New Release : SUGAR DARK เด็กสาวและความมืดที่ถูกกลบฝัง

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : SUGAR DARK เด็กสาวและความมืดที่ถูกกลบฝัง

โพสต์ โดย Gals »

ในตอนนี้มองไม่เห็นดาวเลยสักดวง ไม่ว่าจะที่ตรงไหนของท้องฟ้าก็ตาม

เวิ้งฟ้าทางด้านทิศตะวันออกกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาวเรื่อเรือง ต้นไม้ในป่าที่ถูกความมืดปกคลุมอยู่กำลังจะได้รับสีสันของมันกลับคืนมา
ไม่มีเวลาแล้ว
ร่างของเด็กหนุ่มและสิ่งแปลกประหลาดกำลังประจันหน้ากันอยู่บนพื้นดินแห่งนั้น
ด้านหนึ่งคือสิ่งแปลกประหลาดที่ทั่วทั้งร่างเหมือนกับถูกสร้างขึ้นจากดาบหลายเล่มมาประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นสัตว์ประหลาดคล้ายงูใหญ่ที่มีลำตัวยาวแสนยาว
ส่วนอีกด้านคือเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ทั่วทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดของตัวเอง
ทว่าฝ่ายที่กำลังจวนเจียนจะหมดลมหายใจกลับเป็นทางด้านสัตว์ประหลาด
เด็กหนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างซวนเซเต็มที
ดาบเล่มหนึ่งบนร่างสัตว์ประหลาดที่ขยับตัวได้อย่างยากลำบากแทงทะลุหน้าอกของเขาไป
และนั่นก็เป็นการขัดขืนครั้งสุดท้ายของมัน
เด็กหนุ่มยืนหอบหายใจอย่างหนักอยู่ข้างๆ สัตว์ประหลาดที่หยุดการเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่แทบจะทำให้สิ้นสติ
การต่อสู้ที่ไม่อาจจะเรียกได้ว่าคือการต่อสู้ แต่มันคือการกระทำแทนเธอคนนั้น อีกทั้งยังเป็นการกระทำเพื่อให้ตัวเขาเองรู้สึกพึงพอใจ
ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวหยุดพัก
เด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมที่แอบซ่อนเอาไว้ข้างใต้พื้นดิน ก่อนจะกระชับพลั่วขุดดินที่ฝังเอาไว้อยู่ด้วยกันเข้ากับมือ
ด้ามจับที่มือของเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีให้กำลังใจเด็กหนุ่มราวกับเป็นคำปลุกใจจากเพื่อนคู่หู
เขาออกวิ่งโดยทิ้งรอยเท้าเปื้อนสีแดงเอาไว้บนพื้นดิน
เท้าทั้งสองข้างหนักอึ้งราวกับถูกอะไรบางอย่างดึงรั้ง ความเชื่องช้าของตนเองทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็มาถึงด้านข้างหลุมศพนั้น เขาหยุดฝีเท้าของตนลงพร้อมกับเสียบพลั่วในมือลงสู่พื้นดินทันที
หลังจากตักดินขึ้นมาได้ไม่กี่ครั้ง เขาก็ทิ้งอุปกรณ์ช่วยเหลือ คุกเข่าลง และเริ่มใช้มือตะกุยดินราวกับเป็นตัวตุ่น
เส้นผมสีน้ำตาลแกมแดงที่ปรากฏขึ้นจากใต้พื้นดินเกี่ยวพันเข้ากับนิ้วมือของเด็กหนุ่ม
เบื้องลึกของที่นั่น เขามองเห็นรอยน้ำตาเป็นทางหลากหลายสายบนผิวแก้มที่ตนแสนรัก
ก็ไม่แปลกหรอก เพราะเราทำเรื่องที่โหดร้ายถึงขนาดนั้นไปนี่นะ
และหลังจากนี้ เขาก็จะทำเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นอีก
เด็กหนุ่มได้แต่เฝ้าอ้อนวอนอยู่ฝ่ายเดียว

....หากเป็นไปได้ ก็ขอให้เธอให้อภัยเขาด้วยเถิด

Hole : 1
GRAVE DIGGER

1

เขารู้สึกถึงดินเปียกชื้นที่อยู่ใต้รองเท้า ส่วนหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงต้นไม้ส่ายไหวตามแรงลมและเสียงร้องของนก
แม้จะโดนปิดตาเอาไว้ แต่เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าพื้นที่ที่ตัวเองถูกปล่อยตัวให้ลงมายืนคือบริเวณใกล้ๆ กับผืนป่า
จมูกถูกปลดปล่อยออกจากกลิ่นอับของหนังวัวเก่าๆ ที่บุอยู่ตามหลังคารถขนนักโทษ เขารู้สึกว่าอากาศบริสุทธิ์ที่เข้ามาเติมเต็มปอดนั้นไม่ต่างอะไรกับมื้ออาหารชั้นเลิศที่แสนหอมหวาน และแทบนึกไม่ออกแล้วว่าตนได้มีโอกาสสูดอากาศสดชื่นแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันแน่ แม้แต่ก่อนหน้าที่จะถูกจับตัวเป็นนักโทษก็ตามที
ทว่าในตอนที่กำลังตั้งท่าจะสูดหายใจเฮือกใหญ่อีกรอบ แผ่นหลังก็ถูกถีบจนกระเด็นล้มกลิ้ง
?เดินไปซะ ออริด (ผู้ต้องขัง) เบอร์ 5722?
