New Release : SUZUMIYA HARUHI ตอน ความหวั่นไหวของสึซึมิยะ ฮา

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : SUZUMIYA HARUHI ตอน ความหวั่นไหวของสึซึมิยะ ฮา

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
หลังจากกิจกรรมฉายหนังในงานวัฒนธรรมครั้งที่แล้วประสบความสำเร็จ มาในงานปีนี้กองกำลัง SOS ก็จัดฉายภาพยนตร์อีกครั้ง ฮารุฮิเจ้าแม่กิจกรรมก็ยังได้ขึ้นไปแสดงดนตรีบนเวที แต่สิ่งที่ทำให้เคียวน์ต้องเมมโมรี่ไว้ในความทรงจำก็คืออาการประหม่าของฮารุฮิที่ไม่เคยได้เห็น และยังมีเรื่องของนางาโตะที่ถูกชายหนุ่มสารภาพรักและปฏิเสธภายในระยะเวลาอันสั้น กับอาซาฮินะที่ร้องไห้เพราะเด็กผู้ชายปริศนาคนหนึ่งอีกด้วย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกกองกำลัง SOS กันเนี่ย?!

Live Alive

ปีที่ผมเข้าเรียนชั้นมัธยมปลาย
ในปีนั้นมีมหันตภัยร้ายรูปร่างคนที่มีนามว่าสึซึมิยะ ฮารุฮิเข้ามาเยือนที่นี่ด้วย มาลองนึกย้อนดูก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย มันมากมายเกินเหตุเสียจนขี้เกียจนึกออกมาเป็นเรื่องๆ หากพลิกอัลบั้มแห่งความทรงจำย้อนไป แม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินจริงๆ และในหน้าหนึ่งของอัลบั้มความทรงจำนั้นก็มีเรื่องราวแบบนี้อยู่ด้วย ผมจะเล่าให้ฟัง

ตอนนั้นเป็นช่วงที่อากาศร้อนตับแตกเพราะความร้อนที่ตกค้างจากฤดูร้อนยังคงป้วนเปี้ยนบนท้องฟ้าประเทศหมู่เกาะต่อไป อดสงสัยไม่ได้ว่ามีใครเดินเครื่องควบคุมสภาพอากาศซึ่งมีหน้าที่ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลผิดพลาดรึเปล่า ทั้งที่ตามปฏิทินก็เป็นฤดูใบไม้ร่วงอยู่เห็นๆ
และวันนั้นก็เป็นวันงานวัฒนธรรม
นับแต่วันแรกที่สาวสติเพี้ยนตลอดปีตลอดชาติประกาศว่าจะทำหนังโดยแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้กำกับพร้อมกับควบตำแหน่งโปรดิวเซอร์ไปด้วย ไม่ว่าจะนักแสดงตลอดจนเจ้าหน้าที่งานจิปาถะก็พากันเดือดร้อนไปตามๆ กัน เสมือนกรอบแห่งความยุ่งเหยิงที่เคยห้อมล้อมอยู่แล้วถูกอัพเกรดให้สาหัสสากรรจ์กว่าเดิมหลายเท่า แต่จนแล้วจนรอดก็ทำให้มันปิดกล้องลงได้ด้วยฝีมือของผม
วันนี้เป็นวันแรกของงานวัฒนธรรมแล้วก็เป็นวันฉายวันแรก แม้จะไม่รู้ว่าควรเรียกสิ่งที่ฉายว่าภาพยนตร์ชื่อ ?การผจญภัยของอาซาฮินะ มิคุรุ Episode 00? หรือ PV โปรโมทคุณอาซาฮินะก็ตามที แต่ก็เชื่อว่าตอนนี้มันคงขึ้นฉายบนจอภาพในห้องโสตทัศนศึกษาอยู่แน่
เหตุที่ใช้คำว่าเชื่อว่าเสมือนเดาเอาเองเป็นเพราะผมไม่อยากจะเห็นชื่อของตัวเองปรากฏบนเครดิตรายชื่อทีมงานทำหนังบ้าบอคอแตกที่เหมือนเผชิญกับความพิลึกพิลั่นสุดกู่และฝันร้ายนั่นไปมากกว่านี้ หลังส่งเทปวิดีโอให้พวกชุมนุมวิจัยภาพยนตร์ ผมก็ตัดสินใจว่าจะเป็นคนนอกเต็มตัว บอกศาลาบ๊ายบายไม่ข้องแวะกับมันอีก
นับเป็นโชคดีอย่างยิ่ง พอเป็นงานจำพวกประชาสัมพันธ์อย่างเจรจายิบย่อยหรือโฆษณา ฮารุฮิก็จะกระตือรือร้นเป็นพิเศษเลยเป็นแกนนำจัดการเองอย่างแข็งขัน
สำหรับนักเรียนและครูบาอาจารย์โรงเรียนเขตเหนืออาจจะเริ่มชินชาแล้วกับพฤติกรรมแปลกประหลาดของฮารุฮิ แต่การปล่อยให้เธอไปยืนแจกใบปลิวโฆษณาทั้งชุดสาวหูกระต่ายอย่างที่เคยทำตอนฤดูใบไม้ผลิ ทั้งที่วันนี้มีผู้ปกครองกับคนทั่วไปซึ่งมีเวลาว่างเหลือเฟือมาป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงเรียนตั้งเยอะ มันก็ยังไงๆ อยู่นะ เพียงแต่ห้องเรียนของคุณอาซาฮินะ นางาโตะและโคอิซึมิต่างก็ตั้งใจร่วมกิจกรรมงานวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ซึ่งต่างกับห้องเรียนปี 1 ห้อง 5 ที่ไร้จิตวิญญาณของผมกับฮารุฮิ ดังนั้นการที่ฮารุฮิมัวไปทำอย่างนั้นอยู่ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีเวลาร่วมกิจกรรมของห้องตัวเองตั้งแต่เช้า อีกนัยหนึ่งจะบอกว่าอาจต้องขอบคุณก็ได้ที่ปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ
เวลานี้ใจผมมันแจ่มใสประดุจกระจกเงาซึ่งสะท้อนภาพผิวน้ำอันใสสะอาด เพราะหลังจากตัดต่อหนังเสร็จ บ่าของผมที่แบกรับงานหนักมานานก็ถูกปลดปล่อยสักที แถมเวลาก็มีเหลือเฟือขนาดเดินหัวโซเซเพราะไม่ค่อยได้หลับได้นอนไปใช้บริการทำนายดวงของนางาโตะหรือแกล้งแซวละครของโคอิซึมิได้ ถึงจะเป็นแค่งานวัฒนธรรมซบเซาของโรงเรียนประจำจังหวัดธรรมดา แต่งานเทศกาลก็คืองานเทศกาล การดื่มด่ำเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่แตกต่างจากปกติก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนัก
ผมในวันนี้มีหน้าที่สำคัญที่จะละเลยไม่ได้เป็นอันขาด และใบสั่งภารกิจนั้นก็อยู่ในกำมือผม
ไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่าหมายถึงอะไร เฉลยให้ว่ามันเป็นบัตรลดราคาร้านยากิโซบะที่เป็นกิจกรรมออกร้านของห้องคุณอาซาฮินะ
ต่อให้เป็นใบชาราคาถูกแค่ไหนก็เปลี่ยนเป็นน้ำอมฤตจากสวรรค์ได้ ขอแค่เธอเป็นคนยกมาเสิร์ฟ ดังนั้นยากิโซบะที่เสิร์ฟจากมือคู่นั้นก็จะต้องเป็นของอร่อยเลิศรสที่ภัตตาคารอาหารจีนเลิศหรูก็ยังทาบไม่ติดแน่ ระดับความคาดหวังกำลังพุ่งทะลุขีดเพดานในสมองว่ามันจะต้องทำให้ท้องผมตะโกนลั่นโลกว่าอร่อยเหาะได้แน่ ทุกย่างก้าวที่เดินขึ้นบันไดอาคารเรียนไปมันรู้สึกโลดแล่นราวกับใส่รองเท้าติดปีกก็ไม่ปาน
ทว่าในขณะที่ผมอยู่ในอารมณ์สุขสันต์เหมือนกำลังก้าวขึ้นบันไดไปสรวงสวรรค์ เพื่อนร่วมทางดันบ่นเสียงออดๆ แอดๆ
?ไหนๆ ก็ไหนๆ น่าจะให้บัตรกินฟรีมาเลยน้า?
เจ้าของคำพูดได้คืบจะเอาศอกนี้นอกจากทานิงุจิก็ไม่มีใครอื่น ผมต้องรับผิดชอบที่ทำให้มันตกน้ำตอนถ่ายทำด้วยเลยคิดว่าถือโอกาสนี้ชวนไถ่โทษละกัน แล้วนี่มันยังจะเรียกร้องอะไรอีก
?ก็นายทำให้ฉันต้องตกลงไปดำน้ำเล่นฟรีๆ เลยนี่หว่า แถมไม่เชิญฉันไปดูรอบปฐมทัศน์อีก ไม่ใช่ว่าตัดฉากที่ฉันแสดงทิ้งหรอกนะ แล้วก็บัตรลดราคายากิโซบะ 30 เปอร์เซ็นต์มันไม่พอจะชดใช้ที่ทำให้ฉันเปียกไปทั้งตัวด้วย?
เลิกบ่นงี่เง่าสักที นี่เป็นบัตรลดราคาที่คุณอาซาฮินะมายื่นให้กับมือเลยนะ และคนที่ต้องแสดงหนักที่สุดทั้งที่ไม่ได้ค่าตัวสักแดงเดียวก็เป็นคุณอาซาฮินะด้วย ความเสียสละของเธอเป็นอะไรที่น่าสรรเสริญขนาดอยากไปเจรจากับคณะกรรมการเพื่อขอส่งชื่อเธอเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ
?ไม่พอใจก็ไม่ต้องมา รีบกลับไปเลย?
ผมพูดอย่างขุ่นเคือง ในขณะที่เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันช่วยเป็นคนกลางพูดไกล่เกลี่ยให้
?น่าๆ จะเป็นไรไปล่ะ ทานิงุจิ ยังไงก็ตั้งใจจะทัวร์บริโภคอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ก็สู้รับความปรารถนาดีไว้ด้วยความเต็มใจเถอะ?
คนพูดคือคุนิคิดะ เพื่อนร่วมชั้นที่มีใบหน้ายิ้มแย้มสดใสคนละความหมายกับโคอิซึมิ
?แล้วก็ถ้าไปกับเคียวน์ก็อาจได้รับบริการเป็นพิเศษก็ได้ อย่างใส่กะหล่ำปลีให้เยอะๆ ทานิงุจิเองก็เอาแบบนี้ดีกว่าใช่มั้ย~?
?ก็นะ?
ทานิงุจิตอบง่ายๆ
?แต่ก็ขึ้นอยู่กับรสชาติด้วย นี่ เคียวน์ คุณอาซาฮินะไม่ได้เป็นคนทำอาหารสินะ?
จะว่าไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอบอกทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร แต่จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงกันนะ
?เฮ้อ ไม่รู้จะว่าไงดีแฮะ ฉันรู้สึกว่าเธอมีอิมเมจของคนที่ฝีมือทำอาหารไม่เอาอ่าว อย่างใส่น้ำตาลผิดเป็นใส่เกลือ ถ้าเป็นเธอคนนั้นก็ไม่น่าแปลกอะไรด้วย?
จะหมอนี่ก็ดี จะฮารุฮิก็ด้วย ไม่รู้เห็นคุณอาซาฮินะเป็นอะไร ต่อให้เธอรับหน้าที่ตัวละครสาวใช้ที่เป็นมาสค็อตก็เถอะ แต่คนซุ่มซ่ามได้ขนาดนั้นก็เห็นมีแต่ในโลกของเรื่องแต่งเท่านั้น อย่างมากเธอก็แค่ทำไทม์แมชชีนหายแล้วก็ตื่นตูมไม่รู้จะทำยังไงดีเท่านั้น แต่ถ้ามองในแง่ว่าเธอเป็นคนจากโลกอนาคตมันก็ไม่ไหวนะ
?ตื่นเต้นจังเลยเนอะ? คุนิคิดะพูด ?ได้ข่าวว่าเป็นร้านอาหารที่แต่งคอสเพลย์ด้วย ตอนเห็นแต่งชุดสาวเสิร์ฟถ่ายหนังกับชุดสาวหูกระต่ายเมื่อนานมาแล้วก็ตกใจแทบแย่ ไม่รู้คราวนี้จะแต่งชุดอะไรน้า?
?ให้ตายสิ?
ทานิงุจิเองก็พลอยพยักหน้าเห็นพ้องไปด้วย เพราะเจ้าพวกนี้ไม่ชินกับคุณอาซาฮินะในชุดสาวใช้เหมือนอย่างผมนี่นะ อย่างน้อยก็ช่วยกันสงสารคนใส่บ้างเถอะ
ตอนเดินพ้นบันไดขึ้นมาบนทางเดินผมก็เริ่มวาดภาพเหมือนกัน พูดถึงสาวเสิร์ฟ สมองผมก็ชักสัปดนนึกออกแต่ชุดเซ็กซี่ที่ใช้ตอนถ่ายหนังไปแล้ว การจะล้างตาล้างใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสดังเดิมได้เห็นทีคงไม่มีทางอื่นนอกจากพิศคุณอาซาฮินะที่แต่งชุดที่ถูกควรและเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีมาเสิร์ฟยากิโซบะให้ซะแล้ว ที่จริงผมมักคิดเสมอ รสนิยมเรื่องเสื้อผ้าของฮารุฮิสุดโต่งเกินไป ก็ขนาดแต่งชุดสาวหูกระต่ายไปยืนหน้าโรงเรียนได้อย่างไม่ขวยเขินเลยนี่นะ เพราะเจ้าตัวมีความหน้าหนาที่ไร้ซึ่งยางอายมันก็เลยไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดว่าใครๆ จะมีความหน้าหนาไร้ซึ่งยางอายแบบตัวเองล่ะก็คิดผิดถนัดล่ะ
ชุดสาวเสิร์ฟที่เพื่อนผู้มีความมุ่งมั่นในห้องของคุณอาซาฮินะตัดเองเรอะ......
เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องเอาอย่างทานิงุจิแล้ว พูดจากใจจริงเลย อยากเห็นสุดๆ

