New Release : First Second Last ศึกยกไหนหัวใจก็รักเธอ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : First Second Last ศึกยกไหนหัวใจก็รักเธอ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้ชายเพราะเป็นถึงเจ้าของค่ายมวย แต่ปาเกียวก็ยังไม่เคยมีแฟนกับเขาสักที อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะจีบพ่อหนุ่มกล้ามงามที่หมายตาไว้ ก็ดันมีภีมภัทร เด็กหนุ่มหน้าหล่อใสอย่างกับนายแบบเกาหลี โผล่มาขอเธอแต่งงานต่อหน้าหนุ่มในฝันของเธอซะนี่ ความฝันที่จะมีแฟนให้ได้ก่อนอายุสามสิบเลยพังพาบ และทั้งที่ปรามาสไว้ว่าเขาไม่ตรงสเปกแถมยังไร้เซ็กซ์แอพพีล แต่ทำไมหัวใจเธอมันกลับสั่นไหวทุกทีที่อยู่ใกล้หมอนี่กันนะ!


บทนำ

...แกรก...แกรก....แกรก...
ล้อรถจักรยานครูดกับถนนเสียงดังไปทั่วซอยพอๆ กับเสียงร้องเพลงการ์ตูนญี่ปุ่นด้วยภาษามั่วๆ เด็กหญิงตัวเล็กอายุประมาณสิบกว่าขวบกำลังยิ้มแป้นอย่างมีความสุขบนจักรยานแอลเอราวกับว่าเสียงของตนนั้นไพเราะเสียเหลือเกิน
เธอเป็นเพียงเด็กสาวไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัยใดๆ นอกจากเสียงอันทรงพลังที่ทำให้คนฟังอยากฆ่าตัวตายของเธอ อากาศที่เธอหายใจออกมาล้วนปลอดสารพิษ เธอไม่เคยแอบดูหนังโป๊ในคอมพิวเตอร์ของพี่ชาย เธอไม่เคยเปิดดูหนังสือ FHM ของพ่อ และเธอไม่รู้หรอกว่าความหื่นคืออะไร
ทว่า...วันนี้แหละที่ความไร้เดียงสาของเธอจะจบลง
ร่างเงาเล็กๆ แอบซุ่มอยู่ในพงหญ้า กำลังถอดกางเกงและรอเวลา ขณะที่เด็กสาวปั่นจักรยานผ่านมานั้น ความสอดรู้สอดเห็นตามประสาเด็กวัยขบเผาะก็กระตุ้นให้เธอหยุดร้องเพลงและเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
?เฮ้ย!!!?
ผู้แอบซุ่มอยู่ในพงหญ้าร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นสาวน้อยไร้เดียงสาเดินลงจากจักรยานมาหา...เขา...ผู้กำลังฉี่
เด็กชายตัวน้อยรีบสวมกางเกงเอี๊ยมลายหมีอย่างรวดเร็ว แต่น่าสงสารที่ ?มัน? ถูกเห็นโดยเด็กสาวที่สูงกว่าตนเพียงเล็กน้อยตรงหน้านี้เสียแล้ว
?นะ...นาย เด็กชายภีม ปอหนึ่งทับสี่ใช่มั้ย...?
?นี่มัน...พี่สาวสุดเฮี้ยว พี่ปาเกียว ปอหกทับสามนี่...?
เด็กทั้งสองสบตากันอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่บรรยากาศกำลังอึนได้ที่ เด็กชายก็ร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น
?ฮึก...ฮือ....ความบริสุทธิ์ของป๋ม TT^TT พี่สาวเอาเวอร์จิ้นของป๋มคืนมาน้า?
ผู้เสียความบริสุทธิ์กำลังปาดน้ำตาพร้อมทั้งสูดน้ำมูกไปพร้อมๆ กัน เด็กสาวผู้ขโมยความบริสุทธิ์จากเด็กชายกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยว่า
?ฉันไปเอาเวอร์จิ้นของนายมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
?ก็เมื่อกี้ไง!! พี่สาวเห็นป๋มฉี่!! พี่สาวเห็นจุ๊ดจู๋ของป๋มแล้ว! แง้!! TTOTT?
?จะบ้าเหรอ!! ถ้าจะเสียเวอร์จิ้นมันต้องสอดใส่กันก่อนจิ!!?
เด็กสาววัยสิบขวบที่แสนไร้เดียงสาพูดสิ่งที่ไปจำมาจากนิตยสารคอสโมโปลิแท้นของแม่ เด็กชายผู้เสียหายนิ่งแล้วมองอย่างไม่เชื่อสายตาด้วยน้ำตา เขาใช้ความคิดเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
?พี่สาวไม่ต้องมาหลอกเลย!! TToTT พวกปู้ใหญ่ใจร้ายชอบหลอกเด็กไร้เดียงสาอย่างป๋ม!!?
เมื่อเห็นว่าเด็กชายตรงหน้าร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวก็เริ่มลุกลี้ลุกลนแล้วพูดว่า
?อะ...อย่าร้องไห้สิ ไม่แมนเลยนะ -^-?
เด็กหญิงตัวน้อยเริ่มเบะปากอย่างไม่ชอบใจ
?พี่สาวต้องรับผิดชอบ!! โฮ!!! พี่สาวต้องแต่งงานกับป๋ม!! TToTT?
เด็กชายพูดตามที่จำมาจากละครที่ป้าอิ่ม แม่บ้านที่บ้านชอบดู ซึ่งเรียกเสียงตวาดแว้ดจากเด็กหญิงผู้พรากความบริสุทธิ์ไปทันที
?จะบ้ารึไงยะ!!! สาวสวยหมวยเอ็กซ์อย่างฉันจะแต่งงานกับนายก็ต่อเมื่อหิมะตกที่เมืองไทยเท่านั้นแหละย่ะ!!?
เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่เด็กหญิงต้องคิดหนัก เธอสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่หล่อล่ำกล้ามบึกเท่านั้น แต่น่าแปลกนักที่เด็กชายไร้เดียงสาตรงหน้ากลับดีอกดีใจหนักหนา
?เย้!! แปลว่าแค่หิมะตกพี่สาวก็จะแต่งกับผมใช่มั้ย >O<!?
?อะ...เอ่อ... นี่นาย...? เด็กหญิงกำลังอึ้งกับความโง่ของเด็กชาย แต่แล้วก็คิดอะไรบ้างอย่างได้ ?ได้ ถ้าหิมะตกที่เมืองไทยตก ฉันแต่งกับนายแน่?
ใช่แล้ว! หิมะจะตกในเมืองไทยได้ยังไงกัน! แค่นี้ก็ไม่ต้องแต่งงานกับเด็กชายที่ไม่มีเซ็กซ์แอพพีลคนนี้แล้ว!
เด็กหญิงคิดอย่างรื่นเริงอยู่ในใจ น่าแปลกที่เด็กชายกลับยิ้มอย่างสดใสจนตาตี่แล้วถามซ้ำอย่างดีใจว่า
?จริงๆ นะ! พี่สาวจะแต่งงานกับผมถ้าหิมะตกจริงๆ ใช่มั้ย!!?
?...จะ...จริงจิ?
?เย้!! ต่อไปนี้พี่สาวเป็นว่าที่เจ้าสาวของผมแล้วนะ! ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็จะปกป้องพี่สาวเอง!! เอาล่ะ! เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน!?
?สะ...สัญญา! (ก็ได้)?
เด็กหญิงตัวน้อยยื่นมือออกไปเกี่ยวก้อยโดยที่ไม่ได้คำนึงเลยว่าเด็กชายตรงหน้ายังไม่ได้ล้างมือ สัญญาลับๆ ระหว่างเด็กสองคนเกิดขึ้นที่นั่น
...ใครเลยจะรู้ว่าสัญญากลางพงหญ้าในวันนั้น...จะส่งผลต่อตัวฉันอย่างร้ายแรงจนกู่ไม่กลับในวันนี้

