New Release:ดอกเหมยใต้เงาจันทร์

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:ดอกเหมยใต้เงาจันทร์

โพสต์ โดย Gals »

ดวงจันทร์ ไม่ว่ามองจากที่ใดก็เหมือนกัน ทั้งที่เคยคิดเช่นนั้น
แต่พอมองจากที่นี่ ดวงจันทร์กลับอยู่ไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เด็กสาวเงยหน้ามองดูดวงจันทร์วันเพ็ญที่ลอยคว้างไกลออกไปบนท้องฟ้า พลางใช้มือทั้งสองกอดร่างตัวเองไว้ในค่ำคืนอันแสนเย็นยะเยือก
ดวงจันทร์ที่บ้านเกิดดูจะอยู่ใกล้กว่านี้ ราวกับจะเอื้อมมือไปถึงได้
แต่ดวงจันทร์ในเมืองหลวงกลับอยู่ไกลขนาดนี้ ลมที่นี่ก็ช่างหนาวเย็นนัก
ตัวข้าเย็นจนแข็งไปหมดแล้ว รุ่งขึ้นยังต้องฝึกซ้อมร่ายรำแต่เช้าอีก หากไม่รีบกลับไปเข้านอนล่ะก็ ทว่าตอนนี้ข้ายังไม่อยากกลับไปที่สำนักนาฏศิลป์เลย
....ทุกคนจะยังสบายดีอยู่ไหมหนอ
บนดวงจันทร์ที่ส่องแสงขาวนวล ใบหน้าของคนที่คิดถึงค่อยๆ ปรากฏขึ้น แล้วจางหายไป ...พ่อ แม่ น้องๆ ชายหญิงของข้า
เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ลูกคนโตอย่างข้าจะถูกขายออกไปเป็นคนแรก หาไม่แล้ว น้องชายหญิงคงจะต้องอดตาย ดังนั้นข้าจะร้องไห้ไม่ได้ ข้าออกจากบ้านมาก็เพื่อทุกคน
เด็กสาวคิดพลางเม้มปาก
ถึงกระนั้น นัยน์ตากลมโตที่แหงนมองดวงจันทร์คู่นั้นก็ยังสั่นไหวราวกับผิวน้ำ
....ทุกคนต้องสบายดี ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็สบายดี เพราะฉะนั้น จะร้องไห้ไม่ได้ ร้องไม่ได้นะ...
?มีใครอยู่ตรงนั้นรึ??
เด็กสาวร้องตกใจเพราะเสียงทักนั้น พร้อมกับหันไปทางต้นเสียง พลันหยดน้ำตาที่สะกดกลั้นอยู่ก็ร่วงลงบนแก้มของนาง
ภายใต้แสงจันทร์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น
เขาอายุประมาณ 16-17 ปี แต่งตัวเรียบร้อยเหมาะสม อย่างน้อยก็คงจะไม่ใช่ทหารยามที่เดินตรวจตราในยามค่ำคืนเป็นแน่
เด็กหนุ่มผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้
?....เจ้าร้องไห้หรือ??
?มะ...ไม่ได้ร้องเจ้าค่ะ?
เด็กสาวโพล่งตอบออกไป พลางใช้มือทั้งสองถูแก้มตัวเองอย่างรวดเร็ว
?เกิดอะไรขึ้น ดึกดื่นเช่นนี้แล้ว ไยเจ้ามาอยู่ในที่แบบนี้ ....เจ้ามาจากที่ไหนหรือ??
?....สำนักนาฏศิลป์....?
ตอบพลางเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม
เขามีใบหน้าที่ดูสง่างามและอ่อนโยน
พวกผู้ชายที่ข้าเคยรู้จักล้วนแล้วแต่หยาบโลนราวกับก้อนกรวดที่ขรุขระ แต่ชายหนุ่มผู้นี้ แม้จะเป็นกรวดเหมือนกัน ก็เป็นดั่งอัญมณีที่ได้รับการเจียระไนแล้ว
และเหตุที่ไม่ดูอ่อนแอเปราะบาง คงเป็นเพราะคิ้วเรียวยาวได้รูป และแววตาที่ดูเข้มแข็งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคู่นั้นกระมัง
?สำนักนาฏศิลป์....เช่นนั้น เจ้าก็เป็นนางรำสินะ?
