New Release :Perfect Guy ตกหลุมรักร้ายคุณชายมาดเนี้ยบ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release :Perfect Guy ตกหลุมรักร้ายคุณชายมาดเนี้ยบ

โพสต์ โดย Gals »

ผู้ชายเพอร์เฟกต์คืออะไร...?
ก็คงจะเป็นใครก็ตามที่ตรงตามความต้องการของผู้หญิงคนหนึ่งสินะ...
อาจจะหล่อ เท่ ขาว น่ารัก หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้มีความสุข
คนที่เป็นชายในฝันจะอยู่ที่ไหน...ชื่ออะไร...นิสัยยังไง...
มีแต่ตัวเองที่รู้คำตอบเท่านั้น

ตึกตัก...เสียงจังหวะหัวใจเต้นพองโตแบบนี้...ฉันว่า...ฉันหาเจอแล้วล่ะ..
.

1

ร้านสี่เหลี่ยมขนาดกว้างประมาณหกคูณหกเมตร รอบด้านเป็นกระจกใสมองทะลุเข้าไปในร้านได้ ข้างในประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์พนักงานพร้อมกับตู้แช่ไอศกรีมรสชาติหลากหลาย รูปปั้นเซรามิกขนาดเล็กวางจนเต็มชั้นวางซึ่งทำมาจากไม้สีน้ำตาลอ่อนติดกับขอบผนังกำแพง
บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความสบาย ที่มุมประตูมีกระถางต้นไม้พร้อมต้นซากุระปลอม ใบสีชมพูอ่อนวางซ้อนกันหลายช่อจนเหมือนพุ่มไม้ขนาดเล็ก เรียงรายไปตามกิ่งสีน้ำตาล
ก๊อง แก๊ง~
เสียงแมวเซรามิกหน้าร้านกระทบกันยามมีคนเปิดประตูเข้ามาด้านใน อากาศเมืองไทยร้อนสุดยอด ต้องร้านไอศกรีมเท่านั้น เย้!
?พวกแกจะทิ้งฉันไปมีแฟนกันหมดเลยเหรอ? ฉันพูดอย่างห่อเหี่ยว พลางส่งสายตาเฉาๆ เหมือนลูกแมวน้อยให้เพื่อนทั้งสองคนที่เดินตามเข้ามาในร้าน หวังว่าจะสงสารฉันบ้างนะ
?ไม่ได้ทิ้งนะจ๊ะน้องหนู พี่แค่ไปกอบโกยเอาความสุขจากผู้ชายเท่านั้นเอง คิกๆๆ?
ยัยแฟร์รี่หัวเราะคิกคัก แฟร์รี่หรือเรียกสั้นๆ ว่าแฟร์เป็นผู้หญิงร่างเพรียว สูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ยังกับนางแบบหลุดออกมาจากเวทีประกวด ผิวสีแทนโดดเด่นกว่าใครเพื่อน บวกกับชอบแต่งตัวตามแฟชั่น ทำให้กลุ่มเราโดดเด่นขึ้นมา
?ผู้ชายที่รัก คิกๆ?
?แกพูดซะน่ากลัว?
คำพูดประกอบกับยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ฉันเสียวสันหลังวูบ แต่แฟร์ไม่สนใจ เดินสะบัดผมยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ผ่านการย้อมตัดหน้าฉันไปแล้ว
พวกเราเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุด พนักงานเดินเข้ามารับออร์เดอร์ ฉันกวาดสายตามองเมนูที่วางบนโต๊ะ ไม่ใช่อะไรหรอก จะหาที่ราคาถูกๆ ประหยัดเงินหน่อย พักนี้เศรษฐกิจไม่ดี คุณพ่ออยากให้ลดรายจ่ายลงบ้าง ดังนั้น ฉันซึ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักคนเดียวเลยต้องยอมโดนตัดงบค่าขนม เพื่อทำให้ที่บ้านใช้จ่ายได้คล่องขึ้น
ใช้เวลาเลือกไม่นานก็สั่งไอศกรีมกับพี่พนักงานไปสามถ้วย
ฉันนั่งเท้าคางมองบรรยากาศด้านนอกร้าน การพักผ่อนก่อนเปิดเรียนเหลือเวลาอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
?แล้วแฟนแกเป็นไงบ้าง? ฉันหันไปถามยัยแฟร์
ยัยนี่โชคดีที่สุด ได้แฟนเป็นหนุ่มในฝันของสาวหลายคน นายคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 2 อยู่ต่างประเทศ กลับมาไทยสามเดือนครั้งหนึ่ง หน้าตาดี พูดจาไพเราะ เเถมเป็นสุภาพบุรุษอีกต่างหาก แค่นั้นไม่พอ ที่บ้านยังมีกิจการของตัวเอง เป็นคุณชายที่ดูดี เพียบพร้อมที่สุด
?ก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์ทุกวันนะ พี่นิวชอบทำให้ประหลาดใจเรื่อย บางทีก็ซื้อขนมจากนอกส่งตรงมาให้ น้ำยาทาเล็บยี่ห้อใหม่ยังมาไม่ถึงไทย ฉันก็ได้ก่อน?
ว่าแล้วยัยแฟร์ก็หยิบกระเป๋าแบรนด์เนมใบจิ๋วขึ้นมาควานหาลิปสติกที่อิมพอร์ตมาจากเมืองนอก
ถึงใครหลายคนจะตราหน้าเพื่อนฉันว่าเห็นผู้ชายรวยเลยคบ แต่นั่นไม่ใช่ความจริงแม้แต่นิดเดียว ยัยนี่ไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าพี่นิวรวยขนาดไหน เพราะพี่เขาทำตัวติดดินมาก จนกระทั่งคบกันเป็นแฟนแล้วพี่เขาพาไปเปิดตัวที่บ้านแหละถึงรู้
ส่วนตัวฉันเองที่อยากมีแฟนไม่ใช่ว่าตามกระแสวัยรุ่นอะไรทั้งนั้น เพราะฉันเองก็อยู่แค่ ม.6 แต่เพราะเดี๋ยวนี้เพื่อนทั้งสองไม่ค่อยมีเวลาให้ พอว่างก็โทรหาแฟนบ้าง ขลุกอยู่กับแฟนบ้าง ฉันเลยกลายเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าฉันมีแฟนคงจะมีเวลาส่วนตัวแบบนั้นบ้าง
ตอนเด็กฉันมักจะวาดฝันว่าผู้ชายที่จะมาเป็นแฟนฉันจะต้องคล้ายอัศวินขี่ม้าขาวในเทพนิยาย เป็นคนที่ดีเลิศทุกอย่าง ถึงตอนนี้กาลเวลาที่ผ่านไปจะกัดกร่อนความฝันไปบ้างเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังมีความคิดแบบเดิมไม่เปลี่ยน
แม้ยัยแฟร์จะคอยขัดให้ฉันมองความจริงบ้างว่าคนแบบนั้นไม่มีบนโลกหรอก ทุกคนต้องมีข้อเสียทั้งนั้น ขึ้นกับว่าเราจะรับได้รึเปล่า แต่ฉันก็ยังอยากเชื่อความคิดอันบริสุทธิ์ของตัวเองในวัยเด็กอยู่ดี
แฟร์เคยบอกว่าพี่นิวก็มีข้อเสีย นั่นคือชอบอารมณ์ร้อนและหุนหันพลันแล่น แถมยังออกงานสังคมบ่อย แม้แฟร์จะสวยหุ่นดียังไงก็มีหวั่นไหวบ้างว่าเขาอาจจะเจอคนอื่น
?แล้วเธอล่ะเจน? ฉันหันไปถามเพื่อนอีกคนซึ่งนั่งสงบเสงี่ยมไม่เล็ดลอดเสียงใดๆ มาแม้แต่นิดเดียว นอกจากเป็นผู้ฟังเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีแฟนเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่ว่าหน้าตาไม่สวยหรือนิสัยไม่ดี แต่เพราะว่าเธอเรียบร้อยมาก วันๆ หนึ่งแทบจะไม่พูด เดี๋ยวดอกพิกุลที่คาบไว้จะร่วง
เจนมักจะดูน่ารักเสมอในชุดไปรเวทสีหวาน จะเน้นไปทางลายดอกไม้น่ารัก โดยเฉพาะผมหยักศกสีดำที่ปล่อยระไปกับข้างแก้ม ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาน่าจับมากอด นอกจากนั้นยังนิสัยดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่น่าจะพูดให้มากกว่านี้อีกสักนิดหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอก ตราบใดที่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
?เพิร์ลก็ดีนะ ยังคบกันมาเรื่อยๆ จ้ะ?
