New Release : Dear brother พี่ชายเฉพาะกิจ วิกฤตเฉพาะใจ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Dear brother พี่ชายเฉพาะกิจ วิกฤตเฉพาะใจ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
พี่ชายของอมยิ้มเสียชีวิตแล้ว แต่ว่าแม่ของเธอยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ หนำซ้ำยังไปทักผู้ชายที่หาว่าเธอเป็นยัยขี้โกหกบนรถเมล์เมื่อเช้าว่าเป็นลูกชายเสียอีก งานนี้อมยิ้มเลยต้องไหว้วานให้เทมเป้มาเป็นพี่ชายให้ชั่วคราว แต่นั่นก็แค่ต่อหน้าแม่ของเธอเท่านั้น เพราะเวลาอื่นนอกเหนือจากนั้น เขาก็เป็นแค่นายจอมป่วนแถมยังเพี้ยนมากๆ อีกต่างหาก ทว่านายป่วนนั่นกลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจให้เธอจะต้องค้นหาอย่างไม่น่าเชื่อ







1




?Diary : 13 06 25xx ครบรอบร้อยวันการจากไปของพี่ไอติมและพ่อ ยิ้มคิดถึงทั้งสองคนจัง?


?ชิดในหน่อยค่ะ ชิดในหน่อย!? เสียงตะโกนของกระเป๋ารถเมล์ลอยละล่องเข้ามากระทบโสตประสาทหู ฉันขยับตัวเล็กน้อยเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างกันเบียดเข้ามามากขึ้น สองมือกระชับกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น กลิ่นน้ำหอมของผู้คนมากมายที่ช่วยกันประโคมใส่ตัวในยามเช้าทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียน แล้วไหนจะยังการขับรถที่ปาดซ้ายปาดขวาโดยไม่สนผู้โดยสารนั่นอีก


ฉันคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกขึ้นรถเมล์ฟรี =_=


ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดด


?เฮ้ย จอดสิวะ! ตาถั่วมองไม่เห็นป้ายหรือไง?


เสียงเอ็ดตะโรโวยวายของผู้ชายคนหนึ่งที่หนีบแฟ้มเอกสารในมือพร้อมกับตัวรถที่โยกไปซ้ายขวาและเสียงก่นด่าของผู้คนมากมายยิ่งทำให้ฉันมึนหัวมากขึ้น สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจหยิบเอ็มพีสามขึ้นมาอุดหู หันหน้าออกไปทางหน้าต่างและหลับตาลง


ไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ แต่ฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออะไรบางอย่างจิ้มจึ้กๆ เข้าที่หัวไหล่ เมื่อฉันหันไป ดวงตาใสแป๋วของชายหนุ่มหน้าหวานก็จ้องสวนกลับมา


?มีอะไร -_-?


?น้ำลายเธอไหลแล้ว?


ง่ะ O_O น้ำลาย? ฉันแตะเบาๆ ที่มุมปากของตัวเอง แต่แล้วก็ไม่พบอะไร


?ขอโทษนะคะ มันจะมีน้ำลายได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ได้หลับ?


ฉันพยายามส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ถือสาทั้งที่จริงๆ แล้วก็แอบหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วยังคงจ้องตรงมาทางฉัน เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไหวไปตามสายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างที่อยู่ติดกับเขา


?ถ้าเธอไม่ได้หลับก็แปลว่าเธอไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้สินะ เอ...แต่ทำไมคนพวกนั้นใส่ชุดเหมือนเธอเลยล่ะ? เด็กหนุ่มคนนั้นเอียงคออย่างน่ารัก ริมฝีปากบางเม้มน้อยๆ ใบหน้าขาวใสเปล่งประกายราวกับมีออร่า


ยิ่งจ้องยิ่งหล่อ หุหุ -,,- เอ...แต่เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ


ฉันเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างและก็พบว่ารถเมล์คันนี้กำลังจอดอยู่ที่หน้าป้ายโรงเรียนของฉันพอดิบพอดี และตอนนี้ประตูรถก็กำลังจะปิดลง... ฉันกระเด้งตัวออกจากที่นั่งโดยทันที


?ขอโทษนะคะ! ขอทางหน่อยค่ะ! ขอทางหน่อย...ขอโทษค่ะ!? ฉันรีบแทรกตัวเข้าไปท่ามกลางผู้คนมากมายที่บดเบียดกันเสียยิ่งกว่าปลากระป๋องเพื่อที่จะลงจากรถ แต่ประตูก็ปิดสนิทลงอีกครั้งพร้อมกับรถเมล์ที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไป อ๊ากกกก ไม่นะ T^T


เมื่อมาถึงหน้าประตูรถ ฉันก็กดออดรัวๆ เพื่อหวังให้คนขับรถเมตตาและจอดให้ฉันลง แต่ทว่าที่กลับมากลายเป็นเสียงก่นด่าและประโยคสั้นๆ แต่ทำร้ายหัวใจที่ว่า


?ไปลงป้ายหน้าแล้วเดินเอาซะเถอะอีหนู!?


โฮกกกกกกกกก ป้ายหน้ามันข้ามไฟแดงไปเลยนะคะคุณลุง Y______Y


?อ้าว สรุปว่าเธอต้องลงป้ายเมื่อกี้เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเธอหลับน่ะสิ! ทำไมเธอต้องโกหกฉันด้วย -O-!? ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างฉันเมื่อกี้ตะโกนลั่น และเสียงของเขาก็ดังไปทั่วรถเมล์ที่โย้ไปโย้มาอย่างรวดเร็ว ทุกสายตาจ้องตรงมาที่ฉันก่อนที่เสียงหัวเราะเบาๆ จะตามมาเป็นระลอก


?ฉันเปล่าหลับซะหน่อย!? ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ฉันรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว


?เธอหลับ แถมยังนอนน้ำลายไหลด้วย!?


?ฉะ...ฉันเปล่านะ TOT ทำไมนายต้องแกล้งฉันแบบนี้ด้วย เรารู้จักกันมาก่อนหรือไง!?


?เราไม่เคยรู้จักกัน เอ๊ะ ไม่สิ! ฉันอาจจะเคยรู้จักกับเธอเมื่อชาติก่อน ไม่รู้แหละ แต่เมื่อกี้ฉันเห็นเธอนอนน้ำลายไหลนะ >O<!?


ชายหนุ่มคนนั้นยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น ส่วนฉันตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดอยู่ที่รูไหนแล้ว ระหว่างที่เราสองคนยังคงโต้เถียงกันข้ามหัวผู้คนนับล้าน รถเมล์ก็จอดนิ่งสนิทเพราะติดไฟแดง ฉันรีบหันกลับไปให้ความสนใจกับประตูรถอีกครั้ง


?คุณลุงคะ ไฟแดงแล้ว ช่วยเปิดให้หนูลงหน่อยเถอะค่ะ!?


?ไม่ได้หรอกอีหนู เดี๋ยวตำรวจจับ เห็นมั้ย มานู่นแล้วน่ะ!?