แม้เขาจะทายถูก และมิได้มีอะไรเสียหาย แต่เด็กสาวกลับก้มหน้าด้วยรู้สึกเขินอาย ก่อนจะพยักหน้ารับเล็กน้อย
?แม้จะเป็นสำนักนาฏศิลป์ แต่ทุกคนที่นั่นคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว เจ้าเดินมาไกลถึงเพียงนี้ในเพลาดึกเช่นนี้ด้วยเหตุอันใดกัน??
?......?
เด็กสาวหลุบตาลงโดยไร้ซึ่งคำตอบ
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงย่อตัวลงในระดับสายตาของหญิงสาว และจ้องมองใบหน้าของนาง
?ข้าไม่ได้โกรธเจ้าหรอก แต่อยู่ข้างนอกนานๆ เช่นนี้จะไม่สบายเอาได้ หากไม่มีเหตุอันใดที่ต้องอยู่ข้างนอกเช่นนี้ก็กลับเข้าไปเสียดีกว่า?
น้ำเสียงอบอุ่นของเขาทำให้เด็กสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างลังเล
เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆ
?....ข้าอยากเห็น....ดวงจันทร์....?
ที่นี่เป็นพระราชวังใหญ่โตกลางเมืองหลวง และถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงเมือง คงมีแต่ดวงจันทร์เท่านั้นที่ข้าคิดว่าไม่ผิดแผกไปจากดวงจันทร์ที่บ้านเกิด
?ดวงจันทร์? ....ดวงจันทร์เองหรือ?
เด็กหนุ่มถอดเสื้อคลุมยาวตัวนอกออกมาคลุมไว้บนบ่าของเด็กสาว ชายเสื้อคลุมที่ดูเหมือนจะใหญ่เกินไปมากสำหรับเด็กสาวตัวเล็กๆ ห้อยลงลากพื้น
?ชมจันทร์ปลายฤดูหนาวก็ไม่เลวนักหรอก มาด้วยกันสิ?
?เอ๊ะ แต่ว่า....?
เด็กสาวรู้สึกตื่นตระหนกเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า คนที่จะอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในในยามวิกาลเช่นนี้ได้จะต้องเป็นขุนนางตำแหน่งสูงหรือมีฐานันดรศักดิ์ยิ่งกว่านั้น หรืออาจจะเป็นถึงเชื้อพระวงศ์เลยก็ได้
?ตรงนี้ลมพัดผ่าน หากจะชมจันทร์ล่ะก็ หาที่ที่ไม่มีลมจะดีกว่า?
?......?
ท่านผู้นี้เป็นใครกันนะ
เด็กหนุ่มก้าวเดินออกไป ขณะที่เด็กสาวยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เขายิ้มเฝื่อนๆ แล้วเดินกลับมาหานาง
?ไม่เป็นไร ใกล้แค่นี้เอง?
?......?
?ชื่ออะไร??
?....เอ๋??
?ชื่อของเจ้าน่ะ?
?....อ้ายหลิง?
อ้ายหลิงบอกชื่อตัวเองออกไปอย่างลังเล เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ทุกครั้งที่นางบอกชื่อตัวเองออกไปก็มักจะถูกหัวเราะเยาะว่า เป็นเด็กบ้านนอกแท้ๆ แต่กลับมีชื่อที่ไพเราะเช่นนี้
?อ้ายหลิงหรือ ชื่อดีนี่ เหมาะกับเจ้ามาก?
?เอ๊ะ....?
นึกว่าจะถูกล้อเสียอีก แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มให้อย่างอ่อนโยนไม่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้
....ช่างเป็นคนดีนัก
เขาคงไม่ใช่คนที่จะหัวเราะเยาะใครได้แน่ อ้ายหลิงรู้สึกโล่งใจ และเริ่มเดินตามเด็กหนุ่มไป
แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าที่ที่เขาจะเดินไปนั้นมีทหารยามเฝ้าอยู่
?มีอะไรหรือ??
