New Release : Infernal Lover รักเธอตราบสิ้นดินฟ้า

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Infernal Lover รักเธอตราบสิ้นดินฟ้า

โพสต์ โดย Gals »

1

ปี 1913 เมืองฮั่นโคว่
บนถนนสายที่จอแจไปด้วยผู้คน ทั้งเหล่าพ่อค้า ชาวบ้าน และคนกลุ่มหนึ่งที่พบไม่ยากเลยบนถนนสายนี้ก็คือเหล่าขอทาน แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นเพียงใดก็ตาม แต่บนเส้นทางสายนี้ยังมีอีกหลายชีวิตรอคอยที่จะอยู่รอด
ฮัวเอ๋อ สาวน้อยเจ้าของใบหน้ามอมแมม สวมเสื้อผ้าเก่าๆ นั่งร้องเพลงอย่างเหม่อลอย หลายวันแล้วที่เธอมานั่งขอทานอยู่บนถนนสายนี้ แต่ยากเหลือเกินที่จะมีผู้ใจบุญสงเคราะห์ให้ ถ้าลำพังแค่เลี้ยงตัวเองไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนที่รอคอยอยู่ข้างหลังเธอล่ะ ยังไงก็ต้องมีกิน
เสียงจอแจของขอทานคนอื่นๆ ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ แต่ฮัวเอ๋อยังคงร้องเพลงเบาๆ ต่อไป เธอจ้องมองไปที่ชายกลุ่มหนึ่งที่นั่งคุยกันอยู่ไม่ไกล ก่อนที่พวกเขาจะผละไปแล้วทิ้งเศษซาลาเปาไว้บนโต๊ะ วันนี้ทั้งวันเธอแทบจะไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ฮัวเอ๋อไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าไปเก็บมัน แต่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปากก็ถูกมือดีแย่งไปเสียก่อน
ใจน้อยๆ แทบแหลกสลายเมื่อซาลาเปาเพียงครึ่งลูกถูกชายคนหนึ่งแย่งไป จากนั้นชายขอทานคนอื่นๆ ก็รุมเข้าไปแย่งซาลาเปาครึ่งลูกจากชายคนนั้น ก่อเกิดความชุลมุนเพียงเพราะซาลาเปาครึ่งลูก
ฮัวเอ๋อเดินมานั่งอีกมุมหนึ่งอย่างหดหู่เมื่อไม่สามารถแย่งซาลาเปาคืนมาได้ ลมหนาวพัดเอาหิมะแรกมาด้วย นั่นทำให้ฮัวเอ๋อยิ้มออกมาได้นิดๆ
?ซาลาเปาจ้า ซาลาเปาร้อนๆ จ้า? เสียงพ่อค้าตะโกนขายซาลาเปาดังมาให้ได้ยิน แต่ตอนนี้ฮัวเอ๋อกลับให้ความสนใจกับหิมะที่เพิ่งตกลงมามากกว่า
ขอทานกลุ่มใหญ่ยังนั่งเกาะกลุ่มกันอย่างเช่นทุกวัน เสียงโอดครวญดังมาให้คนผ่านไปผ่านมาได้ยินเป็นระยะ กระทั่งมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่านมา และขณะที่กำลังจะผ่านหน้าเหล่าขอทานทั้งหลาย ชายคนหนึ่งในรถม้าก็พูดขึ้น ก่อนจะโปรยสิ่งหนึ่งตามออกมาด้วย
เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคือเงิน ขอทานต่างกรูเข้าไปแย่งเก็บ
?เธออีกแล้วเหรอ เหรียญนี้ของฉันนะ? ฮัวเอ๋อพูดขึ้นเมื่อเหรียญที่ถูกชายขอทานคนที่เคยแย่งซาลาเปาแย่งตัดหน้าไปอีก
?ของเธอเหรอ มันสลักชื่อเธอไว้หรือไง? อีกฝ่ายโต้กลับอย่างไม่ยี่หระ ไม่มีความละอายเลยสักนิดเดียว จนฮัวเอ๋อรู้สึกหดหู่ใจ
?ฉันเก็บมันได้ก่อน? เธอเถียงกลับไปเช่นกัน แต่เมื่อคิดว่ายังมีเหรียญอื่นอยู่อีกมากมาย เธอจะมัวแต่พะวงอยู่ทำไม ก็เริ่มสอดสายตาหาเหรียญอื่นต่ออย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย
?ไม่เห็นจะเป็นไร หาใหม่ก็ได้ ไม่แน่ฉันอาจจะเก็บได้หลายเหรียญ? เธอพูดอย่างนั้นพลางสายตาก็กวาดหาเหรียญไปด้วย ?สวรรค์ ในที่สุด...หือ?
ฮัวเอ๋อไม่รอช้าที่จะหยิบเหรียญที่เพิ่งเจอขึ้นมา แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมันกลายเป็นแค่เศษกระเบื้องเท่านั้นเอง
?ทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฮึ? เป็นอีกครั้งที่ฮัวเอ๋อต้องนั่งหมดอาลัยตายอยาก นึกสงสารตัวเองในใจ แต่แล้วระหว่างนั้นเสียงหนึ่งที่เปรียบเสมือนเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
?เหรียญนี้... เป็นของเธอใช่ไหม?
ฮัวเอ๋อจ้องเหรียญที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย
?ฉัน... ฉันคิดว่าต้องเป็นของฉันแน่เลย? ไม่รอช้าที่จะรีบหยิบเหรียญนั้นมาไว้ในมือตัวเอง ?เฮ้อ เมื่อฉันได้เหรียญนี้มา วันนี้ถือว่าไม่ได้เสียแรงเปล่าแล้ว ใช่ มันเป็นของฉัน ต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว?
ฮัวเอ๋อพึมพำกับตัวเองพลางจ้องเหรียญนั้นไปด้วย จึงไม่รู้เลยว่าคนที่หยิบยื่นเหรียญให้ค่อยๆ เดินห่างออกไปแล้ว
?แต่ว่า...เงินที่โยนมาจากฝั่งโน้น ทำไมถึงตกมา... หรือว่า...? ฮัวเอ๋อพึมพำพลางนึกว่าเหรียญที่เพิ่งถูกโปรยไม่น่าจะมาตกอยู่ตรงฝั่งนี้ได้
พอรู้ตัวอีกทีคนคนนั้นก็เดินไปไกลเสียแล้ว ฮัวเอ๋อวิ่งตามไปยังทางที่คิดว่าเขาน่าจะไป
?เอ๊ะ คุณคะ เหรียญนี่คุณเป็นคนให้ฉันใช่ไหม ขอบคุณมาก คุณเป็นคนดีจริงๆ? เมื่อฮัวเอ๋อพูดไปแบบนั้น คนฟังถึงกับหัวเราะขำออกมาเลยทีเดียว
?เฮอะ คนดีเหรอ แบบไหนล่ะถึงเรียกว่าคนดี? เขาจ้องหน้าเธอพลางถามกลับ
?คนดี... คนดีจะต้องเป็นเหมือนอย่างคุณ?
?คนอย่างฉันเหรอ เธอไม่รู้จักฉันสักหน่อย?
?ก็เพราะไม่รู้จักคุณยังทำดีกับฉัน ทุกคนที่ดีต่อฉันก็คือคนดี? ฮัวเอ๋อพูดออกไปอย่างที่ตัวเองคิดและรู้สึก ?เงินเหรียญนี้ ฉันจะจดจำไว้ทั้งชีวิต?
?เธอคิดจะจ้องคนดีแบบนี้อีกนานแค่ไหน? เขาเอ่ยถามเมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่เลิก
คำถามของเขาเหมือนจะทำให้ฮัวเอ๋อรู้สึกตัว เธอจึงรีบก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
?เอ่อ... คนดี ขอบคุณค่ะ? บอกแบบนั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มใจ ?คนดี ฉันขอให้คุณมีความสุข?
เธอตะโกนตามหลังเมื่อเขาเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะหัวเราะกับตัวเองอย่างมีความสุข
จากนั้นเธอก็นำเงินที่ได้ไปซื้อหมั่นโถวแจกเด็กๆ และซือเจ้ที่บ้าน โดยที่เธอนั้นไม่มีสิทธิ์ได้ลิ้มรสมันเลยสักคำ อาหารเย็นของเธอมื้อนี้เป็นแค่หิมะเย็นๆ ไร้รสชาติ แต่เพื่อความอยู่รอดและความสุขของทุกคน เธอยอมทนได้

