New Release:นาคสวาท

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release:นาคสวาท

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

มณีนิล... คือหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ลุ่มน้ำทางอีสานตอนล่าง โอบล้อมด้วยเนินเขาเล็กๆ ทางทิศตะวันตกและมีหนองน้ำขนาดใหญ่ห่างออกไปทางเหนือไม่ถึงสองกิโลเมตร
มณีนิลเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ในตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลานได้บอกไว้ว่า หมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นโดยได้รับความช่วยเหลือจากนาคา เหมือนดังเช่นตำนานการก่อสร้างเมืองเวียงจันทร์
กล่าวถึงนาค... เดรัจฉานสัตว์ที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้นั้น ได้เข้ามาเกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนานับตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ศรัทธาของนาคต่อพุทธศาสนาแรงกล้าพอๆ กับมนุษย์ผู้ปรารถนาจะบรรลุถึงนิพพานในภพหน้า แต่ทว่า... เหล่านาคากลับไม่สามารถบรรลุโลกุตรธรรมได้ดังใจหวัง ด้วยเพราะเคยทำกุศลผลบุญเจือด้วยราคะ
แต่นาคก็ถือเป็นสัตว์มีฤทธิ์มากชนิดหนึ่ง พิษของนาคมีมากกว่าพิษของเหล่าอสรพิษทั้งปวง ด้วยเหตุนี้นาคาจึงถือเป็นเจ้าแห่งงู... ผู้รักษาบาดาลพิภพ ทั้งยังสามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ตามแต่ใจนึก ตามแรงบุญบารมีของแต่ละตน
ย้อนไป ณ ห้วงอดีตอันไกลโพ้น เมื่อคราวเกิดศึกใหญ่ระหว่างสยามประเทศกับเมืองเวียงจันทร์ที่มีชัยภูมิอยู่อีกฝั่งของลำน้ำโขง ภายหลังทัพแห่งสยามบุกยึดได้เมืองเวียงจันทร์จนสำเร็จ เหล่าแม่ทัพนายกองจึงออกคำสั่งให้ทหารกวาดต้อนเชลยศึกที่จับกุมตัวไว้เป็นจำนวนมากนั้น อพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองมาอาศัยใต้ร่มเศวตฉัตรแห่งพระเจ้ากรุงสยามตามคำสั่ง ว่ากันว่า... ภายหลังเกิดสงครามครานั้น เวียงจันทร์ที่เคยรุ่งเรืองถึงกับกลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนอยู่อาศัยกันเลยทีเดียว
นอกจากชาวบ้านธรรมดาสามัญที่ถูกทหารสยามกวาดต้อนมาเป็นข้าแผ่นดินสยามแล้วนั้น ยังมีราชนิกุลจากหัวเมืองเล็กเมืองน้อยปลายทางที่ถูกกุมตัวมาด้วยเช่นกัน
กระทั่งถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งนามว่ามณีนิล ราชนิกุลสกุลนิลนาค ผู้เดินทางอพยพมาพร้อมกับลูกหลานกษัตริย์อีกหลายองค์จึงตกลงปลงใจตั้งหลักปักฐานอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทอันห่างไกล ด้วยทรัพย์สินที่นำมาเป็นจำนวนมากแม้ว่าส่วนหนึ่งจะถวายให้พระเจ้ากรุงสยามแล้ว ราชนิกุลผู้ใช้สกุลนิลนาคยังสามารถก่อสร้างเรือนไม้หลังงามริมหนองน้ำมณีนิลได้อย่างโอ่อ่าสมฐานะ
