New Release!! Heart to Heart ส่งรักแท้ตรงถึงหัวใจ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release!! Heart to Heart ส่งรักแท้ตรงถึงหัวใจ

โพสต์ โดย Gals »

ถ้าใครที่กำลังคิดถึงผลงานของสาวน้อย PinkieBew อยู่ล่ะก็ วันนี้ทางทีมงานมีผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดของเธอมาอัพเดทให้กับแฟนๆ ค่ะ กับผลงานเรื่อง Heart to Heart ส่งรักแท้ตรงถึงหัวใจ เป็นเรื่องราวของนักเขียนสาวสุดเฉิ่มผู้เชื่อมั่นว่ารักแท้ยังมีอยู่จริง กับชายหนุ่มผู้อกหักมานับครั้งไม่ถ้วน ที่พรหม (กรรม?) ลิขิตชักพาให้ต้องมาพบกัน เรื่องราวจะเป็นยังไง จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ ก็ขอเชิญไปอ่านกันได้เลยค่ะ...

บทนำ

?ขอโทษนะพี แต่ว่า...พีคงจะยังไม่ใช่สำหรับเมย์? สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมพูดประโยคทิ่มแทงใจพรรค์นั้นด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยทั้งที่เธอกำลังทำร้ายจิตใจผมอยู่แท้ๆ
หึ ผมอยากจะหัวเราะดังๆ ให้กับคำว่า ?คงจะยังไม่ใช่? ตลกชะมัด คบกันแรกๆ บอกว่าผมดีที่สุด มาวันนี้บอกว่าไม่ใช่ ผู้หญิงเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งโลกเลยรึไง -_-+
?เราเลิกกันเถอะ?
ในที่สุดเมย์ก็เอ่ยคำนั้นออกมา ผมกะไว้แล้วว่ามันจะต้องลงเอยแบบนี้ ไม่ว่าจะเกริ่นด้วยประโยคที่ฟังดูดีแค่ไหน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเลิกรา

?ส้มว่าเราคงไปกันไม่ได้ เป็นเพื่อนกันดีกว่านะพี?
?เชื่อสิ สักวันพีจะเจอคนที่ดีกว่าแพท?
?พีดีเกินไป เจนคงไม่เหมาะกับพีหรอก?
?อินยังรู้สึกดีๆ กับพีนะ เพียงแต่เราสองคนต่างกันเกินไป?

ราวกับเสียงสะท้อนของผู้หญิงใจร้ายในอดีตกำลังพุ่งเข้าชนอกซ้ายแล้วทะลุหัวใจของผมซ้ำไปซ้ำมาจนหัวใจดวงนี้เป็นรูพรุนไม่มีชิ้นดี พอกันที...กับความรักที่มันไม่เคยมีอยู่จริง
?เมย์? แฟนคนล่าสุดบอกเลิกผมแล้วก็ลุกเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งไว้เพียงค่าอาหารมื้อใหญ่ที่ผมสั่งมาซะเต็มโต๊ะเพราะไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะนัดผมมาเพื่อ...บอกเลิก
คิดดูสิ นอกจากผมจะถูกผู้หญิงหักอกแล้วยังต้องเป็นคนจ่ายค่าอาหารพวกนี้อีก ความยุติธรรมมันยังมีอยู่มั้ยบนโลกใบนี้ =_=^
หลังจากควักกระเป๋าจ่ายค่าอาหารแสนแพงที่ผมแทบไม่ได้แตะต้องแล้ว ผมก็บอกให้พนักงานช่วยจัดการเอาอาหารที่เหลือไปใส่ห่อให้ผมทั้งหมด จะให้เสียเงินฟรีๆ โดยไม่ได้กินอะไรเลยคงจะไม่ไหวหรอกนะ เพราะผมเองก็ไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้ขนาดนั้น ถือซะว่าเอากลับไปเลี้ยงเพื่อนฝูงเนื่องในโอกาสที่ผมถูกทิ้งเป็นรอบที่...เอ่อ...จะรอบที่เท่าไหร่ก็ช่างเถอะ แต่ผมขอสาบานว่ามันจะไม่มีรอบต่อไปอีกเป็นแน่
?ได้แล้วค่ะ ^_^? พนักงานสาวหน้าตาเหมือนสาวญี่ปุ่นส่งถุงอาหารมาให้ผมพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ แต่ผมว่า...มันเป็นยิ้มอาบยาพิษ บทเรียนชีวิตสอนให้ผมรู้แจ้งแล้วว่า ผู้หญิงน่ะอันตรายที่สุด!
?ขอบใจนะน้อง เอ่อ...ห้องน้ำไปทางไหนเหรอ?
?อ๋อ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วค่ะ ^__^?
ผมรับถุงอาหารมาจากน้องพนักงานที่ยังยิ้มแป้นแล้นไม่ยอมหุบก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำตามทางที่เธอบอก
ตรงไป...
แล้วเลี้ยวซ้าย...
?กรี๊ดดดดด!!?
ตุ้บ!!
ผมชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเป็นจังหวะช้าๆ ไปยังห้องน้ำชายแล้วหันไปมองตามเสียงที่ดังออกมาจากห้องน้ำหญิงที่อยู่เยื้องๆ กัน
ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถึงผู้หญิงจะเป็นตัวอันตราย แต่ถ้าผู้หญิงตกอยู่ในอันตรายแล้วผมไม่ช่วย ผมก็ไม่รู้ว่าจะระบุเพศของตัวเองว่าเป็นเพศอะไร แหม~ แมนจริงๆ เลยเรา
ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในห้องน้ำหญิงอย่างรวดเร็ว แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้ผมชักไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดที่วิ่งเข้ามาในนี้
อา...ผู้หญิงผมยาวตรงเท่ากันแทบทุกเส้นกำลังทำหน้าเหยเกพร้อมกับควานหาบางอย่างที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น และสิ่งเดียวที่ผมเห็นอยู่บนพื้นตอนนี้ก็คือ...แว่นตา
อย่าไปบอกใครเชียวนะว่าผมตาลีตาเหลือกวิ่งเข้ามาในห้องน้ำหญิงเพื่อช่วยเก็บแว่นตาให้ผู้หญิงเฉิ่มๆ คนหนึ่งที่ซุ่มซ่ามลื่นล้มในห้องน้ำ รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น -_-^
ผมก้มลงเก็บแว่นตากรอบดำแล้วยื่นไปให้ยัยสาวเฉิ่มที่ยังคงพยายามควานหาแว่นตาของเธอต่อไปอย่างไม่มีวี่แววว่าจะเจอ
?อ๊ะ! ขอบใจนะ? เธอรีบคว้าแว่นไปสวมแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพลางบ่นกระปอดกระแปด ?เจ็บชะมัด ทำไมมันซวยอย่างนี้นะ?
?เธอ...เป็นอะไรรึเปล่า?
?ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบ...!!! OoO!!?
แค่เห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ ยัยสาวเฉิ่มที่เพิ่งจะตั้งหลักยืนได้อย่างมั่นคงก็ถึงกับอ้าปากหวอ ทำไม...ผมหล่อขนาดนั้นเลยเรอะ
?กรี๊ดดดดดดด~ ไอ้โรคจิต! แกเข้ามาในห้องน้ำผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงหาาาา >O<!! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้...ไอ้บ้ากาม ไอ้หื่น ไอ้จิตวิปริตตตต!!!!?
ตุ้บ! ตั้บ! ปึ้ก!
?โอ๊ย~! อะไรของเธอเนี่ย!??