1

?ช็อกทั้งประเทศ!! หิมะตกจริงที่ยอดดอยเต่าเหยียบโลก จ.เชียงราย!! พืชผลเสียหายล้มตายเป็นเบือ! เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 25xx พบปรากฏการณ์ประหลาด มีก้อนน้ำแข็งละเอียดลักษณะคล้ายหิมะตกลงมาจากฟากฟ้าราวห่าฝน จนทำให้พืชที่ปลูกไว้เสียหายหลายชนิดเพราะปรับตัวไม่ทัน ชาวบ้านตื่นตกใจแห่พากันมาดูทั้งจังหวัด เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้สันนิษฐานว่าเกิดจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิอากาศของโลกเป็นสำคัญ ทั้งยังเปิดเผยอีกว่าปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยนับว่าเป็นสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่งที่จะต้องระวังภัยธรรมชาติกันต่อไป?

แก๊งๆๆๆๆ!!!!
?ยกที่ห้า...เริ่ม!!?
เสียงกรรมการสั่งดังขึ้นก่อนที่นักมวยกล้ามโตในชุดกางเกงบ็อกเซอร์ทั้งสองฝ่ายจะถลันเข้าหากันราวกับรักกันมาก พวกเขาต่อย กอด ศอก กันอย่างเมามันหากแต่ยังอยู่ในกติกาที่ตั้งไว้ เสียงผู้ชมดังจอแจเชียร์นักมวยฝ่ายที่ตัวเองเชียร์ดังระงมไปทั่วด้วยความคร่ำเคร่ง นี่คือยกตัดสินของนักมวยทั้งสอง และเพราะการต่อยตีในยกก่อนๆ ทำให้ต่างฝ่ายต่างบอบช้ำสะบักสะบอมพอๆ กัน ฉันจ้องมองศึกบนสังเวียนตาไม่กะพริบ ในขณะที่ลูกน้องที่น้องนั่งอยู่ทั้งสองข้างของฉันอ้าปากค้าง
ผัวะ!!!!
นักมวยมุมแดงบนสังเวียนใช้ท่าจระเข้ฟาดหางเตะฟาดนักมวยมุมน้ำเงินจนฟันยางกระเด็นและล้มลง
?เออ! มันต้องอย่างนั้นสิ!?
ฉันพึมพำอย่างออกรสชาติ แต่ก็ต้องร้องเสียดายออกมาเมื่อนักมวยมุมน้ำเงินสุดถึกเก็บฟันยางของตัวเองขึ้นมาแล้วโงนเงนชกต่อ นักมวยทั้งสองจดจ้องกันและกันอย่างไม่ลดละเพื่อดูท่าที ทั้งสองหอบและอ่อนล้าเต็มที ขณะที่เหงื่อที่ไหลออกมาของนักมวยมุมน้ำเงินไหลเข้าตาทำให้เผลอกะพริบตาไปชั่วขณะ นักมวยมุมแดงของฉันก็ซัดเข้าทันที!
พลั่ก!!!
เสียงนักมวยอีกฝ่ายถูกศอกกระแทกกลางกระหม่อมด้วยท่าหนุมานถวายแหวนทำเอาผู้ชมร้องฮือกันถ้วนหน้า นักมวยมุมน้ำเงินผู้โชคร้ายล้มลงแก้มแนบพื้นสังเวียนผ้าใบสีขาว หายใจอย่างรวยรินขณะที่กรรมการเริ่มนับ
?หนึ่ง?
อย่านะ...
?สอง?
อย่าสะเออะลุกขึ้นมานะ...
?สาม...สี่...ห้า...?
ตอนนี้เอง ร่างนักมวยนวมน้ำเงินนั่นกระตุกเล็กน้อยเรียกเสียงฮือจากกลุ่มคนดูอีกครั้ง ฉันกลั้นลมหายใจลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ
?แปด...เก้า...?
ตอนนี้ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดไปหมด ทุกคนต่างลุ้นกันตัวโก่งแทบจะไม่มีใครขยับตัวแม้แต่นักมวยบนสังเวียน นักมวยมุมแดงผู้น็อคอีกฝ่ายได้เองก็ลุ้นจนเหงื่อแตกอยู่บนเวทีมวยเช่นกัน...
?สิบ!!!?
?เฮ้!!!!!!!!!!!!!?
เสียงร้องอย่างดีใจดังกลบเสียงบ่นงึมงำของผู้เชียร์ฝ่ายแพ้จนหมดสิ้น ฉันลุกขึ้นจากโซฟาที่พิเศษของฉันและร้องกรี๊ดอย่างมีชัย นักมวยผู้ชนะของฉันกำลังรับเข็มขัดและเสื้อคลุมอยู่บนเวทีด้วยท่าทางดีใจแม้จะหอบจนตัวโยน เขาหันมามองฉันแวบหนึ่ง ฉันยิ้มให้และยกนิ้วโป้งขึ้น...
ทำได้ดีมาก!!!