?ก็ที่ตรงนั้นน่ะ?
?ไม่ต้องเกรงใจ นั่นเป็นสวนของข้าเอง?
....ของข้า?
สำหรับอ้ายหลิงที่เพิ่งมาอยู่ในวังหลวงได้ไม่นาน นางรู้จักแต่เพียงสำนักนาฏศิลป์และจวนใกล้เคียงเท่านั้น มิอาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้กำลังจะเข้าไปในสวนของผู้ใด
แต่หากเป็นเพียงขุนนางคงมิอาจมีสวนของตัวเองในวังหลวงเช่นนี้เป็นแน่ ยิ่งกว่านั้น เด็กหนุ่มคนนี้ยังอายุน้อยเกินกว่าจะเป็นขุนนางอีกด้วย
ขณะที่อ้ายหลิงยังยืนลังเลอยู่นั้น ทหารยามมองเห็นเด็กหนุ่ม พลันยืดตัวตรงกล่าวว่า
?เสด็จกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?
?ขอบใจมาก ได้เวลากลับกรมกองแล้วมิใช่หรือ ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ?
?พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายฮุ่ยจวิ้น เช่นนั้น กระหม่อมทูลลา?
....องค์ชายฮุ่ยจวิ้น?
ชื่อนี้เคยได้ยินมาก่อน ไม่สิ เป็นชื่อแรกที่ได้ยินเมื่อมาถึงที่นี่เลยต่างหาก
พวกเราเป็นนางรำของราชสำนัก เป็นข้ารับใช้ในองค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นหยวน ทว่าระยะนี้ฮ่องเต้ทรงพระประชวรอยู่บ่อยครั้ง และพระพลานามัยไม่สู้จะดีนัก ดังนั้นผู้ที่เราจะถวายการแสดงร่ายรำให้ทอดพระเนตรนั้นคงจะเป็นองค์รัชทายาทผู้จะสืบราชบัลลังก์ต่อจากองค์ฮ่องเต้ ซึ่งก็คือองค์ชายฮุ่ยจวิ้น หรือพระอนุชาในพระองค์ องค์ชายเซิงกุ้ย และเหล่าขุนนางตำแหน่งใหญ่โตทั้งหลาย
องค์ชายฮุ่ยจวิ้น
?....องค์รัชทายาท....องค์ชายฮุ่ยจวิ้น....??
เสื้อคลุมร่วงหล่นจากไหล่ของอ้ายหลิง
เด็กหนุ่มที่วันหนึ่งอาจจะขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากองค์ฮ่องเต้ยิ้มเจื่อนๆ แล้วก้มลงเก็บเสื้อคลุมขึ้นมาสวมให้อ้ายหลิงอีกครั้ง
?ข้าคือลู่ฮุ่ยจวิ้นจริงๆ นั่นแหละ แต่เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก คืนนี้ข้าเป็นแค่คนชมจันทร์เป็นเพื่อนเจ้า?
ถึงจะบอกว่าไม่ต้องสนใจ แต่ใครเล่าจะนิ่งเฉยอยู่ได้เมื่อรู้ความจริงนี้ อ้ายหลิงก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวจนเผลอเหยียบชายเสื้อคลุมเข้า
?ว้าย....?
?อ้ายหลิง!?
อ้ายหลิงกางแขนทั้งสองข้างกระพืออยู่ในอากาศราวกับกำลังว่ายน้ำ พยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม แต่เท้ากลับยิ่งเหยียบชายผ้ามากขึ้นไปอีก ขณะที่ตัวของอ้ายหลิงหงายไปด้านหลังกำลังจะล้มอยู่แล้วนั้น พลันฮุ่ยจวิ้นก็รีบคว้าแขนของนาง แล้วประคองร่างนั้นไว้ไม่ให้ล้มลงในชั่วพริบตา
?....เบาจริง?
?อ๊ะ....เอ่อ?
?มานี่สิ?