ผมจำต้องเดินถอยไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังติดกำแพงเมื่อยัยเฉิ่มเกิดกลายร่างเป็นปีศาจสาวบ้าพลังลุกขึ้นมาทุบตีผมแบบไม่ยั้งมือ
?แก... แกเห็นของฉันหมดแล้วใช่มั้ย อ๊ากกกก ตายซะเถอะไอ้โรคจิต?
ตุ้บ! ตั้บ!
?เฮ้ย หยุดก่อน นี่ฉันเข้ามาช่วยเธอนะเว้ย ยัยบ้า? ผมพยายามปัดป่ายมือเล็กๆ ของยัยบ้าพลังพลางตะโกนบอกเจตนาดีของตัวเองให้ยัยนั่นรู้
?หน้าด้านที่สุด แอบส่องผู้หญิงในห้องน้ำแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าช่วยฉันอีกเหรอ อย่างนี้มันต้องซัดให้ตายยยยยย!!!!!?
ปึ้ก ปั้ก~
?โอ๊ยๆ เจ็บนะเว้ย ฉันชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ ยัยปีศาจ -O-+? ว่าแล้วผมก็คว้าข้อมือของยัยเฉิ่มเอาไว้ได้ทั้งสองข้าง ก่อนจะพลิกตัวออกจากกำแพงแล้วดันยัยผู้หญิงตัวเล็กแรงช้างให้ไปยืนติดกำแพงแทนผม
?ยะ...อย่านะ อย่าทำอะไรฉันนะ?
?ทีอย่างงี้ล่ะเสียงสั่นเชียวนะแม่คนเก่ง เธอคิดว่าเธอใช้กำลังเป็นคนเดียวรึไง?
?ถ้าแกทำอะไรฉันล่ะก็ ฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย?
?แล้วไอ้ที่เธอแหกปากโวยวายเมื่อกี้ไม่ได้เรียกว่าร้องหรอกเรอะ จะบอกอะไรให้นะ ร้านเงียบๆ แบบเนี้ย จะมีสักกี่คนที่เดินผ่านมาแถวนี้ ร้องให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอหรอก?
?.....?
ผมเห็นว่าใบหน้าเนียนใสของยัยสาวอวดเก่งเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นในขณะที่ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง และแม้ว่าจมูกโด่งรั้นเชิดจะทำให้เธอดูเหมือนสาวเย่อหยิ่งที่ไม่กลัวใครหน้าไหน แต่ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นคู่นั้นกำลังสั่นไหวด้วยความหวั่นเกรงอย่างเห็นได้ชัด
?กลัวเป็นเหมือนกันสินะ?
?เอาหน้าหื่นๆ ของแกออกไปห่างๆ ฉันเลยนะไอ้โรคจิต?
?ปากเก่งจริงนะยัยเฉิ่ม? ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมๆ เหมือนกลิ่นแชมพูยี่ห้อดังที่มีนางเอกหน้าหวานเป็นพรีเซ็นเตอร์
อันที่จริง ผมว่า...ถ้ายัยนี่รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวสักหน่อยก็คงจะน่ารักไม่เบา
ปึ้ก!
?อ๊อก!!!?
?นี่สำหรับความโรคจิตของแก?
ปั้ก!
?และนี่สำหรับที่แกเรียกฉันว่ายัยเฉิ่ม?
ผมยืนตัวงอกัดฟันกรอดมองตามร่างบางในชุดเสื้อแขนกุดสีขาวกับกระโปรงลายดอกยาวเกือบถึงตาตุ่มวิ่งออกจากห้องน้ำไป
โอยยยย ตอนนี้ผมแทบไม่อยากกระดิกตัวแม้แต่หนึ่งมิลลิเมตร รู้สึกว่าโลกทั้งใบกลายเป็นสีเขียวไปหมด รวมทั้งหน้าผมด้วยล่ะมั้ง =_=;;; ยัยสุดเฉิ่มนั่นเล่นเตะผ่าหมากผมตอนทีเผลอ แถมยังตีเข่าซ้ำมาซะเต็มเหนี่ยว บ้าชิบ! อย่าให้เจออีกรอบแล้วกัน ฉันเล่นงานเธอแน่ ยัยเฉิ่มซาดิสม์ -__-++
เห็นมั้ยล่ะ ผมบอกแล้วว่าผู้หญิงน่ะ...ตัวอันตราย!!!

1

ซวย!!!
ใช่...ซวย!!! ฉันว่าวันนี้มันต้องเป็นวันที่ซวยที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เริ่มจากฉันถูกปลุกให้ตื่นรับเช้าวันใหม่ด้วยการโดนยัยวิกกี้เพื่อนซี้ ?ถีบ? ตกตียง ต่อด้วยยัยวิกกี้ลงมือทำกับข้าวมื้อเที่ยงให้ฉันกินเพื่อไถ่โทษที่นอนดิ้นเกินลิมิตจนฉันต้องกระเด็นลงไปนอนอยู่บนพื้น แล้วยังไงรู้มั้ย ยัยเพื่อนตัวดีเกือบทำไฟไหม้บ้านเพราะตั้งกระทะทิ้งไว้แล้วออกไปเต้นแอโรบิคหน้าบ้าน -__-^
ยัง ยังไม่หมด ยัยวิกกี้ขอแก้ตัวอีกครั้งด้วยการพาฉันออกไปกินข้าวนอกบ้าน และนี่แหละ สุดยอดแห่งความซวย ฉันลื่นล้มแว่นกระจายในห้องน้ำของร้านอาหารนั้น แถมยังเจอคนโรคจิตเข้ามาแอบส่องในห้องน้ำหญิงแล้วอ้างว่าเข้ามาช่วยฉันอย่างหน้าด้านๆ หน้าตามันหื่นมากกกก พยายามจะหล่อด้วยการทำผมซอยไล่ระดับยาวระต้นคอจนพอจะมัดเป็นจุกไว้ด้านหลังได้ ไม่ได้ดูหน้าตัวเองเล้ยว่ามันไม่เข้ากับทรงผมสักกระติ๊ด ไอ้ดวงตาสีน้ำตาลไหม้เรียวยาวสไตล์เกาหลีกับจมูกโด่งล้ำหน้าดูยังไงก็น่าเกลียดไร้เทียมทาน ยิ่งเวลาขยับริมฝีปากบางสีเนื้อธรรมชาติพูดจาเอาดีใส่ตัวด้วยแล้วยิ่งทุเรศไปกันใหญ่ ซวย วันนี้มันวันซวยจริงๆ =_=+
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าไอ้โรคจิตนั่นมันหล่อลากไส้ แต่ฉันเกลียดมานนนน >..<+
ฉันพยายามทำใจให้สงบก่อนทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวโปรดหน้าจอคอมพิวเตอร์ กดเปิดเครื่อง เปิดไฟล์นิยายที่เขียนค้างไว้ขึ้นมา แล้วก็เปิดเพลงดังๆ เพื่อบิลด์อารมณ์ในการเขียน
?คุณเพื่อนขา กรุณาเบาเสียงเพลงลงสักนิดได้มั้ยคะ ดิฉันต้องท่องสคริปต์เตรียมตัวไปถ่ายโฆษณาวันพรุ่งนี้เข้าใจมั้ยคะ?
?เบาไม่ได้หรอก ฉันกำลังเขียนฉากตื่นเต้นอยู่ ต้องใช้เพลงสร้างบรรยากาศ?
?ฉากอะไรของแกวะต้องบิลด์ด้วยเพลง Mission Impossible -_-^?
?นางเอกเจอคนโรคจิตในห้องน้ำ?
?นี่แกแค้นจัดจนต้องเอามาเขียนเป็นนิยายเลยเรอะ?
?แหงสิ ฉันต้องประกาศให้โลกรู้ว่าผู้ชายสมัยนี้มันโรคจิต เลวทราม หื่นกามมาก?