ฉันพยายามมองหาตำรวจตามที่คุณลุงคนขับบอก แต่ด้วยผู้คนยุ่บยั่บทำให้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหัวดำๆ ฉันจ้องมองประตูด้วยสายตาละห้อย


?ผู้หญิงขี้โกหกแบบเธอสมควรโดนแบบนี้แล้วล่ะ แบร่!? ผู้ชายคนนั้นยังไม่ยอมสงบศึกกับฉันง่ายๆ น้ำเสียงค่อนข้างทุ้มของเขาแทรกผ่านสายลมมาอีกครั้ง ฉันหันขวับไปทางเขา สองมือเท้าสะเอวโดยอัตโนมัติ


?นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่ ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ได้หลับ!?


?เธอหลับ?


?ฉันไม่ได้หลับ!?


?เธอนอนหลับ น้ำลายไหลด้วย -O-?


?เอ๊ะ ก็บอกว่าเปล่าไง!? ฉันเริ่มมีน้ำโหกับหนุ่มคนนี้เพราะเขายังคงทำตัวดื้อดึงราวกับเด็กสามขวบ!


?ยัยขี้โกหก?


?เอ๊ะ ไอ้บ้านี่ ฉันบอกว่าเปล่าก็เปล่าสิวะ!?


?ผู้หญิงอะไรพูดจาไม่เพราะเลย -_-? ?


?นะ...นี่นายบังอาจด่าฉันเหรอ!? แขนขวาถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ นิ้วเรียวชี้ตรงไปยังหน้าของเขาในทันที แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เอ่ยอะไรออกไป


?เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันสั่งให้แกหยุดยังไงเล่า ไอ้บ้าเอ๊ย วิ่งเร็วชิบ!?


เสียงสบถด่าที่มาจากภายนอกรถหยุดการโต้เถียงของเราสองคนได้อย่างชะงักงัน ฉันก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่จะส่องผ่านกระจกบริเวณประตู แล้วก็พบว่าร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งกำลังวิ่งผ่านรถไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดชีวิต และมีชายอีกสองคนวิ่งตาม คนหนึ่งถือกระดาษที่ม้วนจนกลายเป็นแท่งแข็งๆ เอาไว้ในมือ


?ไอ้โอเด้ง!? เสียงตะโกนของคู่กรณีดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนประเด็นของเขาจะเปลี่ยนไป ดวงตาสีน้ำตาลจ้องตรงไปยังร่างสามร่างที่วิ่งผ่านรถเมล์ฟรีคันนี้ไปราวกับสายลม ร่างสูงโปร่งผุดลุกขึ้นทันที


?ลุงเปิดประตูรถเร็ว!?


?ไอ้เด็กพวกนี้ ฉันบอกแล้วว่าไม่เปิดก็คือไม่เปิดสิวะ ชักรำคาญ? เสียงสบถอุบทำให้ฉันรู้สึกผวาน้อยๆ แต่ดูเหมือนหนุ่มน้อยคนนั้นจะไม่กลัว


?แต่เพื่อนผมกำลังจะตายนะฮะ ผมต้องลงไปช่วย?


?ก็แค่เด็กวัยรุ่นตีกันธรรมดา?


?ลุงนี่ใจร้ายมาก จำไว้เลย ลุงจะไม่มีวันเห็นหน้าผมอีก ผมจะไม่ขึ้นรถเมล์คันนี้และจะสั่งห้ามเพื่อนๆ ขึ้นด้วย!?


?ไอ้เด็กบ้านี่ชักจะวอนหาเรื่อง แกจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็เรื่องของแก ลงจากรถของฉันไปเลยไป!? คุณลุงคนขับตะโกนกลับมา ใบหน้าขาวใสของเด็กหนุ่มคนนั้นบึ้งตึงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะถลาเข้าไปที่หน้าต่างและเปิดหน้าต่างขึ้นจนสุด ก่อนจะถอยกลับมายืนห่างจากหน้าต่างบานนั้นอีกประมาณหนึ่งช่วงตัวของเขา


นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ O_O


?นั่นแกจะทำอะไร? คุณลุงคนขับคิดแบบเดียวกับฉัน ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเหยียดยิ้มบาง


?ก็ลงจากรถไปอย่างที่ลุงบอกไงเล่า! ลาล่ะฮะ ^O^? ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นก็พุ่งหลาวออกจากหน้าต่างรถ ด้วยความที่ตัวของเขาค่อนข้างโปร่งและบางทำให้สามารถลอดออกไปได้โดยไม่ติดขัด ฉันรีบถลาเข้าไปเกาะกระจกประตูเพื่อดูเขาทันที เด็กหนุ่มม้วนหน้ากลางอากาศหนึ่งตลบก่อนจะดิ่งลงสู่พื้นอย่างงดงาม


เสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อมกันทั่วทั้งรถ ฉันจ้องมองไปยังร่างสูงสง่านั้นด้วยอาการอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางฉันและแย้มยิ้มสดใส


?แล้วเจอกันใหม่นะ ยัยขี้โกหก? ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเหลืองและเขียวตามลำดับ ก่อนที่รถเมล์นรกจะเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นที่หายไป ใบหน้าหวานของเขายังคงติดตา และไหนจะเสียงนั่นอีก


?ยัยขี้โกหก? ทำไมครั้งสุดท้ายที่เขาพูดคำนี้ ฉันถึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นคำด่านะ?









ฉันกลับมายืนที่หน้าบ้านอีกครั้งด้วยสภาพอิดโรย เพราะความรู้ที่ถูกอัดใส่สมองอย่างไม่มีบันยะบันยัง ร่างอ่อนระโหยโรยแรงค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในตัวบ้าน


?กลับมาแล้วค่า?


?กลับมาแล้วหรือคะคุณหนูยิ้ม? หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้หมายจะดึงกระเป๋าไปจากมือของฉัน แต่ฉันยื้อเอาไว้


?ไม่ต้องหรอกค่ะพี่เอ แล้วนี่แม่อยู่ไหนคะ?


?คุณผู้หญิงอยู่ในสวนค่ะ? พี่เอบอกกับฉันยิ้มๆ ฉันเดินไปที่สวนตามที่พี่เอบอกแล้วก็พบกับร่างบางของหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นสีเงิน


?คุณแม่!?


?กลับมาแล้วหรือจ๊ะอมยิ้ม? ฉันตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะโผเข้าไปกอดคุณแม่ด้วยความรัก มือหยาบค่อนข้างสากแต่เต็มไปด้วยไออุ่นลูบเบาๆ ที่แก้มของฉัน


?แม่ทำอะไรอยู่เหรอคะ?


?แม่คิดถึงติมน่ะ จริงสิ ช่วงนี้ยิ้มติดต่อพี่ติมได้บ้างมั้ย?


รอยยิ้มของฉันหุบลงอย่างรวดเร็ว


?แล้วไหนจะพ่ออีก ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกนั่นหายไปไหน นี่มันก็จะสี่เดือนแล้ว ไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลย ไปเที่ยวแล้วก็ลืมพวกเรา มันน่าน้อยใจเนอะลูก?


ถึงแม้บนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นคงมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววโศกอย่างชัดเจน ฉันไล่สายตาไปยังสิ่งที่คุณแม่ถืออยู่ และสิ่งนั้นก็คือรูปครอบครัวของเรา รูปที่มีพ่อ แม่ พี่ไอติม และฉัน...ฉันอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่า ?แม่คะ พี่ติมกับพ่อตายไปตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว? แต่ฉันก็ทำไม่ได้...


