New Release: Sweet Sense สัมผัสรัก เกี่ยวหัวใจยัยจอมป่วน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release: Sweet Sense สัมผัสรัก เกี่ยวหัวใจยัยจอมป่วน

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ

ฉันกำลังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมกับความอับโชคมากที่สุดในโลก และฉันก็คิดว่าแม่ตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ...เพราะคิดว่าสาเหตุที่ฉันเป็นเยี่ยงนี้มันมาจากคุณไสยที่ฝังรกรากอยู่ในตัวฉัน
จริงๆ แล้วก็แค่ผมยาวระเอวที่ฉันไม่ได้สระมาสักสองสามวันยาวปรกหน้าปรกตาจนทัศนวิสัยในการมองไม่ชัดเจน ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยถูกดึงเล่นอย่างเมามันจนเลือดซิบบ้าง แห้งกรังบ้าง และผิวขาวหยวกกว่าคนอื่นๆ ในบ้านเพราะแทบไม่ได้ออกไปไหน สรุปคือไอ้ความซกมกทั้งหลายแหล่ของฉันมันทำให้แม่ขวัญผวาทุกครั้งที่เจอหน้าลูกสาว ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้าน คนสวน คนขับรถ ที่พากันทยอยลาออกทีละคนสองคนด้วยไม่อาจร่วมประสบการณ์ล่าท้าผีกับแม่ไหว
ไม่เว้นแม้แต่บ้านข้างๆ ที่ประกาศขายบ้านทิ้งแล้วย้ายออกไป ด้วยเหตุผลว่าละแวกนี้ผีดุ หรือแม้แต่คณะสงฆ์ที่เคยมาทำบุญบ้านฉัน พอเห็นฉันยืนดูพิธีกรรมอยู่มุมห้องลิบๆ ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าขันน้ำมนต์ปรี่ตรงเข้ามาสาดๆ แล้วก็บอกแม่ฉันว่าบ้านนี้เจ้าที่แรง รวมถึงอีกหลายๆ เรื่องที่มีฉันเป็นสาเหตุทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แต่แม่ฉันเห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่อาจหาอื่นใดเทียบได้ ฉันจึงถูกลากมาที่นี่ ก่อนถูกลากขึ้นเขียงไปรอชำแหละอย่างที่เห็น
?แม่หมอเจ้าคะ ช่วยเอาของออกจากตัวลูกสาวเดี๊ยนด้วยนะเจ้าคะ เดี๊ยนทนไม่ไหวแล้ว?
?ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวขออัญเชิญเจ้าแม่เข้าทรงร่างก่อน โอม~ มะงองมะแงง...?
ฉันนอนมองผู้หญิงวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นมารดาบังเกิดเกล้านั่งลุ้นด้วยสีหน้ากังวล สายตาจับจ้องไปยังหญิงชราที่นุ่งขาวห่มขาว หรือที่คนแถวนี้รู้จักกันในนาม ?ยายเมี้ยน? เจ้าแม่ร่างทรงที่ขึ้นชื่อเรื่องการไล่ผี และเพราะเหตุผลนี้นี่แหละที่ทำให้แม่ต้องลากสังขารพาฉันมานอนแบ็บบนเขียงรอชำแหละ ท่ามกลางชาวบ้านนับสิบที่อยากเห็นพิธีคลายคุณไสย ซึ่งฉันก็ไม่อาจทราบได้ว่าพิธีที่ว่านี่เชื่อถือได้หรือไม่
เพียงเวลาไม่นาน หลังจากท่องคาถาจบ ร่างเหี่ยวๆ แห้งๆ ของหญิงชราก็สั่นระริกอย่างกับเกิดแผ่นดินไหวไม่ต่ำกว่าสิบริกเตอร์ พร้อมกับท่องคาถาบางอย่างงึมงำอยู่คนเดียวอีกระลอก ก่อนจะเบิกตาโพลงแล้วชี้นิ้วอันสั่นเทามาทางฉันที่นอนอยู่ตรงหน้า
?ข้ารู้...ข้าเห็น หึๆ...?