บนทางเดินในอาคารวันนี้ถูกปูด้วยผ้ายางสีเขียวเหมือนปูพรมแดงราคาถูก ปกติที่นี่มีกฎห้ามไม่ให้ใส่รองเท้าที่ใส่เดินข้างนอกเข้ามาในอาคารเรียน แต่ในงานวัฒนธรรมมีแขกทั่วไปจากข้างนอกมาเที่ยวชม วันนี้กับวันพรุ่งนี้จึงให้ใส่รองเท้าธรรมดาย่ำเข้ามาในอาคารได้ ชุดคนที่เดินไปเดินมาในวันนี้เลยหลากหลายลานตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ปกครองของนักเรียนที่เป็นสมาชิกชมรมวิชาการและมีโอกาสแสดงผลงานในงานนี้ก็มาด้วย นอกจากนั้นสำหรับชาวเมืองในละแวกนี้มันคงเป็นที่ฆ่าเวลาอย่างดี แพทเทิร์นชวนเพื่อนสมัยมัธยมต้นที่ไปเข้าเรียนมัธยมปลายที่อื่นก็น่าจะเยอะด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะนักเรียนหญิงโรงเรียนสตรีที่ตั้งอยู่ใต้เขา นี่จึงเป็นโอกาสเดียวในรอบปีที่จะจีบสาวๆ พวกนั้น ผู้ชายที่โหยหาการพบรักสาวเองก็ไม่ได้มีแค่ทานิงุจิคนเดียวด้วย
บนทางเดินที่เด่นไปด้วยชุดอื่นนอกจากชุดโรงเรียนเขตเหนือ พวกเรา 3 คนเดินดูไปเรื่อยๆ เหมือนปลาซาร์ดีนที่แหวกว่ายไปตามเหยื่อล่อ ผ่านหัวมุมอาคารเรียนที่มีห้องเรียนของปี 2 เรียงราย กระทั่งมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่อยู่ระหว่างร้านเกมทุบตัวตุ่นกับห้องทำบอลลูนอาร์ทที่ใช้ลูกโป่งทำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ
กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอจากแผ่นเหล็กร้อนๆ ป้ายตั้งพื้นหน้าทางเข้าซึ่งเขียนว่า ?ร้านยากิโซบะดงกุริ*? นอกจากนั้นยังมีคนยืนเข้าแถวยาวเป็นงู ไม่สิ ที่สำคัญกว่าคือภาพและเสียงจากข้างหน้าสุด
?ไง! เคียวน์คุงกับเพื่อนๆ! ทางนี้ ทางนี้ ยินดีต้อนรับจ้า~?
ใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงสดใสร่าเริงโผงผางที่ไม่มีทางดูผิดหรือฟังผิดแน่ต่อให้อยู่ห่างกันเป็น 10 เมตรก็ตาม คนที่ยิ้มได้อย่างสดใสอย่างนี้ ถ้าตัดฮารุฮิที่ชอบยิ้มอย่างนี้ตอนคิดเรื่องแผลงๆ ออกก็มีอีกแค่คนเดียวที่ผมรู้จัก
?มีลูกค้ามาใหม่ 3 ท่าน ขอบคุณที่มาอุดหนุนจ้า!?
เธอคือคุณซึรุยะ หนำซ้ำยังอยู่ในชุดสาวเสิร์ฟ
คุณซึรุยะโบกไม้โบกมือให้ตรงหน้าโต๊ะที่เอามาตั้งบนทางเดิน บางทีเธออาจทำหน้าที่เป็นเด็กขายบัตรแล้วก็อาจทำหน้าที่เรียกลูกค้าควบไปด้วยเลยก็ได้
?เป็นไง ชุดนี้ดูดีสุดๆ ไปเลยใช่ม้า? หืม ว่าไงจ๊ะ??
คุณซึรุยะออกมาข้างแถว เดินเข้ามาใกล้พวกเราอย่างรวดเร็ว
?คือแบบว่ามัน?
ผมมองคุณซึรุยะด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างไม่มีความหมาย
เพราะมัวแต่เพ้อถึงคุณอาซาฮินะเวอร์ชั่นสาวเสิร์ฟเลยลืมไปว่าคุณซึรุยะก็อยู่ห้องเดียวกัน ส่วนทานิงุจิกับคุนิคิดะเองก็จ้องสาวรุ่นพี่ผมยาวกันยกใหญ่ พวกมันทำหน้าแบบนักตกปลาที่นึกว่าตกได้ปลาตาเดียวแต่กลายเป็นว่าปลาที่ติดเบ็ดคือปลาลิ้นหมา ไม่แปลกอะไร เพราะถึงจะไม่รู้ว่าใครออกแบบชุด แต่ที่รู้ๆ คือคนออกแบบจะต้องมีพรสวรรค์ไม่น้อยแน่ ชุดสาวเสิร์ฟนั้นมีลักษณะแตกต่างกับชุดสาวเสิร์ฟที่คุณอาซาฮินะใส่ตอนถ่ายทำหนัง มันไม่ล่อแหลมเกินไปแล้วก็ไม่จืดเกินไป ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของผู้สวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูเด่นมากเกินเหตุ สรุปแล้วมันคือความลงตัวที่ช่วยดึงเสน่ห์ของผู้สวมใส่ออกมาได้อย่างเหมาะสม จะให้เสนอเป็นผลงานสุดยอดแห่งปีเลยก็ยังได้
แถมนี่ยังเป็นการจับคู่อันสุดยอดของชุดสุดยอดและผู้สวมใส่สุดยอดที่ทำเอาผมใส่ซับไตเติ้ลบรรยายแทบไม่ทัน ขนาดคุณซึรุยะใส่แล้วยังน่ารักชวนฝันขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นคุณอาซาฮินะจะไม่น่ารักขนาดทำให้หัวใจละลายไปเลยเรอะ
?คงขายดีสินะครับ?
เธอตอบกลับมาทันที
?ว่ะ ฮะ ฮะ ฮะ เป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะ?
คุณซึรุยะจับจีบกระโปรงขึ้นเล็กน้อย พูดออกมาตรงๆ อย่างไม่สนใจสายตารอบข้าง
?ทั้งที่เป็นยากิโซบะรสชาติไม่เอาไหนที่ใช้วัตถุดิบถูกๆ ทำแท้ๆ แต่กลับมีลูกค้ามาอุดหนุนขนาดนี้ ไม่รวยงานนี้ก็ไม่รู้จะรวยงานไหนแล้ว! ขนาดหุบยิ้มไม่อยู่เลยล่ะ?
เป็นคนหัวเราะอย่างมีความสุขได้ทุกเมื่อเลยจริงๆ งานนี้ไม่ต้องถึงขนาดใช้ความคิดหาเหตุผลเลยว่าทำไมคนเข้าแถวยาวเหยียดนี้ถึงมีแต่ผู้ชาย เพราะว่าพอได้เห็นรอยยิ้มของคุณซึรุยะก็ทำให้ผมรู้สึกสุขอกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาด วันนี้รู้เลยว่าเพศที่ถูกหลอกง่ายคือผู้ชาย
คุณซึรุยะโปรยรอยยิ้มแจกแหลกให้พวกเราที่เพิ่งมาต่อท้ายแถว
?ขอค่าอาหารล่วงหน้าด้วยจ้า! ส่วนเมนูมีแค่ยากิโซบะกับน้ำนะ ยากิโซบะ 300 เยน น้ำประปาฟรี เติมได้เรื่อยๆ!?
ผมส่งบัตรลดราคาที่ได้รับมา
?เอ่อ 3 คนสินะ? งั้นทั้งหมด 500 เยนก็ได้ บริการพิเศษ!?
เมื่อหย่อนเหรียญที่รับไปลงกระเป๋ากระโปรงผ้ากันเปื้อนก็ส่งบัตรยากิโซบะให้ผม 3 ใบ
?งั้นคอยแป๊บนึงน้า เดี๋ยวก็ถึงคิวแล้วล่ะ?
คุณซึรุยะพูดก่อนกลับไปโต๊ะหน้าห้องพร้อมกับเสียงเศษตังค์ดังกุ๊งกิ๊งในกระเป๋ากระโปรง หลังจากคนแถวหน้าสุดซึ่งอยู่หลังเธอหายเข้าไปในห้อง
?ร่าเริงจริงน้า กระปรี้กระเปร่าอย่างนั้นทุกวันเขาไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ?
คุนิคิดะก็พูดอย่างชื่นชม ส่วนทานิงุจิกระซิบกับผม
?เคียวน์ ฉันสงสัยมานานแล้ว คนนั้นเขาเป็นใครกันแน่ ใช่หนึ่งในพรรคพวกของนายกับสึซึมิยะรึเปล่า?
?เปล่า?
เป็นคนนอกเหมือนกับพวกนาย บางเวลาที่ขาดคนก็เชิญมาเป็นแขกรับเชิญ แต่ก็ออกจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาสักหน่อย

