New Release : SOS3 รหัสก่อกวนชวนมารักกัน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : SOS3 รหัสก่อกวนชวนมารักกัน

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
ฮวงที่หนีออกจากบ้านไปกลับมาอยู่ที่บ้านตามเดิม ทำให้หมิงผู้เป็นพี่สาวต้องรับชะตากรรมของคนอกหัก เพราะรู้ว่าปลากริมคนที่เธอรักรักน้องสาวของเธอมากแค่ไหน ฮวงจึงต้องพยายามทำให้พี่สาวกับคนที่เธอรักเหมือนพี่ชายรักกันให้ได้ ซึ่งหมิงเองก็ช่วยฮวงเรื่องความรักเช่นกันหลังจากรู้ว่าฮวงมีออทั่มอยู่เต็มหัวใจ และเขาก็ตามมาหาน้องสาวเธอถึงบ้าน แต่แผนการของเธออาจจะพิสดารไปสักหน่อย งานนี้จึงดูวุ่นวายตามแบบฉบับก่อกวน ชวนให้มารักกัน นี่คือบทสรุปของสองพี่น้องที่มีความป่วนไม่แพ้กันจาก SOS รหัสรักร้ายละลายหัวใจ และ SOS2 รหัสไขใจ ยัยจอมป่วน








Ming?s Part


1





ในที่สุดก็ถึงวันที่ทุกชีวิตในบ้านเกียรติชัยอมรวงศ์ หรือที่รู้จักกันในนาม ?บริษัททวงหนี้เก้ามังกร? รอคอยก็มาถึง วันที่คุณหนูเล็กแห่งตระกูลที่หนีออกจากบ้านไปจะกลับมา


แต่ในความดีใจทั้งหลายแหล่นั้นกลับมีมุมเล็กๆ ในใจของใครคนหนึ่งที่รู้สึกเจ็บปวด และใครคนนั้นก็คือ...ฉัน พี่สาวที่มีสายเลือดเดียวกับเธอครึ่งหนึ่ง


ไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจหรือไม่ถูกกับน้องสาวตัวเอง เพียงแต่อิจฉา ใช่ อิจฉาที่น้องสาวได้รับความรักจากผู้ชายที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ารัก แต่ว่าฉันก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะทำดีกับฉันบ้าง แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งที่ฮวงได้รับ แค่นั้นก็พอแล้ว


?คิดถึงจัง?


หลังจากผู้ชายคนนั้น คนที่ชื่อปลากริมเปิดประตูรถให้ฮวงลงมา ฮวงก็พุ่งตัวเข้าไปกอดป๋า พูดคุยสอบถามให้หนำใจจนป๋าบอกว่าจะไปรอด้านในก็ตามมาด้วยฉันทันที น่าละอายจริงๆ ที่ฉันแอบคิดในใจว่าถ้าฮวงไม่กลับมามันอาจจะดีกับฉัน ทั้งที่เธอออกจะใส ซื่อ บริสุทธิ์ซะขนาดนี้


?ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน?


ฉันพยายามบีบเสียงให้เล็ดลอดออกมาจากปากให้มากที่สุด รู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะพูดคำนี้ออกมา ความรู้สึกผิดมันตีบตันลำคอไปหมด


ฉันขอโทษนะฮวงที่ฉันเคยคิดอย่างนั้นกับเธอ ฉันมันเป็นพี่สาวที่แย่จริงๆ


?เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?


ไม่เพียงแค่ถาม แต่เธอยังเอานิ้วจิ้มๆ แก้มของฉันทั้งๆ ที่ยังกอดตัวฉันเอาไว้อีกต่างหาก นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดหนักขึ้น


?อ้าว ที่ฉันพูดเนี่ยไม่ได้ให้เธอทำหน้าเศร้ากว่าเก่านะ?


?อืม ไม่มีอะไรหรอก พอดีว่าฉันไม่สบายเพิ่งหายน่ะ?


ฉันปั้นหน้ายิ้มเต็มที่ สุดกำลังที่จะทำได้ในตอนนี้ ฉันคงต้องการเวลาอีกสักพักเพื่อทำใจล่ะมั้ง ทำใจที่จะต้องทนเห็นนายปลากริมอ่อนโยนกับฮวงทุกเวลา


เฮ้อ...ทำไมนะ ทำไมฉันต้องมารู้ตัวด้วยก็ไม่รู้สิ ถ้าหากว่าคนที่ฉันรักไม่ใช่คนที่เย็นชาขนาดนี้ก็คงดีสินะ ไม่สิ ถึงจะเย็นชามันก็อาจจะไม่เจ็บปวดเท่ากับเห็นคนที่ตัวเองรักรักคนอื่นหรอก


เทโซ นายทำได้ยังไงกันนะ ฉันอิจฉานายจัง หรือว่านายเองก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับฉันในตอนนี้กันนะ ฉันรู้สึกผิดกับนายขึ้นมาอีกแล้วสิ ขอโทษนะ


?ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วตอนนี้ยังรู้สึกไม่ดีอยู่มั้ย?


พอฉันบอกไปอย่างนั้น ฮวงก็รีบสำรวจร่างกายของฉันใหญ่ว่ามันยังอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า เธอนี่ช่างเป็นคนที่แสดงออกตรงไปตรงมาเสียจริง แล้วก็เป็นคนที่มีน้ำใจ หวังดี และเป็นห่วงคนอื่นเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายปลากริมถึงได้รักเธอ เพราะถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็คงเลือกรักเธอมากกว่าตัวเองเหมือนกัน


?หมิงหายดีแล้วล่ะฮวง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า หายดีแน่แล้วเหรอ?


เสียงของคนที่เงียบอยู่นานตั้งแต่ลงมาจากรถดังขึ้น และมันก็เป็นเสียงใครไปไม่ได้นอกจากนายปลากริม เพราะว่านอกจากป๋าแล้ว คนที่ห่วงฮวงที่สุดก็คงจะเป็นเขานี่แหละ


ฉันรู้สึกจี๊ดๆ ขึ้นมาในใจนิดๆ เลยทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา เสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้านอกตา


?ฮวงไม่เป็นไรแล้วพี่กริม ไม่ได้เจ็บรุนแรงอย่างที่ห่วงสักหน่อย พี่ก็น่าจะรู้นี่นา?