?เห็นอะไรเจ้าคะแม่หมอ? แม่ส่งเสียงถาม ดวงตาเบิกโพลงด้วยความอยากรู้เสียเต็มประดา
?ข้าเห็น...ข้าเห็น! หึๆ?
แต่ยัยป้าหมอนี่กลับไม่ให้คำตอบ ได้แต่หัวเราะหึๆ แทน เฮ้อ~ ดูก็รู้แล้วว่าหลอกลวงน่ะ แม่นี่ก็เชื่ออะไรงมงายชะมัด
?เห็นอะไรคะ แม่หมอเห็นอะไรคะ!?
?ข้าเห็น... ข้าเห็นลูกเจ้าโดนของ?
แม่หมอว่าพลางชันขาข้างหนึ่งขึ้น มือทั้งสองจีบพลู เจียนหมาก ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวหยุบหยับพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ ทำให้ฉันอดไม่ได้โพล่งถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความท้าทาย
?โดนของอะไรเหรอคะแม่หมอ...?
แม่หมอชะงักกึก เบิกตาโพลงมองฉันที่บังอาจขัดการวางท่าทางขลังของแก ก่อนจะตวาดแว้ดดังลั่น
?บ๊ะ! บอกว่าโดนของก็โดนของสิ จะถามทำไมว่าของอะไร เดี๋ยวเจ้าแม่ก็พิโรธเสียนี่!?
จ้าๆ ไม่ถามก็ได้ แค่สงสัยก็กลายเป็นผิดซะงั้น =_=
พอสิ้นเสียงแม่หมอ แม่ก็รีบแทรกขึ้นทันทีราวกับกลัวว่าจะโดนแย่งพูด
?แล้วมีวิธีแก้มั้ยคะ?
?หึๆ มีสิ...?
?มีเหรอเจ้าคะ วิธีไหนเหรอเจ้าคะ?
?ก็แค่...?
ว่าแล้วยัยแม่หมอจอมลวงโลกก็เบนสายตามาทางฉันอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่แม่ก็ส่งเสียงถามไม่หยุด
?แค่อะไรคะแม่หมอ?
?หึๆ ก็แค่...ต้องหาคู่หมั้นให้ลูกเจ้าเท่านั้นเอง...?
ว่าไงนะ!

1

?แม่คิดอะไรอยู่ถึงจะหาคู่หมั้นให้ยัยคริสตัลเนี่ย!?
เสียงแหวจากปากพี่ชายสุดที่รักที่ฉันคลานตามก้นออกมาเกิดดังลั่นห้องนั่งเล่นทันทีที่ฟังเรื่องเล่าทั้งหมดจากปากของผู้เป็นมารดา ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าทำไมคนของบริษัทจัดหาคู่ถึงได้ยกโขยงมากันเต็มบ้าน
งานนี้ฉันรอดตายจากการรุมทึ้งของทีมแม่สื่อแม่ชักที่พยายามนำเสนอแฟ้มประวัติชายหนุ่มมากหน้าหลายตามาให้พิจารณา เพราะพี่คริสเตียนไล่ตะเพิดจนแตกฮือกันไปคนละทาง และคงเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากฝึกงานเป็นพิธีกรรายการเรียลลิตี้ผีที่ประเทศจีนด้วยกระมัง ใบหน้าคมคายที่ทำให้สาวๆ หลงมานักต่อนักถึงได้ยับยู่ยี่เสียจนเตารีดก็เอาไม่อยู่ เฮอะ ก็แน่ล่ะ กลับมาเหนื่อยๆ ยังไม่ทันได้พักก็เจอคุณนายประจำบ้านหางานให้ต้องปวดหัวอีกยกใหญ่ ไม่หงุดหงิดก็แปลกล่ะ...
