New Release : ลำนำรักราชาปีศาจ ~อย่าหลงทำสัญญากับปีศาจรูปหล่

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : ลำนำรักราชาปีศาจ ~อย่าหลงทำสัญญากับปีศาจรูปหล่

โพสต์ โดย Gals »

ราชาผู้ปกครองทุกสรรพสิ่งเอ๋ย จงถอดร่างปีศาจของเจ้าเสีย แล้วออกมาจากปราสาทแห่งนี้
ในมือขวาของเจ้ามีเปลวเพลิงอันแผดเผาของนกฟินิกซ์ผู้เป็นอมตะ
มือซ้ายของเจ้ามีดวงตาที่สงบนิ่งเพื่อหยุดวงล้อแห่งชะตากรรม
ทั้งสองต่างเฝ้ารอที่จะมอบแผ่นดินและน้ำของโลกใบนี้ให้แก่เจ้าแล้ว
จงซ่อนเขี้ยวเล็บของเจ้าเอาไว้แล้วจดจำเสียงของ ?ผู้ถูกเนรเทศ? ที่ครั้งหนึ่งพระเจ้าได้ประทานมาให้
เจ้าจะดื่มน้ำพุแห่งชีวิตกี่ครั้งก็ได้ การต่อสู้นี้จะยาวนานตราบชั่วนิรันดร์
แสงสว่างจากฟากฟ้าจะเป็นเสมือนดวงตาของเจ้า สายลมจะเป็นเสมือนใบหูของเจ้า
มีสิ่งหนึ่งที่ห้ามเจ้าละเมิดเป็นอันขาด จงอย่าขัดขืนนักปราชญ์อันเป็นผู้รู้
นักปราชญ์ผู้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้คือผู้บัญชาเจ้า ศัตรูของนักปราชญ์ก็คือศัตรูของเจ้า
จงทำลายมันผู้นั้นซะ เพราะนั่นคือของขวัญล้ำค่าชิ้นเดียวที่ศัตรูของนักปราชญ์พึงจะได้รับ
ชีวิตของนักปราชญ์ก็เปรียบเสมือนชีวิตของเจ้า สายสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใด
ถึงกระนั้นเจ้าก็คงกระทำความผิดที่ร้ายแรงที่สุดอย่างแน่นอน ราชาแห่งสรรพสิ่งเอ๋ย
จงอย่าลืมว่า เมื่อใดก็ตามที่ร่างปีศาจของเจ้าถูกปลดปล่อยออกมาโดย --(อักษรปริศนา)-- ของเจ้า
เมื่อนั้นหนังสือเล่มนี้จะกลายเป็นเถ้าถ่าน แล้วดวงอาทิตย์ก็จะหยุดนิ่ง เพราะนี่แหละคือชะตากรรม