?อาการหนัก -_-^?
?แกไม่เจออย่างฉันไม่มีวันเข้าใจหรอกยัยวิกกี้ คิดดูนะ ฉันต้องเจอคนโรคจิตในห้องน้ำหญิงที่เงียบเชียบจนน่ากลัวว่าถูกฆ่าตายไปสามวันก็ยังไม่มีใครรู้ มันสยองยิ่งกว่าดูหนังผีกลางป่าช้าอีกนะแก?
?แหม แกก็เว่อร์ไป แกหายไปสองวันฉันก็รีบตามหาแล้วย่ะ ไม่รอให้ถึงสามหรอก?
?=__=^^?
ดูมันนนนน ยังต้องรอให้ถึงสองวันอีกนะ ถ้าไม่ติดว่ายัยนี่ช่วยหารค่าเช่าบ้านหลังนี้แล้วล่ะก็ ฉันจะไล่กลับอังกฤษซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ยัยวิกกี้เป็นนางแบบสาวสวยหน้าลูกครึ่งที่โด่งดังมากจนมีแฟนคลับทั้งชายทั้งหญิงนับไม่ถ้วน พ่อแม่ของยัยนี่ทำงานอยู่ที่อังกฤษ แต่เนื่องจากยัยวิกกี้เป็นพวกรักความเป็นไทย ก็เลยเลือกจะทำงานอยู่ในประเทศไทยแล้วก็กลับไปเยี่ยมพ่อแม่บ้างปีละสองสามครั้ง
ส่วนฉัน... ชื่อแสนรัก เป็นนักเขียนที่ไม่ได้โด่งดังอะไรเลย แฟนคงแฟนคลับก็ไม่ได้มีมากมาย พ่อแม่กับน้องชายของฉันทำสวนส้มอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ฉันไม่ค่อยถูกโฉลกกับเรื่องการเกษตรสักเท่าไหร่ ปลูกอะไรตายโม้ดดด แถมยังแพ้อากาศหนาวอย่างรุนแรง สุดท้ายเลยตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ในบ้านเช่าหลังเดิมที่ฉันเช่าอยู่กับยัยวิกกี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
กิ๊งก่อง~
?เซ็นรับของด้วยคร้าบบบ?
ฉันมองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นพ่อหนุ่มไปรษณีย์รูปหล่อกำลังยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้า
?เดี๋ยวฉันออกไปดูเอง? ฉันว่า ก่อนจะรีบแจ้นออกไปต้อนรับความหล่อของคุณบุรุษไปรษณีย์เจ้าเก่าที่มาส่งจดหมายให้ที่บ้านเกือบทุกวัน ก็อย่างที่บอกว่ายัยวิกกี้แฟนคลับเยอะจะตาย รับจดหมายแทบไม่หวาดไม่ไหว -_-^
?เซ็นรับด้วยครับ? บุรุษไปรษณีย์วางกระดาษพร้อมแผ่นรองเขียนลงบนกล่องพัสดุแล้วยื่นมาให้ฉันพร้อมกับปากกาอีกหนึ่งด้าม
ของยัยวิกกี้อีกแล้วเหรอ หมั่นไส้นัก แม่คนดัง -__-^
ฉันเซ็นชื่อตัวเองลงไปแล้วส่งกระดาษกับปากกาคืนคุณบุรุษไปรษณีย์ที่ถึงจะดูเหนื่อยๆ แต่ก็ยังหล่อได้อีก ไปเป็นนายแบบเถอะ เดี๋ยวฉันจะสมัครเป็นแฟนคลับคุณเอง กรี๊ด~ >.,<
เสร็จแล้วบุรุษไปรษณีย์สุดหล่อก็หันหลังให้ฉันแล้วเดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเก่ง
?เดี๋ยวค่ะ!?
?ครับ??
?เอ่อ... วันนี้มีแค่ชิ้นเดียวเหรอคะ?
คำถามโง่ๆ ของฉันทำให้คุณสุดหล่อขมวดคิ้วแปลกใจก่อนจะตอบมาเพียงสั้นๆ
?ครับ?
เปล่านะ ฉันเปล่าชวนคุยเพื่อหาเรื่องต่อเวลาให้ได้อยู่กับคนหล่อนานขึ้นแต่อย่างใด ก็แค่ลองถามดู เผื่อว่า... จะมีคนจากแดนไกลส่งอะไรมาให้ฉันบ้าง
ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะคาดหวังอะไรอีกแล้วล่ะ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา...
?พี่พอร์ช? คือผู้ชายที่เป็นรักแรกของฉัน ฉันเคยคิดว่าเขาเป็นรักแท้ของฉันด้วยซ้ำ แต่มาถึงตอนนี้ฉันคงต้องยอมรับความจริงว่าเราอาจจะไม่ใช่คู่กัน ขนาดตอนอยู่ใกล้ๆ กันเขายังเห็นฉันเป็นแค่น้องสาว แล้วยิ่งตอนนี้พี่พอร์ชย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ของเขาที่ออสเตรเลีย ไอ้คำว่าคนนอกสายตาก็เลยลอยมาแปะอยู่กลางหน้าผากฉันเต็มๆ ฉันรู้ว่าฉันควรจะเลิกคิดเลิกหวังอะไรล้มๆ แล้งๆ ได้แล้ว แต่สำหรับคนที่จริงจังกับความรักอย่างฉัน การจะตัดใจจากใครสักคนอาจต้องใช้เวลาแสนยาวนานชนิดที่ไม่มีกำหนดวันสิ้นสุด
ฉันเดินเข้าบ้านอย่างเซ็งๆ วางกล่องพัสดุลงบนโต๊ะกลางโซฟา แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงที่ตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม
?ของฉันเหรอ ระเบิดเปล่าวะเนี่ย? ยัยวิกกี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาละสายตาจากแผ่นกระดาษที่คงจะเป็นสคริปต์บทโฆษณาแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างหวาดระแวง
?แกก็เปิดดูสิ จะได้รู้ว่าระเบิดรึเปล่า?
?ขอบใจ -_-^?
?เอาน่า คงไม่ถึงตายหรอกมั้ง อย่างมากก็แค่เสียโฉม?
?โอเคๆ ฉันผิดเองที่เปิดประเด็นระเบิดขึ้นมาให้แกได้ร่วมแสดงความเห็น เอาเป็นว่า... แก...ช่วยเปิดหน่อยดิ? ยัยวิกกี้ชี้มาที่ฉันก่อนหันนิ้วมือไปชี้ที่กล่องพัสดุนั่น
?ตลก?
?น่านะ ช่วยเปิดหน่อยนะ?
?ฉันว่าหน้าฉันไม่เหมือนหน่วยกู้ระเบิดเลยสักนิด?
?ไม่เปิดไม่ช่วยจ่ายค่าเช่า?
อ๊างงงงงงง ชั่วร้ายมาก >..<+
?ไม่จ่ายก็ย้ายออกไปซะ?
?ถ้าฉันย้ายออกไปแล้วใครจะมาช่วยแกหารค่าเช่าน้า?
นั่นสิ ใคร? ใครจะมาช่วยฉันหารค่าเช่า เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าคนเดียวหรอกนะ บ้านใหญ่ขนาดนี้ อยู่สองคนยังว่าไม่คุ้ม แล้วจะให้อยู่คนเดียว จ่ายคนเดียว ตายๆๆ ไม่คุ้มอย่างแรงงงง
?ได้ ฉันจะเปิดให้เดี๋ยวนี้? ฉันกัดฟันพูดออกไป
คราวนี้ยอมเพราะเห็นแก่ค่าเช่าหรอกนะยัยเพื่อนบ้า แต่คราวหน้า ถ้าแกเอาเรื่องค่าเช่ามาอ้างอีกล่ะก็ ฉัน...ก็คงต้องยอมอีกตามเคย -..-
ฉันแกะกล่องพัสดุที่ยัยวิกกี้สงสัยว่าจะเป็นระเบิดออกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ เพราะฉันคิดว่ามันดูเหมือนละครแอ็คชั่นเกินไปที่จะให้เชื่อว่ากล่องนี้มีระเบิด พอแกะกล่องพัสดุออกก็พบกับกล่องพลาสติกสีแดงสดสะท้อนแสงที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยแต่อย่างใด
?ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ทำป๊อดไปได้?