แต่ทว่าท่ามกลางความหงุดหงิดของลูกชาย แม่กลับชำเลืองมองสีหน้าบูดบึ้งของพี่คริสเตียนเล็กน้อย ก่อนจะตวัดขาขึ้นไขว่ห้างแล้วจีบปากเปล่งเสียงออกมาด้วยท่วงท่าสบายๆ
?กลับมาถึงบ้านได้ก็เสียงดังเชียวนะ แล้วจะยังมาวุ่นวายธุระของแม่จนเสียงานเสียการอีก เสียมารยาทเสียจริงเจ้าลูกคนนี้?
?ธุระที่ว่าของแม่นี่คือการหาคู่หมั้นให้ยัยคริสตัลเหรอครับ จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว!?
?เอ๊ะ! แม่ก็แค่หวังดีกับยัยคริสเท่านั้นเอง ดูน้องเราสิ จู่ๆ จากเด็กน่ารักๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่แม่พาไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ยังอยู่ในสภาพนี้ อีหรอบนี้โดนของแน่ๆ?
?ผมก็เห็นยัยนี่เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่ครับ แม่อย่างมงายหน่อยเลย?
?ตาคริสเตียน!?
แม่ขึ้นเสียงอย่างชักมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง ปกติแม่จะเรียกเราทั้งคู่ว่า ?คริส? เฉยๆ แต่คราวนี้เรียกเสียเต็มยศ บ่งบอกให้รู้ว่างานนี้ไม่ตายก็อย่าหวังจะได้โต = = แล้วสงครามน้ำลายระหว่างแม่และพี่ชายก็บังเกิด โดยมีฉันนั่งคั่นกลาง ฟังทั้งคู่แผดเสียงใส่กันข้ามหัวฉันไปมา เพียงครู่เดียวแม่ก็ตบะแตก หยิบแก้วน้ำมาเขวี้ยงใส่พี่คริสเตียน ทำเอาทั้งฉันทั้งพี่คริสเตียนต้องค้อมตัวลงเพื่อหลบโดยอัตโนมัติ
?ผมพูดเรื่องจริงมันผิดตรงไหนเหรอครับ?
พอพี่คริสเตียนตั้งหลักได้ก็ย้อนกลับอย่างไม่รักตัวกลัวตาย ฉันล่ะอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียเดี๋ยวนั้น ยิ่งเหลือบไปเห็นหน้าแม่ที่พยายามเก็บกลั้นอารมณ์สุดฤทธิ์ด้วยแล้วก็ยิ่งมั่นใจได้เลยว่า หากแม่สวมวิญญาณนางพญามีดบินเมื่อไหร่ พี่คริสเตียนโดนเจี๋ยนไม่เหลือซากแน่
ทว่าโชคยังเข้าข้างพี่คริสเตียน ที่แม่ทำเพียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเชิดใส่อย่างไม่ไยดี
?เฮอะ แม่ไม่เถียงกับแกแล้ว ไม่รู้ล่ะ ยังไงแม่ก็ยังยืนยันคำเดิม แม่จะไม่ยอมเห็นยัยคริสในสภาพนี้อีกแล้ว?
?ผมก็เบื่อที่จะต้องเถียงกับแม่แล้วเหมือนกัน และผมก็ยังยืนยันที่จะคัดค้านการดูตัวอะไรนี่ด้วย ยัยคริส มากับพี่?
พี่คริสเตียนหันมาคว้าแขนฉันให้ลุกขึ้นเดินตามแรงลากของเขาไป จนแม่ที่มัวแต่เชิดหน้าอยู่ตั้งตัวไม่ทันจึงได้แต่ตะโกนไล่หลังอย่างโมโห
?คริสเตียน! แกจะพาน้องไปไหนน่ะ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!?
แต่ก็อย่างที่เห็น พี่คริสเตียนไม่สนใจเสียงตะโกนของแม่เลยสักนิด เพราะตอนนี้พี่แกลากฉันมาที่รถแล้วจัดแจงโยนฉันเข้าไป ก่อนจะรีบวิ่งมาเข้าประจำที่คนขับแล้วบึ่งรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
?พะ...พี่คริสเตียนจะพาหนูไปไหนคะ?
