New Release : อสูรพ่าย

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : อสูรพ่าย

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ
?ภูรันต์ไปไหนศักดิ์ชาย...? คุณภูวดลถามหาลูก
?ไม่ทราบครับ?
ศักดิ์ชาย เลขาฯ ส่วนตัวเงยหน้าขึ้นมาตอบ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาลงทำงานตามเดิม คนถามเลยต้องเดินจากไปเงียบๆ
หลายวันต่อมาศักดิ์ชายก็ถูกถามใหม่...
?ภูรันต์กลับมารึยัง...ไปหลายวันแล้วนี่?
?อ้อครับ กลับมาแล้วครับ แต่ไปไหนต่อไม่รู้ครับ...?
คำตอบทำเอาคนฟังหุบปากลง ไม่ถามต่อ และก้มลงทำงานต่อไปเงียบๆ
อาทิตย์ต่อมาเมื่อศักดิ์ชายเอาแฟ้มงานไปให้เซ็น คุณภูวดลก็ถามหาลูกอีก
?เมื่อไหร่เห็นภูรันต์ บอกให้มาหาผมหน่อยนะศักดิ์ชาย...?
?ครับผม?
ศักดิ์ชายรับคำแล้วรับแฟ้มเดินออกไปภายนอก...แต่ไม่มีใครเข้ามาหาคุณภูวดลตามที่ต้องการเลย จนกระทั่งวันต่อมาเขาป่วยและถามหาลูก
?ภูรันต์รู้ไหมว่าผมเข้าโรงพยาบาล...?
เขาถามศักดิ์ชาย เมื่ออีกฝ่ายหอบแฟ้มงานมาทำตอนไปเฝ้าเขาไปที่โรงพยาบาล
?ทราบครับ...ผมบอกแล้วครับ บอกหมดว่าท่านอยู่โรงพยาบาลไหน ห้องไหน ชั้นไหน?
ศักดิ์ชายตอบแล้วหุบปาก...มองเจ้านายอย่างเห็นใจ แต่ไม่รู้จะทำอะไรให้มากยิ่งกว่านั้น...
แล้ววันหนึ่งเพื่อนรักนามว่าคุณสิริก็มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล...
?คุณดล...ผมกับคุณนี่ไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนกันนะ แต่ไม่ว่าใครจะไปก่อน เราจะฝากลูกของเราไว้กับลูกของอีกคนหนึ่งนะคุณดล?
?แน่นอนคุณสิริ ผมรับปากเลยทีเดียว และจะไม่มีวันเสียสัจจะลูกผู้ชายที่เราให้ไว้แก่กันและกัน?
ลูกผู้ชายทั้งคู่ต่างยื่นมือมาสัมผัสกันเป็นการยืนยันในคำพูดที่ต่างก็ให้ไว้แก่กันอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง...
แล้วคุณภูวดลก็เงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงานในวันหนึ่ง แล้วถามศักดิ์ชายว่า...
?ภูรันต์มันกลับมาบ้านกี่ครั้งนะในสามปีนี่...ดูสิศักดิ์ชาย ผมกับมันแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย...ตอนนี้บริษัทเราก็ต้องการคนมาช่วยบริหารนะ...แต่ลูกผมไม่เอาเลย?
พอคุณภูวดลพูดจบก็ยกมือขึ้นจับหัวใจ แล้วล้มลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่นั้น...





1
?แกอายุเท่าไหร่แล้วนะภูรันต์...?
คุณภูวดล นฤเบศร์ถามลูกชายที่นั่งนิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันสองพ่อลูกในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สร้างอยู่บนเนื้อที่เกือบสิบไร่ของตระกูลนฤเบศร์
ฝ่ายที่ถูกถามเงยดวงหน้าคมเข้มสะดุดตาเพศตรงข้ามทุกคนที่เห็นขึ้นมองบิดา แล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย...
?คุณพ่อถามทำไมครับ...?
?พ่ออยากให้แกแต่งงานแต่งการ เป็นหลักเป็นฐานสักที?
คุณภูวดลให้เหตุผลกับลูก
?พ่อแก่แล้วนะ แล้วก็ไม่สบายบ่อย...สักวันหนึ่งคงตายแน่ แกก็รู้ไม่ใช่หรือ?
คนถูกถามวางช้อนที่กำลังตักข้ามต้มกุ้งตัวโตๆ เข้าปากลงทันที แล้วถอนใจ...