คำลงท้ายประโยคช่างเพราะพริ้ง ผิดกับยัยแฟร์ที่ชอบพูด ?วะ?, ?โว้ย? หรือสารพัดคำหยาบที่จะนึกได้ แต่พักนี้เพลาลงบ้างเพราะพี่นิวสั่งห้าม
เพิร์ลกับเจนคบกันมาราวสี่ปีได้แล้ว ตั้งแต่ตอนช่วงมัธยมต้น เพิร์ลอยู่ชั้น ม.6 เหมือนกัน นายนั่นทะนุถนอมเพื่อนสาวแสนหวานคนนี้มากเลยล่ะ แถมเสมอต้นเสมอปลาย จนฉันยังอิจฉาเลย ให้ตายสิ
แม้เพิร์ลจะมีข้อเสียบางอย่างบ้าง และนายนั่นจะเรียนไม่เก่งเท่าไหร่ แต่เจนก็ไม่เคยว่าอะไร แถมยังเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ด้วย เลยจะเห็นสองคนนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหนังสือซะมากกว่า เพิร์ลมีนิสัยคล้ายๆ กับเจน เพียงแต่หมอนั่นชอบทำกิจกรรม อยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ด้วย
แน่นอน...ฉันไม่เคยได้อ่านสักฉบับหรอก ไม่ได้ช่วยเพื่อนอุดหนุนเลย ก็แค่ข่าวในโรงเรียนเท่านั้น ทุกฉบับต้องมีรูปซายน์ลงเรียกเรตติ้งจากสาวๆ ด้วย หมอนั่นคือหนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียน อยู่ห้องเดียวกับฉัน แม้ซายน์จะไม่ค่อยอยากถ่ายรูปตัวเองลงหนังสือเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำเพื่อช่วยเพื่อนหาเงินเข้าชมรม
เพื่อนของฉันสองคนแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว คนหนึ่งเปรี้ยว คนหนึ่งเรียบร้อย ดังนั้นฉันก็เลยเป็นผู้หญิงกลางๆ ซึ่งไม่แหวกไปแนวใดแนวหนึ่ง เพื่อให้กลุ่มบาลานซ์ไปกันด้วยดี
ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ฐานะทางบ้านก็ธรรมดา การเรียนก็กลางๆ กีฬาก็งั้นๆ ดีอย่างเดียวตรงใครหลายคนมักชอบชมว่าฉันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แม้จะไม่ได้สวยเปรี้ยวแบบแฟร์ หรือหวานหยาดเยิ้มแบบเจน
ก็อย่างที่บอกว่าฉันน่ะธรรมดาๆ
แต่ฉันกลับอยากได้ผู้ชาย...ที่เรียนเก่ง หน้าตาดี ขยันทำงาน นิสัยดี ตบท้ายด้วยรักครอบครัว อืม เรียกว่าอะไรนะ...
อ้อ...ผู้ชายสมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้นฉันเลยปฏิเสธผู้ชายที่มาคอยตามจีบทีละคนสองคน พอเจอจุดเสียข้อไหนที่รับไม่ได้ก็ไม่สนใจทันที
ระหว่างที่กำลังเพ้อ พนักงานก็ยกไอศกรีมมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ฉันกล่าวขอบคุณตามมารยาทที่สมควรกระทำ
?แล้วผู้ชายที่แกชอบเป็นแบบไหนล่ะ?
?ก็ขาว สูง? ฉันขมวดคิ้ว พลางจิบน้ำเล็กน้อย ?เรียนดี กีฬาเด่น เน้นคุณธรรม แล้วก็อะไรอีกดีนะ...เยอะแยะไปหมด อะไรที่เป็นข้อดีฉันชอบหมดแหละ?
?เอ่อ...นั่นคล้ายคำขวัญรึเปล่าจ๊ะ? เจนเอ่ยขึ้นบ้างในจังหวะที่ฉันหุบปากหายใจ ฉันเห็นเธอทำท่าจะพูดนานแล้วแต่ว่ารอจังหวะอยู่ ช่างเป็นกุลสตรีที่มารยาทงามจริงๆ
?แหะๆ ประมาณนั้นแหละเจน? ฉันเท้าคางมองเพื่อนทั้งสองคน ?สุภาพบุรุษ มีน้ำใจ แล้วก็ไม่เกเรด้วย?
เพราะผู้ชายวัยเดียวกันมักจะชอบตั้งแก๊งในโรงเรียน แล้วไปมีเรื่องทะเลาะกันข้ามถิ่นเสมอ ไม่ค่อยเข้าใจพวกวิถีทางของลูกผู้ชายเลย อะไรจะชอบทะเลาะต่อยตีกันขนาดนั้น ถ้าเป็นผู้หญิง อย่างมากก็นินทาลับหลัง ปล่อยข่าวเสียหายบ้าง...
ฉันเข้าใจละ...ทำไมผู้ชายถึงต่อยกันแทน อย่างน้อยก็แค่เจ็บตัวแล้วจบเรื่องรึเปล่า
?ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เขาสดใส น่ารัก น่าเอ็นดู แล้วก็ใจดี อบอุ่นด้วย?
?เพอร์เฟกต์เกิน...? แฟร์ตักไอศกรีมรสวานิลลาเข้าปากแล้วเอ่ยขัดฉัน เธอหรี่ตามองฉันทำนองว่า ผู้ชายแบบนั้นหาให้ตายก็ไม่เจอหรอก
?ไม่จริงหรอก ต้องมีสิคนแบบนั้น...?
หรือฉันจะเพ้อฝันมากไปรึเปล่านะ
?ลดหน่อยก็ดีนะจ๊ะ เอาเป็น...? เจนเสนอความเห็น คงอยากให้ฉันเลิกอยู่กับความฝันสักที ?เรียนกลางๆ หน้าตาไม่ต้องดีมาก แต่นิสัยดีที่สุดดีไหม?
นั่นค่อนข้างต่างกับตอนแรกเยอะอยู่นะ...
?อือ...? ฉันรับคำแบบผ่านๆ ยังไงเสีย ตอนนี้ฉันก็คงยังไม่มีแฟนหรอก เพราะพี่นิวก็กลับต่างประเทศไปแล้ว อย่างมากแฟร์ก็คงจะแค่คุยโทรศัพท์ แต่ไม่ได้นัดเจอกัน ฉันคงจะมีเพื่อนบ้างในช่วงนี้
ไอศกรีมลูกแม่ ก้อนกระจิ๋วเดียว กินแป๊บเดียวก็คงหมด น่าเสียดายจัง แต่ต้องท่องไว้ ประหยัดเงินๆ...ฮือ...ฉันค่อยๆ เล็มเพื่อลิ้มรสชาติ ในขณะที่ยัยแฟร์แทบจะจ้วงเข้าปาก ส่วนเจนก็กินไปเช็ดปากไป นั่งแบบสงบเสงี่ยม
?อีกแค่สองวันก็เปิดเทอมแล้ว...? แฟร์ถอนหายใจ ทำหน้าตาเบื่อหน่าย พลางไขว่ห้างนั่งกอดอก
ถ้าแกไม่กินต่อ ฉันกินแทนให้เอามั้ย อย่าทิ้งไอศกรีมไว้โดยปราศจากการดูแลนะยะ ไม่งั้นฉันจะกินให้หมดเลย คิกๆๆ
?นั่นสิ ม.6 แล้วสินะ?
?เป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนแทนละ?
?ไม่รู้จะเจออาจารย์ฟิสิกส์โหดมั้ย?