?แก๊งๆๆๆ หมดยก!!! นักมวยมุมแดง ห้าวหาญ ชาญชัยเป็นฝ่ายชนะ!!!?
?เฮ้!!!!!!!!!!!?
แจ๊บ...แจ๊บ...
ฉันนอนเคี้ยวขนมขบเคี้ยวอยู่บนโซฟาขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ทีวีซึ่งกำลังถ่ายทอดการแข่งขันมวยไทยในวันนั้น ฉันดูมันซ้ำเป็นรอบที่สองแม้จะดูมาแล้วจากสถานที่จริงก็ตาม
?นี่อะไรเนี่ย ทำไมมันรกแบบนี้ล่ะพี่ปาเกียว?
เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่ประตู เมื่อหันไปดูก็พบ ?หมีขาว? เด็กรับใช้ในค่ายมวยของฉันนั่นเอง เขาเป็นผู้ชายตัวอ้วนอวบและไร้เซ็กซ์แอพพีลสุดๆ ฉันทำหน้าเซ็งเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีมาสนใจทีวีต่อ ซึ่งกิริยานั้นทำให้เจ้าหมีขาวรี่เข้ามาบ่นฉันอย่างรวดเร็ว
?พี่ปาเกียว ทำอะไรอ่ะ สายป่านนี้ทำไมไม่อาบน้ำ มิน่าล่ะถึงขึ้นคาน?
คำพูดท้ายประโยคของหมีขาวทำให้ฉันปรายหางตาไปจิกทันที ฉันเลิกดูทีวีแล้วยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเจ้าบ้านั่นที่ถึงแม้จะตัวใหญ่กว่าแต่ฉันก็ไม่เคยเกรงกลัวอยู่แล้ว
?นี่...ฉันคือเจ๊ปาเกียวแสนสวยนะ ฉันขึ้นคานที่ไหนเล่า!! หยาบคาย ไปตายเสียเถอะ!!?
ฉันตวาดใส่ด้วยเสียงโหด เจ้าหมีขาวหงอลงเหลือตัวเท่าลูกแมว ทำหน้าปัญญาอ่อนที่ดูเหมือนจะสำนึกผิดแต่ยังมิวายงึมงำออกมาว่า
?อ้าว...ก็พี่อายุตั้งยี่สิบแปดแล้วยังไม่มีแฟนเลยสักกะคนเค้าก็เรียกว่าขึ้นคานนี่นา...?
?กรี๊ดดดด อย่าอยู่เลยหมีขาว!!!! จงเสียชีวิตด้วยมือของฉันบัดเดี๋ยวนี้!!!?
คำพูดของหมีขาวทำเอาฉันปรี๊ดแตกและวิ่งไล่ฆ่าเจ้าหมอนั่นทันที พูดอะไรไม่พูด มาพูดสิ่งที่...เป็นความจริง -_-!
ถูกของหมีขาว...ฉันคือสาวใสวัยยี่สิบแปด เจ้าของค่ายมวยผู้โด่งดัง และโสด!!
และโสด!!!!!!!!!!!!!!!! T_T
ใช่แล้ว ผู้หญิงหน้าตาดีและมีเงินอย่างฉันยังไร้ซึ่งคนมาฟีเจอร์ริ่งโดยสิ้นเชิง!
พ่อกับแม่ของฉันเปิดค่ายมวยเล็กๆ มาตั้งแต่สมัยฉันยังเป็นเด็กและค่อยๆ ขยายกิจการมาเรื่อยๆ จนใหญ่โต และทันทีที่ฉันเรียนจบ ท่านทั้งสองก็เหนื่อยที่จะทำงานนี้และส่งมอบให้ฉันดูแลแทนเพื่อให้ตัวเองได้ไปใช้บั้นปลายชีวิตที่ต่างจังหวัดอันเงียบสงบใกล้กับวัดที่พี่ชายของฉันผู้สนใจในธรรมะกำลังบวชอยู่... (พี่ชายฉันถวายตัวรับใช้ศาสนาไปซะแล้ว ทิ้งทางโลกอันประกอบไปด้วยค่ายมวยแห่งนี้ให้ฉันดูแลแทน อามิตตาพุทธ...)
พ่อกับแม่รักฉันมาก อยากจะดึงฉันเข้าวงการนี้ใจจะขาด ถึงกับเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่ฉันยังเด็กด้วยการให้ฉันเรียนต่อยมวยในค่ายตัวเองทั้งๆ ที่ตอนนั้นฉันเพิ่งจะอยู่ชั้น ป.3 และไม่ต้องดูอะไรไกลหรอก ขนาดชื่อ ?ปาเกียว? ของฉันนี่ยังมาจากชื่อของนักมวยชายร่างถึกชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อแมนนี่ ปาเกียวเลยคิดดู!!!
ค่ะ...พ่อแม่รักลูกสาวคนนี้ม้ากมาก T_T
และเพราะอย่างนั้น ฉันจึงต้องเป็น ?อาเจ๊? ขาใหญ่ของวงการมวยที่น่าเกรงขาม มีอำนาจมากมายและผู้ชายในสังกัดเป็นโกดัง!! (แต่ในบรรดาคนพวกนั้นไม่มี ?ของฉัน? สักคน ฮือ...T_T)
แต่ทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยน!! ต้องเปลี่ยนไปให้ได้!!
?นี่ทำอะไรกันอยู่ครับเนี่ย...?
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังขณะที่ฉันกำลังล็อกคอเจ้าหมีขาวผู้พูดจาไม่น่าฟังอยู่ เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ ?พี่ห้าว? อีกหนึ่งผู้ชายในสังกัดของฉันนั่นเอง
พี่ห้าวเป็นนักมวยในสังกัดของฉันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ฉันยังควบคุมดูแลที่นี่อยู่ เขาเป็นผู้ชายที่ทุ่มเทให้มวยเป็นชีวิตจิตใจ และสิ่งที่สำคัญจนต้องกาดอกจันไว้ตัวโตๆ เลยก็คือ...เขาหล่อเข้ม!!! และเขายังโสด!!!!
และเขา...คือเป้าหมายของฉันในเวลานี้
?อะ...พี่ห้าว สวัสดีค่า เป็นไงบ้างคะ กินข้าวรึยังเอ่ย ^-^;?
ฉันปล่อยมือจากหมีขาวทันทีและปั้นรอยยิ้มแบบสาวน้อยให้พี่ห้าว ร่างเจ๊โหดที่ไล่ฆ่าหมีขาวเมื่อกี้กลายเป็นอดีตไปในบัดดล
พี่ห้าวที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเหงื่อโซมกาย (และเห็นหัวนม กริ้วว~) ยิ้มตาหยีให้ฉันแล้วตอบว่า
?พี่กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่ครับ เนี่ย...เดี๋ยวครบห้าสิบรอบแล้วก็จะไปกินข้าวเหมือนกัน?
?อ๋อค่ะ >_< สู้ๆ นะคะ!!?
ฉันพูดให้กำลังใจ(แบบสาวน้อย) พี่ห้าวยิ้มรับเป็นเชิงขอบคุณแล้วออกวิ่งไกลออกไป ฉันยืนมองพี่ห้าวจนลับสายตาไปอย่างอิ่มเอิบใจ...ฮ้า~ นี่แหละผู้ชายในฝันของฉัน
ผู้ชายแบบที่ฉันชอบจะต้องแข็งแรง สู้ชีวิต ฉลาด และเป็นคนดี ที่สำคัญจะต้องมีกล้าม!!!
แปลกนักที่ตลอดชีวิตอันแสนสวยงามสง่าของนางสาวปาเกียวไม่เคยเจอผู้ชายแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉันจึงไม่เคยเจอผู้ชายที่ถูกใจพอที่จะเป็นแฟนเลยสักคน!
แต่ในเมื่อสวรรค์ก็ไม่ใจร้าย ดลบันดาลพี่ห้าวลงมาให้ฉันในขณะที่ฉันกำลังจะขึ้นคานพอดี...ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเขายังเป็นไปแบบกระเตาะกระแตะอยู่ แต่ด้วยความรักล้นปรี่ที่ฉันมี พี่ห้าวจะต้องรีบหลงรักฉันอย่างแน่นอน!!! >__<
แล้วเราก็จะแต่งงานกัน มีบ้านหลังใหญ่สวยงาม มีลูกชายหน้าตาน่ารักและแมนๆ แบบพี่ห้าว ลูกสาวน่ารักแบบฉัน มีสวนหน้าบ้านปลูกหญ้าสีเขียว เลี้ยงหมาหนึ่งตัวชื่ออเล็กซานเดอร์...
?พี่ปาเกียว ตื่นๆ!!?
เสียงหมีขาวทำให้ภาพวิมานในฝันของฉันหายแวบไปทันที ฉันหันไปทำตาเขียวปั้ดใส่เจ้านั่นที่กำลังพูดล้อเลียนอย่างไม่รู้ตัวว่า
?แหม...ทีพูดกับเค้านะโหดเชียว~ ทีกับพี่ห้าวนะ พี่ห้าวคะ พี่ห้าวขา~ เหวอออ?
ท้ายประโยคเป็นอันต้องจบไปด้วยการร้องเสียงหลงของหมีขาวที่ถูกฉันบุกเข้าชาร์จจากด้านหลังเพื่อฆาตกรรมอย่.
เห็นมั้ย? ชีวิตฉัน...มีความสุขดีจะตาย จะขาดอย่างเดียวก็แฟนนี่แหละ!!!