และแล้วโอกาสที่ฉันได้มีบทพูดก็เริ่มขึ้นสักที คนถูกถามเหลือบหางตามามองฉันนิดๆ ก่อนจะกลับไปตั้งใจขับรถต่อ
?พี่จะพาเราไปอยู่ที่หอพักที่พี่เช่าทิ้งไว้ ไปอยู่จนกว่าแม่จะล้มเลิกความคิดบ้าๆ นี่ละกัน เฮอะ บ้าหรือเปล่า จู่ๆ จะให้ลูกสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหมั้น ประสาทชะมัด?
ความจริงฉันก็เห็นด้วยกับพี่ชายนะ แต่ว่า...เรื่องเรียนฉันล่ะ ฉันจะไปเรียนยังไง ในเมื่อหอพักที่ว่าของพี่คริสเตียนอยู่ห่างจากโรงเรียนฉันเป็นโยชน์ๆ แบบนี้ -_-;
ดูเหมือนว่าพี่คริสเตียนจะอ่านสายตาของฉันออก เพราะเขาเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
?ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนหรอก เดี๋ยวพี่จัดการให้ ย้ายๆ มันไปเลยโรงเรียนเนี่ย ยิ่งอยู่ห่างจากบ้านเท่าไหร่เราก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ขืนแม่มาเจอคงโดนลากกลับไปหาคู่ดูตัวอีกแน่?
ฉันพยักหน้ารับทราบนิดๆ แล้วเสมองวิวนอกรถ ก่อนจะหลับตาลงให้ความทรงจำเก่าๆ ย้อนฉายอยู่ในหัวอย่างไม่รู้จักจบสิ้น แทนที่ภาพความสับสนวุ่นวายในวันนี้อย่างระอาใจ

หลังจากแวะซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ให้ฉันและขับรถต่อมาอีกไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง ในที่สุดเราทั้งคู่มาถึงที่หมายสักที พี่คริสเตียนนำฉันออกจากรถลงไปยืนรับลมเย็นๆ ยามหัวค่ำด้วยอารมณ์เปี่ยมสุข ฉันตามลงมาอย่างเหนื่อยใจพลางมองตึกข้างหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ก่อนที่คนพามาจะแนะนำขึ้นประหนึ่งภาคภูมิใจเสียเหลือเกิน
?นี่คือหอพักที่พี่แอบมาเช่าไว้เอง เป็นไงบ้าง ถูกใจล่ะสิ?
ฉันอยากจะเสยคางพี่ตัวดีนัก แต่ก็ทำได้แค่เหลือบมองตึกสามชั้นตรงหน้า มันเป็นสถานที่ที่ไม่น่าเรียกว่าหอพักได้เลย มันดูวังเวงจนน่าขนลุกยังไงไม่รู้ แถมรอบๆ ก็ไม่มีบ้านคนเลยสักหลัง ข้างขวาเป็นบึงน้ำที่มีหญ้าขึ้นรก ข้างซ้ายก็เป็น...เอ่อ...ป่าช้าจีน บรรยากาศช่างชวนให้ฉันออกไปหาไก่กินเสียเหลือเกิน
ให้ตายสิ พี่คริสเตียนบ้ารึเปล่าที่มาเช่าห้องที่นี่ = =;
แต่ก็ช่างเหอะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ที่แม่หามาให้แล้วกัน
?เข้าไปข้างในกันเถอะ พี่ชักจะเพลียแล้ว ขับรถมาทั้งวันยังไม่ได้พักเลย?
ดูพี่คริสเตียนจะคุ้นเคยกับคนที่นี่เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่เดินเข้ามา ไม่ว่าลุงยาม แม่บ้าน ยันคนที่เช่าห้องอยู่ในตึกนั้น ต่างเข้ามาทักทายพร้อมกับของฝากเล็กๆ น้อยๆ ติดไม้ติดมือเต็มไปหมด
?อ่ะ นี่กุญแจสำรอง ส่วนนี่เบอร์โทรของป้าคนดูแลหอนะ มีอะไรโทรไปหาได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้พี่ต้องบินกลับไปถ่ายรายการที่จีนต่อ โทษทีที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อน?
