงไปในซอกหัวเตียง แล้วหันมาหาหล่อน...มาซบหน้าลงกับตักนุ่มนิ่มที่หอมกรุ่นนั้นหนักๆ
ทำเอาเจ้าของต้องขยับตัวทันทีแต่ถูกอีกฝ่ายรั้งเอวบางไว้แน่น...ไม่ยอมให้หล่อนหนีไปไหน...พอหล่อนนิ่ง...ใบหน้าคมคายนั้นก็เงยขึ้นมาสบตากับหล่อนด้วยดวงตาดุ
แต่เวลานี้เต็มไปด้วยประกายเว้าวอนจนหล่อนอ่อนใจ
?แม่ปูจ๋า...แม่ปูคนดี...ตามใจข้าเถอะนะ...นะ...?
หล่อนกลัวแต่เรื่องออดอ้อนแบบนี้เท่านั้นแหละ
แล้วดวงหน้านั้นก็ซุกซบจุมพิตไปทั่วตักหล่อนใหม่ จนปูชิตาพูดอะไรไม่ออก แม้จะแทรกปลายนิ้วไปทั่วเส้นผมสลวยของเขาพยายามจะดึงศีรษะนั้นขึ้น แต่ก็สู้แรงปรารถนาของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย...


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”