New Release : จ้าวหัวใจทมิฬ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : จ้าวหัวใจทมิฬ

โพสต์ โดย Gals »

บทที่ 1

ไกลออกไปในทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ภาพที่เห็นจนชินตานอกจากเนินทรายลูกใหญ่น้อยสลับซับซ้อนแล้ว นานๆ ทีจะมีกองคาราวานของชนเผ่าเบดูอินที่เดินเป็นแถวเรียงหนึ่ง?บ้างก็นั่งบนหลังอูฐ โดยมีบุรุษโพกศีรษะในชุดคลุมสีขาวเป็นผู้เดินจูงอูฐไป นับว่าเป็นขบวนกลุ่มชนที่ดูสงบและสันโดษในทะเลทรายอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตานั้น
ชาวเบดูอินแห่งทะเลทรายนั้นใช้อูฐเป็นพาหนะ เสมือนรถโฟร์วีลแลนด์โรเวอร์ชั้นดีมานานแล้ว แทบจะเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวตะวันออกมาจนถึงปัจจุบัน พวกเบดูอินจะกินนอนและใช้ชีวิตไม่ห่างไกลจากสัตว์ทะเลทรายของพวกเขา เพราะเหมือนมันเป็นของวิเศษอันล้ำค่าที่พระองค์อัลเลาะห์เจ้าประทานมาให้ ช่วยให้พวกเขาสามารถยังชีพอยู่ในทะเลทรายแห้งแล้งและกันดารนี้ได้ตราบชั่วลูกชั่วหลาน...
ความลับของทะเลทรายอยู่ตรงนี้...นอกจากอูฐเป็นทั้งยานพาหนะ เป็นอาหารให้โปรตีนซึ่งให้สารอาหารที่ดี และอูฐยังแทบจะเสมือนโอสถกลายๆ ก็ว่าได้
นี่คือสิ่งที่เอมิกาศึกษามาก่อนที่จะมาดินแดนแห่งนี้?กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สิ่งที่เอมิกาเรียนรู้มา บอกว่าธรรมชาติได้สร้างความพิเศษให้แก่ดินแดนทะเลทรายอันแห้งแล้งเพื่อชดเชย และสามารถให้มนุษย์ดำรงชีพอยู่ท่ามกลางความแห้งแล้งและกันดารได้ แม้ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนที่น่าอยู่เลยสักนิด...หากแต่ทุกสิ่งที่ก่อเกิดจากที่นี่กลับเต็มไปด้วยความวิเศษและล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นอูฐ น้ำมัน หรือทองคำ
ทุกสิ่งที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ล้วนแต่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวทะเลทราย
และบัดนี้สิ่งที่หล่อนศึกษาเรียนรู้มาได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าเอมิกาแล้ว หญิงสาวกวาดตามองทัศนียภาพด้วยความตื่นกลัวและอดหวั่นกลัวไม่ได้
เอมิกาต้องละทิ้งสิ่งที่เคยคุ้น แล้วก้าวสู่อนาคตที่ไม่แน่นอน
กลัวไหม? กลัวหรือ?
กลัวสิ?ทำไมเอมิกาจะไม่กลัวเล่า ในเมื่อตอนนี้หล่อนต้องย่างกรายมายังดินแดนที่ไม่เคยคุ้น ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว เพราะญาติคนเดียวที่หล่อนมีคืออรัญญา?มารดาของหล่อนเท่านั้น
แต่ท่าทางมารดาหล่อนดูจะไม่หวั่นเกรงใดๆ เลยแม้แต่น้อย...แม่ดูตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ งานใหม่ที่แม่หวังว่าจะดีกว่าอยู่เมืองไทย แต่เอมิกากลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ ที่หล่อนเองก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร
มันเป็นลางสังหรณ์ที่หญิงสาวไม่เคยคุ้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหล่อนพยายามนึกถึงทีไร หญิงสาวมักจะใจแป้วทุกครั้งไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มันเหมือนมีลางบอกเหตุ
เอมิกาพยายามเตือนมารดาแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง มารดาของหล่อนเชื่อมั่นในคนที่ชื่อ?มูฮัมหมัด เขาเป็นใครมาจากไหนเอมิกาไม่เคยรู้มาก่อน รู้แต่ว่าแม่ยอมขายทุกอย่าง แม้แต่ที่ดินนาผืนสุดท้ายที่ตายายทิ้งเอาไว้ให้แม่ เพื่อที่จะมาแสวงโชค ณ ดินแดนแห่งนี้ เพียงเพราะคำบอกว่า?มาแล้วจะร่ำรวย
แม่หล่อนตั้งใจจะมาขุดทองที่นี่
แต่เอมิกากลับไม่คิดแบบนั้น...หล่อนเคยอ่านข่าวอาชญากรรมหลายต่อหลายเรื่อง มันมีแต่เรื่องแก๊งพวกหลอกค้ามนุษย์ทั้งนั้น เอมิกาจึงพยายามเตือนแม่?แต่แม่ไม่สนใจ แม่บอกว่าไม่มีอะไร มูฮัมหมัดเป็นคนที่แม่ไว้ใจได้ และเคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว
?แม่รู้จักเขาได้ยังไงคะ?