1. สิ้นสุดการเดินทางคือจุดเริ่มแห่งการทดสอบ

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก จัสตินชอบที่จะเปิดประตูมาก ไม่ว่าประตูบานนั้นจะเป็นประตูแบบไหนก็ตาม
จะเป็นประตูห้องตัวเองสมัยเด็ก ประตูห้องครัวที่คนรับใช้ทำงาน หรือประตูด้านหลังที่เปิดออกไปสู่สวนกุหลาบก็ดี พอได้ยืนอยู่หน้าบานประตูที่กำลังปิดอยู่ ในใจของจัสตินก็มักจะเปี่ยมไปด้วยความหวังเสมอ
อีกด้านหนึ่งของประตูจะเป็นอะไรกันนะ? เป็นห้องนอนทั่วๆ ไป หรือเป็นสวนดอกไม้ที่เหล่าภูตกำลังเล่นสนุกกันอยู่ ไม่แน่อาจจะมีเหล่าปีศาจที่น่ากลัวอยู่ก็เป็นได้ พวกปีศาจที่มีดวงตาวาววับสีแดงก่ำซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในมุมห้อง คอยจ้องจะจับผู้ที่เข้ามาเพื่อกินเป็นอาหาร!
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนานทีไร ท่านดยุคเชอร์สวาน???ซึ่งเป็นคุณพ่อของจัสตินก็มักจะหัวเราะพร้อมกับพยักหน้าไปด้วยเสมอ
?จริงด้วยสินะ จัสติน อีกด้านหนึ่งของประตูมักจะมีสิ่งที่น่าพิศวงอยู่มากมายทีเดียว ส่วนตัวลูกเองก็มีกุญแจที่จะไขประตูทุกบานอยู่ด้วยแล้ว?
?จริงเหรอคะ ท่านพ่อ ในเมื่อที่ตัวหนูมีแต่กุญแจสำหรับไขกล่องเครื่องประดับได้เท่านั้นเอง?
ดวงตาของจัสตินเบิกกว้าง แต่ดวงตาสีฟ้าครามของท่านดยุคกลับมองดูลูกสาวอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า
?กุญแจที่จะไขประตูทุกบานได้นั้นก็คือความอยากรู้อยากเห็นและความสดใสร่าเริงของลูกยังไงล่ะ ลูกมีทั้งสองอย่างอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว ตราบใดก็ตามที่ลูกยังไม่ทิ้งความภาคภูมิใจและความหวังนี้ไปล่ะก็ ไม่ว่าประตูบานไหนย่อมต้องเปิดต่อหน้าลูกอย่างแน่นอน?
คำพูดของท่านพ่ออันเป็นที่รักทำให้หัวใจของจัสตินเต้นระทึก จัสตินพยักหน้าตอบรับ
ท่านดยุคลูบหัวจัสตินด้วยฝ่ามือที่กว้างใหญ่แล้วกล่าวเสริมด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนอีกว่า
?แต่พ่ออยากให้ลูกสัญญาไว้ข้อหนึ่ง ประตูทุกบานในปราสาทแห่งนี้เป็นของลูกทั้งหมด ยกเว้นแต่ประตูในห้องสมุดของพ่อเท่านั้นที่ห้ามแอบเปิดโดยพลการเป็นอันขาด เข้าใจไหมจ๊ะ??
?....ค่ะ หนูทราบแล้ว? จัสตินตอบอย่างว่าง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอกลับไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่านพ่อได้
ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ ในเมื่อสำหรับจัสตินแล้ว ภายในปราสาทประจำตระกูลของท่านดยุคที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุนั้น สถานที่ที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดก็คือห้องสมุด
(ในบรรดาหนังสือหลายเล่มมีตุ๊กตาที่เคลื่อนไหวได้บ้างล่ะ มีหน้ากากของซีกโลกตะวันออกบ้างล่ะ???ห้องสมุดแห่งนั้นมีแต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์อยู่เต็มไปหมด แสดงว่าจะต้องมีประตูที่เชื่อมต่อกับโลกอันน่าพิศวงนี้ได้อย่างแน่นอน! เพื่อค้นหาประตูบานนั้น ถ้าเราจะเข้าไปในห้องสมุดแค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไรหรอกน่า)
จัสตินหาข้อแก้ตัวให้กับตนเองแล้วก็รอโอกาสที่จะได้จังหวะเข้าไปในห้องสมุด
โอกาสที่จะได้เข้าไปสำรวจในห้องสมุดแห่งนั้นได้มาถึงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากท่านดยุคออกไปข้างนอกเพื่อจะเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง จัสตินดีใจมาก เธอแอบย่องอย่างแผ่วเบาไปจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด
แปลกมากที่ในห้องสมุดซึ่งไม่น่าจะมีใครอยู่กลับมีเสียงพูดคุยเบาๆ เล็ดลอดออกมา
(แปลกจัง....ท่านพ่อยังไม่ได้ออกไปข้างนอกอีกเหรอเนี่ย?)
แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่จัสตินก็แอบเอาหูเข้าไปแนบกับประตูอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องสมุดก็เปิดออกมาจากด้านใน
?อ๊ะ....!?
จัสตินน้อยก้าวถอยหลังเพื่อที่จะหลบประตูบานนั้น แต่แล้วเธอก็กลับสะดุดล้มลงก้นกระแทกกับพื้น ชายหนุ่มที่เปิดประตูก้มมองลงมายังจัสตินทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง
(ไม่ใช่....ท่านพ่อนี่นา)
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นแขกที่เธอไม่เคยรู้จัก???ร่างที่ยืนอยู่นั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและพลังอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม
(โอ้โห ยอดไปเลย....เป็นผู้ชายที่มีหน้าตางดงามมาก!)
ดวงตาของจัสตินเบิกกว้าง เนื่องจากชายแปลกหน้าเป็นหนุ่มหล่อเฉียบขาดถึงขั้นที่ทำให้จัสตินตัวน้อยตกตะลึง หล่อเฟี้ยวถึงขนาดนี้ไม่น่าจะใช่มนุษย์แน่ คิดดังนั้นแล้วจัสตินก็เอ่ยปากถามด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ในขณะที่เธอยังนั่งอยู่บนพื้น
?คุณเป็นใครกันคะ ภูต เทวดา หรือว่าปีศาจ??
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็คุกเข่าลงอย่างสง่างามพร้อมกับกระซิบว่า
?ข้อ 3?
?ข้อ 3 เหรอ.... ก็แสดงว่าเป็นปีศาจน่ะสิ!? ยอดเลย คุณคือปีศาจตัวจริงเหรอ แล้วเคยจับเด็กกินรึเปล่า??
จัสตินถามอย่างดีอกดีใจ แต่ชายผู้นั้นกลับยื่นมือเข้ามาใกล้ จัสตินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะถอยหลบได้ทัน ชายหนุ่มก็เชยคางเธอขึ้น
?แบบนี้เหรอ?
พูดแล้วริมฝีปากของเขาก็ก้มลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากของจัสติน
นับตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นจุมพิตแรกกับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คนในครอบครัว!
ลมหายใจของจัสตินแทบจะหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึง ความอยากรู้อยากเห็นเปลี่ยนเป็นความตกใจกลัวขึ้นมาในทันทีจนเธอรู้สึกเสียวสันหลังวูบ
(แย่แล้ว....เรามีหวังถูกจับกินแน่ๆ)
คิดดังนั้นแล้วจัสตินก็รีบถอยหนีออกมา เธอตบหน้าชายผู้นั้นไปโดยอัตโนมัติ
?ไม่นะ! อย่ากินฉันนนนนนนนนน!!?
จัสตินตะโกนร้องอยู่นานโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เธอจำได้แต่เพียงว่าตัวเองวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง
ด้วยความที่ยังเยาว์วัยอยู่ เธอจึงไม่รู้ความหมายของจุมพิตว่าคืออะไร จัสตินคิดว่าตัวเองเกือบจะโดนจับกินเข้าแล้วจริง ๆ จึงได้วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
....นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ในห้องสมุดคราวนั้น เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป 10 ปี จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
จัสตินยังคงชอบที่จะเปิดประตูอยู่ แต่เธอได้เข้าใจความหมายของจุมพิตขึ้นมาแล้ว ผลก็คือเธอเกลียดการจุมพิตจากชายหนุ่มรูปงามขึ้นมาอย่างสุดขั้วหัวใจเลยทีเดียว