3 วันต่อมา บนเส้นทางสายวาณิช วันนี้ยังคงคึกคักอย่างเช่นทุกวัน สองข้างทางเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้า ที่เปิดร้านขายทั้งของกินของใช้ บนถนนที่ไม่เคยร้างผู้คนเต็มไปด้วยหนุ่มสาว คนแก่ หรือแม้กระทั่งเด็กเดินสวนทางผ่านไปมา ภาพแบบนี้คนในเมืองนี้พบเห็นจนชินตาเสียแล้ว หากแต่...สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ค่อยคุ้นเลย
?ค้นหากบฏให้ทั่ว อย่าให้มันหนีไปได้ ค้นให้ทั่ว? เสียงทหารนายหนึ่งดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของคนที่เดินอยู่บนถนนสายนี้ ผู้คนต่างแตกตื่นเมื่อทหารอีกหลายนายพกปืนทั้งวิ่งทั้งเดินวุ่นวายไปหมด ความวุ่นวายที่ว่ามากอยู่แล้วยิ่งวุ่นวายขึ้นไปอีก
อีกด้านหนึ่ง ฝงอี้ เจ้าหน้าที่จากกองปราบฯ นำลูกน้องของเขาอีกกลุ่มหนึ่งตรงไปยังสถานที่เป้าหมาย
?หัวหน้า สายของเรารายงานมาว่าพวกกบฏรักชาติหลบซ่อนตัวอยู่ในนี้ เป้าหมายเพื่อจะลอบสังหารจอมพลฉีที่มาดูงิ้วที่โรงน้ำชา เบื้องบนมีคำสั่งว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของจอมพลฉี ต้องกวาดล้างพวกกบฏให้สิ้นซาก? หลี่โตรายงาน
ฝงอี้มองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะสำรวจความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเงียบผิดปกติด้วยตนเองแล้วเอ่ยบอก
?ปฏิบัติการ?
หลายคนกระจายตัวไปยังจุดต่างๆ ก่อนที่ฝงอี้จะตามเข้ามา ความเงียบที่ผิดปกติกับการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยทำให้ฝงอี้รับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป แต่ก็เหมือนเขาจะช้าไป เมื่ออีกฝ่ายยิงกราดลงมาจากชั้นสองของอาคารไม้
?ไป! หาที่กำบังเร็วเข้า? หลี่โตตะโกนบอกกับคนอื่นๆ พร้อมหาที่กำบังให้ตัวเอง
ฝงอี้หลบออกมาอีกด้าน คอยสังเกตความเคลื่อนไหวแล้วยิงสวนกลับไปเมื่อมีจังหวะ แล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร ปะทะกับคนกลุ่มนั้น ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังขึ้น
?หัวหน้า!? หลี่โตตะโกนเรียกด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าห้องที่ฝงอี้เพิ่งเดินเข้าไปนั้นเกิดระเบิดขึ้น
โชคดีที่ฝงอี้กระโดดหนีออกจากห้องมาได้อย่างหวุดหวิด
?หรือเราจะหลงกลแผนล่อเสือออกจากถ้ำ? ฝงอี้คิด เขารู้...มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ

ขณะเดียวกัน ที่โรงน้ำชาเยื่อเย่ จอมพลฉีหยิ่งเทียนเดินทางไปถึงที่นั่น ทันทีที่รถจอด เถ้าแก่ก็วิ่งออกมาต้อนรับก่อนจะเชิญเข้าไปด้านใน การแสดงงิ้วเริ่มไปได้พักหนึ่งแล้ว โรงน้ำชาแห่งนี้จึงแออัดไปด้วยผู้คน
ด้านหลังเวที ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นั่น โดยคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยบอกกล่าวต่อทุกคน
?พวกคุณเห็นหรือยัง จอมพลฉีมาถึงแล้ว ครั้งนี้จอมพลฉีมากับวิลเลียม ทูตของอังกฤษ เพื่อที่จะลงนามสัญญาลับขายชาติ พวกเราต้องหาวิธีขัดขวางเขาให้ได้ ถึงเมื่อกี้หน่วยปราบปรามจะหลงกลแผนล่อเสือออกจากถ้ำของเรา แต่พรรครักชาติของเราก็สูญเสียพี่น้องไปหลายคน การปฏิบัติการในครั้งนี้ทุกคนต้องระวังเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย เราต้องแยกกันปฏิบัติการ อี้ขุย คุณเข้าร่วมภารกิจครั้งแรก ต้องระวังให้ดี จำไว้ 2 เรื่อง เรื่องแรก อย่าทำโดยพลการ เรื่องที่ 2 ในโรงน้ำชาแห่งนี้อาจจะมีคนของพวกเรา ดังนั้น...ต้องใช้สัญญาณติดต่อกัน เข้าใจไหม?
?ผมทราบแล้ว? หลิวอี้ขุยรับคำ
?ตอนปฏิบัติการต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย หลังเสร็จสิ้นภารกิจไปรวมตัวกันที่พรรค? จบประโยคของหัวหน้าหน่วย ทุกคนก็รับคำ ก่อนแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ของตน

อีกด้านหนึ่งของโรงน้ำชา หลิงหลง นางเอกละครของคณะผังซานร้องขึ้นด้วยความตกใจและเจ็บปวดเมื่อถูกปลายดาบที่ใช้ในการแสดงบาดต้นแขนจนเลือดซิบ ผังซานซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรีบเข้ามาดูด้วยความตกใจ และต่อว่าเสี่ยวเซี่ยที่ไม่รู้จักระวัง จนอีกฝ่ายร้อนรนทำอะไรไม่ถูก พอผังซานถามถึงกล่องยา เธอก็บอกว่าลืมเอามา หลิงหลงได้ยินดังนั้นก็โวยวายทันที ผังซานจึงตัดบทด้วยการบอกให้เสี่ยวเซี่ยรีบไปซื้อยามา
เสี่ยวเซี่ยเดินอย่างร้อนรนออกมาจากโรงน้ำชา โดยไม่ทันสังเกตเห็นฮัวเอ๋อที่ยืนแอบอยู่ตรงมุมตึก สายตาฮัวเอ๋อจับจ้องอยู่ที่กระเป๋าเงินซึ่งห้อยอยู่ที่ข้างเอวของเสี่ยวเซี่ย เมื่อสบโอกาสเธอจึงทำทีเดินสวนกับเสี่ยวเซี่ยเพื่อหวังจะขโมยกระเป๋าเงิน แต่โชคร้ายที่ดันทำมันหลุดมือ พอกำลังจะเก็บ เสี่ยวเซี่ยก็หันมาเห็นซะก่อน ฮัวเอ๋อจึงรีบวิ่งหนีออกมา
?เฮ้อ เงินตั้งเยอะ ขนมเบี้ยที่ตกลงมาจากฟ้าฉันยังไม่มีวาสนาได้กิน โธ่...เมื่อไหร่ฉันถึงจะตกปลาใหญ่ได้? ฮัวเอ๋อบ่นกับตัวเอง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นโรงน้ำชาที่อยู่ตรงหน้า
เข้าไปดูในโรงน้ำชาดีกว่า ดูซิจะมีอะไรให้จิ๊กบ้าง ฮัวเอ๋อคิดในใจ แล้วเดินปะปนเข้าไปกับคนอื่นๆ
ที่อีกมุมหนึ่ง ฝงอี้ก็กำลังยืนมองเข้าไปในโรงน้ำชาด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินเข้ามาพลางมองสำรวจไปรอบๆ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เถ้าแก่หวง เถ้าแก่โรงน้ำชาออกมาต้อนรับวิลเลียม ทูตของอังกฤษที่เพิ่งเดินทางมาถึง ก่อนจะพาเดินเข้าไปทางประตูหลังเพื่อหลบเลี่ยงผู้คน
ขณะเดียวกัน หัวหน้าหน่วยของพรรครักชาติที่แอบอยู่มุมหนึ่งมองไปเห็นฝงอี้ก็รีบหันมาบอกกับลูกน้องว่าหน่วยปราบปรามมาแล้ว พวกเขาจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