?เปิดดิ?
?ฮะ!??
?เปิดฝาไง?
?โหยยยย แค่นี้แกยังต้องใช้ให้ฉันเปิดอีกเร้อออ?
?แหม ไหนๆ เปิดแล้วก็เปิดให้หมดดิ?
?เฮ้อ~? ฉันถอนหายใจอย่างสุดเซ็งก่อนจะเปิดฝากล่องสีแดงสะท้อนแสงออกให้มันจบๆ
ปุ้ง!!!!!
?ว้ากกกกกกก >O<!!!? ฉันกระเด้งตัวถอยหลังด้วยความตกใจจนหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าโพสท่าขาชี้ฟ้าอ้าซ่ารับลมโชยๆ
ฮือ~ บอกแล้วว่าวันนี้มันวันซวย TT^TT
ไม่ใช่ระเบิด...แต่ก็ใกล้เคียง กล่องมหัศจรรย์บ้าบอคอแตกอะไรวะเนี่ย >_<;;;
สเต็ปแรกนะ ฉันเปิดฝากล่องออกโดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง สเต็ปสอง หัวใจดวงน้อยสีแดงที่อยู่ในกล่องเด้งขึ้นมาตั้งโด่เด่พร้อมกับเสียงดังปุ้ง! และสเต็ปสาม กระดาษสารพัดสีพุ่งกระจายออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนหนึ่งปลิวว่อนไปทั่วบ้าน ส่วนหนึ่งลอยมาติดอยู่บนใบหน้าใสๆ ของฉัน และอีกส่วนหนึ่งกระเด็นเข้ามาอยู่ในปากช้านนนน แหวะๆๆ
?ยัยอี๊ด! เป็นอะไรรึเปล่า OoO!!?
?อี๊ด? ชื่อเล่นน่ารักๆ ของฉันเอง
?ก็เจ็บอ่ะดิ ถามได้?
ยัยวิกกี้เข้ามาช่วยพยุงฉันขึ้นจากพื้นแล้วพาไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะหยิบกล่องมหัศจรรย์บ้าบอคอแตกไปชื่นชมแล้วก็ทำตาลุกวาวเมื่อเห็นการ์ดที่แนบมากับกล่อง
?ว้าววว~ ของเบรฟนี่เอง จะเซอร์ไพรส์ก็ไม่บอก จะได้เปิดเอง ^///^?
เซอร์ไพรส์มากจนอยากจะร้อง...โอ๊ยๆ เจ็บก้นนน T_T
?ถ้าแกยอมเปิดเองซะตั้งแต่แรก ไอ้พื้นกระเบื้องชีกอคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสก้นฉันหรอกนะยัยวิกกี้?
?แหะๆ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเป็นของแฟนสุดที่รักของฉันน่ะ?
ตื๊อ ดึ๊ง ตื๊อ ดึ๊ง~
?อ๊ะ พูดถึงก็โทรมาเชียว? ยัยวิกกี้ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบก่อนจะกดรับสายด้วยท่าทางหลั่นล้าเกินควร ?ไงคะ ที่ร้ากกกก...?
ฉันมองตามคุณเพื่อนสุดสวยเดินออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้สุดฤทธิ์ ก่อนจะย้ายร่างตัวเองไปนั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วทำงานของตัวเองต่อไป
ถึงไหนแล้วล่ะ นางเอกของฉันเจอคนโรคจิตแล้ว อัดไอ้โรคจิตแล้ว วิ่งหนีออกจากห้องน้ำก็แล้ว...
อ้า~ ถึงคราวนางเอกกลับบ้านมาเจอกับกล่องมหัศจรรย์บ้าบอคอแตกสีแดงสะท้อนแสงวิ้งๆ แล้วสินะ เอ่อ...ไปๆ มาๆ เหมือนฉันเขียนเรื่องของตัวเองเลยเนอะ แต่ว่าก็ว่านะ ไอ้ฉากนางเอกซวยมันเป็นฉากยอดฮิตของนิยายวัยรุ่นสมัยนี้เลยนะรู้มั้ย แล้วจะไม่ให้เก็บเรื่องซวยๆ ของตัวเองมาเขียนก็กระไรอยู่
?แสนรักจ๋าาาาา?
นานสองนานกว่ายัยวิกกี้จะเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจและเสียงหวานหยดย้อยหยาดเยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจอย่างแรง
?หยุดเลยยัยกี้ ฉันกำลังยุ่ง ?มากกก? ?
?ไม่เป็นไร แกนั่งอยู่ตรงนั้นแหละ แค่รับฟังที่ฉันกำลังจะพูดก็พอ?
?.....? อะไรของมัน?
?สั้นๆ นะ พรุ่งนี้จะมีคนมาอยู่กับเราเพิ่มอีกสี่คน?
?หา!? ว่าไงนะ OoO!? ฉันชะงักมือที่กำลังจิ้มคีย์บอร์ดจึ้กๆ อย่างเมามันแล้วหันไปทำตาพองใส่ยัยเพื่อนคนสวยที่ยืนยิ้มสยามอยู่ห่างๆ
?ก็...เบรฟ แฟนฉันน่ะ เขาเพิ่งได้งานเป็นนักดนตรีอยู่ที่ร้านอาหารตรงปากทางเข้าหมู่บ้านเรา แต่ว่าบ้านเขาอยู่ไกลมากกกก ฉันก็เลยชวนเขามาพักด้วยกัน?
?ดีเนอะ ชวนผู้ชายเข้าบ้านไม่ปรึกษาฉันสักคำ? โกรธๆ -..-+
?โธ่ ก็เบรฟเค้าเป็นแฟนฉัน แกก็รู้ว่าเราคบกันมาตั้งสองปีแล้วนะ ไว้ใจได้แน่นอน แล้วเพื่อนๆ เขาทุกคนฉันก็รู้จักดี น่ารัก นิสัยดี เป็นกันเองมากๆ หล่อด้วยนะจะบอกให้?
?เพื่อนๆ??
?อือ แบบว่า...ดนตรีมันก็ต้องเล่นเป็นวงใช่มั้ยล่ะ ต้องมีมือกลอง มือเบส มือกีตาร์ แล้วก็นักร้องนำ ครบสี่คนพอดีเป๊ะ?
?แล้วยังไง ทำไมต้องแห่มาพักกับเราทั้งวงด้วยฮะ?
?ก็แต่ละคนบ้านอยู่ไกลๆ ทั้งนั้น อีกอย่างนะ การเล่นดนตรีให้ดีมันก็ต้องมีการซ้อมพร้อมหน้าพร้อมตากัน จริงมะ? ให้พวกเขามาอยู่กับเราเถอะนะ บ้านเราออกจะใหญ่โต ยังมีห้องว่างอีกตั้งสองห้องแน่ะ ที่สำคัญนะ ผู้หญิงอยู่กันสองคนอันตรายจะตาย มีผู้ชายมาอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจไง?
?โนเวย์ย่ะ ฉันไม่มีวันยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าตั้งสี่คนเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเราเด็ดขาด?
?แปลกหน้าแค่สามเอง เบรฟแกก็เคยเห็นหน้าแล้วนี่?