?แม่เคยกู้เงินเขา...?
ทีแรกหล่อนคิดว่ามูฮัมหมัดอะไรนี่ จะเป็นพวกแขกอินเดีย หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาหากินกับการออกเงินกู้ให้กับชาวบ้านร้านตลาด แต่ชายผู้นี้ไม่ใช่แขกอินเดีย?แต่เป็นแขกอาหรับ แถมยังชวนแม่หล่อนมาทำงานที่ไคโรนี่อีกต่างหาก
?ถ้าลูกไม่อยากไป แม่ไปคนเดียวก็ได้? อรัญญาบอกลูกสาว
ทว่าเอมิกาจะทิ้งให้มารดาเผชิญอันตรายคนเดียวได้อย่างไร ในเมื่อเอมิกาห้ามท่านไม่ได้ หล่อนก็เลยต้องมากับมารดาด้วย
แต่มานี่ไม่ใช่มาฟรีๆ นะ หล่อนกับแม่ต้องเสียเงินค่าหัวคนละสามหมื่นบาท พร้อมกับสัญญากู้เงินใช้หนี้อีกคนละสามแสน
เงินมากขนาดนั้น...เอมิกาไม่เข้าใจว่าแม่ยอมเสี่ยงได้อย่างไร แต่แม่ก็มา เอมิกายังคิดว่าคงไม่ได้ไปไกลกว่าสนามบินสุวรรณภูมิแน่ เพราะบางรายถูกหลอกได้แค่จ่อมๆ อยู่ในสนามบินเท่านั้น กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกก็ถูกเชิดเงินไปไหนต่อไหนแล้ว
อย่างน้อยเอมิกาก็ควรโล่งใจที่หล่อนกับแม่ได้มาเหยียบกรุงไคโรแห่งนี้แล้วในที่สุด เอมิกาถอนใจ หล่อนพยายามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทะเลทรายเอาไว้ให้มากๆ อย่างน้อยก็จะได้ประดับความรู้เอาไว้
แม่หล่อนไม่รู้แม้กระทั่งภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากล เอมิกาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ถึงอาจหาญเดินทางมาไกลยังต่างแดนแบบนี้ได้ นี่ถ้าเอมิกาไม่มาด้วย แม่ก็ต้องลุยเดียวคนเดียว แต่แม่ดูจะไม่เดือดร้อนเลย
ตรงกันข้าม แม่กลับสุนกกับการเดินทางออกนอกประเทศเสียนี่...
?บ้านเมืองเขาสวยจังนะ?
ถ้าเดินทางมาเที่ยวธรรมดา หล่อนก็คงมีแก่ใจชื่นชมกับวิวทิวทัศน์สองข้างทางหรอก...แต่นี่เอมิกายิ้มไม่ออกเลยแต่น้อย
แต่เพื่อความสบายใจของแม่เอมิกาเลยฝืนยิ้มออกไปนิดหนึ่ง
?ค่ะ?
?เดี๋ยวจะมีคนมารับเรา...?
ก็แหงล่ะ ถ้าไม่มีคนมารับหล่อนกับแม่มีหวังคว้างอยู่กลางสนามบินนี่แน่ เพราะไม่รู้จะหันไปทางไหนดี
ถึงแม้ยามนี้หญิงสาวจะไม่สบายใจ พอๆ กับไม่รู้จะสื่อสารยังไงกับคนต่างชาติต่างภาษาพวกนี้ดี หญิงสาวก็ยังอดที่จะกวาดตามองใครก็ตามที่จะมารับหล่อนกับแม่ไปจากที่นี่ไม่ได้ แต่ไม่เห็นมีเค้าว่าจะมีใครคนนั้นเลยแม้แต่น้อย
?แม่แน่ใจหรือคะ ว่าเขาคุยกันเรียบร้อยแล้ว?
?คุยกันแล้วน่ะสิ...เถอะน่า หรือว่าเราจะเห็นเขาแล้ว ไปเถอะ?