ไม่ทันที่อ้ายหลิงจะเอ่ยปฏิเสธ ฮุ่ยจวิ้นก็จูงมือนางไป
?เอ่อ.... คือว่า ท่าน เดี๋ยวสิ?
?ช่วงนี้ดอกเหมยกำลังบานสวยเลย หากเป็นตอนกลางวันจะยิ่งมองเห็นชัดกว่านี้อีกนะ?
?คือว่า....?
มือของข้า....
ฮุ่ยจวิ้นจับมืออ้ายหลิงไว้แน่น แล้วกึ่งลากกึ่งจูงอ้ายหลิงที่ยังละล้าละลังให้เดินตามไป
?มาทางนี้ เดินระวังๆ นะ?
เมื่อครู่นี้ยังหนาวขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้ใบหน้าของข้าร้อนผ่าวราวกับมีไฟปะทุคุกรุ่นอยู่ก็ไม่ปาน
ทั้งสองเดินผ่านหมู่แมกไม้ใบหญ้าหลากชนิด ข้ามสะพานที่พาดผ่านธารน้ำ มาจนกระทั่งถึงศาลาริมน้ำที่อยู่กลางสวน ฮุ่ยจวิ้นจึงได้ปล่อยมือจากอ้ายหลิง
ทันทีที่ผละออกจากเขาได้เท่านั้น อ้ายหลิงก็ก้มหมอบกราบลงจนหน้าผากแทบจะติดพื้น
?ขะ...ขอประทานอภัยด้วยเพคะ ขอทรงโปรดอภัยด้วย?
?....อะไรกัน อยู่ๆ มาขอโทษข้าทำไม??
?ก็....ก็....?
ไม่เพียงแต่จะยืมฉลองพระองค์มาสวมเท่านั้น หากยังแตะต้องพระหัตถ์ด้วยมือเปล่าอีกด้วย ไม่มีการใดจะเป็นการบังอาจมากไปกว่านี้อีกแล้ว แม้แต่คนบ้านนอกก็ยังรู้ดี
นี่ข้าจะต้องโดนลงทัณฑ์สถานใดกันนะ อ้ายหลิงคร้ามกลัวจนตัวสั่น มือของฮุ่ยจวิ้นที่วางลงบนบ่าของนางอย่างแผ่วเบาค่อยๆ ประคองตัวของนางขึ้นมา
?เห็นเจ้าทำแบบนั้นแล้ว ข้ารู้สึกโดดเดี่ยวนัก โปรดลุกขึ้นมาเถิด?
....โดดเดี่ยว?
อ้ายหลิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เป็นเพราะแสงที่ส่องมาจากอีกฟากหนึ่ง ทำให้มองเห็นสีหน้าของฮุ่ยจวิ้นไม่ชัดเจนนัก
ทว่าอ้ายหลิงก็รู้สึกได้ว่า นางเห็นรอยยิ้มเหงาๆ ตามคำบอกกล่าวนั้น
?....ความโดดเดี่ยว น่าชิงชังนัก?
?นั่นสินะ?
?จะลุกขึ้นเพคะ....?
อ้ายหลิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตามคำเร่งเร้าของฮุ่ยจวิ้น เขาพานางไปยังเก้าอี้ที่อยู่มุมศาลา แล้วนั่งลงข้างๆ กัน
?ข้ารู้ดีว่าทุกคนต่างคร้ามเกรง เพราะข้าอยู่ในฐานะองค์ชายรัชทายาท แต่ตอนนี้ข้าอยู่กับอ้ายหลิงแค่สองคน ไม่มีใครมาตำหนิเจ้าได้ ทำตัวตามสบายเถิด?
?....หากคร้ามเกรงพระองค์ จะทรงเหงาหรือเพคะ??
?ใช่ เหงาสิ?
อ้ายหลิงมองดูใบหน้าของฮุ่ยจวิ้นใกล้ๆ สีหน้าของเขายังคงอ่อนโยนเช่นเคย
?....แม้แต่องค์รัชทายาทก็เหงาเหมือนกันหรือนี่?
?อ้ายหลิงก็เหงาเหมือนกันหรือ?