ผมเดาว่าคำว่า ?เดี๋ยว? ของคุณซึรุยะคงสักครึ่งชั่วโมงแน่ หลังยืนรอได้ราว 30 นาที ในที่สุดแถวหน้าก็ร่นไปจนถึงคิวพวกเราเข้าห้องสักที ช่วงที่พวกเรารอเองก็มีคนมาต่อหลังอย่างไม่ขาดสาย แถมทั้งแถวนี่ก็ผู้ชายหมดทั้งก๊ก แต่พวกเราที่เป็นส่วนหนึ่งของแถวที่ว่าก็ไม่มีสิทธิ์บ่นอยู่ดีอ่ะนะ
สภาพภายในห้องเรียนครึ่งหนึ่งของในห้องเป็นครัวทำอาหาร ส่วนอีกครึ่งเป็นโต๊ะกินข้าวของลูกค้า มีแผ่นเหล็กหลายแผ่นส่งเสียงซู่ๆ และปล่อยควันของยากิโซบะออกมาอย่างขะมักเขม้น คนทำยากิโซบะเป็นผู้หญิงใส่ผ้ากันเปื้อนทำครัวสีขาว แต่คนใช้มีดหั่นวัตถุดิบก็เป็นผู้หญิงหมดอีกเหมือนกัน สงสัยจริงแฮะว่าผู้ชายห้องนี้ไปทำอะไรที่ไหนกันหมด
ภายหลังผมลองถามคุณซึรุยะจึงได้ความว่าพวกผู้ชายห้องนี้ต้องตกเป็นเบ๊ โดนพวกผู้หญิงใช้ให้ไปซื้อวัตถุดิบกับจานกระดาษที่ไม่พอ นอกนั้นก็โดนสั่งให้เอาน้ำมาเติมกับล้างผักด้วย แบบนี้จะไม่เห็นหน้าเลยก็ไม่แปลกอะไร สรุปห้องนี้ผู้หญิงครองเมือง
คุณซึรุยะนำทางพวกเราไปถึงโต๊ะ
?เอาล่ะ นั่งตรงที่ว่างๆ ตรงนั้นนะ นี่ ขอน้ำ 3 ที่?
เสียงไพเราะอันแสนหวานตอบกลับมา
?ค่า อ๊ะ ยินดีต้อนรับจ้ะ?
สาวเสิร์ฟสุดสวยที่ถือถาดที่มีแก้วกระดาษใส่น้ำประปาคนนั้นเป็นใคร ถึงผมไม่บอกทุกท่านก็เดากันได้ล่ะมั้ง?
เมื่อคุณเธอนำน้ำฟรีมาเสิร์ฟให้พวกเราเสร็จก็กอดถาดพลางโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อม
?ยินดีต้อนรับค่ะ ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะคะ?
ยิ้มละไมอ่อนหวาน
?เคียวน์คุงกับเพื่อนๆ ที่เป็น......เอ่อ นักแสดงตัวประกอบ......?
อีก 2 หน่อขานรับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
?ทานิงุจิครับ!?
?คุนิคิดะครับ?
?อุ๊บ อาซาฮินะ มิคุรุค่ะ?
พอจะเข้าใจเหตุผลที่ติดป้ายทำเองที่เขียนว่า ?ขอความกรุณาอย่าถ่ายรูปที่นี่? ไว้ตรงกำแพงในห้องเรียนแล้วล่ะ ถ้ายอมให้ถ่ายได้มีหวังเกิดจลาจลขึ้นแน่
ก็คุณอาซาฮินะออกจะน่ารักปานนี้นี่นะ แค่ได้มองก็เคลิบเคลิ้มไปหมด แทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรเลย ยิ่งถ้าคุณอาซาฮินะกับคุณซึรุยะสวมชุดสาวเสิร์ฟที่คู่ควรแก่การมอบรางวัลออกแบบยอดเยี่ยมมายืนคู่กันล่ะก็ มันก็ไม่มีภาพใดจะชวนหลงใหลไปกว่านี้อีกแล้ว ผมคิดนะ สวรรค์คงเป็นคำที่ชี้ถึงสถานที่ที่มีภาพแบบนี้อยู่เต็มแน่
คุณอาซาฮินะเหน็บถาดไว้ข้างลำตัว หยิบตั๋วยากิโซบะขึ้นฉีกออกครึ่งหนึ่งและส่งอีกครึ่งหนึ่งที่ฉีกให้
?กรุณาคอยสักครู่นะคะ?
ก่อนเดินไปที่ครัวพร้อมกับฮุบสายตาของหนุ่มๆ ไปหมดคนเดียว
จากที่ฟังคุณซึรุยะแถลงไขด้วยรอยยิ้มก็ได้ความว่า
?มิคุรุทำหน้าที่ฉีกบัตรอาหารน่ะ แล้วก็เก็บจานกับเติมน้ำ ให้ทำได้เท่านั้นแหละ เพราะถ้าให้ยกยากิโซบะไปเสิร์ฟก็มีแววว่าจะสะดุดหกล้มด้วย เป็นคนป๊อปก็มีสิทธิพิเศษอย่างนี้ล่ะนะ?
เห็นด้วยบวกล้านแต้มเลยครับ คุณซึรุยะ

คนยกอาหารมาเสิร์ฟเป็นรุ่นพี่ปี 2 คนอื่น ส่วนยากิโซบะที่เอามาก็หนักไปทางกะหล่ำปลีแต่เนื้อกลับมีน้อย ส่วนความอร่อยถ้าถามว่าอร่อยมั้ยคงต้องบอกว่าอร่อยซอสซะมากกว่า ระหว่างนั้นคุณอาซาฮินะก็กำลังยุ่งอยู่กับการเสิร์ฟน้ำกับฉีกบัตรโต๊ะโน้นทีโต๊ะนี้ทีจนหันไปหันมาเป็นนกเขนน้อย ลงท้ายก็บริการพวกเราได้เต็มที่แค่มาเติมน้ำเย็นที่ไม่เย็นเท่าไหร่ให้พวกเราได้ครั้งเดียว ส่วนคุณซึรุยะก็เดินไปเดินมาระหว่างในห้องกับหน้าห้องด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจตลอด ดูจากบรรยากาศแล้วคงจะนั่งแช่ก้นนานไม่ได้
ด้วยเหตุนี้พอยากิโซบะมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ พวกเราก็กินทำเวลาจนหมดเกลี้ยงใน 5 นาทีและต้องอำลาร้านอย่างรวดเร็ว บอกตรงๆ ยังไม่รู้สึกว่าได้กินอะไรเข้าไปเลย
?เอาไงต่อ??
คุนิคิดะถาม
?ฉันอยากดูหนังที่พวกเคียวน์ถ่ายนะ อยากดูว่าตัวเองถ่ายออกมาเป็นยังไงด้วย ทานิงุจิล่ะ??
?หนังพรรค์นั้นให้ดูฟรียังไม่อยากเลย?
ทานิงุจิยังคงบ่นไม่เลิกพลางหยิบแผ่นพับของงานวัฒนธรรมออกมาจากกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบ
?แค่หม่ำยากิโซบะเฉยๆ ยังไม่พอหรอก ฉันอยากไปนั่งกินบาร์บีคิวปาร์ตี้ของชมรมวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ก่อนหน้านั้น?
แล้วก็แสยะยิ้ม
?โอกาสเจ๋งๆ มันไม่ค่อยมีหรอกนะ ไปจีบหญิงกันเถอะ จีบหญิง เล็งหญิงที่แต่งชุดไปรเวทนะ ถ้าหาดีๆ จะต้องเจอพวกที่มากัน 3 คนแน่ ตามทฤษฎีที่ได้จากประสบการณ์ของฉัน ถ้าเล็งจีบกลุ่มนั้นก็จะตามเรามาต้อยๆ แน่?
ทฤษฎีสถาบันไหนกัน ของที่ได้จากประสบการณ์ที่โอกาสสำเร็จแทบเป็นศูนย์นั่นมันจะใช้การได้เรอะ
ผมส่ายหน้าทันที
?ขอผ่าน เชิญพวกนายไปกัน 2 คนเถอะ?
?ฮึ?
รอยยิ้มที่ชวนให้ไม่สบอารมณ์ของทานิงุจิกับคุนิคิดะที่พยักหน้าเห็นพ้องแบบไม่มีหัวคิดต่างก็ทำให้ผมหงุดหงิดทั้งคู่ ไม่ว่าจะพูดยังไงฉันก็ไม่ร่วมด้วย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะโดนคนรู้จักเห็นตอนกำลังจีบ แต่ เอ่อ แบบว่านะ
?ตามใจ เคียวน์ นายมันก็คนแบบนี้ล่ะนะ ไม่สิ ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว ลงท้ายมิตรภาพมันก็ไม่ใช่ของยิ่งใหญ่อะไร?
ทานิงุจิถอนหายใจแบบจงใจ ในขณะที่คุนิคิดะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า
?แต่ว่านะ ทานิงุจิ ฉันว่าฉันก็ไม่ไปจีบด้วยดีกว่า ขอโทษนะ ช่วยทำให้สำเร็จคนเดียวแล้วค่อยแนะนำเพื่อนของผู้หญิงคนนั้นให้ฉันทีหลังได้มั้ย? แบบนี้น่าจะเรียกว่ามิตรภาพมากกว่าล่ะมั้ง?
อย่างลักลั่นย้อนแย้งก่อนจะ
?แล้วค่อยเจอกันนะ?
เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทานิงุจิที่ถูกทิ้งไว้ทำหน้าเอ๋อรับประทาน แต่ผมเองก็เอาอย่างคุนิคิดะอย่างไม่สนใจ
?งั้นขอให้โชคดีนะ ทานิงุจิ ไว้ตอนเย็นช่วยบอกเปอร์เซ็นต์สำเร็จให้ฟังด้วยล่ะ ถ้าสำเร็จน่ะนะ?