เหตุการณ์รถชนในวันนั้น นอกจากที่แม่จะได้รับบาดเจ็บที่ขาแล้ว ท่านยังมีอาการทางประสาทอ่อนๆ แม่ไม่ยอมรับว่าพี่ติมกับพ่อตายไปแล้ว คุณหมอบอกว่า ดูเหมือนแม่จะปิดกั้นความทรงจำนั้นเอาไว้ และหลอกตัวเองเสมอมา หลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปสามเดือน ฉันพาแม่ไปหาหมออย่างสม่ำเสมอ แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ...อาการแบบนี้คุณหมอช่วยอะไรไม่ได้ คงต้องอาศัยระยะเวลาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาได้ก็คือขาของคุณแม่ ดังนั้นฉันจึงต้องสร้างเรื่องใหม่โดยการบอกแม่ว่า บริษัทของพ่อส่งให้พ่อไปทำงานต่างประเทศ พี่ติมก็ตามพ่อไปด้วย ส่วนเรื่องขา ฉันก็โกหกไปว่าแม่ตกบันไดขาหัก และดูเหมือนท่านจะเชื่อทุกอย่างที่ฉันเล่าอย่างสนิทใจ ฉันเหลือบมองไปที่ผู้ชายในรูป รอยยิ้มอบอุ่นของพี่ติมทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจได้เสมอ


พี่ไอติม...ช่วยเป็นกำลังใจให้ยิ้มด้วยนะคะ


?แม่คะ แม่อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย เดี๋ยวยิ้มพาไป ออกไปข้างนอกสูดอากาศบ้าง เผื่อว่าแม่จะรู้สึกสบายใจขึ้น? ฉันเสนอความคิดเพราะไม่อยากให้แม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ และแม่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย


ฉันพาแม่ออกมาเดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะของหมู่บ้าน เผื่อว่ากลิ่นของธรรมชาติ เสียงเจื้อยแจ้วและเสียงหัวเราะของเด็กๆ จะทำให้แม่คลายความกังวลไปได้ และดูเหมือนมันจะได้ผล แม่ยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา ฉันเข็นรถเข็นของแม่ต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...


?ลูกยิ้ม หยุดตรงนี้สักพักนึงก่อนได้มั้ย แม่อยากดูพระอาทิตย์ตกดินน่ะ? สายตาของแม่เหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่เริ่มทอแสงสีส้มอ่อนพร้อมจะโรยรา ฉันหยุดเข็นรถของแม่ และเดินไปยืนเคียงข้าง


?พี่ติมของลูกชอบตอนพระอาทิตย์ตกดินมาก เหมือนพ่อของเขา ยิ้มรู้มั้ยว่าพ่อเขาขอแม่แต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้แหละ?


รอยยิ้มแต่งแต้มทั่วริมฝีปากบาง ฉันพยายามจะยิ้มแต่เกิดอาการยิ้มไม่ออก


?เมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมานะ แม่คิดถึงพวกเขาเหลือเกิน?


?เดี๋ยวพ่อกับพี่ติมก็กลับมาค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก? ฉันพยายามพูดปลอบใจแม่และตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ร่างของพี่ติมและพ่อเผาไปตั้งนานแล้ว


?แม่คะ เดี๋ยวยิ้มมานะคะ ยิ้มว่าจะไปซื้ออะไรตรงนู้นมากินสักหน่อย แม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ?


?อะไรก็ได้จ้ะ?


?งั้นเดี๋ยวยิ้มมานะคะ? ฉันรีบเดินออกมาจากตรงนั้นโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้แม่ถามเรื่องของพี่ติมและพ่อไปมากกว่านี้ เพราะฉันเองก็ยังรับไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้มันจะผ่านมาสามเดือนกว่าแล้วก็ตาม


เมื่อฉันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำพั้นช์ในมือก็พบว่าแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป ร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งยืนอยู่เคียงข้างกับรถเข็นของแม่


?แม่!? ฉันตะโกนลั่นพร้อมกับรีบปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อเข้าไปในระยะประชิดฉันก็พบความจริงที่ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ทำอะไรแม่ของฉันเลยสักนิด แม่ฉันเองต่างหากที่ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้


?ติม...ไอติมลูกแม่?


?นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะแม่? ฉันหันไปถามแม่แต่ก็ต้องตกใจกับใบหน้าที่เอ่อนองไปด้วยน้ำตา


?นี่พี่ติมไงลูก พี่ติมกลับมาแล้ว?


?พี่ติม?? ฉันหันไปมองชายหนุ่มที่แม่ยื้อเสื้อเอาไว้และบอกว่าเป็นพี่ไอติม แต่ฉันก็ต้องตกใจอีกครั้งกับผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงหน้าที่คุ้นเคย


?ผู้ชายบนรถเมล์!!?


?ยัยขี้โกหก!?


เราสองคนตะโกนขึ้นมาพร้อมๆ กัน ก่อนที่ฉันจะเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว


?นี่ ฉันไม่ได้ชื่อน่าเกลียดแบบนั้นนะ ฉันก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ได้หลับน่ะ!?


?จะยังไงก็ตาม นี่แม่ของเธอใช่มั้ย! ช่วยบอกให้แม่เธอปล่อยฉันหน่อยสิ แม่เธอเกาะฉันหนึบเลย ฉันจะเดินไปไหนก็ไปไม่ได้ Y_Y? ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเศร้า และเขาก็ทำมันออกมาได้น่ารักมาก


?แม่คะ ปล่อยเขาเถอะค่ะ?


?ทำไมลูกยิ้มพูดแบบนี้ล่ะ นี่ไงพี่ติม พี่ชายของลูก?


?แม่คะ เขาไม่ไช่...?


?ลูกติมกลับมาแล้วเหรอลูก...แล้วพ่อล่ะ พ่ออยู่ไหน?


ใบหน้าที่ส่องสว่างและเปล่งประกายไปด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่ได้เห็นมานานของแม่ทำให้ฉันรู้สึกไม่กล้าที่จะขัดการกระทำนั้นอีกต่อไป


?พ่อของผมตายไปนานแล้วฮะ? ผู้ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความเศร้าเช่นเดียวกับฉันในตอนนี้ เราสองคนเชื่อมถึงกันได้ด้วยความรู้สึกเดียวกัน


?อย่ามาล้อเล่นน่าลูกติม ก็พ่อเขาไปกับลูกเขาจะตายได้ยังไง?


?ผมไม่ได้ชื่อติม ผมชื่อเทมเป้ฮะ?


?ติมอย่ามาล้อแม่เล่น...นี่แม่เอง แม่ของลูกไง? น้ำเสียงของแม่เริ่มสั่นระริก มือหยาบของผู้สูงวัยยึดที่ชายเสื้อของเด็กหนุ่มคนนั้นแน่น


?แม่ของผมก็เสียไปนานแล้วเหมือนกันฮะ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่สาว ทุกคนทิ้งผมไปหมดแล้ว? ดวงตาของเขาพราวระยับไปด้วยหยาดน้ำตาเช่นเดียวกับแม่ของฉัน


?นี่ลูกจำแม่ไม่ได้เหรอ แม่อยู่นี่ไง...แม่อยู่นี่?