?

ที่กรุงเอลส์บาร่า เมืองหลวงของประเทศนอร์สแลนด์ ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษออโธดอกซ์เชอร์สที่ 19
เมื่อรถไฟขบวนหนึ่งได้เดินทางกลับเข้าสู่สถานีกลางในตัวเมือง ชานชาลาก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนภายในชั่วอึดใจเดียว ครั้นหัวรถจักรพ่นควันออกสู่ชั้นบรรยากาศ บรรดาผู้คนที่เสร็จสิ้นจากการเดินทางอันยาวนานต่างพากันแบกสัมภาระลงมาจากรถไฟ
เด็กสาวผู้หนึ่งก้าวลงมายังชานชาลาที่เบียดเสียดและเต็มไปด้วยสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ที่อยู่ในชุดเดินทางพร้อมกับสาวใช้ที่พวกเขาพาติดตามไปด้วย ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเรียกเธอดังขึ้นมาแต่ไกล
?คุณจัสติน! คุณจัสติน!?
จัสตินเหลียวมองรอบตัว แล้วเธอก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟหนุ่มคนหนึ่งกำลังโบกมือให้เธอท่ามกลางฝูงชนที่เนืองแน่น เจ้าหน้าที่ผู้นั้นเดินฝ่ากลุ่มนักเดินทาง กลุ่มคนที่มารับพวกเขาเหล่านั้น และเด็กขายดอกไม้ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งมาอยู่ตรงเบื้องหน้าของเธอ
?โชคดีจริงๆ ที่หาพบ! ผมมองมาแต่ไกลก็ยังทราบว่าเป็นคุณ เพราะรูปร่างภายนอกของคุณเหมือนกับที่ผมได้ฟังมาไม่มีผิด?
เจ้าหน้าที่ถอดหมวกพร้อมกับกล่าวอย่างดีอกดีใจ ในขณะที่จัสตินกะพริบตาปริบๆ
?หนูมีอะไรที่ดูแปลกไปอย่างงั้นเหรอคะ??
?จะว่าแปลกรึเปล่า....คือผมได้ยินมาว่าคุณเป็นเด็กสาวที่สวยราวกับเทพธิดา เพียงแต่ออกจะโดดเด่นมากจนแตกต่างจากคนอื่นไปสักหน่อยน่ะครับ?
เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟจ้องมองจัสตินใหม่อีกครั้งอย่างขวยเขิน
จัสตินที่กำลังยืนนิ่งอยู่บนชานชาลาเป็นเด็กสาวร่างเล็กที่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ใบหน้าของเธอเรียวเล็กงดงามราวกับตุ๊กตา ดวงตาสีเขียวเป็นประกาย สีพลาทินั่มบลอนด์คล้ายกับฟองคลื่นสีขาวที่กระทบกับชายฝั่งเบาๆ
ถ้าจะบรรยายถึงแต่ละส่วนในตัวของเธอแล้ว จัสตินจัดได้ว่าเป็นเด็กสาวผู้งดงามไร้ที่ติทีเดียว ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่
จัสตินก้มมองดูเสื้อผ้าของตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า
?เสื้อสูท กางเกงสามส่วน แล้วก็รองเท้าบูทสำหรับขี่ม้า ก็เป็นเสื้อผ้าธรรมดาๆ ตามสไตล์ของประเทศนอร์สแลนด์ไม่ใช่เหรอคะ??
?....ถ้าเป็นเด็กผู้ชายล่ะก็อาจจะใช่ครับ? เจ้าหน้าที่ตอบพลางถอนหายใจ
ถูกแล้ว นอกจากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่จะเป็นการแต่งกายของเด็กผู้ชายแล้ว จัสตินก็ยังรวบผมที่สวยงามของเธอเอาไว้โดยมัดเข้าด้วยกันแบบหลวมๆ
นอกจากนี้เธอก็ยังไม่ได้พาสาวใช้ให้ติดตามไปด้วยเลยสักคน ทำให้เธอต้องถือสัมภาระทั้งหมดด้วยตัวเอง แถมยังต้องสะพายไว้ที่ข้างหลังอีกต่างหาก
หากเปรียบเทียบกับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีแล้ว ก็นับได้ว่าชุดที่เธอสวมใส่อยู่นั้นค่อนข้างจะแปลกพิลึกเลยทีเดียว
บรรดาผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นเมื่อมองดูแล้วต่างทำคิ้วย่นด้วยความตกใจ แต่ฝ่ายจัสตินเองกลับพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรว่า
?ถึงเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องฝืนใส่ชุดของผู้หญิงเลยนี่คะ?
?จำเป็นสิครับ! ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ผู้ชายก็คือผู้ชาย สุภาพสตรีก็มีสิ่งที่เหมาะสมกับสุภาพสตรี ส่วนสุภาพบุรษก็ย่อมมีสิ่งที่เหมาะสมกับสุภาพบุรุษ ไม่ใช่หรอกหรือครับ?
?คิดมากไปแล้วล่ะค่ะ ถึงคุณจะใส่ชุดของผู้หญิง หนูก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนเลย?
?สะ...ใส่ชุดของผู้หญิง!? อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ ผมไม่เอาด้วยหรอก ถึงตายก็ไม่เอาเด็ดขาด! ไม่ทราบว่าคุณจัสตินมีอะไรขุ่นข้องเคืองใจเกี่ยวกับสิ่งของของเด็กผู้หญิงรึเปล่าครับ!??
?เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่หนูไม่ชอบอะไรที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกเท่านั้นเอง ก็ชุดของผู้หญิงในประเทศนี้ส่วนใหญ่มันรุ่มร่ามออกจะตายไป สวมใส่ก็ยาก เปื้อนก็ง่าย???สรุปแล้วใส่ชุดของผู้ชายสบายกว่าตั้งเยอะ อ๊ะ! แต่ว่าถ้านอกจากเรื่องเสื้อผ้าล่ะก็ ของของเด็กผู้หญิงที่หนูชอบก็มีนะคะ อย่างเช่น เจ้าตุ๊กตานี่ไง เจ้านี่เป็นของจากดินแดนอันไกลโพ้นที่เขาเล่าลือกัน หนูเลยอุตส่าห์หอบมันกลับมาด้วย!?
จัสตินหัวเราะอย่างร่าเริงพลางพลิกตัวหมุนไปข้างหลัง ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างมองเห็นสิ่งที่เธอแบกกลับมาได้อย่างชัดเจน
ก็จริงอยู่ว่านั่นคือตุ๊กตา....แต่ทำไมมันช่างดูประหลาดพิลึกสิ้นดี
เพราะเจ้าตุ๊กตาที่ว่านี่นอกจากจะสูงตั้งเกือบ 1 เมตรแล้ว ยังมีเส้นด้ายพันเต็มไปหมดทั้งตัวเหมือนกับคนที่ถูกพันแผล ดวงตาที่ทำจากกระดุมเม็ดสีดำก็ช่างใหญ่โต แถมตำแหน่งที่วางอยู่ก็ไม่เท่ากัน ดูแล้วน่าขยะแขยง ยิ่งเวลาที่ศีรษะขนาดมหึมานั่นสั่นไหวไปมา ยิ่งทำให้คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันตกใจจนต้องถอยหนีออกมา แม้กระทั่งเด็กที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นแล้วยังถึงกับร้องไห้
เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก จัสตินหมุนตัวกลับมาเพื่ออธิบายให้เขาได้ฟังใหม่อีกครั้งหนึ่งว่า
?ตุ๊กตาตัวนี้เขาเล่าสืบต่อกันมาในกาฬทวีปค่ะ ว่ามันคือตุ๊กตานำโชคที่จอมขมังเวทเป็นผู้สร้าง แต่หนูเห็นมันน่ารักมากเลยบอกให้เขาทำขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าเราจะต้องถือมันไว้ติดตัวไปตลอด เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะถูกคำสาปได้ หนูถึงต้องพกมันติดตัวไว้แบบนี้ไงล่ะคะ อย่างตอนที่อยู่ในห้องเคบินแคบๆ นี่ก็ลำบากมากเลย ยังคิดอยู่เหมือนกันว่าการเอางานอดิเรกของเด็กผู้หญิงมาเที่ยวประกาศให้ใครรู้แบบนี้มันไม่เท่เอาซะเลย แต่หนูก็แบกมันกลับมาจนได้?
แบบนี้เขาไม่เรียกงานอดิเรกของเด็กผู้หญิงแล้ว! เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟอยากจะพูดย้อนกลับไปแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ เขาจึงได้แต่ฝืนยิ้มแหยๆ
?อะ....เอ้อ จริงสิครับ เมื่อกี้ได้ยินคุณหนูพูดว่า ?ห้องเคบิน? นี่หมายความว่าคุณหนูเดินทางโดยเรือมาตลอดเลยหรือครับ?