บรรยากาศภายในโรงน้ำชาตอนนี้ระงมไปด้วยเสียงชื่นชมและเสียงปรบมือจากผู้คนมากมายที่เข้ามาดูการแสดงงิ้ว ฮัวเอ๋อหลบหลีกผู้คนจนเข้ามาอยู่ในห้องห้องหนึ่ง เธอมองถั่วที่อยู่ในจานบนโต๊ะด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมากิน และพอจะเดินไปสำรวจที่อื่นต่อก็ชนเข้ากับหลิวอี้ขุยซะก่อน อี้ขุยรีบเอามือปิดปากฮัวเอ๋อไว้เพราะกลัวเธอจะส่งเสียงดัง ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่ง...
ฮัวเอ๋อเห็นอี้ขุยทำท่าทางลับๆ ล่อๆ ก็เข้าใจว่าอี้ขุยเป็นขอทานที่เข้ามาขโมยของเหมือนกันจึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า
?ตอนนี้ข้างนอกไม่ปลอดภัย คุณต้องระวังนะ อย่าออกไป?
หลิวอี้ขุยที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจว่าฮัวเอ๋อเป็นคนของพรรครักชาติเหมือนกันกับเขา จึงเอ่ยขอบคุณก่อนจะบอกให้แยกย้ายกันไปทำงาน โดยไม่ลืมเอ่ยเตือนให้อีกฝ่ายระวังตัวด้วย
ฮัวเอ๋อรับคำ จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกัน โดยไม่รู้ว่ากำลังเข้าใจผิดกันไปคนละเรื่อง
หลังแยกกับอี้ขุยแล้วฮัวเอ๋อก็เดินมาจนเจอกับห้องแต่งตัวของคณะละคร เธอจัดการรื้อค้นเพื่อหาของมีค่า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผังซานเดินเข้ามาพอดี เขาเห็นฮัวเอ๋อก็เข้าใจว่าเธอคือนักแสดงในคณะ จึงเอ่ยเร่งให้เธอรีบเปลี่ยนชุดเพื่อขึ้นแสดงบนเวที ฮัวเอ๋อจำต้องรับสมอ้างเพื่อไม่ให้ผังซานจับได้ว่าเธอเข้ามาขโมยของ พอผังซานเดินออกไปแล้วเธอก็จัดการค้นของต่อ จนไปเจอกับเหรียญเงินในกระเป๋าเสื้อที่นักแสดงในคณะแขวนไว้

ในห้องรับรองที่เถ้าแก่หวงจัดไว้นั้น วิลเลียมกำลังทักทายกับจอมพลฉีที่เพิ่งจะเดินเข้ามา
?เราอย่ารอช้าเลย รีบลงนามสัญญากันเถอะ? วิลเลียมเอ่ยอย่างใจร้อน
?ครับ? จอมพลฉีรับคำ
การเซ็นสัญญาของทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาอี้ขุยที่แอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง อี้ขุยเล็งปืนไปที่จอมพลฉีเพื่อหวังปลิดชีพ ขณะที่เหนี่ยวไกนั้นเป็นจังหวะที่จอมพลฉีก้มลงเก็บใบสัญญาที่ถูกลมพัดปลิวลงพื้น ทำให้กระสุนพลาดไปเจาะเข้าที่แขนของวิลเลียมแทน
ทันทีที่สิ้นเสียงปืนก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีตายออกจากโรงน้ำชา เหล่าทหารต่างเข้ามาล้อมกรอบป้องกันจอมพลฉีกับทูตวิลเลียม และเกิดการต่อสู้ระหว่างทหารกับเหล่าสมาชิกพรรครักชาติ
แต่ในขณะที่คนอื่นวุ่นวาย ฝงอี้กลับยืนนิ่ง สงบสติอารมณ์ได้ดีเกินคาด หากแต่สายตากวาดไปรอบๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติ เมื่อพบกับคนของพรรครักชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นกบฏ เขาก็ไม่รอช้าที่จะจัดการ
หลังจากจัดการกับกบฏคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังจอมพลฉีเสร็จ ฝงอี้ก็รายงานต่ออีกฝ่ายที่ดูจะตื่นกลัวไม่น้อย
?ท่านจอมพลคงตกใจ ผมคือฝงอี้ หัวหน้ากองปราบฯ?
?ผมขอสั่งคุณ รีบพาคนไปจับพวกกบฏให้หมด อย่าให้พวกมันหนีไปได้? จอมพลฉีสั่ง
?ครับ? ฝงอี้รับคำ ก่อนจะเดินออกไปตามหากบฏต่อ

ขณะที่ตำรวจกำลังไล่ล่ากบฏ ผู้คนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน รวมถึงฮัวเอ๋อเช่นกัน เธอวิ่งหนีเข้ามาในห้องหนึ่งพร้อมกับคนอีกหลายคน ก่อนจะเหลือบไปเห็นศพผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับปืนในมือของเขา
?ปืนนี่... ปืนนี่ขายได้เท่าไหร่นะ? มือบางจับปืนขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
?อย่าขยับๆ ทุกคนอย่าขยับ? ตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะตามเข้ามาด้วยทหารอีกกลุ่มหนึ่ง ?อย่าขยับ ยกมือขึ้น?
?อย่าเข้ามา อย่า...อย่าจับฉันนะ...? ฮัวเอ๋อที่ตกใจคิดว่าทหารจะฆ่าตนก็ลุกขึ้นส่ายปืนไปมา ทำเอาทั้งทหารและตำรวจต่างพากันก้มหลบ
?วางปืนลง? กลุ่มทหารต่างพร้อมกันเอ่ยสั่ง
ฮัวเอ๋อกลัวจนลนลานแต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งปืน คิดว่าขอสู้ตายดีกว่ายอมให้ถูกจับ จึงตัดสินใจเหนี่ยวไกปืนออกไป
?ฉันขอสู้ตาย อ๊าก...? ว่าแล้วก็กราดยิงมั่วไปหมด ทุกคนที่กลัวตายเพราะสาวน้อยที่ยิงปืนไม่เป็นต่างก็กุมหัวตัวเองแล้วหลบกันจ้าละหวั่น
นั่นสหายหญิงเรานี่ เขากำลังเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อปกป้องผม เขาคือวีรสตรี อี้ขุยที่ซุ่มมองเหตุการณ์จากด้านนอกครุ่นคิดด้วยความซาบซึ้งใจ
?จับเธอไว้เดี๋ยวนี้? ฝงอี้ที่เพิ่งเดินเข้ามาหลังจากเสียงปืนสงบเอ่ยขึ้น ตำรวจสองนายจึงตรงเข้าจับกุมฮัวเอ๋อ
ฮัวเอ๋อทั้งดิ้น ทั้งร้องขอความเห็นใจ แต่ตำรวจสองนายที่หิ้วปีกเธออยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยง่ายๆ ฮัวเอ๋อจำได้ว่าฝงอี้คือคนดีที่ให้เหรียญแก่เธอจึงเอ่ยอ้อนวอนขอให้เขาช่วย
?คนดี คนดี คุณจำฉันไม่ได้เหรอ วันนั้นฉันอยู่ที่ถนน คุณโยนเหรียญเงินให้ฉัน จำได้ไหม?
ฝงอี้มองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะบอกออกไป ?เอาตัวไป?
?คนดี คุณต้องช่วยฉันนะ คนดี? เสียงค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ แต่เธอยังหวังว่าเขาจะยอมช่วยเธอ อีกสักครั้งก็ยังดี...
หลังจากฮัวเอ๋อถูกจับตัวไปแล้ว อี้ขุยก็วิ่งหลบออกมาจากโรงน้ำชา เพราะความรีบร้อนไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับเสี่ยวเซี่ยที่เพิ่งกลับจากไปซื้อยา เสี่ยวเซี่ยยังไม่ทันจะเอ่ยปากต่อว่า อี้ขุยก็วิ่งออกไปแล้ว
?วิ่งชนคนแล้วไม่ขอโทษสักคำ ฮึ? เสี่ยวเซี่ยได้แต่บ่นตามหลัง ก่อนจะเดินเข้าร้านอย่างเคืองๆ แต่เมื่อเข้ามาข้างในก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น โต๊ะ เก้าอี้ล้มระเนระนาดสภาพแทบไม่เหลือเค้าเดิม
?นี่มันเรื่องอะไรกัน? เธอเอ่ยถามกับชายคนหนึ่ง
?เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งบุกเข้าหลังเวที ดักซุ่มยิงท่านจอมพล น่ากลัวมากเลย ตอนนี้พวกเราค้าขายไม่ได้แล้ว นักแสดงในคณะถูกจับไปหมดแล้ว?