เอาล่ะ ไปไหนต่อดี
กลับห้องชมรมก็ไม่มีใครอยู่ หรือต่อให้มีก็แค่ฮารุฮิ ถ้าเดินเที่ยวงานในโรงเรียนกับยัยนั่นสองคนก็อาจตกเป็นข่าว ภาพพจน์เสียหายได้ พอคิดอย่างนั้นขาผมก็เลี่ยงไปที่อื่นโดยธรรมชาติ บางทีตอนนี้อาจยังยืนแจกใบปลิวโฆษณาอยู่หน้าโรงเรียนในชุดสาวหูกระต่ายอยู่ก็ได้ แต่ถ้าอย่างนั้นคงมีใครเข้าไปสั่งให้หยุดแล้วล่ะ ถ้าโดนหยุดก็มีหวังกลับห้องชมรมอย่างอารมณ์บูดคนเดียวแน่ ขอล่ะ ขอแค่วันนี้เท่านั้น ให้ฉันได้เป็นไททีเถอะ พรุ่งนี้แม่กับน้องสาวก็จะมาด้วย ถ้าได้เจอฮารุฮิก็ท่าจะมีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นอีกแน่
ผมเช็คใบโปรแกรมงานอีกครั้ง ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ จะให้เดินชมซุ้มจัดแสดงของน่าเบื่ออย่างตอบแบบสอบถามในโรงเรียน ดอกทัมโปโปะที่ปลูกในประเทศ งานวิจัยขยายพันธุ์เทียมก็ใช่ที หรือชมภาพยนตร์ที่ไปถ่ายทำกันมาที่มีอย่างน้อยชั้นปีละ 2 เรื่องก็ยิ่งขยาดจากใจเข้าไปใหญ่ ละครของมือสมัครเล่นกับคฤหาสน์วงกตที่ใช้กล่องกระดาษทำก็ไม่น่าดึงดูดใจนัก ของชมรมแฮนด์บอลเองก็ไม่รู้ว่าการเชิญโรงเรียนอื่นมาแข่งขันด้วยมันมีความหมายอะไร? แต่อาจารย์ประจำชั้นโอคาเบะดูจะเต็มที่กับงานนี้เป็นพิเศษ
?ที่พอจะฆ่าเวลาได้ก็......?
เป้าสายตาผมหยุดทันที ในงานวัฒนธรรมมีงานแสดงใหญ่ บางทีคนที่ลงแสดงงานนั้นคงเป็นพวกที่ตั้งใจซ้อมหนักกว่าใครๆ เพื่องานนี้โดยเฉพาะ มาคิดดูก็หลายสัปดาห์เลยนี่นะที่ได้ยินเสียงเป่าแตรดังหนวกหูทุกเย็น
?คอนเสิร์ตของพวกชมรมแตรวงเรอะ?
ผมเช็คแผ่นพับอีกครั้ง น่าเสียดาย พวกนั้นแสดงกันพรุ่งนี้ ดูเหมือนชมรมที่ใช้หอประชุมจะมีเยอะ ชมรมแสดงละครกับชมรมร้องเพลงประสานเสียงก็ดูเหมือนจะแสดงพรุ่งนี้ ส่วนชมรมที่แสดงวันนี้ก็?
?ชมรมดนตรีสากลกับงานแสดงของวงดนตรีทั่วไปสินะ?
ก็ไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นวงที่เอาเพลงฮิตติดหูมาเล่นตามปกติ แต่ก็คิดว่านานทีปีหนไปดูคนเล่นดนตรีสดๆ บ้างก็ไม่เลว บางทีความร้อนแรงกับความมุ่งมั่นอุตสาหะที่มากกว่าตอนผมทำหนัง 100 เท่าอาจอยู่ ณ แห่งนั้นก็ได้ ไปนั่งฟังผลแห่งความพยายามและปล่อยให้ใจล่องลอยดีกว่า อย่างน้อยในช่วงนั้นคงทำให้หัวลืมๆ หนังทำเองที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ล่ะน่า
?อยากมีเวลาอยู่เฉยๆ คนเดียวด้วยนี่นะ?
ผมคิดอย่างนั้นไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำลายความคิดนั้นแหลกเป็นผุยผงรออยู่ที่นั่น
ผมยังอ่อนหัดเกินไปที่หลงคิดว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าขอบเขต ทั้งที่รู้จักตัวตนที่ไม่เคยสนใจขอบเขตใดๆ อยู่แล้วทั้งคนแต่กลับลืมไป ขนาดเพิ่งถูกดึงเข้าไปเอี่ยวกับปรากฏการณ์ไร้ขอบเขตเมื่อวันก่อนแหม็บๆ แท้ๆ หรือนี่จะเป็นขีดจำกัดของคนธรรมดา มันคือความคิดตื้นๆ ที่เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกหลังเจอเหตุการณ์พิลึกพิลั่นมาตลอด เป็นไปได้ก็อยากเหลือไว้เป็นคำสอนแก่อนุชนรุ่นหลัง ส่วนเรื่องใครจะสนใจมาเรียนรู้คำสอนพรรค์นั้นก็เอาไว้ก่อน

มีเสียงอึกทึกดังมาจากหอประชุมที่ประตูเปิดกว้าง เสียงมันดังประมาณว่าถ้าเทพวายุกับเทพอัสนีอุตริเปิดคอนเสิร์ตตามใจฉันบนสวรรค์ก็คงดังแสบแก้วหูประมาณนี้ ส่วนคุณภาพก็ประมาณคอนเสิร์ตไลฟ์เฮ้าส์ราคาถูกที่โชว์จิตวิญญาณร็อคเต็มเปี่ยมแต่ขอแค่จังหวะใช้ได้เทคนิคก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อย่างถั่วหมักก็ไม่จำเป็นต้องใส่ผักหรือเครื่องเทศเสมอไป อันที่จริงผมก็ไม่เคยใส่หรอกเพราะไม่ได้อยากกินผักหรือเครื่องเทศ เป้าหมายหลักคือถั่วหมักอยู่แล้ว ถ้าใส่ผักหรือเครื่องเทศเพิ่มรสชาติแต่แรกก็เหมือนเป็นการเสียมารยาทต่อถั่วหมักน่ะสิ
ผมมองไปรอบๆ ในหอประชุม ที่นี่มีเก้าอี้พับเป็นที่นั่งของผู้ชมตั้งเรียงแออัดกัน ส่วนผู้ชมที่นั่งชมก็มีราว 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นผลสรุปจากผู้จัดงานคงบอก 80 บนเวทีมีวงดนตรีสมัครเล่นตั้งใจเล่นเพลงป๊อปที่เหมือนเคยได้ฟังที่ไหนตามต้นแบบเป๊ะ อันที่จริงก็เข้าใจอยู่หรอกว่าตั้งใจเล่น แต่มันแบบว่านะ รู้สึกได้เลยว่าสมาชิกชมรมกระจายเสียงคงมีปัญหากับการปรับเสียงให้ลงตัวแหง
เนื่องจากมีแสงไฟส่องไปเฉพาะบนเวทีจึงทำให้รอบข้างมืดสลัวเล็กน้อย ผมมองหาแถวที่มีเก้าอี้ว่างทั้งแถวและนั่งลงอย่างสงบตรงริมแถวนั้น
ตามโปรแกรมดูเหมือนจะเป็นการแสดงของสมาชิกชมรมดนตรีสากลสลับกับวงดนตรีทั่วไปที่มาร่วมลงแสดง มีแค่ที่นั่งแถวหน้าๆ เท่านั้นที่มีแต่คนยืนดูกันหมด ในกลุ่มนั้นมีบางคนที่ร่างกายออกจังหวะตามด้วย แต่เชื่อว่าคงเป็นคนรู้จักกับคนแสดงไม่ก็หน้าม้าแน่ เพียงแต่ทั้งที่กะว่าจะมานั่งฟังเงียบๆ แต่ลำโพงก็ดันเปิดซะดังลั่นหอประชุมเชียว
ผมเอามือประสานไว้หลังหัวแทนหมอน นั่งเอนหลังดูไปได้สักพัก สมาชิกที่เป็นนักร้องนำก็อาศัยช่วงบรรเลงดนตรีในเพลงสุดท้ายแนะนำสมาชิกในวง ทำให้ผมรู้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มเพื่อนซี้ย่ำปึ้ก 5 คนที่อยู่ปี 2 ชมรมดนตรีสากล แต่เชื่อว่าอีก 3 วันข้อมูลสัพเพเหระพวกนั้นคงหลุดไปจากสมองแล้ว
ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องดนตรีมากพอจะบรรยายได้ แล้วก็ไม่ได้มีความมุ่งมั่นจะชมการแสดงอย่างจริงจังจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็แค่มาพักผ่อนเฉยๆ ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยตัวตามสบายเต็มที่
ดังนั้นตอนที่สมาชิกวงต่อไปขึ้นมาแทนวงดนตรี 5 คนที่โบกไม้โบกมือขณะเดินหายไปข้างเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือให้ดังเปาะแปะ?
ผมแทบไม่อยากเชื่อตาตัวเองเลย
?หยึย?
ผมรู้ได้เลยว่าบรรยากาศในหอประชุมเปลี่ยนไปหมด ครืด? เชื่อว่าในหัวทุกคนคงมีเสียงเอฟเฟกต์ก้าวถอยห่างไป 10 เมตรดังก้องอยู่ในหัวแน่
?ทำอะไรอยู่น่ะ ยัยบ้านั่น!?
ผมไม่ต้องเสียเวลานึกเลยว่าคนที่เดินถือขาตั้งโน้ตเพลงขึ้นไปตรงขาตั้งไมค์บนเวทีนั้นเป็นใคร ยัยนั่นสวมชุดสาวหูกระต่ายที่ผมเคยเห็น ใบหน้าที่คุ้นตาและรูปร่างนั้นที่กำลังอาบแสงสปอตไลท์อยู่
หูกระต่ายติดหัวแกว่งไกว ชุดที่เผยผิวขาวเนียนผ่อง ต่อให้เอาตาของใครมาใส่แทนก็จะต้องมองเป็นบุคคลเดียวกับตาของผมแน่
สึซึมิยะ ฮารุฮินี่หว่า
ทำไมฮารุฮิถึงขึ้นไปยืนทำหน้าจริงจังอยู่กลางเวทีได้
ถ้าแค่นั้นยังพอว่า
?พรวด?
ขอให้คิดว่าเป็นเสียงประกอบที่ผมปล่อยลมหายใจทั้งหมดออกมาจากปอดก็แล้วกัน เสียงนั้นดังขึ้นตอนผมเห็นคนที่ 2 เดินตามออกมาทีหลัง
บางเวลาเธอก็เป็นจอมเวทต่างดาวผู้ชั่วร้าย บางเวลาเธอก็เป็นนักทำนายชุดดำที่อังมือเหนือลูกแก้ว
?......?
ดูเหมือนไม่มีเสียงจะเปล่งออกมาแล้ว
นางาโตะ ยูกิอยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำกับหมวกยอดแหลมสีดำที่ผมชักจะเห็นจนเอียน หนำซ้ำยังสะพายกีตาร์ไฟฟ้าทั้งชุดนั้นด้วย อะไรมันกำลังจะเกิดขึ้นกันเนี่ย
นี่ถ้าคุณอาซาฮินะกับโคอิซึมิโผล่มาด้วยผมคงเบาใจ แต่คนที่ 3 กับคนที่ 4 ที่ขึ้นมากลับเป็นนักเรียนหญิงธรรมดาที่ผมไม่คุ้นหน้าเลย ดูจากรูปร่างและรัศมีความเป็นผู้ใหญ่เชื่อว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ปี 3 คนหนึ่งถือเบสไฟฟ้า ส่วนอีกคนเดินไปหากลองชุด ดูจากสถานการณ์แล้วคงไม่มีสมาชิกอื่นมาเพิ่มอีก
ทำไมกัน นั่นใช่ชุดที่ใช้ในงานวัฒนธรรมของฮารุฮิกับนางาโตะแน่นอน แต่ทำไม 2 คนนั่นถึงไปร่วมวงของสมาชิกชมรมดนตรีสากลได้ หนำซ้ำฮารุฮิยังจับไมค์อยู่ในตำแหน่งที่เป็นตัวเด่นด้วยนะ?
ขณะที่ผมกำลังเคลียร์เควสชั่นมาร์คที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมาชิกวงปริศนา 4 คนก็ดูเหมือนจะเข้าประจำที่ของตัวเองแล้ว ท่ามกลางสายตาผู้ชมที่ต่างฮือฮาและผมที่ฮือไม่ออก สมาชิก 2 คนที่เล่นเบสกับกลองก็เริ่มทดสอบเสียงเครื่องดนตรีของตัวเองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด นางาโตะแค่ประครองกีตาร์อยู่นิ่งๆ
ส่วนฮารุฮิเอาปึกกระดาษที่น่าจะเป็นโน้ตเพลงตั้งบนขาตั้งโน้ตเพลงก่อนจะค่อยๆ มองไปรอบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวอย่างนี้เชื่อว่าไม่มีทางมองเห็นที่นั่งของผมแน่ ฮารุฮิเคาะไมค์เช็คดูว่าสวิตช์เปิดแล้วรึยังก่อนจะหันไปทางคนตีกลองและพูดอะไรบางอย่าง
ไม่มีการกล่าวทักทาย พูดเกริ่นหรือเล่นดนตรีแนะนำตัว คนตีกลองยกไม้ขึ้นตีแล้วก็เริ่มกันทันที เพียงแค่จังหวะอินโทรนั้นผมก็เริ่มนั่งไม่ติดที่ เพราะว่านางาโตะเธอเล่นเทคนิคกีตาร์ขั้นเทพจนนึกว่ามาร์ก นอฟเลอร์* ไม่ก็ไบรอัน เมย์** มาเล่นเอง หนำซ้ำยังเป็นดนตรีที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มันอะไรกันเนี่ย?สมองผมคิดอย่างนั้นได้แค่แวบเดียวฮารุฮิก็เริ่มร้องเพลงขึ้นตามทันที
ด้วยน้ำเสียงใสราวกับจะส่งไปถึงดวงจันทร์
แต่ก็ดูโน้ตเพลงตามไปด้วย