ไม่น่าคิดเรื่องนี้เลย ฉันที่กำลังบ่นๆ กับยัยแฟร์ถึงขนาดหมดอารมณ์จะกินต่อ แต่ในถ้วยไอศกรีมของฉันมันไม่เหลืออะไรแล้วนะ ง่ะ ต้องอย่ากินทิ้งขว้าง ใช้เงินทุกบาทให้คุ้ม
ฉันนั่งเท้าคาง มองไปยังวิวด้านนอกสลับกับเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน แฟร์ก็ทานไอศกรีมหมดแล้ว เหลือแค่เจนเท่านั้นซึ่งยังคงเหลืออยู่ก้นถ้วย
?ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ? ฉันเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสอง ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปห้องน้ำ ดีนะที่ปวดตอนนี้พอดี จะได้ใช้น้ำที่นี่ ไม่ต้องใช้น้ำบ้าน ประหยัดค่าไฟ...แอร๊ย! ฉันจะงกเกินไปแล้วนะ คุณพ่อคงไม่ได้ต้องการให้สงวนทรัพยากรในบ้านขนาดนี้หรอก
จังหวะที่ฉันกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำหญิงก็เจอผู้ชายคนหนึ่งเดินสวนออกมา นั่นทำให้ฉันแทบจะตาค้าง ตกตะลึง
ผู้ชายผิวขาว สูง หุ่นดี หน้าตาหล่อเหลาปนน่ารัก ผมสีดำตัดหน้าม้าปัดเป๋ไปข้างหนึ่ง แต่ยังดูเป็นระเบียบ ตากลมพอดี ไม่มากไม่น้อย คิ้วรับกับจมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูส่งยิ้มให้เล็กน้อยจนเห็นเหล็กดัดฟัน ในมือถือหนังสือเรียนวิชาเคมี ถ้าฉันดูไม่ผิดน่าจะเป็นของ ม.6 ด้วย แสดงว่าพวกเราอยู่ชั้นเดียวกัน
กรี๊ด!! ฉันอยากจะกรีดร้อง สภาพภายนอกของเขาตรงตามสเปกฉันทุกอย่าง ที่เหลือก็คือเรื่องทั่วๆ ไปและการประพฤติตัวสินะ
เอ่อ...ฉันรอดูเขาต่อไปอีกนิด เผื่อจะเจอผู้ชายในอุดมคติบ้าง
ฉันมองตามหลังพ่อหนุ่มคนนั้นที่เดินออกจากร้านไป ไม่เข้ามันละห้องน้ำ ฉันเดินอย่างไวกลับไปนั่งที่ทันที ก่อนจะสะกิดให้เพื่อนทั้งสองมองตามทิศของสายตาฉัน
?เดี๋ยว ดูทีละคน!?
?อ่ะจ้ะ?
แฟร์หันไปมองก่อน ต่อจากนั้นก็หันหน้ามายิ้มกว้างให้ฉัน ท่าทางกระตือรือร้นไม่ต่างกับฉันเท่าไหร่ ส่วนเจนรอฟังคำสั่งจากฉันว่าจะให้มองได้รึยัง พอฉันสะกิดมือเธอครั้งหนึ่ง เจนก็รับทราบทันที หันไปมองแวบหนึ่งก่อนจะรีบเบนหน้ากลับมา ราวกับกลัวพ่อหนุ่มคนนั้นจับได้ว่าแอบมอง
?เป็นไงบ้าง?
แฟร์หัวเราะคิกคัก ในขณะที่เจนยังเก็บอาการด้วยการยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
?ก็ตรงกับที่แกพูดเลยนี่ สูง ขาว หุ่นดี?
?ใช่มั้ยล่ะ?
?ดูนิสัยด้วยนะจ๊ะ?
?ท่าทางภายนอกยังบอกอะไรไม่ได้ ฉันชอบผู้ชายเนี้ยบๆ ด้วย เธอว่าเขาจะเนี้ยบมั้ย?
?ถ้ายัยเจนรู้ก็ไม่ต้องมาเรียนแล้ว ไปเป็นหมอดูดีกว่ามั้ง? แฟร์ขัดขึ้น พลางยิ้มเยาะเล็กน้อย
ถ้าแกเผลอ ฉันจะเอาลิปสติกอิมพอร์ตของแกไปเขียนบนหัวหมา ชิ บังอาจมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉันได้ยังไง นังเพื่อน...เอ่อ...ด่าอะไรดีล่ะ...นังเพื่อนริอ่านมีแฟนแล้วดันทิ้งเพื่อนสนิท ฮึ่ย!
ฉันเลิกกัดจิกกับยัยแฟร์แล้วแกล้งทำเป็นจิบน้ำ แต่สายตาจับจ้องไปที่นายคนนั้น เขาเดินหลังตรง บุคลิกดี แกว่งแขนพอประมาณ ไม่ใช่เกย์แน่นอน
นายคนนั้นเดินตรงไปยังรถสีดำคันหรูที่จอดอยู่เยื้องร้านไอศกรีมไปเล็กน้อย หวาว...นายนี่มีรถเป็นของตัวเองด้วยเหรอ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสนใจมากขึ้นไปอีก
ดูเหมือนนายนั่นจะแค่เอาหนังสือไปเก็บไว้ในรถเท่านั้น เขาปิดประตูรถก่อนจะหันเดินตรงมาเรื่อยๆ...ตรงมาเรื่อยๆ...มาถึงหน้าร้านกระจกใส
ทันที่เขาผลักบานประตูจนแมวเซรามิกกระทบกับระฆังดังก๊องแก๊ง~ ฉันก็อุทานได้คำเดียวในใจเบาๆ ว่า ?เฮ้ย งานเข้า!?
?แย่แล้ว ทุกคน! ทำตัวเป็นปกติ? ฉันรีบสั่งเพื่อนทั้งสองที่หันขวับทำเป็นคุยกันสามคนทันที ยัยพวกนี้ว่องไวจริงๆ หวังว่านายคนนี้จะไม่รู้นะว่าพวกเรากำลังมองและพูดถึงเขากันอยู่
นายนั่นเดินไปสั่งขนมปังทาเนยที่หน้าเคาน์เตอร์ ฉันไม่ได้แอบฟังนะ แต่ร้านมันเล็กแล้วก็เงียบ ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครสักคน
?แม่ครับ ผมกำลังซื้อขนมปังให้น้องอยู่ เดี๋ยวจะรีบกลับบ้านนะครับ...?
ผู้ชายรักครอบครัว...แถมพูดจาสุภาพ บุคลิกก็เนี้ยบ
?อ้อ เรื่องนั้นเหรอครับ ผมได้เป็นตัวแทนไปแข่ง...อ้อ...ครับ...แข่งบาสฯ ระดับภาคครับ?
เก่งกีฬา... ฉันแทบจะอดทนรอประโยคถัดไปที่นายคนนี้จะคุยกับแม่ไม่ไหว จนยัยแฟร์ต้องจิ้มแก้มฉันเป็นเชิงเตือนให้ใจเย็นๆ
?ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องยกเลิกมั้ย...ครับ...พอดีอาจารย์เพิ่งโทรมาบอกว่าผมได้เป็นตัวแทนไปแข่งวิชาฟิสิกส์กับโรงเรียนอื่น?
เรียนเก่งอีกต่างหาก... สมองฉันประมวลผลอย่างรวดเร็ว นำคำพูดของนายคนนี้มาตีความแล้วจับใจความได้สั้นๆ ว่า...แม่เจ้า! นี่แหละ...ผู้ชายสมบูรณ์แบบ
ผู้ชายที่ฉันเฝ้าฝันมาตั้งแต่เด็กว่าจะเจอไหม ที่แท้ก็มาอยู่ตรงหน้า ณ วินาทีนี้แล้ว แต่ตอนเด็กฉันลืมคิดบางอย่างไป...
ถ้าหากเจอชายคนนั้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ หากเขาไม่ได้เข้ามาจีบก็เท่ากับไม่มีอะไรคืบหน้า...ฉันจะทำยังไงดีนะ ถ้าปรึกษากับยัยเพื่อนทั้งสองคนก็คงจะได้รับคำตอบแนวๆ
?ก็จีบก่อนสิวะ? จากปากยัยแฟร์
?ถ้าหากคู่กัน เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกจ้ะ? จากปากเจน
ทั้งสองทางไม่ดีแน่ๆ อย่างแรกก็น่าเกลียดเกินไป ฉันยังไม่กล้าทำขนาดนั้นด้วย ส่วนอย่างที่สอง...เอ่อ...จะเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไปไหน ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะดวงดีเป็นครั้งที่สองหรอกนะ
อยู่ดีๆ ฉันก็ลุกพรวด แกล้งเดินไปเติมน้ำจากเหยือกที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเคาน์เตอร์ ก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะกล้าทำมาก่อน
มันช่าง...ไร้ยางอายและหน้าด้านนิดๆ...

2

ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูลายกระต่ายน้อยน่ารักถูกปล่อยทิ้งลงบนพื้นอย่างจงใจ ขอโทษนะเจ้ากระต่าย กลับบ้านไปจะทำความสะอาดให้อย่างดี
?เอ้อ คุณครับ ผ้าเช็ดหน้าตก? นายคนนี้ทักขึ้นอย่างมีมารยาทตอนที่ฉันเดินผ่านหน้าเขามา โดยไม่แตะต้องตัวฉันแม้แต่นิดเดียว
ฉันเห็นยัยแฟร์อ้าปากค้าง คงไม่คิดว่าฉันจะกล้าทำอะไรแบบนี้ ส่วนเจนก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน เพียงแต่ปากยังหุบอยู่ตามมารยาทสตรีที่พึงกระทำ
ส่วนฉันเหรอ...พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มมากเกินไป ก่อนจะหันไปหาพลางเอียงคอเล็กน้อย น่าจะน่ารักนะท่านี้ ไม่ได้ลองซ้อมกับกระจกก่อนด้วย
นายคนนั้นก้มลงไปเก็บผ้าเช็ดหน้าให้ ก่อนจะส่งมาให้ฉัน แล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ
?ได้ขนมปังแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับคุณแม่?