?คุณไม่ใช่แม่ของผมนะฮะ ผมไม่ได้ชื่อติมอะไรนั่น และแม่ของผมก็เสียไปนานแล้วด้วย?


?ติม...?


เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ฉันรีบฉุดเด็กหนุ่มคนนั้นให้ห่างออกมาจากรถเข็นของคุณแม่ ใบหน้าของหนุ่มน้อยที่เคยทำตัวน่ารักเรียบสนิทและฉายแววหม่นหมอง ดูเหมือนแม่จะไปสะกิดต่อมอะไรของเขาเข้า


?ขอโทษด้วยเรื่องแม่ของฉันน่ะ ท่าน...ไม่ค่อยสบายน่ะ? ฉันเอ่ยอ้อมแอ้มพลางหันไปมองทางคุณแม่ด้วยความห่วงใย แต่สายตาของแม่กลับจ้องตรงมายังผู้ชายคนนี้โดยไม่ละสายตา


?ไอติมลูกแม่...แม่คิดถึงลูกมากเหลือเกิน? เมื่อเห็นน้ำตาของแม่แล้วยิ่งทำให้หัวใจของฉันสั่นสะท้าน ฉันรีบหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนแม่จะเชื่อจริงๆ ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้คือพี่ชายของฉัน ฉันกวาดสายตามองเขาหัวจรดเท้า ผู้ชายคนนี้ไม่ถึงกับเหมือนพี่ติมเลยซะทีเดียว ที่คลับคล้ายคลับคลาก็คงจะเป็นส่วนสูงที่เกินร้อยแปดสิบเซ็นต์และผิวขาวอมใสของเขา แต่ที่คุณแม่ของฉันปักใจเชื่อว่าเขาคือพี่ติมก็น่าจะเป็นเพราะรอยยิ้มของเขา...รอยยิ้มที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเหมือนกับพี่ติม


ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้ามันทำให้คุณแม่ของฉันกลับมามีความสุขได้อีกครั้งล่ะก็...


?นี่นาย...ช่วยมาเป็นพี่ชายให้ฉันหน่อยสิ?


?หะ หา!! เธอพูดอะไรของเธอน่ะ!?


?ฉันบอกว่าช่วยมาเป็นพี่ชายของฉันให้หน่อย ช่วยทำตัวเป็นพี่ติม...?


?จะบ้าเหรอ! ฉันชื่อเทมเป้ และฉันก็ไม่มีน้องสาวด้วย เธอจะให้ฉันไปเป็นพี่ชายของเธอได้ยังไง!? ผู้ชายคนนั้นตะโกนลั่น ฉันกลัวว่าแม่จะได้ยินจึงรีบหยิกแขนเขาเอาไว้


?เบาๆ หน่อยสิ เอาเป็นว่าช่วยฉันหน่อยเถอะ แค่แกล้งๆ เป็นพี่ติมหลอกแม่ฉันก็พอ?


?การโกหกเป็นสิ่งไม่ดีนะ -O-? เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเป็นคนละเรื่องกับฉันโดยสิ้นเชิง


?นายไม่ได้โกหก แต่แม่ฉันเข้าใจผิดเอง ช่วยหน่อยเถอะน่า ฉันอยากให้แม่ฉันกลับมาเป็นปกติ?


?แม่เธอเป็นอะไรเหรอ? คำถามของเขาเล่นเอาฉันเงียบไป ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย ให้ตายสิ แต่ถ้ามันจะทำให้เขาเห็นใจ ฉันก็คงต้องพูดออกไป


?พี่ติมกับพ่อของฉันเสียไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่แม่ของฉันท่านไม่ยอมรับ ท่านยังคงคิดว่าพี่ติมกับพ่อยังไม่กลับจากต่างประเทศ หมอบอกว่า...?


?เป็นอาการทางประสาทอย่างอ่อนๆ?


?นายรู้ได้ยังไง!??


?ฉันก็เคยเป็น?


?.....?


?เฮ้อ~ ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ฉันไม่อยากหลอกลวงคนอื่นอีกต่อไปแล้ว? ผู้ชายคนนั้นถอนหายใจ ฉันไม่รีรอที่จะอ้อนวอนผู้ชายคนนี้ทันที เพื่อแม่แล้ว ฉันทำได้ทุกอย่าง!


?นะ ฉันขอร้องล่ะ ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ?


?บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ?


?เอ่อ...อืม ทำไมเหรอ? ฉันตอบอย่างงงๆ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงถามถึงเรื่องนี้?


?เปล่า?


?.....?


?ฉันจะช่วยเธอก็ได้ แต่ต่อหน้าแม่ของเธอเท่านั้นนะ อย่าคิดจะเอาฉันเป็นตัวแทนใคร? เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาดูแตกต่างจากตอนที่ฉันพบบนรถเมล์เมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง เขาดูเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผล ต่างจากการทำตัวเป็นเด็กๆ ที่ฉันเคยเห็น หรือเขาจะเป็นคนสองบุคลิก?


?อยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ ฉันจะเป็นไอติมอะไรนั่น แต่อยู่ต่อหน้าเธอ ฉันจะเป็นเทมเป้อย่างที่ฉันเป็น ถ้าเธอโอเคฉันก็จะช่วยเธอ?


?ฉันโอเค!? ฉันตอบอย่างไม่รีรอ รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะถูลู่กู่ถังชายหนุ่มนามเทมเป้คนนั้นให้กลับไปหาคุณแม่อย่างรวดเร็ว


?แม่คะ พี่ติมกลับมาแล้วค่ะ!? ฉันผลักเทมเป้ให้ถลาเข้าไปหาคุณแม่ สองคนยืนจ้องมองกันอยู่สักพัก ก่อนที่แม่ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา


?ติมลูกแม่?


?ฮะแม่ ^O^?


?โฮ.....ติม ติมกลับมาแล้ว ไอติม? เมื่อได้รับรอยยิ้มจากหนุ่มน้อยที่คิดว่าเป็นลูก แม่ก็เผยยิ้มออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ฉันไม่ได้เห็นมานาน ฉันได้แต่ยืนมองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความตื้นตัน


?ยิ้มมานี่ซิลูก มาคุยกับพี่ติมของเราสิ?


ฉันขยับตัวเข้าไปตามมือบางที่กวักเรียกยิกๆ และเมื่อฉันขยับเข้าไปใกล้


?ติมไม่ดีใจเหรอที่ได้เจอน้อง??


?เอ่อ...ดีใจสิฮะ?


?แล้วทำไมไม่กอดน้องแบบที่เราชอบทำล่ะ? คำพูดของแม่ทำเอาเราสองคนหันมามองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง ให้ฉันกอด...กับอีตานี่เนี่ยนะ! แต่ดูเหมือนผู้ชายที่ชื่อเทมเป้จะไม่คิดแบบเดียวกับฉัน


?น้องยิ้ม พี่คิดถึงน้องยิ้มจังเลย? ร่างสูงถลาเข้ามาหมายจะคว้าตัวฉันเอาไว้ ฉันกะจะก้มตัวหลบอ้อมกอดของเขา ถ้าไม่ไปสะดุดกับสายตาของคุณแม่ที่จ้องตรงมาด้วยความสงสัย


?ยิ้มก็คิดถึงพี่ติมเหมือนกันค่ะ T^T? ฉันแทบจะปล่อยโฮเมื่อต้องตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ไหนไม่รู้ แต่เมื่อเอาเข้าจริงแล้ว อ้อมกอดของเทมเป้กลับอบอุ่นกว่าที่ฉันคิด ไม่นานนักหนุ่มน้อยก็คลายอ้อมกอดออก


?ติมกลับมาก็ดีแล้ว และพ่อล่ะ?