?เจ๊ปาเกียว! ไปซื้อข้าวกัน! ไปซื้อข้าวกัน!?
วันนี้เป็นวันที่ยุ่งวุ่นวายมากเนื่องจากมีรายการมาถ่ายทำค่ายมวยของฉันในฐานะผู้ช่วยสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย ฉันกำลังวิ่งวุ่นกับการดูแลค่ายมวยขณะที่ ?โชวี่? ลูกสมุนอีกคนของฉันเข้ามาเรียกให้ไปซื้อข้าว
?ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ ฉันเป็นเจ้าของค่ายนะ ฉันต้องถ่ายรายการ ให้คนอื่นไปเป็นเพื่อนนายเองซี่~?
ฉันพูดขณะที่ยืนจับจ้องพี่ห้าวที่กำลังฝึกเด็กชายตัวน้อยบนเวทีมวยโดยมีกล้องถ่ายอยู่อย่างเคลิบเคลิ้ม โชวี่เป็นเด็กที่ขี้ตื๊อ เจ้าหมอนั่นไม่ยอมเลิกที่จะเข้ามาพูดกับฉันว่า
?โหย...เจ๊อ่ะ! ไปเป็นเพื่อนผมเถอะ คนอื่นไม่ว่างกันเลย! มีแต่เจ๊คนเดียวอ่ะที่ดูว่างสุดๆ!?
ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วมองพี่ห้าวที่กำลังปาดเหงื่ออย่างเซ็กซี่บนเวที ตอนนั้นเองที่โปรดิวเซอร์ของรายการหันมามองฉันกับโชวี่แล้วพูดยิ้มๆ
?คุณปาเกียวมีธุระต้องทำต่อเหรอครับ จริงๆ ไปทำธุระก็ได้นะครับ ส่วนที่คุณต้องถ่ายก็ถ่ายเสร็จหมดแล้ว?
พอโชวี่ได้ยินประโยคนั้น เจ้านั่นก็เขย่าแขนฉันอย่างออดอ้อนต่อทันที
?เห็นมั้ย!! ไปกับผมเถอะ!! ต้องซื้อข้าวให้นักมวยตั้งหลายคน ผมแบกไม่ไหว!!?
-_- แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะไปช่วยนายแบกได้ยังไง!
เมื่อพบว่าบริเวณนี้นอกจากฉันแล้วก็ไม่มีใครว่างจริงๆ อย่างที่ว่า และงานของฉันก็จบลงแล้ว ฉันจึงต้องจำยอมไปกับโชวี่อย่างช่วยไม่ได้
โดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งดักรอฉันมาทั้งวัน...ไม่สิ มาหลายวันแล้ว...