เขาวางโทรศัพท์แล้วหันมาส่งยิ้มสดใสให้ฉัน...กรี๊ด... รอยยิ้มเป็นประกายเชียว
?ขอบคุณมากนะคะ...?
อ๊ายยยยยย!!! กรี๊ด!!!!! วิ้ดวิ่ว!!!!!!!! วะว้อย!!!!!!!!!!
นี่คือสารพัดคำที่ฉันอยากจะกรีดร้องให้ระงมไปทั่วร้านไอศกรีม ไม่คิดเลยว่าจะเจอผู้ชายที่ตรงตามสเปกแทบทุกอย่างแบบนี้
เขาส่งยิ้มมาให้อีกครั้งท่าทางเป็นมิตร ฉันสแกนการแต่งตัวภายนอกที่ดูดี ไม่เซอร์และค่อนข้างเนี้ยบด้วยซ้ำ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบธรรมดา
?งั้นไปก่อนนะครับ?
เขาพูดพลางโบกมือบ๊ายบาย แต่ฉันไม่ได้โบกมือตอบ เพราะมัวแต่มองใบหน้านั่นจนลืมไปหมด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกุ๊งกิ๊งที่ประตูร้าน และเห็นเพียงแผ่นหลังสมส่วนของนายนั่นเดินออกไป
ฉันไม่รอช้า รีบกลับไปยังโต๊ะตัวเองทันที ต้องขอบคุณผ้าเช็ดหน้าลายกระต่ายน้อยที่ทำให้ได้คุยกัน แม้เขาจะไม่ได้เข้ามาจีบฉันก็ตาม แต่ฉันก็ไม่กล้าจะทำอะไรต่อ...กลัวเขาจะหนีฉันเสียก่อนน่ะสิ
?แก...ผู้ชายคนนี้เรียนดี กีฬาเด่น เน้นคุณธรรมด้วย?
?รู้ได้ไงว่าเน้นคุณธรรม?
ยัยแฟร์ขัดฉันอีกแล้ว กรี๊ดด!
?ก็รักครอบครัวไง ซื้อของไปฝากน้อง โทรหาคุณแม่ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ทำกันหรอกนะ?
ฉันแย้งขึ้นทันที ทำไมต้องปกป้องนายคนนั้นออกหน้าออกตาขนาดนี้ด้วยนะ ฉันบ้าไปแล้ว แต่แล้วฉันก็ทำอะไรบ้าๆ อีกครั้งด้วยการไปเข้าห้องน้ำ สำรวจตัวเองว่าเมื่อกี้หน้าโทรมมั้ย มันด้วยรึเปล่า ผมเผ้าไม่รุงรังใช่ไหม
ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่ ดั้งโด่งเล็กน้อย ดวงตากลมไม่โตมากสีน้ำตาลออกดำ กับผมแกละสองข้างสีดำขลับที่ดัดเป็นลอนคล้ายพุ่มไม้ มีกิ๊บลายกระต่ายติดไว้ด้านข้าง
ฉันใช้เวลาทำธุระส่วนตัวสักครู่ ก่อนออกจากห้องน้ำก็ส่องกระจกอีกครั้ง ยังใจลอยคิดถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอยู่เลย ภายนอกก็ดูดี แถมยังรักครอบครัว เรียนเก่ง กีฬาดี แทบจะเพอร์เฟกต์ เหลือนิสัยของเขา หากร่าเริง น่ารักด้วยจะเป็นการดีมาก
ไม่รู้จะคิดถึงนายคนนั้นทำไม ป่านนี้คงขับรถออกไปแล้วมั้ง ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับฉันนะ ไม่เช่นนั้นไม่น่าหลุดรอดจากสายตาฉันและยัยแฟร์
พอเดินออกจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงกุ๊งกิ๊งที่ทำหัวใจฉันเต้นระรัว เขาคนนั้นเดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง สายตาสอดส่องไปทางทิศที่แฟร์และเจนนั่งอยู่ ไม่ได้มองมาทางฉัน
?ไม่อยู่...นึกว่ากลับสวรรค์ไปแล้วซะอีก?
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพูด ฉันจะคิดว่าเป็นพวกเสี่ยวมากถึงมากที่สุด แต่พอเป็นนายคนนี้กลับทำให้ฉันเขินอย่างประหลาด เขาหมายถึงฉันใช่มั้ย
เขายังถือถุงใส่ขนมปังอยู่ ต่อจากนั้นก็เหมือนกับภาพช้าที่ฉายในละครเวลาใครสักคนในเรื่องเจอจุดไคลแมกซ์ นายนั่นค่อยๆ หันมาทางฉันที่ยืนนิ่งตรงแถวหน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะส่งยิ้มกว้างที่เห็นเหล็กดัดฟันมาให้อีกครั้ง...
?สวัสดีครับ?
ฉันยืนนิ่งกับคำทักทาย พลางเหลือบมองบรรยากาศของร้านแก้อาการเขิน หากต้นซากุระของปลอมที่วางอยู่ตรงริมร้านเป็นต้นไม้จริงของประเทศญี่ปุ่น ฉากนี้คงจะโรแมนติกมากกว่านี้
?ค่ะ? ฉันรับคำพร้อมกับส่งยิ้มเล็กน้อย ดีที่สำรวจหน้าตัวเองจากกระจกมาแล้ว ทำให้มั่นใจมากขึ้น
นายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ฉันที่มัวแต่อึ้ง เห็นภาพรอบตัวราวกับเหลือกันแค่สองคนในร้าน จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงรองเท้าผ้าใบเขากระทบกับพื้นของร้าน หรือแม้แต่เสียงหัวใจซึ่งเต้นอย่างแผ่วเบาของตัวเอง
?จะว่าอะไรมั้ย ถ้าจะขอเบอร์หน่อยฮะ? เขาพูดพลางยิ้มกว้างมาให้
ฉันอยากกลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วกรีดร้องระบายอารมณ์สักสิบรอบ ไม่จริงใช่มั้ย...ตรงนี้มีฉันอยู่คนเดียว ไม่มีสาวคนไหนเลยรึเปล่า
อ๊ากกกกกกกกก!!! เกิดอะไรขึ้น เริ่มมีโชคดีเข้าสู่ตัวฉันแล้วสินะ กรี๊ดด!!!
?ขอฉันเหรอคะ?
?อื้อ?
เขาแกว่งถุงขนมปังเล็กน้อย จนกลิ่นหอมของเนยกับนมโชยผ่านเข้าจมูก นายคนนี้ยังคงยิ้มกว้างมาให้ แม้จะมีวูบหนึ่งทำท่าทางลังเลกลัวจะเสียหน้าหากฉันไม่ให้เบอร์
ถ้าเป็นปกติ ฉันคงจะให้ไปแล้ว แบบไม่ต้องคิดเลย แต่ตอนนี้อยากจะทำอะไรให้มันดูดีบ้าง ไม่น่าเกลียด
ยัยแฟร์ที่อยู่ด้านหลังขยับปากระรัวบอกว่า ?เอาเลย? ในขณะที่เจนนั่งนิ่ง ส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าหากเป็นเจนคงจะไม่ให้ ถึงแม้จะอยากรู้จักผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน
ดังนั้นฉันจึงเลือกทางสายกลางอีกครั้ง...ทำอะไรให้พอดี ไม่มากไปหรือน้อยไป เป็นการดีที่สุด
?นี่อยู่โรงเรียนนี้รึเปล่าคะ?
ฉันชี้ไปทางฝั่งตรงข้ามของร้านไอศกรีม เป็นโรงเรียนของฉันเองแหละ นายคนนี้มองตามมือฉันไปก่อนจะหันกลับมาส่ายหัวแทบในทันที
เสียดายจัง อยากให้คนหล่อแบบนี้อยู่ในโรงเรียน ฉันจะได้ไปเรียนแล้วมีกำลังใจ
?เปล่าฮะ? เขาตอบกลับมาอีกครั้ง
?อยู่ชั้นอะไรคะ...? ถามไว้ก่อน เกิดเด็กกว่าเดี๋ยวซวย ฉันไม่ชอบคบกับคนอายุน้อยกว่าเท่าไหร่ น้อยกว่าไม่กี่เดือนก็ไม่ได้ เพราะนั่นจะถือว่าไม่สมบูรณ์แบบ
?ม.6 ครับ?
เจ๋ง!! แสดงว่าอายุก็น่าจะไล่เลี่ยกับฉัน อยากรู้จังว่าเขาเกิดเดือนอะไร จะได้คาดคะเนถูก แต่อันนั้นไว้วันหลังค่อยถามแล้วกัน เดี๋ยวเขาจะงงว่าถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวอะไรนักหนา
?เราเรียนอยู่โรงเรียนนี้?