เหล่าผู้สูงศักดิ์ที่อพยพมาในครั้งนี้แน่นอนว่าคงไม่ได้มาตัวเปล่าเล่าเปลือย นอกจากทรัพย์สมบัติที่ยังพอมีเหลือไว้ใช้สืบลูกชั่วหลานแล้ว ตระกูลนิลนาคก็ยังเชี่ยวชาญในศาสตร์การแพทย์ยิ่งกว่าหมอชาวบ้านคนไหนๆ กระทั่งเหล่าชาวบ้านมณีนิลยกย่องนับถือคนในตระกูลว่าเป็นดังเทพเจ้าผู้คอยปัดเป่าความเจ็บไข้ แต่ทว่า...ก็มีบางคนที่ตั้งแง่รังเกียจเชลยศึกจากเมืองผู้เคยแข็งข้อต่อสยามประเทศ บางคนถึงขนาดเพ้อเจ้อ กล่าวหาใส่ร้ายว่าตระกูลนิลนาคเป็นนาคาในร่างมนุษย์... แปลงกายมาอาศัยอยู่ร่วมกับคน
ข้อกล่าวหานี้สาบสูญไปอย่างไม่ต้องคิด เพราะนิลนาคคอยทำนุบำรุงพุทธศาสนา และคอยอุปถัมภ์ชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยากเสมอมา ในใบจารึกเก่าแก่ของหมู่บ้านบอกไว้ว่า ประมุขของบ้านนิลนาคจะบริจาคทรัพย์ให้แก่วัดมณีนิลทุกปี สังเกตได้จากอุโบสถหลังใหญ่ที่ถูกต่อเติมและทำนุบำรุงให้อยู่สภาพดีเรื่อยมาโดยกำลังทรัพย์ของตระกูลนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งอุโบสถอันโอ่โถงแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปโบราณที่ชาวบ้านขุดค้นพบกลางท้องนา
พระพุทธรูปปางสมาธินาคปรกซึ่งหล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งองค์... ถูกขนานนามว่า หลวงพ่อมณีนิล และหลวงพ่อมณีนิลที่เหล่าชาวมณีนิลเคารพกราบไว้บูชานั้นก็ได้สูญหายในเวลาต่อมา... และนับแต่นั้น ก็ไม่มีผู้ใดค้นพบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้อีกเลย...

จวบจนปัจจุบัน...

กลิ่นจันทร์... หญิงสาววัยย่างสิบเก้าปีเดินทางมายังหมู่บ้านอันห่างไกลความเจริญดังเช่นมณีนิลเพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย และเพื่อที่เธอจะได้พักฟื้นหัวใจที่อ่อนแรงและเหนื่อยล้า... ภายหลังต้องมาสูญเสียมารดาไปอย่างไม่คาดคิด แต่ทว่าก่อนจะสิ้นใจ สายไหมได้เอื้อนเอ่ยประโยคสำคัญแก่บุตรสาว
?สร้อย...? เธอบอกเสียงพร่าพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยคนที่ใกล้จะหมดลม กลิ่นจันทร์มองหน้ามารดาทั้งน้ำตา โลหิตสีแดงฉานที่อาบเปื้อนร่างคนเป็นแม่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยกว่ากันเลย
?แม่มีอะไรจะบอกจันทร์หรือคะ?...? หญิงสาวซักเสียงเบา สายไหมกลั้นใจเฮือกสุดท้าย มือสั่นระริกกุมสองมือบุตรสาวไว้แน่น สองร่างประสานสายตากัน
?ซ่อนมันไว้...จันทร์ต้องซ่อนมันไว้นะลูก...?