เมื่อถูกเรียกชื่อ เขาจึงทำตามที่สั่ง ร่างของเขานั้นค่อนข้างสูงกว่าเกณฑ์ปกติของคนวัยเดียวกัน แถมยังรูปร่างค่อนข้างกำยำ หากมองแค่เงาที่พาดผ่านอยู่บนพื้นก็น่าจะเห็นเป็นผู้ใหญ่ที่โตเต็มตัวแล้ว ทว่าองค์ประกอบอื่นๆ อย่างที่บริเวณริมฝีปาก ผิวเนื้อเกรียมแดดที่ไร้ไฝฝ้า รวมไปถึงขนตามร่างกายที่ยังมีไม่มากนักแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าเจ้าของร่างยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น
(ที่นี่มันคือที่ไหนกันน่ะ? ไม่สิ ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนกันแน่ล่ะเนี่ย?)
เด็กหนุ่มพึมพำพลางรู้สึกว่าในปากแห้งผากไปหมด
เขาถูกจับปิดตาตั้งแต่อยู่ที่เรือนจำ จากนั้นก็โดนจับยัดใส่รถขนนักโทษนั่งมาหลายชั่วโมง แต่ไม่มีใครสักคนบอกกับเขาเลยว่ากำลังจะพาไปที่ไหน ซึ่งที่จริงแล้วเด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้เอ่ยปากถามใครเลยด้วยเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าถึงถามออกไป สิ่งที่จะได้รับกลับมาก็มีแค่เพียง 2 สิ่งคือ โดนบอกปัดอย่างขอไปที หรือไม่ก็ถูกเขกหัวกลับมาเท่านั้นเอง
การก้าวเดินทั้งที่ตามองไม่เห็นนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นอยู่บ้าง ทว่าทางเดินนั้นกลับราบเรียบกว่าที่คาดอยู่มาก ด้วยความที่ตาไม่สามารถใช้การได้ ทำให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นทำงานว่องไวกว่าเดิมเพื่อพยายามเก็บกักข้อมูลของสภาพรอบตัวเอาไว้ให้มากที่สุด ทางด้านหน้าใกล้ๆ กันนี้มีผู้คุมซึ่งกำลังดึงเชือกที่ล่ามเข้ากับกุญแจมือของเขาอยู่ และบริเวณโดยรอบก็ไม่มีวี่แววของมนุษย์คนอื่นที่นอกเหนือไปจากหมอนั่นและตัวเขา
ผิวกายสัมผัสได้ถึงแสงแดดส่องสว่างในยามต้นฤดูร้อน ส่วนโพรงจมูกของเขาก็ยังคงสูดกลิ่นอายเขียวชอุ่มของเหล่าแมกไม้ ในบางทีเด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าตนย่ำลงไปบนกอวัชพืช แต่เขาก็สามารถเดินได้อย่างราบรื่นโดยไม่สะดุดกับรากไม้แต่อย่างใด แสดงว่าอย่างน้อยที่นี่ก็คงจะไม่ใช่ที่รกร้างที่ไม่ได้ถูกบุกเบิกโดยมนุษย์เลยเสียทีเดียว
ทว่า....น่าประหลาดเสียจริงๆ
(ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย?)
ในอกรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
ถึงแม้จะเรียบเรียงบอกออกมาเป็นคำพูดได้ค่อนข้างยาก แต่เด็กหนุ่มรู้สึกว่าพื้นที่ที่เท้าของเขากำลังก้าวเดินอยู่ในขณะนี้แตกต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ ที่เคยเหยียบย่างมาตลอดช่วงชีวิต 16 ปีโดยสิ้นเชิง
ความทรงจำที่ผุดขึ้นในสมองของเด็กหนุ่มคือภาพวิวทิวทัศน์ที่ตนเคยก้าวผ่าน....ทั้งป่าต้นบีชที่บ้านเกิด เมืองที่มีบ้านอิฐและทางเดินที่ปูหินเรียงราย ถนนไร้ชื่อที่มีหิมะตก ทุ่งรกร้างที่เขาต้องขุดหลุมเพลาะตามคำสั่งของนายทหารผู้บังคับบัญชา ร่องรอยยามที่รถถังแล่นผ่าน กลิ่นของน้ำมันและถ่านหิน รอยล้อยามรถม้าของหน่วยพลาธิการแล่นผ่าน รวมถึงกลิ่นของขี้ม้าที่ร่วงหล่นไปตามรายทาง ร่องรอยของกระสุนปืนและการระเบิดที่หลงเหลืออยู่ในพื้นที่ซึ่งถูกทำลายล้าง ควันปืน และหลังจากนั้นก็คือ....กลิ่นไหม้จากร่างคนตาย
เหงื่อเริ่มซึมออกมาทั่วร่าง หยดเหงื่อไหลผ่านตามลำคอและเข้าไปสู่ด้านในปลอกคอของนักโทษที่มีไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี เด็กหนุ่มรู้สึกอยากจะยกมือขึ้นเกาบริเวณท้ายทอยเหลือกำลัง ทว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะปลดกุญแจมือและปลอกคอนี้ออกได้เอง และถึงแม้ขาทั้งสองข้างจะไม่ได้ถูกตีตรวนเอาไว้ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันช่างหนักอึ้งเสียจนจะยกขาขึ้นเดินแต่ละทีก็ช่างยากเย็น
....ไม่อยากเดินต่อจากที่ตรงนี้อีกแล้ว
วูบหนึ่ง ภายในความมืดเบื้องหลังผ้าปิดตา ความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วนเสียดแทงใจของเขาเข้าอย่างจัง ในตอนนี้เขาแทบไม่อยากเชื่ออีกต่อไปแล้วว่าภายใต้รองเท้าไร้เชือกผูกเพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษฆ่าตัวตายคู่นี้กำลังเหยียบย่างอยู่บนพื้นดินที่มีแค่วัชพืชขึ้นหร็อมแหร็มไม่ต่างอะไรกับหนวดเคราของตนเท่านั้น
(อย่างกับว่ากำลังยืนอยู่บน....ไม่มีผิด)
เชือกที่ล่ามอยู่กับกุญแจมือถูกดึงจนตึงเขม็ง เด็กหนุ่มได้ยินผู้คุมหยุดฝีเท้าลงแล้วเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ เขาเกร็งร่างเตรียมถูกโดนทุบตี ทว่าความเจ็บปวดที่คาดว่าจะได้รับกลับไม่มาถึง....แต่กลับถูกกระชากผ้าปิดตาออกแทน เส้นแสงของแดดในยามต้นฤดูร้อนที่สาดเข้าจู่โจมลูกนัยน์ตาที่เคยชินอยู่กับความมืดนั้นช่างส่งผลรุนแรงนัก เด็กหนุ่มคู้ตัวลงราวกับถูกแส้ฟาดและป้องกันใบหน้าตัวเองเอาไว้ เขารู้ได้ในทันทีว่าผู้คุมกำลังแย้มยิ้มอย่างเย้ยหยันอยู่
?เงยหน้าขึ้นซะ ไอ้หนู?
เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะทำตามที่ถูกสั่ง
สิ่งที่ปรากฏอย่างแรกแก่คลองจักษุซึ่งพร่ามัวเป็นสีขาวก็คือ ใบหน้าตอบยาวเหมือนม้าของผู้คุมซึ่งเป็นคนที่คาดหมายอยู่แล้วว่าจะต้องได้เห็น เขาเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี จากนั้นก็คือพื้นดินที่ดูเปียกชื้น สีเขียวที่ดกครึ้ม....และ....ป้ายหลุมศพ
ป้ายหลุมศพ และป้ายหลุมศพ รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยกลุ่มป้ายหลุมศพ ภายในป่าที่ถูกหักร้างถางพงเอาไว้นี้มีอนุสรณ์แห่งความตายตั้งอยู่เรียงรายนับไม่ถ้วน โดยที่ขนาดและรูปร่างของแท่งหินที่ตั้งตระหง่านพวกนี้ก็มีความแตกต่างกันออกไป แถมระยะห่างระหว่างแต่ละป้ายก็ไม่เป็นระเบียบสักเท่าไหร่ เพราะมีบางป้ายที่ตั้งห่างจากป้ายอื่นประมาณ 10 ก้าว หรือบางป้ายก็มาตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากป้ายอื่นมาก ลักษณะของป้ายก็หลากหลาย อย่างเช่น บางป้ายที่ถูกดินกลบฝังไปแล้วเกือบครึ่ง บางป้ายซึ่งยังเป็นหินแกรนิตใหม่เอี่ยม ในขณะที่บางป้ายหินก็ถูกลมฝนกัดเซาะเสียจนแทบอ่านตัวหนังสือที่สลักเอาไว้ไม่ออกแล้ว
?หรือว่า....?
เสียงยังหนุ่มแน่นเอ่ยถามกับผู้คุมอย่างเจือความตกใจเอาไว้ด้วย
?หรือว่า นี่คิดจะลดความยุ่งยากในการขนย้ายศพของผมหรือครับ??
ชายตรงหน้าหัวเราะและย้อนถามกลับ
?ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะจะว่าไง??
?ก็คงจะต้องบอกว่าเป็นโศกนาฏกรรมอีกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดล่ะมั้งครับ?
ปึ้ก....เสียงปลายเท้าของอีกฝ่ายกระทบเข้ากับบริเวณลิ้นปี่
เด็กหนุ่มงอตัวลงด้วยความเจ็บปวด มุมปากแย้มยิ้มให้กับความทรมานที่ได้รับ และคิดในใจว่าอย่างน้อยเมื่อเขาได้รับโทษไว้ชีวิตมาแล้ว ก็คงไม่มีทางที่จะมาโดนโทษประหารอยู่ในที่แบบนี้แน่นอน
(แต่ถ้าหากว่าหมอนี่ลงมือประหารเราเสียเองที่ตรงนี้ มันก็ไม่มีกฎหมายตัวไหนที่จะเอาเรื่องมันได้ล่ะนะ)
?เอาเป็นว่าที่ที่แกควรจะถูกพาไปส่งก็คือที่ตรงโน้นแหละ?
ผู้คุมชี้นิ้วที่ผอมแห้งเหลือแต่กระดูกไปทางจุดหมายที่พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไป ที่มุมหนึ่งของเขตป่าและสุสาน มีผนังสีขาวสะอาดของคฤหาสน์มองเห็นรำไรลอดผ่านสีเขียวเข้มของหมู่ไม้เนื้อแข็ง เมื่อพิจารณาจากวิวทิวทัศน์ที่เขาได้เห็นมาตลอดนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ คฤหาสน์นั้นนับเป็นสถานที่เพียงหนึ่งเดียวที่จะสามารถมีคนอยู่อาศัยได้
เมื่อถูกดึงเชือกลากเข้าไปใกล้ ทำให้ได้รู้ว่าผนังสีขาวนั้นไม่ได้เกิดจากการใช้สีขาวทาทับ แต่เป็นสีขาวของแผ่นหินที่เพิ่งตัดมาใหม่ รวมถึงเรื่องที่ว่าสิ่งปลูกสร้างนี้ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตอะไรมากนัก คฤหาสน์นี้รายล้อมด้วยรั้วเหล็กสีดำซึ่งไม่มีแม้สนิมสักจุด ที่ปลายยอดของรั้วเหล็กนี้มีลักษณะเป็นเหล็กแหลมรูปร่างราวกับหอกพุ่งแทงสู่ท้องฟ้าเบื้องบนเพื่อป้องกันขโมย ประตูทางเข้าที่ดูกลมกลืนไปกับรั้วเหล็กสีดำนี้ปิดสนิทแน่นหนา และแน่นอนว่าไม่มีใครออกมาคอยต้อนรับพวกเขาเลยสักคน
เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยด้วยซ้ำไปว่าคฤหาสน์แห่งนี้มีคนอยู่อาศัยจริงๆ หรือเปล่า เพราะมันไม่มีวี่แววว่าจะมีคนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลย ถึงแม้วัชพืชในสวนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างตัวอาคารและรั้วกั้นจะถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น แต่พื้นดินบริเวณนั้นก็โล่งเตียนไม่มีแม้แต่ต้นฮีธ สักต้นปลูกเอาไว้ ไม่มีทั้งน้ำพุหรือรูปปั้นหินแกะสลัก แม้กระทั่งเชือกที่น่าจะมีขึงเอาไว้เพื่อตากผ้าที่ซักแล้วก็ยังไม่มี
ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งซึ่งพอจะเรียกได้ว่ามาแทนที่ของพวกนั้น มันคือกริ่งและหูโทรศัพท์ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ที่ข้างบานประตูเหล็กของรั้วบ้าน พวกคนชั้นต่ำนั้นไม่มีทางมีอุปกรณ์สื่อสารแบบนี้อยู่หรอก ยิ่งเอามาติดไว้ที่หน้าประตูแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ตัวเด็กหนุ่มเองเมื่อสมัยที่ยังอยู่ในกองทหารนั้นก็เคยเห็นเครื่องมือสื่อสารอยู่บ้าง ทว่ามันถือเป็นอุปกรณ์สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจเหมือนอย่างรถถังที่ ?ตัวตุ่นสนามรบ? อย่างเขานั้นไม่มีโอกาสได้แตะสัมผัสเลยสักครั้ง
(อยู่อย่างหรูหราเสียจริงแฮะ) เด็กหนุ่มได้แต่เก็บงำความตกตะลึงเอาไว้โดยไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา
ผู้คุมกดกริ่งด้วยท่าทางไม่คุ้นชิน ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ที่รูปทรงผอมๆ ยาวๆ และมีสายติดอยู่ขึ้นมา
?นี่ เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายควบคุมตัวผู้ต้องหาแห่งฟิลบัด ว่าที่ร้อยตรีบาริด้า ได้มาทำการส่งตัวออริด (ผู้ต้องขัง) เบอร์ 5722 ตามกำหนดการเรียบร้อยแล้ว?
ไม่นานนักก็มีเสียงแหบแห้งของชายชราดังตอบขึ้น
?....กำลังรออยู่เลยทีเดียว ขอบพระคุณมากนะครับ?
ดูเหมือนว่าระดับเสียงของหูโทรศัพท์นั้นจะถูกตั้งเอาไว้ดังพอควร ทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่ทางด้านหลังก็สามารถได้ยินเสียงที่ตอบกลับมาได้
?ณ ตอนนี้ภาระหน้าที่ของท่านว่าที่ร้อยตรีก็เสร็จสิ้นลงแล้ว เรื่องต่างๆ ที่เหลือเอาไว้เป็นหน้าที่ของพวกกระผมจัดการเองครับ ทางเราคงไม่บังอาจรบกวนท่านว่าที่ร้อยตรีไปมากกว่านี้แล้ว ขอให้ท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ....?
เมื่อผู้ควบคุมตัวได้ยินประโยคนั้น สีหน้าของเขาก็ขมวดขึ้งด้วยอารมณ์โกรธในทันที ถึงแม้อีกฝ่ายจะใช้วิธีการพูดจาที่ฟังดูนอบน้อม แต่ดูเหมือนว่าการถูกไล่กลับหลังหมดธุระแล้วเช่นนี้จะไปกระทบกับศักดิ์ศรีของท่านว่าที่ร้อยตรีเข้าอย่างจัง
?แต่ว่าฉันมีภารกิจที่จะต้องคอยเฝ้าดูการส่งตัวนักโทษผู้นี้จนเสร็จสิ้น ดังนั้นจึงอยากจะให้คุณช่วยเปิดประตูให้สักหน่อยนะ อีกอย่างการไม่โผล่หน้าออกมาทักทายกันเลยแบบนี้ไม่คิดบ้างรึว่ามันออกจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อย?
?ต้องขออภัยที่หากพูดไปก็ดูเหมือนจะเป็นย้อนนะครับ แต่ว่าท่านไม่จำเป็นจะต้องอุตส่าห์อยู่คอยส่งตัวนักโทษก็ได้ เพราะในใบสัญญาการว่าจ้างนั้นได้มีลายเซ็นของทางกระผมและทางพวกท่านอยู่แล้ว และรู้สึกว่าข้อความที่ระบุในใบสัญญานั้นก็ไม่ได้ระบุเรื่องการส่งมอบให้อย่างโดยตรงเอาไว้ด้วยนะครับ?