ฉันพเยิดหน้าไปทางโรงเรียนที่ชี้ให้เขาดูเมื่อกี้ นายคนนี้พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
?คือ...ถ้าให้เบอร์ไปเลย มันจะน่าเกลียดมั้ย ยังไม่รู้จักกันเลย? นี่ฉันพูดตรงไปรึเปล่านะ
นายคนตรงหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะรัว อ๊าย! เสียงหัวเราะน่ารักจัง ดังเอิ๊กๆ เลย
ฉันเหลือบไปมองเจนกับแฟร์เล็กน้อย ก็เห็นยัยเจนกำลังจิบน้ำไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร ส่วนยัยแฟร์ทำท่าเอามือก่ายหน้าผาก ท่าทางไม่เห็นด้วย คงจะกำลังตำหนิฉันในใจสินะที่ไม่ยอมให้เบอร์หมอนี่
ฉันอยากจะเล่นตัวบ้าง ไม่งั้นมันจะดูง่ายเกินไปนิด ฉันไม่อยากให้เขามองฉันไม่ดีน่ะ ไม่รู้ว่าตอนแรกกล้าเข้าไปแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าตกได้ยังไง
?อ่าเหรอ...? เขาพยักหน้ารับ พลางถามความเห็น ?แล้วทำยังไงดีล่ะ?
?อีกสองวันโรงเรียนฉันเปิดเทอม? ฉันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น พร้อมกับส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ หวังว่าเขาจะดูว่าน่ารักนะ
ฉันไม่อยากจะขึ้นชื่อว่าได้แฟนเพราะอ่อยน่ะสิ อยากทำตัวกลางๆ คือกล้าที่จะทำอะไรเหมือนแฟร์ แต่ต้องไม่มากไป สงวนท่าทีบ้างแบบเจน
?งั้นเราไปก่อนนะ บ๊ายบาย?
นายคนนี้เดินมาหาฉันที่เพิ่งกลับเข้ามานั่งรวมกับเพื่อน เอ่ยลาพลางโบกมือให้เล็กน้อยด้วยท่าทางสดใส ก่อนจะเดินออกจากร้านไป
แค่นั้นล่ะ ยัยแฟร์ก็แทบจะกระชากคอฉันล้วงความเป็นกุลสตรีที่ดันไปติดมาจากเจนในระยะเวลาชั่วครู่ให้ออกจากร่างให้หมด
?กรี๊ดดดด! ทำไมไม่ให้เบอร์ไปยะ?
?ก็กลัวจะดูไม่ดี ถ้าให้เบอร์เลยตอนขอครั้งแรก?
แต่ที่ฉันกล้าทำแบบนี้เพราะเหลือบเห็นชื่อโรงเรียนบนบัตรนักเรียนในกระเป๋าตังค์นายนั่นตอนที่เขาควักเงินจ่ายค่าขนมปังน่ะสิ ถ้าแกล้งไปเดินแถวโรงเรียนนั้นก็อาจจะได้เจอเขาอีกก็ได้ หึหึ คิดเหรอว่าฉันจะพลาดไม่ให้เบอร์หมอนั่นโดยไม่มีหลักประกันอะไรว่าฉันจะได้เจอเขาอีกน่ะ
ก๊ากกก! จะมีผู้หญิงคนไหนฉลาดได้เท่าฉันอีกนะ คิกๆ
?อย่ามาคิดว่าจะดูไม่ดีนะยะ! ถ้าไม่ให้เบอร์แกกับหมอนั่น ก็เอาเบอร์ฉันให้สิเฟ้ย?
อ้าว...นังเพื่อนเนรคุณ ทำไมทำกันแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันฟ้องพี่นิวซะเลย พอพี่เขาเศร้าก็เข้าไปปลอบ ก๊ากก!
?ก็รอดูวันเปิดเทอมแล้วกันว่าเขาจะมามั้ย?
?เหอะๆ ถ้ามานี่นับถือเลยอ่ะ?
?นั่นสิ? ฉันเท้าคาง สายตามองไปทางด้านนอกของร้าน ไม่มีรถยนต์คันหรูอีกแล้ว มีแค่ผู้ชายใส่เสื้อสีดำลายกะโหลกกับกางเกงยีนเซอร์ๆ เดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์เท่านั้น
เหอะๆ แตกต่างจากชายหนุ่มคนเมื่อกี้ลิบลับ ที่แต่งตัวก็เนี้ยบ ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
?ว่าแต่...เขาชื่ออะไรเหรอจ๊ะ? เจนที่นั่งเงียบมานานถามขึ้น และก็เป็นคำถามที่ทำเอาฉันกับยัยแฟร์ต้องหันมามองหน้ากัน
นั่นสิ...ทำไมฉันถึงไม่ถามชื่อนะ เฮ้อ...ลืมไปได้ยังไง เวลาอยู่ต่อหน้าหนุ่มในฝันมักจะลิ้นรวน หัวสมองฝ่อคิดอะไรไม่ค่อยออก
ฉันนั่งยืดขา ขณะที่แฟร์กอดอกพิงหลังกับเก้าอี้ ส่วนเจนนั่งพับเพียบ...อ๊ะ...ไม่ใช่ละ อันนั้นก็สุภาพเกิน ไม่ได้หลุดออกมาจากนิตยสารเพื่อกุลสตรี
?ขอให้คนนี้เป็นคนที่ใช่ก็แล้วกัน?
แฟร์หยิบกระเป๋าขึ้นมา เตรียมจ่ายเงินและออกจากร้าน ฉันรีบจ่ายส่วนของตัวเองทันที กลัวลืม ส่วนเจนเดินไปหาเพิร์ลซึ่งเดินมารับถึงหน้าร้านเพราะบ้านอยู่แถวนี้ แล้วจะไปส่งเธอที่บ้านเพราะไม่อยากให้กลับคนเดียว
ฉันกับแฟร์หันมามองหน้ากันพร้อมส่งยิ้มให้กับภาพคู่รักที่น่ารักที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา ทั้งสองดีต่อกันมาก ไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะกันเท่าไหร่ หากคนหนึ่งร้อน อีกคนก็จะเย็น สลับกันไป
?เพิร์ลอยากหาอะไรกินก่อนไหมจ๊ะ?
เจนถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมส่งทิชชูให้เพิร์ลที่ตากแดดจนเหงื่อแตกเต็มหน้า เพิร์ลเป็นผู้ชายหน้าตาค่อนข้างดี หน้าตี๋ ผิวเกือบขาว สูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่านิดๆ
?กลับก่อนดีกว่า เดี๋ยวเจนกลับบ้านดึกนะ?
ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าของเจนไปถือแทนให้ แม้จะเป็นกระเป๋าผ้าลายดอกกุหลาบก็ตาม ทำไมนายคนนี้ดีจังเลยเนี่ย
?ซื้อน้ำก่อนละกันนะ เหงื่อออกเยอะเลย?
?งั้นรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง?
เพิร์ลหันมายิ้มให้พวกฉันสองคนตอนเดินผ่านไปยังเคาน์เตอร์
?อิจฉาเจนอ่ะ ฮือๆๆ? ไม่มีคำไหนตรงเท่าคำนี้อีกแล้ว
เจนตีไหล่ฉันเบาๆ แก้อาการเขิน ถ้าหากยัยแฟร์แก้เขินโดยการทำแบบเจนบ้าง รับรองว่าแขนฉันคงจะฟกช้ำเพราะยัยแรงฟาย แต่อย่างยัยนั่นไม่เขินหรอก คิกๆ หยาบกระด้างจะตาย
?มาละ กินมั้ย? เพิร์ลเปิดขวดยื่นไปให้เจนก่อน
?ขอบใจนะ? เจนรับขวดน้ำไปพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
ทั้งสองไม่เคยพูดคำหยาบใส่กัน โอย...อย่าทำให้ฉันอิจฉาตาร้อนมากกว่านี้ได้ไหม ดีนะที่แฟนยัยแฟร์อยู่เมืองนอก ไม่งั้นฉันต้องเป็นโรคเบ้าตาอิจฉาอักเสบแน่ๆ ใช้งานเยอะเกินกับความริษยา
โอย...!! ต้องรีบปิดตาด่วน ไม่อย่างนั้นรังสีขี้อิจฉาจะต้องพวยพุ่งแน่ๆ!

สองวันถัดมา...
แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านสีขาวอ่อนที่ไกวตัวเล็กน้อยอยู่เหนือเตียงจากแรงลมยามเช้า ฉันเบนสายตาหนี พลางมองนาฬิกาข้างตัว ตอนนี้หกโมงครึ่งแล้ว ต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปโรงเรียนทัน โชคดีที่เดินไปแค่ราวสิบนาทีก็ถึง ไม่ต้องลำบากเดินทาง
?ฮ้าว?