ฮวงทำคิ้วย่นนิดหน่อยหันไปตอบนายปลากริม แต่ท่าทางที่น่ารักนั่นก็ทำให้นายปลากริมยิ้มได้ในทันที ต่อให้ฉันพยายามแทบตาย ฉันก็คงไม่สามารถทำให้เขายิ้มให้อย่างอ่อนโยนขนาดนั้นโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเหมือนกับฮวงหรอก


?เอาล่ะ พูดมากอยู่นั่นแหละ เข้าบ้านได้แล้วดีกว่ามั้ง ป่านนี้ป๋าของฮวงถือของขวัญต้อนรับกลับบ้านจนเมื่อยมือแย่แล้ว?


เขาเดินเข้ามาใกล้ และลูบหัวฮวงเบาๆ อย่างที่ฉันเคยเห็นเขาทำกับฮวงประจำ ก่อนจะดึงมือเธอให้เดินตามเข้าบ้านไป เหลือเพียงฉันที่ยืนอยู่หน้าบ้านอย่างโดดเดี่ยว


แน่ล่ะ คนสำคัญกลับมาแล้ว สถานะของฉันมันก็ต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันต่างจากเดิมตรงความเจ็บปวดนี่แหละ ฉันคงต้องทำใจจนกว่าจะชินล่ะมั้ง








ช่วงเวลายามค่ำคืนมาถึงอย่างรวดเร็ว ภายในบ้านยังคงมีแต่ความสนุกสนาน เพราะว่าวันนี้ได้มีการจัดงานต้อนรับการกลับมาของฮวง แม้ว่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำเฉพาะคนในบ้านโดยไม่มีแขกอื่นๆ แต่ว่าฉันก็ยังคงนั่งอยู่เงียบๆ เหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงแห่งความสุขของเหล่าลูกน้องของป๋าที่กำลังตั้งวงเหล้าหรือเล่นเกมกันภายในรั้วบ้านเลยสักนิด


ความจริงฉันอยากจะแยกตัวขึ้นห้องของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าเพียงแต่ไม่เกรงใจป๋าและเห็นแก่ฮวง แล้วฉันจะไปทนได้ยังไงกันล่ะ ถ้าต้องเห็นนายปลากริมนั่งคุยกับฮวงอย่างสนิทสนมพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าราวกับได้รับความสุขแบบสุดๆ อย่างนั้นอยู่ตลอดเวลา


ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะเหล็กอัลลอยริมสระว่ายน้ำซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน พยายามไม่มองไปในทิศทางที่อยากมอง ปิดหูปิดตาและไม่สนใจคนที่ตัวเองอยากจะสนใจ พลันเสียงก็ดังขึ้นทำให้ฉันที่อยากจะปิดรับประสาทสัมผัสทั้งหมดต้องเปิดรับอีกครั้งและเงยหน้าขึ้นมอง


?ทำไมมานั่งแยกอยู่ตรงนี้ล่ะ?


?เปล่าหรอก แค่อยากนั่งคิดอะไรเล่นๆ น่ะ?


?งั้นเล่นน้ำกันมั้ย?


?หือ??


ตู้ม!!!


ไม่ทันที่ฉันจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้นกว่าเก่า ฮวงก็ดึงฉันให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้และผลักฉันลงไปในน้ำซะก่อน


?คิกๆ เป็นยังไงมั่ง เย็นดีหรือเปล่า?


ฮวงหัวเราะคิกคักที่เห็นฉันกลายมาเป็นลูกหมาตกน้ำสมใจ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งกับขอบสระและเอาขาตีน้ำเล่นให้กระเด็นใส่ฉันที่ยืนทำหน้าบูดอยู่ในสระ


?ไม่ต้องมาแกล้งเลยนะ ลงมาซะดีๆ?


ตู้ม!


แล้วฉันก็จัดการดึงฮวงลงมาเปียกด้วยกันเสียเลย แต่ว่าเสียงน้ำกระเซ็นเพราะแรงกระแทกจากฮวงก็ทำให้อีกเสียงหนึ่งดังตามหลังมาจนฉันสะดุ้ง ทั้งที่แรงกระแทกจากน้ำนั้นมันน้อยกว่าตอนที่ฉันตกลงมาเท่าตัว


?หมิงทำอะไรน่ะ! ดึงฮวงลงไปในน้ำทำไม?


นายปลากริมซึ่งเมื่อครู่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตรวิ่งเข้ามาอย่างตกใจและมายืนตรงตำแหน่งที่ฮวงนั่งเมื่อกี้อย่างรวดเร็ว


อัศวินของฮวงออกมาปกป้องอีกแล้ว ทั้งที่ฉันเพียงแค่เล่นกับเธอเท่านั้น ฮ่าๆ น่าสมเพชตัวเองจริงๆ


?ไม่มีอะไรหรอกน่าพี่กริม หมิงกับฮวงแค่เล่นกันเฉยๆ ห่วงมากไปได้?


?ทีหลังจะทำอะไรก็บอกพี่ก่อนสิ พี่ตกใจรู้มั้ย?


?หมิงดูสิ พี่กริมเหมือนตาแก่ขี้บ่นเลยเนอะ?


ฮวงทำเป็นไม่สนใจความห่วงใยจากนายปลากริม แต่กลับหันมาเออออกับฉันแทน แต่สำหรับฉัน หากว่าเขาจะเป็นตาแก่ขี้บ่นที่ห่วงใยฉัน ฉันก็ยอมที่จะฟังเขาล่ะ


?ฉันว่าเลิกเล่นแล้วดีกว่า เธอขึ้นเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย?


?แหม เธอนี่ก็อีกคน อะไรกันก็ไม่รู้?