?แต่ว่า....? ว่าที่ร้อยตรียังคงดึงดันไม่ยอมเลิก แต่แล้วก็มีเสียงของทางนั้นขัดขึ้นเสียก่อน
?....ต้องขออภัยนะครับ ท่านคือว่าที่ร้อยตรีบาริด้า คเลย์เมนซ์แห่งเรือนจำลาคาซานดร้าที่อยู่ในเขตฟิลบัดตะวันออกใช่ไหมครับ??
?....อ้อ ก็ใช่ มีอะไรรึ??
เมื่อถูกอีกฝ่ายเอ่ยทวนชื่อ ผู้คุมจึงเอ่ยถามกลับอย่างไม่ไว้ใจนัก
ใครบางคนที่อยู่ปลายสายพยายามปั้นน้ำเสียงนอบน้อมให้มากที่สุดเท่าที่เสียงแหบแห้งนั้นจะสามารถทำได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
?ออกจะเป็นการมัดมือชกไปบ้าง แต่ทางพวกกระผมได้ทำการตัดสินใจกันเองและดำเนินการให้ท่านว่าที่ร้อยตรีบาริด้าสามารถจับจองหญิงสาวที่ท่านพึงใจจากหอ ?วิฬารเกาใบหู? ในเมืองตรงเชิงเขาได้เอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ และแน่นอนว่าทั้งค่าใช้จ่ายรวมไปถึงค่ากินดื่มต่างๆ นั้นจะส่งมาเรียกเก็บกับทางพวกกระผมในวันหลัง ส่วนทางด้านเรือนจำนั้นทางกระผมจะทำการติดต่อไปให้เองครับว่า เพราะความล่าช้าเรื่องการจัดการของทางเรา ทำให้ท่านว่าที่ร้อยตรีต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเป็นวันพรุ่งนี้ไป....ดังนั้นขอความกรุณาด้วยนะครับท่าน?
?........?
ข้อเสนอสุดแสนเข้าใจง่ายที่ถูกยื่นมาตรงหน้าราวกับหัวแครอทอันหอมหวานนี้ ทำเอาผู้คุมที่มีใบหน้าเหมือนม้าได้แต่เบิกตากว้างกะพริบปริบๆ อยู่อย่างนั้น ในขณะที่เสียงอันแหบแห้งก็รีบเอ่ยต่อเพื่อเน้นย้ำว่า
?อีกอย่างเขาเองก็....สวมปลอกคออยู่ด้วยใช่ไหมล่ะครับ??
?อืม....?
ผู้คุมนั้นไม่เสียเวลาลังเลอยู่นานเท่าไหร่นัก
?....นั่นสินะ จะให้อยู่ในสถานที่ชวนหดหู่อย่างที่นี่ไปมากกว่านี้ ฉันไม่เอาด้วยแน่?
เสียงพึมพำยามเขาเก็บหูโทรศัพท์เข้าที่เดิมนั้นล่องลอยขึ้นสู่อากาศ โดยเจือน้ำเสียงแก้ตัวเอาไว้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อชายผู้นั้นหันกลับมาสบสายตากับเด็กหนุ่ม วูบหนึ่งที่สีหน้าของเขาปรากฏร่องรอยของความรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนจะเพิ่งระลึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เพียงนักโทษที่ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจอะไรเลยสักนิด เขาจึงถ่มน้ำลายใส่เท้าของเด็กหนุ่ม
?เฮ้ย แกอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ล่ะ ไอ้ฆาตกรฆ่าหัวหน้า?
ผู้คุมขว้างปลายเชือกในมือทิ้งไป ราวกับมันไม่ต่างอะไรกับก้นบุหรี่ที่สูบเสร็จแล้ว
?จะมีการตรวจสอบแกครั้งหนึ่งในทุกๆ เดือน ถ้าหากเกิดปัญหาอะไรล่ะก็ แกได้กลับไปนอนคุกอีกแน่ อีกอย่าง ถ้าหากว่าผู้ว่าจ้างเกิดไม่พอใจแกขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะถอดปลอกคอแกได้ทุกเมื่อ ไม่มีที่ไหนให้แกหนีไปได้หรอกนะ?
เด็กหนุ่มหัวเราะพลางตอบว่า
?แต่ถ้าหากลงไปซ่อนตัวอยู่ข้างใต้พื้นดินของที่นี่เสีย ก็น่าจะรอดไปได้โดยไม่มีใครพบเห็นตัวนะครับ?