หลังจากวันนั้น ฝงอี้ก็มีโอกาสได้พบกับจอมพลฉีอีกครั้ง
?คุณชื่อฝงอี้ พ่อแม่ตายทั้งคู่ เข้ามากองปราบฯ ได้ไม่นาน สร้างชื่อเสียงมากมายจึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้ากอง...? จอมพลฉีอ่านประวัติของฝงอี้ที่ได้มา ก่อนจะเงยขึ้นมองเขาแล้วเอ่ยต่ออย่างหยั่งเชิง ?คุณเป็นคนหนุ่ม มีความมั่นใจสูง แต่ถ้าประมาทเลินเล่อจะเรียกว่าหุนหันพลันแล่น ...แต่ผมแปลกใจมากว่าคุณมาปรากฏตัวที่โรงน้ำชาได้ยังไง?
?เรียนท่านจอมพล กองปราบฯ ของเรากำลังไล่ล่ากบฏ ผมพบทางลับโดยบังเอิญ ดูเหมือนทางลับนั่นจะเพิ่งถูกขุดขึ้นใหม่ มันทะลุผ่านมาจนถึงโรงน้ำชา ดังนั้นผมจึงสงสัยว่าในโรงน้ำชาเยื่อเย่จะต้องมีการเตรียมแผนก่อกบฏ?
?งั้นก็แสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน คุณถึงได้ช่วยชีวิตผมไว้ พูดมา...คุณอยากได้รางวัลอะไร? จอมพลฉีหัวเราะชอบใจพร้อมกับเอ่ยถาม
?ผมต้องการแค่โอกาส?
?โอกาสเหรอ แต่คำว่าโอกาสมีได้สองทาง ทางแรกสู่ชื่อเสียง ทางที่สองสู่ผลประโยชน์ คุณคิดจะเดินทางไหน?
?ทั้งสองทาง? ฝงอี้ตอบอย่างมาดมั่น
?คุณใจใหญ่มากนะ... ได้ ฝงอี้ ผมติดโอกาสคุณครั้งหนึ่ง ส่วนผู้ต้องหาที่จับได้คนนั้นก็มอบให้ผู้ช่วยสงจัดการนะ?
?เรียนท่านจอมพล จัดการกับเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไร ผมต้องการใช้เขาเป็นเหยื่อล่อปลาใหญ่ให้มาติดกับ?
?ได้ งั้นคุณก็จับปลาใหญ่มาให้ผม...เพื่อรับโอกาสของคุณไปนะ?
หลังออกจากบ้านจอมพลฉี ฝงอี้ก็เดินไปบนถนนด้วยสายตามุ่งมั่น ในหัวคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ ขณะนั้นเองก็มีหมอดูคนหนึ่งเดินมาทักเขา
?คุณครับ ผมเห็นว่าสีหน้าคุณสดใส มาทำนายก่อนดีไหม?
ฝงอี้ที่ไม่ได้รีบไปไหนก็คิดว่าน่าสนใจจึงเดินตามหมอดูชายคนนั้นมาที่โต๊ะเพื่อฟังคำทำนาย
?ตอนนี้คุณได้เจอผู้อุปถัมภ์คนหนึ่ง ดูเหมือนว่าผู้อุปถัมภ์คนนั้นจะหยิบยื่นโอกาสดีๆ ที่ยากยิ่งจะได้มาให้คุณ?
?...แต่ท่าทางผู้อุปถัมภ์คนนี้ไม่ไว้ใจผม? ฝงอี้ถามอย่างนึกรู้ว่าใคร
?ผู้อุปถัมภ์คนนี้เป็นคนขี้ระแวง ถ้าคุณอยากให้เขาไว้ใจก็ต้องยอมสละบ้าง?
ฝงอี้ได้ฟังดังนั้นก็นึกไปถึงฮัวเอ๋อที่เขาคิดจะใช้เธอเป็นเหยื่อล่อพวกกบฏทันที ก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจคิด
?แต่ว่า...เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร?
?เฮ่อะๆ คุณครับ เด็กผู้หญิงที่น่าสงสารมีเต็มไปหมด คุณเชื่อผมสักครั้ง ขอเพียงคุณไม่เกิดความสงสารต้องเป็นใหญ่แน่นอน?

ด้านฮัวเอ๋อ ตอนนี้ถูกขังรวมอยู่กับคนของคณะผังซาน เพราะตำรวจเข้าใจผิดคิดว่าฮัวเอ๋อเป็นคนของคณะผังซาน ทั้งหมดจึงถูกจับมาพร้อมกัน ซึ่งนั่นทำให้สมาชิกในคณะต่างโกรธแค้นเธอมาก
?เพราะนังนี่คนเดียว พวกเรามาช่วยกันบีบคอเธอให้ตายเลย? ตินหู่ที่มองอยู่นานพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น
?ใช่ๆๆ บีบคอเธอให้ตายๆ? จากนั้นหลายๆ คนก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาบีบคอเธอจริงๆ ผังซานที่เห็นอย่างนั้นก็พยายามเอ่ยห้าม แต่ก็ดูจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
และก่อนที่ฮัวเอ๋อจะถูกทำร้ายจนตาย ประตูห้องขังก็เปิดออก หลี่โตที่เดินเข้ามาตะโกนสั่งให้หยุด ทำให้ทุกคนยอมผละห่างจากฮัวเอ๋อ ฝงอี้ที่เดินตามเข้ามามองฮัวเอ๋อด้วยใบหน้าเรียบเฉย
?ฮือๆ คนดี คุณมาช่วยฉันแล้ว พวกนี้บ้าไปแล้ว พวกเขาจะฆ่าฉัน คนดีช่วยฉันด้วย? ฮัวเอ๋อรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยขอความช่วยเหลือทันที
?แม่สาวน้อย ภายใต้กฎหมาย ทุกคนถ้าหากทำผิด กฎหมายต้องลงโทษ เธอว่าจริงไหม? ฝงอี้ไม่ตอบว่าจะช่วย แต่กลับถามคืน
?ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่ทำเรื่องเลวอีกแล้ว? เธอไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลย เพียงแค่อยากเอาตัวรอด
ฝงอี้จึงยื่นข้อเสนอว่าจะปล่อย หากเธอยอมพูดความจริง เธอจึงไม่รอช้าที่จะให้ความร่วมมือ
?งั้นเธอบอกฉันมา ใครเอาปืนให้เธอ ใครส่งเธอมา และคนกลุ่มนี้ ใครคือพวกของเธอ? ฝงอี้ถามพลางชี้ไปยังกลุ่มของคณะละคร
?ปืนนั่นฉันเก็บมาจากคนที่ถูกยิงตาย ไม่มีใครส่งฉันมา ส่วนฉันกับพวกเขา ไม่รู้จักกัน?
?เฮ้อ... ฉันอยากเป็นคนดีจริงๆ แต่ทำไมเธอไม่ให้โอกาสฉัน?
ฮัวเอ๋อมองฝงอี้อย่างไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม ฝงอี้ก็หันไปสั่งให้ลูกน้องจับตัวคนที่ถูกขังไปสอบสวนทีละคน
ฮัวเอ๋อมองภาพคนเหล่านั้นถูกพาตัวออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
?คิดดูให้ดี คนที่อยากพูดให้มาหาฉัน? พูดจบฝงอี้ก็เดินออกไป
หลังจากพวกตำรวจออกไปหมดแล้ว หลิงหลงซึ่งยังโกรธแค้นฮัวเอ๋อที่เป็นต้นเหตุให้พวกเธอต้องถูกจับก็ตรงเข้ามาทำร้ายเธอทันที ฮัวเอ๋อที่ไม่สามารถทนอยู่ได้อีกก็ร้องไห้ฟูมฟายพลางร้องเรียกฝงอี้
?ฮือ...คนดี ฉันยอมพูดแล้วๆ คนดี ให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะ?
ในที่สุดคำวิงวอนของฮัวเอ๋อก็ได้ผล เมื่อเธอถูกนำตัวมาสอบสวน
?เธอชื่อฮัวเอ๋อเหรอ ชื่อนี้น่ารักจริงๆ ฮัวเอ๋อ บอกฉันมา เธอเข้าร่วมพรรครักชาติตั้งแต่เมื่อไหร่? ฝงอี้เปิดฉากถาม
?พรรครักชาติ? อะไรคือพรรครักชาติ? เธอไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ
?ฮึ... ได้ งั้นฉันจะเปลี่ยนคำถามใหม่ ปืนกระบอกนั้น ใครเป็นคนให้เธอ?
ฮัวเอ๋อทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ก็ยอมพูดออกไปอีกครั้ง
?ฉันพูดตั้งหลายครั้งแล้ว ปืนกระบอกนั้นฉันเก็บมาจากคนตายคนหนึ่ง แล้ว...?
?ฮัวเอ๋อ? ฝงอี้เองก็เหนื่อยหน่ายไม่แพ้กัน ?เราตกลงกันแล้วว่าจะต้องพูดความจริง?
?ที่ฉันพูดก็คือความจริง? ฮัวเอ๋อเถียงกลับ
?ฮัวเอ๋อที่น่ารัก โลกนี้มันซับซ้อนมาก ดังนั้น ในบางครั้ง เพื่อตัวเองแล้ว เราต้องพูดความจริงอย่างหนึ่ง บางครั้งทำเพื่อคนอื่น เราก็ต้องพูดความจริงอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้นตอนนี้เธอต้องคิดให้ดีๆ มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง หรือว่าเพื่อคนอื่น เธอคิดดีแล้วจะตัดสินใจได้ว่าจะพูดความจริงแบบไหน เข้าใจไหม?
?อ้อ... คุณหมายความว่า ถ้าฉันพูดความจริงที่คุณต้องการ นักแสดงพวกนั้น...ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน จะถูกปล่อยตัวใช่ไหม?
คำถามของฮัวเอ๋อทำให้ฝงอี้แค่นยิ้ม ?หืม... ต่อรองกับฉันเหรอ ได้สิ ฉันรับปากเธอก็ได้?
ระหว่างนั้น เสียงแทรกจากอีกห้องหนึ่งก็ดังมาให้ได้ยิน ฮัวเอ๋อรู้สึกเจ็บไปด้วยเมื่อได้ยินเสียงแส้กระทบเนื้อ เธอไม่ยอมถูกเฆี่ยนอย่างนั้นแน่ ยังไงก็ไม่ยอม ที่สำคัญ คนเหล่านั้นก็ไม่ผิด เธอยอมไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องถูกเฆี่ยนเช่นกัน
?ใช่ ถึงฉันลำบากกว่านี้ก็ไม่ควรไปทำเรื่องเลวๆ แต่ถึงแม้ว่าฉันทำเรื่องเลวๆ ก็ไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่นักแสดงพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ? เธอเอ่ยขอร้องเขาอีกครั้ง
?งั้นก็ต้องดูว่าเธอพูดความจริงแบบไหน?
?ได้ ที่คุณพูดเมื่อกี้ก็คือความจริงที่ฉันจะพูด?
?ดี ดีมาก ในที่สุดก็พูดความจริง เอาตัวไป อย่าลืมเตรียมอาหารอร่อยให้เธอด้วย? ท้ายประโยคเขาหันไปสั่งลูกน้อง
จากนั้นเหล่านักแสดงคณะผังซานก็ถูกปล่อยตัว หากแต่ฮัวเอ๋อที่คิดว่าตัวจะรอดกลับไม่เป็นอย่างนั้น
?อ๊าก...คนดี นี่คืออาหารรสเลิศเหรอ? เสียงร้องของฮัวเอ๋อทำให้คนถูกปล่อยตัวที่กำลังเดินออกไปข้างนอกหยุดชะงักแล้วหันไปมอง แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องรับกรรมไปแหละน่า