?ไม่รู้ไม่ชี้?
?คิดดูดีๆ นะยัยอี๊ด ฉันกับแกสองคนก็หารสอง มีเบรฟกับเพื่อนๆ มาอยู่อีกสี่คน โอ้โห...หารหกเชียวนะแก๊?
หารหก!!! *O*
เก้าพันหารสองต้องจ่ายคนละสี่พันห้าร้อยบาท แล้วถ้าหารหกก็เหลือแค่คนละ อืม...พันห้าพอดีไม่ขาดไม่เกิน อ๊างงงงงง ถูกมากกกกก
?อะแฮ่ม เอ่อ...แล้วเจ๊เอี่ยมเจ้าของบ้านแกจะยอมเหรอ? ฉันไม่ได้งกนะ แต่มันถูกลงเยอะมากจนฉันไม่อาจห้ามใจ
?No problem ฉันโทรเคลียร์เรียบร้อยแล้ว แต่ว่า...เจ๊แกขอขึ้นค่าเช่าอีกพันนึง?
?หา!!?
?พันเดียวเอง หารหกนะเว้ย ท่องไว้ หาร...หก ยังไงก็คุ้ม?
หาร...หก
หาร...หก
อา~ หนึ่งหมื่นหารหก ยังไงก็ยังถูกอยู่ดี ต๊ายยย ประหยัดไปตั้งเยอะแน่ะ มามะ จะมาอยู่อีกสักกี่คนก็รับไหว ฮี่ๆ ^..^

2

วันใหม่สดใสกว่าเมื่อวาน ฉันตื่นได้เองเพราะแสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ไม่ใช่เพราะแรงกระตุ้นจากฝ่าเท้าของยัยวิกกี้หรือแรงกระแทกระหว่างสะโพกงามงอนกับพื้นบ้านจอมชีกอที่ชอบแต๊ะอั๋งก้นฉันเป็นประจำ
อากาศแจ่มใสท้องฟ้าปรอดโปร่งแบบนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะออกมาเต้นแอโรบิคหน้าบ้าน
อัพแอนดาวน์ ห้า หก เจ็ด แปด...
?เต้นตามฉันสิแก สะโพกน่ะสะบัดให้มันแรงๆ หน่อย?
?นี่ฉันก็สะบัดจนท่อนบนกับท่อนล่างจะแยกออกเป็นสองส่วนอยู่แล้วนะยะ?
?ถ้าอยากหุ่นเช้งกะเด๊ะเป็นนางแบบอย่างฉันก็ต้องอดทนหน่อยนะคะคุณนักเขียน เอ้า ห้า หก เจ็ด แปด อัพแอนดาวน์...อัพแอนดาวน์?
ยัยวิกกี้ชูแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะพร้อมๆ กับยกขาซ้ายขึ้นทำมุมเก้าสิบองศากับพื้น จากนั้นก็สลับเป็นชูแขนซ้ายแล้วยกขาขวาขึ้นแทน ฉันทำตาม แต่ท่าฉันอาจจะน่าเกลียดกว่าที่ยัยวิกกี้ทำหลายเท่าตัว =_=?
เอ้า อัพแอนดาวน์...อัพแอนดาวน์...
เฮือกกก...
?ไม่ไหวแล้วแก ฉันยอมแพ้ เหนื่อยมาก -_-;;;? ฉันหยุดเต้น โน้มตัวลงเอามือทั้งสองข้างเท้าเข่าตัวเองไว้พร้อมกับหอบแฮกๆ
?อะไรกัน นี่แกเพิ่งจะเต้นยังไม่ถึงสิบห้านาทีเลยนะ?
?ก็มันเหนื่อยแล้วนี่?
?นี่แหละน้า พวกไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย วันๆ เอาแต่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ระวังจะกลายเป็นหมูอู๊ดๆ นะคะคุณอี๊ดๆ?
?ตราบใดที่ฉันยังมีเพื่อนอย่างแกคอยขโมยขนมที่ฉันซื้อมาเก็บไว้ในตู้เย็นไปกิน ฉันก็คงไม่กลายเป็นหมูอู๊ดๆ ง่ายๆ หรอกย่ะคุณดาราดัง?
?ไม่คุยกับแกแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้ต้องไปถ่ายโฆษณากับนักร้องบอยแบนด์จากเกาหลีด้วยสิ ไปสายล่ะเสียเครดิตแย่เลย?
ฉันมองตามยัยวิกกี้กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านไป ส่ายหน้าช้าๆ แล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงยัยเพื่อนคนนี้จะชอบเอาเปรียบฉันกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่ผ่านมายัยวิกกี้ก็คือเพื่อนคนเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นยามสุขหรือทุกข์ก็ตาม
ห้องน้ำชั้นบนถูกยัยวิกกี้ครอบครองไปแล้ว ฉันก็เลยต้องอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่างเพราะคงจะรอไม่ไหว ยัยนี่อาบน้ำนานมากขนาดที่ว่าฉันดูละครจบไปหนึ่งเรื่องแล้วยัยวิกกี้ก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สมองก็ปรอดโปร่งแล่นฉิวปรู๊ดปร๊าด ภาวะนี้ต้องรีบปั่นต้นฉบับ ฮิฮิ ^.^ ฉันนั่งพิมพ์นิยายไปเรื่อยๆ ได้ประมาณหนึ่งหน้า ยัยวิกกี้ก็เดินลงมาปล่อยแสงซูเปอร์สตาร์ใส่หน้าฉันจนแสบตาไปหมด เพื่อนฉันนี่มันสวยชะมัด *O*
?ดูซิว่าฉันสวยพอจะไปเจอกับหนุ่มหล่อจากแดนกิมจิรึยัง? ยัยวิกกี้หมุนตัวให้ฉันดู ออร่าแห่งความงามพุ่งเข้าตาฉันอีกรอบ วิ้งงง~
?ค่าาาา สวยแล้วค่า?
?ฉันไปล่ะนะ อ้อ ถ้าเบรฟมาแล้วก็โทรบอกฉันด้วยล่ะ ต้อนรับแฟนฉันดีๆ นะยะยัยอี๊ด?
?รู้แล้วน่า?
เพื่อนๆ ของอีตาเบรฟจะหน้าตาเป็นยังไงน้า ไว้ใจได้แน่รึเปล่าก็ไม่รู้ ยัยวิกกี้นี่ก็ไม่ห่วงฉันบ้างเล้ยยย ปล่อยให้ฉันอยู่รับมือกับคนแปลกหน้าตั้งสี่คน ถึงฉันจะเคยเห็นหน้าเบรฟอยู่บ้าง แต่เราก็เคยคุยกันแบบนับคำได้ ยังไงหมอนั่นก็คือคนแปลกหน้าสำหรับฉันอยู่ดีล่ะนะ
แต่เอาเถอะ ท่องไว้ หาร...หก หาร...หก

ฉันเปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งพิมพ์นิยายอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มาเป็นนอนเหยียดตัวดูทีวีอยู่บนโซฟานุ่มสีแดง แกะขนมมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบกินหมดไปแล้วสองถุง และกำลังจะลุกไปหยิบช็อกโกแลตแท่งใหญ่ในตู้เย็นที่ฉันแอบซุกหลบยัยวิกกี้ไว้อย่างมิดชิดออกมากินก่อนที่ยัยเพื่อนขี้ขโมยจะมาค้นเจอ ทว่าเสียงมอเตอร์ไซค์คุ้นหูก็ดังขึ้น ฉันชะงักมือที่กำลังจะเปิดตู้เย็น ชะเง้อมองไปที่หน้าบ้าน เห็นคุณบุรุษไปรษณีย์สุดหล่อเจ้าเก่าเอาจดหมายปึกใหญ่ใส่ไว้ในกล่องรับจดหมายที่หน้าประตูรั้ว
ฉันพักเรื่องกินช็อกโกแลตไปก่อนแล้วเดินออกไปหยิบจดหมายปึกใหญ่นั้น ค่อยๆ ดูไล่ไปทีละฉบับด้วยความหวังเหมือนเช่นทุกวัน แม้ว่าความหวังของฉันมันจะไม่มีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้หลงเหลืออยู่แล้วก็ตาม
เฮ้อ~ ไม่เห็นจะมีสักฉบับที่เป็นของฉัน มีแต่จดหมายจากแฟนคลับของยัยวิกกี้ล้วนๆ
เอี๊ยด~
ฉันเงยหน้าขึ้นจากจดหมายปึกใหญ่ในมือหันไปมองรถกระบะสีดำที่มาจอดสนิทตรงหน้าบ้านฉันพอดี
?สวัสดีคร้าบบบ...แสนรัก?