บทที่ 1 บ้านริมน้ำ
ถัดออกมาจากหมู่บ้านมณีนิลทางทิศเหนือราวหนึ่งกิโลเมตรก็จะพบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ราวร้อยไร่ ไกลออกไปก็เป็นทิวป่ารกชัฏ มียางนาต้นใหญ่สลับกับไม้ยืนต้นท้องถิ่นขึ้นอยู่ประปราย เมื่อล่วงพ้นผืนป่าอันเขียวชอุ่มก็จะพบกับหนองน้ำคล้ายทะเลสาบขนาดใหญ่ กว้างราวห้ากิโลเมตร และอาจจะยาวถึงสิบกิโลเมตรก็เป็นได้
ริมบึงมีกกและพงหญ้าขึ้นอยู่แน่นขนัด บางช่วงริมฝั่งซึ่งเป็นที่ราบก็เป็นเนินดิน มีบัวหลวง ดอกตูม ดอกบาน ชูช่อกันอยู่กลางบึง น้ำใสไหลเย็นชวนให้ลงว่าย อีกทั้งปูปลาก็ชุกชุมจึงดึงดูดให้ชาวนามักเข้ามาหาปลาที่หนองน้ำแห่งนี้เป็นประจำ จุดที่ชาวนามักมาทอดแหหรือพายเรือตกเบ็ดจะอยู่ทางทิศตะวันออกของบึงใหญ่ บริเวณนั้นมีสะพานไม้ทอดตัวยาวยื่นล้ำออกสู่ผืนน้ำราวสิบเมตร มีศาลาท่าน้ำปลูกไว้ให้ผู้ผ่านไปมาได้นั่งพัก ห่างออกไปราวสองร้อยเมตรก็คือชุมชนมณีนิลคุ้มเหนือ
ท่าแห่งนี้เรียกว่าท่าพะยอม เหตุเพราะมีพะยอมต้นใหญ่ขึ้นอยู่ริมบึง ยามถึงหน้าร้อนเมื่อใดก็จะออกดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ชาวนาที่ออกมาหาปลาจะเริ่มทอดแหและพายเรือตกเบ็ดที่ท่าแห่งนี้ ออกไปไกลสุดก็ราวๆ หนึ่งกิโลเมตร เพราะถ้าพายเรือไปทอดแหไกลกว่านั้นจะเข้าสู่เขตน้ำลึก ซึ่งชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า ?วังน้ำมรกต? เพราะสีน้ำที่ใสสะอาดจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวสุกใสดุจมรกตยามต้องแสงแดด แถมผิวน้ำในเขตนี้ยังเย็นเยียบกว่าที่อื่น และยังมีความลึกสุดแสนจะพรรณนาอีกด้วย จึงไม่มีใครกล้าพายเรือไปไกลถึงเขตนั้นเลยสักครั้ง ผืนน้ำใสสีเขียวมรกตจึงสงบเงียบ ปราศจากการรบกวน ตลอดมา...
วันแรกที่กลิ่นจันทร์เดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังหมู่บ้านที่สงบเงียบแห่งนี้และได้พบกับหนองน้ำใหญ่แห่งมณีนิล เธอก็เกิดหลงใหลในเสน่ห์ของบรรยากาศริมน้ำจนถอนตัวไม่ขึ้น และหญิงสาวก็อ้อนวอนมะลิ หลานสาวอีกคนของป้าสายบัวผู้ที่อุปการะเธอในตอนนี้ให้พายเรือชมบึงน้ำแห่งมณีนิลได้สมใจ
สายลมเย็นยามบ่ายคล้อยลอยล่องมาปะทะใบหน้าเนียนละเอียดของหญิงสาว เส้นผมดำขลับปลิวไสวไปตามสายลมอ่อน ริมฝีปากชมพูอวบอิ่มคลายยิ้มอย่างร่าเริงใจในขณะที่ปลายนิ้วกวักน้ำใสๆ เล่นไปมา
?ได้เวลาที่ต้องพายเรือกลับแล้วนะคะ? เด็กสาววัยสิบสี่ปีว่า สีหน้าดูเคร่งขรึมเกินวัย มะลิค่อยๆ ใช้ไม้พายดันน้ำเพื่อหันหัวเรือกลับไปยังหนทางที่มุ่งหน้ามา
?ยังไปไม่ถึงไหนเลยนะมะลิ ถ้ามะลิเหนื่อยล่ะก็ให้พี่พายให้ก็ได้? กลิ่นจันทร์ยื่นมือออกไปรับไม้พายจากเด็กสาว แต่มะลิยังขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าดึงดัน
?ไม่ได้นะคะพี่จันทร์ ถ้าไปไกลกว่านี้น้ำมันจะลึกมาก?
