New Release : เทวาซาฮาร่า

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : เทวาซาฮาร่า

โพสต์ โดย Gals »

1
เมื่อพระเจ้าเหลนเธอทรงเจริญพรรษาขึ้นเรื่อยๆ พระอัยยิกาก็ทรงทอดพระเนตรเห็นเค้าของเจ้าชายคามินชัดขึ้นทุกทีในดวงพระพักตร์นั้น...จนกระทั่งวันหนึ่ง...ในตอนย่ำรุ่ง ยังไม่ทรงตื่นจากบรรทมดีนักก็ทรงได้ยินเสียงบานพระทวารห้องที่ทรงประทับอยู่ดังเอี๊ยดเบาๆ เหมือนมีคนเปิดเข้ามา ไม่กี่อึดใจต่อมา....พระวรกายเล็กๆ ในพระชันษาเพียงเจ็ดขวบ ผิวขาวนวล ผมหยิกขอด ก็เสด็จเข้ามายืนอยู่ข้างๆ เตียงบรรทม
เวลานั้นสมเด็จพระอัยยิกาไม่ได้ทรงลุกขึ้น แต่ทรงเปิดพระเนตรขึ้นมองพระเจ้าเหลนเธอชัดๆ แล้วทรงถามว่า...
?มีอะไรรึคามินน้อย ถึงเข้ามาหาย่าแต่เช้าแบบนี้?
?กระหม่อมจะมาบอกพระเจ้าค่ะ? เสียงนั้นเด็กก็จริง หากแต่แจ่มใส มั่นคง และมั่นใจ
?บอกอะไร...?
?กระหม่อมกลับมาแล้วพระเจ้าค่ะเสด็จแม่...กระหม่อมกลับมาแล้ว...?
เจ้าชายพระองค์น้อยทรงยืนตรง ก้มพระเศียรลงต่ำและยกพระหัตถ์ขวาขึ้นคว่ำไว้บนทรวงอกข้างซ้ายอันเป็นที่ตั้งตำแหน่งของดวงหทัย อย่างที่เคยถวายบังคมพระมารดาบ่อยๆ ในครั้งเมื่อทรงมีชีวิตอยู่
ท่าทีนั้นทำให้สมเด็จพระอัยยิกาค่อยๆ พยุงพระวรกายขึ้นประทับนั่งทันที...แล้วดึงพระวรกายเล็กๆ นั่นให้ทรงปีนขึ้นมาประทับบนพระเพลาของพระองค์ และทรงกอดพระวรกายนั้นไว้กับอุระแล้วถามด้วยพระสุรเสียงสั่นพร้อมน้ำพระอัสสุชลเริ่มซึมออกมาว่า....
?เจ้าพูดอะไร?รู้ตัวไหม....คามินน้อยของย่า...?
?รู้พระเจ้าค่ะ...รู้ทุกอย่าง? เสียงนั้นยืนยันหนักแน่น
?จริงหรือ? คราวนี้พระราชินีจับดวงพักตร์น้อยๆ ให้หันมามองพระเนตรกันชัดๆ
?เจ้าคือใครกันแน่? ทรงถามซ้ำอย่างไม่แน่พระทัย
?กระหม่อมคือคามิน...ลูกของพระมารดาไงพ่ะย่ะค่ะ?
คราวนี้พระสุรเสียงทรงตอบชัดเจน ก่อนพระวรกายเล็กๆ นั้นจะโผเข้าหาอกสตรีที่ทรงเป็นทั้งพระมารดาและพระอัยยิกาไว้แน่น...
?คามิน...? พระราชินีทรงเรียกพระนามของพระโอรสที่จากไปด้วยพระสุรเสียงปนสะอื้นด้วยความเจ็บปวดพระทัย ?คามิน...อย่าพูดเล่น...อย่าหลอกแม่นะ...?
พระสุรเสียงที่ทรงถามนั้นสั่นพลิ้ว
?หม่อมฉันพูดความจริงพระเจ้าค่ะเสด็จแม่...หม่อมฉันกลับมาแล้ว คามินกลับมาแล้วจริงๆ?
พระสุรเสียงนั้นยังยืนยัน จนพระราชินีทรงประทับต่อไปไม่ได้...