?ต้องซื้ออะไรบ้างนะ โชวี่ นายจดอะไรมาเนี่ย ฉันอ่านไม่ออก! เรียนภาษาไทยมาแน่ป่ะเนี่ย ทำไมเขียน ก.ไก่ กลับข้างแบบนี้! แล้วข้าวขาปลามันมีที่ไหน!?
ฉันกำลังบ่นงึมงำอยู่ที่หน้าร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย โชวี่กำลังหงอฟังสิ่งที่ฉันบ่นขณะที่ป้าเจ้าของร้านผัดข้าวเสียงดังโช้งเช้งอยู่
?โหย เจ๊อ่ะ ผมจดได้แค่นี้แหละ -_-!? โชวี่พูด
เจ้านี่คงอายลายมือตัวเอง แต่ช่วยไม่ได้ มันอ่านไม่ออกจริง ๆ -_-
?งั้นเอาข้าวผัดหมูหมดเลยแล้วกัน วันนี้กินมันแต่ข้าวผัดกันทั้งค่ายนั่นแหละ ป้าคะ เอาข้าวผัดหมูห้าสิบกล่องค่ะ!?
ฉันสั่งทันทีขณะที่หูได้ยินอะไรคล้ายๆ คำว่า ?เผด็จการ? จากโชวี่ ฉันยกมือขึ้นตั้งใจจะทุบหมอนั่นให้เลือดอาบสักทีแต่ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเสียก่อน...
?นี่ โชวี่ นายรู้สึกมั้ย?
เสียงของฉันกลายมาเป็นเคร่งเครียดทันที โชวี่ดูงงๆ เล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า
?เปล่านี่เจ๊ รู้สึกอะไร ปวดขี้เหรอ...?
?ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกำลังแอบมองพวกเราอยู่...? ฉันพูดตอบเสียงเบาพลางกวาดสายตามองไปทั่วร้านที่มีสก๊อยกำลังนั่งกินข้าวอยู่กลุ่มใหญ่ และทั่วบริเวณนั้นแต่ก็ไม่เห็นใครที่ดูน่าสงสัยเลย
?ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยเจ๊ เราคุยกันเสียงดังขนาดนี้ก็ต้องมีคนมองมาเป็นธรรมดา? โชวี่ว่าก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น...
รู้สึกถึงลางไม่ดีเอาเสียเลย...

?หนักจังเลย~~~?
โชวี่บ่นกระปอดกระแปดขณะที่ถือถุงข้าวผัดยี่สิบกล่องด้วยแขนทั้งสองข้างและเดินไปในซอยที่ร้างไร้ผู้คนเนื่องจากเป็นเวลากลางวันแสกๆ และเป็นวันหยุด ชาวบ้านละแวกนี้จึงเลือกจะนอนเกาสะดืออยู่บ้านกันถ้วนหน้า
?นี่ ฉันเป็นผู้หญิงแถมแบกตั้งสามสิบกล่องฉันยังไม่บ่นสักคำเลยนะ!? ฉันว่าขณะที่แขนทั้งสองข้างชักจะล้าๆ แล้วเหมือนกัน ฉันน่าจะขับรถออกมานะ -_-! ทำไมตอนก่อนจะออกฉันถึงคิดไม่ได้เนี่ย!
ขณะที่กำลังเดินต่อไป ฉันก็รู้สึกถึงความรู้สึกเดิมแบบที่รู้สึกที่ร้านอาหารตามสั่ง คราวนี้มันชัดเจนกว่าตอนนั้นเสียอีก...
ฉายาของฉันคือนางสาวหูหมา -_-! หูของฉันดีมากมาตั้งแต่เด็ก และมักจะได้ยินอะไรที่ใครเขาไม่ได้ยินกัน ด้วยเหตุนี้ตอนเด็กๆ ฉันเลยถูกเพื่อนยกหน้าที่ดูต้นทางเวลาที่พวกนั้นแอบเล่นไพ่กันในห้องเรียนให้! (ภูมิใจดีมั้ย)
?มีคนตามเรามา?
ฉันกระซิบบอกโชวี่ ซึ่งเจ้าโชวี่ก็ทำหน้างงๆ ก่อนจะหันไปมองด้านหลังแล้วบอกฉันว่า
?ไม่เห็นจะมีใครเลยนะเจ๊ เจ๊แน่ใจเหรอ รู้สึกไปเองอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย?
คำพูดของโชวี่ทำให้ฉันหงุดหงิดที่ไม่มีใครเชื่อฉัน -_- ก็ฉันรู้สึกจริงๆ นี่ว่ามีคนตามมา!
เราสองคนเดินไปอีกประมาณสิบก้าว และฉันก็ได้ยินเสียงคนเดินตามมาอยู่เช่นเดิม...
มันชักจะแปลกๆ แล้ว...ใครกันที่ตามฉันมา
เมื่อฉันหันกลับไปมองก็ไม่พบใครเลย ซอยที่ว่างเปล่าก็ยังคงเป็นซอยที่ว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น
?เจ๊ รีบเดินซี่ แดดมันร้อนนะ? โชวี่ที่เดินนำหน้าฉันไปตะโกนเรียก
ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็หันกลับไปเดินต่อแต่โดยดี ทันทีที่ก้าวเดิน ฉันก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง...
คราวนี้ชัดเจนมาก ฉันรู้จากเสียงเดินได้เลยทีเดียวว่าคนที่แอบตามมาอยู่นี้ใส่รองเท้าผ้าใบ
?โชวี่! เดี๋ยว! มีคนตามเรามาจริงๆ!?
โชวี่หยุดทันทีตามคำสั่งของฉันแล้วเดินย้อนกลับมา ขณะที่เจ้าโชวี่กำลังจะพล่ามบ่นใส่ฉัน ฉันก็ตะโกนขึ้นมาก่อนว่า
?นี่!!! ไอ้คนขี้ขลาดที่แอบตามพวกเรามาน่ะ!!! ปรากฏตัวออกมาซิ!!!?
เสียงของฉันดังชัดเจนไปทั่วซอยที่เงียบงันแห่งนี้ ขณะที่เวลาผ่านไปช้าๆ จนแทบจะนับลมหายใจเข้าออกได้ ในที่สุดก็มีเงาหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากหลังเสา...
คนที่ปรากฏตัวออกมาทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเสียอีก...