?เอ่อ...หัวหน้า เมื่อวานคุณดวงแข็งจริงๆ การต่อสู้ครั้งนั้นทุกคนคิดว่าคุณจะ... ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าคุณยังช่วยชีวิตท่านจอมพลฉีไว้ คราวนี้คุณรุ่งแน่เลย? หลี่โตเอ่ยประจบฝงอี้
?อย่าห่วงเลย ฉันไม่ลืมนายหรอก?
?ขอบคุณ ขอบคุณครับ หัวหน้ามีน้ำใจที่สุด เอ่อ คือว่า...?
?มีอะไรรีบพูดมา อ้ำอึ้งอยู่ได้?
?เอ่อ...คือว่า? หลี่โตยิ้มเขินๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วพูดเบาๆ ?ผมหมายความว่า ยัยหนูนั่นไม่เหมือนเป็นพวกกบฏ อีกอย่างหน้าตาเธอก็สวยมาก ผมอยากจะให้คุณช่วย...?
ฝงอี้ทุบโต๊ะเสียงดังเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาพยายามระงับอารมณ์ก่อนพูดออกไปเสียงแข็ง
?ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่ แต่เธอเป็นเหยื่อล่อปลาใหญ่ของฉัน นายฟังให้ดี ถ้านายแตะต้องเธอ ฉันจะฆ่านาย ถ้านายคิดไม่ซื่อกับเธอ ฉันจะทำให้นายพิการไปตลอดชีวิต ได้ยินชัดเจนไหม?
?ครับๆ? หลี่โตรับคำหน้าเจื่อน

2

ฮัวเอ๋อถูกจับมัดแล้วก็ถูกเฆี่ยนตีทั้งที่ไม่มีความผิดเลยด้วยซ้ำ ฝงอี้เดินเข้ามา เขายืนฟังเงียบๆ เมื่อเธอเริ่มเพ้ออย่างไม่มีสติ
?พี่ พี่มาได้ยังไง? ฮัวเอ๋อคิดว่าฝงอี้คือพี่ชายของเธอ ?ฉันตายแล้วใช่ไหม ในที่สุดฉันก็ได้พบพี่แล้ว ฉันหิวมาก ตัวฉันทั้งหนาวทั้งเจ็บ เพราะอะไร ทำไมชีวิตถึงลำบากขนาดนี้ พี่... ฉันเจอคนคนหนึ่ง เขาเป็นคนดีคนแรกที่ฉันเคยเจอในโลกนี้ พี่...พี่รู้ไหม อยู่ในโลกนี้ นอกจากพี่ ไม่มีใครดีต่อฉันขนาดนั้น อยู่ในโลกของฉัน เขาเป็นคนดี แต่เพราะอะไร ทำไมเขาทำร้ายฉันขนาดนี้? ฮัวเอ๋อเพ้อด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล
ฝงอี้นิ่งมองเธอด้วยความรู้สึกเห็นใจ ก่อนจะสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งแล้วหันไปบอกหลี่โตที่เพิ่งเดินเข้ามาว่า
?ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีพวกแน่ เพื่อล่อคนของพรรครักชาติออกมา สร้างความชอบกับจอมพลฉี ปล่อยข่าวออกไปว่าเราจะประหารผู้หญิงคนนี้ ให้ทุกคนรับรู้ ฉันไม่เชื่อว่าทำแบบนี้แล้วจะยังล่อปลาใหญ่ออกมาไม่ได้?

?อี้ขุย พวกเราได้รับข่าวมา วีรสตรีที่ถูกจับตัวไปจะถูกประหารพรุ่งนี้แล้ว? ต้าจูพูดขึ้น
?ถูกประหาร?! ไม่ได้ ครั้งนี้พวกเราทำภารกิจล้มเหลว ไม่เพียงพรรคถูกทำลาย ยังสูญเสียพี่น้องไปมากมาย พวกเราจะนิ่งดูดายเห็นวีรสตรีถูกประหารไม่ได้ เอางี้ พรุ่งนี้เราแยกกันทำงาน ต้าจู คุณรีบไปเซี่ยงไฮ้กลับศูนย์บัญชาการ เปาอี้ คุณอยู่กับผม ไปแดนประหารด้วยกัน ช่วยเธอออกมา เสร็จภารกิจแล้วค่อยเดินทางไปเซี่ยงไฮ้สมทบกับต้าจู?
หลังจากตกลงแผนการกันเรียบร้อยแล้ว คืนนั้น อี้ขุยที่โพกผ้าดำปิดบังใบหน้าก็ลอบเข้ามาที่กองปราบฯ เพื่อช่วยฮัวเอ๋อ แต่ขณะที่กำลังจะสะเดาะกุญแจห้องขังเพื่อนำตัวเธอออกมา หลี่โตกับฝงอี้ก็เดินเข้ามาเสียก่อน อี้ขุยจึงต้องหาที่หลบเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาอันแหลมคมของฝงอี้ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของประตูห้องขัง จึงสั่งให้ลูกน้องตามจับตัวคนที่ลอบเข้ามา และนั่นทำให้อี้ขุยจำต้องทิ้งเรื่องฮัวเอ๋อไว้แล้วหนีออกไปทันที
ฝงอี้พร้อมตำรวจอีกหลายนายอาวุธครบมือออกตามล่าตัวอี้ขุย เขาสอดส่ายสายตาไปทั่วจนสังเกตเห็นว่าอี้ขุยกระโดดเข้าไปในบ้านคณะผังซาน จึงได้สั่งให้ลูกน้องบุกเข้าไป เป็นผลให้ผังซานและเหล่าสมาชิกในคณะตื่นตกใจร้องโวยวายกันให้โกลาหลไปหมด
หลังจากต้อนสมาชิกในบ้านทั้งหมดให้มาอยู่รวมกันได้แล้ว ฝงอี้ก็สั่งลูกน้องให้ค้นทุกซอกทุกมุม ก่อนที่ตัวเขาจะเดินสำรวจไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเสี่ยวเซี่ยกำลังซ้อมรำดาบอยู่ ฝงอี้มองเสี่ยวเซี่ยอย่างจับผิด ก่อนจะเอ่ยหยั่งเชิง
?เมื่อวานมีคนดักซุ่มยิงอยู่หลังเวที วันนี้คนที่เราตามจับก็หายตัวไปใต้หลังคานี่ ดูจากสถานการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีวาสนากับพวกกบฏ...ก็คงจะเป็นพวกเดียวกัน?
?ท่าน...ท่านหัวหน้า ท่านอย่าใส่ร้ายพวกเรานะ คนอย่างพวกเราแค่อยากมีชีวิตที่สงบ พวกเราโชคร้ายมามากพอแล้ว เฮ่อะ...ดูสิ พวกกบฏก็เหลือเกิน มีบ้านหลังอื่นให้โดดไม่โดด ทำไมต้องมาโดดขึ้นบ้านนี้ ไอ้พวกกบฏนี่เลวจริงๆ? ผังซานที่ได้ยินอย่างนั้นรีบชี้แจงทันที
?สมแล้วที่เป็นนักแสดง แสดงได้ดีจริงๆ อารมณ์เป็นธรรมชาติ จากข้างในถึงข้างนอก เยี่ยม แสดงได้เยี่ยม เอาตัวไปให้หมด? ท้ายประโยคฝงอี้หันไปสั่งลูกน้อง
?ถือดีอะไรมาจับ ไม่มีหลักฐานแต่โยนความผิดให้เรา เป็นชาวบ้านต้องโชคร้ายขนาดนี้เหรอ? เสี่ยวเซี่ยที่ยืนเงียบมาตั้งแต่แรกเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
?เสี่ยวเซี่ย เธอพูดเหลวไหลอะไร ท่านหัวหน้า ขอโทษนะครับ เสี่ยวเซี่ยไม่รู้อะไร? ตินหู่ต่อว่าน้องสาวแล้วรีบเอ่ยขอโทษแทน
?พี่ พี่กลัวอะไร?
?เธออย่าพูดมากจะได้ไหม? ตินหู่ปราม
?เราไม่ได้ทำอะไรผิด จะไปกลัวอะไร? เสี่ยวเซี่ยยังพูดต่ออย่างถือดี ?ท่านหัวหน้า คนอย่างพวกเราเป็นประชาชนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ ลองคิดดูสิ พวกเราจะคิดกบฏได้ยังไง คนอย่างพวกเรามีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อท่านผู้นำของเรา ทุกคนว่าจริงไหม?
?ใช่ๆๆ จงรักภักดีต่อท่านผู้นำๆๆๆๆๆ? หลายคนต่างพร้อมใจกันตะโกนขึ้น
ฝงอี้แสยะยิ้มพลางมองนิ่งๆ อยู่เป็นครู่ ก่อนจะเดินนำลูกน้องออกจากคณะผังซานไป
พอลับร่างเหล่าตำรวจแล้วผังซานก็เป็นลมหมดสติไป เสี่ยวเซี่ยได้แต่ยืนมองอย่างรู้สึกผิดพลางนึกในใจว่าตัวเองสร้างปัญหาให้หัวหน้าอีกแล้ว

หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น เสี่ยวเซี่ยก็ย้อนกลับมาที่ห้องเดิมอีกครั้งพร้อมกับถือชามข้าวติดมือมาด้วย ก่อนจะเอ่ยเรียกชายคนที่เธอเพิ่งให้ความช่วยเหลือเขา
?รีบกินข้าวเถอะ?
?ขอบคุณครับ? อี้ขุยรับมากินด้วยความขอบคุณ
?คุณก่อกบฏจริงเหรอ มันอันตรายมากนะ?
อี้ขุยวางชามข้าวลงทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น แล้วเอ่ยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
?เราไม่ได้ก่อกบฏ พรรครักชาติกำลังต่อต้านคนแซ่เหยียนที่ขายชาติ เขาแย่งชิงอำนาจเป็นประธานาธิบดี แต่กลับทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ขายชาติเพื่อลาภยศ จอมพลฉีคนนั้นเป็นสุนัขรับใช้ของเขา ช่วยคนแซ่เหยียนนั่นลงนามสัญญาขายชาติ ถ้าลงนามสำเร็จ ดินแดนซินเจียงจะตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ พวกเรากำลังกู้ชาติ ไม่ใช่ก่อกบฏ พวกเราจะเปิดโปงพฤติกรรมอันเลวทรามของเขา?
?แต่ว่าคนแซ่เหยียนมีทหารคุ้มกันมากมาย และยังมีปืน คุณไม่กลัวตายเหรอ?
?ถ้าคนจีนกลัวตายทุกคน ถ้าคนจีนทุกคนเห็นแก่ตัว โดยไม่สนใจอะไร สักวันหนึ่งไม่เพียงแต่เซี่ยงไฮ้ที่ถูกปักป้ายห้ามคนจีนกับสุนัขเข้า แผ่นดินจีนจะถูกผู้รุกรานย่ำยีไปทั่ว พวกเราจำเป็นต้องถืออาวุธลุกขึ้นมาต่อสู้ ขอเพียงยืนหยัดต่อไป เลือดของเราจะไม่เสียเปล่า สักวันหนึ่งการปฏิวัติจะต้องสำเร็จ?
?ที่แท้คุณก็มีความรู้ คิดว่าคุณเป็นคนบุ่มบ่ามซะอีก?
?บุ่มบ่าม?? อี้ขุยทวนคำอย่างแปลกใจ เสี่ยวเซี่ยจึงเริ่มอธิบาย
?ก็ไม่ใช่เหรอ เราพบกัน 2 ครั้ง มีวันนี้ที่คุณไม่ได้รังแกฉัน?
?2 ครั้ง? รังแก?? เขายังไม่เข้าใจอยู่ดี
?คุณจำไม่ได้แล้วเหรอ ครั้งแรกฉันไปซื้อยา คุณวิ่งซุ่มซ่ามชนฉันติดกำแพงแต่กลับไม่ขอโทษสักคำ ครั้งที่สองก็ที่คุณแอบเข้ามาในห้องเก็บของนี่ แถมยังปิดปากฉันอีก ตอนนั้นฉันใจหายหมดเลย แต่คุณก็ไม่ขอโทษสักคำ? เธอต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้อี้ขุยนึกภาพเหตุการณ์ที่ว่าออก
?ต้องขอโทษจริงๆ? อี้ขุยละล่ำละลักขอโทษอย่างรู้สึกผิด
?ฉันล้อเล่น? เธอบอกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
?อีกสักครู่ผมคงต้องไปแล้ว คุณต้องรักษาตัวด้วย?
?ตำรวจยังอยู่ข้างนอก คุณอย่าเพิ่งออกไปเลย? เธอบอกเขาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
?ไม่ได้ ผมต้องออกไปให้ได้ ผมต้องไปช่วยคนคนหนึ่ง เขาเป็นวีรสตรี เพื่อปกป้องผม ถึงกับยอมเปิดเผยฐานะของตัวเอง ก่อนฟ้าสางถ้าไปไม่ถึงที่นั่น เขาอาจจะมีอันตราย ถ้าเป็นแบบนั้นผมต้องเสียใจไปทั้งชีวิต...คุณเข้าใจไหม ไม่มีเวลาแล้ว ผมต้องออกไปเดี๋ยวนี้?
?แต่คุณจะถูกฆ่าตายนะ?
แต่ถึงเธอจะเตือนยังไง อีกฝ่ายก็ไม่ฟังอยู่ดี

ที่ลานประหาร ชาวบ้านมากมายมารวมตัวกันที่นี่ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เมื่อเห็นฮัวเอ๋อที่ยังหมดสติอยู่ถูกจับมัดติดกับเสา
?หัวหน้า ผมปล่อยข่าวเรื่องประหารชีวิตออกไปแล้ว คุณว่าพวกกบฏจะมาเหรอ? หลี่โตถามขึ้น เขากับฝงอี้ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่อีกฟากหนึ่ง
?เมื่อคนของพรรครักชาติไปช่วยเธอที่เรือนจำ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน?
ฝงอี้กวาดสายตาไปรอบๆ เขาเชื่อในสัญชาตญาณ และมันมักจะถูกเสมอ
?เฝ้าสังเกตให้ดี จำไว้ ฉันต้องการจับเป็น?
ไม่นานหลังจากนั้น คนที่พวกเขารอคอยก็ปรากฏตัวขึ้น
?หัวหน้า ดูสิ? หลี่โตที่เห็นชายสวมชุดสีฟ้าทั้งยังแต่งหน้าเหมือนนักแสดงงิ้วควบม้าตรงเข้ามาที่ลานประหารบอกกับฝงอี้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
?ฉันเห็นแล้ว?
?จะทำไงดี?
?ไม่ต้องรีบร้อน เขาหนีไม่พ้นแล้ว? ฝงอี้บอกอย่างใจเย็น คล้ายกับว่าทุกอย่างไม่สามารถรอดพ้นมือเขาไปได้
ชาวบ้านแตกตื่นเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนควบม้าตรงเข้ามา เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจดังระงมพร้อมกับความโกลาหลเกิดขึ้น พอชายชุดฟ้าควบม้าเข้ามาใกล้นักโทษ ตำรวจก็พากันยิงสกัด ชายชุดฟ้านั้นจึงควบม้าหนี แล้วตำรวจส่วนหนึ่งก็พากันตามเขาไป ขณะที่สถานการณ์ยังอลหม่านอยู่นั้นก็ปรากฏชายชุดดำอีกคนควบม้าตรงเข้าไปช่วยแก้มัดให้ฮัวเอ๋อ ก่อนจะพาร่างสลบไสลของเธอขึ้นหลังม้าและฝ่าวงล้อมตำรวจที่มีเพียงไม่กี่นายออกไปได้
ตำรวจที่ตามชายชุดฟ้าไปนำชุดแสดงสีฟ้าที่คนร้ายทิ้งไว้กลับมาให้กับฝงอี้ เขารับชุดนั่นมามองดูอยู่ครู่ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม
?ตามไป!?
ทางด้านชายชุดดำหรือก็คืออี้ขุยควบม้าหนีด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเริ่มจวนตัวเพราะเสียงฝีเท้าม้าของตำรวจไล่หลังใกล้เข้ามาทุกที ก็จัดการพาฮัวเอ๋อลงจากหลังม้าแล้วลงไปซ่อนตัวในแม่น้ำ
?ค้นให้ทั่ว!?
อี้ขุยที่ได้ยินเสียงของตำรวจก็รีบดึงร่างของฮัวเอ๋อให้ดำลงไปในน้ำทันที ดำลงไปได้ไม่นานฮัวเอ๋อก็เริ่มรู้สึกตัว เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจพร้อมกับตะเกียกตะกายจะขึ้นจากน้ำเพราะหายใจไม่ออก อี้ขุยที่เห็นว่าถ้าโผล่ขึ้นไปตอนนี้ต้องถูกจับแน่ก็ตัดสินใจประกบปากฮัวเอ๋อเพื่อต่อลมหายใจให้เธอ
ด้านฝงอี้ที่สังเกตเห็นคลื่นน้ำลูกเล็กๆ ในแม่น้ำก็ยืนเพ่งมองด้วยความสงสัย แต่เมื่อดูอยู่นานก็ไม่เห็นความผิดปกติแต่อย่างใดจึงหันไปสั่งลูกน้องให้กลับไปทางเดิม พอตำรวจไปกันหมดแล้วอี้ขุยก็พาฮัวเอ๋อขึ้นจากน้ำ
?ผีทะเล ลวนลามฉัน? ฮัวเอ๋อต่อว่าเขาแค่นั้นก็หมดสติลงไปอีกครา