ช่วงเพลงแรก ผมยังไม่ฟื้นจากสภาพผิดปกติ ถ้าในเกมภาษามีคาถาที่ทำให้ตกอยู่ในสภาพ ?ตะลึง? สภาพผมตอนนี้คงไม่ต่างจากมอนสเตอร์ที่ตกอยู่ในสภาพนั้น
ฮารุฮิเอาแต่ยืนร้องนิ่งๆ ไม่มีออกท่าทางลีลา แต่ต้องดูโน้ตไปด้วยร้องไปด้วยก็คงออกสเต็ปเต้นไม่ไหวล่ะ
เธอร้องไปเรื่อยๆ กระทั่งเพลงแรกจบลง ปกติถ้าถึงตรงนี้ก็จะมีเสียงคนโห่ร้องชื่นชมไม่ก็ปรบมือให้เกรียวกราว แต่ผู้ชมทุกคนในหอประชุมนี้ก็เป็นเหมือนอย่างผม ปากกับมือไม้แข็งเป็นหินไปหมด
ไม่เข้าใจเหตุผลเลย ในหัวผมเอาแต่สงสัยว่าทำไมฮารุฮิถึงทำอย่างนี้? แล้วก็ยังตกใจกับเทคนิคเล่นกีตาร์อันไพเราะของนางาโตะด้วย เชื่อว่าสมาชิกชมรมดนตรีสากลคนอื่นๆ ก็คงสงสัยเหมือนกัน ส่วนแขกทั่วไปที่ไม่รู้จักฮารุฮิก็คงคิดแบบนี้ล่ะมั้ง ทำไมถึงแต่งชุดสาวหูกระต่าย?
ในหอประชุมเงียบกริบเหมือนในหลุมหลบภัยหลังถูกทิ้งระเบิด ทุกคนต่างตัวแข็งทื่อไปหมดเหมือนกะลาสีเรือได้ยินเสียงร้องเพลงของไซเรน*** บนดาดฟ้าเรือเก่าๆ พอมองดูดีๆ นักเรียนหญิงที่เล่นเบสกับกลองเองก็ทำหน้าอย่างเดียวกันมองฮารุฮิกับนางาโตะ สงสัยคนที่ตกตะลึงจะไม่ได้มีแค่ผู้ชมซะแล้ว

ฮารุฮิเอาแต่จ้องข้างหน้าเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ แต่ไม่ช้าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปข้างหลัง คนตีกลองหวดไม้ลงไปอย่างลนลานและเพลงที่ 2 ก็เริ่มขึ้น

วงปริศนายังคงเล่นต่อไปโดยไม่สนใจผู้คนมากมายจนกระทั่งเข้ากลางเพลงที่ 3
ในที่สุดก็ปรับตัวได้แล้วล่ะมั้ง หูผมถึงเริ่มพร้อมฟังเนื้อเพลงกับทำนองเพลงอย่างตั้งใจเสียที เป็นเพลงแนว R&B จังหวะเร็วที่แม้ว่าจะเพิ่งฟังเป็นครั้งแรกแต่ก็ติดหูง่าย บอกได้เลยว่าเป็นเพลงที่ดีจริงๆ อาจเพราะมือกีตาร์เก่งเทพด้วย ส่วนเสียงฮารุฮิก็อืม ว่าไงดีล่ะ คงไม่เกี่ยวกับว่าเธอตะโกนแหกปากเป็นประจำหรอก แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าพลังเสียงของเธอเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ
พวกคนดูคนอื่นๆ ก็เริ่มหลุดพ้นจากสภาพถูกสาปเป็นหินและเริ่มคล้อยตามกับบนเวทีในอีกความหมายหนึ่ง
พอหันไปมองดูรอบๆ อีกที คนดูก็เพิ่มขึ้นกว่าตอนที่ผมมานั่งทีแรกอย่างมาก ระหว่างที่มอง คนหนึ่งในนั้นก็เข้ามาใกล้ในทัศนวิสัย หมอนั่นแต่งตัวเหมือนนักรบเดนมาร์กที่ใส่เสื้อไปรเวท
?สวัสดี?
ไม่รู้มันกลัวพูดไม่ได้ยินเพราะถูกเสียงจากลำโพงใหญ่กลบเอารึไงถึงต้องยื่นหน้ามาใกล้หูผม
?นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ??
หมอนั่นคือโคอิซึมิ
ไม่รู้ ผมตะโกนตอบ มองที่ชุดของโคอิซึมิ นี่กระทั่งแกก็เดินป้วนเปี้ยนด้วยชุดที่ใช้ในงานวัฒนธรรมเหมือนกันเรอะ
?จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็วุ่นวายก็เลยขอออกมาเดินเล่นทั้งชุดที่ใช้แสดงน่ะครับ?
แล้วมาที่แบบนี้ทำไม
โคอิซึมิมองฮารุฮิโชว์พลังเสียงเร่าร้อนบนเวทีด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะเสยผมปรกหน้า
?เพราะว่าได้ยินข่าวลือครับ?
กลายเป็นข่าวลือไปแล้วเรอะ
?ครับ เพราะแต่งชุดแบบนั้นด้วยน่ะ ถ้าไม่เป็นข่าวฮือฮาเลยก็ผิดปกติ และปากคนเราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้พูดได้ด้วย?
เด็กมีปัญหาขึ้นบัญชีดำของโรงเรียนเขตเหนือนามสึซึมิยะ ฮารุฮิกำลังทำอะไรบางอย่างอีกแล้ว?ดูเหมือนจะมีข่าวลือประมาณนั้นกระจายไปทั่วโรงเรียน การมีหัวข้อวีรกรรมแปลกๆ เพิ่มขึ้นในประวัติของยัยนั่น ฉันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าชื่อของกองกำลัง SOS หรือว่าฉันถูกลงเสริมเป็นคำอธิบายด้วยจะบอกไม่ใช่ธุระก็คงไม่ได้แล้ว
?ว่าแต่แสดงได้เยี่ยมไปเลยนะครับ คุณสึซึมิยะเนี่ย แล้วก็คุณนางาโตะด้วย?
โคอิซึมิยิ้มเล็กน้อยพลางหลับตาลงฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม ผมหันกลับไปเวทีอีกครั้ง จับจ้องฮารุฮิเหมือนพยายามอ่านอะไรบางอย่างจากตัวเธอ
เรื่องร้องเรื่องเล่นเครื่องดนตรีผมแทบจะเห็นด้วยกับโคอิซึมิหมด ยกเว้นเรื่องที่นักร้องนำดูโน้ตเพลงกับแผ่นเนื้อเพลงไปร้องไปนี่แหละที่ดูไม่ค่อยเหมือนแสดงสดเท่าไหร่ นอกจากนั้นผมยังรู้สึกขัดๆ อย่างไม่รู้สาเหตุ มันอะไรกันนะ ความรู้สึกแปลกๆ นี่

หลังจากร้องเพลงเร็วมาหลายเพลงก็เริ่มเปลี่ยนมาร้องเพลงช้าบ้างในเพลงที่ 4 เหมือนสอดแทรกเพลงซึ้งๆ เข้าไปบ้างเพื่อเพิ่มความหลากหลาย ตอนเพลงนี้จบผมเกิดความประทับใจเนื้อร้องและทำนองมาก นานแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้ฟังเพลงที่ซาบซึ้งไปถึงส่วนลึกของจิตใจอย่างนี้ คนที่รู้สึกอย่างนั้นไม่ใช่แค่ผมคนเดียว หลักฐานก็คือผู้ชมรอบข้างไม่แม้แต่จะกระแอมไอเลยแม้แต่นิดเดียว หอประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัดหลังเพลงจบ
ท่ามกลางสถานการณ์ที่คนนั่งเต็มที่นั่ง ในที่สุดฮารุฮิก็พูดอย่างอื่นนอกจากคำร้องเพลงใส่ไมค์สักที
?เอ่อ ทุกคน?
สีหน้าฮารุฮิเกร็งมาก
?คือที่จริงตรงนี้เราต้องแนะนำสมาชิกวงให้รู้จัก แต่ว่าฉันกับ??
ชี้ไปที่นางาโตะ
?ยูกิไม่ใช่สมาชิกของวงนี้หรอก เป็นแค่ตัวแทนค่ะ นักร้องนำกับมือกีตาร์ตัวจริงมีเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่สามารถขึ้นเวทีแสดงได้ อ๊ะ นักร้องนำกับมือกีตาร์เป็นคนเดียวกันนะ เพราะงั้นสมาชิกตัวจริงจึงมีแค่ 3 คน?
ผู้ชมต่างฟังเงียบๆ
ฮารุฮิถอยห่างจากขาตั้งโน้ตเพลงเล็กน้อย เดินเข้าไปหาคนเล่นเบส จ่อไมค์ให้กับนักเรียนหญิงคนนั้น เธอทำหน้าเหวอๆ แต่พอฮารุฮิกระซิบบอกบางอย่างก็พูดชื่อตัวเองอย่างตื่นเต้น
จากนั้นก็เข้าไปหาชุดกลอง ให้สมาชิกที่ตีกลองแนะนำตัวก่อนกลับมายืนกลางเวที
?สองคนนี้กับหัวหน้าวงที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้คือสมาชิกตัวจริงนะ เพราะฉะนั้นต้องขอโทษด้วย ฉันไม่มั่นใจเลยว่าทำหน้าที่ตัวแทนได้ดีพอมั้ย เพราะมีเวลาเตรียมตัวก่อนแสดงแค่ชั่วโมงเดียวก็เลยต้องเล่นแบบเลยตามเลย?
ฮารุฮิขยับหัวจนหูกระต่ายสั่นไหว
?จริงสิ ถ้าใครไม่อยากฟังแค่เพลงที่ตัวแทนร้อง แต่อยากฟังเสียงของนักร้องนำกับมือกีตาร์ตัวจริงก็ให้มาบอกทีหลังนะ อ๊ะ ให้เอาเทปหรือ MD มาให้แล้วอัดให้ฟรีเป็นไง โอเคมั้ย?
มือเบสพยักหน้าให้กับคำถามของฮารุฮิอย่างเก้ๆ กังๆ
?อื้ม ตกลงตามนี้นะ?
นับแต่ขึ้นเวทีไปก็เป็นครั้งแรกที่ฮารุฮิเผยรอยยิ้มให้เห็น ยัยนั่นก็คงเกร็งเหมือนกันสินะ รอยยิ้มเหมือนปลดปล่อยจากมนต์สะกด รอยยิ้มอย่างที่เคยเผยให้พวกเราเห็นประจำในห้องชมรม?ไม่สิ คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเทียบเป็นความเจิดจ้าก็คงราวๆ 50 วัตต์ล่ะน่า
ฮารุฮิหันไปยิ้มให้นางาโตะที่คงความเงียบและความไร้อารมณ์เสมอก่อนตะโกนออกมาดังเหมือนกะตะโกนให้ลำโพงแตก
?ถ้างั้นก็เพลงสุดท้าย!?