?ป่านนี้เจ้าสาวคงเรียนจบแล้วล่ะ แกไม่คิดจะไปเยี่ยมเขา ไปดูหน้าดูตาเขาบ้างหรือ?
คำถามที่สามทำให้ลูกชายถอนใจยาว...แล้วส่ายหน้า...
?ไม่ไปล่ะครับ...ผมไม่ว่าง...?
?แล้วแกจะว่างเมื่อไหร่? คุณภูวดลถามใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ผู้เป็นลูกฟังแล้วรู้ว่าพ่อกำลังเอาจริง...
?ผมยังไม่อยากแต่งงาน? ลูกชายตอบสั้นๆ และขยับตัวลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนี ถ้าผู้เป็นพ่อไม่ยกมือขึ้นจับหัวใจ แสดงให้รู้ถึงอาการของโรคหัวใจที่ตนเองเป็นอยู่...และกิริยานี้เองที่ทำให้ลูกชายที่ทำท่าจะเดินหนีต้องชะงัก หันมามอง และสาวเท้าเข้ามารับร่างผู้เป็นพ่อที่ทำท่าจะเอนตัวลงแทบตกเก้าอี้ ถ้าภูรันต์เข้าไปรับไว้ไม่ทัน...
?ยา...ยา...? ภูวดลพึมพำเบาๆ พลางชี้ไปยังหลอดยาที่ใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ...
ภูรันต์ไม่รอช้า รีบล้วงกระเป๋าพ่อคว้ายามาหยอดลงใต้ลิ้นผู้ป่วยทันที...ก่อนจะตะโกนเรียกคนสนิทของพ่อที่อยู่ด้านนอก...
?อาศักดิ์ครับ...อาศักดิ์...ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ไปตามอาศักดิ์ให้ที...?
พอสั่งเรียบร้อยตัวเองก็หันมามองบิดา ก่อนที่จะเข้าช่วยพยุงแล้วพาออกจากห้องอาหาร
เวลานั้นศักดิ์ชายซึ่งเป็นคนสนิทวิ่งเข้ามาพอดี...ก็เลยช่วยกันพยุงผู้เป็นประมุขของบ้านตรงไปยังลิฟต์ใกล้ๆ แล้วพาไปที่ห้องนอน พอวางร่างของภูวดลลงเรียบร้อย ศักดิ์ชายก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเรียกหมอประจำตัวทันที...
ไม่ช้าหมอก็มาถึงและตรวจผู้ป่วยอย่างเงียบๆ
?พ่อเป็นยังไงมั่งครับ...? ภูรันต์ถามทันทีที่หมอเดินห่างออกมา
?คุณพ่อคุณมีอาการเครียด...คุณขัดใจหรือทะเลาะกับท่านรึเปล่า หรือไม่ก็มีคนทำให้ไม่พอใจ...?
พอหมอถามแบบนั้น...ภูรันต์ก็พอจะเข้าใจทันที...
?ครับ เมื่อกี้ผมเถียงกับพ่อน่ะคุณหมอ...นิดหน่อย...? ชายหนุ่มพึมพำ...
?ผมนึกอยู่แล้ว เพราะเมื่อวานตอนมาเยี่ยมท่านยังดีๆ อยู่เลย...บ่นถึงคุณอยู่นิดหนึ่งแล้วก็เงียบ...หมออยากบอกคุณภูว่าอย่าทำอะไรขัดใจท่านนะครับ...ตอนนี้หัวใจของคุณพ่อคุณอ่อนแอมากนะ...มันจะหยุดเต้นเมื่อไหร่ก็ได้...กรุณาทำตามที่ท่านต้องการเถอะ...ตามใจท่านมากๆ?
หมอพูดจบก็เก็บเครื่องมือออกไปจากห้อง โดยมีศักดิ์ชายตามไปติดๆ
?ภู...? เสียงของบิดาเรียกหาเขา ภูรันต์จึงเดินกลับไปที่เตียงของท่าน...
?ไปหาเด็กคนนั้นซะนะ แล้วก็รับเขามาบ้านเรา...มาแต่งงานกันที่นี่...ถ้าพ่อจำได้ไม่ผิด ตอนนี้เขามีอายุยี่สิบสองพอดี...คงจะเรียนจบแล้ว...?
ภูรันต์ทำท่าอ้าปากจะเถียงบิดาอีก แต่พอเห็นอาการของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนใจหุบปากเอาไว้ ไม่อยากเถียง...