ทางด้านขณะผังซานนั้น ทั้งหัวหน้าและเหล่าสมาชิกทั้งหมดกำลังสนทนากันด้วยความเคร่งเครียด เมื่อเสี่ยวเซี่ยสารภาพว่าเมื่อคืนเธอช่วยกบฏที่แอบเข้ามาในคณะเอาไว้ แถมยังมอบชุดแสดงชุดหนึ่งให้เขาไปด้วย
?ฉันคิดว่าพวกเขาทำเพื่อชาติของเรา ยอมสละชีวิต เราควรช่วยเขาถึงจะถูก ทำแบบนี้ถือว่าเป็นเกียรตินะ? เสี่ยวเซี่ยคุกเข่าสารภาพ ทั้งยังพยายามอธิบายว่าสิ่งที่เธอทำไปไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นเรื่องดีที่ควรทำ
?เธอนี่มัน!? ผังซานชี้หน้าต่อว่าเสี่ยวเซี่ยอย่างเหลืออด
?เป็นเกียรติอะไรกัน เธอช่วยเขาแบบนี้ ถ้าถูกตำรวจจับได้ พวกเราต้องเดือดร้อนแน่เลย เธอคิดจะเป็นวีรสตรีเหรอ อย่าฝันไปเลยน่ะ? หลิงหลงสวนขึ้นทันควัน
?ใช่ หลิงหลงพูดถูกแล้ว เสี่ยวเซี่ย คราวนี้เราเดือดร้อนแน่เลย หัวหน้า เราจะทำไงดี?
?รีบเก็บของหนีเถอะ? หลิงหลงเสนอความเห็น
?อะไรนะ หนี? ถ้าเราหนีไปแบบนี้ก็หมายความว่าเรากับพวกมันเป็นพวกเดียวกัน? ผังซานค้าน แค่นี้ก็ถูกดึงเข้าไปพัวพัน ถ้าเกิดทำอย่างนั้นยิ่งไม่แย่ไปกว่าเดิมหรือ
?งั้นจะทำยังไงดี จะจับเธอไปส่งทางการเหรอ? หลิงหลงลุกขึ้นเถียง
?เอ่อ...? คราวนี้ผังซานถึงกับพูดอะไรไม่ออก
?หัวหน้า ผมยอมรับใช้ท่านทั้งชีวิต อย่าส่งเสี่ยวเซี่ยให้ทางการเลย ผมขอกราบท่านแล้ว? ตินหู่คุกเข่าขอร้องแทนน้องสาว
?เธอมาวุ่นวายทำไม เธอนึกแต่เป็นห่วงน้องสาว แต่พวกเราไม่อยากตายพร้อมกับเสี่ยวเซี่ย? หลิงหลงต่อว่า
?หัวหน้า ผมขอร้องท่านแล้ว? ตินหู่ยังคงคุกเข่าพลางเอ่ยขอร้องอยู่อย่างนั้น
?พี่ อย่าทำแบบนี้ ฉันก่อเรื่องเอง สมควรต้องรับผิดชอบคนเดียว? เธอเป็นคนผิด เพราะงั้นพี่ชายเธอไม่เกี่ยว ถ้าจะรับโทษก็ขอรับคนเดียว
ผังซานยืนมองทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิดพลางคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป...
ไม่นานหลังจากนั้น ฝงอี้ก็นำกำลังตำรวจบุกเข้ามา เขากวาดตามองสภาพบ้านคณะผังซานที่ตอนนี้เละเทะไม่มีชิ้นดีเหมือนกับเพิ่งถูกรื้อค้น ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาผังซานที่กำลังนั่งร้องไห้โอดครวญอยู่ที่พื้น ใบหน้ามีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด
เสียงโอดครวญเงียบลงเมื่อมีปืนมาจี้ที่ขมับ ผังซานเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นฝงอี้ก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยขอความเป็นธรรม
?ท่านหัวหน้า ท่านมาแล้วเหรอ คุณต้องให้ความเป็นธรรมกับผม โจรพวกนี้ปล้นของของผมไปหมดแล้ว โธ่...ท่านหัวหน้า เมื่อคืนนี้ท่านเพิ่งไปไม่นาน โจรก็มาปล้นของของเราไปจนหมด พวกมันยังตีผมสลบ ผมเพิ่งฟื้นขึ้นมา โธ่เอ๊ย... ผมไม่น่าฟื้นขึ้นมาเลย ฮือ... ต่อไปนี้พวกเราจะอยู่กันยังไง?
?บาดแผลนี้เป็นแผลใหม่เหรอ? ฝงอี้ถามพลางมองแผลบนศีรษะของผังซานด้วยสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย
?ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ผังซาน คุณอย่ามาห้ามฉัน อย่ามาห้ามฉัน? หลิงหลงส่งเสียงคร่ำครวญพลางดึงปิ่นปักผมออกมาหมายจะทำร้ายตัวเองเมื่อเห็นว่าแผนที่วางไว้กำลังจะล่ม
?เธอคิดจะทำอะไร? ผังซานถลาเข้ามาถาม
?ฉันไม่อยากอยู่ต่อแล้ว?
?ใจเย็นๆ อย่าทำแบบนี้? ผังซานพยายามปลอบและดึงปิ่นออกจากมือหลิงหลง
?พวกแกฟังให้ดี ถ้ายังสมคบกับพวกกบฏอีก ฉันจะจับพวกแกให้หมด ได้ยินไหม? ฝงอี้ที่ยืนมองอยู่เอ่ยขัดขึ้นด้วยความรำคาญ
?พวกเราถูกใส่ร้าย? หลิงหลงแย้งด้วยน้ำตา ส่วนผังซานก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
?อย่าให้ฉันเห็นพวกแกอีก ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี ไป? ท้ายประโยคฝงอี้เรียกลูกน้องให้กลับออกไป
เมื่อพวกเขาห่างออกไป เสียงร่ำไห้ก็ค่อยๆ เบาเสียงลง แทนที่ด้วยความโล่งใจของทุกคนในคณะ
?เฮ่ย...หลิงหลงของฉัน เธอแสดงมาทั้งชีวิต วันนี้ยอดเยี่ยมที่สุดเลย? ผังซานชมด้วยความจริงใจ วันนี้พวกเขารอดตายเพราะการแสดงของหลิงหลงแท้ๆ
?นี่ไม่ใช่การแสดง เป็นการช่วยชีวิต เหนื่อยจริงๆ?
เสี่ยวเซี่ยที่ยืนมองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากเธอแท้ๆ เชียว
?คณะของเราต้องเลิกแล้ว ผมเลี้ยงพวกคุณไม่ไหวแล้ว เวลานี้ผมเอาตัวเองยังไม่รอดเลย นี่เป็นทรัพย์สินของผมทั้งหมด เรามาแบ่งกันเถอะ แล้วทุกคนต่างคนต่างไป? ผังซานวางถุงเงินลงบนโต๊ะแล้วบอกกับทุกคนทั้งน้ำตา
?หัวหน้า เราแยกกันไม่ได้ ถึงตายเราก็แยกกันไม่ได้ หัวหน้า ฉันขอโทษ เสี่ยวเซี่ยผิดต่อทุกๆ คน พวกคุณจะด่าจะตีฉันก็ได้ แต่ว่าพวกเราจะต้องอยู่ด้วยกัน ยังไงฉันก็ไม่ไป? เสี่ยวเซี่ยร้องไห้สำนึกผิด แล้วบอกกับผังซานทั้งน้ำตาเช่นกัน
?ใช่ หัวหน้า เราจะไม่ไป?
?ใช่ เราจะไม่ไป ถึงตายเราก็ไม่ไป?
?หัวหน้า เราจะติดตามท่าน ถึงตายผมก็ไม่ไป? ตินหู่ยืนยันหนักแน่น
?ไม่ไปก็โง่สิ... ฉันหมายถึงเราต้องไปอยู่แล้ว ไปด้วยกัน? หลิงหลงบอก ผังซานได้ยินอย่างนั้นก็ซาบซึ้งใจ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านคณะผังซาน