เมื่อผู้คุมได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาจะอารมณ์ดีมากกว่าเมื่อหลายนาทีก่อนเป็นหลายร้อยเท่า ท่าทางว่าตอนนี้ในหัวของชายที่มีใบหน้าเหมือนม้าคนนี้คงเต็มไปด้วยเรื่องการเที่ยวพักผ่อนที่เจ้าตัวไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอเป็นแน่
ผู้คุมล้วงหยิบเอากุญแจที่ใช้สำหรับไขกุญแจมือออกมาจากในกระเป๋าของเครื่องแบบทหารก่อนจะขว้างมันไปยังสวนหย่อม และหันหน้าก้าวเท้าไปยังรถขนนักโทษด้วยอากัปกิริยาที่แทบจะเรียกได้ว่าก้าวกระโดดไปอย่างร่าเริง
....ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงถูกทิ้งให้ยืนนิ่งอยู่หน้ารั้วเหล็กทั้งที่มือทั้งสองข้างยังใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างนั้น
หลังจากนี้เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
(เอาเถอะ แต่ยังไงซะมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรนักหรอก)
เด็กหนุ่มขยับกายเข้าไปใกล้ประตูรั้ว และทันทีที่พื้นรองเท้าของเขาเหยียบใบไม้แห้งกรอบจนแหลกละเอียด ก็มีเสียงแหลมสูงดัง ?กา? ขึ้นที่เหนือศีรษะ เมื่อเงยหน้าขึ้นดูก็พบว่าอีกาตัวใหญ่กำลังกางปีกและโผบินออกไปจนกิ่งไม้สั่นไหว เสียงร้องของมันช่างฟังดูอัปมงคลเสียจนไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นนกเหมือนกันกับนกฮัมมิงเบิร์ดหรือนกกระจอก
ในหัวของเด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงคำพูดเมื่อครู่ของผู้คุมที่บอกว่า ?จะให้อยู่ในสถานที่ชวนหดหู่อย่างที่นี่ไปมากกว่านี้ ฉันไม่เอาด้วยแน่?
....เขาเห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยจริงๆ
อาการตื่นตระหนกที่บังเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้าเอาผ้าปิดตาออก จนถึงในตอนนี้ก็ยังคงไม่จางหายไป เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง โดยมากแล้วคนส่วนใหญ่ก็คงจะรู้สึกดีที่ได้สัมผัสกับแสงแดดที่ไม่ร้อนเกิน รวมไปถึงอากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่ผืนป่าใต้แสงแดดยามต้นฤดูร้อนปล่อยออกมาอย่างสดใหม่เช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกเหมือนกับที่ผู้คุมรู้สึกไม่มีผิด สาเหตุนั้นไม่ใช่แค่เพราะที่นี่เป็นสุสานหรอก เพียงแต่มันเหมือนมีบางอย่างที่ทำให้คนเรารู้สึกอยู่ไม่สุขสักเท่าไหร่นัก
เขาก้มลงใช้ตาของตัวเองสำรวจพื้นดินที่เหยียบอยู่อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อร่างของผู้คุมลับหายไปจากอีกฟากหนึ่งของเขตสุสานเรียบร้อยแล้ว เสียงโลหะของบานประตูเหล็กก็กระทบกันดังแกร๊ง และเลื่อนเปิดออกมาเอง
มีสุนัขสีดำตัวหนึ่งยื่นปลายจมูกของมันออกมาจากประตูที่มีโลหะแกะสลักเป็นลวดลายเอาไว้ตามจุดต่างๆ อย่างงดงาม บานประตูของตัวบ้านนี้อยู่ห่างไปประมาณ 30 ก้าว จากตรงที่เด็กหนุ่มยืนอยู่
มันเป็นสุนัขที่มีขนาดใหญ่มากเสียยิ่งกว่าบรรดาสุนัขตัวไหนๆ ที่เด็กหนุ่มเคยเห็น รูปลักษณ์ของมันชวนให้นึกถึงสุนัขป่ามากกว่าที่จะเป็นสุนัขบ้านธรรมดาทั่วไป ทว่าขนยาวตามขานั้นกลับถูกแปรงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งดวงตาของมันนั้นก็มีประกายของความสงบเสงี่ยมซึ่งจะพบเห็นได้แค่ในสุนัขที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดีเท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใด ท่าทียามมันเดินมาหาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบช่างดูสง่างามยิ่งนัก
สุนัขดำก้มลงคาบลูกกุญแจที่ผู้คุมขว้างไปขึ้นมา ก่อนจะยืนจ้องมองเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งงันอยู่อย่างไม่ยอมละสายตา ท่าทีของมันไม่แสดงออกทั้งความเป็นปฏิปักษ์หรือความชื่นชอบในตัวเขาออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังยืนสับสนอยู่เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ก็มีเสียงดังขึ้นจากหูโทรศัพท์ที่ถูกเก็บกลับเข้าไปอยู่ใต้หลังคาเล็กๆ ซึ่งมีเอาไว้สำหรับกันฝนให้มัน เสียงนั้นเอ่ยขึ้นราวกับว่ากำลังเฝ้าดูเขาอยู่ก็ไม่ปาน
?....เชิญเข้ามาได้เลยครับ ท่านออริดเบอร์ 5722 สุนัขตัวนั้นจะรับหน้าที่นำทางท่านเอง?
