New Release : SUZUMIYA HARUHI ตอน ความไม่สิ้นสุดของสึซึมิยะ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : SUZUMIYA HARUHI ตอน ความไม่สิ้นสุดของสึซึมิยะ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
ช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมไม่ได้สงบสุขอย่างที่คิดไว้ เพราะแม้ว่าจะปิดเทอม แต่สึซึมิยะ ฮารุฮิก็ยังสามารถสร้างความวุ่นวายได้เสมอ ทั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่เหล่ากองกำลัง SOS ต้องเผชิญกับเหตุการณ์มากมายอย่างคาดไม่ถึง กระทั่งปิดเทอมหน้าหนาว สึซึมิยะ ฮารุฮิก็ยังชักชวนให้เหล่าสมาชิกต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความหนาวบนภูเขาหิมะจนแทบจะแข็งตาย เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุคืออะไร แล้วคนที่พึ่งพาในยามวิกฤตได้มากที่สุดอย่างนางาโตะกลับต้องมาป่วยเสียอีก ทั้งห้าชีวิตจะรอดพ้นเหตุเหนือธรรมชาตินี้ได้อย่างไร?


















บทนำ ฤดูร้อน









มันเป็นเรื่องในช่วงที่โรงเรียนปิดพักยาวตอนหน้าร้อน ช่วงก่อนการถ่ายทำหนังที่เต็มไปด้วยเสียงทอดถอนใจจะเริ่มขึ้น


หลังกลับจากออกค่ายฤดูร้อนของกองกำลัง SOS ที่ต้องประสบกับละครฆาตกรรมไม่ปริศนาบ้าๆ บอๆ ก็ผ่านไปหลายวัน ในที่สุดตัวผมก็ได้ดื่มด่ำกับการพักผ่อนยามปิดเทอมฤดูร้อนสักที


นั่นเพราะกิจกรรมที่มีชื่อว่าออกค่ายซึ่งบังคับให้ไปเหมือนนักโทษที่ถูกคุมตัวนั้นถูกริเริ่มขึ้นโดยผู้นำซึ่งใจร้อนยิ่งกว่าอะไร วันออกเดินทางจึงเป็นวันแรกของการปิดเทอมหน้าร้อน แผนการละเอียดถี่ถ้วนของผมที่ตั้งใจจะนอนกินบ้านกินเมืองทุกวันยันเที่ยงในช่วงวันแรกๆ ของการหยุดยาวโดยไม่มีใครมาบ่นจู่จี้ก็เป็นอันพังครืนไม่เป็นท่า ด้วยเหตุนี้กว่าร่างกายจะเปลี่ยนเข้าสู่โหมดปิดเทอมฤดูร้อนเช่นทุกปีก็ปาเข้าไปช่วงปลายเดือนกรกฎาคมแล้ว


ไม่บอกก็คงรู้กัน ผมไม่มีกะจิตกะใจจะขับเคี่ยวกับกองภูเขาการบ้านที่ทางโรงเรียนยัดเยียดมาให้ทำช่วงปิดเทอม ของแบบนี้ไว้ทำตอนเดือนสิงหาคมก็ได้ หลังจากใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ ได้ไม่นานเดือนกรกฎาคมก็หมดลง จากนั้นพอเข้าเดือนสิงหาคมปุ๊บ ผมก็ต้องจูงมือน้องสาวที่กระตือรือร้นเกินเหตุกลับไปเยี่ยมบ้านนอกคอกนา ได้เจอหน้าลูกพี่ลูกน้อง ลูกของลูกพี่ลูกน้อง หลานชาย หลานสาวที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานาน ได้เล่นสนุกสุดเหวี่ยงกับพวกเขาที่แม่น้ำ ทะเล ภูเขา ทุ่งหญ้า จนอยากเย้ยให้ใครบางคนอิจฉาเล่นตลอด 2 สัปดาห์เต็ม


และแน่นอน ลงท้ายก็ยังไม่ได้แตะการบ้านสุดขยาดอยู่ดี เหมือนนกมีความสามารถในการเรียนรู้ที่พยายามเลี่ยงตัวหนอนแมลงของหนอนผีเสื้อ ผลลัพธ์ลงเอยที่วันที่ในปฏิทินถูกขีดฆ่าไปเรื่อยๆ ซึ่งวันและเวลาเหล่านั้นก็หมดไปกับการเล่น กระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่กลางเดือนสิงหาคม......


ที่สิ่งนั้นดูเหมือนจะเริ่มขึ้น......


อย่างไม่มีใครรู้







ENDLESS EIGHT





มีบางอย่างแปลก


ผมเริ่มรู้สึกอย่างนั้นตอนกลางฤดูร้อนหลังผ่านเทศกาลโอบ้งมา


ตอนนั้นผมนอนเหงื่อแตกพลั่กดูการแข่งขันเบสบอลมัธยมปลายที่ไม่ได้อยากดูเท่าไหร่ทางทีวีในห้องนั่งเล่น เพราะดันตื่นขึ้นมาช่วงเช้า แถมไม่มีกะจิตกะใจจะปั่นการบ้านปิดเทอมที่มากมายเป็นกองพะเนินด้วยเลยมีเวลาว่างเหลือใช้บานเบอะ


การแข่งขันที่ถ่ายทอดทางทีวีมีคนจังหวัดเดียวกันที่ผมไม่ได้รู้จักมักจี่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันกำลังต่อสู้ชิงชัยอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ด้วยความสงสารทีมรองบ่อนผมจึงเอาใจช่วยทีมที่ถูกทำแต้มนำไป 7-0 อย่างไม่มีเหตุผล แล้วก็ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใกล้ได้เวลาที่ฮารุฮิจะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวแล้ว อันนี้ก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกัน


พักนี้ผมไม่ได้เจอหน้าฮารุฮิเลย เพราะจูงมือน้องสาวไปหลบร้อนกับไปไหว้บรรพบุรุษที่บ้านเกิดของแม่ในต่างจังหวัดแล้วก็เพิ่งกลับมาเมื่อวานสดๆ ร้อนๆ มันเป็นธรรมเนียมที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีก็จริง แต่ตอนนี้ก็ปิดเทอมหน้าร้อนอยู่จึงไม่มีโอกาสเจอพวกกองกำลัง SOS ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดามันก็เป็นไปตามนั้น ที่สำคัญกิจกรรมออกค่ายฤดูร้อนของกองกำลัง SOS ที่ไปออกกันถึงเกาะกลางทะเลประหลาดๆ ได้เจอเหตุการณ์พิลึกๆ ก็จบสิ้นเรียบร้อยโรงเรียน SOS ไปตั้งแต่ตอนเข้าปิดเทอมใหม่ๆ ต่อให้เป็นฮารุฮิก็คงไม่โพล่งว่าจะไปทัวร์ทริปเล็กๆ ภาค 2 แน่ เพราะงั้นจึงเป็นช่วงที่ผมได้หยุดพักสบายๆ สักที


?จะว่าไป?


ผมบ่นขึ้น ไม่รู้ทำไมตัวเองถึงเกี่ยวสายคล้องโทรศัพท์มือถือเข้ามาใกล้มืออย่างไม่ตั้งใจ?อย่างไม่ตั้งใจจริงๆ นะ ขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยอย่างกับว่าในห้องตัวเองมีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้


ทันใดนั้นเสียงโทรเข้าก็ดังขึ้นอย่างเหมาะเจาะ เหมาะเจาะชนิดที่บอกได้คำเดียวว่าเหมาะเจาะอย่างไม่เสียเปล่า ผมถึงกับเผลอคิดไปวูบหนึ่งว่าพลังหยั่งรู้อนาคตที่หลับใหลอยู่ของตัวเองได้ตื่นขึ้นแล้ว แต่ก็ส่ายหน้า ไร้สาระน่า


?มันอะไรกันนะ?