?แกต้องสัญญากับพ่อนะภู...ต้องไปรับเธอมาแล้วจัดงานแต่งงานที่นี่...ให้พ่อได้สบายใจ สัญญาที่พ่อให้ไว้กับเพื่อนรักจะได้สำเร็จลุล่วงไปเสียที พ่อจะได้ไม่เสียสัจจะวาจาที่ให้กับเพื่อนรัก?
ผู้เป็นบิดาพูดถึงเพื่อนรักซึ่งตายจากไปไม่นานนี้เอง
เวลานั้นลูกชายคนเดียวยังคงเงียบกริบ...ไม่รับและปฏิเสธ...เวลาต่อมาเมื่อศักดิ์ชายกลับมาอีกครั้ง...ภูรันต์ก็พาตัวเองออกมาจากห้องบิดาเงียบๆ
ชายหนุ่มลงมาถึงบันไดหน้าบ้านซึ่งคนรับใช้ก็นำมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่เขาใช้ประจำมาจอดรออยู่แล้ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะชายหนุ่มชอบมอเตอร์ไซค์มาก และกลุ่มเพื่อนๆ ก็ชอบและมีนัดที่จะไปเที่ยวกันกลุ่มใหญ่บ่อยๆ และรถทุกคันก็จะมีสาวๆ ที่ไม่หวงเนื้อหวงตัวซ้อนไปด้วยเกือบทุกคน...แม้กระทั่งเขา
แต่วันนี้คงไปตามนัดไม่ได้แล้ว...
ภูรันต์ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นโทร.หาเพื่อนก่อนอื่นและบอกความจำเป็นที่ไม่สามารถไปตามนัดได้...ก่อนจะหันไปบอกเด็กหนุ่มที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ว่า
?ไปเอารถตู้ออกมาที...ฉันจะต้องเดินทางไกล...บอกเจ้าขวัญให้เตรียมตัวไปด้วยกัน?
ชายหนุ่มสั่งจบก็เดินเข้าบ้านกลับไปหาบิดาอีกครั้ง...ซึ่งเวลานั้นศักดิ์ชายก็เดินออกมาจากห้องพอดี...
?คุณภูควรรีบไปวันนี้นะครับเพราะคุณพ่ออาการไม่ดีเลย ยังไงๆ ก็ขอให้เห็นกับท่านเถอะครับ?
ภูรันต์ฟังแล้วถอนใจ...
?อาศักดิ์บอกพ่อแล้วกันว่าผมจะไปรับเขามา...แล้วอาศักดิ์ช่วยติดต่อบริษัทที่เขารับจัดงานมาคุยก็แล้วกัน...?
คำสั่งของเขาทำให้ศักดิ์ชายยิ้มออกมาอย่างดีใจ...
?ได้เลยครับได้เลย ผมจะเข้าไปบอกคุณท่านเดี๋ยวนี้แหละ?
แล้วบุรุษต่างวัยทั้งคู่ก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน...ภูรันต์ต้องไปรับผู้หญิงคนนั้นมาอย่างไม่เต็มใจสักนิด...ส่วนศักดิ์ชายก็จัดการเตรียมงานแต่งงานให้เขาทางนี้อย่างรีบด่วนเพื่อผู้ป่วยที่อาการไม่ค่อยดีนัก

***********************************

เมื่อโสภิตาเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เป็นเรือนไทยสามหลังที่มีทางเดินถึงกันทั้งหมด...หล่อนเห็นแม่เลี้ยงและลูกสาวนั่งคอยอยู่แล้วในห้องรับแขกริมระเบียง
หญิงสาวกำลังจะเดินหนีแม่ลูกคู่นี้อยู่แล้ว ถ้าใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่นั้นจะไม่หันมาเห็นหล่อนเสียก่อน...
?เอ้าแม่โสมาพอดี...มานี่หน่อยซิหล่อน...ฉันมีธุระจะพูดด้วย...?
คำเรียกและคำพูดที่ฝ่ายตรงข้ามพูดมาแสดงถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนักของคนพูด...หญิงสาวจึงเปลี่ยนทางที่จะเดินหนีมาตรงไปยังเรือนใหญ่ ที่ทั้งสองคนยึดไปจากหล่อนเมื่อบิดาสิ้นชีวิตลง และไล่โสภิตาไปอยู่เรือนเล็กด้านหลังอย่างหน้าตาเฉย...