?งั้น...ลูกพร้อมจะพูดให้พวกเราฟังไหม แม่เจ้า...โอมา...และทุกคนอยู่กันพร้อม...ย่าว่าทุกคนต้องดีใจสำหรับการกลับมาของเจ้าอย่างแน่นอน...เจ้าพร้อมจะยืนยันกับพวกเราทุกคนไหม?
?พร้อมกระหม่อม?
พระดำรัสตอบนั้นสร้างความยินดีให้เกิดขึ้นในพระทัยของพระมารดาหรือพระอัยยิกาในเวลานั้นจนไม่อาจประมาณได้...
ในเวลาต่อมา...พระราชินีแห่งอีเด็นจึงจูงพระเหลนเธอออกจากห้องที่ประทับข้ามไปในปีกที่เจ้าหญิงคามิเลียและพระสวามีประทับอยู่ ผ่านทหารยามที่รักษาความปลอดภัยถี่ยิบนั้นไปทันที...
เจ้าชายโอมาขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงพระทวารถูกเคาะ ก่อนจะทรงหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกที่ยังไม่สว่างเต็มที่ แล้วหันกลับมามองเจ้าหญิงในอ้อมพระกรที่ยังบรรทมหลับสนิทเพราะเมื่อคืนกว่าจะเสด็จเข้าพระที่ค่อนข้างดึก...
พอร่างสูงขยับตัว...พระวรกายที่เบียดอยู่กับพระอุราก็ขยับตัวเช่นกัน
?มีอะไรหรือเพคะ?
?ได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะประตูแต่เช้ามืด?
?ใครจะกล้า?
ทรงถาม...แล้วนาทีต่อมาก็เปิดเปลือกพระเนตรขึ้นมาเมื่อทรงนึกได้
?ลูก!??
?พระอัยยิกา!??
ทั้งสองพระองค์ลุกพรวดขึ้นทันที...เจ้าชายก็ไปถึงประตูก่อน ทรงเปิดออกด้วยความกังวลปนห่วงใย แต่พอเห็นสมเด็จพระอัยยิกาทรงจูงพระเหลนเธอตามต้อยๆ เข้ามาก็รู้สึกแปลกใจ...
?มีอะไรคะ...ใครเป็นอะไร...?
เจ้าหญิงคามิเลียทรงถามสมเด็จย่าและทอดพระเนตรพระโอรสอย่างสำรวจตรวจตรา เกรงว่าจะไม่สบาย...
?ขอโทษที่มาปลุก ย่ารีบมาเพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้สายกว่านี้อาจจะไม่พูดอะไรอีก...?
?เสด็จย่าหมายถึงอะไรเพคะ...?
?ฟังดู...?
ทรงบอกแล้วดึงพระเหลนเธอองค์น้อยมาประทับลงบนพระเพลา แล้วรอจนพระบิดาพระมารดาทรงประทับเรียบร้อย ก็ถามคามินน้อยขึ้นว่า...
?เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับย่า...พูดให้พ่อกับแม่ได้ยินอีกครั้งได้ไหม?
?คามิเลีย...พ่อกลับมาแล้ว โอมา...ข้าคามิน...กลับมาแล้ว...?
คำตอบอันชัดเจนที่ได้ยินต่างทำให้เจ้าหญิงพระมารดาตื่นเต็มพระองค์เกือบทันที...ทอดพระเนตรมองพระโอรสอย่างงุนงง...นิ่งไป ส่วนเจ้าชายโอมาลุกขึ้นเดินมาคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงหน้าพระราชินี และมองดูพระโอรสเหมือนไม่อยากเชื่อ...
?พูดใหม่อีกทีเถอะ...ลูกพ่อ?
?ทำไมต้องมาถามอีกโอมา...เจ้าได้ยินเราพูดทุกคำแล้วไม่ใช่หรือ?
คำถามที่ย้อนมาทำเอาเจ้าชายอึ้ง...ตรัสไม่ออกอีก เจ้าหญิงคามิเลียจึงเสด็จเข้ามาใกล้พระโอรสแล้วก้มลงถามว่า...
?ถ้าท่านบอกว่าเป็นเสด็จพ่อ...แล้วแม่ข้าล่ะ ท่านจำได้ไหมว่าชื่ออะไร?
?ทำไมจะจำไม่ได้...เมียของข้า แม่ของเจ้าชื่อเอมิกาไง เป็นคนไทย อยู่ประเทศไทย...?