ชื่อของสายโทรเข้าที่แสดงอยู่เป็นสึซึมิยะ ฮารุฮิไม่ผิดแน่นอน


ผมรอให้โทรศัพท์ดัง 3 ครั้งจึงค่อยกดปุ่มรับสายอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนกัน และที่ทำให้ถึงกับสงสัยตัวเองก็คือผมรู้ว่าฮารุฮิจะพูดอะไร


?วันนี้นายว่างใช่มั้ย?


นั่นคือคำแรกของฮารุฮิ


?ฉันเรียกรวมพลทุกคนตอนบ่ายสองตรง มาให้ได้ล่ะ?


พูดแค่นั้นแล้ววางสายไปดื้อๆ ไม่มีเซย์ฮัลโหลขอสายใครหรือทักทายสวัสดีพอเป็นพิธีหรือแม้กระทั่งถามว่าคนรับสายใช่ผมรึเปล่าด้วย พูดอีกอย่างคือ รู้ได้ไงว่าวันนี้ฉันว่าง เห็นอย่างนี้ฉันน่ะ.....เอาเถอะ ก็ไม่มีแผนการอะไรเป็นพิเศษจริงๆ อ่ะนะ


โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง


?อะไร?


?ลืมบอกให้เอาของมา?


เธอบอกของที่ต้องเอาไปอย่างรวดเร็ว


?นอกนั้นก็ให้นายปั่นจักรยานมาแล้วก็พกเงินมาพอประมาณด้วยนะ ทราบแล้วเปลี่ยนจ้า ??


วางหูอีกครั้ง


ผมเอาโทรศัพท์ออก เอียงคอด้วยความงุนงง มันอะไรกันนะ ความรู้สึกแปลกๆ เหมือนภาคต่อของความฝันนี่น่ะ


เสียงเสนาะหูดังกังวานจากทีวี พอหันไปมองแต้มของทีมคู่แข่งที่ตั้งขึ้นในใจก็ทิ้งห่างเป็นเลข 2 หลักไปในที่สุด เสียงลูกบอลแข็งๆ กระทบไม้เบสบอลเหล็กบอกผมอย่างไร้ความปรานี


หน้าร้อนใกล้หมดลงแล้ว


เสียงจักจั่นที่ร้องประสานกันเล็ดลอดเข้ามาในห้องปิดสนิทซึ่งแอร์ทำงานอย่างเต็มที่นี้ราวกับซึมผ่านผนังมา


?ช่วยไม่ได้น้า?


ว่าแต่ยัยฮารุฮิ ตอนเพิ่งปิดเทอมหน้าร้อนได้ไม่ทันไรก็อ้างเรื่องออกค่ายลากพวกเราไปผจญเกาะพิลึกกึกกือมาทีแล้วยังไม่หนำใจอีกเรอะ สภาพอากาศก็ร้อนแทบบ้าอย่างนี้ยังคิดจะทำอะไรอีก? ขนาดฉันยังไม่คิดจะออกจากห้องที่มีแอร์เย็นฉ่ำอย่างนี้เลยนะ


ผมบ่นประมาณนั้นในใจแต่ก็ยังก้าวไปหาตู้ใส่เสื้อผ้าเพื่อหยิบของตามใบสั่งเจ้าแม่







?มาช้าจังเลย เคียวน์ หัดมีความกระตือรือร้นกว่านี้หน่อยได้มั้ย!?


สึซึมิยะ ฮารุฮิเหวี่ยงแขนที่ถือกระเป๋าถือพลาสติกขณะที่มืออีกข้างชี้ใส่หน้าผมอย่างอารมณ์เสีย ยัยนี่มาแนวเดิมไม่เปลี่ยน


?ทั้งที่มิคุรุจัง ยูกิ โคอิซึมิคุงยังมาถึงก่อนฉันอีกนะ ปล่อยให้ผู้นำคอยอย่างนี้ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน? อย่างนี้ต้องลงโทษนะ ลงโทษ?


คนที่โผล่หน้ามาสถานที่นัดรวมพลเป็นคนสุดท้ายคือผม ทั้งที่อุตส่าห์มาถึงก่อนเวลานัดตั้ง 15 นาที แต่คนอื่นๆ กลับมาถึงเร็วกว่าอย่างกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าต้องโดนฮารุฮิโทรเรียกแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผมต้องควักตังค์เลี้ยงทุกครั้งไป แต่ก็ชินชาซะแล้วเลยต้องทำใจ ลงท้ายคนธรรมดาอย่างผมก็ไม่มีทางแซงหน้าทั้ง 3 คนซึ่งมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาได้อยู่ดี


ผมเมินฮารุฮิ หันไปทางสมาชิกผู้จริงจังคนอื่นๆ พร้อมกับยกมือขึ้นข้างหนึ่ง


?ขอโทษที่ให้รอครับ?


อีก 2 คนที่เหลือไม่สำคัญ แต่กับคนนี้เท่านั้นที่ผมต้องพูดขอโทษไว้ คุณอาซาฮินะ มิคุรุโค้งศีรษะให้ผมด้วยรอยยิ้มแสนหวานที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกติดริบบิ้นเก๋ไก๋


?ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เอง?


คุณอาซาฮินะถือตะกร้าไว้ด้วยสองมือ ผมรู้สึกได้ว่าข้างในน่าจะใส่ของที่ผมสามารถตั้งความหวังกับมันได้ แค่คิดอย่างนั้นก็ทำให้หัวใจอิ่มเอิบขึ้นมาอย่างประหลาด ถ้าเลือกได้ก็อยากรู้สึกอิ่มเอิบอย่างนั้นไปตราบนานเท่านาน แต่เสียงมารผจญก็แทรกเข้ามาขัดจากข้างๆ


?ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ นับจากตอนนั้นก็ได้ออกไปท่องเที่ยวอีกเหรอครับ??


โคอิซึมิ อิซึกิยิงฟันขาวเจิดจ้าพลางยกนิ้วให้ผม ใบหน้ายิ้มแย้มไม่น่าไว้ใจนี่ต่อให้เข้าช่วงครึ่งหลังของปิดเทอมหน้าร้อนแล้วก็ยังไม่จางหาย นายเองก็หัดไปเที่ยวที่ไหนซะบ้างสิ ฉันล่ะสงสัยจริงว่าทำไมถึงมาตามที่ฮารุฮิเรียกได้เร็วนัก นานๆ ครั้งก็หัดปฏิเสธไปบ้างเถอะ


ผมมองข้ามใบหน้าเสแสร้งของโคอิซึมิไปมองอีกคนที่อยู่ข้างๆ ผู้ที่ยืนนิ่งเสมือนเงาของโคอิซึมิคือร่างไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกของนางาโตะ ยูกิ ทั้งชุดนักเรียนมัธยมปลายที่ใส่ตอนหน้าร้อนกับการยืนแข็งทื่อเป็นตอไม้โดยที่ไม่มีเหงื่อไหลสักหยดก็ดูเหมือนจะเป็นภาพที่คุ้นเคยไปแล้ว แต่น่าสงสัยจริงว่ายัยนี่มีต่อมเหงื่อรึเปล่า


?......?