?เอาล่ะ...นั่งตรงนั้นแหละ...?
มารดาเลี้ยงนามว่ามารศรีชี้นิ้วไปยังที่ที่โสภิตามาหยุดยืนพอดี...ต่ำกว่ายกพื้นที่แม่ลูกสองคนนั้นนั่งอยู่ และนั่งลงตามคำสั่งนั้นเงียบๆ
?ไปเตรียมจัดเสื้อผ้ามาให้หมด...มีคนเขากำลังจะมารับตัวแก?
หญิงสาวถึงกับกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินคำสั่งนั้น...
?ใครจะมารับตัวหนูคะ?
?ก็เพื่อนพ่อแกน่ะสิ...เขาสัญญากันไว้ว่าจะยกลูกให้แต่งงานกัน และตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว...เขาโทร.มาเมื่อกี้กำลังจะมารับให้พวกเราเตรียมตัว...เฮ้อ มันเป็นใคร มาสั่งให้เราเตรียมตัว? มารศรีพึมพำอย่างไม่พอใจ
?นี่หมายความว่าหนูต้องขนเสื้อผ้าไปแต่งงาน ทั้งๆ ที่หนูไม่เคยรู้เรื่องการจับการจองคราวนี้เลยสักนิดหรือคะ?
?ดิฉันอธิบายหมดแล้วนี่นา...ทำไมไม่เข้าใจรึ...?
?ไม่ไปหรอกค่ะ?
คำปฏิเสธอย่างตรงใจไปตรงมาและเอาจริง ทำให้สีหน้ามารศรีเปลี่ยนไปทันที...
?ไม่ได้...แกต้องไป...ถ้าไม่ไปฉันจะสั่งให้เขาลากตัวแกไป...?
คราวนี้โสภิตาลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่ทันที
?ก็ลองดูสิคะ? แล้วหล่อนก็เดินลงจากเรือนไปเงียบๆ เหมือนตอนขึ้นมา...
พอลับหลังหล่อน น้องสาวต่างมารดาก็ถามผู้เป็นมารดาทันที
?ถ้ามันไม่ไปจริงๆ จะทำยังไงดีคะ หนูยังเรียนไม่จบนะแม่?
?ก็อุ้มมันใส่รถไปน่ะสิ?
?แล้วใครจะอุ้มล่ะค่ะ?
?ไปสั่งไอ้เจิดคนขับรถกับเจ้าชาญให้มันช่วย?
นางมารศรีพูดถึงคนขับรถและคนทำสวนที่หล่อนจ้างเข้ามาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง...
?มันจะยอมหรือคะ?
?ยอมสิ...ทำไมจะไม่ยอม...ยังไงแม่ไม่ยอมให้แกต้องแต่งงานกับคนที่แกไม่รักหรอก...เพราะฉะนั้นส่งนังโสไปน่ะดีแล้ว...มันจะได้หมดสิ้นเสี้ยนหนามที่แทงใจแม่อยู่ทุกวันนี่เสียที...และหมดสัญญิงสัญญาที่พ่อแกไปให้ไว้ส่งเดชด้วย?
นางมารศรีพูดแล้วถอนใจยาวอย่างโล่งอก...ขณะนั้นเสียงกริ่งหน้าประตูบ้านก็ดังขึ้น
?ตายแล้วคุณแม่...เขามากันแล้ว...ทำไมเร็วจัง...?
?ไปตามไอ้เจิดกับเจ้าชาญมา...ให้มันตามหลังแม่ไปที่เรือนนังนั่น?
พูดจบมารศรีก็เดินไปตามทางที่ทอดเชื่อมระหว่างเรือนใหญ่และเรือนเล็กหลังบ้าน ตรงไปหาลูกเลี้ยงที่เพิ่งเดินหายไปแวบๆ
?ขวัญแกลงไปบอกเขาว่าฉันมารับแล้ว...ฉันจะรออยู่บนรถนี่แหละ?
ภูรันต์สั่งแล้วหนุ่มคนขับรถก็ทำตามอย่างไม่มีข้อแม้...