เธอบ่นอุบอิบนิดหน่อย แต่ก็ยอมเชื่อฟังโดยดี แล้วพยายามที่จะปีนขึ้นสระที่ขอบด้านข้าง แต่ว่าขนาดตัวที่เล็กของเธอก็ทำให้ไม่สามารถที่จะทำได้อย่างใจง่ายๆ นายปลากริมซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นจึงจัดการยกตัวเธอขึ้นมาเสียเอง และจูงมือพาเธอเข้าบ้านไป โดยที่ฉันได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น


หลังจากทั้งสองคนลับตาไปแล้ว อะไรบางอย่างก็ทำท่าจะเอ่อท้นออกมาจากตา ฉันจึงค่อยๆ ย่อตัวลงให้น้ำปริ่มๆ ปากเพราะกลัวว่าเสียงสะอื้นมันจะดังออกมาให้ใครต่อใครที่อยู่รอบๆ สระน้ำเห็น


น้ำในสระที่เปียกหน้ามันคงพอจะอำพรางน้ำในตาได้บ้างสินะ








เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนคนเริ่มกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่ฉันเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในน้ำ ไม่มีใครสนใจเลยว่ายังมีใครบางคนกำลังอยู่ตรงนี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นฉันในสภาพที่ดูไม่ได้อย่างนี้


ฉันค่อยๆ ขึ้นจากน้ำ กอดตัวเองอย่างหนาวสั่น เพราะว่าแช่ตัวอยู่ในน้ำเสียนาน รู้สึกถึงสัมผัสของมือที่กอดตัวเองไว้ได้อย่างดีว่ามือมันเหี่ยวย่นขนาดไหน แต่ว่าฉันก็ไม่ได้คิดที่จะแยแสมัน กลับก้าวเท้าเดินต่อไปยังตัวบ้านที่คาดว่าจะไม่มีใครเพราะว่าตอนนี้บ้านมืดสนิททั้งหลัง


ขาก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นๆ จากชั้นหนึ่งถึงชั้นสามเป็นไปอย่างเชื่องช้า หยดน้ำจากชุดที่ใส่อยู่หยดไปตามทางเดินมาตลอดทาง แต่พรุ่งนี้เช้ามันคงจะเหือดแห้งก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า เหมือนกับฉันในตอนนี้ที่ไม่มีใครเห็น


?ทำไมถึงเพิ่งขึ้นมา?


ทว่ามันกลับไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด เพราะก่อนที่จะถึงประตูห้องตัวเอง ใครบางคนก็ดักหน้าเอาไว้เสียก่อน และใครคนนั้นก็คือคนที่ฉันสับสนเหลือเกินว่าจะมองหน้าเขาหรือไม่ควรที่จะมองดี โชคดีว่าตอนนี้มีแต่ความมืด เขาจึงไม่สามารถเห็นหน้าของฉันได้ว่ามันซีดและริมฝีปากกำลังสั่นแค่ไหน


?ก็...เพิ่งเล่นน้ำเสร็จนี่นา?


?เล่นน้ำ? เธอบอกว่าเธอเล่นน้ำตั้งแต่สองทุ่มจนถึงเที่ยงคืนนี่นะ?


?อืม ไม่ได้หรือไง?


ตอบเสร็จฉันก็รีบเม้มปากเข้าหากันเพื่อระงับอาการสั่นที่ดูเหมือนมันจะมากขึ้นกว่าเก่า เพราะตอนนี้มันไม่ใช่เพราะความหนาวที่ทำให้ปากของฉันสั่นเท่านั้น แต่มันมีความกลัว...กลัวว่าเขาจะรู้ว่าฉันโกหกเพิ่มเข้ามาด้วย


?อย่ามาโกหก ทำไมเธอต้องแช่น้ำนานขนาดนั้น?


ไม่เพียงแค่พูด แต่เขากลับยื่นมือมาจับปลายคางของฉันและพยายามกดนิ้วโป้งที่ทาบลงมาบนริมฝีปากซึ่งเม้มหนักขึ้นแล้วลากลงไปที่คางอย่างแรงเพื่อให้ฉันคลายริมฝีปากออก ก่อนจะใช้นิ้วเดิมเกลี่ยมันไปมา


?ปากสั่นซะขนาดนี้?


ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา ฉันยกมือขึ้นปัดมือของเขาออกอย่างรวดเร็ว ทว่าเขากลับคว้ามือนั้นของฉันไว้และดึงให้เดินตามไป...ทางห้องของฉัน


?เข้ามาทำไม?


ฉันสะบัดมือของเขาออกอย่างแรงจนมันหลุดในที่สุดหลังจากพาฉันเข้ามาในห้องและเปิดสวิตช์ไฟจนห้องทั้งห้องสว่างแล้ว


?ทำไมถึงต้องทำตัวเองอย่างนี้?


?ฉันทำอะไร?


เสียงห้วนตวัดพร้อมกับหน้าที่หันหนี อย่ามองฉันเหมือนกำลังจับผิด อย่ามองฉัน เพราะฉันไม่อยากให้นายเห็นฉันที่กำลังเสียใจอย่างนี้


?ทำไมต้องแช่น้ำจนตัวซีดอย่างนี้ ไม่ห่วงตัวเองหรือไง?


?เรื่องของฉัน นายกลับไปได้แล้ว?


?หมิง ทำไมเธอถึงได้ดื้ออย่างนี้นะ?


?นายก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นยังไง หรือว่าอยู่กับฮวงมากไปเลยลืมไปว่าฉันไม่เหมือนฮวง?


อดไม่ได้ที่จะน้อยใจ อดไม่ได้ที่จะถากถางค่อนแขวะ ทั้งที่อยากจะยอมรับให้ได้ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ฉันมันก็แค่คนขี้อิจฉา และดูเหมือนว่าความอิจฉานั้นมันจะค่อยๆ ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ หากว่าฉันยังต้องทนเห็นมันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


?เกี่ยวอะไรกับฮวง ฉันกำลังพูดถึงเธอ?


?ช่างเถอะ ฉันว่านายออกไปดีกว่า นี่มันดึกแล้ว มันคงดูไม่ดีเท่าไหร่ที่นายยังอยู่ในห้องนี้?