?อืม...หนูอยู่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง?
พี่คริสเตียนยิ้มให้ฉันเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงไม้ผุๆ อย่างแรง
แคร่กๆ เอี๊ยดอ๊าดๆ
บอกฉันหน่อยเถอะว่ามันจะไม่พังครืนลงมาน่ะ = =;
?เอ่อ...ของมันเก่าแล้วก็อย่างนี้แหละ พี่ขอนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ด้านหลังหอพักมีร้านค้าอยู่ ถ้าหิวก็ไปหาซื้ออะไรกินได้?
พอแก้ตัวให้เตียงของตัวเองเรียบร้อยก็หันหลังให้ฉันทันที ไม่นานเสียงกรนสะเทือนโลกก็ดังเสียดโสตประสาทฉันจนรู้สึกปวดหัวตึ้บๆ ฉันจึงตัดสินใจเดินลงมานั่งเล่นด้านล่างตึก พลันเสียงจากกระเพาะน้อยๆ ก็ดังโครกคราก
อ๊ะ จริงสิ ตั้งแต่ออกมาจากบ้านยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่นา ไปหาอะไรประทังชีวิตหน่อยก็แล้วกัน
ครืดๆ
ฉันเดินลากรองเท้าแตะไปเรื่อยๆ โดยมีจุดหมายคือร้านค้าด้านหลังหอพัก แต่ด้วยความไม่ชำนาญเส้นทางและไม่เห็นว่าจะมีทางไหนทะลุไปด้านหลังได้เลย จึงจำต้องเดินเลาะป่าช้าจีนไปเท่านั้น หากว่าความหิวไม่เข้ามาระรานกระเพาะล่ะก็ ให้ตายฉันก็ไม่เดินมาหรอก รบกวนดวงวิญญาณเปล่าๆ เผลอๆ จะคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกันแล้วลากไปอยู่ด้วย แค่คิดก็หลอนแล้ว ว่าแต่...ร้านค้ามันอยู่ตรงไหนล่ะเนี่ย?
ฉันเดินวนในป่าช้านั้นอยู่นานจนเริ่มรู้สึกตัวว่า...หลงทางซะแล้ว เพราะยิ่งเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ทางก็ยิ่งรกขึ้น แถมฮวงซุ้ย (หลุมศพคนจีน) ก็มากขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงตัดสินใจเดินย้อนกลับมาทางเดิม แต่ทันทีที่หันกลับมาก็ต้องหนักใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจาก เอ่อ...จำทางกลับไม่ได้ = =;;
ด้วยความเหนื่อยผสมกับความหิวทำให้ฉันทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ซวยจริงๆ เลยให้ตาย เมื่อเช้าก็เกือบจะโดนแม่หาสามีให้ ตกกลางคืนยังมาหลงป่า (ช้า) อีก สวรรค์โปรดส่งใครก็ได้มานำทางลูกกลับออกไปที เพลียจะตายอยู่แล้ว!
สิ้นคำอธิษฐานต่อเง็กเซียนฮ่องเต้ในใจก็มีดวงไฟสีส้มสว่างวาบไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ฉันอยู่มากนัก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าย่ำใบไม้แห้งพร้อมกับเสียงพูดคุยกัน
โฮกกก รอดตายแล้ว!
?ทำไมเตี่ยต้องให้เราสองคนเข้ามาเอาของที่โรงเจเก่าด้วยก็ไม่รู้ น่ากลัวจะตายชัก?
?เงียบๆ น่า เดี๋ยววิญญาณบรรพบุรุษก็ตกใจตื่นมาบีบคอแกหรอก รีบๆ เดินแล้วรีบๆ ออกไป เฮียก็ไม่อยากอยู่ในนี้นานเท่าไหร่หรอก?