ฉันยกมือปิดปากหาวหวอดอย่างมีมารยาท แม้จะไม่มีใครเห็นก็ตาม สงสัยอยู่ใกล้เจนมากเกินไปเลยติดเชื้อเรียบร้อยมาด้วย ต่อจากนั้นก็ลากร่างอันสะโหลสะเหลตรงดิ่งไปยังห้องน้ำคับแคบในตัวห้องนอน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หยิบชุดนักเรียนสีขาวแขนพองกับกระโปรงยาวเท่าเข่ามาสวมทันที ฟู่...อากาศยามเช้าหนาวจัง
ฉันจัดการมัดผมเป็นหางม้าก่อนจะติดโบสีขาวตามระเบียบของโรงเรียน ส่องกระจกแต่ดันไม่เห็นหน้าตัวเอง เผลอนึกไปถึงนายคนนั้นแทน อ๊ายย! เขาน่ารักจริงๆ นะ อยากได้มาควงอวดเพื่อนจังเลย
พอแต่งตัวเสร็จฉันก็รีบวิ่งลงบันไดไปทานข้าวเช้าทันที มัวแต่อ้อยอิ่งคิดถึงหน้านายคนนั้นได้ยังไงกัน ทั้งที่มีภารกิจต้องไปเข้าแถวให้ทัน ไม่เช่นนั้นจะโดนทำโทษให้วิ่งรอบสนาม เหงื่อแตกทั่วตัว เหม็นไปทั้งวันแน่
?สวัสดีค่ะแม่?
?จ้ะ? คุณแม่รับคำ แล้วหันไปจัดขนมใส่ถาดต่อ
ฉันนั่งแปะลงบนเก้าอี้ ฝั่งตรงข้ามมีจานเปล่าหนึ่งใบ คุณพ่อคงไปทำงานแล้วสินะ เพราะบ้านฉันอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร จึงต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อรีบออกจากบ้าน
ที่นี่เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้น ชั้นล่างประกอบไปด้วยห้องครัว ห้องรับแขกเล็กๆ ที่ติดกับมุมพักผ่อนส่วนตัวของสมาชิกในบ้านซึ่งมีแค่ทีวีกับโซฟาเท่านั้น ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนของฉันกับพ่อแม่อีกห้องหนึ่ง
?คุณพ่อนี่เป็นผู้ชายเพอร์เฟกต์สำหรับแม่มั้ยคะ? ฉันถามพลางจิ้มเศษหมูในสปาเกตตีเข้าปาก เน้นนะว่าเศษจริงๆ
ขอกล่าวถึงที่บ้านนิดหนึ่ง ปกติครอบครัวฉันก็ฐานะปานกลาง พอกินพอใช้แบบไม่ขัดสน แต่ตอนนี้ที่ทำงานของพ่อกำลังบีบให้พนักงานลาออก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครจะโดนบ้าง ดังนั้นการประหยัด ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นจึงเป็นหนทางที่จะประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์วิกฤตซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนี้ไปได้
คุณพ่อคงเครียดมากที่ตอนนี้หน้าที่การงานถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ส่วนแม่ก็ไม่ต่างกัน จากเป็นแม่บ้านธรรมดาก็หันมาทำขนมขายในช่วงเช้า เพื่อจะได้มีรายได้ส่วนหนึ่งมาช่วยจุนเจือครอบครัว
?ถามอะไรอย่างนั้นล่ะ หืม??
?แหะๆ หนูแค่อยากรู้?
สงสัยคุณแม่จะเขินเลยเสเปลี่ยนเรื่องด้วยการส่งขนมมาให้ฉันสองชิ้น เผื่อเอาไว้ทานเล่นที่โรงเรียน เป็นขนมที่ทำจากกล้วยผสมน้ำเชื่อม เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้
ฉันรับมาใส่กระเป๋านักเรียน พร้อมกับยกมือสวัสดีคุณแม่แล้วรีบไปโรงเรียนทันที
ในใจได้แต่ภาวนาว่า ขอให้พ่อหนุ่มคนนั้นมาเยือนโรงเรียนฉันวันนี้ด้วยเถอะ

3

ง่ะ...ระหว่างทางมาโรงเรียนฉันดันเจอนายหน้าตายยืนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกมือถือกระเป๋าพาดบ่าท่าทางสบายใจด้วยใบหน้าคมคายที่นิ่งเป็นที่สุด ทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องใดๆ นายนั่นมองมาทางฉันแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น
มีปัญหารึไง...
นี่คือสิ่งที่ฉันคิด แต่ไม่ได้พูดออกไป กลัวจะโดนตอกกลับมา เพราะนายคนนี้คือซายน์ ผู้ชายที่เท่ ขรึม เป็นขวัญใจของสาวๆ ในโรงเรียน เดินไปไหนไม่มีครั้งใดที่จะไม่มีคนมอง และที่หมอนี่เพียงแค่ยกมุมปากขึ้นตะกี้ก็ไม่ได้หยิ่งหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นการทักทายตามประสาคนชอบเก๊กน่ะ
ที่จริงแล้วยัยแฟร์เชียร์ให้ฉันเลือกซายน์ เพราะเขาตามจีบฉันมาเกือบจะเทอมหนึ่งแล้ว นายนี่เป็นเด็กเข้าใหม่ ย้ายมาเรียนที่นี่ตอน ม.5 แล้วก็พอมาเจอหน้าฉันปุ๊บ เขาก็ตามจีบฉันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา...เพราะอะไรน่ะเหรอ...นายนี่ไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบน่ะสิ
เขามีทุกอย่างที่ฉันต้องการ ทั้งเรียนดี กีฬาเด่น และน่าจะนิสัยดีด้วย ดูจากที่เขาปฏิบัติกับน้องสาวของเขา เหมือนจะรักน้องมาก ไม่ยอมให้ใครมายุ่งเลยล่ะ คอยตามรับตามส่งน้องที่ห้องเรียนตลอด แต่เสียอย่างเดียวคือ...
เย็นชามาก...มากมาก!!!!!
?ปิดเทอมเป็นไงบ้าง?
จะถามทำไมไม่รู้ เมื่ออาทิตย์ก่อนนายก็เพิ่งเจอฉันที่ที่เรียนพิเศษเองนะยะ นายนี่ไม่ได้ป๊อปแค่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่กับสาวๆ ทุกคนที่เดินผ่านต่างหาก แต่ฉันชอบตรงที่เขาเป็นคนเปิดเผย จริงใจ กล้าประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่ากำลังจีบฉันอยู่
หารู้ไม่ว่านั่นน่ะฆ่าฉันทั้งเป็น...เพราะฉันถูกผู้หญิงที่ชอบเขารุมเกลียด เป็นสิบ...หรืออาจจะถึงหลักร้อยด้วยซ้ำ ชีวิตช่างน่าสงสารจริงๆ
?ก็ดีนะ แค่กลัวว่าจะเจออาจารย์ฟิสิกส์โหดมั้ย?
?ไม่ต้องห่วง ห้องเราได้อาจารย์ใจดี? เขาตอบด้วยท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งใด
?นายรู้แล้วเหรอว่าเป็นใคร?
?อือ? เสียงรับคำลอดจากริมฝีปาก
คำว่า อ้อ, อือ, อืม, อื้อ, อื้ม เป็นคำสามัญที่ซายน์จะนำมาใช้แทบตลอดเวลา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าตอบเป็น ?จ้า? หรือ ?โอเค? นายคนนี้จะลงไปดิ้นชักกระแด่วที่พื้นหรือไง
แต่ฉันไม่เคยบอกซายน์ถึงสาเหตุที่ฉันไม่รับรักเขาหรอกนะ เพราะฉันอยากให้ใครก็ตามที่มาอยู่ในฐานะแฟนฉันเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องเสแสร้ง เพราะขืนให้คนเย็นชาอย่างหมอนี่มาทำตัวน่ารักล่ะก็ โลกคงถึงกัลปาวสาน ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย
?แล้วน้องนายล่ะ ไม่มาโรงเรียนเหรอ?
?ซีไม่สบายน่ะ?
วูบหนึ่งใบหน้าเขาฉายแวววิตก ฉันรู้ดีว่านายนี่รู้สึกยังไง คงจะเป็นห่วงน้องสินะ ไม่ว่าเรื่องอะไร เขาก็มักจะคิดถึงน้องสาวเป็นอันดับแรกเสมอ
?เป็นอะไรมากมั้ย?
?ไม่หรอก แค่หวัดนิดหน่อย? ซายน์สั่นหัว สีหน้ายังนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งสัมผัสกับอากาศ ?แต่วันนี้บรรยากาศมันหนาวแปลกๆ ฉันเลยให้หยุดเรียนดีกว่า?