ผู้ชายผมสีทองที่ยืนถือกีตาร์ไฟฟ้าอยู่ท้ายกระบะเอ่ยทักทายฉันพร้อมรอยยิ้มหล่อบาดตาบาดใจ ผิวขาวละเอียดที่ถูกแสงแดดยามสายตกกระทบทำให้เขาดูน่ากรี๊ดกร๊าดดด >.,< ขอโทษนะวิกกี้ ฉันผิดไปแล้วที่เผลอลวนลามแฟนแกทางสายตา
?ขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ย จะมาเปิดคอนเสิร์ตในบ้านฉันรึไง?
?นิดหน่อยน่า ขนมาซ้อมน่ะ? เบรฟกระโดดลงมาจากท้ายกระบะที่มีเครื่องดนตรีและกระเป๋าหลายใบกองอยู่ พลันสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าอีกคนที่หน้าตาน่ารักมากกกกก
?เอวาครับผม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบบบ ^__^? เขาทำท่าตะเบ๊ะอย่างน่ารัก ก่อนจะขยับปีกหมวกจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลังแทน
อื้อหือ...หล่อจัง อะฮ้า...หล่อจริง นี่แฟนของใครกันหว่า เรามารักกันม้า เอาม้าๆ ^.,^ เอ่อ...สติกระเจิง กลับมาๆ ยัยแสนรัก
?ฉัน...แสนรัก ยินดีที่ได้รู้จัก?
?ชื่อเพราะ หน้าใส ปากแดง ใส่แว่นแลดูฉลาดหลักแหลม อ้า~ สเปก! มีแฟนรึยังคร้าบบบ? อีตาเอวายิ้มทะเล้น ฉันพลาดเองที่ชมว่าหมอนี่น่ารัก ที่จริงแล้วต้องบอกว่าหน้าหม้อต่างหาก
?เห็นผู้หญิงไม่ได้เลยนะแก? เบรฟผลักศีรษะนายเอวาอย่างสนิทสนม ?คนนี้ห้ามยุ่งเว้ย เพื่อนแฟนฉันก็เหมือนแฟนฉัน เอ้ย! ไม่ใช่ๆ เพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนฉัน?
เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย อีตาพวกนี้ดูท่าทางไว้ใจไม่ด้ายยยย T__T
?เฮ้ย จะคุยกันอีกนานมั้ย บอกให้เขาเปิดประตูดิ จะได้เอารถเข้าบ้าน? กระจกรถเลื่อนลง หนึ่งหนุ่มหน้าตาดีเว่อร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด เขาดูเท่ระเบิดเถิดเทิง นี่กะจะแท็กทีมปล่อยพลังหล่อใส่ฉันให้ฉันสำลักความหล่อตายอยู่ตรงนี้เลยชิมิ
?ไอ้โซลมันขี้หงุดหงิดน่ะ อย่าไปถือมันเลยนะ? นายเอวาส่งยิ้มน่ารักให้ฉัน ให้ตาย หมอนี่น่ารักเกินมาตรฐานสเปก ถ้าไม่ติดว่านายหน้าหม้อเกินขอบเขต ฉันจะตกลงปลงใจกับนาย ณ บัดนี้
ฉันเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านเพื่อให้พ่อคนขี้หงุดหงิดที่รู้สึกว่าจะชื่อโซลถอยรถเข้าบ้าน พอรถจอดเข้าที่เรียบร้อย เขาก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ
?อ้าว ไอ้นักร้องนำอ่ะ? เอวาถาม
?หลับ?
?แล้วไม่ปลุกมันวะ?
?ขี้เกียจ จะรีบไปนอน? พูดจบโซลก็เดินไปหยิบกระเป๋าเป้กับเบสที่ท้ายกระบะก่อนจะเดินเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย ได้ข่าวว่านี่บ้านฉัน -__-^
?ลืมบอกไปว่านอกจากมันจะขี้หงุดหงิดแล้วมันยังรักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งถ้าวันไหนนอนไม่พอมันจะหงุดหงิดเป็นทวีคูณ? นายเอวาบอกฉัน
ปึ้งๆ~
?เฮ้ยๆ ตื่นเว้ยตื่น? เบรฟทุบหลังคารถปลุกอีกหนึ่งหนุ่มที่ฉันเข้าใจว่าคงจะเป็นนักร้องนำของวง นักดนตรียังหล่อขั้นเทพขนาดนี้ แล้วนักร้องนำจะหล่อพระเจ้าจอร์จขนาดไหน ชักอยากเห็นแล้วสิ
?ไอ้พีพี ตื่นได้แล้ว สบายเกินไปแล้วนะแก? เบรฟเปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วตะโกนเรียกคนที่นั่งหลับอยู่บนเบาะข้างๆ ตำแหน่งคนขับอีกครั้ง
?เออ ตื่นแล้วๆ?
ชึ้บ~
ประตูรถเปิดออก ฉันมองเห็นภาพนั้นเป็นภาพสโลว์โมชั่น ผู้ชายผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งก้าวลงมาจากรถ
ฟึ่บ~
ประตูปิด นายนักร้องนำที่ชื่อพีพีเดินอ้อมหน้ารถในสภาพงัวเงีย เขาก้มหน้าก้มตาเดินพลางใช้มือทั้งสองข้างจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง ฉันเพ่งมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยความรู้สึกคุ้นตา
แล้วพอเขาเดินเลี้ยวมา...
เงยหน้าขึ้น...
สายตาของฉันและเขาประสานกัน...
ฉันรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายจากศีรษะลงไปยังฝ่าเท้า และจากฝ่าเท้าไหลกลับขึ้นมายังศีรษะ เจ้าของดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาลไหม้กับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางที่ทำผมซอยไล่ระดับยาวระต้นคอเสริมความหล่อปกปิดความ ?หื่นกาม? ของตัวเองทำให้ความดันเลือดของฉันพุ่งปรี๊ดดดด~
?ไอ้โรคจิต!!! OoO!!?
?เฮ้ยยยย!!! ยัยเฉิ่ม OoO!!?
?รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? เบรฟเกาหัวงงๆ แต่วินาทีนี้จะหาใครงงเท่าฉันไม่มี
ฉันคิดว่าวันที่ซวยที่สุดในรอบหลายปีอาจจะย้ายจากเมื่อวานมาเป็นวันนี้อย่างกะทันหัน การเจอคนโรคจิตในห้องน้ำหญิงมันคงไม่เลวร้ายเท่ากับการต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับคนโรคจิตหรอก จริงมั้ย >_<
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความซวยยิ่งกว่าหรือเพราะถูกโชคชะตาเล่นตลกจ๊กมกอะไรก็ตาม เรื่องนี้มันบ้าเกินทำใจรับได้ ตอนนี้จะหารหก เจ็ด แปด บ้าบออะไรก็ช่าง ฉันไม่เอาด้วยแล้วววว
?ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!! =O=+? ฉันกล่าวคำประกาศิต
?บ้านเธอ?!??