นางาโตะเงยหน้ามองผมด้วยแววตาเหมือนกำลังมองตุ๊กตาหนูเด็กเล่นที่ไม่ขยับก่อนจะเอียงคอช้าๆ ตั้งใจจะผงกศีรษะทักทายฉันเรอะ


?เอาล่ะ ทุกคนก็มากันพร้อมหน้าแล้ว งั้นออกเดินทางกันเลย?


ฮารุฮิประกาศเสียงดัง ผมถามด้วยความรู้สึกที่ถูกจิตสำนึกในหน้าที่บังคับให้ถาม


?ไปไหน??


?ก็ต้องสระว่ายน้ำสาธารณะอยู่แล้วนี่?


ผมมองผ้าเช็ดตัวที่กำอยู่ในมือขวาตัวเองกับกระเป๋ากีฬาที่ใส่กางเกงว่ายน้ำ เอาน่า ก็กะไว้แล้วว่าจุดหมายคงหนีไม่พ้นสระว่ายน้ำที่ไหนสักที่


?เมื่อเป็นหน้าร้อนเราก็ต้องทำอะไรให้สมกับความเป็นหน้าร้อน สิ่งที่จะชอบแช่น้ำเย็นๆ กลางฤดูหนาวก็มีแค่หงส์กับเพนกวินเท่านั้นแหละนะ?


เจ้าพวกนั้นก็แช่น้ำตลอดทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบหรอก ถึงยังไงฉันก็ไม่หัวอ่อนขนาดจะเออออห่อหมกไปกับการยกตัวอย่างที่ใช้สัตว์ที่ไม่เข้ากับสถานการณ์นั่นหรอกนะ


?เวลาที่เสียไปแล้วเราไม่มีทางเรียกคืนได้นะ เพราะงั้นต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย! ในตอนปิดเทอมหน้าร้อนของมัธยมปลายปี 1 ที่มีแค่หนเดียวนี่แหละ!?


ดูเหมือนฮารุฮิไม่คิดจะถามความเห็นใครเหมือนเช่นเคย โดยพื้นฐานแล้วอีก 3 คนที่เหลือแทบจะไม่เคยทำเรื่องเปล่าประโยชน์อย่างการแสดงความเห็นกับฮารุฮิเลย พูดอีกนัยหนึ่ง ความเห็นที่เธอไม่ยอมฟังทุกครั้งจึงมีแค่ของผมคนเดียว คิดตามหลักสามัญสำนึกก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก แต่ในเมื่อผมเป็นคนเดียวที่เป็นมนุษย์มีสามัญสำนึก โชคชะตาของผมก็ต้องเป็นไปตามนั้น เป็นโชคชะตาที่น่าอนาถจริงแฮะ


ขณะที่ผมกำลังคิดถึงความแตกต่างระหว่างโชคชะตากับชะตากรรมอยู่นั้น


?เราจะปั่นจักรยานไปสระว่ายน้ำกันนะ?


หลังสิ้นสุดคำประกาศของฮารุฮิ การลงมือปฏิบัติก็จะเริ่มทันทีโดยไม่ต้องอาศัยความเห็นพ้องจากใคร


เท่าที่ฟังดู โคอิซึมิเองก็โดนสั่งให้ปั่นจักรยานมา ส่วน 3 สาวเดินมาจนถึงนี่ สรุปแล้วจักรยานมีแค่ 2 คัน สมาชิกกองกำลัง SOS มี 5 คน เอาล่ะสิ จะไปกันอีท่าไหนล่ะ


ฮารุฮิไขความกระจ่างให้อย่างเริงร่า


?คันนึงซ้อน 2 อีกคันซ้อน 3 ก็ลงตัวแล้วนี่ โคอิซึมิคุง เธอให้มิคุรุจังซ้อนท้ายทีนะ ส่วนฉันกับยูกิจะซ้อนท้ายเคียวน์เอง?







ด้วยเหตุนี้ผมถึงต้องปั่นบันไดถีบแทบตาย อากาศร้อน เหงื่อไหลไคลย้อยเป็นน้ำตกยังพอว่า แต่นี่ดันมีเสียงที่เป็นมลพิษกับโสตประสาทดังอยู่ข้างหลังเหมือนลำโพงที่ระบบปรับเสียงเสียอีก ใครก็ได้หาอะไรอุดปากที


?นี่ เคียวน์! โดนโคอิซึมิคุงทิ้งห่างแล้วนะ! ตั้งใจปั่นหน่อยสิ! เอาให้เร็วขนาดแซงหน้าไปเลย!?


ผู้ที่อยู่ตรงทัศนวิสัยเบื้องหน้าซึ่งค่อยๆ พร่ามัวลงทุกทีของผมคือภาพคุณอาซาฮินะที่กำลังโบกมือให้อย่างขวยเขิน เธอนั่งซ้อนท้ายจักรยานของโคอิซึมิ ทำไมโคอิซึมิได้ไปกับสิ่งดีๆ ส่วนผมได้ไปกับสิ่งร้ายๆ นะ สวรรค์ลำเอียงคือคำเดียวที่อธิบายสภาพของผมตอนนี้ได้เป็นอย่างดี


จักรยานและขาสองข้างของผมกำลังทำตัวเป็นทอทหารอดทนกับภาระความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามา คนนั่งซ้อนท้ายอย่างเรียบร้อยคือนางาโตะ คนยืนซ้อนบนที่เหยียบตรงล้อหลัง มือจับบ่าผมไว้คือฮารุฮิ พูดง่ายๆ คือซ้อน 3 เป็นนักแสดงกายกรรมโลดโผน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากองกำลัง SOS ตั้งเป้าจะเป็นคณะแสดงกายกรรมตั้งแต่เมื่อไหร่


อีกอย่าง ก่อนออกรถฮารุฮิบอกว่าอย่างนี้


?ยูกิตัวเล็ก น้ำหนักตัวมีก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว?


ท่าจะจริงแฮะ อย่างกับว่าเธอทำให้น้ำหนักตัวเป็นศูนย์หรือใช้พลังต้านแรงโน้มถ่วงซึ่งผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็แค่น้ำหนักตัวของฮารุฮิคนเดียวจากความรู้สึกตอนปั่นจักรยาน เอาเถอะ ต่อให้นางาโตะช่วยควบคุมแรงโน้มถ่วงให้ผมก็ไม่แปลกใจหรอก อยากรู้มากกว่า ยัยนี่ทำอะไรไม่เป็นบ้าง


ถ้าช่วยทำอะไรกับน้ำหนักของฮารุฮิให้ด้วยก็จักเป็นพระคุณมาก แต่หลังกับบ่าของผมก็ยังคงรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่มีอยู่


รอยยิ้มกวนโมโหของโคอิซึมิที่เห็นเป็นระยะๆ เหนือศีรษะของคุณอาซาฮินะตอนที่มันหันมามอง ทำให้ผมยิ่งรู้ซึ้งถึงความไม่เที่ยงแท้ของโลกนี้ ได้แต่ตัดพ้อกับชะตากรรมของตัวเองอย่างน่าเศร้า บ้าเอ๊ย ขากลับอยากขี่เพลินๆ โดยที่มีคุณอาซาฮินะนั่งซ้อนท้ายจริงๆ จักรยานจ่ายตลาดที่ผมขี่อยู่ก็คงต้องการอย่างนั้นแน่







สระว่ายน้ำสาธารณะดูกระจอกมาก น่าจะเปลี่ยนป้ายเป็นสระว่ายน้ำชาวบ้านซะให้รู้แล้วรู้รอด ก็เล่นมีแค่สระว่ายน้ำ 50 เมตรอยู่สระเดียวกับแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ลึกแค่ 15 เซนติเมตรซึ่งให้เด็กเล่น


เด็กมัธยมปลายที่จะมาว่ายน้ำเล่นที่นี่เห็นทีจะมีแค่พวกไม่มีที่ไปเท่านั้น สรุปก็คือเด็กมัธยมปลายที่ว่าก็มีแค่พวกเรานี่แหละ มองไปทางไหนก็เจอแต่เด็กกับพ่อแม่ของเด็ก?โดยเฉพาะแม่?อยู่เท่านั้น เพียงแค่มองเด็กๆ อายุอานามแค่เลขหลักเดียวที่ติดห่วงยางลอยอยู่บนผิวน้ำมากมายลานตาจนแทบปิดสระว่ายน้ำมิด ผมก็รู้สึกละเหี่ยใจทันที สงสัยจะมีแค่คุณอาซาฮินะคนเดียวที่เป็นอาหารตาให้ผมได้


?อื้ม กลิ่นคลอรีนนี่ ให้ความรู้สึกสมกับเป็นสระว่ายน้ำจริงๆ?