?ตามใจ ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับเธอเท่าไหร่นักหรอก เพียงแค่จะเอาของมาคืน แล้วก็ขอบใจกับหลายวันที่ผ่านมา?


เขาพูดเสียงเรียบพลางดึงมือฉันไปรับตุ๊กตากระต่ายสีเหลืองที่ถือเอาไว้ในมือก่อนจะออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก


เมื่อเสียงประตูเงียบลง ฉันก้มหน้าลงมองกระต่ายในมือด้วยใบหน้าเศร้า ไม่ต้องย้ำฉันก็รู้หรอกน่าว่านายไม่ได้อยากยุ่งกับฉัน


เจ็บจัง...


?ฉันควรจะทำยังไงดีนะ?








2



อาทิตย์หนึ่งผ่านไปแล้วที่ฉันต้องทนเห็นนายปลากริมทำนู่นทำนี่ห่วงใยฮวงเสียเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าฉันจะทำใจได้สักที จนฉันจึงต้องเนรเทศตัวเองมาอยู่บ้านเทโซทุกเย็นหลังเลิกเรียน แม้ว่านายปลากริมจะไม่ได้คอยรับส่งฉันไปกลับโรงเรียนเหมือนตอนที่ฮวงไม่อยู่ และตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำหน้าที่นั้นกับฮวงด้วยก็ตาม แต่การเห็นหน้าฮวงมากเกินไปก็มักจะทำให้ฉันฟุ้งซ่านเอาได้ง่ายๆ เสมอ ฉันถึงต้องมาหาที่พึ่งแบบนี้


?เธอจะเอาแต่หนีไปถึงเมื่อไหร่?


และนี่ก็เป็นคำถามครั้งที่สามสิบที่เทโซถามกับฉันนับตั้งแต่ฮวงกลับมาอยู่บ้าน ความจริงฉันก็ไม่อยากจะมาพึ่งพาเทโซหรอกนะ เพราะเขาเองก็คงเจ็บปวดไม่แพ้ฉันเหมือนกัน แต่ว่าฉันก็อ่อนแอและเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้จริงๆ


?ฉันขอโทษที่ต้องมาพึ่งนายแบบนี้ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่พร้อมจริงๆ?


?แล้วเมื่อไหร่กันล่ะที่เธอจะพร้อม ห้าเดือน สิบเดือน หรือหนึ่งปี จะช้าหรือเร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ามันอยู่ดี สู้เราเริ่มตั้งแต่ตอนนี้มันไม่ดีกว่าเหรอ การแก้ตัวว่ายังไม่พร้อมมันก็แค่ข้ออ้างเพราะกลัวที่จะเผชิญหน้าเท่านั้นแหละ ถ้ามัวแต่กลัวอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะเดินหน้าได้สักที?


เทโซจับฉันที่นอนคว่ำหน้าเศร้าบนเตียงของเขาขึ้นมานั่ง และกอดอกสั่งสอนอย่างผู้เชี่ยวชาญ


?ฉันเองก็อยากจะทำให้ได้อย่างที่นายบอกเหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าฉันยังไม่ชินกับความเจ็บปวดนี่นา?


?แล้วเธอคิดว่าฉันชินอย่างนั้นเหรอ?


คำพูดของเขาทำให้ฉันสะดุดกึกเกือบหยุดหายใจ นั่นสิ เขาเองก็เจ็บปวดเหมือนกับฉัน แต่ว่าเขาก็ยังคอยให้กำลังใจฉัน ยอมอยู่กับฉัน เป็นเพื่อนฉัน เขาต่างหากที่น่าจะเจ็บปวดกว่า แต่ว่าเขาก็ยังจะทำมัน


?ฉันขอโทษนะ?


?ที่ฉันพูดไม่ใช่ว่าฉันอยากได้คำขอโทษจากเธอสักหน่อย ฉันรู้ว่าระหว่างฉันกับเธอมันเป็นไปไม่ได้ ฉันถึงได้อยากจะให้เธอสมหวังกับคนที่เธอรัก ฉันแค่อยากจะเป็นกำลังใจให้เธอจนถึงที่สุด เคยได้ยินหรือเปล่าล่ะ คำพูดที่ว่า ?อยากให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข แค่นั้นก็สุขใจ? น่ะ นั่นแหละ ฉันรู้สึกแบบนั้น แม้ตัวเองจะไม่สมหวัง แต่ได้แค่นั้นก็พอแล้ว?


เทโซยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มของเขายังคงอบอุ่นสำหรับฉันอยู่เสมอ นายเข้มแข็งจัง ฉันอยากจะคิดได้เหมือนกับนายบ้าง


?อืม ฉันจะพยายาม ขอบคุณนะ?


ฉันยิ้มนิดๆ ตอบเขา และดึงมือใหญ่ของเขาขึ้นแนบกับแก้มของตัวเอง ขอให้พลังจากมือของนายช่วยทำให้ฉันกล้าหาญขึ้นด้วยเถอะนะ








ฉันเดินมาตามเส้นทางกลับบ้านหลังลงจากรถเมล์ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว เพราะว่าวันนี้อยากจะคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวจึงขอให้เทโซไม่มาส่งอย่างทุกที แม้ว่าตอนนี้จะค่ำแล้วก็ตาม


ทว่าระหว่างที่เดินเข้ามาในซอยได้ไม่นาน รถสีดำคันหนึ่งที่วิ่งผ่านไปชั่วครู่ก็จอดลงเสียเฉยๆ ถ้าหากไม่มองทะเบียนรถฉันอาจจะหวั่นใจกลัวว่าจะเจอกับเรื่องอันตรายก็เป็นได้ แต่ว่าทะเบียนรถนั่นที่ฉันจำได้ดีก็ทำให้ฉันก้าวเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ


?ทำไมถึงเดินกลับมาคนเดียว?