?เพคะ?
จะแกล้งกลบเกลื่อนโดยบอกว่าไม่เหงาก็ย่อมได้ แต่เมื่อมองดูฮุ่ยจวิ้นแล้ว กลับคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรเช่นนั้น
?หม่อมฉันเหงา เลยออกมาชมจันทร์ คิดว่าดวงจันทร์ที่นี่น่าจะเหมือนดวงจันทร์ที่เห็นตอนอยู่บ้าน?
?แล้วเหมือนกันรึไม่??
?......?
อ้ายหลิงส่ายหน้าแล้วว่า
?ดวงจันทร์ที่บ้านหม่อมฉันมองเห็นได้ใกล้กว่านี้ ....ดวงจันทร์ที่นี่เหมือนจะอยู่ไกล?
?บ้านของอ้ายหลิงอยู่ที่ไหนหรือ?
?....หมู่บ้านซานหู?
?หมู่บ้านซานหู....ที่เหม่าโจวน่ะหรือ เช่นนั้นเจ้าก็มาทางเรือสินะ มากับครอบครัวหรือ?
?คนเดียวเพคะ?
ฮุ่ยจวิ้นเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
?คนเดียวรึ??
?ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ฝนฟ้ามิเป็นใจ ทำให้เราเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ ข้า....หม่อมฉันก็เลยถูกซื้อตัวมา?
?ถูกซื้องั้นหรือ? ใครซื้อเจ้ามา??
?พ่อค้าทาสเพคะ แล้วเขาก็พาหม่อมฉันมาจนถึงเมืองหลวง?
?......?
ฮุ่ยจวิ้นเบิกตากว้างพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
?ทรงเป็นอะไรไปหรือเพคะ??
?ที่เจ้าว่ามา....หมายความว่าอย่างไร? เก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ เลยต้องซื้อขายมนุษย์งั้นหรือ??
?หากเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ก็ต้องจ่ายภาษีเป็นเงิน แต่ว่าที่บ้านของหม่อมฉันพวกเราไม่มีเงิน?
ตอนที่เดินทางจากบ้านนอกในเหม่าโจวมาถึงหัวอันซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นหยวน ความใหญ่โตงดงามของบ้านเมืองช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก เมื่อได้มาอยู่ในเมืองหลวง แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าบ้านเกิดที่ยากจนข้นแค้นของตัวเองจะอยู่ในประเทศเดียวกันนี้ด้วย ที่ฮุ่ยจวิ้นประหลาดใจเช่นนี้จึงอาจเป็นเรื่องธรรมดา
?ข้าได้ยินอยู่เหมือนกันว่าหลายพื้นที่การเก็บเกี่ยวไม่ดี แต่ไม่นึกว่าจะมีการค้ามนุษย์เพื่อจ่ายภาษี....?
?แต่ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกเพคะ ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ในหมู่บ้านของเรา นอกจากหม่อมฉันแล้ว ยังมีอีกหกคนที่ถูกขาย แต่ว่าทุกคนถูกขายออกไปซะคนละที่เลยล่ะ อ๊ะ ไม่ได้สิ ถ้าไม่แก้คำพูดให้ถูกต้องเดี๋ยวจะถูกดุอีก เอ่อ ถูกขายไปคนละที่เพคะ?
?......?
ฮุ่ยจวิ้นทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
?เอ่อ ขอประทานอภัยเพคะ ข้า....หม่อมฉันพูดอะไรผิดไปหรือเพคะ??
?อืม ไม่หรอก....?
ฮุ่ยจวิ้นเหลือบตาขึ้นมองราวกับตกใจแล้วส่ายหน้า
?ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ.... อ้ายหลิง เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว??
?ปีนี้สิบสามเพคะ?
?มีพี่น้องรึไม่??
?น้องชายสี่คน น้องสาวสามคน หม่อมฉันเป็นคนโตเพคะ?
?....เช่นนี้เอง อ้ายหลิงเลย....ต้องออกจากหมู่บ้านสินะ??
?เพคะ?