?เออ บ้านฉัน แล้วบ้านนี้ก็ไม่ต้อนรับคนโรคจิตแอ๊บหล่ออย่างนายด้วย รีบๆ ออกไปจากบ้านฉันซะ ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายข้อหาส่องดูกางเกงในผู้หญิงในห้องน้ำ?
?ประสาท เธอนี่มันประสาทชัดๆ พูดเองเป็นตุเป็นตะ น่าดูตายล่ะ กางเกงในเฉิ่มๆ ของเธอน่ะ?
?อ๊างงงงงง นั่นไง ถ้านายไม่ดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ากางเกงในฉันมันเฉิ่มหาาาาา >O<+?
?ดูหน้าเฉิ่มๆ ของเธอก็เห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว? อีตาโรคจิตใช้สายตาลวนลามฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันรีบยกแขนขึ้นมากอดตัวเองอย่างหวงเนื้อหวงตัวก่อนจะตะโกนด่าออกไปสุดเสียง
?ไอ้บ้ากาม ไอ้หื่นนนน >[]<+?
?ยัยซาดิสม์ ยัยป้าแว่นสุดเฉิ่ม?
?ไอ้...?
?หยูดดดดดดดด? เบรฟเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับอีตาโรคจิตพลางร้องห้ามลั่น
?เอ่อ...ไอ้พี อย่าบอกนะว่ายัยเฉิ่มที่แกเล่าให้ฟังเมื่อวานคือคุณผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้? เอวาถามขึ้น
?แกคิดว่าหน้าตาเฉิ่มๆ แบบนี้จะมีอีกสักกี่คน?
?หน้าหื่นๆ แบบนี้ก็มีแต่อีตานี่คนเดียวเหมือนกัน?
?เอาล่ะๆ จะเฉิ่มจะหื่นอะไรก็ไปเคลียร์กันในบ้านดีกว่านะ ตรงนี้ร้อนชิบเป๋ง? เบรฟว่า
?แต่ฉันไม่ให้หมอนี่เข้าบ้าน?
?ไอ้พี งานนี้ตัวใครตัวมันว่ะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนแล้วกัน โดนรังสียูวีเอยูวีบีนานๆ เดี๋ยวผิวเสีย วิกกี้สุดที่รักไม่ชอบผู้ชายตัวดำ? พูดจบอีตาเบรฟก็เดินเข้าบ้านไป
เอวาแจกยิ้มน่ารักให้ฉันก่อนจะถอดหมวกออกแล้วเดินตามเพื่อนไปติดๆ เขาชูมือข้างที่ถือหมวกขึ้นมาโบกสะบัดไปมาให้ใครสักคนโดยไม่ได้หันหลังกลับมา
ไอ้พวกนี้มันยังไงกัน ตกลงว่าใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่ฟะ -__-^ แต่ช่างเถอะ จัดการอีตาพีพีโรคจิตก่อนดีกว่า
?ออกไป? ฉันเอ่ยเสียงหนักแน่น
?เธอนั่นแหละ หลบไป?
?ฉันบอกให้ออกไป?
?.....? อีตาโรคจิตยักไหล่แล้วทำท่าว่าจะเดินเข้าบ้าน ฉันรีบเอาตัวไปขวางไว้พร้อมกับกางแขนออกขนานกับพื้นเตรียมรับมือเต็มที่
?นายจะออกไปดีๆ หรือจะต้องให้ฉันเรียกยามหน้าหมู่บ้านมาลากตัวนายออกไป?
อีตาพีพีจ้องหน้าฉันพร้อมลูบคางตัวเองไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเผยยิ้มมุมปากแบบที่ไว้ใจไม่ได้เด็ดขาด
?ฉันว่า... เรามาเล่นเกมกันดีกว่า?
ฉันไม่สงสัยในความโรคจิตของหมอนี่เลยสักนิด จู่ๆ มาชวนเล่นเกมแบบนี้ โรคจิตชัดๆ =_=^
?เกมบ้าบออะไร ฉันไม่เล่นกับนายหรอก อย่ามาโรคจิตหน่อยเลย?
?ไม่กล้าอ่ะดิ?
?คนอย่างแสนรักไม่รู้จักคำว่าไม่กล้า?
?ดี งั้นก็ตั้งใจฟังกติกา?
?ว่ามาเลย?
อ๊างงงงงง ฉันพูดอะไรออกปายยยย T^T ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ตกลงเล่นเกมกับผู้ชายโรคจิต
?กติกาง่ายมาก ถ้าฉันทำให้เธอถอยหลังไปได้สามก้าวภายในเวลา 30 วินาที เธอจะต้องยอมให้ฉันเข้าบ้านหลังนี้โดยไม่มีข้อแม้ แต่ถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี?
?ตลก เอาเปรียบกันชัดๆ นายเป็นผู้ชายตัวใหญ่อย่างกับหมีควาย ผลักฉันทีเดียวก็กระเด็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว?
?ฉันจะไม่ออกแรงเลยสักนิดเดียว?
?แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?
?ไม่เชื่อก็ยอมแพ้ไปสิ?
?ไม่มีทาง จะเริ่มก็เริ่มเลย ชักช้าอยู่ได้?
?.....? เขายิ้มก่อนจะถอดนาฬิกาข้อมือออกมาให้ฉันเป็นคนจับเวลา ฉันแอบขี้โกงเล็กน้อยด้วยการปล่อยให้เวลาเดินไปประมาณสี่ห้าวินาทีก่อนจะประกาศเริ่ม
?เริ่มได้? ฉันกางขาออกให้กว้างๆ เพื่อให้ยืนได้อย่างมั่นคง
คนตรงข้ามจู่โจมด้วยการก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาประชิดตัวฉันอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจทำให้ฉันเผลอก้าวถอยหลังไปอย่างลืมตัว
?สองก้าว!? อีตาโรคจิตประกาศพร้อมกับยักคิ้วยียวน
ม่ายยยยย TOT ฉันพลาดไปทีเดียวตั้งสองก้าวเชียวเหรอเนี่ย
อีตาพีพีก้าวเข้ามาประชิดตัวฉันอีกครั้ง คราวนี้ฉันไม่ถอยหนีไปไหน แม้ว่าใจจริงฉันอยากจะหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้าก็ตาม มัน...ใกล้เกิ๊นนน >_<;;;
?ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ออกแรงเลยสักนิดเดียว รับรองว่าจะมีแต่ความ...นุ่มนวล? คู่ต่อสู้ของฉันยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาใช้มือเชยคางฉันขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าลงมาทำในสิ่งที่ฉันไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น
?ทำบ้าอะไรอ่ะ!!???
?สามก้าว!?
?...!!!!!!?