เทมเป้หันขวับมามองหน้าฉันในทันที ฉันเลิ่กลั่กตอบในทันใด


?พ่อ...พ่อเขายังทำงานไม่เสร็จเลยยังไม่ได้กลับมาน่ะค่ะ พี่ติมเพิ่งบอกยิ้มมาเมื่อกี้นี้เอง? ฉันรีบต่อประโยคสุดท้ายในทันใดเมื่อเห็นดวงตาของแม่ที่หรี่ลงเล็กน้อย


?ไม่ใช่ตาแก่นั่นแอบไปมีกิ๊กเป็นแหม่มที่ไหนหรอกนะ?


?ไม่หรอกฮะแม่ พ่อเขายังทำงานไม่เสร็จเลยยังกลับมาไม่ได้ แต่ติมคิดถึงแม่ก็เลยกลับมาก่อน? เทมเป้เป็นคนช่วยกู้สถานการณ์แทนฉัน ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ


?ปากหวานจริงนะเรา ไปเถอะ กลับบ้านกัน?


ฉันกับเทมเป้หันกลับไปมองหน้ากันอีกครั้ง เรื่องนั้น...มันไม่ได้อยู่ในแผนนี่!










2




เราสามคนกลับเข้าบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฉันรู้สึกเสียววูบๆ ในขณะที่สองมือกำลังเข็นรถเข็นของแม่แทนเทมเป้ที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพี่ไอติม ก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนั้นเข็นรถและเลี้ยวซอยบ้านของเราผิด เพราะเขาไม่รู้ว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน ดังนั้นฉันจึงรับอาสามาเข็นแทน ส่วนแม่ ถึงแม้ท่านจะรู้สึกแปลกๆ กับการที่พี่ติม (เทมเป้) จำบ้านตัวเองไม่ได้ แต่ความสุขที่มีจนล้นเหลือเมื่อได้พบเจอกับลูกชายก็ทำให้แม่ลืมข้อสังเกตนั้นไป เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของแม่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขไปด้วย นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นแม่ยิ้มแบบนี้


?อมยิ้มเหม่ออะไรอยู่ลูก? เสียงของแม่ฉุดให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะรีบเข็นรถเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เทมเป้ยืนละล้าละลังอยู่หน้าบ้านเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินตามเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของแม่


?กลับมากันแล้วเหรอคะ? พี่เอโผล่เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม สายตาของเธอสะดุดอยู่กับชายแปลกหน้า


?เอ วันนี้เตรียมกับข้าวเพิ่มอีกที่นึงนะจ๊ะ? พี่เอพยักหน้าหงึกหงัก ทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาไปจากเทมเป้


?งงอะไรกันจ๊ะเอ อ๋อ ฉันลืมไปว่าเธอยังไม่เคยเห็นลูกชายของฉัน เขาชื่อไอติมจ้ะ เป็นพี่ชายของอมยิ้ม?


พี่เอทำท่าจะแย้งอะไร แต่ก็เงียบไว้ จนกระทั่งร่างบนรถเข็นของแม่เคลื่อนผ่านไป มือบางแต่ค่อนข้างสากกระตุกชายเสื้อฉันถี่รัว


?มีอะไรเหรอคะพี่เอ?


?ผู้ชายคนนี้คือพี่ชายของคุณหนูจริงๆ เหรอคะ ทำไม...หน้าตาไม่เห็นเหมือนในรูปเลย? พี่เอเหลือบสายตามองใบหน้าค่อนข้างขาวจัดของเทมเป้ด้วยความสงสัย ฉันแอบหัวเราะน้อยๆ


?ไม่ใช่หรอกค่ะพี่เอ คนนี้เป็น...เพื่อนของยิ้มเองค่ะ แต่พอดีแม่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นพี่ติม ยิ้มก็เลยปล่อยเลยตามเลย?


?แบบนี้จะดีเหรอคะคุณหนู ถ้าคุณผู้หญิงรู้เข้าล่ะก็ คุณผู้หญิงต้องอาละวาดอีกแน่เลย? คำพูดของพี่เอทำเอาฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว


?เข้ามาเถอะ แล้วก็ช่วย...ทำตัวเป็นพี่ไอติมด้วยนะ?


เทมเป้พยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาและกวาดสายตามองไปรอบๆ บ้านราวกับต้องการทำความคุ้นเคย ร่างสูงปราดเข้ามาประชิดตัวฉัน


?แล้วนี่เมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้าน? เขาเอ่ยนิ่งๆ ด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ ฉันมองร่างบนรถเข็นของแม่ที่เคลื่อนไหวไปมาภายในบ้านอย่างมีความสุข


?รอแม่ฉันขึ้นไปนอนก่อน แล้วนายค่อยแวบออกไปแล้วกัน? ฉันหันไปกระซิบ เทมเป้พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เราสองคนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมๆ กัน ฉันพยักพเยิดให้หนุ่มน้อยคนนั้นเข้าไปนั่งที่โซฟาข้างๆ แม่ของฉัน เมื่อเขาเข้าไปใกล้ แม่ก็โพล่งออกมาโดยไม่มีใครคาดคิด


?โอ๊ะ จริงสิ ไหนๆ ลูกติมก็กลับมาแล้ว แม่คิดถึงข้าวผัดฝีมือลูกติมจัง ช่วยผัดให้แม่ทานหน่อยได้มั้ยจ๊ะ?


?เอ๋? ผมผัด...?


?ค่ะ ถ้าอย่างงั้นยิ้มขอตัวไปช่วยพี่ติมทำข้าวผัดนะคะ? ฉันรี่เข้าไปกระทุ้งเข้าที่สีข้างของเทมเป้โดยเร็ว หนุ่มน้อยหันมาค้อนใส่ฉัน ก่อนที่ฉันจะฉีกยิ้มและขยิบตาให้เขาจนหนังตาแทบจะหลุดออกมา


?อย่างนั้นก็ได้จ้ะ? แม่ยิ้มกว้างก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับดอกไม้ที่อยู่ในแจกันต่อไป ฉันลากเทมเป้ที่กำลังยืนงงไปที่ห้องครัวทันที


?พี่เอคะ ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวกับข้าวมื้อนี้ยิ้มกับ...เพื่อนของยิ้มจะเป็นคนลงมือทำเอง?


พี่เอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางมือจากการล้างผักและขอตัวเดินออกจากห้องครัวไป เมื่อที่แห่งนี้เหลือเพียงแค่เราสองคน หนุ่มน้อยที่เงียบมาตลอดทางก็เอ่ยขึ้นมาทันที


?ฉันทำกับข้าวไม่เป็นนะ -O-!?


?ผัดข้าวผัด...ก็ไม่เป็นเหรอ?


?(-_- )( -_-)?