?ไม่เป็นไรหรอกน่ามะลิ เออ... งั้นขอพี่เก็บดอกบัวตรงนั้นก่อนแล้วกัน แล้วค่อยกลับ? หญิงสาวยิ้มเริงร่าพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปยังเขตที่เด็กสาวรู้สึกหวาดหวั่นยามจ้องมอง
?ไม่ได้ค่ะ ตรงนั้นห้ามไปเด็ดขาด? มะลิตะโกนห้ามเสียงดังจนกลิ่นจันทร์ตกใจ เหตุไฉนเด็กสาวต้องแสดงอาการวิตกขนาดนี้ด้วย
?ทำไมล่ะ? คนมีศักดิ์เป็นพี่ถามเสียงอ่อนโยน คอยสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
?ก็...? มะลิกลอกตาไปมาอย่างกระวนกระวาย ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
?ตรงนั้นเขาเรียกว่าวังน้ำมรกต ห้ามคนเข้าไปรบกวนเด็ดขาดค่ะ? เธอบอกเสียงตะกุกตะกักด้วยทีท่าตื่นตระหนก ฝ่ายคนฟังถึงกับยกยิ้ม มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างกับเด็กวัยสองขวบที่กลัวแม้แต่เงาตัวเอง
?รบกวน... พี่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเรียกว่ารบกวนด้วย? กลิ่นจันทร์ลากเสียงถาม มะลิหันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายตรงๆ ดวงตากลมโตนั้นแทบจะถลนออกมาก็ว่าได้
?อย่าให้หนูต้องพูดเลยค่ะ เอาไว้กลับขึ้นฝั่งก่อน นะคะพี่จันทร์ เชื่อหนูเถอะ? มะลิวิงวอนทั้งสายตาและน้ำเสียง คาดคั้นเอาจนคนมีศักดิ์เป็นพี่ต้องใจอ่อน กลิ่นจันทร์พยักหน้ายอมแพ้ แต่ก็ยังทอดมองกอบัวหลวงสีขาวสะอาดตาที่โผล่พ้นผืนน้ำสีมรกตใสสะอาดขึ้นมาขณะที่มะลิค่อยๆ พายเรือพาหญิงสาวเข้าฝั่ง
***************************************************************************************************
หมู่บ้านมณีนิลเป็นหมู่บ้านขนาดไม่ใหญ่มากนัก สภาพภูมิศาสตร์เป็นเนินดินสลับกับแหล่งราบลุ่ม มีดินที่อุดมสมบูรณ์เพราะอยู่ใกล้กับแม่น้ำใหญ่ ทิศเหนือติดกับแอ่งน้ำหรือที่เรียกว่าบึงน้ำมณีนิลที่กินระยะทางกว่าเก้ากิโลเมตร ทิศตะวันออกและทิศใต้เป็นที่ราบซึ่งชาวบ้านใช้ทำการเกษตร ปลูกข้าวในหน้าทำนาและปลูกพืชไร่ในฤดูร้อน ทิศตะวันตกเป็นเนินเขาเตี้ยๆ สูงราวสองกิโลเมตร และยังทอดตัวยาวไปไกลอีกยี่สิบกิโลเมตร บนเนินเขามีพันธุ์ไม้หายากขึ้นอยู่หลายชนิด
มณีนิลก็เหมือนกับหมู่บ้านต่างอำเภอทั่วๆ ไป ความเจริญจากเมืองใหญ่ได้แผ่เข้ามาถึงอย่างไม่ต้องสงสัย ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีบ้างที่เข้าไปทำงานในตัวเมือง โดยรวมแล้วในหมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรอยู่ประมาณสามร้อยหลังคาเรือน หรือประมาณห้าร้อยกว่าคน บ้านแต่ละหลังคาตั้งห่างกันทิ้งระยะทางพอสมควร มีทั้งก่อสร้างด้วยไม้ทั้งหลังหรือปูนทั้งหลัง หรือว่าข้างล่างเป็นปูนข้างบนเป็นไม้เหมือนกับบ้านของนางสายบัวหลังนี้
สายลมเย็นพัดโชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนที่เปิดแง้มไว้ เสียงฟ้าร้องดังแว่วเข้ามาจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือกก่อนจะรื้อผ้าห่มขึ้นคลุมทับถึงหน้าอก นอนมองผ้าม่านสีขาวปลิวละลิ่วไปมา จิตใจว้าเหว่เดียวดายเหม่อลอยคิดไปไกล ใจหนึ่งนั้นก็ยังหวนถึงเมืองหลวงที่จากมา สถานที่ๆ มีทุกสิ่งที่ต้องการ มีผู้คนพลุกพล่านมากหน้าหลายตา มีห้างสรรพสินค้า มีเสื้อผ้าสวยๆ ให้เลือกซื้อ มีอาหารดีๆ ให้ลิ้มลอง แต่ทว่ามันกลับไร้ซึ่งกลิ่นอายบางอย่างที่เธอรู้สึกได้เมื่อมาอยู่ที่นี่
เธอแค่อยากมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการพักหัวใจ ไม่ได้มาเพราะเกลียดว่าที่ภรรยาคนใหม่ของพ่อ ไม่ได้มาเพราะเป็นเด็กมีปัญหา ไม่ได้มาเพราะถูกบิดาขับไล่ สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ความจริง และเธอก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าเธอเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง กลิ่นจันทร์...