เขาห่วงน้องจังเลยนะ น้องสาวของซายน์น่ารักมาก ยังกับตุ๊กตา ถ้าเทียบกันแล้วคงจะคล้ายๆ กับเจน แทบจะเหมือนกันเลยล่ะ เพียงแต่ซีตัวเล็กแล้วก็ไว้ผมหน้าม้าตรงเท่านั้น ไม่มีผมหยักศก
?ข้าว?
นี่คือฉัน...ฉันมีชื่อเล่นว่า ?ต้นข้าว? ทุกคนมักจะเรียกสั้นๆ ว่า ?ข้าว? คนรอบตัวมีแต่ชื่ออินเตอร์ๆ แต่ฉันยังคงเป็นไทยแท้อยู่ ชื่อข้าวก็น่ารักดีนะ เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน
?หืม??
?ฉันไปเล่นบาสฯ ก่อนนะ ?
นี่มัวแต่เดินคุยกับนายนี่จนลืมดูทางเลยเหรอ พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ตรงทางเดินคอนกรีตในโรงเรียนเสียแล้ว เดินไปทางขวาจะเจอกับโรงอาหาร ส่วนทางซ้ายเป็นทางขึ้นตึก
ว่าแต่นายนี่เล่นบาสฯ ตอนเช้าด้วยเหรอ เหงื่อไม่ออกจนเหม็นหึ่งหรือไง
?อ่า...อื้อ?
?อย่าตากลมนานล่ะ เดี๋ยวป่วย...?
เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินตัดผ่านสาวๆ เรียกน้ำย่อยจากยัยพวกนั้นให้ครึกครื้นยามเช้า บางคนน้ำลายแทบไหลเลย ฉันไม่ได้ใส่ความนะ
?จ้ะ เช่นกันนะ?
แผ่นหลังของซายน์ค่อนข้างกว้างกว่าผู้ชายทั่วไป เพราะเขามักชอบขลุกตัวกับการออกกำลังกาย และดูแลเรื่องอาหารการกิน
ปกติแล้วหมอนั่นคุยน้อยกว่านี้ สงสัยวันนี้จะเบลอเพราะมัวแต่ห่วงน้องเลยคุยเยอะเป็นพิเศษ อีกแค่สิบกว่านาทีก็เข้าแถวแล้ว พวกผู้ชายก็ยังจะไปหมกตัวกันอยู่ในสนามบาสฯ อีก
ขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนายซายน์อยู่ก็มีมือใครสักคนมาลากคอฉันทำเอาเซถลาเล็กน้อย ดีที่ตั้งหลักทัน น้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้... พอฉันหันไปมองก็เห็นยัยแฟร์รี่กำลังดูดอมยิ้มดังจ๊วบๆ
?ทักทายแบบคนปกติไม่เป็นเรอะไงยะ?
?เป็นไงแก ไอ้หนุ่มเพอร์เฟกต์นั่นมาหารึยัง?
อย่าทักแบบนี้สิยะ ถ้าแกเป็นเพื่อนสนิทฉันจริงน่าจะรับรู้ได้ว่า หากนายคนนั้นมา ป่านนี้ฉันคงดีดสะดิ้งไม่ก็เต้นเป็นจังหวะไปนานแล้ว
ฉันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะส่ายหัวแทนคำตอบด้วยท่าทางห่อเหี่ยว จนยัยแฟร์ลากคอฉันให้เดินเข้าไปในโรงอาหาร
?เลือกเลยแก เอาคนไหน?
?ไอ้นี่? ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ ยัยเพื่อนบ้า
แฟร์หัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปต่อแถวซื้อน้ำ โดยฉันเลี่ยงไปนั่งจองโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลนักเพื่อที่ยัยแฟร์จะได้ไม่ต้องเดินไกล ฉันเป็นเพื่อนที่ดีใช่มั้ยล่ะ
?มาละ ต่อเลย?
?ต่อเรื่องอะไรฟะ?
ยัยแฟร์นั่งกอดอก หรี่ตามองฉันพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์ พร้อมดูดน้ำรวดเดียวจนหมดแก้ว อะไรจะหิวโหยขนาดนี้ แก้วก็ไม่ใช่เล็กๆ นะนั่น
?ก็เรื่องแกกับซายน์ไง?
ลืมไปว่ายัยนี่เชียร์ซายน์มาก ถึงขั้นที่ว่าจะยอมมาเป็นแม่สื่อให้ด้วยซ้ำ แต่ฉันไม่อยากให้ความหวังซายน์เลยตอบปฏิเสธไปตรงๆ
?ก็แค่เจอกันระหว่างทางก่อนถึงโรงเรียน?
?ซายน์มาดักรอแกชัวร์? แฟร์รี่พูดพร้อมตบโต๊ะเสียงดังปัง จนคนที่อยู่รอบๆ หันมามองกันหมด ยัยบ้านี่ทำอะไรไม่ค่อยคิด ฉันต้องส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนอื่นแทนคำขอโทษ ดันไปรบกวนพวกเขา
?ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?
?อ้าว ไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย?
มันหลอกด่าว่าฉันโง่รึเปล่าฟะ
?ก็บ้านซายน์อยู่คนละทิศกับบ้านแกเลย ถ้ามันโผล่มาเจอแกระหว่างทางที่แกมาโรงเรียนได้ แสดงว่าหาจังหวะมาพบหน้าหนูน้อยคนนี้แน่นอน?
แฟร์โยกหน้าฉันเล่นไปมา ก่อนจะหยิกแก้มทำเหมือนเอ็นดู แต่ที่จริงยัยนี่มันเขี้ยวน่ะ เธอชอบบอกว่าหน้าฉันเหมือนลูกแมวนั่งจ๋อง ไม่ก็กระต่ายตัวเล็กๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเปรียบถึงสองสิ่งนี้ ในเมื่อมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
?แต่ฉันบอกว่าไม่ชอบซายน์ไปแล้วนะ?
ตอนก่อนเปิดเทอม ช่วงเรียนพิเศษ นายนั่นสารภาพรักกับฉัน ซึ่งเขาขอชิงตัวฉันมาจากยัยแฟร์ที่รับรู้เหตุการณ์ แถมเต็มใจจะถีบส่งฉันด้วยซ้ำ ส่วนเจนก็รับรู้บ้าง แม้จะอยากบอกฉันขนาดไหน แต่ก็ถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างยัยนั่นกำชับว่าต้องพยายามช่วยซายน์
แต่ฉันเคยนึกว่าเขาตัดใจไปนานแล้วเสียอีก
?แกดูไม่ออกเลยเหรอว่าตอนเรียนพิเศษ มันก็มองแกหลายครั้ง ถ้าเกรดมันตกนะ แกต้องรับผิดชอบด้วยยัยข้าว!?
?มั่วแหลก?
แฟร์รี่เอานิ้วเคาะโต๊ะระรัวเป็นจังหวะ พร้อมกับโยนภาระอันหนักอึ้งมาให้ฉัน ถ้านายนั่นเกรดตกแล้วมันเกี่ยวอะไรกันฟะ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ฉันว่านะ ถ้าเกรดตกก็คงเพราะมัวแต่เล่นบาสฯ แทนที่จะเอาเวลาไปนอนหรืออ่านหนังสือมากกว่า พวกผู้ชายชอบเล่นกีฬาถึงขนาดยอมทนแดดอันเปรี้ยงปร้างของกรุงเทพมหานครได้ยังไง
?ถ้าแกไม่ชอบมันเพราะเย็นชาก็พอเข้าใจนะ ถ้านิสัยเข้ากันไม่ได้ก็คบกันยาก แต่แค่อยากให้ลองพิจารณาดู ลองมองผ่านกฎผู้ชายสมบูรณ์แบบที่แกตั้งขึ้นมาเพื่อปิดกั้นตัวเอง...ว้อยยยย!!?
อยู่ดีๆ ยัยนี่ก็กรีดร้อง ฉันต้องรีบเอื้อมมือไปปิดปาก ไม่งั้นได้แตกตื่นกันทั้งโรงอาหารแน่ แล้วกลุ่มเราก็จะมีแต่สังคมรังเกียจ
?อ่อยอ๊ะอ๊ะ?
?แกกำลังพูดว่าปล่อยนะยะใช่มั้ย?
แฟร์รี่พยักหน้าหงึกหงัก ฉันเลยต้องจำใจปล่อย หากร้องอีกที วันหลังจะหาตะกร้อมาครอบปากแล้ว คนอะไรเสียงแหลมเป็นบ้า พี่นิวทนฟังเสียงยัยนี่นานๆ โดยที่หูไม่แตกไปซะก่อนได้ยังไงเนี่ย
?ฉันแค่ระบายอารมณ์ที่ตัวเองพูดอะไรเป็นหลักการแบบนั้นได้?