?สักนิดนึงก็ไม่เป็น??


?อืม ตอนที่อยู่กับพี่สาว พี่สาวก็ทำให้ตลอด พอพี่สาวเสียไปแล้ว ฉันก็กินแต่ข้าวนอกบ้าน? ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันจึงไม่อยากซักอะไรต่อไป


?ถ้าอย่างนั้นนายก็มาเป็นลูกมือของฉันแทนแล้วกัน ข้าวผัดรสมือพี่ติม ฉันก็พอทำได้อยู่ ถึงแม้จะไม่ค่อยเหมือนก็เถอะ ไปปิดประตูด้วย!? ฉันตะโกนสั่งเขาพร้อมกับเริ่มหันไปรื้อของในตู้เย็น เทมเป้เดินไปปิดประตูอย่างว่าง่าย ที่ฉันให้เขาปิดประตูนั้นก็เพื่อที่จะกันไม่ให้แม่เข้ามาเห็นว่าเป็นฉันที่ทำกับข้าว ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น


ผ่านไปประมาณสิบนาที ข้าวผัดสูตรพี่ไอติมที่ผัดโดยฝีมือของฉันก็สำเร็จออกมาด้วยดี กลิ่นหอมฉุยของมันลอยไปทั่วห้องครัวเล็กๆ แห่งนี้


?อืมมม หอมจัง ><? เทมเป้ทำจมูกฟุดฟิด ไอร้อนที่ลอยออกมาจากข้าวผัดจานใหญ่อบอวลอยู่รอบๆ ใบหน้าขาวใสยื่นเข้าไปใกล้จนแทบจะมุดเข้าไปในจาน


?นี่ กระเถิบออกมาหน่อยเหอะ น้ำลายนายไหลลงไปในจานข้าวหมดแล้วนะ -_-?


?มันน่ากินมากเลยอ่ะ ฉันว่ามันต้องอร่อยแน่ๆ? เทมเป้ทำท่าซู้ดปาก ก่อนที่เขาจะจมลงไปกับกลิ่นหอมของข้าวผัดอีกครั้ง คำพูดของเขาเล่นเอาฉันอมยิ้มแก้มแทบปริ ก่อนจะรีบเก๊กหน้าขรึมเมื่อเทมเป้หันหน้ากลับมา


ฉันบ้ายอ แต่ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันบ้า เข้าใจ๊ -_-^


?นี่ๆ วันหลังสอนฉันผัดมั่งสิ ฉันอยากผัดเองเป็นมั่ง >O<? เขาพูดพร้อมกับเอียงคอทำท่าน่ารัก ฉันที่เป็นโรคแพ้คนหล่อยิ่งมาเจอทั้งหล่อทั้งน่ารักแบบนี้ เล่นเอาฉันละลายและปลิวหายไปกับสายลม~ อ๊างง รอยยิ้มของเขามันช่างน่าหยิกนัก ทำตัวน่ารักแบบนี้ระวังฉันจะจับขังไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหนเลย หุหุ -.,-


?ลูกติม ลูกยิ้ม! เสร็จกันหรือยังจ๊ะ แม่เริ่มหิวแล้วนะลูก?


?ไปเถอะ? เสียงตะโกนของคุณแม่ทำให้ฉันดึงตัวเองออกมาจากรอยยิ้มหวานนั่นได้ แล้วฉันก็ส่งสัญญาณให้หนุ่มน้อยยกข้าวผัดออกไปจากห้องครัว โดยไม่ลืมที่จะกำชับว่าตอนนี้เขาคือ ?พี่ไอติม? ไม่ใช่ ?เทมเป้?


พี่เอจัดโต๊ะอาหารรอเราไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณแม่ก็นั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะ ฉันกับเทมเป้ขยับไปนั่งข้างคุณแม่กันคนละด้าน ข้าวผัดกลิ่นหอมฉุยถูกวางลงบนโต๊ะกระจกที่คลุมด้วยผ้าสีครีมอีกชั้นหนึ่ง


?ข้าวผัดหอมๆ มาแล้วฮะแม่? เทมเป้ในคราบของพี่ติมตักข้าวผัดหอมกรุ่นลงบนจานของแม่ ก่อนจะตักให้ฉัน และตักให้ตัวเอง


?ว้าว กลิ่นหอมเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ?


?ฝีมือติมซะอย่างนี่ฮะ? เทมเป้ส่งยิ้มราวกับต้องการจะอวด ฉันแอบนึกค่อนขอดในใจ เมื่อกี้ยังจะให้ฉันสอนทำอยู่เลย เฮอะ -_-+


?เออจริงสิ แม่ก็นึกอยู่ตั้งนานว่าทำไมรู้สึกแปลกๆ ไป ลูกติมไปทำอะไรกับตัวเองมาหรือเปล่าจ๊ะ?


?ทะ...ทำไมเหรอฮะ? เสียงของเทมเป้สั่นน้อยๆ เขาจะหันมาสบตากับฉันราวกับต้องการความช่วยเหลือ


?แม่รู้สึกว่าติมดูผอมแล้วก็...เด็กลง? สายตาของผู้สูงวัยสำรวจทุกอณูบนใบหน้าของหนุ่มน้อย เทมเป้สูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามกลั้นหายใจเอาไว้


?เอ่อ...พี่ติมเขาไปอยู่ที่นู่นอาหารคงไม่ถูกปากก็เลยผอมลงมั้งคะ ใช่มั้ยคะพี่ติม? ฉันเตะเข้าที่ขาของเทมเป้ผ่านทางใต้โต๊ะ เด็กหนุ่มสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะรีบเอ่ยต่อ


?ใช่ฮะๆ?


?แต่แม่ว่าลูกติมดูเด็กลงจริงๆ นะ?


?พอดีว่าผมใช้ครีมหน้าเด้ง หน้ามันก็เลยทำให้ดูเด็กลงมั้งฮะ แม่อยากลองใช้บ้างมั้ยฮะ แต่ผมว่าอย่างแม่ ไม่ต้องใช้ หน้าก็ดูเด็กอยู่แล้วนี่ฮะ ^__^? เทมเป้เอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างเอาใจแม่ฉันสุดฤทธิ์ ส่วนฉันนี่รู้สึกอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายกับข้อแก้ตัวของเขา ใช้ครีมหน้าเด้งงั้นเหรอ เขาใช้สมองส่วนไหนคิดกันนะ T__T


?อุ๊ยตาย! ไปอยู่ที่นู่นปากหวานขึ้นเยอะเลยนะเรา แม่ว่าติมดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ การพูดการจาก็ดูเปลี่ยนไปด้วย ปกติติมจะพูด ?คะ? ?ขา? กับแม่แล้วก็น้องยิ้มตลอดเลย? แม่ยังคงซักไซ้ต่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงแม้แม่จะพูดออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ฉันกับเทมเป้ถึงกับเหงื่อตก จะไปรอดมั้ยเนี่ย TOT


?ก็ผมอยากเปลี่ยนบ้าง ไปพูด คะ ขา กับคนอื่นแล้วเขาหาว่าผมเป็นตุ๊ดบ้าง เป็นกะเทยบ้าง แม่อยากให้คนอื่นเข้าใจลูกชายสุดที่รักของแม่ผิดเหรอฮะ?