กลิ่นจันทร์ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ พร้อมกับระบายลมหายใจออกมาเพื่อขับไล่ความรู้สึกเครียดเกร็งให้ออกจากร่าง นับแต่นี้ไป...เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นกลิ่นจันทร์คนใหม่
*********************************************************************************************
มะลิเล่าถึงเรื่องเก่าๆ ในวันวาน ตั้งแต่เรื่องที่บิดามารดาของเธอรถคว่ำตั้งแต่เธออายุได้แค่ห้าขวบ จากนั้นมานางสายบัวก็เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูมาโดยตลอด ส่วนกลิ่นจันทร์ก็เล่าถึงชีวิตเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวาย หากแต่มะลิก็ตั้งใจฟังอย่างเอาจริงเอาจัง ซักไซ้ถามโน่นถามนี่หญิงสาวตลอด บอกว่าอยากนั่งรถไฟฟ้าบ้าง อยากไปสวนสนุกบ้าง อยากไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรูหราบ้าง นานาสารพัดที่เด็กสาวบ้านนอกจะนึกได้ จนกระทั่งกลิ่นจันทร์เล่ามาถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอเสียมารดาไป มะลิจึงแทรกถามขึ้นด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
?เอ่อ... ถ้าเกิดว่าน้าสายไหมไม่เสียนี่ พี่จันทร์คิดจะมาอยู่ที่นี่กับพวกเรามั้ยคะ? เด็กสาวทำคอย่นเหมือนอย่างเคย กลิ่นจันทร์ถอนหายใจเบาๆ มองคนตรงหน้าที่ชอบซักไซ้อย่างน่าหมั่นไส้
?ทำไมเหรอ ที่นี่ก็บ้านพี่เหมือนกัน ใครๆ ก็ต้องอยากกลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองกันทั้งนั้นแหละจ้ะ?
?พี่จันทร์เสียใจมากมั้ยคะ ตอนที่... น้าสายไหมเสีย? น้ำเสียงเด็กสาวเริ่มเบาลง
?ก็... มากจ้ะ ร้องไห้ตาบวมไปหลายอาทิตย์เชียวล่ะ? คนพูดบอกอย่างยิ้มแย้ม หากแต่คราบน้ำตายังเกาะกรังอยู่ในหัวใจเธอเสมอมา กลิ่นจันทร์เสพูดเรื่องอื่นเมื่อมะลิจะอ้าปากถามขึ้นอีกครั้ง เธอเดินนำหน้าเด็กสาวออกจากทุ่งโล่งตรงสู่ริมหนองน้ำใหญ่แห่งมณีนิล จ้องมองไปยังเรือลำเล็กที่ผูกติดไว้กับตอไม้ที่ท่าน้ำ
มะลิวิ่งเหยาะๆ ตามมา สีหน้าของเด็กสาวไม่สู้ดีนักเมื่อเห็นพี่สาวกำลังก้าวขาลงเรือ ?จะไปไหนอีกล่ะคะพี่จันทร์?
?ก็ไปพายเรือเล่นน่ะสิ มะลิไปด้วยกันมั้ย วันนี้พี่อยากพายเรือเล่นอีก?