ฮารุฮิซึ่งแนบเนื้อไปด้วยชุดว่ายน้ำทากินี่สีแดงแจ๊ดหลับตาสูดอากาศเสียงดังภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า เมื่อกี้เธอจูงมือคุณอาซาฮินะออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกัน คุณอาซาฮินะที่ถือตะกร้าอยู่สวมชุดว่ายน้ำวันพีซมีจีบพลิ้วเหมือนของเด็กเดินออกมา ส่วนนางาโตะเป็นชุดว่ายน้ำลายจืดๆ สีไม่ฉูดฉาดคล้ายกับที่ใช้ในการแข่งขัน บางทีชุดว่ายน้ำของสองคนนี่ฮารุฮิคงเลือกให้สินะ เพราะเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจกับชุดของตัวเองแต่กลับชอบโวยวายจุ้นจ้านกับชุดของคนอื่น (โดยเฉพาะของคุณอาซาฮินะ) นี่นะ


?ก่อนอื่นหาที่วางของ ได้ที่แล้วก็ลงไปว่ายกันเลย แข่งกันนะ แข่งกันว่าใครจะว่ายตั้งแต่ต้นสระไปท้ายสระได้เร็วที่สุด?


พอพูดชวนแข่งขันเป็นเด็กๆ ก็โดดลงน้ำตูมแบบไม่มีวอร์มอัพก่อน อ่านคำว่า ?ห้ามกระโดดลงสระน้ำ? ที่มีเขียนไว้หลายที่ไม่ออกเรอะ ยัยคนนี้


?รีบมาเร็วๆ สิ! น้ำอุ่นสดชื่นดีด้วย!?


ผมยักไหล่ หันไปประสานตากับคุณอาซาฮินะก่อนเดินไปปูผ้ารองกับวางกระเป๋าในที่ร่มใกล้ๆ








พวกเด็กๆ ลอยตัวอยู่เต็มผิวน้ำเป็นจิงโจ้น้ำที่เกิดออกมามากเกินเหตุ เรื่องว่ายตรงๆ จึงเป็นไปไม่ได้ แต่แล้วการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ระยะ 50 เมตรระหว่างสมาชิกกองกำลังภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อำนวยนั้น ผลการแข่งขันจะเรียกว่าเกินคาดหรือเป็นไปตามคาดดี ไม่ว่าจะคาดไว้ไหน คนเข้าที่หนึ่งก็เป็นนางาโตะ


สงสัยว่ายัยนี่จะดำลงไปลึกเกือบติดก้นสระได้ตลอดโดยไม่ต้องผุดขึ้นมาหายใจเลยล่ะมั้ง เธอขึ้นไปยืนปล่อยน้ำหยดติ๋งๆ ลงจากผมสั้นๆ ที่แนบติดกับแก้มพลางมองรอพวกเราว่ายมาเข้าเส้นชัยตามเธอ อันนี้ไม่ต้องบอกก็คงเดากันออก ที่โหล่ได้แก่คุณอาซาฮินะ ทุกครั้งที่เธอเงยหน้าขึ้นมาหายใจก็จะหยุดแล้วก็ปาบอลชายหาดที่ลอยมาตกใกล้ๆ คืนให้เจ้าของบ้าง กว่าจะมาถึงฝั่งได้ก็ใช้เวลาไป 10 เท่าของนางาโตะ ตอนขึ้นจากน้ำก็หอบแฮกไปหมด


?คำว่ากีฬาช่วยสลัดความกลุ้มใจได้เป็นเรื่องโกหกสินะ ร่างกายกับหัวเป็นคนละส่วนกัน เพราะถึงไม่คิดก็ขยับร่างกายได้ แต่หัวถ้าไม่คิดก็ไม่ทำงานนะ?


ฉันพูดถูกใช่มั้ย? ฮารุฮิทำหน้าบอกประมาณนั้น


?เพราะงั้นมาแข่งกันอีกรอบ ยูกิ คราวนี้ฉันไม่แพ้แน่!?


ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนสอนยัยนี่บ้างรึไง คำว่า ?เพราะงั้น? เขาไม่ได้เอามาใช้กับสถานการณ์แบบนี้ มันเพราะงั้นตรงไหนกันหา ก็แค่เธอเกลียดความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรอะ เห็นทีนี่จะเป็นการแข่งความอึดจนกว่ายัยนี่จะชนะได้มากกว่า


เพราะงั้นผมจึงหวังให้นางาโตะดูสถานการณ์ออก ส่วนตัวเองก็ถอนตัวขึ้นจากน้ำ เชิญแข่งกันตัวต่อตัวตามสบาย ฉันขอเป็นคนเชียร์ข้างสระละกัน แทงเสียๆ ผมแทงข้างนางาโตะ จะมีใครสนใจแทงข้างฮารุฮิมั้ย?


ฮารุฮิกับนางาโตะแข่งว่ายไป-กลับในสระว่ายน้ำ 50 เมตร 5 รอบ แต่ไม่นานนักกลุ่ม 3 สาวของ SOS ก็เริ่มเล่นโปโลน้ำกับกลุ่มเด็กประถมที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น ส่วนผมกับโคอิซึมิซึ่งไม่มีอะไรทำก็ได้แต่นั่งข้างสระ ส่องพวกเธอเล่นน้ำอย่างสนุกสนานไปเรื่อยเปื่อย


?ท่าทางสนุกสนานดีนะครับ?


โคอิซึมิมองพวกฮารุฮิ


?เป็นภาพที่ชวนอมยิ้มจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังสัมผัสได้ถึงความสงบสุขด้วย ไม่คิดบ้างเหรอครับว่าคุณสึซึมิยะเองก็เริ่มมีวิธีหาความสนุกสนานแบบคนทั่วไปแล้วน่ะ??


ดูเหมือนจะกำลังพูดกับผมอยู่เลยตัดสินใจตอบมันไป


?จู่ๆ ก็โทรมาหาแล้วก็พูดธุระของตัวเองฝ่ายเดียว เสร็จแล้วก็วางสายไป ฉันว่าวิธีชวนอย่างนี้คงเรียกว่าปกติไม่ได้หรอกนา?


?ก็มีคำกล่าวว่าการคิดได้ว่าจะเริ่มทำอะไรคือวันฤกษ์ดีด้วยนี่ครับ?


?เวลายัยนั่นคิดอะไรได้ เคยมีสักครั้งมั้ยที่พวกเราจะเสี่ยงเซียมซีได้ใบอื่นนอกจากใบโชคร้ายน่ะหา??