?ถูกแล้วค่ะ หนูเพิ่งกลับจากการเดินทางรอบโลกมานี่เอง เพราะงั้นถึงได้ใส่ชุดที่มันทะมัดทะแมงแบบนี้ไง ขืนต้องสวมกระโปรงปีนเขาคงแย่แน่ ว่าแต่คุณเจ้าหน้าที่ตามหาหนูมีธุระอะไรเหรอคะ??
?อ้อ จริงสิ มีจดหมายจากท่านพ่อของคุณหนูฝากอยู่ที่ผมน่ะครับ?
ในที่สุดเจ้าหน้าที่สถานีก็นึกถึงจุดประสงค์ของตนเองออก พูดแล้วเขาก็ยื่นมือเข้าไปควานหาจดหมายที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ
?จากท่านพ่อเหรอคะ? อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ เพราะคนที่จะพูดว่า ?หนูเหมือนเทพธิดา? ได้อย่างไม่อายใครก็มีแต่ท่านพ่อคนเดียวเท่านั้นล่ะค่ะ?
จัสตินยิ้มเจื่อนๆ พลางรับซองจดหมายมาจากเจ้าหน้าที่
ความจริง ถ้าไม่แต่งตัวแบบเด็กผู้ชายและไม่มีตุ๊กตาสะพายหลังล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็น จะต้องบอกว่าเธอเป็น ?เด็กสาวผู้งดงาม? แน่ จะมีก็แต่เจ้าตัวนี่แหละที่ไม่รู้ตัว
เจ้าหน้าที่พูดกึ่งหัวเราะออกมาเบาๆ ว่า
?เอ้อ นับว่าโชคดีที่ได้ส่งถึงมือคุณหนูเป็นที่เรียบร้อย เพราะจดหมายฉบับนี้มาถึงที่นี่เมื่อหลายวันก่อน ท่าทางจะถูกส่งมาจากแดนไกล ที่ด้านหลังซองมีคำบรรยายบอกรูปร่างลักษณะของคุณหนูเอาไว้ พร้อมกับบอกกำหนดการของวันที่คุณหนูจะเดินทางมาถึงด้วย ทำให้สามารถส่งถึงคุณหนูได้อย่างปลอดภัย???ว่าแต่ตอนนี้ท่านพ่อของคุณหนูอยู่ที่ไหนหรือครับ??
?ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ?
จัสตินตอบง่ายๆ พลางหยิบมีดพับจากกระเป๋าออกมากรีดซองจดหมายซึ่งติดแสตมป์ราคาแพง และมีตราประทับอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
?ท่านพ่อเป็นนักผจญภัยจึงมักจะออกเดินทางไปรอบโลกตามที่ใจต้องการ ดังนั้นการที่จะตามหาตัวท่านได้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะถึงแม้จะตามไปยังสถานที่ที่เขียนไว้ในจดหมาย แต่ก็เดาได้เลยว่าส่วนใหญ่ท่านก็จะเดินทางออกไปจากที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้หนูเคยเดินทางร่วมกับท่านมาก่อน ถึงได้ทราบไงคะ?
?หือ...ออกเดินทางไปผจญภัยเหรอ! ถ้างั้นพวกชุดที่ดูทะมัดทะแมงนี่ หรือเจ้าตุ๊กตาที่ว่า ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้เองสินะครับ แล้วออกเดินทางไปนานขนาดนั้นไม่เหนื่อยบ้างหรือครับ??
?ไม่เลยค่ะ การเดินทางท่องเที่ยวนี่สนุกมาก เหมือนกับว่าเราได้เปิดประตูที่ไม่รู้จักอยู่ทุกวัน ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา หนูก็มักจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอ ....แต่ทว่าเมื่อเดือนก่อนได้ยินว่าท่านย่าเกิดล้มป่วย หนูถึงได้รีบกลับมาที่นี่ชั่วคราวเพื่อมาเยี่ยมท่านย่าแทนท่านพ่อน่ะค่ะ?
จัสตินอธิบายไปพลางกวาดสายตาอ่านข้อความในจดหมายฉบับนั้นด้วย ในไม่ช้าใบหน้าของเธอก็เริ่มบูดเบี้ยว คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ
พอบรรยากาศชักเริ่มไม่ชอบมาพากลขึ้น เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟก็รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก เขาจึงก้าวถอยหลังเพื่อเตรียมพร้อมจะหนีในกรณีที่อาจจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
จดหมายที่จัสตินอ่านมีข้อความดังต่อไปนี้