?เสด็จพ่อมานี่...แล้วเสด็จแม่ล่ะอยู่ไหน...? เจ้าหญิงทรงถามต่อ...
?เมื่อถึงเวลา...ข้าจะไปหาเขาให้เจอ ว่ายังไงโอมา...ขบวนการแองเจิ้ลของเราเป็นไปด้วยดีใช่ไหม...ข้ารู้ว่าเจ้าต้องดูแลดีอยู่ใช่ไหม?
เจ้าชายโอมาได้แต่ทรงฟังและกะพริบพระเนตรอย่างเชื่อครึ่ง...ไม่เชื่อครึ่งอยู่อย่างนั้น แต่นั่นแหละ...เจ้าชายยังทรงพระชันษาน้อยนัก แต่กลับพูดถึงขบวนการแองเจิ้ลได้อย่างถูกต้อง...พูดถึงสตรีที่เป็นพระชายาได้อย่างถูกต้อง แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะ...จะทรงพูดถึงอย่างถูกต้องอีกไหม เจ้าชายโอมาต้องหาหลักฐานมายืนยันจนกว่าจะแน่ใจ จึงจะเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพระองค์...
****************************************
10 ปีต่อมา...ก่อนที่เจ้าชายโอมาจะเสด็จไปตรวจดูการทำงานของแองเจิ้ลที่นานๆ จะเสด็จออกไปสักครั้ง แต่คราวนี้พอรู้ว่าพระบิดาจะไปไหน...เจ้าชายที่ทุกคนเรียกกันตามพระอัยยิกาว่า ?คามินน้อย? ก็เสด็จเข้ามาบอกพระบิดาว่า...
?ได้ยินว่าเสด็จพ่อจะไปทะเลทราย...ไปตรวจดูการปฏิบัติงานของหน่วยแองเจิ้ล?
เวลานั้นเจ้าชายโอมาอยู่ในห้องสื่อสารที่ติดกับห้องบรรทมในพระราชวัง...พระบิดาหันมาทอดพระเนตรพระโอรสที่เจริญพระชันษาขึ้นจนเป็น ?หนุ่มน้อย? เต็มองค์...สูงเพรียว แข็งแรง และปราดเปรียว...
พระเนตรที่ทอดมองไปยัง ?พระโอรส? นั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิพระทัยอย่างไม่อาจปิดบังได้ แม้จะมี ?ความสงสัย? ซ่อนอยู่บ้างเป็นครั้งคราว...เมื่ออีกฝ่ายแสดงพระองค์เป็น ?เจ้าชายคามิน? ก็ตาม
?ถามทำไม?
?อยากไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ?
?ต้องขออนุญาตเสด็จแม่โน่น?
?ขอแล้วพ่ะย่ะค่ะ...ทรงอนุญาตแล้ว ทรงบอกว่าอายุของหม่อมฉันเท่ากับเสด็จแม่ตอนที่สมเด็จย่าสั่งให้ไปฝึกในทะเลทรายกับเสด็จพ่อทีเดียว?
?ถ้าเสด็จแม่ทรงอนุญาตแล้ว...พ่อก็ไม่มีอะไรต้องห้ามเจ้า ไปก็ไป?
แล้วโอมาก็เดินออกจากห้องนั้นกลับไปหาเจ้าหญิงซึ่งเสด็จมาพอดี...
?ลูก...จะตามไปกับหม่อมฉัน...บอกว่าทรงอนุญาตแล้ว? เมื่อพระสวามีทูลถามและก็ได้คำตอบอย่างที่เคยทรงตรัสเช่นไรก็ตรัสเช่นนั้นมาตลอด
?ค่ะ...?
?งั้นไปเตรียมตัวแล้วกัน...พ่อจะรออยู่นี่...พร้อมเมื่อไหร่ก็มาบอก...?
พระวรกายสูงเพรียวของเจ้าชายหนุ่มจึงเสด็จออกไปจากที่ประทับนั้นอย่างเร็วอย่างดีพระทัย และเวลานั้นเจ้าชายโอมาเดินเข้าไปกอดพระชายาแล้วทรงจูบลา...
?แน่ใจนะที่จะส่งลูกไปที่นั่น? ทรงถามเจ้าหญิงเมื่อทรงถอนจุมพิตอันอ่อนโยน
?ค่ะ ปล่อยเขาไว้เหมือนคุณปล่อยฉันนั่นแหละ?