อ้าว ฉันเริ่มปรับตามยัยนี่ไม่ทันแล้วนะ เมื่อสามวินาทีที่แล้วยังด่าฉัน ตอนนี้มาว่าตัวเองซะแล้ว
?ปกติแกไร้สาระสินะ?
?ไม่จริง?
ถ้ามีคำไหนที่มากกว่าไร้สาระน่าจะยกให้กับแฟร์ได้ครองแชมป์ตลอดกาล เพราะว่าขนาดอ่านนิตยสารแล้วเจอดาราที่ไม่ชอบใจก็จะโทรไปบ่นกับพี่นิวทุกครั้ง ไม่ก็อยากกินไอศกรีมในวันที่อากาศเย็นทุกที แล้วก็หนีไม่พ้นพี่นิวที่ต้องไปเป็นเพื่อน
เอ่อ...บางทีการที่ยัยนี่มีแฟนอาจจะดีก็ได้นะ พวกฉันจะได้ไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้น เพราะพี่นิวเป็นคนโดนกระทำหมดแล้ว
สักพักกริ่งเข้าแถวก็ดังขึ้นแล้ว จังหวะเดียวกับที่เจนและเพิร์ลวิ่งหน้าตาตื่นมาพอดี
?ทำไมมาเฉียดเลยล่ะวันนี้? ฉันหันไปถามทั้งสอง
?พอดีเมื่อวานอ่านหนังสือดึกน่ะ? เพิร์ลตอบพลางหัวเราะแห้งๆ
?อ้าว เจนติวให้เหรอ?
ทำไมแกต้องถามด้วยยะยัยแฟร์ คนมีแฟนไม่รู้หรอกว่าคนไม่มีรู้สึกอย่างไรบ้าง ความเหงามันเกาะกินนะเฟ้ย ยิ่งในกลุ่มเจอแต่พวกมีแฟนแล้วยิ่งทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นไปอีก
?ใช่แล้ว? เพิร์ลยิ้มกว้าง
ทุกคนลืมอะไรไปรึเปล่า...ต้องไปรวมตัวกันหน้าเสาธงที่อยู่หลังโรงเรียนเพื่อเข้าแถวแล้วนะ ฉันเลยสะกิดบอกเพื่อนให้เลิกจับกลุ่มคุยกันเรื่องแฟนได้แล้ว แง้

พอมาถึงหน้าเสาธง เจอหน้าซายน์กับกลุ่มเพื่อนแล้วฉันก็ชะงักเล็กน้อย พานนึกไปถึงเรื่องที่คุยกับแฟร์ที่โรงอาหาร แต่บางทีแฟร์อาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ คงไม่มีทางหรอกมั้งที่หนุ่มหล่อเลือกได้แบบเขาจะมาฝังใจอะไรกับฉันนักหนา ฉันบอกปฏิเสธไปแล้ว เขาคงจะไม่สนใจฉันแล้วล่ะมั้ง
ซายน์โยนลูกบาสฯ เข้าห่วง ก่อนจะวิ่งมายังหน้าเสาธงที่อยู่ติดกับสนาม เขาปาดเหงื่อครั้งหนึ่ง แสงแดดกระทบไปตามใบหน้าจนเป็นสีส้มครึ่งซีก
เอ่อ...ทำไมฉันต้องหันไปมองนะ พอรู้ตัวก็รีบชวนเจนคุยแก้เก้อทันที ส่วนเพิร์ลเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับซายน์ สองคนนี้ค่อนข้างสนิทกันน่ะ นั่งเรียนในห้องก็นั่งติดกัน แต่ไม่ได้มากินข้าวด้วย เพราะว่าเจนอยากแบ่งเวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง แล้วตอนเย็นค่อยไปนั่งกินขนมเล่นกับเพิร์ล
?แล้วเพิร์ลเริ่มอ่านหนังสือแล้วเหรอ?
?อื้อ? เจนตอบพลางมองตามหลังเพิร์ลอย่างเอ็นดู สายตาเธอดูห่วงใยแฟนมากเลย ?เขาเริ่มอ่านวิชาชีวะก่อนน่ะ?
?ขยันจัง?
?ใช่แล้วล่ะ?
จะว่าไปเจนก็เกือบจะเป็นคนสมบูรณ์แบบสำหรับฉันนะ เพียงแต่พูดน้อยไปหน่อย ฉันเคยถามเจนว่าทำไมถึงเลือกเพิร์ล ทั้งที่ตัวเองก็มีทางเลือกมากมาย เพิร์ลน่ะไม่ได้โดดเด่นอะไร คุณสมบัติรวมๆ แล้วก็ดูธรรมดา เจนก็ตอบกลับแบบที่ทำให้แฟร์ที่ได้ฟังประทับใจ ขณะที่ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไหร่นัก
?ถึงแม้เพิร์ลจะเรียนไม่เก่ง แต่เขาก็ขยันที่จะหาความรู้ ไม่เอาข้อด้อยมาดูถูกตัวเอง แถมยังพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ฉันเลยคิดว่า...นี่ล่ะเขา...คนที่ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างแล้วร่วมเดินไปด้วยกัน?
ถ้าหากเพิร์ลรู้ว่าเจนคิดยังไง คงจะรักเพื่อนฉันคนนี้มากขึ้น ไม่ก็ตอนนี้นี่แหละสุดหัวใจที่ผู้ชายคนหนึ่งจะให้แล้ว
?แล้วคนนั้นมาหาข้าวรึเปล่าจ๊ะ?
?เอ่อ...?
อุ...จี้ใจดำ ถ้ามา ป่านนี้ฉันคงป่าวประกาศ ยิ้มแก้มปริตลอดเวลาแล้ว แอบเสียใจเล็กน้อยที่นายนั่นไม่โผล่มาตามที่คาดหวังไว้ แต่ยังพยายามมองในแง่ดีว่า นี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาอาจจะมาหาฉันเวลาอื่นก็ได้... อืม...น่าจะเป็นแบบนั้น
?ยังเลย?
?งั้นถ้าฉันเห็นจะบอกข้าวนะ?
อ๊ายยย! ฉันรักเจนที่สุด ช่างเป็นผู้หญิงอ่อนหวานจริงๆ ต่างจากยัยแฟร์ที่ยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะแล้วพเยิดหน้าไปทางซายน์ที่กำลังจัดแถวตามคำสั่งของอาจารย์
ถ้าฉันชอบซายน์ ยัยแฟร์ก็เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบสิ เพื่อนเล่นเป็นแฟนกับคนในห้องจนหมด เพราะฉันรักแกเลยไม่ทำเรื่องแบบนั้นยังไงล่ะ คิกๆ
ยังดีนะที่เจนยังเห็นใจฉันแบ่งเวลามาให้บ้าง ไม่เหมือนยัยแฟร์ที่ขลุกอยู่กับแฟนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เอ้ย...ไม่ถึงขนาดนั้น ยังแยกกันเวลานอนบ้าง แต่ก็พอเข้าใจแหละ เพราะนานๆ ทีพี่นิวถึงกลับมาเมืองไทย แต่มันก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้นี่นา เชอะ!
?ฉันจะรอดูว่าหมอนั่นจะมามั้ย? แฟร์กอดอก ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
?ถ้ามานะ...ฉันจะ...? ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย คิดเรื่องอะไรสนุกๆ ได้ ?ฉันจะต้องเอาผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟนให้ได้?
นี่แหละ คนในฝันของฉันตั้งแต่วัยเด็ก รูปร่างหน้าตา นิสัยแบบนี้เลย ที่เหลือก็แค่สแกนพวกรายละเอียดยิบย่อยในตัวเขาเท่านั้น
ไม่มีผู้ชายคนไหนสมบูรณ์แบบจริงเหรอ... ไม่จริงหรอก... คำว่าไม่มีใครเพอร์เฟกต์ที่บอกต่อๆ กันมา สำหรับฉันคิดว่าแค่เป็นคำปลอบใจหลอกๆ กำลังใจลวงๆ สำหรับคนที่ท้อแท้ในชีวิตต่างหาก
ที่ฉันบอกได้ เพราะฉันเจอผู้ชายสมบูรณ์แบบแล้วยังไงล่ะ


ในที่สุดต้นข้าวก็ได้เจอกับผู้ชายสมบูรณ์แบบที่เฝ้าฝันมานานแล้ว ความรักของต้นข้าวจะสมหวังหรือไม่ ติดตามอ่านได้ใน Perfect Guy ตกหลุมรักร้ายคุณชายมาดเนี้ยบ ฉบับเต็ม หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7506

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”