?ไม่ค่ะ เอาไว้วันหลังดีกว่ามั้ยคะพี่จันทร์ นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว? เด็กสาวบอก ก่อนที่อีกคนจะแค่นหัวเราะ
?จะบ้ารึเปล่ามะลิ นี่แค่เพิ่งบ่ายสามกว่าๆ เองนะ ตะวันยังไม่ทันจะตกดินเลย? กลิ่นจันทร์บอกพร้อมรอยยิ้ม หากแต่มะลิยังคงมีสีหน้าเป็นกังวล
?ถ้าเกิดว่ามะลิมีธุระก็กลับบ้านไปก่อนก็ได้ พี่ไม่หลงทางหรอกน่า... อีกอย่างไม่ต้องกลัวว่าพี่จะจมน้ำนะ พี่น่ะเคยลงแข่งว่ายน้ำของโรงเรียนด้วยนะจะบอกให้? หญิงสาวยืดอกอย่างฮึกเหิม มะลิได้แต่ยิ้มจืดๆ อย่างไม่มีทางเลือกเพราะงานบ้านที่นางสายบัวมอบหมายไว้ให้ทำก็ยังไม่เสร็จเลยสักอย่าง
?งั้นก็ได้ค่ะ แต่พี่จันทร์อย่าพายไปไกลนะคะ เดี๋ยวประมาณบ่ายสี่โมงกว่าๆ หนูจะปั่นจักรยานมารอที่นี่? เด็กสาวนัดแนะ ส่วนกลิ่นจันทร์ก็รีบพยักหน้ารับพร้อมผายยิ้มหวานที่แฝงเลศนัย เมื่อเห็นหลังไวๆ ของเด็กสาวที่วิ่งหายไปกับดงไม้จึงเริ่มออกฝีพายสู่หนองน้ำอันเย็นใสแห่งมณีนิลด้วยความเบิกบานใจ
**********************************************************************************************
กลิ่นจันทร์พายเรือออกมาจากเขตที่มะลิเคยพามาคราวก่อน เรือนหน้าเนียนใสกระทบกับผิวน้ำที่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับดูงดงามยิ่งนัก ริมฝีปากชมพูสดคลายยิ้มกว้างยามทอดมองดอกบัวขาวที่อยู่อีกไม่ไกล เขตหวงห้ามที่เรียกว่าวังน้ำมรกตที่มะลิบอกไว้อยู่ตรงหน้า ขณะนี้เรือลำเล็กกำลังพาเธอเข้าไปใกล้เขตนั้นเรื่อยๆ แล้ว
เรือลำเล็กมาถึงกอบัวหลวงสีขาวในที่สุด มือเรียวสวยยื่นออกไปเชยชมกลีบสีขาวเนียนละเอียดอย่างพินิจพิเคราะห์ สองตามองต่ำลงสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง สะอาดใสมองเห็นกระทั่งตัวปลาที่แหวกว่ายอยู่อย่างชัดเจน น้ำสีเขียวใสดุจดั่งมรกตเหมือนกับที่มะลิว่าไม่มีผิดเพี้ยน ขณะเดียวกันนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นหลังคาสีน้ำตาลแก่ของบ้านริมน้ำหลังหนึ่งที่อยู่ไกลลิบลิ่ว หญิงสาวเอะใจว่ามาคราวก่อนทำไมเธอถึงไม่เห็นบ้านหลังนี้ได้ หรือเพราะว่าจุดที่ลำเรือลอยอยู่มันยังห่างมากเกินไป แต่พอมาถึงวังน้ำมรกตก็ทำให้เธอเห็นชายฝั่งอีกด้านของหนองน้ำใหญ่ เจ้าของบ้านหลังนั้นคงโชคดีไม่เบาที่มีบ้านริมน้ำบรรยากาศดีแบบนี้ หญิงสาวอดอิจฉาในใจไม่ได้ แต่... ทันใดนั้นกลิ่นจันทร์กลับรู้สึกเย็นวาบที่ปลายเท้า สองตารีบก้มลงมองพื้นเรือก่อนจะใจหายวาบ น้ำเย็นยะเยือกเริ่มทะลักเข้าสู่ตัวเรือผ่านทางรอยรั่วอย่างรวดเร็ว