?ใครบอก...ตลอดเวลาที่ประทับอยู่ที่นั่น...หม่อมฉันไม่เคยไปไหนเลย...?
?อ้าว ทำไมฉันไม่เห็นเลยล่ะคะ...นานๆ จะเห็นซักที?
?ก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น...กับลูกนี่ก็คงต้องทำเหมือนกัน...ปล่อยให้ฝึกไปตามลำพัง?
?แล้วแต่คุณเถิดค่ะ...แล้วแต่คุณ....? เจ้าหญิงทรงยอมรับวิธีของพระสวามี
?ดูแลพระองค์ดีๆ หม่อมฉันจะอยู่ดูลูกสักพัก...แล้วจึงจะปล่อยให้บินเดี่ยว?
เจ้าหญิงทรงพยักพระพักตร์อย่างเข้าใจและเชื่อในพระสวามีหมดพระทัย
*********************************************
ในประเทศไทย...
?คุณยาย...หนูฝันอีกแล้ว...?
ปิยะธิดาหรือกระปุกเยี่ยมหน้าเข้ามาหาผู้เป็นยายแล้วเล่าความฝันให้ฟัง...คุณเขมิกาวางมือจากการจัดขนมลงถาดเตรียมใส่บาตรในวันพรุ่งนี้ เมื่อหลานสาวคนเดียวตรงเข้ามานั่งใกล้ๆ
?ฝันอะไรอีกฮึกระปุก...คราวนี้เห็นใครอีก...?
?ก็เห็นอยู่คนเดียวล่ะค่ะคุณยาย...เจ้าชายในรูปที่คุณยายให้หนูดูไงคะ...เจ้าชายคามิน...?
พอได้ยินหลานสาวพูดถึง ?เจ้าชายคามิน? คุณเขมิกาก็กะพริบตาแล้วถามว่า...
?คราวนี้กระปุกฝันว่ายังไงลูก?
?เหมือนเดิมค่ะ หนูฝันว่าเจ้าชายมาเรียกหาหนู...แต่พอหนูมองไปก็กลับมองหาไม่เจอ ในฝันหนูวิ่งตามหาท่านจนเหนื่อยเลยค่ะ?
?แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นเจ้าชาย?
?เห็นหน้าสิคะคุณยาย เหมือนเจ้าชายในรูปนั้นทุกครั้งเลยค่ะ...แต่ในฝันคราวนี้หนู...?
หลานสาวหยุดชะงัก และเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นยายอย่างลังเล...
?หนูอะไรกระปุก...? ผู้เป็นยายถามอย่างใคร่รู้
?ในฝันหนูไม่ใช่กระปุกนะคะคุณยาย ในฝันหนูคือคุณยายเอมิกานะคะ แล้วหนูก็ร้องไห้ด้วยค่ะ...รู้สึกเสียใจอย่างมากเลยที่หาเจ้าชายไม่เจอ...มันเจ็บปวดไปหมดจนต้องร้องไห้ออกมาน่ะค่ะคุณยาย?
ผู้เป็นยายนิ่งไปนานกว่าจะปลอบใจหลานออกมาว่า...
?โบราณเขาว่าฝันว่าร้องไห้...จะได้ของรักกลับคืนนะลูก?
คำปลอบใจนี้ทำให้คนฟังชะงักกึก เมื่อนึกถึงความจริงที่เกิดขึ้นซึ่งสวนทางกันอย่างลิบลับ เมื่อคุณยายแปลความฝันให้
?เออ แล้วเพื่อนที่ชื่อธนินทร์ของกระปุกหายไปไหนล่ะ...พักหลังนี่ไม่ค่อยมาเลยนะ?
คำถามของคุณยายทำให้ปิยะธิดานั่งนิ่งพูดไม่ออก เพราะหล่อนรู้เหตุผลดีทีเดียวว่าทำไม...ธนินทร์จึงหายหน้าไป...แต่จะให้พูดว่าอย่างไรล่ะ... หญิงสาวบอกตัวเองเมื่อเดินกลับมาหยุดอยู่ในห้องส่วนตัวอีกครั้ง แล้วมองตัวเองในกระจกที่มีใบหน้าสวยงามเหมือนคุณยายเอมิกาในรูปทีเดียว...แต่ทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฏในกระจกนั้นหาได้สวยงามจนประกวดนางงามได้อย่างคุณยายเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เห็นทำให้ปิยะธิดาต้องถอนใจยาว แล้วก็เชิดคางขึ้นสูงในเวลาต่อมาเมื่อบอกตัวเองว่า...ถ้าหล่อนจะมีแฟนไม่ได้เพราะอ้วน...ก็ให้มันรู้กันไป...