เสียงพูดคุยนั่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับดวงไฟสีส้มที่คาดว่าคงจะเป็นไฟฉายวาดไปวาดมา
ริมฝีปากฉันอ้าออกโดยอัตโนมัติเพื่อเรียกให้คนช่วย แต่น้ำเสียงที่ลอดออกมามันช่างแผ่วเบาเหลือเกิน สงสัยเป็นเพราะหิวข้าวแน่ๆ
?ช่วย...ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย....?
สวบๆ กึก!
จู่ๆ เสียงฝีเท้าก็เงียบหายไปกลายเป็นเสียงกระซิบของผู้ชายดังขึ้นมาแทน
?ฮะ...เฮีย มะ...เมื่อกี้ได้...ยะ...ยินอะไรมั้ย....?
?ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย หูฝาดแล้ว?
?ตะ...แต่ผมได้ยิน...จะ...จริงๆ นะ?
?ช่างหัวแกเถอะ รีบๆ เดินตามมาเร็วๆ เข้า?
พลันร่างของทั้งคู่ก็เปลี่ยนทิศทางไปทางอื่นแทน สงสัยเสียงฉันคงจะไม่ดังพอสินะ อีกคนเลยไม่ได้ยิน ดีล่ะ งั้นคงต้องพูดให้ดังกว่านี้หน่อยแล้ว
?ช่วย...ด้วย...ช่วยฉันด้วย....?
?เฮีย...ผมได้ยินอีกแล้ว...เสียงนั้น....?
?แกเลิกเกาะหลังเฮียเป็นลิงก่อนได้มั้ย รำคาญจะแย่ แล้วก็อย่าเรียกอีก เฮียไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย?
?แต่ผมได้ยินนะ...?
?หุบปาก!?
เสียงคุยกันของคนที่สวรรค์ส่งมาเงียบไปอีกครั้ง ก่อนเสียงฝีเท้าจะหันเหทิศไปทางอื่น ทำไมถึงไม่ได้ยินฉันนะ หรือยังพูดไม่ดังพอ เอ๊ะ! หรือจะหูตึง อย่างนี้ต้องให้ได้สัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียงแล้วสินะ =..=
ฉันรวบรวมแรงที่ยังพอเหลืออยู่ดันตัวลุกขึ้นแล้วส่งเสียงเรียกสองคนที่กำลังจะเดินจากไปพลางกวักมือหย็อยๆ ช่วยอีกแรง
?อย่าเพิ่งไป...พาฉันไปด้วย...?
สวบๆ กึก!
ชายสองคนนั้นชะงักฝีเท้าลงอีกครั้ง ก่อนจะคุยกันเองโดยไม่สนใจฉันที่ยืนอยู่ข้างหลังเลยสักนิด
?เมื่อกี้แกได้พูดอะไรหรือเปล่า?
?มะ...ไม่ได้พูดอะไรเลยนะเฮีย ฮือๆ ผมไม่ได้พูด...YOY?
?ละ...แล้ว เอ่อ...เมื่อกี้เสียงใคร....?
สองคนนั้นยืนมองหน้ากันไปมาอย่างเค้นหาคำตอบ ฮึ่ย~ ชักจะโมโหขึ้นมานิดๆ แล้วนะ ทำไมถึงไม่ให้ความสนใจฉันบ้างเลย พวกบ้า!
?ผะ...ผมว่า เรารีบออกไปจากที่นี่กันเหอะ?
?อืม... ฮะ...เฮียเห็นด้วย?
สิ้นข้อเสนอของผู้ชายที่ได้ยินเสียงฉัน ทั้งคู่ก็ตั้งท่าเตรียมจะวิ่ง แต่ฉันไม่ปล่อยให้พวกนายทิ้งฉันไปหรอกย่ะ ฉันรวบรวมแรงที่มีเหลือทั้งหมดวิ่งไปกระโดดเกาะหลังคนที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วเกี่ยวขาเข้ากับเอวเขาแน่นทันที เจ้าของแผ่นหลังกว้างสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะตามมาด้วยคนข้างๆ ที่อ้าปากค้างแล้วชี้นิ้วอันสั่นเทามายังฉัน
?ฮะ...เฮีย...O_o!!?