กลิ่นจันทร์ใจเต้นถี่ยิบ รีบหันหัวเรือเข้าฝั่ง สายตาทอดมองไปยังผืนดินที่อยู่ไกลออกไปร่วมกิโลเมตรขณะพยายามใช้ปลายเท้าอุดรอยรั่วเอาไว้ สองมือจับไม้พายไว้แน่น รีบจ้ำพรวดพายเข้าหาฝั่งให้เร็วที่สุด หญิงสาวหวังในใจว่ามะลิจะมารอเธอที่ท่าน้ำเร็วกว่ากำหนด
แต่ยังไม่ทันจะพ้นวังน้ำมรกต ลำเรือก็เซถลาเพราะน้ำที่ทะลักเข้ามาผ่านรอยรั่วอีกแห่ง หญิงสาวทิ้งไม้พาย รีบยกสองมือขึ้นอุดรอยรั่วสลับกับกวักน้ำออกจากเรืออย่างทุลักทุเล น้ำเริ่มไหลเข้าสู่เรือลำเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ความสับสนเข้าเกาะกุมหัวใจที่สั่นระรัว เธอต้องรีบตัดสินใจว่าจะว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งดีรึเปล่า เพราะนี่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอรอดตายจากเรือล่มกลางบึงในครั้งนี้...
?เอาก็เอาวะ...? กลิ่นจันทร์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนกระโดดตูมลงสายน้ำเย็นใสเบื้องล่าง ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านเข้าแทรกซึมสู่อณูขุมขนในบัดดล รีบใช้สองขาตีน้ำ สองแขนก็กวักไกวพาให้ร่างกายเคลื่อนที่แหวกผ่านม่านธารา จุดหมายคือผืนดินเบื้องหน้า... หากแต่ว่าเธอไม่ได้เก่งกาจเหมือนนักกีฬาว่ายน้ำดังที่ได้บอกมะลิไปก่อนหน้านี้ สองขาที่ตีน้ำเริ่มอ่อนแรง สองแขนที่คอยกวักน้ำพยุงร่างกายก็มิอาจทนทานได้อีกต่อไป หัวใจเริ่มเต้นอ่อนแรงลงทุกที ม่านตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างบอบบางที่ดำดิ่งลงสู่ก้นหนองน้ำลึกแห่งมณีนิล

**********************************************************
ราตรีแห่งความสุขคืนนี้วาววับด้วยหมู่ดาวนับพัน ทว่าไม่เปล่งประกายระยิบระยับได้เท่าแววตาเขียวมรกตตรงหน้าเธอ นาคหนุ่มจ้องมองดวงหน้างามของมนุษย์สาวที่เขารักสุดหัวใจ กลิ่นจันทร์...หญิงสาวที่ถูกเลือกให้เป็นผู้นำพามณีนาคสวาทที่สาปสูญ ซึ่งกว่าที่ภุชคินทร์ทายาทแห่งพญานาคจะนำอัญมณีชิ้นนี้กลับคืนสู่ตระกูลได้ ทั้งนาคผู้มีอิทธิฤทธิ์เช่นเขาและหล่อนผู้มีบุญญาต้องต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวง รวมกระทั่งความรักของพญาครุฑที่ต้องการครอบครองมนุษย์เช่นเธอ ทว่ากลิ่นจันทร์ก็รู้ดีว่าใครกันที่ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหว ใครคนไหนที่ทำให้หญิงสาวหลงใหลนับแต่วินาทีแรกเห็น เวลานี้ความรักของเขาที่มีให้เธอมันสุกงอมพร้อมชมชิม เฉกเช่นเดียวกับความซาบซ่านใจที่รอให้ทั้งสองสัมผัสถึง แสงจันทร์ส่องสาดฉาบมายังสองร่างที่กำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กลิ่นจันทร์กระซิบแผ่วเบาชิดใบหูเขาด้วยสวาทใคร่...ฉันรักเธอ...ภุชคินทร์

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”