ในสมองผมรำลึกไปถึงงานแข่งเบสบอลสมัครเล่นบ้าๆ บอๆ กับจิ้งโกร่งงี่เง่า


โคอิซึมิพูดด้วยน้ำเสียงไมตรี


?แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ถ้าจากมุมมองผมแล้วล่ะก็ แบบนี้นับว่าสงบสุขเกินพอเลยล่ะครับ เพราะเวลาที่คุณสึซึมิยะยิ้มแย้มอย่างสนุกสนานร่าเริงอย่างนั้นก็ย่อมไม่ทำอะไรที่เป็นการสั่นคลอนโลกนี้อยู่แล้วนั่นเอง?


ได้งั้นมันก็ดี


ผมแกล้งถอนหายใจ แต่ไม่รู้หมอนี่ตีความยังไงถึงได้หัวเราะออกจมูกเบาๆ......


??ทันใดนั้น โคอิซึมิกลับแสดงสีหน้าประหลาด เป็นสีหน้าที่ไม่คุ้นตานัก พูดง่ายๆ ทำสีหน้าอื่นนอกจากยิ้มกวนประสาท


?อื๋อ??


โคอิซึมิขมวดคิ้ว


?เป็นอะไร? ผมถาม


?เปล่า......?


ถึงจะทำหน้าเหมือนคนปวดฟันไปแวบหนึ่งแต่เดี๋ยวเดียวโคอิซึมิก็กลับมายิ้มเหมือนเดิมทันที


?บางทีผมคงคิดไปเอง เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่างตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิก็เลยรู้สึกตึงเครียดบ้างเท่านั้น อ๊ะ ขึ้นมากันแล้วครับ?


จากตรงที่โคอิซึมิชี้ไปผมเห็นฮารุฮิเดินมาอย่างน่าเกรงขามประหนึ่งจักรพรรดิเพนกวินแบกของกินมาให้ลูกน้อย รอยยิ้มบานแฉ่งเต็มใบหน้า จากนั้นคุณอาซาฮินะกับนางาโตะก็ตามหลังมาด้วยบรรยากาศของผู้ติดตามเจ้าหญิงที่หนีออกไปเล่นนอกปราสาท


?มากินข้าวกันเถอะ ฟังแล้วจะตกใจ! มื้อนี้เป็นแซนด์วิชที่มิคุรุจังทำเองกับมือเลยนะ ถ้าวางขายตามร้านก็ราคาประมาณ 5,000 เยน แต่ถ้าประมูลขายก็ขายได้ 500,000 เยนเลยนะ แต่ฉันจะให้นายกินฟรีๆ สำนึกบุญคุณฉันเอาไว้ด้วยล่ะ?


?ขอบคุณมากครับ?


ผมบอก แต่กับคุณอาซาฮินะ


โคอิซึมิก็เอาอย่างผม โค้งศีรษะให้เธอ


?เกรงใจจังครับ?


?ไม่หรอก ไม่หรอก?


คุณอาซาฮินะก้มหน้าอย่างขวยเขิน ปลายนิ้วจิ้มกันไปมาอย่างเหนียมอาย


?ฉันไม่รู้ว่าทำออกมาได้อร่อยมั้ย......ถ้าไม่อร่อยก็ขอโทษด้วยนะ?


ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้หรอกครับ ขอแค่เป็นอาหารเครื่องดื่มที่ผ่านกรรมวิธีการทำอย่างทุ่มเทจากปลายนิ้วอันอ่อนช้อยของคุณอาซาฮินะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็อร่อยทั้งนั้น ของอย่างนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไรหรือทำไม แต่เป็นใครทำนี่นะ


ด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้สึกปลาบปลื้มกับแซนด์วิชรวมมิตรซึ่งสรรค์สร้างผ่านมือคู่งามของคุณอาซาฮินะซะจนไม่รู้ว่ารสชาติอร่อยจริงหรือไม่อร่อยจริง แต่จะยังไงก็ช่าง ต่อให้ชาญี่ปุ่นแสนร้อนที่เจ้าตัวรินให้นี่จะไม่เข้ากับแซนด์วิชเลยก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใด แม้เหงื่อจะไหลท่วมก็ยังดื่มด่ำอย่างสดชื่นได้


ฮารุฮิซึ่งกินส่วนของตัวเองหมดอย่างรวดเร็วก็ลุกขึ้นราวกับพร้อมจะเผาผลาญแคลอรีที่กินเข้าไปให้หมดสิ้น


?ไปว่ายอีกรอบดีกว่า ทุกคนเองถ้ากินเสร็จแล้วก็ลงมาว่ายด้วยนะ?


พูดทิ้งท้ายเสร็จก็โดดลงสระไปอีกครั้ง


ทั้งที่ในสระมีเครื่องกีดขวางเยอะจะแย่แต่ยังอุตส่าห์ว่ายได้พลิ้วอีก ทฤษฎีการวิวัฒนาการในท้องทะเลของมนุษยชาติก็อาจไม่ผิดพลาดเสมอไปก็ได้ จะว่าไปหากเป็นมนุษยชาติที่เป็นบรรพบุรุษที่ห่างไกลของฮารุฮิ ต่อให้ถูกส่งไปอยู่บนผิวดวงจันทร์ทั้งชุดธรรมดาก็อาจปรับตัวเข้ากับที่นั่นได้ก็ได้


สักพักพวกเรา 3 คนก็เดินไปหาฮารุฮิซึ่งเต้นระบำในน้ำเป็นแมวน้ำที่เรียกร้องความสนใจจากผู้คนโดยปล่อยให้นางาโตะค่อยๆ กินอย่างเงียบๆ ต่อไป


ระหว่างนั้นเองฮารุฮิก็ตีสนิทกับกลุ่มเด็กผู้หญิงชั้นประถมอย่างรวดเร็วตามด้วยร่วมวงเล่นด็อจบอลในน้ำ


?มิคุรุจังก็รีบมาสิ เร็ว ทางนี้ ทางนี้!?


?ค่า?


ทั้งที่เพิ่งพยักหน้ารับไม่ทันไร คุณอาซาฮินะก็ถูกบอลชายหาดความเร็วสูงของฮารุฮิซัดเข้าเต็มหน้าจนจมน้ำไป







หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ผมกับโคอิซึมิก็ขึ้นจากน้ำ ลุกขึ้นไปนั่งข้างสระราวกับโดนเสียงเด็กๆ สดใสร่าเริงโห่ไล่


สงสัยจะอยู่ผิดที่ผิดทางจริงๆ ไม่รู้ฮารุฮิคิดยังไงถึงเลือกมาเที่ยวสระว่ายน้ำสาธารณะที่ไม่มีอะไรแบบนี้ ก็ไม่ได้เรียกร้องให้สร้างสไลเดอร์หรอก แต่อย่างน้อยก็ควรจะมีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้ ประมาณว่าดึงดูดให้กลุ่มเด็กมัธยมปลายมาเที่ยวได้


แดดร้อนจัดที่ส่องเปรี้ยงลงมาแผดเผาทำให้รู้ว่าผิวหนังกำลังเร่งสร้างสารเมลานินคุ้มกันอยู่ ผมลองมองหานางาโตะเพราะสงสัยว่าผิวเธอจะโดนแดดเผาด้วยรึเปล่า แต่กลายเป็นว่าสาวผมสั้นตัวเล็กผู้เงียบขรึมเสมอก็ยังคงนั่งอย่างเรียบร้อยตรงใต้ร่มเงาเมื่อกี้ สายตาที่บ่งบอกถึงความฉลาดเฉลียวมองอากาศอันว่างเปล่าอย่างเหม่อลอย


เป็นเรื่องปกติของเธอ ต่อให้ไปที่ไหนก็ไม่เปลี่ยนแปลง เรื่องที่นางาโตะนิ่งเงียบเป็นตุ๊กตาดินเผา?เพียงแต่


?อื๋อ??