นี่เป็นเรื่องที่ผมได้ฟังในภายหลัง
?ตอนนั้นฉันแจกใบโฆษณาหนังตรงหน้าประตูโรงเรียนจนหมดเลยตั้งใจว่าจะกลับห้องชมรม?
ฮารุฮิพูด
?ระหว่างทางเห็นคนมีปากเสียงกันตรงตู้ใส่รองเท้า ใช่ คนที่มีปากเสียงกันคือพวกสมาชิกวงนั้นกับกรรมการจัดงานวัฒนธรรมของคณะกรรมการนักเรียน ฉันสงสัยว่าทะเลาะอะไรกันเลยเข้าไปดู?
ทั้งชุดหูกระต่ายเลยเรอะ
?จะชุดไหนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าหลังจากถามดูก็ได้ความว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องวงนั้นจะขึ้นแสดงไม่ได้?
ก็ไม่เห็นต้องทะเลาะกันตรงหน้าตู้ใส่รองเท้าเลยนี่
?นั่นเพราะว่าในวงที่มีสมาชิกเป็นรุ่นพี่ปี 3 ทั้งหมด 3 คนของชมรมดนตรีสากล คนที่เป็นหัวหน้าวงแล้วก็ควบตำแหน่งนักร้องนำกับมือกีตาร์รู้สึกจะไข้ขึ้นสูง เห็นว่าเป็นต่อมทอนซิลอักเสบน่ะ เป็นหนักขนาดแทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้ เท่าที่เห็นแค่ยืนก็เต็มกลืนแล้วด้วย?
ดวงซวยสุดๆ เลยนะเนี่ย
?จริงด้วย แถมนะ ตอนที่ป่วยหนักๆ ก็เดินโซเซล้มในห้องตัวเองจนข้อมือขวาพลิกอีก ประมาณว่ายังไงก็ขึ้นแสดงบนเวทีไม่ไหวแน่?
แต่ก็ยังอุตส่าห์มาโรงเรียนเรอะ
?อื้อ เจ้าตัวอ้อนวอนทั้งน้ำตาเลยว่าถึงตายก็อยากขึ้นแสดงให้ได้ แต่พวกกรรมการจัดงานไม่ยอมฟังท่าเดียว บอกว่ายังไงก็ต้องให้ไปโรงพยาบาล จากนั้นก็ล็อกแขนทั้งสองด้านบังคับพาตัวไป ใช่ พาตัวไปอย่างกับมนุษย์ต่างดาวพันธุ์เกรย์* เลย ถึงได้ถกเถียงกันจนถึงตู้ใส่รองเท้า?
แต่เป็นหนักขนาดนั้นแล้วจะแสดงยังไงล่ะ? คุณนักร้องนำที่เป็นมือกีตาร์ด้วยน่ะ
?พลังใจไงล่ะ?
ถ้าเป็นเธอก็ใช้พลังอะไรนั่นบันดาลได้ทุกอย่างอ่ะนะ
?ก็ตั้งใจซ้อมแทบตายเพื่อวันนี้โดยเฉพาะนี่นา ถ้าจะสูญเปล่าแค่ตัวเองคนเดียวยังพอว่า แต่มันทำให้ความพยายามของเพื่อนๆ สูญเปล่าด้วยนี่สิ เป็นใครก็ยอมไม่ได้หรอกเนอะ?
พูดเหมือนตัวเองเป็นคนใช้ความพยายามเลยนะ
?เพลงก็เหมือนกัน ไม่ใช่ของที่มืออาชีพร้องไว้แล้วหรอกนะ? เป็นเพลงที่แต่งเนื้อร้องและทำนองกันเองด้วย อย่างนี้ก็ยิ่งอยากแสดงให้ได้จริงมั้ย ถ้าโน้ตเพลงมีปากพูดมันก็ต้องบอกว่า ?เอาฉันไปแสดงที? แน่นอน?
เธอก็เลยถลกแขนเสื้อขึ้นไปแสดงเรอะ**
?แต่ไม่มีแขนเสื้อให้ถลกน่ะ ก็นะ เพราะว่ากรรมการจัดงานวัฒนธรรมโรงเรียนนี้มีแต่พวกไร้ประสิทธิภาพ เชื่อฟังคำพูดอาจารย์เป็นหุ่นยนต์ เป็นใครก็ไม่อยากฟังคำพูดคนพรรค์นั้นหรอก แต่ว่านะ......ต่อให้เป็นฉันเอง พอมองสีหน้าของหัวหน้าวงตอนนั้นแล้วก็คิดว่าไม่ไหวเหมือนกันเลยพูดออกไปว่า ?ถ้ายังไงฉันช่วยออกไปแสดงให้แทนเอามั้ย? น่ะ?
ยังอุตส่าห์โอเคอีกนะ ทั้งหัวหน้าวงคนนั้นแล้วก็คนเล่นเบสกับกลองด้วย
?ถ้าแค่ร้องเพลงก็ไม่ยากหรอก หัวหน้าวงที่ป่วยก็ใช้เวลาคิดนิดหน่อยเหมือนกัน แต่ก็ยิ้มฝืนๆ แล้วพูดออกมาว่า ?นั่นสินะ ถ้าเป็นเธออาจจะทำได้ก็ได้นะ? น่ะ?
ไม่มีนักเรียนโรงเรียนเขตเหนือคนไหนไม่รู้จักหน้าค่าตาและชื่อเสียงเรียงนามของฮารุฮิ แม้แต่เรื่องว่าเธอเป็นคนแบบไหนด้วย
?แล้วหลังจากนั้นเขาก็นั่งรถของอาจารย์ไปโรงพยาบาลทันที ส่วนฉันพอได้เทปตัวอย่างกับโน้ตเพลงมาก็พยายามจำให้ขึ้นใจทันที เพราะเวลามีอยู่แค่ชั่วโมงเดียวด้วย?
นางาโตะล่ะ?
?อื้อ ที่จริงฉันดีดเองก็ได้ แต่ก่อนจะขึ้นแสดงเวลาก็ไม่มีแล้วน่ะ แค่จำทำนองหลักๆ ให้ได้ก็เต็มกลืนแล้วเลยวานให้ยูกิเล่นกีตาร์แทน รู้มั้ย? เห็นอย่างนั้นแต่เธอมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมากเลยนะ?
เรื่องนั้นฉันรู้ รู้ดีกว่าเธอด้วย
?ฉันไปหาตอนกำลังทำนายอยู่ พอบอกเหตุผลไปก็ตามมาทันทีเลยล่ะ แต่น่าทึ่งมากเลยนะ ขนาดดูโน้ตเพลงแค่ครั้งเดียวเอง แค่เปิดดูผ่านๆ ก็เล่นได้หมดทุกเพลงอย่างสมบูรณ์แบบเลย ไม่รู้ยูกิไปหัดเล่นกีตาร์มาตอนไหนเนอะ?
น่าจะเล่นเป็นทันทีที่เธอขอร้องนั่นล่ะ

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป 2 วันจนเข้าวันจันทร์
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่หลังหมดสัปดาห์แห่งงานวัฒนธรรมที่เกิดเรื่องนอกแผนการเต็มไปหมด มันเป็นช่วงพักก่อนถึงคาบเรียนที่ 4
ฮารุฮิซึ่งนั่งอยู่ที่ข้างหลังผมเขียนอะไรไม่รู้ใส่สมุดโน้ตด้วยอารมณ์สุขสันต์ ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกว่าเขียนอะไร แต่ภาพยนตร์ที่พรีเซนต์โดยกองกำลัง SOS ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธออาจวางแผนคิดภาคต่ออยู่ก็ได้ น่าหนักใจจริงแฮะ ต้องทำยังไงถึงจะทำให้เธอยกเลิกแผนการนั้นได้นะ
?มีแขกมาหาน่ะ?
คุนิคิดะที่เพิ่งกลับจากไปห้องน้ำบอกอย่างนั้น
?ของคุณสึซึมิยะ?
คุนิคิดะชี้ไปนอกห้องเมื่อเห็นฮารุฮิเงยหน้าขึ้น พอเสร็จจากหน้าที่เมสเซนเจอร์บอยเฉพาะกิจก็กลับเข้าที่นั่งของตัวเอง
นอกบานประตูเลื่อนที่เปิดอยู่ ผมเห็นนักเรียนหญิงที่มีรัศมีความเป็นผู้ใหญ่ยืนอยู่ 3 คน หนึ่งในนั้นมือข้างหนึ่งพันผ้าพันแผลอยู่ อีก 2 คนผมจำหน้าได้ เป็นสมาชิกวงที่ฮารุฮิไปเล่น
?ฮารุฮิ?
ผมขยับหน้าไปทางประตู
?ดูเหมือนพวกเขามีอะไรอยากจะบอก เธอออกไปหาสิ?
?อืม?
ผิดคาดที่ฮารุฮิทำสีหน้าลังเล ถึงจะลุกขึ้นอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่ก้าวขาออกไปสักที แถมยังพูดอย่างนี้ออกมาอีก
?เคียวน์ มาด้วยกันหน่อยสิ?
ทำไมฉันต้องไป......ฮารุฮิคว้าคอเสื้อเชิ้ตผมโดยไม่เปิดโอกาสให้แย้งและลากออกไปด้วยแรงบ้าของเธอ สามสาวรุ่นพี่ยืนยิ้มแย้มกันหน้าสลอน
ฮารุฮิลากผมออกมายืนข้างๆ
?หายเป็นต่อมทอนซิลอักเสบแล้วเหรอ??
ผมบอกกับนักเรียนหญิงปี 3 ที่เพิ่งเจอหน้าเป็นครั้งแรก
?อื้อ ดีขึ้นมากแล้วล่ะ?
เธอคนนั้นลูบที่คอก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแหบๆ เล็กน้อย
?ขอบใจนะ คุณสึซึมิยะ?
โค้งศีรษะลงต่ำทั้ง 3 คน