สุนัขเดินช้าๆ กลับเข้าไปทางประตูบ้านอีกครั้ง และถึงแม้มันจะเป็นสุนัขที่มีขนาดตัวใหญ่สักเท่าไหร่ แต่การมองเห็นภายในคฤหาสน์ที่มืดมิดผ่านช่องประตูที่เปิดอ้ายามสุนัขลอดผ่านเข้าไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
(จะบอกว่าให้ตามเข้าไปงั้นเหรอ แต่ว่า....)
ในตอนนี้ไม่มีทั้งคนที่คอยเฝ้าดูเขา รวมไปถึงคนที่คอยลากเชือกอยู่อีกแล้ว การที่เจ้าของบ้านแห่งนี้ไล่ผู้คุมของเขากลับไปตั้งแต่ก่อนก้าวเข้าประตูรั้วแบบนั้น มันออกจะเป็นการประมาทเกินไปสักหน่อยหรือเปล่า?
(....ไม่สิ ที่จริงเราน่าจะนึกดีใจว่าสิ่งที่หมาตัวนั้นคาบไปไม่ใช่เชือกที่ล่ามเราอยู่ล่ะมั้งนะ?)
ถึงแม้จะเป็นแค่นักโทษ แต่พอนึกภาพตัวเองที่สวมปลอกคอแล้วถูกหมาคาบเชือกผูกมือจูงให้เดินตามแล้วมันน่าสมเพชเกินไปหน่อย แต่แน่ล่ะว่าหมาสีดำตัวนั้นมันคงไม่เข้าใจด้วยหรอก
คฤหาสน์ที่ไม่มีหน้าต่างเลยนี้มืดมาก เมื่อเด็กหนุ่มเข้าไปข้างในก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกเสียจากอากาศเย็นที่มากระทบร่างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทว่าเมื่อดวงตาค่อยๆ คุ้นชินแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่ามีแสงสว่างอ่อนๆ ที่น่าจะเกิดจากตะเกียงน้ำมันส่องแสงมาจากเบื้องลึกของทางเดินที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก
สุนัขตัวใหญ่ยืนรอให้เด็กหนุ่มเริ่มก้าวเท้าเดินตามมัน ก่อนที่ตัวมันจะเริ่มออกเดินไปตามทางเดินด้วยราวกับจะนำทาง ตัวเขาเองก็เดินตามมันไปราวกับถูกดึงร่างตามหลัง ที่พื้นนั้นปูด้วยพรมลวดลายเรขาคณิตที่ดูสูงค่า และทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำความผิดยามเมื่อรองเท้าที่เปรอะเปื้อนของตนเหยียบลงไปจนเป็นรอย
?....ยินดีต้อนรับ สู่แมสเกรฟ ?

*************************************************************************************

เรื่องราวของ ?มุออล? เด็กหนุ่มผู้ต้องโทษด้วยความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เขาถูกส่งมาที่สุสานแห่งหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ขุดหลุมสำหรับฝังศพ ที่นี่เอง เขาได้พบกับเด็กสาวผู้ดูแลสุสานนามว่า ?เมเรีย? และเด็กหนุ่มที่ชื่อ ?อีกา? อีกทั้งยังได้พบกับเรื่องราวที่ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอ!
อีกหนึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลการันตีจากทางสนีกเกอร์ ซึ่งเป็นรางวัลเดียวกับที่นิยายเรื่อง ?SUZUMIYA HARUHI? เคยได้รับและทำให้โด่งดังเป็นพลุแตกมาแล้ว
โดยท่านสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อทางเว็บไซต์
http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=8033

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”