เหมือนมีลมแปลกๆ พัดเข้ามาในใจผมแล้วก็หายไป เริ่มรู้สึกแปลกๆ อย่างนั้นอีกแล้ว คลับคล้ายกับว่าความรู้สึกที่บอกว่านางาโตะกำลังเบื่อหน่ายไหลผ่านเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วก็เดจาวู อย่างกับว่าผมเคยมีประสบการณ์นี้มาแล้วที่ไหนสักแห่งซึ่งทำให้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ใช่ แล้วฮารุฮิก็มาพูดอย่างนี้?


?2 คนนี้เป็นสมาชิกกองกำลังฉัน พวกนี้ยินดีฟังทุกอย่างแล้ว อยากให้ทำอะไรก็บอกไปได้เลย?


ผมหันกลับไปทางสระน้ำ เห็นฮารุฮิเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับพากลุ่มเด็กผู้หญิงมาด้วย


ไม่รู้คุณอาซาฮินะเหนื่อยกับการเป็นเพื่อนเล่นของพวกเด็กประถมที่สุดแสนจะร่าเริงแล้วรึยังไงถึงได้ลงแช่น้ำไปจนถึงคาง หลับตาพริ้มลงเล็กน้อย ส่วนฮารุฮิที่แรงดีไม่มีเหนื่อยยิ่งกว่าเด็กประถมส่งแววตาเปล่งประกายมาหาผมกับโคอิซึมิ


?เอาล่ะ ไปเล่นกันเถอะ ฟุตบอลใต้น้ำ แต่ผู้ชาย 2 คนต้องเป็นผู้รักษาประตูนะ?


มันเป็นกีฬาแบบไหนแล้วมีกติกายังไง ก่อนจะถามกลับอย่างนั้นเดจาวูที่ผมรู้สึกได้ก็หายไป


?......เออ?


พวกเราตอบแบบขอไปทีพลางลุกขึ้น โคอิซึมิโปรยรอยยิ้มไปทั่วขณะเข้าไปร่วมวงเล่นกับพวกเด็กๆ


ความรู้สึกผิดแปลกเมื่อกี้ตอนนี้ไม่มีแล้ว


อืม เอาเถอะ ก็เป็นเรื่องที่มีอยู่บ่อย ไอ้ความรู้สึกแวบหนึ่งในชีวิตประจำวันที่คล้ายกับฝันไปน่ะ อีกอย่าง สระว่ายน้ำนี่ตอนเด็กผมก็เคยมา ความทรงจำเมื่อตอนนั้นอาจจะแวบขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจก็ได้ หรือไม่ก็อาจเป็นความผิดพลาดของกระบวนการที่สลับซับซ้อนในการส่งข้อมูลของสมอง ผมปัดห่วงยางรูปปลาโลมาที่ลอยอยู่ใกล้ๆ ออกไปพลางปัดลูกบอลชายหาดที่ฮารุฮิโดดเตะโอเวอร์เฮดคิกเข้ามา







หลังจากเล่นสนุกกันอย่างเต็มที่ในที่สุดพวกเราก็ได้บอกลาสระว่ายน้ำสาธารณะกันสักที ขากลับผมก็ยังต้องขี่จักรยานซ้อน 3 เป็นนักกายกรรม ในขณะที่โคอิซึมิขี่ซ้อน 2 ไปแบบหนุ่มสาวในละคร รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวยังไงบอกไม่ถูก


อาจเพราะคุณอาซาฮินะที่นั่งซ้อนหลังอย่างเรียบร้อยหน้าขาวอยู่แล้วก็ได้ ใบหน้าถึงได้แดงเหมือนคนวิงเวียนศีรษะ นั่นยังพอทำเนา แต่ภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเธอคล้องเอวไอ้หนุ่มหน้ายิ้มที่นั่งขี่บนอานรถข้างหน้านี่ล่ะที่ทำให้ใจผมยิ่งห่อเหี่ยวสุดกู่ ถ้าเอาหูมาแนบฟังก็อาจได้ยินเสียงสายลมว่างเปล่าพัดผ่านในผืนดินรกร้างจากหัวใจดวงนี้ก็ได้


หลังจากปั่นจักรยานไปตามทิศทางที่ฮารุฮิสั่ง เราก็กลับมาถึงหน้าสถานีซึ่งเป็นที่รวมพลอีกครั้ง


อ้อ จริงด้วย ผมต้องเลี้ยงทุกคนนี่นะ


เมื่อเข้าไปในร้านกาแฟ ผมเอาผ้าเย็นแปะหัวนั่งพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า แต่แค่เดี๋ยวเดียว


?ฉันลองคิดแผนทำกิจกรรมขึ้นมาดู คิดว่าเป็นไง?


เธอส่งกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนโต๊ะอย่างเป็นพิธีรีตอง ชี้นิ้วสั่งให้พวกเราดู มันคือกระดาษ A4 ที่ถูกฉีกมาจากสมุดโน้ต


?คิดจะทำอะไรของเธอ?


ฮารุฮิทำใบหน้าภูมิอกภูมิใจกับคำถามของผม


?หมายกำหนดการเพื่อให้เรารู้ว่าจะใช้เวลาปิดเทอมหน้าร้อนที่เหลืออีกนิดเดียวกันแบบไหนยังไงล่ะ?


?หมายกำหนดการของใคร?


?ของพวกเรา กองกำลัง SOS ซัมเมอร์สเปเชียลซีรี่ส์ไงล่ะ?


ฮารุฮิดูดน้ำเปล่าเย็นๆ จนเกลี้ยง สั่งพนักงานให้เอามาเสิร์ฟเพิ่มก่อนจะพูดต่อ


?พอดีฉันเพิ่งจะรู้ตัวน่ะ ปิดเทอมหน้าร้อนเหลืออีกแค่ 2 อาทิตย์แล้วใช่มั้ย พอรู้ก็ตกใจมาก ประมาณว่าตายล่ะ! ทั้งที่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำเลย แต่เวลาก็เหลืออยู่แค่นั้นแล้ว จึงต้องไล่ทำให้หมดตั้งแต่ตอนนี้ไป?


ในหมายกำหนดการที่ฮารุฮิเขียนขึ้น มีรายการดังต่อไปนี้เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น






? ?สิ่งที่ต้องทำในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน?


?ออกค่ายฤดูร้อน


?สระว่ายน้ำ


?บงโอโดริ


?เทศกาลดอกไม้ไฟ


?งานพิเศษ


?ดูดาว


?ซ้อมตีเบสบอล


?จับแมลง


?ทดสอบความกล้า


?อื่นๆ









ไข้ปิดเทอมฤดูร้อน






บางทีเชื้อไข้พรรค์นั้นคงมาจากป่าไหนสักป่า อาจมียุงหรือตัวอะไรสักอย่างเป็นพาหะนำโรค แต่เวลานี้ผมกลับสงสารเจ้ายุงตัวที่สูบเลือดฮารุฮิไปมากกว่า ป่านนี้คงร่วงลงมาเพราะอาหารเป็นพิษไปแล้วแหง


ในบรรดาข้อความข้างต้น มีออกค่ายฤดูร้อนกับสระว่ายน้ำที่ถูกขีดฆ่าเป็นรูปกากบาทใหญ่ คงเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าทำไปแล้วเรียบร้อย


ส่วนอันล่างๆ คือเมนูกิจกรรมที่ต้องทำทั้งหมดภายในเวลาไม่ถึง 2 อาทิตย์เรอะ ที่สำคัญไอ้ตรง ?อื่นๆ? นี่มันอะไร ยังมีอะไรต้องทำอีกหา


?ก็ถ้านึกอะไรได้ก็จะทำน่ะ ตอนนี้ที่นึกได้ก็มีแค่นี้ นายอยากทำอะไรล่ะ? มิคุรุจังล่ะ??