แม่รีบลากเอมิกาไปทันที เอมิการีบฝืนเอาไว้
?รอตรงนี้ก็ดีแล้วนี่คะแม่?
?แล้วถ้าเขาไม่เห็นเราล่ะ?
?เห็นสิคะ ก็มีแค่เรายืนรอคนมารับอยู่สองคนเอง แม่อยู่เฉยๆ ดีกว่าคะ...เดี๋ยวจะหากันไม่เจอซะ?
หล่อนทำหน้ายุ่ง ทำให้มารดาหญิงสาวหยุดนิ่งไปได้ครู่หนึ่ง
?เตรียมของพร้อมแล้วนะ? แม่ถาม
?พร้อมแล้วคะ?
แม่ยิ้มพึงพอใจกับความสำเร็จของตน จนลืมนึกถึงอันตรายที่อาจจะตามมา เนื่องจากตนเองเป็นผู้หญิงอ่อนแอทั้งคู่
แล้วจู่ๆ ชายร่างสูงคนน่าจะเป็นคนของมูฮัมหมัดก็เข้ามา พอเห็นหน้าชายอาหรับคนนั้นแล้วเอมิกาไม่สบายใจเลย หน้าตาของเขาทำให้เอมิกานึกถึงโจรยังไงก็ไม่รู้
แม่พยายามส่งภาษามือกับเขา พร้อมกับแสดงหลักฐานเป็นหนังสือพาสปอร์ตให้เขาดู ผู้ชายคนนั้นเอามันไปถือไว้ทันที
เอมิการีบร้องค้าน
?เอาไปไม่ได้นะ?
หล่อนพูดออกไปเป็นภาษาอังกฤษที่ตนเองพอรู้มาบ้างแบบงูๆ ปลาๆ เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นฟังไม่ออกแม้แต่ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ
แย่ชะมัดเลย! เอมิกาเริ่มหน้ายุ่ง
?แม่คะ...เขาฟังเราไม่รู้เรื่อง?
?เถอะน่า ไปกับเขาแล้วกัน...?
?แล้วถ้าเขาไม่ใช่คนที่จะมารับเราล่ะคะ?
อรัญญาจ้องมองชายอาหรับคนนั้นอย่างชั่งใจก่อนจะพูดว่า
?ไปเถอะ...แม่ว่าใช่นี่แหละ?
เอมิกามีสีหน้าไม่ดีนัก...หล่อนรู้สึกชอบกลยังไงก็ไม่รู้ แต่แม่ก็เดินตามเขาไปเฉยเลย จนเอมิกาต้องรีบสาวเท้าวิ่งตามไปพร้อมกับกระเป๋าสองใบ
?แม่คะ...หยุดก่อน?
?รีบเดินเข้าเถอะน่า เดี๋ยวก็ไม่ทันเขาหรอก...แม่บอกแล้วว่าเขามารับเรา มูฮัมหมัดบอกว่าจะมีคนรับเรา ไม่ผิดตัวหรอก?
?เขาน่าจะมีหลักฐานอะไรมาแสดงบ้างนะคะแม่?
?หลักฐานอะไรล่ะ เรื่องมากจริงลูกคนนี้ มาเถอะ ไม่ต้องพูดมาก ตามแม่มาก็แล้วกัน? แม่พูดเสียงรำคาญใจ
นี่แหละแม่ของเอมิกา แม่ดื้อรั้นไม่เคยฟังเสียงใครเลย ถ้าแม่ตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ไม่มีใครค้านได้ เพราะแบบนี้เอมิกาถึงเป็นห่วงแม่ แม้แม่จะมีฝีมือทางด้านการทำอาหารก็จริง แต่แม่ไม่รู้ภาษาอาหรับ แถมพูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เอมิกาห่วงแม่ได้ยังไง
หล่อนยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อมาคอยดูแลปกป้องมารดาตัวเอง ทั้งที่ตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย เอมิกานึกขำตัวเองในใจ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ขำไม่ออกหรอก
ทำไมแม่ไม่คิดจะไปทำงานที่อเมริกา หรือไม่ก็แถวเยอรมันอะไรแบบนั้นบ้างนะ หล่อนคงไม่ห่วงแม่เท่านั้น แทนที่จะมาประเทศแถบทะเลทรายแบบนี้ เอมิกาถอนใจออกมาหนักๆ
หล่อนเองเพิ่งเรียนจบ...กำลังจะหางานทำ
เอมิกาเลยต้องพับเรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะไม่อาจปล่อยแม่ให้มาเผชิญโชคคนเดียวในดินแดนทะเลทรายแบบนี้ได้
แม่ไม่รีรอเลยที่จะก้าวขึ้นรถเลอะฝุ่นทรายทั้งคันนั้น ขณะที่เอมิกายังลังเลที่จะก้าวตามมารดาขึ้นไป
?ขึ้นมาสิ? แม่เร่ง เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นขึ้นมานั่งประจำที่คนขับแล้ว
เอมิกาสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่ทราบ หล่อนบอกให้แม่ลงมา...แต่แม่กลับดึงแขนหญิงสาวขึ้นไปบนรถ
?ชักช้าจริง เกรงใจเขา?