จัสตินลูกรัก
การที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าลูกได้เดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดของเราโดยปลอดภัยแล้วสินะ
???ความจริงพ่อก็เขียนเผื่อไปอย่างนั้น เพราะพ่อเชื่อว่าลูกจะต้องกลับถึงบ้านได้โดยปลอดภัยอย่างแน่นอน
ลูกคือกุหลาบสีขาวของพ่อ และขณะเดียวกันก็เป็นเทพธิดาองค์น้อยน่ารักผู้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ไม่ว่าความยากลำบากหรืออุปสรรคใดก็ตาม หากต้องมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าความงามของลูกแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งล้วนแต่จะต้องยอมพ่ายแพ้และหนีจากไปเป็นแน่
....พอคิดถึงลูกขึ้นมาแล้ว พ่อเองก็อดคิดไม่ได้ว่าการต้องอยู่ห่างจากลูกเช่นนี้ มันช่างทรมานเหลือเกิน
ก่อนที่ความเสียใจจะทำให้หัวใจของพ่อแตกสลาย พ่อขอกลับมาพูดเรื่องสำคัญก่อน
ตลอดเวลา 7 ปีที่ลูกเดินทางไปพร้อมกับพ่อ ลูกได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากในฐานะของนักผจญภัย และในฐานะของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีอยู่สิ่งเดียวที่พ่อกังวลและเป็นห่วงลูกมาก นั่นก็คือ???
ถูกแล้ว เรื่องการแต่งงานของลูกไงล่ะ
ในอนาคตลูกตั้งใจว่าอยากจะมีคู่ชีวิตแบบไหน?
หากขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป พ่อคิดว่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของลูกได้ สงสัยจะเป็นมัมมี่ ตุ๊กแกยักษ์ หรือถ้าดีขึ้นมาอีกหน่อยก็อาจเป็นช่างทำตุ๊กตาสาปแช่งที่อาศัยอยู่ในป่าลึกก็เป็นได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นพ่อเองก็คงจะลำบาก
ดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจที่จะให้ลูกกลับสู่บ้านเกิด
ที่บอกว่าให้ลูกกลับไปเยี่ยมท่านย่านั้นเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่ง ขอให้ลูกจงเป็นสุภาพสตรี เป็นภรรยาที่ดี และเป็นคุณแม่ผู้สง่างามแห่งนอร์สแลนด์นะจ๊ะ
ปราสาทของพวกเราตอนนี้ เมื่อหลายปีก่อนได้กลายเป็นโรงเรียนสตรีล้วนที่มีหอพักสำหรับเด็กนักเรียนโดยฝีมือของบุคคลที่วางใจได้ ขอให้ลูกเข้าไปเรียนที่นั่น เพราะพ่อได้ดำเนินการเรื่องสมัครเข้าเรียนไว้ให้ลูกเรียบร้อยแล้ว
ขอให้พยายามค้นหาคู่หมั้นที่เราทั้งสองถูกใจให้จงได้
จากนั้นถ้าลูกจะถามว่า แล้วพ่อจะทำยังไงต่อไป?
นั่นสินะ.... ลองถามฟากฟ้าสีครามที่สวยสดงดงามแห่งนี้ดูก่อนก็แล้วกัน
ท้องฟ้าแห่งการผจญภัยยังคงร้องเรียกพ่ออยู่!
???พ่อขออวยพรให้ลูกทำหน้าที่ได้ประสบผลสำเร็จโดยปลอดภัยนะจ๊ะ

ป.ล. (1) อย่าให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของลูกได้เห็นตุ๊กตาตัวโปรดของลูกจะดีกว่า
(2) เรื่องที่ท่านย่าไม่ค่อยสบายเป็นความจริง

ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รักลูกเสมอ จากพ่อ

?....คุณจัสติน....?? เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าจัสตินค่อยๆ ตัวสั่นขึ้นมาทีละน้อย
หลังจากที่อ่านจดหมายฉบับนั้นจบ จัสตินก็เงยหน้าขึ้น เธอตะโกนร้องออกมาอย่างสุดเสียงว่า
?ท่านพ่อจอมทรยศ???!!?

*************************************************************************************

"ลำนำรักราชาปีศาจ" นี้เป็นเรื่องราวความรักระหว่างคุณหนูผู้สูงศักดิ์กับราชาปีศาจผู้หล่อเหลาซึ่งมีพลังมหาศาลแต่จอมขี้เกียจ ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดนิยายของค่าย Kadokawa โดยได้รับเกียรติจาก อ.มายุ ชินโจ มาวาดภาพประกอบในเล่มให้ ถือเป็นนิยายรักแฟนตาซีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อทางเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7903

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”