?เอ่อ......?


ผมเหล่คุณอาซาฮินะที่เริ่มคิดจริงจัง พยายามส่งข้อความทางสายตาให้เธอว่าอย่าได้พูดอะไรแผลงๆ ออกไปจะดีกว่า......


?ฉันว่าเล่นเกมช้อนปลาทองก็ดีนะ?


?โอเค?


ฮารุฮิเอาปากกาลูกลื่นที่ถืออยู่เขียนหัวข้อใหม่ลงไปในรายการ


จากนั้นถามความต้องการของนางาโตะกับโคอิซึมิด้วย แต่นางาโตะแค่ส่ายหน้าเงียบๆ โคอิซึมิปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม ตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว


?ขอดูเดี๋ยวนะครับ?


โคอิซึมิดื่มกาแฟเย็นใส่นมหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบกระดาษขึ้นมาดู ท่าทางเหมือนใช้ความคิดไม่ก็มองหาอะไรบางอย่าง หรือว่าจะมีอะไรสะกิดใจกับหัวข้อพวกนี้


ทางด้านนางาโตะก็ยังคงดูดน้ำโซดาอย่างไม่มีเสียงต่อไป


?ขอบคุณ?


โคอิซึมิวางกระดาษที่ฮารุฮิเรียกมันว่าหมายกำหนดการลงบนโต๊ะอย่างเดิมก่อนจะทำหน้าครุ่นคิด เป็นอะไรของแกหา


?เริ่มทำตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ พรุ่งนี้ก็มารวมกันหน้าสถานีเหมือนเดิม! แถวนี้มีที่จัดงานบงโอโดริพรุ่งนี้บ้างมั้ย? หรืองานดอกไม้ไฟก็ได้?


หัดเช็คดูให้ดีก่อนค่อยบอกให้ทำสิ


?ผมจะเช็คให้เองครับ?


โคอิซึมิเสนอตัว


?ถ้าได้ที่แล้วจะโทรบอกคุณสึซึมิยะทีหลัง ตกลงว่าเอาเป็นสถานที่จัดงานบงโอโดริหรือไม่ก็งานดอกไม้ไฟสินะครับ?


?อย่าลืมเกมช้อนปลาทองด้วยล่ะ โคอิซึมิคุง เพราะเป็นหัวข้อที่มิคุรุจังเสนอเองเลย?


?ถ้าอย่างนั้นหาที่จัดงานบงโอโดริกับงานวัดร่วมกันไปเลยก็แล้วกันนะครับ?


?อื้อ ฝากด้วยนะ โคอิซึมิคุง?


ฮารุฮิดื่มกาแฟใส่ไอศกรีมหมดในอึกเดียวอย่างรื่นเริงแล้วพับเก็บกระดาษสมุดโน้ตอย่างกับมันเป็นลายแทงล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า








ระหว่างที่ให้ผมจ่ายเงินฮารุฮิก็วิ่งจ๊อกกิ้งออกไปเหมือนนักวิ่งที่ใกล้จะลงแข่งขัน บางทีอาจพยายามเก็บความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจไว้เตรียมระเบิดในวันพรุ่งนี้ก็ได้ ถ้ายังไงก็จะระเบิดความรู้สึกนั้นอยู่แล้วก็อย่าระเบิดออกมาแค่ทีละจิ๊บๆ สู้ระเบิดออกมาตูมเดียวเอาให้มันสุดๆ ไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเก็บเศษซากระเบิดบ่อยๆ


สมาชิกที่เหลืออีก 4 คนเองก็แยกย้ายกันกลับ ผมรอกระทั่งเดินแยกย้ายกันไปไกลจึงค่อยไปเรียกด้านหลังสมาชิกคนหนึ่งให้หยุด


?นางาโตะ?


มนุษย์ต่างดาวร่างมนุษย์ซึ่งอยู่ในชุดปกกะลาสีหน้าร้อนหันมาตามเสียงเรียกของผม


?......?


ใบหน้าไร้อารมณ์ไร้คำพูดจ้องกลับหาผม ดวงตาไร้อารมณ์ที่ไม่บ่งบอกถึงการปฏิเสธหรือตอบรับคู่นั้นเบิกกว้างบนใบหน้าขาว


ผมรู้สึกแปลกๆ เรื่องนางาโตะทำหน้าไร้อารมณ์เป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำทุกที่ทุกเวลาอยู่แล้ว แต่ผมกลับรู้สึกว่านางาโตะวันนี้มีบางอย่างแปลกไป เป็นความแปลกที่ไม่สามารถบ่งบอกเป็นรูปธรรมได้


?เปล่า......?


ถึงจะเรียกให้เธอหยุดแล้วก็เถอะ แต่พอนึกดีๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรจึงทำให้ผมเริ่มลนลานเล็กน้อย


?ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก คือ เอ่อ ระยะนี้เป็นไงมั่ง? สบายดีมั้ย??


ถามอะไรไร้สาระเป็นบ้าเลยแฮะเรา


นางาโตะกะพริบตา พยักหน้าตอบเล็กน้อย เล็กน้อยมากขนาดว่าถ้าไม่เอาไม้ครึ่งวงกลมวัดก็คงไม่รู้


?สบายดี?


?งั้นก็ดีแล้วล่ะ?


?เหรอ?


ใบหน้านิ่งที่ขยับเพียงเล็กน้อยนั้นราวกับว่ายิ่งนิ่งไม่ขยับเข้าไปใหญ่......ไม่สิ ตรงกันข้ามมั้ง คล้ายๆ กับว่าดูผ่อนคลายแปลกๆ......ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดขัดแย้งกันเองอย่างนั้น หนำซ้ำยังพยายามหนีจากความคิดนี้ด้วยการคิดว่า ก็ความสามารถในการรับรู้ของมนุษย์มันได้แค่นี้นี่หว่า


ลงท้ายก็ไม่ได้พูดต่อมากไปกว่านั้น และไม่รู้ทำไมผมถึงพยายามบอกลาพอเป็นพิธีเพื่อหันหลังหนีจากเธอ


ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่คิดว่าทำอย่างนั้นดีกว่า หลังแยกกันผมขี่จักรยานกลับมาถึงบ้าน กินมื้อเย็น อาบน้ำ ดูทีวีแล้วก็นอนหลับ








เช้าวันรุ่งขึ้น สิ่งที่มาช่วงชิงเวลาหลับฝันหวานไปจากผมก็เป็นโทรศัพท์ของฮารุฮิอีกตามเคย


รู้สึกว่าจะหาที่จัดงานบงโอโดริได้แล้ว เวลาเที่ยวคือคืนนี้ สถานที่คือสนามกีฬาสาธารณะที่อยู่ในเมือง


อุตส่าห์หาที่เที่ยวได้ทันเวลาพอเหมาะพอเจาะอีกนะ ระหว่างที่ผมแอบชื่นชมครึ่งหนึ่งอยู่ในใจ ฮารุฮิก็พูดต่อ


?เราจะไปซื้อชุดยูกาตะกันทุกคนนะ?