เท่าที่ฟังดูรู้สึกว่าคนทั้งโรงเรียน (โดยเฉพาะผู้หญิง) เข้ามาขออัดเพลงแต่งเองร้องเองของพวกเธออย่างล้นหลาม ตอนนี้ก็ไล่แจก MD อยู่
?เยอะจนน่าตกใจเลยล่ะ?
ตอนรู้จำนวนผมเองก็ตกใจที่มีคนสนใจเพลงจริงๆ ของพวกเธอมากมายถึงขนาดนั้น ไม่ใช่เพลงที่เล่นเฉพาะกิจซึ่งมีฮารุฮิเป็นนักร้องนำ มีนางาโตะเป็นมือกีตาร์ แต่ก็น่าจะเป็นผลพวงจากความประทับใจในการแสดงสดนั่นล่ะนะ
?ทุกอย่างก็เพราะได้เธอช่วยนั่นแหละ?
ทั้งสามเผยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณสาวรุ่นน้องผู้เปี่ยมความสามารถจากใจ
?เท่านี้เพลงที่พวกเราแต่งขึ้นก็ไม่สูญเปล่าแล้ว รู้สึกขอบใจเธอจริงๆ สมเป็นคุณสึซึมิยะเลยนะ แม้ว่าใจจริงอยากจะเล่นเองเพราะในฐานะสมาชิกชมรมดนตรีสากลแล้วงานวัฒนธรรมก็เป็นความทรงจำสุดท้าย แต่ยังไงก็ดีกว่าสละสิทธิ์หลายเท่าล่ะ ขนาดว่ารู้สึกขอบใจจนไม่รู้จะขอบใจยังไงเลยล่ะ?
รุ่นพี่ปี 3 ยิ้มให้อย่างไม่เสแสร้ง ทำเอาผมรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างประหลาดทั้งที่ไม่ได้มีเอี่ยวด้วยแม้แต่น้อย จะว่าไปทำไมผมต้องถูกเชิญมาร่วมเป็นสักขีพยานข้างฮารุฮิด้วยล่ะ
?อยากหาอะไรตอบแทนเธอบ้างจัง?
ฮารุฮิโบกมือปฏิเสธคุณหัวหน้าวง
?ไม่ต้องหรอก ไม่ต้อง ฉันเองก็ได้ร้องเพลงสนุก มันเป็นเพลงที่ดีด้วย ก็คล้ายๆ กับได้ร้องคาราโอเกะฟรีๆ กับวงที่เล่นสดๆ ถ้าตอบแทนฉันจะรู้สึกหนักใจเปล่าๆ?
ผมประหลาดใจกับน้ำเสียงของฮารุฮิ คล้ายกับน้ำเสียงอ่านบทพูดที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า เพียงแต่เรื่องพูดจาไม่มีหางเสียงกับรุ่นพี่นี่ก็สมเป็นยัยนี่ดีแฮะ
?เพราะงั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก ไปขอบใจยูกิดีกว่านะ เพราะฉันให้เขามาช่วยเล่นโดยพลการด้วย?
พวกเธอตอบว่าไปห้องนางาโตะมาก่อนแล้ว
รู้สึกว่านางาโตะจะทำหน้าเฉยเมยตลอดตอนฟังคำขอบคุณและคำชื่นชม แล้วก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากพยักหน้าให้ครั้งเดียวก่อนชี้มาห้องนี้ ฟังแค่นั้นผมก็นึกภาพตามได้เลย
?งั้น?
คุณหัวหน้าวงพูดส่งท้าย
?ก่อนเรียนจบพวกเราตั้งใจว่าจะจัดคอนเสิร์ตที่ไหนสักที่ ถ้าสะดวกก็มาดูหน่อยนะ กับ เอ่อ......?
มองหน้าผม หรี่ตาลงอย่างอ่อนโยน
?เพื่อนนะ?

ว่าแต่ทำไมถึงมีคนมาถามหาเพลงต้นแบบของพวกเธอมากมายขนาดนั้น
นี่เป็นเรื่องที่ผมได้ยินในภายหลัง คำถามเล็กน้อยที่จะเรียกว่าเป็นปริศนาก็คงไม่ได้ แต่ก็ได้รับการเฉลยจากจอมพูดมากคนหนึ่งที่มักพูดน้ำท่วมทุ่งเฉพาะเวลาอย่างนี้ ก็มีประโยชน์ดี ในฐานะคู่มือกันมึน
?รู้สึกรึเปล่าครับ? ระหว่างเพลงที่คุณสึซึมิยะร้องกับการควบคุมจังหวะดนตรีมีส่วนที่ไม่เข้ากันอยู่เล็กน้อย ถ้าให้พูดอย่างเจาะจงชัดๆ ก็คือช่วงระหว่างดนตรีที่คุณสึซึมิยะร้องกับช่วงริฟฟ์กีตาร์ของคุณนางาโตะและจังหวะเบสกับกลองที่เล่นในช่วงนั้น?
โคอิซึมิพูด
?แต่ก็เป็นระดับที่รับรู้ได้อย่างไม่รู้ตัวเท่านั้น เพราะจะอย่างไรก็ตาม การแสดงของทั้ง 4 คนก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นการแสดงที่แทบไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย ที่น่าตกใจก็คือเสียงของคุณสึซึมิยะ เพราะฟังเทปตัวอย่างเพียงแค่ 3 ครั้งด้วยนะ?
เรื่องนางาโตะแสดงฝีมือโซโล่ได้สมบูรณ์แบบชนิดที่ว่าไม่แพ้มืออาชีพชั้นแนวหน้าเองก็น่าตกใจ แต่ระดับยัยนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยากเย็นอยู่แล้ว
?แต่ก็ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบหรอกนะ เพราะเป็นเพลงออริจินอลที่แต่งขึ้นเองด้วย ระหว่างสมาชิกตัวจริงที่ซ้อมเพลงที่ตัวเองแต่งเองไม่รู้กี่เที่ยวกับคุณสึซึมิยะที่เข้ามาเล่นเป็นสมาชิกเฉพาะกิจ พื้นฐานย่อมต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว?
มันของตายอยู่แล้วนี่
?ดังนั้นบทเพลงที่ผสานมาจากการเล่นของทั้ง 4 คนไม่ว่าจะเป็นสมาชิกตัวจริง 2 คนที่เล่นเบสกับกลอง คุณสึซึมิยะที่ต้องจำทำนองให้ได้ในเวลาฉุกละหุกรวมทั้งร้องในแบบของตัวเองและคุณนางาโตะที่เล่นกีตาร์ให้เข้ากับเสียงร้องนั้นก็ต้องมีส่วนที่ไม่เข้ากันบ้างแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ในใจของผู้ชมที่ฟังการแสดงนั้นเองก็มีความรู้สึกขัดๆ อยู่ด้วย แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ยากจะตีความได้ล่ะนะ?
ยังพูดออกแนววิชาการตามเคยสิน่า ถ้าใช้ศัพท์เฉพาะทางจิตวิทยาอธิบายด้วย ไม่คิดว่าจะทำให้ขลังกว่านี้บ้างรึไง?
?เป็นผลจากการวิเคราะห์มาแล้วครับ ถ้าให้อธิบายต่อ เมื่อร้องต่อไปเพลง 2 และ 3 ความรู้สึกขัดๆ ในจิตใต้สำนึกของผู้คนก็จะยิ่งมีมากขึ้นจนใกล้จะถึงเพลงสุดท้าย แต่......ก่อนหน้านั้นคุณสึซึมิยะได้ทำอะไรล่ะครับ??
เห็นบอกเรื่องที่ตัวเองกับนางาโตะเป็นแค่ตัวแทนเฉพาะกิจของสมาชิกที่เป็นนักร้องนำและมือกีตาร์ที่ขึ้นมาเล่นไม่ได้?อะไรประมาณนั้น แล้วก็แนะนำสมาชิกตัวจริง 2 คนที่เล่นเบสกับกลองเท่านั้นนี่
?แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ แค่พริบตานั้นปริศนาก็กระจ่างแล้ว เรื่องข้อสงสัยแปลกๆ ที่อยู่ในอก ประมาณว่า อ้อ ที่แท้ความรู้สึกแปลกๆ นี่ก็คืออย่างนี้นี่เอง?
จะว่าไปมันก็......จริงแฮะ ไม่ใช่ถึงกับยอมรับไม่ได้เลย
?ทั้งการร้องของคุณสึซึมิยะ การเล่นกีตาร์ของคุณนางาโตะต่างก็ทำได้เยี่ยมไม่เลวเลย ว่ากันตามจริง มันเหนือกว่าระดับชมรมดนตรีสากลของโรงเรียนมัธยมปลายเสียด้วยซ้ำ แต่ผู้ชมคิดอย่างนี้ ถ้าขนาดนักร้องนำกับมือกีตาร์เฉพาะกิจยังขนาดนี้แล้วการแสดงของสมาชิกตัวจริงจะขนาดไหนนะ??
นี่คือที่มาของเหตุผลที่คนเข้ามาขออัด MD อย่างถล่มทลายเรอะ
?คุณสึซึมิยะร้องได้ดีนะครับ แทบจะสมบูรณ์เลยทีเดียว แต่เพราะความสมบูรณ์แบบที่มีมากเกินไปทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา ควรจะบอกว่าสมแล้วที่เป็นเธอนะครับ?
อาจจะใช่ สำหรับสมาชิกวงดนตรีรุ่นพี่ปี 3 การได้เจอกับฮารุฮิก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีจริงๆ
ว่าแต่แล้วพวกเราล่ะเป็นไง?
?เอ หมายถึงพวกเราเหรอครับ??
สำหรับสมาชิกกองกำลัง SOS ที่เกี่ยวข้องกับฮารุฮิอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าใครในโรงเรียนนี้ล่ะเป็นไง การได้เจอกับยัยนั่นจะทำให้มี ?ผลลัพธ์ที่ดี? เกิดเป็นศรีแก่ชีวิตพวกเรารออยู่เบื้องหน้าบ้างมั้ย?
?อืม ของแบบนี้ถ้าไม่อยู่ถึงตอนจบก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ นั่นสินะ เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างจบลง หากเราสามารถคิดได้ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรล่ะก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ?