แต่แล้วเจ้าของคำถามก็ดึงมือฉันที่กำลังเดินผ่านรถไปอย่างเฉยเมยเอาไว้ ฉันจึงต้องหันหน้าไปสนใจเขา ถึงจะบอกว่าสมควรที่จะเผชิญหน้ากันได้แล้ว แต่ว่าฉันก็ยังไม่อยากที่จะอยู่ใกล้เขาอยู่ดี เพราะว่าการอยู่ใกล้กันมันเจ็บปวด


ถึงตอนนี้ก็เจ็บปวด...แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับฮวงก็ตาม


?ก็แค่อยากกลับคนเดียว?


?เทโซไปไหน?


?อยู่บ้าน?


ฉันตอบสั้นๆ และสะบัดแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา ทั้งที่ฉันน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฉันไม่เคยหลุดจากการจับของเขาหากเขาไม่เป็นฝ่ายยินยอมที่จะปล่อยเอง


?ฉันบอกให้เทโซดูแลเธอ แต่ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียว?


?ฉันเป็นคนขอเทโซเอง แล้วอีกอย่าง ฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันไม่ได้เลือกเขา เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่ควรที่จะไปรบกวนเขา นายก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอกับความเจ็บปวดจากการได้รับความหวังน่ะ?


?.....?


คำพูดของฉันทำให้เขาต้องหยุดนิ่งไป เป็นไงล่ะ โดนใจล่ะสิ และไม่ใช่นายหรือเทโซเท่านั้นนะที่เจ็บปวดกับความรู้สึกนั้น ตอนนี้ฉันเองก็กำลังเจ็บปวดกับมันเหมือนกัน ก็เพราะว่าตอนนี้นายกำลังให้ความหวังฉัน ทำให้ฉันคิดว่านายเป็นห่วงฉันอยู่น่ะสิ เพราะฉะนั้นปล่อยมือเถอะ ให้ฉันเจ็บปวดเพียงแค่เห็นนายรักฮวงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว อย่าให้ฉันเจ็บปวดเพราะนายทำเหมือนเป็นห่วงฉันทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกเลย


?ปล่อยฉันได้หรือยัง?


?ขึ้นรถสิ จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?


เสียงของฉันเหมือนกับการเรียกสติเขาให้กลับมาอีกครั้ง เขาไม่ฟังคำพูดของฉันแต่กลับจะดึงมือฉันให้เดินไปที่ประตูรถฝั่งข้างคนขับ


?แต่ฉันอยากเดินกลับ?


?ฉันไม่อยากใช้กำลังกับเธอนะ?


?ปกตินายก็ใช้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?


?ถ้างั้นฉันจะใช้อีกมันคงไม่แปลกใช่มั้ย?


ว่าแล้วเขาก็ช้อนตัวของฉันลอยขึ้นจากพื้นเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแทน ส่วนฉันได้แต่หน้าเหวอ เพราะปกติถึงเขาจะใช้กำลังยังไง เขาก็ไม่เคยอุ้มฉันแบบนี้ นอกจากตอนที่เกิดเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อน


?ทำไมต้องอุ้มด้วย?


?หรือว่าเธออยากให้ลากเหมือนทุกที?


ไม่ว่าแบบไหนฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ฉันบ่นงุบงิบอยู่คนเดียวแล้วยอมให้เขาอุ้มเข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี เมื่อปลงตกแล้วว่าดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่า ฉันไม่เคยจะต่อต้านคนคนนี้ได้เลยจริงๆ


เมื่อเขากลับมายังที่นั่งคนขับของตัวเองแล้ว รถก็เคลื่อนตัวออกไป บรรยากาศภายในรถเป็นอะไรที่น่าอึดอัด มีแต่ความเงียบ แม้แต่การหายใจฉันยังไม่กล้าที่จะทำ เพราะกลัวว่าเสียงมันจะดังเกินไป จึงต้องพยายามข่มใจให้ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา


ฉันเหม่อมองออกไปนอกกระจกด้านข้าง รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีอะไรให้มองเลย นอกจากความมืด ประตูบ้านหลังอื่น และรั้วหรือกำแพง แต่ฉันก็ยังคงมองมันต่อไป


ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึกว่าทางเข้ามาบ้านมันลึกขนาดนี้


?เปิดเก๊ะสิ?


เสียงของเขาทำลายความเงียบขึ้นมาเสียเฉยๆ จนฉันสะดุ้งขึ้นมานิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรออกมา นึกว่าจะเงียบไปจนกว่าจะถึงบ้านเสียอีก


?.....?


?ของของเธออยู่ในนั้น?


เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบรับและไม่ทำตามที่เขาบอก เขาก็อธิบายความชัดเจนขึ้น แต่ว่ามันก็เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะว่าฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาต้องการให้ฉันทำอะไรกันแน่


ฉันยื่นมือไปเปิดเก๊ะหน้ารถตามที่เขาบอกก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้น และหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถาม


?ปืนเนี่ยเหรอ?


?แล้วปืนนั่นมันของเธอหรือไง?


เขาพูดคล้ายๆ กับอารมณ์เสียนิดหน่อย ฉันจึงต้องวางปืนกลับไปที่เก่าแล้วมองหาของที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นของฉัน


รื้อค้นไปได้สักพักฉันก็เจอมันและหยิบมันมาถือไว้กับมือ มันเป็นของของฉันจริงๆ ของที่ฉันคิดว่าจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว...โทรศัพท์ของฉัน


เสียงเปิดเครื่องดังขึ้นเพราะฉันเปิดดูเพื่อเช็คความเรียบร้อย แบตเตอรี่ยังเต็มอยู่เหมือนเดิม อาจเป็นเพราะคนที่เอาไปไม่คิดที่จะเปิดมันเลยสักครั้งก็เป็นได้


?หมอนั่นฝากมาคืนเธอ...หลายวันแล้ว แต่ว่าเกิดเรื่องฮวงซะก่อน?


เขาเลี่ยงที่จะพูดชื่อของมูนไลท์ แต่เรียกเป็นสรรพนามแทน


ขอบใจนะที่นายอาจจะคิดถึงจิตใจของฉันอยู่บ้าง แต่ว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ในตอนนี้คนที่ทำให้ฉันรู้สึกได้เพียงคนเดียวก็คือนายไงล่ะ


?อืม ขอบคุณนะที่เอามาให้?







ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะดังมาจากประตูของห้องนอน ทำให้ฉันที่กำลังกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงลูบๆ ตุ๊กตากระต่ายที่ได้รับจากคนใจร้ายไปมาต้องลุกขึ้นมองก่อนจะเอ่ยเสียงถามถึงคนที่อยู่อีกฟากของประตู


?ใครเหรอ?


?ฮวงเอง ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?


ฉันไม่ตอบแต่ลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตูให้กับฮวง หมดเวลาของการเอาแต่หลบหน้าแล้วล่ะ


?ทำอะไรอยู่เหรอ?


เมื่อประตูเปิดออกฉันก็ผละจากประตูและกลับมานั่งที่เตียงเหมือนเดิม ส่วนฮวงก็เปิดประตูก่อนจะตามเข้ามานั่งด้วยอีกคน


?ไม่ได้ทำอะไรหรอก?


?เหรอออ...?


?มีอะไรหรือเปล่า?


หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว ฉันก็เห็นฮวงมองไปทั่วรอบๆ ห้องฉัน และตอบฉันโดยลากเสียงยาวเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง


?เปล่าหรอก แค่คืนนี้อยากมานอนด้วย?


?อืม?


ฉันตอบได้เพียงแค่สั้นๆ เท่านั้น และคิดว่าฮวงก็คงจะรู้สึกถึงความแปลกไปของฉันเช่นกัน เพราะปกติเมื่อก่อนเราจะพูดคุยกันมากกว่านี้ ไม่พูดคำตอบคำแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า...ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอจริงๆ


?ตุ๊กตานี่มาจากไหนเหรอ เมื่อก่อนไม่เคยเห็น ปกติหมิงไม่ได้ชอบตุ๊กตาไม่ใช่เหรอ?


คำถามของฮวงทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เธอดึงเจ้ากระต่ายสีเหลืองที่นอนกลิ้งอยู่บนที่นอนไปดูอย่างสนอกสนใจ มันก็เป็นอย่างที่ฮวงบอกนั่นแหละว่าฉันไม่ใช่คนที่จะชอบตุ๊กตาหรือมีตุ๊กตาเยอะๆ ในห้องเหมือนฮวง ถ้าเป็นหมอนคงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะว่าฉันเป็นคนที่ชอบหมอนมากๆ มากขนาดที่ว่าบนเตียงของฉันมีหมอนรวมๆ กันนับสิบ แต่ว่าสำหรับตุ๊กตา เจ้าตัวนี้เป็นตุ๊กตาตัวแรกของฉันเลยก็ว่าได้


?ได้มาตอนเล่นเกมน่ะ?


ฉันเลี่ยงที่จะบอกความจริงเพราะไม่อยากให้ฮวงถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะว่ายังไม่พร้อมที่จะบอกฮวงในตอนนี้ กลัวว่าฮวงจะลำบากใจและเกรงใจฉันเวลาที่อยู่กับนายปลากริม


?เหรอ แต่ฉันคุ้นๆ ว่าตอนไปหาพี่กริมที่ห้องอาทิตย์ก่อนฉันเห็นมันอยู่บนเตียงพี่กริม?


?.....?


ฉันเกือบสะอึกอีกรอบเพราะคำพูดโดนใจของฮวง แต่ก็ทำเป็นเฉยไว้ ไม่ตอบไม่พูดอะไรออกไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งแก้ตัวก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่ลงไป หรือว่าฉันจะไม่สามารถโกหกได้จริงๆ


?ฉันมีคนที่รักแล้วล่ะ?


แต่แทนที่ฮวงจะพูดหรือซักถามเรื่องนั้นต่อ เธอกลับพูดเรื่องอื่นขึ้นมาแทน แถมยังเป็นเรื่องที่เรียกความสนใจจากฉันได้เป็นอย่างดีเสียด้วย


?ตอนที่ฉันอยู่ที่ชลฯ น่ะ?


ฮวงลูบหัวตุ๊กตากระต่ายเบาๆ พร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้ม


?เขาเป็นคนแปลกๆ ชอบทำเรื่องร้ายๆ ใส่อยู่เรื่อย แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาก็เป็นห่วงฉัน?


?.....?


?เวลาฉันเกิดเรื่องก็คอยช่วยตลอดไม่เคยทิ้งกันเลยสักครั้ง แถมยังแก้ปัญหาให้เสมอ เขาน่ะชอบปากเสียหาว่าฉันเป็นตัวป่วนสำหรับเขาอยู่เรื่อย แต่ฉันก็รู้ว่าใจจริงของเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาซ่อนความอบอุ่นเอาไว้ภายใต้การแสดงออกที่ร้ายกาจ?


?.....?


?ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ว่ายิ่งอยู่ใกล้กันก็ยิ่งเข้าใจเขามากขึ้นว่าที่ทำทั้งหมดน่ะเพราะว่าหวังดีและเป็นห่วง เขาน่ะเป็นคนที่ดีมากๆ เพียงแต่ว่าแสดงออกไม่เป็นเท่านั้นเอง?