ดูเหมือนนั่นจะเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนลงมือทำกิจกรรมตามกำหนดการ


?ที่จริงอยากให้ใส่ตอนทานาบาตะนะ แต่ลืมไปซะสนิทเลย ไม่รู้ฉันตอนนั้นเป็นอะไรไป แต่ค่อยยังชั่วที่ญี่ปุ่นมีงานประเพณีที่ให้ใส่ชุดยูกาตะได้ 2 เดือนติด?


ใครกันค่อยยังชั่วหา


ส่วนตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสกๆ จริงๆ เจอกันตอนกลางคืนก็ได้ ไม่รู้จะรีบไปถึงไหน และวันนี้ทุกคนก็มารวมตัวกันพร้อมหน้าที่หน้าสถานีเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นฮารุฮิที่ยังคึกจัดต่อจากเมื่อวาน คุณอาซาฮินะที่ท่าทางตื่นเต้น นางาโตะที่ใบ้สนิท โคอิซึมิที่ยิ้มแย้ม


?มิคุรุจังกับยูกิก็บอกว่ายังไม่มีชุดยูกาตะน่ะ ฉันก็ไม่มี ก่อนหน้านี้ตอนผ่านย่านการค้าฉันเห็นมีขายเป็นเซ็ตพร้อมกับเกี๊ยะด้วย ไปซื้อที่นั่นก็แล้วกัน?


ผมส่องคุณอาซาฮินะกับนางาโตะที่กำลังยืนอยู่พลางจินตนาการถึงสาวๆ กลุ่มนี้ในชุดยูกาตะ


เอาน่า ก็หน้าร้อนนี่นะ


ของผมกับโคอิซึมิไปด้วยชุดไปรเวทปกติ เรื่องใส่ชุดยูกาตะเอาไว้ตอนไปพักโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นก็พอ เพราะชายหนุ่มในชุดยูกาตะก็ไม่ใช่อาหารตาที่เพลิดเพลินใจเท่าไหร่


?นั่นสินะ ถ้าเป็นโคอิซึมิคุงใส่แล้วก็น่าจะดูดีอยู่หรอก แต่นายนี่สิ?


ฮึ หืม ฮารุฮิหัวเราะ มองดูผมรอบๆ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า


?เอาล่ะ ไปกันเถอะ?


โบกพัดที่พกมาพร้อมกับออกคำสั่ง


?เป้าหมายคือร้านขายชุดยูกาตะ!?







ฮารุฮิเข้าไปในร้านขายเครื่องแต่งกายสุภาพสตรีที่ขายในราคาส่ง จัดแจงเลือกชุดให้คุณอาซาฮินะกับนางาโตะโดยพลการก่อนหายเข้าไปในห้องลองชุด


นอกจากนางาโตะ อีก 2 คนที่เหลือไม่รู้วิธีใส่จึงต้องให้พนักงานร้านหญิงใส่ให้ แต่ก็ใช้เวลากันน่าดู ส่วนผมกับโคอิซึมิไม่มีอะไรทำจึงได้แต่เดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่รอบชั้นวางที่มีเสื้อผ้าผู้หญิงเรียงราย กระทั่ง 3 สาวออกมายืนหน้ากระจกกันพร้อมหน้า


ของฮารุฮิเป็นลายดอกชบาสีฉูดฉาด ของคุณอาซาฮินะเป็นลายปลาทองหลากสี ของนางาโตะเป็นลายเรขาคณิตสีเรียบๆ ชุดยูกาตะของแต่ละคนต่างแสดงถึงรสนิยมที่แตกต่างกันไป แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงหนักใจที่จะมองตรงๆ ก็ไม่รู้


พนักงานหญิงของร้านมองผมกับโคอิซึมิด้วยสีหน้าที่เหมือนอยากจะบอกว่า ?หนุ่มคนไหนเป็นแฟนของสาวคนไหนกันบ้างเอ่ย? แต่ผมก็อยากบอกเหมือนกันว่าโชคร้าย มันไม่ใช่อย่างที่คิดครับ โคอิซึมิช่างมัน ที่แน่ๆ คือผมแค่ถูกลากมาด้วยเฉยๆ คิดแล้วก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ นะ


เอาเถอะ ขอแค่ได้ยลคุณอาซาฮินะเวอร์ชั่นยูกาตะก็พอใจแล้ว ฮารุฮิกับนางาโตะก็ใส่ขึ้น แต่นั่นก็เพราะชุดที่มีรสนิยมอ่ะนะ มันไม่ใช่ของที่จะใส่แล้วไม่ดูดีอยู่แล้วด้วย


?มิคุรุจัง เธอ......?


ฮารุฮิมองคุณอาซาฮินะอย่างภูมิใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง


?น่ารักจริงๆ เลย! ฉันนี่เยี่ยมจริงๆ! สายตาของฉันไม่มีทางเลือกผิดอยู่แล้วล่ะเนอะ! ผู้ชายกว่า 95% ในโลกนี้จะต้องหลงหัวปักหัวปำแน่ถ้าได้เห็นเธอในชุดยูกาตะตอนนี้!?


ผมลองถามดู แล้วอีก 5% ล่ะมันเป็นอะไร


?ความน่ารักนี้ไม่มีผลกับพวกเกย์ตาถั่วหรอก ในผู้ชาย 100 คนจะต้องมีเกย์สัก 5 คนอยู่แล้ว จำเอาไว้ให้ดี?


แต่ฉันไม่คิดว่าเป็นความรู้ที่สำคัญพอจะต้องจดจำหรอก


คุณอาซาฮินะก็ดูท่าจะไม่ได้รังเกียจอะไร เธอเดินไปรอบๆ หน้ากระจกห้องลองชุดเพื่อสำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเองให้แน่ใจ


?นี่คือชุดพื้นเมืองแบบโบราณของประเทศนี้สินะ ใส่แล้วรู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อยแต่ก็สวยดี......?


ในบรรดาชุดคอสเพลย์ที่ฮารุฮิยัดเยียดให้ใส่ ชุดนี้เป็นระดับท็อปคลาสเลยจริงๆ เพราะไม่ได้โชว์เนื้อหนังมังสาอย่างชุดหูกระต่าย ไม่ได้ขาดความเป็นสากลอย่างชุดสาวใช้ ไม่ใช่ชุดที่ใส่เดินในเมืองตอนนี้แล้วถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ เป็นสิ่งที่คล้ายกับบทกวีที่พรรณนาถึงฤดูร้อน แถมใส่แล้วดูดีขึ้นอย่างแรง ราวกับมีบรรยากาศที่น้องสาวของตัวเองใส่ชุดยูกาตะล่องลอยอยู่ก็ไม่ปาน ยกเว้นส่วนที่อยู่เหนือสายรัดเอวขึ้นไปที่พองมากเกินเหตุอย่างไม่สมดุลกันเลย แต่ขอแค่น่ารักก็พอแล้ว รัศมีที่น่าหลงใหลขนาดทำให้อีกฝ่ายยอมลงให้ทุกอย่างถูกเปล่งออกมาจากร่างของคุณอาซาฮินะ ต่อให้เธอเป็นหัวหน้าโจรปล้นธนาคาร ผมก็ยอมเป็นทนายว่าความให้ แต่ถ้าเป็นฮารุฮินี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน




---------------
นี่ยังเรียกได้ว่าเป็นแค่น้ำจิ้มสำหรับสึซึมิยะ ฮารุฮิในตอนนี้เท่านั้น เพราะวีกรรมของคุณเธอยังมีอีกมาก ดังนั้นแฟนๆ ของฮารุฮิอย่าลืมติดตามฉบับเต็มกันนะคะ หาได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปหรือทางเว็บไซต์ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=6835

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”