3 สาวรุ่นพี่ปี 3 กลับไปก่อนออดเข้าเรียนคาบ 4 จะดังพอดี
ฮารุฮิทำสีหน้ายุ่งยากอย่างไม่เข้าใจเหตุผลกลับที่นั่งของตัวเอง แล้วก็ทำหน้าอย่างนั้นฟังชั่วโมงเรียนคาบ 4 อย่างเหม่อลอย พอเข้าพักเที่ยงก็หายไปจากห้องเรียน
ผมกับคุนิคิดะนั่งฟังข้ออ้างพล่ามมากของทานิงุจิ ?ให้ตายสิ งานวัฒนธรรมที่ผ่านมาไม่มีผู้หญิงแจ่มๆ มาเที่ยวเลยน้า ฉันว่านะ ที่ตั้งของโรงเรียนมันเลวร้ายเกินไป มันต้องไม่อยู่ในเนินเขาสูงแบบนี้? ฟังมันบ่นเรื่องนี้ไปพลางยัดข้าวใส่ปากไป พอกินอิ่มก็เอากล่องข้าวที่หมดเกลี้ยงโยนลงกระเป๋าแล้วลุกออกไปจากที่นั่ง
ไม่มีความหมายเป็นพิเศษหรอก ก็แค่อยากออกไปเดินเล่นย่อยอาหารเท่านั้น
พอเดินเล่นไปอย่างไร้จุดหมายสักพัก ขาก็พามาที่สวนระหว่างอาคารอย่างไม่มีเหตุผล มันเป็นสวนเล็กๆ นอกทางเชื่อมระหว่างอาคารเรียนกับอาคารชมรมที่หญ้าโล้นเป็นหย่อมๆ และมันก็ช่างบังเอิญที่ผมเจอฮารุฮินอนอยู่ตรงนั้น
เธอนอนเอามือสองข้างรองผมสีดำแทนหมอน แหงนหน้าทัศนาก้อนเมฆไม่วางตา
?ไง?
ผมทัก
?เป็นอะไรไป เห็นทำหน้าแปลกตลอดตั้งแต่ช่วงพักเมื่อกี้แล้ว?
?อะไรเล่า?
ฮารุฮิตอบเหมือนบ่นลอยๆ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับก้อนเมฆ ผมเองก็ลองทำแบบเธอบ้าง พูดง่ายๆ ก็คือแหงนหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร
ไม่รู้เราเงียบทำอย่างนั้นกันนานเท่าไหร่ คิดว่าคงไม่ถึง 3 นาที แต่ก็ไม่มั่นใจนาฬิกาในตัวเท่าไหร่
เราแข่งกันเงียบอย่างไม่มีเหตุผลไปได้สักพักคนเปิดปากก่อนคือฮารุฮิ เพียงแต่น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
?อืม รู้สึกสงบใจไม่ได้เลย เพราะอะไรกันนะ?
ผมสัมผัสความสับสนได้จากน้ำเสียงเธอเลยเกือบจะยิ้มฝืนๆ ออกมา
?ฉันจะไปรู้ได้ไงเล่า?
ฮารุฮิ ที่เธอรู้สึกแบบนั้นเพราะเธอแค่ไม่ชินกับการที่มีใครมาขอบคุณเท่านั้น ก็เธอชอบก่อแต่ปัญหา ไม่ค่อยทำเรื่องให้คนอื่นเขาชื่นชมได้เลยนี่นะ อย่างเรื่องช่วยเหลือวงดนตรีในครั้งนี้เองก็แอบกลุ้มใจอยู่ว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่องรึเปล่าใช่มั้ยล่ะ? อย่างเธอน่ะ ต่อให้เส้นเสียงขาด แขนหักทั้งสองข้าง แต่ถ้ายิ่งคนรอบข้างห้ามก็ยิ่งรั้นจะขึ้นเวที งัดเอาพลังใจ พลังวิญญาณแสดงให้ได้อยู่แล้ว เพราะเธอเป็นคนแบบนั้นจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องช่วยใครเลยใช่มั้ย
แต่แล้วไงล่ะ? ความรู้สึกที่ได้ช่วยเหลือพวกรุ่นพี่น่ะ ผลลัพธ์นั้นทำให้คนอยากได้เพลงแต่งเองของพวกเธอเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลาย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเธอยืนหยัดสู้กับกรรมการจัดงานอย่างกล้าหาญนั่นแหละ คำขอบคุณของพวกรุ่นพี่ถึงได้ออกมาจากใจไงล่ะ เชื่อว่าสิ่งที่เธอทำไปอาจเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วย ว่าไงล่ะ ฮารุฮิ? เกิดความรู้สึกอยากทำความดีขึ้นมาบ้างแล้วใช่มั้ย? ไม่ลองใช้ชีวิตหลังจากนี้ทำตัวบำเพ็ญประโยชน์เพื่อโลกเพื่อผู้คนบ้างล่ะ

......ว่าเข้าไปนั่น ผมไม่ได้พูดออกไปหรอก แค่คิดในใจเฉยๆ เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำเวลานี้ก็แค่ยืนข้างฮารุฮิ แหงนมองท้องฟ้าเป็นเพื่อนเท่านั้น ลมภูเขาที่เย็นสมเป็นฤดูใบไม้ร่วงพัดพาก้อนเมฆบางๆ ไปเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจบงานวัฒนธรรมแล้ว
ฮารุฮิเงียบสนิท สีหน้าที่มั่นใจว่าแสร้งทำนั้นแสดงความอารมณ์เสียเล็กน้อยเพราะในหัวคงเป็นอีกอารมณ์ที่ตรงกันข้ามแน่
?อะไรเล่า?
ฮารุฮิเบนสายตามายังผมทั้งที่นอนอยู่
?มีอะไรอยากพูดรึไง? งั้นก็พูดออกมาสิ ถึงจะเป็นเรื่องไร้สาระก็เถอะ เอาแต่เก็บเงียบมันทำให้เสียสุขภาพจิตนะ?
ตาดูเบลอๆ เหมือนโดนหมัดอัดเข้าเต็มเบ้า
?เปล่า ไม่มีนี่? ผมตอบ
ฮารุฮิลุกท่อนบนขึ้น ดึงหญ้าแถวนั้นขึ้นปาใส่ผม แต่เหมือนเทพควบคุมสภาพอากาศจะอยู่ข้างผม อยู่ดีๆ สายลมก็พัดกลับไปใส่หน้าฮารุฮิพร้อมกับเศษหญ้าเขียวๆ
?โธ่!?
ฮารุฮิถ่มเอาหญ้าที่เข้าไปในปากออกมาก่อนกลับไปนอนตามเดิม
ผมแหงนมองห้องชมรมอย่างไม่คิดอะไร จากตรงนี้มองเห็นหน้าต่างของชมรมวรรณกรรมได้ ผมแอบคิดว่าจะเห็นเงาคนผอมบางผมสั้นยืนมองลงมาทางพวกเรา แต่เอาจริงๆ ก็ไม่มีภาพนั้นบังเกิด มันก็แน่ล่ะ
เกมความเงียบดำเนินต่ออีกครั้ง แต่ไม่นานเสียงพูดก็ดังขึ้นทำลายความเงียบนั้น
?การแสดงสดนี่ดีเนอะ แต่ก็แอบคิดอยู่นิดหน่อยว่าแบบนั้นมันดีแล้วแน่เหรอ แต่......นั่นสินะ สนุกดี ว่าไงดีล่ะ? ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ทำบางอย่างลงไปเลย?
ขึ้นไปยืนบนเวทีทั้งชุดสาวหูกระต่าย ดูโน้ตเพลงไปร้องไปแล้วก็ยังบอกว่าสนุกได้อีก บ่งบอกเลยว่าระดับความเพี้ยนของนิสัยเธอนี่ไม่ว่ายังไงก็เหนือกว่าคนธรรมดาจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่รู้มาตั้งนานแล้วอ่ะนะ
?เพราะงั้นคนที่เจ็บถึงได้รบเร้ากรรมการจัดงานขนาดนั้นเนอะ?
?คงเพราะอย่างนั้นแน่?
หลังจากนี้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ดันคล้อยตามเธอ ไม่น่าใจง่ายไปหน่อยเลย
?นี่!?
ฮารุฮิซึ่งแผ่บรรยากาศเงียบสงบมาตลอดจู่ๆ ก็ลุกพรวด ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาผมเหวอแทบยืนไม่ติดพื้น หนำซ้ำยังทำหน้ายิ้มบานสุดจะบาน พูดเสียงดังสดใสว่าอย่างนี้
?นี่ นายเล่นเครื่องดนตรีอะไรเป็นมั้ย??
ลางสังหรณ์ร้ายจู่โจมเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด ผมเองก็ส่ายหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเช่นกัน
?ไม่เป็น?
?อ้อ เหรอ แต่ถ้าตั้งใจฝึกดีๆ ก็ต้องเล่นได้แน่ ก็ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งปีนี่นะ?
เฮ้ๆ
?งานวัฒนธรรมปีหน้าพวกเราก็ตั้งวงไปเล่นบนเวทีด้วยเถอะ ดูเหมือนว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ชมรมดนตรีสากลแต่ถ้าทดสอบผ่านก็สามารถขึ้นไปเล่นได้ด้วย ระดับพวกเราของแค่นี้หมูๆ อยู่แล้ว! ฉันเป็นนักร้องนำ ยูกิเป็นมือกีตาร์ มิคุรุจังแค่ให้ถือแทมโบรีนยืนประดับเวทีก็พอเนอะ?
ไม่ๆ
?แล้วก็ต้องทำหนังภาค 2 ด้วย อื้ม! ปีหน้าท่าจะยุ่งน่าดู ยังไงก็ต้องทำให้ยอดกระแสตอบรับสูงกว่าภาคก่อนให้ได้นะ!?
เดี๋ยวๆ
?เอาล่ะ ไปกันเถอะ เคียวน์?
เฮ้ ก็บอกว่าเดี๋ยวไง จะไปไหน ไปเพื่ออะไร
?ก็ไปเอาเครื่องไม้เครื่องมือน่ะสิ! ถ้าไปห้องชมรมดนตรีสากลอาจเจอของเหลือๆ วางทิ้งไว้ก็ได้ แล้วก็ต้องถามวิธีแต่งทำนองจากพวกชมรมดนตรีปี 3 นั่นด้วย โบราณว่าไว้ น้ำขึ้นให้รีบตักนะ?
แต่ก่อนจะจ้วงตักก็ควรมองในน้ำให้ดีไม่ใช่เรอะว่ามีตัวอะไรอยู่รึเปล่า ผมคิดแบบนั้นแต่ฮารุฮิไม่สนใจ พอคว้าข้อมือผมได้ก็ลากให้เดินไปด้วยกันทันที
เดินไปก้าวใหญ่ๆ และอย่างห้าวหาญ
?วางใจได้ ฉันจะเป็นคนแต่งคำร้องกับทำนองเอง รวมไปถึงเรียบเรียงเสียงประสานกับคิดและสอนท่าเต้นประกอบเพลงด้วยนะ!?
ตูล่ะหน่ายเลย สงสัยสวิตช์ปริศนาที่มีอยู่แค่ในสมองฮารุฮิจะถูกสับลงให้เริ่มคิดอะไรแผลงๆ อีกแล้ว ผมถูกเธอลักพาตัวไปด้วยเรี่ยวแรงขู่เข็ญที่เชื่อว่าต่อให้เป็น UFO ยังทำได้นุ่มนวลกว่าพลางแหงนมองท้องฟ้า มองหาใครสักคนที่น่าจะช่วยได้
ริมหน้าต่างห้องชมรมไม่มีใครยืนอยู่เลย สงสัยตอนนี้มนุษย์ต่างดาวจอมเวทที่เล่นกีตาร์เก่งขั้นเทพจะกำลังใจจดใจจ่อกับหนังสืออยู่ เอาเถอะ ก็ฤดูใบไม้ร่วงนี่นะ
?รีบเดินด้วยขาตัวเองเร็วๆ สิ! เอ้า ก้าวขึ้นบันไดทีละ 3 ขั้นไปเลย!?
ในแววตาของฮารุฮิที่หันกลับมาเจิดจ้าไปด้วยสีสันแห่งความสนุกสนาน จังหวะก้าวเท้าก็เร็วขึ้นๆ ในที่สุดก็วิ่งไป
ช่วยไม่ได้แฮะ ผมตัดสินใจวิ่งตาม
ถามว่าวิ่งตามทำไม?
เพราะกว่าวันที่ฮารุฮิจะปล่อยมือจากผม มันคงอีกนานน่าดู


นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างความประหม่าที่เกิดขึ้นกับฮารุฮิ ในตอนนี้เท่านั้น ติดตามอ่านเรื่องราวความหวั่นไหวของสิซึมิยะ ฮารุฮิ ในฉบับเต็ม ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือสั่งซื้อทางเว็บไซต์
http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=7223

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”