อ้ายหลิงสังเกตเห็นว่า พอเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง ฮุ่ยจวิ้นกลับทำสีหน้ายุ่งยากลำบากใจ จึงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
?แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้มาถึงเมืองหลวงนะเพคะ ทีแรกพ่อค้าทาสจะพาหม่อมฉันไปขายที่หอนางโลมที่ไหนสักแห่ง ระหว่างที่เจรจากันอยู่มีสุนัขตัวโตวิ่งเข้ามาในห้อง หม่อมฉันตกใจเลยวิ่งหนีจนทั่วห้อง พ่อค้าคนนั้นพูดว่า เจ้านี่ตัวเบาคล่องแคล่วนัก เอาไปขายให้ราชสำนักในเมืองหลวงน่าจะดี หากได้รำล่ะก็ จะต้องเป็นนางรำที่เก่งแน่?
?....งั้นหรือ?
ฮุ่ยจวิ้นพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลงในที่สุด
?แต่เจ้าก็เก่งน่าดูที่หนีเจ้าหมาตัวนั้นมาได้?
?เพคะ! ก็มันเห่าใหญ่เลยนี่นา สุนัขที่เห่าเก่งแบบนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเลย หม่อมฉันกระโดดหนีขึ้นไปบนโต๊ะเลยล่ะ?
?เจ้าตัวเบาจริงๆ แหละนะ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ก็เรียนร่ายรำอยู่หรือ?
?....เพคะ?
อยู่ๆ อ้ายหลิงก็ตอบด้วยเสียงแผ่วลงไป ฮุ่ยจวิ้นจึงจ้องมองที่ใบหน้าของนาง
?เป็นอะไรไป เจ้าไม่ชอบรำหรอกหรือ?
?ชอบ....เพคะ แต่ว่า....?
?แต่ว่า??
?หม่อมฉันรำได้แย่มากเลย....?
?แย่มากเลยรึ??
แค่ตัวเบาอย่างเดียวไม่อาจช่วยให้ร่ายรำเข้ากับจังหวะดนตรีได้ ทั้งที่ทุกคนร่ายรำได้อย่างงดงาม แต่ท่าทางของข้ากลับดูเหมือนแค่ย่ำเท้าและแกว่งชายแขนเสื้อไปมา จึงถูกเหล่านางรำทั้งหลายหัวเราะเยาะอยู่ทุกวัน
?หม่อมฉันมักถูกล้อว่าเหมือนลูกทานูกิที่กำลังดิ้นไปมา....?
?ทานูกิ? ใครนะช่างพูดเรื่องเช่นนั้นได้?
?....แต่ว่า ก็จริงอย่างที่เขาว่าเพคะ?
อ้ายหลิงที่ตัวผอมบาง แต่ใบหน้ากลม และมีดวงตากลมโตสีดำ นอกจากเรื่องรำแล้ว ยังถูกหัวเราะเยาะว่านางเป็นเหมือนลูกทานูกิจากป่าเขาบ้านนอกที่หลงเข้ามาในเมืองหลวง
?มีคนปากร้ายอยู่ด้วยเหมือนกันนะนี่ อ้ายหลิง ก่อนจะมาที่นี่เจ้าเคยเรียนร่ายรำมาบ้างหรือไม่??
?ไม่เคยเพคะ?
?เจ้ามาที่นี่ได้นานแค่ไหนแล้ว?
?สองเดือนกับอีกนิดหน่อย....เพคะ?
ฮุ่ยจวิ้นหัวเราะ แต่นั่นไม่ใช่การหัวเราะเยาะเย้ยแต่อย่างใด
?เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องใส่ใจหรอกว่ารำเก่งหรือแย่ คนที่ฝึกซ้อมร่ายรำกับเจ้ามีแต่คนที่มาเป็นนางรำก่อนเจ้าทั้งนั้นมิใช่หรือ? และในบรรดานางรำเหล่านั้นย่อมมีผู้ที่เรียนร่ายรำมาตั้งแต่เล็กอยู่ด้วย เพียงแค่สองเดือนแต่ไปเปรียบเทียบกับคนที่เริ่มมาก่อนแล้วคิดไปว่าตัวเองแย่ เจ้านี่ช่างน่าสงสารนัก?