ฉันนั่งมองและตั้งใจฟังสิ่งที่ฮวงเล่ามาอย่างจดจ่อ ทุกประโยคที่เธอพูดออกมาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นแค่นี้ก็รู้ว่าฮวงรู้สึกกับผู้ชายคนนั้นมากแค่ไหน แต่จะว่าไป ฟังๆ ดูแล้วเรื่องของฮวงมันก็คล้ายๆ กับฉันเหมือนกัน ต่างกันตรงที่นายปลากริมไม่ได้ทำเพื่อฉันเหมือนกับผู้ชายคนนั้นทำกับฮวงหรอก


เป็นความจริงที่เขาชอบทำเรื่องร้ายๆ ใส่ฉัน แต่ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนฮวงว่าเขาทำเพราะว่าเป็นห่วง


จริงอยู่ที่เวลาเกิดเรื่องร้ายแรงกับฉันที่สุดเขามาช่วยเหลือฉัน แต่นั่นเพราะเขาคิดว่าเขาคือต้นเหตุของเรื่องไม่ใช่เหรอ


แม้เขาไม่เคยออกปากว่าฉันเป็นตัวยุ่งหรือตัวป่วน แต่ฉันก็มั่นใจว่าสำหรับเขา ฉันเป็นอย่างนั้นจริงๆ


และภายใต้การแสดงออกที่ร้ายกาจของเขา สิ่งที่ฉันสัมผัสได้มันไม่เคยมีความอบอุ่น มันมีแต่ความเย็นชา


ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงปฏิบัติกับฉันแบบนั้น ฉันรู้เพียงแต่ว่ายิ่งใกล้กันเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจเขามากขึ้นเท่านั้น


เขาน่ะไม่ใช่คนแสดงออกไม่เป็น แต่ว่าเขาไม่เคยแสดงออกเลยต่างหาก


?การที่เรารักใครสักคนน่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะได้รับการรักตอบเสมอไปหรอกนะ ความรักมันก็เจ็บปวดแบบนี้แหละ แต่เราก็ต้องกล้าที่จะเสี่ยง เสี่ยงที่จะรัก เสี่ยงที่จะบอก เสี่ยงที่จะแสดงออก และเสี่ยงที่จะเสียใจ ถึงฉันจะยังไม่ได้ทำทั้งหมด แต่ฉันคิดว่าสักวันฉันก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วเธอล่ะ...ไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้?


?ฮวง...?


เสียงของฉันเบาหวิวออกจากปากอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตาจ้องมองผู้หญิงตัวเล็กที่เคยใสซื่อตรงหน้า เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในขณะที่ฉันดูเด็กลง...ในเรื่องของความคิด


โดยเฉพาะ...ความคิดเรื่องความรัก


?ฉันไม่รู้หรอกนะว่าช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าพี่สาวตัวเองกำลังรู้สึกยังไงหรอกนะ รักเขาใช่มั้ยล่ะ พี่กริมน่ะ?


?อื้ม?


ฉันตอบคำอื่นไม่ได้อีกแล้วนอกจากการครางเสียงในลำคอเบาๆ เป็นคำตอบ ในเมื่อมันปิดไม่มิดขนาดนี้แล้ว


?งั้นก็ทำให้เขาหันมาสนใจสิ?


?แต่ว่าเขา...?


?ฉันเป็นได้เพียงแค่น้องสาวของเขาเท่านั้นแหละ?


?เธอรู้?


ฉันอดแปลกใจไม่ได้ที่ได้ยินคำพูดที่แทรกขึ้นมาของฮวง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาฮวงค่อนข้างที่จะไร้เดียงสา เพราะเธอจะโดนสั่งให้ทำนู่นทำนี่ตลอดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความคิด และเธอก็ไม่เคยแสดงออกมาว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของนายปลากริมเลยสักครั้ง ทั้งที่มันออกจะชัดเจน


?ความจริงฉันก็ไม่รู้หรอก แต่เพราะว่าฉันได้ออกไปสัมผัสกับโลกภายนอก ทำให้ฉันรู้จักอะไรๆ มากขึ้น ฉันได้รู้จักความรักในรูปแบบต่างๆ ฉันถึงได้รู้ว่า...รูปแบบของความรักแต่ละแบบน่ะมันต่างกันยังไง มาถึงตอนนี้ฉันถึงได้เข้าใจว่า...ความรักของฉันกับพี่กริมที่ผ่านมาน่ะมันไม่เหมือนกัน?


?เธอโตขึ้นเยอะเลยนะในเวลาเกือบสองเดือนนี้?


?เพราะว่าฉันเจออะไรมาเยอะล่ะมั้ง แต่ก็ใช่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปนะ ฉันก็ยังเป็นฮวงคนเดิม เพียงแต่เรื่องบางเรื่องที่มันบีบบังคับเกินไป ฉันคงจะไม่ยอมเหมือนเมื่อก่อน เพราะว่าฉันก็มีความคิดเป็นของตัวเองเหมือนกัน?


?อืม ถ้าป๋ารู้ว่าเธอเข้มแข็งขึ้นขนาดนี้ป๋าคงดีใจ?


ฉันยิ้มและยกมือขึ้นลูบหัวฮวงเบาๆ ด้วยความรู้สึกของพี่สาวที่ภูมิใจในตัวน้องสาวของตัวเอง


?ก็ไม่แน่หรอก ป๋าอาจจะอยากให้ฉันหัวอ่อน ยอมคน และเชื่อฟังเหมือนเมื่อก่อนก็ได้?


พอเจอฉันทำอย่างนั้นฮวงก็เลยถือโอกาสเอนตัวลงนอนอ้อนฉันบนตักเสียเลย เหมือนกับเมื่อก่อนที่ชอบทำบ่อยๆ


?ป๋าก็แค่ห่วงเธอเกินไปเท่านั้นแหละ?


?คิกๆ นั่นสิ ห่วงจนฉันทำอะไรไม่ได้เลย?


ฉันไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่ยังคงลูบหัวของฮวงเบาๆ อย่างเอ็นดู ไม่ว่าเมื่อไหร่ฮวงก็ยังเป็นเด็กน่ารักเสมอในสายตาของฉัน


?แล้วเรื่องของพี่กริมน่ะ หมิงจะทำยังไงเหรอ?


หลังจากเงียบไปได้สักพัก ฮวงก็ทำให้ฉันชะงักอีกแล้ว


?ไม่รู้สิ?


?เรามาทำให้พี่กริมเปลี่ยนใจมาหาหมิงดีมั้ย?


แล้วอยู่ๆ ฮวงก็ลุกพรวดขึ้นจากตักฉันจนฉันเกือบจะเอนตัวหลบหัวของฮวงที่ทำท่าจะโขกกับคางฉันไปเต็มๆ แทบไม่ทัน ดีว่ารอดมาได้อย่างหวุดหวิดนะเนี่ย =__=^


?แล้วจะทำได้ยังไง?