?จ้าๆ ตามใจลูกเถอะจ้ะ ลูกติมจะพูดยังไงแม่ก็ไม่ว่า แค่ลูกติมกลับมาแม่ก็ดีใจมากแล้ว? แม่ฉันเอ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข ยิ่งเทมเป้อยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ฉันก็เริ่มรู้สึกหวั่นมากขึ้นเท่านั้น ถ้าอยู่ๆ แม่จำได้ขึ้นมาว่าเทมเป้ไม่ใช่พี่ไอติม แม่ฉันจะทำยังไงกันนะ


การทานข้าวมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแม่และเทมเป้ ส่วนฉันได้แต่หัวเราะเฝื่อนๆ เพราะกลัวว่าเขาจะหลุดอะไรแปลกๆ ออกมาหรือเปล่า แต่ก็ไม่เลย เทมเป้ลื่นไหลไปตามบทบาทของพี่ติมได้อย่างดีเยี่ยมราวกับว่าเขาเป็นนักแสดงรางวัลตุ๊กตาทองยังไงยังงั้น =_= ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มกว่าด้วยความกังวล ปกตินี่ก็ได้เวลานอนของแม่แล้ว แต่วันนี้ เพราะพี่ไอติมเพิ่งกลับมา แม่จึงคึกคักเป็นพิเศษ


?แม่คะ ยิ้มว่าแม่ขึ้นไปนอนได้แล้วล่ะค่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวพี่ติมเขาต้องกลับหออีกนะคะ? ฉันเข้าไปแทรกระหว่างบทสนทนาของพวกเขา แม่กำลังถามพี่ติมถึงชีวิตตอนที่อยู่ที่นั่น เทมเป้หันมามองฉันอย่างสนใจ


?เอ๋? ยิ้มพูดอะไรของลูก กลับหงกลับหออะไรกัน?


?แม่ลืมไปแล้วหรือคะว่าพี่ติมเขาอยู่หอ? ฉันเอ่ยเตือนความจำแม่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พี่ติมจะจากไป พี่ติมได้ไปเช่าหออยู่กับเพื่อนแถวๆ มหาวิทยาลัย และจะกลับมาเยี่ยมบ้านอาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง


?แต่ติมเพิ่งกลับมาเองนะลูก คืนนี้ค้างที่บ้านเราเถอะ? แม่ดึงมือของเทมเป้มากุมเอาไว้ สายตาอ้อนวอนของหญิงวัยกลางคนทำเอาเด็กหนุ่มใจอ่อน เขาพยักหน้าลงอย่างช้าๆ


?เฮ้ย!? ฉันตะโกนด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเทมเป้จะตอบตกลงง่ายดายขนาดนั้น


?พี่เขาก็โอเคแล้ว ยิ้มมีปัญหาอะไรเหรอจ๊ะ? แม่เบี่ยงความสนใจมายังฉันที่ยืนค้างอยู่ เทมเป้หันมาส่งสายตาวิ้งๆ ราวกับว่าคืนนี้เขาต้องการจะค้างที่นี่จริงๆ ฉันลังเลเล็กน้อย แต่ถ้ามันเป็นความต้องการของแม่...เป็นไงเป็นกันวะ!










หลังจากเสียงหัวเราะดำเนินต่อไปอีกนานนับสองชั่วโมง ในที่สุดวงสนทนาก็แตกออกเพราะแม่ไล่ฉันไปนอน โดยมีเทมเป้ในคราบของพี่ติมเดินตามหลังมาต้อยๆ


?นาย...นอนห้องนี้? ฉันชี้ไปยังประตูห้องที่ติดโปสเตอร์รูปโดราเอมอนเอาไว้ เทมเป้มองหุ่นยนต์แมวตัวนั้นอย่างเอ๋อๆ


?เธอมีน้องชายด้วยเหรอ?


?ไม่มี เข้าไปสิ? ฉันเปิดประตูและผลักเขาเข้าไปในห้อง ก่อนจะเคลื่อนตัวตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว


?ว้าววว ห้องสวยจัง? เทมเป้ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งโร่เข้าไปทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มที่เป็นลายโดราเอมอนเช่นเดียวกับของประดับตกแต่งต่างๆ ฉันกวาดสายตามองไปทั่วห้องห้องนี้อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานเกือบสามเดือนตั้งแต่ที่ใครคนนั้นจากไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ผ้าม่านสีคราม วอลล์เปเปอร์สีฟ้าอ่อน และชั้นหนังสือที่มีโมเดลโดราเอมอนวางเต็มไปหมด


?ตุ๊กตานี่น่ารักจัง >O<?


ฉันหันกลับไปยังร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสีฟ้าอีกครั้งและก็พบว่าในมือของเขาถือตุ๊กตาแมวเหมียวสีน้ำเงิน สิ่งเดียวในห้องนี้ที่ไม่ใช่โดราเอมอน แต่มันก็คลับคล้ายคลับคลา ฉันจำได้ว่าตุ๊กตานี้เป็นตุ๊กตาที่พี่ชายของฉันรักมาก เพราะมันเป็นตุ๊กตาตัวแรกที่ฉันซื้อให้เขา


?วางตุ๊กตาตัวนั้นลงเถอะ? ฉันเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงห่างออกมาจากเทมเป้เล็กน้อย หนุ่มน้อยหันมามองฉันอย่างงงๆ แต่เมื่อสบกับดวงตาไม่บ่งบอกอารมณ์ของฉัน เขาก็ยอมวางตุ๊กตาแมวนั้นแต่โดยดี


?ห้องนี้...เป็นห้องของพี่ติม?


?เอ๋ จริงอ่ะ พี่เธออายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ทำไมดู...ติงต๊อง?


ฉันเหลือบตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก เทมเป้นอนคว่ำ เท้าทั้งสองข้างของเขาแกว่งไปมากลางอากาศ ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วของเขาจ้องตรงมายังฉัน


?พี่ติมแก่กว่าฉันหนึ่งปี ตอนที่พี่เขาเสียไป พี่เขาอยู่ปีหนึ่ง? ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เทมเป้พยักหน้าหงึกหงักก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะทำการสำรวจห้องนี้อย่างรวดเร็ว และอยู่ดีๆ เขาก็กระเด้งดึ๋งไปอยู่บริเวณหัวเตียง เขาหยิบกรอบรูปหนึ่งขึ้นมา


?คนนี้คือพี่ติมของเธอหรือเปล่า? เทมเป้ยื่นกรอบรูปนั้นมาใส่หน้าฉัน ในภาพ ผู้ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังโอบไหล่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ และเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือฉันเอง ฉันพยักหน้าเบาๆ


?แม่เธอดูยังไงว่าฉันเหมือนกับผู้ชายคนนี้เนี่ย -_-? เทมเป้บ่นอุบ เขาจดๆ จ้องๆ รูปของพี่ติม ก่อนจะยกรูปขึ้นชูเทียบไว้ข้างๆ หน้าของตนเอง ?ช่วยบอกฉันหน่อยสิว่าฉันกับพี่ติมของเธอเหมือนกันตรงไหน -O-?


?ยิ้มสิ?


?o_O??