เมื่อขวัญไปถึง นางมารศรีและลูกน้องกำลังช่วยกันแบกโสภิตาออกมาพอดี
?อ้าว...นั่นใคร...? มารศรีถามทันทีที่เห็นขวัญเดินเข้าไป
?ผมชื่อขวัญ...มากับคุณภูรันต์ครับ มารับว่าที่เจ้าสาวไปบ้านก่อนครับ ท่านสั่งให้บอกผมว่าจะแต่งงานกันที่โน่น? ขวัญตอบและมองร่างที่ถูกแบกออกมาอย่างสงสัย
?งั้นก็ไปเลย...แบกตามนายขวัญนี่ไป? มารศรีสั่ง
?เอ่อ...มันจะดีหรือครับ ทำไมจะต้องแบกเธอไปแบบนี้ล่ะครับ แล้วคนอื่นล่ะครับไม่มีใครไปด้วย หรือมีแต่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวหรือ?
ขวัญถามอย่างงงๆ เพราะผู้หญิงที่หมดสติอยู่นั้นจะเดินทางไปเป็นคุณผู้หญิงที่บ้านเขาแท้ๆ แต่หล่อนกลับหมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราว...
?เพราะมันไม่ยอมไปน่ะสิ ถึงต้องทำแบบนี้?
ขวัญฟังแล้วไม่เข้าใจ...แล้วนายภูของเขาจะว่ายังไงกับว่าที่เจ้าสาวที่หมดสติไม่รู้เรื่องคนนี้...แต่แล้วในเวลาต่อมา ทั้งหมดก็โผล่ออกไปพบภูรันต์ที่นั่งคอยอยู่ในรถตู้คันนั้น...
ชายหนุ่มมองคนทั้งหมดอย่างงงปนสงสัย เมื่อนายเจิดและนายชาญค่อยๆ บรรจงวางร่างที่ไร้สติของหญิงสาวลงบนเบาะตรงหน้าเขา...
?นี่ใคร...? ชายหนุ่มถามมารศรีตรงๆ เมื่อคนสวนและคนขับรถถอยห่างไป
?ก็ผู้หญิงที่คุณพ่อคุณหมั้นไว้กับคุณนั่นแหละ? มารศรีตอบ
?แล้วทำไมเธอเป็นแบบนี้...?
?มันไม่ยอมไป...ก็ต้องทำแบบนี้แหละ?
ภูรันต์ฟังแล้วพูดไม่ออก...
?จะรับไปไหมล่ะ? คำถามต่อมาของนางมารศรี และแววตาบางอย่างทำให้ภูรันต์ไม่ชอบผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาทันที
?ถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการกับมันได้ บอกพ่อของคุณก็แล้วกันว่าขอเลิกสัญญาที่ให้กันไว้ ถ้าไม่รับเอาไป ข้อตกลงเป็นอันยกเลิก?
มารศรีพูดอย่างไม่แคร์ทั้งสีหน้าและแววตา ทำให้คนฟังอย่างภูรันต์รู้สึกไม่ไว้วางใจและไม่พอใจผู้หญิงตรงหน้าเพิ่มขึ้นมาอีก




*************************************

ภูรันต์และโสภิตาถูกบังคับให้แต่งงานกันโดยไม่มีใครเต็มใจ เพราะบิดากำลังป่วยหนักและต้องการหลาน ภูรันต์จึงทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อสมหวัง โดยพยายามรวบรัดหล่อนให้เป็นของเขา
?เรื่องของคุณยังชำระสะสางไม่เรียบร้อยเลย?ผู้หญิงคนนั้น?
?ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณคือภรรยาของผมโดยถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่คนอื่นไม่ใช่?และพ่อผมก็หวังจะได้หลานจากคุณ มาหาผมโสภิตา?ไม่ต้องหนี?เวลาที่ผมให้คุณสิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปนี้ผมคิดว่าจะทำตามที่พ่อผมหวังเท่านั้น?
ภูรัตน์พูดแล้วก้าวเข้าถึงตัวหล่อน หญิงสาวหมุนตัวจะหนี แต่กลับถูกช้อนอุ้มขึ้นจากพื้น?
ริมฝีปากอิ่มถูกปิดสนิท?หนักหน่วง ถ้าหล่อนยืนอยู่คงเข่าอ่อนหมดแรงที่จะยืน จนร่างบางถูกวางลงบนเตียงนอนตามมาด้วยร่างสูงที่เบียดตามมาชิดและโอบกอดหล่อนไว้ทั้งตัว .. ความรักของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร ติดตามอ่านได้ใน 'อสูรพ่าย' {อ่านรายละเอียดคลิกที่ปก}



รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”