?ดึงความสนใจไง?


?ดึงความสนใจ? ยังไงล่ะ??


?หมิงก็ทำในสิ่งที่ปกติไม่เคยทำสิ?


???


ตอนนี้หน้าของฮวงมันเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น แต่ว่าหน้าของฉันกลับมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด -__-?


?เริ่มต้นด้วย...?


?ด้วย...?


เพราะฮวงพูดแล้วก็หยุดค้างไว้แค่นั้นเหมือนกับจะทำให้ลุ้น ฉันก็เลยต้องถามซ้ำอีกทีเพราะว่าตอนนี้ฉันก็อยากรู้เต็มแก่แล้ว


?ด้วยการที่หมิงเปลี่ยนมาเรียกพี่กริม?


?หา? O[]O?


ตาของฉันเบิกขึ้น แต่ว่าฮวงกลับออกคำสั่งซ้ำอีกครั้งอย่างชัดเจน แถมยังชี้หน้าฉันอีกต่างหาก - -*


?เลิกเรียกนายปลากริมแล้วเปลี่ยนมาเรียกพี่กริมซะ?


?แต่ว่า...?


?ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าไม่เริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่ะสิ ที่หมิงเรียกพี่กริมว่านายปลากริมนั่นก็เพราะว่าไม่ชอบเขาตอนแรกใช่มั้ยล่ะ แต่ว่าตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว หมิงก็สมควรจะเปลี่ยนการเรียกด้วย?


?มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย?


?เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว?


?เกี่ยวยังไง??


เธอยังคงค้านไม่หยุด แต่ว่าฉันก็ยังไม่หยุดคำถาม ก็มันไม่มีเหตุผลเลยนี่นาที่ฉันจะต้องเปลี่ยนการเรียกอย่างที่ฮวงบอก ฉันเรียกเขาอย่างนี้มาตั้งสองปีแล้วนะ อยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนได้ยังไงกันล่ะ =O=;


?ก็เพราะว่าการเรียกคนที่อายุมากกว่าตั้งหกปีว่านายๆ มันไม่สุภาพนี่นา พี่กริมคงไม่ปลื้มเท่าไหร่หรอกจริงมั้ย แล้วอีกอย่าง ถ้าเธอเรียกเขาเหมือนเดิม มันก็คอยแต่จะคิดถึงแต่เรื่องราวเก่าๆ ที่ผ่านมา ตอนนี้เราต้องเริ่มสร้างความทรงจำดีๆ ของเราให้กับพี่กริมเสียใหม่ พี่กริมจะได้มองเราดีขึ้น เห็นมั้ยว่ามันเกี่ยวเต็มๆ หรือว่าเธอจะเถียง?


?เอ่อ...?


เล่นอธิบายซะขนาดนี้แล้วฉันจะเถียงได้ยังไงกันล่ะ แต่ว่าฉันไม่มั่นใจหรอกนะว่าฉันจะทำได้น่ะ ก็คนมันไม่เคยนี่นา -__-a


?อืม แล้วขั้นต่อไปก็...ทำตัวเป็นเด็กดี อย่าดื้อ?


คำกล่าวหาของฮวงเสียดแทงใจของฉันเต็มๆ ทำให้นึกถึงหน้านายปลากริมวันที่เขาเอาตุ๊กตาฉันขึ้นมาทันที คิดแล้วก็ปวดใจ เขาทำเหมือนกับว่าจะไม่สนใจฉันอีกต่อไปแล้วอย่างนั้นแหละ แต่ว่าความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจฉันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ที่เจอกันวันนั้นเขาก็แค่บังเอิญเอาตุ๊กตามาคืน ไม่ได้ยืนรอฉันสักหน่อย และที่วันนี้เอาโทรศัพท์มาคืน มันก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะจิตสำนึกเท่านั้น


?ฉันไม่ได้ดื้อ?


?เธอน่ะดื้อสุดๆ เลยต่างหากล่ะ โดยเฉพาะกับพี่กริม?


?ก็...ก็ได้ จะพยายาม?


เจอฮวงเสียงแข็งใส่ เล่นเอาฉันปฏิเสธไม่ได้เลย ฉันว่าฉันเริ่มรับรู้ถึงสายเลือดของป๋าที่หลับอยู่ในตัวของฮวงแล้วล่ะ -__-^


?อืม ดี ถ้าเธอเปลี่ยนไปขนาดนี้รับรองพี่กริมไม่อยู่เฉยแน่?


เขาคงจะหาว่าฉันผีเข้า หรือว่าเกิดอาการทางประสาท =__=;;


?ขอเรียกปฏิบัติการครั้งนี้ว่า ยุทธวิธีละลายน้ำแข็ง?


?.....?


?นี่ อย่าเงียบสิ นี่มันคือยุทธวิธีละลายน้ำแข็งนะ?


?อืม ยุทธวิธีละลายน้ำแข็ง?


ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฮวงต้องการอะไรกันแน่ เลยได้แต่พูดตามไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าไปติดนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้จากที่ไหนสิน่า รู้แต่ว่าฮวงเปลี่ยนไป -*-


?แสงสว่างอย่างเธอน่ะ ละลายน้ำแข็งอย่างพี่กริมได้แน่นอนอยู่แล้ว?




-------------
แผนการกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ไม่ใช่เพียงแค่ฮวงเท่านั้นที่มีแผนการ เพราะว่าต่อจากที่จัดการเรื่องของหมิงแล้ว ฮวงก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกหมิงจัดการบ้าง อยากรู้ว่าสองพี่น้องนี้จะทำยังไงต่อไป ติดตามอย่างเต็มรูปแบบได้ในฉบับเต็มตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปเดือนธันวาคมนี้ค่ะ หากว่าใครที่ยังไม่มีสองเล่มแรก SOS รหัสรักร้ายละลายหัวใจ และ SOS2 รหัสไขใจ ยัยจอมป่วน อยู่ในมือล่ะก็ ไม่ควรพลาดค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”