2

คนที่ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังเสาทำให้ฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ผู้ชายร่างสูงสวมเสื้อยืดแบบมีฮู้ดสีเขียวอมขาวกับกางเกงยีนสีดำ ที่ข้อมือมีนาฬิกาสีแสบๆ แบบที่วัยรุ่นนิยมและสะพายเป้ใบใหญ่ ดูยังไงคนตรงหน้าฉันนี้ก็เหมือนพวกวัยรุ่นตามสยามทั่วๆ ไปชัดๆ
และที่สำคัญ...เขาเป็นใครฟะ!!!
?โห...นี่เจ๊รู้จักดาราเกาหลีเป็นการส่วนตัวด้วยเหรอเนี่ย...นี่นาย โย่ อันยองฮาเซโย~?
โชวี่กระดี๊กระด๊าแถมยังยกมือทักทายผู้ชายคนนั้นอย่างเป็นมิตร ผิดกับฉันที่สงสัยแทบตาย ฉันขมวดคิ้วหนักขึ้นไปใหญ่เมื่อคนแปลกหน้าตรงหน้าฉันตอบโชวี่ว่า
?ฮ่าๆ ผมไม่ใช่ดาราเกาหลีหรอกครับ ผมไม่ได้หล่อขนาดนั้น~?
เสียงนุ่มๆ ของเขาทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจไม่น้อย มันเป็นเสียงที่สะดุดใจแบบไม่มีสาเหตุ ฉันพิจารณามองคนตรงหน้าอย่างไม่เป็นมิตร เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าผิวขาวทีเดียว ผมยาวสีน้ำตาลถูกตัดเป็นทรงที่วัยรุ่นกำลังนิยม ดวงตาสีดำส่องประกายสวยเหมือนลูกตากวางนั่นส่องประกายประหลาด จมูกโด่ง ริมฝีปากบางสีชมพูยิ้มแย้มเผยให้เห็นฟันขาวที่จัดเรียงกันสวยงาม
ขอถามอีกครั้ง...เขาเป็นใคร -_-!
?นี่! นายเป็นใคร ต้องการอะไรจากพวกฉัน!? ฉันถามขึ้นหลังจากสำรวจหน้าตาของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ดูท่าทางเหยาะแหยะแบบนี้ต่อให้เป็นโจรฉันก็คงฆ่าทิ้งได้สบายๆ อยู่ดี -_-
ผู้ชายคนนั้นยิ้มจนตาหยีแล้วแนะนำตัวว่า ?ผมชื่อภีมภัทรครับ ^-^ พี่ปาเกียวจำผมได้มั้ย?
ฉันขมวดคิ้วกับคำแนะนำตัวแปลกประหลาดนั่น เขารู้ชื่อฉันได้ยังไง สมองทำงานอย่างหนักเพื่อนึกว่าตัวเองเคยเจอคนชื่อภีมที่ไหน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
มันคุ้นๆ...มันติดๆ อยู่ในแกนสมองบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้สิ
ดูเหมือนคนแปลกหน้าคนนี้จะสังเกตเห็นสีหน้าของฉัน เขาดูผิดหวังนิดๆ แต่ยังยิ้มเหมือนเดิมแล้วพูดว่า
?คงจะจำไม่ได้จริงๆ ช่างเถอะครับ ^-^?
ฉันยังคงไม่ไว้ใจ สายตาตวัดมองไปทั่วร่างของเจ้าคนตรงหน้านี้แล้วถามซ้ำว่า
?นายต้องการอะไรจากพวกฉันน่ะ ถ้าเป็นมิจฉาชีพฉันสู้จริงๆ นะ?
?ฮะๆ พี่สาวยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย...? เขาก้มหน้าพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉันกับโชวี่ด้วยสายตาเว้าวอน ?ผมขอไปอยู่ด้วยได้มั้ยครับ...ตอนนี้หิวข้าวมากๆ เลย ที่อยู่ก็ไม่มี พอดีพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านเพราะผมน่ารักเกินไป T_T?
ไม่พูดเปล่า ยังลูบท้องเบาๆ ดูน่าเวทนาสงสารเป็นอย่างมาก โชวี่ที่ยืนข้างๆ ฉันตอบทันทีว่า
?ได้สิ!! ค่ายเราออกจะใหญ่โต!! >_< อยู่ด้วยกันอบอุ่นมากเลยล่ะ แถมมีพี่ๆ น้าๆ ช่วยกันฝึกมวยด้วยนะ แล้วก็...ชะอุ้ย...?
โชวี่หยุดไปแค่นั้นเพราะสายตาพิฆาตของฉันที่ส่งไป บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่ฉันจะพูดว่า ?ไม่ได้...เสียใจด้วยนะ ฉันไม่อนุญาต -_-?
เขามีสีหน้าผิดหวัง ขณะเดียวกันโชวี่ก็โวยขึ้นว่า ?อะไรอ่ะเจ๊!! ไม่เห็นเหรอว่าเขาน่าสงสารมากเลยนะ!! เจ๊ปาเกียวใจร้ายจัง!!?
?นี่ -_-! นายเป็นเกย์รึเปล่าเนี่ย เห็นคนหน้าตาดีหน่อยมาอ้อนวอนก็สงสารแล้ว รู้หน้าไม่รู้ใจไม่เคยได้ยินรึไง! ถ้าหมอนี่เป็นสายลับจากค่ายมวยคู่แข่งจะทำยังไงยะ! เป็นคนแปลกหน้าแต่รู้ชื่อฉันไม่คิดว่ามันน่าสงสัยเหรอ!?
ฉันปรี๊ดแตกใส่โชวี่ทันที ซึ่งเขาก็มีสีหน้าจ๋อยๆ ไปแต่ก็ยังแย้งอยู่ดี
?แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะเจ๊ ถ้าเกิดผู้ชายคนนี้เขาลำบากจริงๆ ไม่ที่ไป ไม่มีอาหารจริงๆ เจ๊จะทำยังไง ทำไมเจ๊ต้องมองโลกในแง่ร้ายด้วยล่ะ คิดบวกหน่อยซี่~ เดี๋ยวไม่สวยนะ?
คำพูดของโชวี่ทำให้ฉันเม้มปากแน่น ฉันมองโชวี่สลับกับมองหน้าเจ้าคนแปลกหน้านั่นแล้วพูดว่า
?ไม่! ฉันไม่อนุญาต!! มันเปลืองข้าวเปลืองน้ำ! ให้คนแปลกหน้ามาอยู่ฟรีๆ ได้ยังไง ขาดทุนย่อยยับพอดีสิ!?
?ผมไม่อยู่ฟรีก็ได้นะครับ ให้ผมทำงานก็ได้ ^-^;?
?หุ่นเหมือนตุ๊ดอย่างนายจะไปทำอะไรได้ยะ! ฉันเปิดค่ายมวยนะไม่ใช่ค่ายเพลงเกาหลี จะได้เอาผู้ชายหน้าสวยมาขายน่ะ!?
?อุ้ย แรงงง?
ฉันว่าทันทีโดยไม่สนใจเสียงโชวี่ที่ว่าฉันแรง ความรู้สึกของฉันที่มีต่ออีตานี่ติดลบแบบไม่มีเหตุผล อาจจะเป็นเพราะโกรธที่เขาสะกดรอยมาผสมกับอะไรบางอย่างที่มันคุ้นๆ อยู่ในสมองแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหนที่ทำให้ฉันหงุดหงิด
?ผมทำอาหารเป็นนะครับ >_< ทำงานบ้านได้ด้วยนะ?
เจ้าคนแปลกหน้ายังยืนยัน โชวี่ทำตาโตทันที
?ว้าว จริงเหรอ! >_< พอดีเลยนะ! รู้มั้ยว่าพวกเราต้องออกมาซื้อข้าวกล่องกินเป็นเดือนแล้วเพราะแม่ครัวเพิ่งลาออกไปบวช แถมผู้หญิงคนเดียวในค่ายอย่างเจ๊ปาเกียวก็ทำได้อาหารได้แย่ยิงยิ่งกว่าลิงหลับตาทำซะอีก! โอ๊ย เจ็บนะเจ๊!?
ท้ายประโยคโชวี่โดนฉันเตะเข้าที่ขาอย่างเต็มแรงเพื่อให้หุบปากจึงร้องเสียงหลง เจ้าคนแปลกหน้าหัวเราะกับท่าทางของฉันกับโชวี่เสียงใส
?ฮ่าๆๆๆ พี่สาวน่ารักไม่เปลี่ยนเลย >_<?
พี่สาว? หมายถึงฉันใช่มั้ย ต้องใช่แน่ๆ ตรงนี้มีใครสาวกว่าฉันอีกล่ะ -.- เขาชมว่าฉันน่ารักใช่มั้ย!
?นี่เจ๊ ได้ยินมั้ย เขาบอกว่าเจ๊น่ารักด้วยอ่ะ ได้ยินมั้ย! นานๆ ทีจะมีผู้ชายชมว่าเจ๊น่ารักนะ!! พาเขากลับบ้านเราเถอะ เขาน่าสงสารจะตาย!! >_<?
โชวี่ว่าอย่างดี๊ด๊า ฉันเริ่มรู้สึกอยากกลับบ้านเพราะอากาศร้อนและข้าวกล่องที่ถืออยู่ก็แสนจะหนัก และในที่สุดฉันก็ตัดสินใจได้ว่า
?เอ้า จะมาก็ตามมา! ฉันอยากกลับบ้านแล้ว? ฉันว่า โชวี่หัวเราะคิกทันที ฉันจึงต้องตีสีหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า ?ฉันให้มาด้วยเพราะสงสารหรอกนะ ไม่ใช่เพราะนายชมฉันว่าน่ารักอะไรนั่นแน่นอน!?
?ขอบคุณครับ พี่สาว >_<?
คราวนี้โชวี่หัวเราะฉันอย่างไม่ปิดบังเลยทีเดียว ฉันกัดฟันกรอดและออกเดินนำหน้าไปทันที ทำไมนะ คนจะชมฉันว่าน่ารักมันแปลกตรงไหน
ก็ฉันน่ารักจริงๆ นี่!!! -__-! เชื่อสิ! ฉันโดนชมว่าน่ารักบ่อยจะตายไป!
บ่อยจริงๆ นะ TT__TT