?ฉันบอกให้ยิ้มก็ยิ้มเหอะน่า -_-^? เทมเป้ฉีกยิ้มกว้างโดยอัตโนมัติ ดวงตาของเขากลายเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ฉันเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเขา


?ตรงนี้?


?.....?


?นายเหมือนพี่ติมตรงรอยยิ้มนี้?


เทมเป้หุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหยาดน้ำใสๆ ที่เริ่มเอ่อคลอ ฉันคิดถึงพี่ติมเหลือเกิน พี่ติมมีรอยยิ้มแบบนี้ให้ฉันเสมอๆ เวลาที่ฉันทุกข์ใจ ไม่ว่าฉันจะเศร้าแค่ไหน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่ติม ฉันก็จะยิ้มตาม


?เฮ้ย! เป็นอะไรไปอ่ะ? หนุ่มน้อยอุทานออกมาด้วยความตกใจ ฉันส่ายหน้าก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ


?เปล่าไม่มีอะไร เดี๋ยวอีกสักพักนายค่อยย่องออกไปแล้วกัน รอแม่หลับก่อน?


?ย่องออกไปไหน??


?อ้าว ก็กลับบ้านนายน่ะสิ เฮ้! อย่าบอกนะว่านายคิดจะนอนที่นี่จริงๆ?


เทมเป้พยักหน้าแทนคำตอบ


?เฮ้ย! ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้คนแปลกหน้ามานอนค้างบ้านฉันง่ายๆ แบบนี้แน่ ถ้านายวางแผนขโมยอะไรไปจากบ้านฉันล่ะ!?


?ฉันเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะพี่ชายของเธอนี่ แล้วอย่าลืมสิว่าเธอกับแม่เป็นคนชวนฉันเข้ามาเอง ฉันไม่ได้อยากมาสักหน่อย -_-?


?แต่ก็นั่นแหละ ยังไงนายก็นอนค้างที่นี่ไม่ได้!?


?ฉันจะนอน -O-? คำพูดห้วนๆ ของเขาเป็นอันจบประเด็น ฉันถอนหายใจเล็กน้อยให้กับอาการดื้อดึงนี้


?ถามจริงเถอะ นายติดใจอะไรเนี่ย ถึงไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง แค่ให้นายมาบ้านฉันมันก็รบกวนนายมากพอแล้ว ฉันคงไม่บ้าขอให้คนแปลกหน้ามานอนค้างบ้านตัวเองหรอก หรือว่า...นายติดใจฉัน O_O!?


?ยัยปัญญาอ่อน คิดได้ยังไง -_-^?


? +_+ ?


?ไม่รู้สิ ฉันก็แค่...คิดถึงแม่?


?.....?


?พอได้อยู่กับแม่เธอแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าแม่กลับมาอยู่กับฉันอีกครั้ง ฉันเองก็ต้องการความรักเหมือนกัน? เทมเป้เอ่ยทั้งรอยยิ้ม ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเจือความเศร้าเอาไว้ ฉันรู้สึกสงสารเขาจับใจ


?งั้นนายจะนอนที่นี่ก็ได้ แต่! ถ้าของในบ้านฉันหายไปแม้แต่กระถางต้นไม้ต้นเดียวล่ะก็ ฉันเอานายตายแน่!?


?พูดอย่างกับของที่บ้านเธอมันน่าขโมยนักแหละ -_-?


?นี่นาย!? ฉันตวาดแว้ด เทมเป้ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่เขาจะกลิ้งตัวไปมาบนเตียงของพี่ติม ให้ตายเถอะ ฉันคิดผิดหรือเปล่าเนี่ยที่ขอให้นายเพี้ยนคนนี้มาเป็นพี่ชาย =_=


?นี่ยัยขี้โกหก!? อยู่ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งด้วยถ้อยคำที่ไม่น่าฟังนัก


?ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ชื่อนั้น ฉันชื่อยิ้ม! อมยิ้มน่ะเข้าใจมั้ย!?


?ยัยขี้โกหก -O-?


?นายโกหกเก่งกว่าฉันอีกนะ?


?ขี้โกหก...?

?ถ้านายยังเรียกฉันด้วยชื่อนั้นก็เชิญออกจากบ้านฉันไปเดี๋ยวนี้เลย -_-?


?ง่ะ?


ฉันแอบยิ้มย่องเมื่อเทมเป้หยุดเรียกฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายนั่น เขาส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง


?ยัยถั่วแมนจู!?


?อะไรอีกวะเนี่ย =_=?


?ฉันไม่เรียกเธอว่ายัยขี้โกหกก็ได้ ถึงแม้เธอจะชอบโกหกก็ตาม เธอโกหกฉันตอนครั้งแรกที่เราพบกัน และเธอยังให้ฉันโกหกแม่เธออีก นิสัยไม่ดี -O-!?


?แล้วอะไรคือถั่วแมนจู?? ฉันถามอีกครั้ง เทมเป้ยังคงกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงหนานุ่ม พร้อมกับส่งเสียงรบกวนประสาทหูของฉัน


?แมนจู~ ยัยถั่วแมนจู~~?


?นี่นาย! ฉันถามนายอยู่นะว่าอะไรคือถั่วแมนจู!? ฉันเริ่มตวาดเมื่อเทมเป้ไม่สนใจคำพูดของฉันเลยสักนิด หนุ่มน้อยชะงักงัน ก่อนจะหันมาจ้องมองฉันด้วยดวงตาใส่แป๋ว


?ก็เวลาเธอยิ้ม ตาของเธอจะกลายเป็นรูปถั่ว แล้วหัวเธอก็ใสเหม่งเหมือนพวกแมนจู ฮ่าๆ >O<?


?ไอ้... =[]=!? ฉันเกิดอาการด่าไม่ออกโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนหัวฉันจะตื้อขึ้นมาในทันใดเมื่อต้องเจอกับผู้ชายบ๊องๆ คนนี้ เทมเป้หัวเราะคิกคัก ฉันมองหนุ่มน้อยคนนั้นด้วยความไม่มั่นใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง


?นั่นเธอจะไปไหนน่ะ O_O?


?ก็จะกลับห้องน่ะเซ่! อยู่กับนายแล้วประสาทเสีย? ฉันบ่นพึมพำก่อนจะรีบเดินออกจากห้องของพี่ติม โดยมีน้ำเสียงสดใสของเทมเป้คอยไล่หลัง


?แล้วเจอกันนะยัยถั่วน้อย~?


ให้ตายสิ ฉันเกลียดหมอนี่ชะมัด T__T



-------------
อ่านแ่ค่นี้ก็รู้แล้วว่าเทมเป้พระเอกของเราน่ารักขนาดไหน แต่ถ้ายิ่งอ่านจบเล่มล่ะก็ ต้องตกหลุมรักหนุ่มน้อยคนนี้แน่ๆ ติดตามความน่ารักและความรักที่กว่าจะได้มาของถั่วแมนจูกันให้ได้นะคะ ตามร้านหลังสือชั้นนำทั่วไปในเดือนธันวาคมนี้ค่ะ กระซิบว่าเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Love Tactic แค้นนี้ต้องชำระด้วยหัวใจ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องนั้นก่อนก็ได้ แต่อ่านเรื่องนั้นก่อนก็ดีค่ะ เพราะว่าสนุกไม่แพ้กันเลย

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”