***********************************************
อาทิตย์ต่อมา...เขมิกามองดูหลานสาวที่เดินกลับบ้านมาในตอนกลางวันอย่างแปลกใจ
?ทำไมวันนี้กลับบ้านแต่วัน?
?เขาให้กลับมาเตรียมตัวค่ะ ต้องเดินทางไปกับทหารไทย...ไปจอร์แดน...?
คำตอบของหลานสาวทำให้ผู้เป็นยายถึงกับอึ้ง เพราะไม่ใช่คนที่จะไม่รู้เรื่องบ้านเรื่องเมืองเสียเลยไม่...โทรทัศน์ที่ตั้งอยู่หน้าตั่งเตี้ยๆ ที่ตั้งอยู่หน้าห้องมีข่าวให้ดูอยู่ทุกวัน ทั้งข่าวในประเทศและต่างประเทศ...และข่าวการสู้รบระหว่างประเทศในเขตทะเลทรายนั้นก็ดังมาเข้าหูทุกวันเช่นกัน
?มันกำลังรบกันหรือเปล่าล่ะหลาน...มันน่ากลัวนะลูก...?
?สงบแล้วค่ะ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติกำลังเข้าไปดูแล ประเทศที่หนูไปไม่ได้รบ แต่ประเทศข้างเคียงมันกำลังรบค่ะ เขาก็ขอกำลังทหารจากเราไปช่วย ทหารของเราก็ขอหน่วยแพทย์และพยาบาลไปด้วย ไปประจำกันครั้งละสามเดือนเท่านั้นค่ะแล้วก็กลับ เอาไว้ดูแลการเจ็บไข้ได้ป่วยของคนของเราน่ะค่ะคุณยาย...แล้วก็ดูแลประชาชนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือด้วย...หน่วยแพทย์อาสาสมัครของเรากำลังดังมากนะคะ เพราะหมอเก่งค่ะ...รับได้ทุกสถานการณ์ หนักเบาส่งมาเลย...หมอไทยไม่ยั่น?
ผู้เป็นยายได้แต่นั่งนิ่ง...เวลานั้นอดีตกำลังพรั่งพรูเข้ามาในความทรงจำราวกับสายฝน...คุณยายเขมิกากำลังนึกถึงอดีตที่น้องสาวไปรู้จักกับเจ้าชายรูปหล่อกลางเมืองทะเลทรายพวกนั้น...จนตัดสินใจแต่งงานติดตามไปอยู่ด้วยกัน...แล้วในที่สุด ความทรงจำของคุณยายหยุดลงเมื่อนึกถึงจดหมายฉบับแรก...และฉบับสุดท้ายฉบับเดียวที่ส่งมาเล่าเรื่องราวอันน่าตกใจที่เกิดขึ้นทั้งหมด...ซึ่งลงท้ายด้วยน้ำตาและความตาย...
?ไม่ไปไม่ได้หรือลูก...?
คุณยายลงทุนเดินตามไปถึงห้องของหลานสาวแล้วผลักประตูเข้าไปขอร้อง




****************************************

เรื่องราวความรักระหว่างสามัญชนอย่างปิยะธิดา หญิงสาวผู้เคยใฝ่ฝันถึงเจ้าชายอยู่บ่อยครั้ง จนเธอได้มาพบกับเจ้าชายคามินผู้สูงศักดิ์ แต่เมื่อมาเจอเจ้าชายในฝัน หล่อนกลับเอาแต่วิ่งหนี เพราะไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนักขุดทอง มองหาแต่คนรวย แต่พอปิยะธิดาหนี เจ้าชายคามินก็วิ่งไล่ตามหล่อนไม่ลดละเช่นกัน... ความรักของเขาและเธอจะเป็นเช่นไร ติดตามอ่านต่อได้ใน 'เทวาซาฮาร่า' (อ่านรายละเอียดคลิกที่ปก)

รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”