?....น่าสงสารหรือเพคะ??
?หากเจ้ามิได้เกลียดการร่ายรำก็ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง อาจจะตามไม่ทันในทันที แต่ขอให้เชื่อว่าตัวเองก็ต้องเก่งขึ้นได้แน่ หากฝึกซ้อมอย่างตั้งใจจะต้องเก่งขึ้นกว่าใครได้แน่ เพิ่งจะเริ่มต้นได้ไม่นานแท้ๆ คงจะไม่ล้มเลิกง่ายดายเช่นนั้นหรอกนะ?
อ้ายหลิงเหลือบตาขึ้นมองฮุ่ยจวิ้นทั้งยังก้มหน้าอยู่
ใบหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยนที่ต้องแสงจันทร์นั้น
?จริงหรือเพคะ....?
?หือ??
?หม่อมฉันจะเก่งขึ้นได้หรือเพคะ??
?ได้สิ แม่ของข้าที่เสียไปแล้วแต่ก่อนนี้ก็เป็นนางรำ แต่สิ่งที่ถนัดไม่ใช่การร่ายรำ หากแต่เป็นการขับร้อง ข้าเคยได้ยินว่าในช่วงที่ฝึกฝนอยู่นั้นไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมาได้ดีนัก อีกทั้งยังจำเนื้อร้องไม่ค่อยได้ ต้องยากลำบากอยู่เหมือนกัน แต่ท่านแม่ในความทรงจำของข้านั้นเป็นผู้ที่ร้องเพลงได้ไพเราะนัก อ้ายหลิงก็เช่นกัน เจ้าจะต้องร่ายรำได้อย่างงดงามแน่?
....ช่างใจดีนัก
ช่างเป็นผู้ที่อ่อนโยนและใจดียิ่งนัก
?เอ่อ....องค์รัชทายาท?
?เป็นทางการจริง เรียกข้าฮุ่ยจวิ้นก็ได้ อ้ายหลิง?
?....องค์ชายฮุ่ยจวิ้น?
คราวนี้อ้ายหลิงเงยหน้าขึ้นสบตากับฮุ่ยจวิ้น
?หากวันใดที่หม่อมฉันรำได้เก่งขึ้นแล้ว จะทรงทอดพระเนตรการร่ายรำของหม่อมฉันได้ไหมเพคะ?
ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาสักกี่ปี
แต่ถึงกระนั้น เพื่อท่านผู้นี้แล้วล่ะก็
?หม่อมฉันจะต้องเก่งขึ้นแน่ จะต้องร่ายรำได้อย่างสง่างามต่อหน้าพระพักตร์องค์ชายฮุ่ยจวิ้นได้แน่....?
ฮุ่ยจวิ้นยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
?ใช่แล้วล่ะ ข้าจะตั้งตารอ?
?พะ...เพคะ! หม่อมฉันจะพยายามเต็มที่?
จะถูกหัวเราะเยาะแค่ไหนก็ช่าง
สักวันหนึ่งต้องทำได้แน่
ลมแรงพัดผ่านมา
แสงจันทร์เลือนหายไปชั่วขณะ เมื่อแหงนมองขึ้นไปมีเมฆบางๆ ลอยพาดผ่าน
?....ต้องปล่อยเจ้ากลับไปแล้วสินะ?
ฮุ่ยจวิ้นพึมพำเบาๆ พลางลุกขึ้นยืน
?มืดลงหน่อยแล้ว ให้ข้าไปส่งเถอะ?
?เอ๊ะ แต่ว่า....?
?ที่นี่คือตำหนักตงเหอ เจ้ารู้ทางกลับไปที่สำนักนาฏศิลป์หรือ??
?......?
เผลอเดินออกมาจากที่นั่น ทั้งที่จริงแล้วแทบจะไม่เคยออกมาจากสำนักนาฏศิลป์เลย ที่นี่ห่างออกมาเพียงใดก็ยังไม่รู้
?ไม่ได้ไกลขนาดนั้นหรอก ไม่ต้องกังวล?