?กลิ่นอะไรหอมขนาดนี้? กลิ่นหอมชวนหิวปลุกฮัวเอ๋อให้ตื่นขึ้น เธอลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นซาลาเปาหลายลูกวางอยู่ตรงหน้า
?ฉันฝันเห็นซาลาเปาอีกแล้วเหรอ เมื่อฝันเห็นมัน ต้องกินให้เต็มที่ แต่ความฝันนี้ไม่เหมือนฝันอื่นๆ มันเหมือนจริงมากเลย? ไม่รอช้า ฮัวเอ๋อหยิบซาลาเปามากินด้วยความหิวโหย
?เธอฟื้นแล้วเหรอ? อี้ขุยที่เพิ่งเดินเข้ามาถามขึ้นยิ้มๆ
?ที่แท้ฉันไม่ได้ฝันไป? ฮัวเอ๋อพูดแล้วไอสำลัก
?ค่อยๆ กิน ระวังติดคอ? อี้ขุยบอกพลางลูบหลังให้ เมื่อดีขึ้นฮัวเอ๋อก็ต่อว่าอีกฝ่ายทันที
?อันธพาล เธออีกแล้วเหรอ เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?
?อย่าห่วงเลย เราหนีออกมาได้แล้ว จริงสิ ฉันซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เธอ รีบเอาไปเปลี่ยนสิ?
?เอ๊ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร? เธอรับเสื้อมาแล้วถาม
?ฉันชื่อหลิวอี้ขุย ฉันเลื่อมใสเธอมาก ตัวคนเดียวต่อด้านศัตรูอย่างกล้าหาญ ถึงแม้ภารกิจลอบสังหารฉีหยิ่งเทียนล้มเหลว แต่ว่าความกล้าหาญของเธอสามารถทำลายการลงนามได้?
?ลอบสังหาร? ลงนาม? เธอประสาทเหรอ ทำไมพูดเรื่องนี้กับฉัน? ฮัวเอ๋อไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดมาเลยสักนิด ก่อนจะร้องอ๋อออกมาเมื่อนึกอะไรได้ ?อ้อ...ฉันเข้าใจแล้ว เธอเป็นนักปฏิวัติ?
?เธอทำอะไรรอบคอบจริงๆ ดูเหมือนว่าคงต้องยันรหัสลับกับเธอแล้ว? อี้ขุยยังคงพูดตามที่ตัวเองเข้าใจ
คนโง่ คิดว่าฉันเป็นนักปฏิวัติ ฮัวเอ๋อคิดอย่างค่อนๆ กับความเข้าใจผิดของอี้ขุย
?ฉันตอบได้ว่าผักที่แพงที่สุดในโลกคือผักอะไร แบบนี้เธอจะได้ยอมรับฐานะของฉัน?
?งั้นผักที่แพงที่สุดในโลกคืออะไรล่ะ? เธอเล่นด้วยโดยการถามออกไป
?ใช้อุดมการณ์เป็นเชื้อ ประกอบด้วยเลือดและชีวิต?
?ฉันขอซาลาเปาได้ไหม? ฮัวเอ๋อไม่ได้ต่อประโยคนั้นของเขา แต่เหลือบไปมองซาลาเปาที่เหลือตรงหน้าพลางเอ่ยถาม
?ต้องได้สิ?
?ขอบคุณ? เธอยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหมุนตัวเตรียมวิ่ง
?เอ๊ะ? เธอจะไปไหน?
?ฉันจะกลับบ้าน ฉันจะเอาซาลาเปากลับไปให้คนที่บ้านกิน? บอกพลางออกตัววิ่ง แต่ไม่ทันไรร่างก็เริ่มเซเพราะไม่มีแรง เป็นอี้ขุยที่เข้ามาพยุงไว้ทัน

ขณะเดียวกัน ที่บ้านของฮัวเอ๋อ ฝงอี้ปรากฏตัวขึ้นที่นั่น เขาเดินเข้ามาในเขตบ้าน มองเด็กชายอุ้มลูกหมาตัวน้อย มืออีกข้างก็ถือถ้วยรองหิมะที่หล่นจากฟากฟ้า
?หนูน้อย เธอทำอะไร? เขาเอ่ยถาม
?รองหิมะ น้าสาวผมบอกว่าโรยน้ำตาลบนหิมะอร่อยมากเลย ผมต้องช่วยเขารองหิมะไว้ รอน้าสาวกลับมากิน? เด็กชายตอบ
?น้าสาวเธอชื่อฮัวเอ๋อใช่ไหม?
?คุณอารู้จักน้าสาวผมเหรอ?
?อือ...เขาฝากของมาให้เธอน่ะ? เขาบอกพลางวางเหรียญเงินลงในถ้วยใบนั้น
?คุณอาชื่อคนดีใช่ไหม?
คำพูดของเด็กชายทำให้ฝงอี้ที่กำลังจะเดินจากไปหยุดแล้วหันมามอง
?น้าสาวผมเคยพูดถึงคุณอาให้ฟัง คนดี น้าสาวผมจะกลับมาใช่ไหมครับ อ้อ...พวกเขาบอกว่าน้าสาวตายไปแล้ว ผมไม่เชื่อ น้าสาวผมเคยบอกว่าเขาไม่ตายง่ายๆ หรอก เพราะฉะนั้นเขาต้องกลับมาแน่ ใช่ไหมครับ?
ฝงอี้ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองบ้านหลังนั้นอีกครั้งแล้วเดินจากมาอย่างเงียบๆ แต่เมื่อกลับไปถึงกองปราบฯ เขาก็รีบรุดไปพบจอมพลฉีทันทีที่ได้รับคำสั่งเรียกตัว
?คุณช่วยชีวิตผมไว้ มีความดีความชอบ แต่คุณก็ปล่อยมือสังหารหนีไปได้ จะให้ผมพิจารณาคุณยังไงดี? จอมพลฉีเปิดฉากถามทันทีที่พบหน้า
?ท่านพูดเช่นนี้... หรือสงสัยว่าผมถูกพรรครักชาติส่งมาตีสนิทกับท่าน?
?มันก็พูดยาก ต้องทำยังไงผมถึงเชื่อคุณได้? จอมพลฉีเอ่ยพลางมองฝงอี้อย่างประเมิน
?งั้นต้องดูว่าท่านจอมพลยอมให้โอกาสกับผมไหม?
?ถ้าหากว่าคุณเป็นพวกกบฏจริง คุณคงไม่กล้าฆ่าคนคนนี้แน่? จอมพลฉีพูดพร้อมกับยื่นซองซองหนึ่งให้ ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเมื่อเขาเปิดซองข้างในออกดูแล้ว ?รู้จักคนคนนี้ไหม?
?ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เขาคือคุณหยี เป็นผู้นำพรรครักชาติ? ฝงอี้ตอบ
?ขอเพียงคุณฆ่าเขาได้ ผมจะเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนของพรรครักชาติ และคุณจะได้โอกาสตามที่คุณต้องการ ผมได้ข่าวมาว่าอีกไม่กี่วันเขาจะมาเซี่ยงไฮ้อย่างลับๆ คุณรีบไปเตรียมพร้อมที่สถานีรถไฟ?
?ผมทราบแล้ว?
?ดี ผมจะรอคุณที่เซี่ยงไฮ้ ฮ่าๆ?
เมื่อความจำเป็นบังคับให้ฝงอี้ต้องเลือก...ระหว่างหน้าที่กับหัวใจ เขาจะทำเช่นไร ต้องติดตามอ่านใน Infernal Lover รักเธอตราบสิ้นดินฟ้า ฉบับเต็ม หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7729

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”