?พาฉันไปด้วย...ฮือๆ...?
ฉันแสร้งทำเป็นบีบน้ำตาให้น่าสงสารพลางช้อนตาขึ้นมองหน้าหมอนั่นผ่านเส้นผมที่ปรกลงบังตา แสงสว่างจากไฟฉายทำให้ฉันมองเห็นหน้าคนที่กำลังชี้นิ้วมาที่ฉันรางๆ ชายหนุ่มหน้าตาออกแนวตี๋เชื้อสายจีน ผมเซ็ตตั้งชี้เป็นหัวหนาม ตอนนี้เบิกตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน ใบหน้าขาวนวลของเขาซีดอย่างกับไก่ต้ม ริมฝีปากแดงเริ่มซีดพร้อมกับเหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นเต็มหน้า
ฉันไถคางขึ้นไปเกยบนไหล่ของคนที่ฉันกำลังเกาะหลังอย่างยากลำบากเพราะหมอนี่สูงซะเหลือเกิน แถมผมรากไทรสีแดงของเขาก็ทิ่มหน้าทิ่มตาฉันจนรำคาญ เขาพยายามเหลือบหางตามามองฉันอย่างยากลำบาก หน้าตาของเขาไม่ได้ต่างจากตาหัวหนามสักเท่าไหร่ แต่ดูแล้วหล่อกว่าโข พอเห็นฉัน เขาก็เกร็งตัวแข็งทื่อพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
?หยะ...หยาง ตัว...ตัวอะไรเกาะหลังเฮีย...?
ตาหัวหนามที่อ้าปากค้างอยู่ไม่ได้ตอบอะไรแต่เบะปากคล้ายจะร้องไห้แทน
?บอกมาเร็ว! ตัวอะไรเกาะหลังเฮีย!?
นายหัวแดงตะคอกถามเสียงดังขึ้นเมื่อไม่ได้คำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ถูกถามวิญญาณจะออกจากร่างไปแล้ว ฉันเลยอาสาเป็นคนพูดแทน
?พา...ฉันออกไปที...ช่วยฉันด้วย....?
?อึก!? นายหัวแดงสะอึกไปเล็กน้อยพลางชี้นิ้วมาที่ฉันโดยไม่หันมามองสักนิด
?หยะ...หยาง แกแค่ตอบว่า...ใช่หรือไม่พอนะ ขะ...ข้างหลังเฮียนี่...คนใช่มั้ย...?
?ม่ายยย TOT?
คำตอบที่ได้ทำให้เขากลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
?งะ...งั้นก็แสดงว่า....?
?ขะ...ข้างหลังเฮีย... ผี! TOT?
?อ๊ากกก! =O=?
ไม่ใช่โว้ยยย!


*******************************************************************

จู่ๆ ก็ถูกหมอผีที่แม่นับถือฟันธงว่าโดนของและต้องรีบแต่งงานเพื่อแก้คุณไสย ?คริสตัล? ไม่อยากถูกคลุมถุงชนจึงลี้ภัยมาอยู่ที่หอพักพี่ชาย ทำให้เธอได้เจอกับ ?ฮาเร็ม? ชายที่เป็นรักแรก เพราะอยากให้เขาสนใจจึงไปขอร้องให้ ?เยลล์? เพื่อนชายที่รู้จักกันช่วย แต่ขนาดเปลี่ยนตัวเองจนสวยพริ้งเขาก็ยังไม่แลสักนิด ซ้ำร้ายหัวใจเธอยังมาเต้นตึกตักกับตัวช่วยอย่างนายเยลล์ซะอีก สับสนเรื่องรักไม่พอ ยังมาปวดหัวเพราะแม่ส่งคนตามล่าตัวให้กลับไปแต่งงานอีก
รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”