?....เพคะ?
เมื่อเดินพ้นออกมาจากบริเวณที่มีหลังคาก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาทันที อ้ายหลิงหดคอลง พลันรู้สึกตัวว่าได้สวมเสื้อคลุมนี้มาตลอด
?อ๊ะ ขอประทานอภัยเพคะ เอ่อ คือว่านี่....?
?ไม่เป็นไร สวมไว้จนกว่าจะกลับถึงก็ได้?
?แต่ว่า....?
?คราวนี้อย่าเหยียบชายเสื้ออีกล่ะ?
?พะ...เพคะ?
ฮุ่ยจวิ้นค่อยๆ เดินไปพร้อมกับอ้ายหลิงที่เริ่มก้าวเดินออกไปโดยพยายามไม่ให้เหยียบชายเสื้อคลุม
สายลมพัดพาเมฆก้อนนั้นออกไป พลันแสงจันทร์ปรากฏขึ้นอีกครา
....ไม่อยากกลับไปเลย
อ้ายหลิงคิดเช่นนั้นขณะที่เดินตามหลังฮุ่ยจวิ้นอยู่ครึ่งก้าว
กลับไปแล้ว นอนหลับ พอถึงรุ่งเช้าทุกอย่างก็จะเลือนหายไปมิใช่หรือ
....องค์ชายฮุ่ยจวิ้นเป็นถึงองค์รัชทายาท
ผู้มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับสองของประเทศนี้ แม้จะไม่ค่อยรู้สึกเช่นนั้น แต่อ้ายหลิงก็รู้ดีว่าที่จริงแล้วเขาอยู่ในฐานะที่ห่างไกลจากนางมากนัก
เรื่องในคืนนี้เป็นเพียงความบังเอิญ
เขาไม่ใช่คนที่จะพบเจอได้โดยง่าย
?......?
อ้ายหลิงกัดริมฝีปากก้มหน้าคิด ฮุ่ยจวิ้นที่อยู่ข้างหน้านางหยุดเดินกะทันหัน
ได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างถูกหักดังเปาะ
?อ้ายหลิง?
ฮุ่ยจวิ้นหันกลับมาพร้อมกับในมือมีกิ่งไม้เล็กๆ ที่มีดอกไม้อยู่
?....ดอกเหมย....หรือเพคะ??
?ใช่ เจ้ารู้ด้วยหรือ?
?มีกลิ่นหอม....?
เมื่อมองไปรอบๆ สองข้างทางของทางเดินเล็กๆ นี้ มีต้นเหมยที่กำลังออกดอกกระจายอยู่เต็มต้น พอสูดหายใจเข้าไปก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเหมย
?....ข้าให้?
ฮุ่ยจวิ้นกล่าวพลางเสียบกิ่งเหมยที่หักมากับมือลงบนผมของอ้ายหลิง
?เอ๊ะ? เอ๊ะ??
*******************************************************

อ้ายหลิง นางรำแห่งราชสำนักผู้ร่าเริง ยอมถูกขายให้แก่พ่อค้าทาสในปีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ดีเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ในคืนที่ดวงจันทร์ทอแสงนวลสุกสกาว อ้ายหลิงได้พบกับฮุ่ยจวิ้นองค์ชายรัชทายาท ฮุ่ยจวิ้นถูกดึงให้ต้องเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบราชบัลลังก์ ส่วนอ้ายหลิงก็ถูกบรรดานางรำที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนางรุมใช้งานจนหัวปั่นทุกวี่วัน ทั้งสองต้องเผชิญกับโชคชะตาที่พลิกผัน ขณะที่อ้ายหลิงกำลังร่ายรำ ?เสว่เยว่เหมยฮัว? (ดอกเหมยใต้เงาจันทร์ในเหมันตฤดู) อันงดงามให้ฮุ่ยจวิ้นชม ทันใดนั้นเอง....!! ดื่มด่ำไปกับนิยายรัก โรแมนติก-แฟนตาซีที่คุณจะซาบซึ้งและประทับใจไปกับทุกตัวละคร!!

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”