?ว้าววววว น่ากินมากๆ?
เสียงของโชวี่ร้องอย่างดี๊ด๊าเมื่อเจ้าคนแปลกหน้าโชว์ฝีมือการทำอาหารในตอนเย็นวันนั้น ตอนนี้ฟ้าข้างนอกเป็นสีดำแล้ว และบรรดานักมวยทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปแล้ว บ้าน (ซึ่งก็คือค่ายมวย) ของฉันนั้นเงียบสงบ เหลือเพียงแค่โชวี่ หมีขาว และเจ้าคนแปลกหน้าเท่านั้นที่อยู่กับฉันที่นี่ โชวี่กับหมีขาวเป็นเด็กรับใช้ของบ้านฉันอยู่แล้วฉันจึงไม่รู้สึกแปลกๆ อะไร แต่เจ้าคนแปลกหน้านี่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย
?มันอาจจะแค่น่ากินแต่ไม่อร่อยก็ได้นะ? ฉันพูดอย่างดูถูกนิดๆ -_- ฉันไม่ชอบเขานี่ ไม่น่าไว้ใจสักนิด ต้องระวังตัวเอาไว้
เจ้าหมีขาวตัวอ้วนใหญ่ไม่สนใจฟังฉันแต่ใช้ส้อมจิ้ม ?หมูผัดกิมจิ? ของเจ้าคนแปลกหน้าเข้าปากไปแล้วพูดว่า ?ฮู่ววว อร่อยมาก!! อร่อยกว่าที่ป้าร้านอาหารตามสั่งทำอีก!!?
เมื่อโชวี่เห็นดังนั้นจึงแย่งส้อมไปจิ้มหมูมากินบ้างแล้วส่งเสียงเออออตามกันไปว่า
?โอ้ อร่อยจริงๆ ด้วย!! สุดยอดไปเลยนาย!!?
ฉันมองเจ้าลูกน้องสองตัวของฉันกินอาหารของคนแปลกหน้าอย่างเอร็ดอร่อยแล้วถอนหายใจ เจ้าพวกนี้มีสมองเท่าเมล็ดถั่วผ่าซีกรึไงนะ ตื่นเต้นอะไรกะอีแค่อาหารอร่อย...-_-
ขณะที่กำลังระอาอยู่ในใจก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองฉันอยู่ สายตาคู่นั้นเป็นของเจ้าคนแปลกหน้านั่นเอง...
?มองอะไร? ฉันถาม
เจ้าเด็กนั่นยิ้มแป้นให้ฉันแล้วพูดว่า ?พี่สาวไม่กินเหรอครับ ^-^ ผมตั้งใจทำมากเลยน้า?
ไม่รู้ทำไม แต่รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันหงุดหงิดพิลึก ทั้งๆ ที่มันออกจะดูน่าเอ็นดูปานนั้น
?ไม่ล่ะ -^- ฉันไม่ชอบอาหารเกาหลี เป็นคนไทยก็ต้องกินอาหารไทยสิ!?
ฉันพาลไปแบบนั้นทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ควร -_-; ทำไมเขาต้องทำให้ฉันไม่เป็นตัวเองด้วยนะ ฉันเกลียดสายตานั่นจัง
น่าแปลกที่เจ้าเด็กแปลกหน้านั่นกลับไม่ว่าอะไรแต่กลับถามฉันว่า
?ถ้างั้นพี่สาวอยากกินอะไรล่ะครับ ^-^ ผมทำให้ได้นะ?
คำถามของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีเลย ฉันไม่ชอบสายตาของเขา ใบหน้าของเขา ไม่ชอบอะไรในคนคนนี้เลย เขาเป็นผู้ชายแบบที่ฉันไม่ชอบ ดูเหยาะแหยะ ไร้ซึ่งความแมนสมชายชาตรีและไม่มีเซ็กซ์แอพพีล -_-!
ไม่ใช่สิ! ฉันควรจริงจังมากกว่านี้!
?นายเป็นใครกันแน่ และต้องการอะไรกันแน่? ฉันถาม
เขายังคงยิ้มแย้มแล้วตอบว่า ?ผมไม่ได้ต้องการอะไรหรอกครับ ^-^ ก็แค่คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยคนหนึ่งเท่านั้นเองจริงๆ นะ?
แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อ...แต่จะให้ทำยังไงเล่า