?แต่แม่คะ...หนูว่าแม่โทร.ถามคนของแม่ก่อนไม่ดีกว่าหรือคะ?
?โทร.ทำไม?เปลืองเงินเปล่าๆ ขึ้นมาเถอะ เราก็เห็นกันแล้วว่ามีหมอนี่มารับเราคนเดียว...อย่ากลัวเลยน่า?
ไม่ทันแล้ว เพราะรถคันนั้นแล่นออกไปจากลานจอดรถของสนามบิน โดยไม่มีการถามใดๆ ทั้งสิ้น แล้วจะไม่ให้เอมิกาคิดว่ามันน่าแปลกได้อย่างไร
คนเราก็ต้องทักต้องถามกันบ้างสิ แต่นี่?สื่อสารกันไม่เห็นจะรู้เรื่องสักนิด เอมิกาพยายามพูดหมอนั่นก็เอาแต่นิ่งใบ้
?เขาจะพาเราไปไหนคะ?
?คงไปร้านที่เขาจะให้แม่ไปทำงานมั้ง?
เอมิกาเริ่มใจคอไม่ดี เพราะรถเริ่มแล่นห่างจากสนามบินออกไปมากขึ้นและมากขึ้น จนหญิงสาวเริ่มร้อนใจ
?ไหนแม่บอกว่าเขาจะให้เรามาทำงานที่ไคโรไงคะ?
?ก็ใช่น่ะสิ?
?แล้วทำไมต้องนั่งรถเข้ามาในทะเลทรายแบบนี้?
เอมิกาตั้งข้อสังเกต ในที่สุดรถคันนั้นก็จอดกลางทะเลทรายอันเวิ้งว้าง หล่อนมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากทรายกับทราย แล้วก็พวกชนเผ่าทะเลทรายที่นานๆ จะมีเดินขบวนผ่านมาสักที
หล่อนยืนจนขาแข็งแล้วนะ ร้อนก็ร้อน เอมิกาเริ่มยืนไม่ติด แต่แม่กลับเดินไปถ่ายรูปกับอูฐ ยังกับมาท่องเที่ยวงั้นแหละ เอมิกาจึงเดินไปหาแม่
รองเท้าส้นสูงของหล่อนเดินย่ำไปบนผืนทรายอย่างทุลักทุเลเต็มที จนเอมิกาอยากถอดมันออก แต่คงไม่ไหวเพราะผืนทรายร้อนขนาดนี้ หล่อนมีหวังเท้าพองแน่ๆ
?แม่คะ...?
เอมิกาเรียกแม่ แม่เอี้ยวหน้ามามอง เอามือสองข้างจับหนอกสองหนอกขออูฐเอาไว้ สีหน้าบอกว่ามีความสุขราวกับกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เมื่อได้ขึ้นไปนั่งขี่หลังอูฐแบบนั้น
?มีอะไรลูก?
เอมิกาได้แต่ถอนใจ...กับท่าทางไม่รู้ร้อนใดๆ ของมารดา
?เขาให้เรารออะไรคะ?
?แม่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ลูกลองถามเขาสิ? แม่ตะโกนมาจากหลังอูฐ




****************************************


เรื่องราวของ "เอมิกา" สาวน้อยที่จับผลัดจับพลูต้องไปตกระกำลำบากที่ต่างแดนเพราะความโลภของแม่จนต้องหลอกลวง "วาอีล" ผู้ชายที่เปรียบเสมือนเจ้าแห่งทะเลทราย หล่อนต้องทำทุกอย่างให้ความโกรธแค้นของเขามอดดับและเห็นจะมีเพียงความรักเท่านั้นที่จะทำให้พายุแค้นของเขาสงบลงได้โดยสิ้นเชิง ติิดตามอ่านต่อได้ใน "จ้าวหัวใจทมิฬ" {อ่านรายละเอียดคลิกที่ปก}

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”