เขาแปลกมาก!!! และน่าสงสัยมากที่สุด!!!
เจ้าคนแปลกหน้านั่นมาอยู่บ้านฉันได้สักพักแล้ว เขายังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีออกมา แต่ความอดทนของฉันใกล้จะหมดลงไปทุกทีแล้ว...
เขาชอบจ้องมองฉันอยู่เสมอไม่ว่าฉันจะทำอะไร ไม่ว่าฉันจะกำลังทำงาน ดูทีวี กินข้าว เหล่พี่ห้าว เขาก็จะมองฉันอยู่ตลอดราวกับพวกโรคจิต
กรี๊ดด หรือว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตคิดวิปริตกับฉันอยู่! >_< (<คือดีใจไม่ใช่อะไร)
ไม่! ไม่ได้! เรื่องนี้ฉันจริงจัง! ฉันต้องแต่งงานกับพี่ห้าว เขาจะเข้ามาทำให้ฉันมีมลทินไม่ได้! (คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ยฉัน -_-)
และขณะที่ฉันกำลังคุยเรื่องตารางการแข่งขันกับนักมวยชื่อสมหริง คำรักษ์อยู่ที่โรงซ้อมอยู่นั้น ความอดทนของฉันก็สิ้นสุดลง
เขาจะมองฉันไปถึงไหน! บางอารมณ์ฉันอยากจะเการักแร้บ้าง แคะขี้มูกบ้าง ช่วยหันไปทางอื่นได้มั้ย!! -_-^
?พี่สมหริงคะ...เข้าใจใช่มั้ยคะ พรุ่งนี้พี่ต้องไปแข่งที่ญี่ปุ่น เดี๋ยวปาจะให้น้าเขาดิน เนบิวลาเป็นคนพาไป เอาชนะให้ได้นะคะ?
?ได้เล้ย!! พี่ทำได้!! พี่ไม่ได้โม้!!!? พี่สมหริงนักกีฬารุ่นใหญ่ของฉันรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ และเจ้าคนแปลกหน้านั่นก็กำลังมองฉันจากข้างเวทีมวย
พอกันที!!! ฉันไม่ใช่รูปปั้นเทพีวีนัสของไมเคิลแองเจโลนะ จ้องอยู่ได้! (ถึงจะสวยเหมือนกันก็เถอะ -.-)
?พี่สมหริงคะ ปาขอตัวนะคะ? ฉันบอกลาพี่สมหริงก่อนจะเดินมาจากตรงนั้นแล้วตรงรี่ไปหาเจ้าคนแปลกหน้าที่กำลังจ้องฉันทันที ?นี่นาย!!...ชื่ออะไรนะ!!?
เจ้าเด็กนั่นสะดุ้งและตอบฉันว่า ?ผมชื่อภีมไงครับ ^-^ ผมว่าผมแนะนำตัวไปหลายรอบแล้วนะ?
ฉันไม่สนใจรอยยิ้มของเขาแต่พูดว่า ?เอาล่ะภีม! นายตอบมาซิว่าจ้องฉันทำไมมาตั้งหลายวันแล้ว!?
หน้าตาของฉันคงดูเอาเรื่องมาก แต่เจ้าเด็กภีมนั่นกลับยังคงยิ้มแย้มอย่างเดิม ไม่สะทกสะท้าน และตอบว่า ?ผมก็แค่อยากมองเท่านั้นเองครับ พี่สาวลำบากใจเหรอ?
ท้ายประโยคเขาถามอย่างซื่อๆ -_- มันทำให้ฉันหงุดหงิด
?ก็ใช่น่ะซี่!!!!! นายมองฉันมาตลอดเลย ต้องการอะไรกันแน่!! ฉันอึดอัดนะ!!!? ฉันตวาดเสียงดังอย่างคนปรอทแตก คนในค่ายมวยเริ่มจะหันมามองกันทีละคนสองคน แต่ตอนนี้เลือดเข้าตา ฉันไม่แคร์ใครแล้ว!!
?พี่สาวอยากรู้จริงๆ เหรอครับว่าผมต้องการอะไร?
สีหน้าของเจ้าเด็กภีมดูจริงจังขึ้นมาทันที ฉันเชิดหน้าแล้วตอบว่า ?ใช่น่ะสิ!!! ไม่อยากรู้แล้วฉันจะถามเหรอยะ!!?
ถ้าฉันย้อนเวลากลับไปตอนนั้นได้...ถ้าฉันรู้ว่าประโยคต่อมาคืออะไร ฉันคงจะไม่ถามเขาเลย แต่ ณ ตอนนั้นฉันไม่รู้ ผลที่ได้ก็คือ
?ผมมาที่นี่เพื่อขอพี่สาวแต่งงานครับ ^-^?
แต่งงาน!!!
อะไรนะ!! ฉันฟังไม่ผิดใช่มั้ย!! ผู้หญิงที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายมาเป็นแฟนกำลังถูกเจ้าเด็กหน้าอ่อนตรงหน้านี่ขอแต่งงาน!!!
พระเจ้าคะ! ท่านเล่นอะไรอยู่คะ! -_-~


***************************************************************

แค่เริ่มต้นยกแรกยังสนุกน่าติดตามขนาดนี้ ถ้าอยากรู้ว่ายกต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปติดตามหาอ่านกันได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ ^_^

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”