Oh! Nooooo!!!!!! ฉันพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ทำใจไม่ด้ายยยย T__T
ฉันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนจ้องหน้าอีตาโรคจิตด้วยความแค้นจัด หมอนั่นยิ้มนิดๆ แล้วใช้นิ้วโป้งแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ฉันงงไปแวบหนึ่ง พลันนิ้วโป้งอุ่นๆ นั้นก็ย้ายมาสัมผัสกับหน้าผากของฉันในชั่วพริบตา
?เกมโอเวอร์ เสียใจด้วยนะ ยัยเฉิ่ม ฮ่าๆๆ? หมอนั่นหัวเราะอย่างผู้ชนะแล้วเดินเข้าบ้านไปเฉยเลย
อ๊างงงงงงงงงง >[]<++

3

ด้วยเหตุและผลมากมายที่ยัยวิกกี้และสมาชิกใหม่ของบ้านอธิบายให้ฟัง ฉันจำต้องพยายามเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดตามนั้น พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเชื่อว่าอีตาพีพีไม่ได้เป็นไอ้โรคจิตบ้ากาม และถึงแม้ว่าฉันจะเริ่มเชื่อบ้างแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้ไว้ใจหมอนั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาอาจจะเป็นโรคจิตแบบแอบๆ โดยที่คนอื่นไม่รู้ก็เป็นได้
หรือบางที...ก็อาจจะโรคจิตกันทั้งแก๊งนั่นแหละ -__-^
?ไม่ว่าจะสูง แค่ไหน ก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้ หากใจถึง จะหนาวเหน็บ หนาว เพียงไหน จะฝ่าไป ร้อน เป็นฟืนเป็นไฟ จะฝ่าไป...?
ฉึ่งๆ โป๊ะ ฉึ่งๆ โป๊ะ~
ตี้แหน่ว แหว่วๆ~
โอ๊ยยยย หนวกหูชะมัดดดดดด >_<!!
?นี่... พวกนายหยุดสักทีได้ม้ายยยยย?
?ล้มลงแล้ว ก็ไม่แคล้ว สิ่งหนึ่งคือฉันไม่ยอมแพ้ จะฝ่าฟัน แม้เธอนั้น จะกีดกัน ฉันไม่เหมือนเดิม ไม่มีวันจะยอมแพ้...?
ตุ้งๆ ตี้แหน่วๆ~
?ไม่ไหวแล้วน้าาาาา หยูดดดดดด >O<?
ฉึ่งๆ โป๊ะ ฉึ่งๆ โป๊ะ~
?อ๊างงงงงงง บอกให้หยูดดดดด?
ฉันแหกปากแข่งกับเสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงของอีตาพีพี กว่าจะหยุดเสียงเพลงได้ก็เล่นเอาลูกกระเดือกเกือบพัง
?โวยวายอะไรอีกล่ะเจ๊? อีตาพีพีว่าพลางกระโดดลงมาจากโซฟาตัวยาวที่เขาใช้เป็นเวทีในการซ้อมร้องเพลง แล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงไป
?กำลังมันส์เลย ให้หยุดทำไมอ่ะแก? ยัยวิกกี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวโอดครวญอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันไปป้อนกุลิโอะป๊อกอี้ใส่ปากเบรฟที่ยืนถือกีตาร์ไฟฟ้าทำเท่อยู่ข้างๆ กัน
?มันหนวกหู เสียสมาธิในการแต่งนิยาย?
?แกก็พักบ้างสิ จะแต่งอะไรทั้งวี่ทั้งวัน มาดูคอนเสิร์ตมันส์ๆ กันดีกว่าน่า?
?คอนเสิร์ตในบ้านพักอาศัยเนี่ยนะ แกคิดว่าที่นี่คืออินดอร์สเตเดียมหัวหมากหรืออิมแพ็คอารีน่าเมืองทองธานีหรือไงหาาาา =O=?
?แล้วไม่ดีเหรอ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อบัตรคอนเสิร์ตด้วยนะแก?
ฉันไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่าการทำหน้าเซ็ง แบบนี้...
-___-^^^
ฉันเหลือบตาไปมองโซลที่กำลังสะบัดศีรษะเพื่อให้ผมที่ตกลงมาปรกหน้ากลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่ เท่มากกก เขาพิงเบสไว้กับผนังแล้วก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ อีตาพีพีก่อนจะเริ่มเปิดประเด็นใหม่ในการสนทนา
?ตกลงว่าวงเราชื่ออะไรวะ?
?เออว่ะ เรายังไม่มีชื่อวงเลยนี่หว่า จะเริ่มงานวันอาทิตย์นี้แล้ว?
ฉึ่งๆ โป๊ะ!
เอวาพูดพร้อมกับตีกลองประกอบ ว่าแต่เริ่มงานตั้งวันอาทิตย์แล้วรีบแห่กันมาอยู่บ้านฉันเพื่อ?
?งั้นเราหยุดซ้อมแล้วมาคิดชื่อวงกันก่อนดีกว่า? เบรฟว่า
อ๊า~ เห็นด้วยอย่างแรงงงงง เงียบบ้างอะไรบ้างเหอะ หนวกหูมาทั้งวันแล้ว
?ต้องชื่อนี้เลย...ซูเปอร์แมน?
โป๊ะ ฉึ่ง!
?แล้วเวลาขึ้นโชว์พวกเราก็ใส่กางเกงในไว้ข้างนอก ฮ่าๆๆ ^O^?
ฟิ่ว~!
หมับ!
โซลคว้าหมอนอิงปาใส่ไอ้คนอยากเป็นซูเปอร์แมน แต่หมอนั่นรับไว้ได้ทัน
?เชิญแกใส่ไปคนเดียวเถอะไอ้วา ปัญญาอ่อน?
?ทำไมวะ ไม่ดีเหรอ เซ็กซี่นะเว้ย รับรอง สาวกรี๊ดตรึม?
?วง ?โฟร์ไนน์? เป็นไง? อีตาพีพีเสนอบ้าง
?ทำไมต้องโฟร์ไนน์วะ? เบรฟถามก่อนจะหันไปรับขนมที่ยัยวิกกี้ป้อนให้
?โฟร์ไนน์ก็คือพวกเราสี่นาย แต่เราจะใช้ไนน์ที่หมายถึงเลขเก้าแทน เพราะมันดูเท่กว่า แล้วอีกอย่าง บ้านหลังนี้...บ้านเลขที่ 49?
หมอนี่ไอเดียใช้ได้เลยนะเนี่ย
แต๊ก
?ล้ำ!? เบรฟดีดนิ้วพลางทำตาลุกวาว
?แล้วซูเปอร์แมนของฉันไม่ล้ำเหรอวะ?
?พอเลยไอ้วา โฟร์ไนน์ ฉันชอบชื่อนี้? โซลว่า
?ฉันก็ชอบนะ เท่ดี? ยัยวิกกี้เสริม ก่อนจะหันมาถามความเห็นจากฉัน ?แล้วแกว่าไงยัยอี๊ด?
?ก็...งั้นๆ อ่ะ ไม่เห็นจะพิเศษอะไรเลย ใครก็คิดได้? ฉันแสร้งทำเป็นไม่มอง หันไปให้ความสนใจกับนิยายของตัวเองต่อ อันที่จริงฉันว่าชื่อนี้มันก็เก๋ดีอยู่หรอก แต่จะให้ชมอีตาพีพีเนี่ยนะ หยึย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
?งั้นใครมีชื่ออื่นเสนออีกมั้ย? พีพีปรายตามองฉันอย่างเคืองๆ ถ้าอยู่ใกล้กันกว่านี้ สาบานได้ว่าหมอนั่นต้องงับหัวฉันแน่ๆ
?.....? ทุกคนเงียบ ไม่มีใครคัดค้านหรือมีชื่ออื่นจะเสนอ
?โอเค สรุปว่าเอาชื่อนี้แล้วกัน...โฟร์ไนน์?
พอได้บทสรุป อีตาพีพีก็ลุกจากโซฟาแล้วเดินตรงมาหาฉัน
?เครียดมากระวังจะแก่เร็วนะเจ๊ ด้วยความปรารถนาดี? เขาก้มลงกระซิบข้างหูฉัน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดบ้านไป
ฮึ่ยยยยย!!!
ใครต้องการความปรารถนาดีของนายไม่ทราบ >__<+

ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อลูกไม้แขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อนกับกระโปรงยาวคลุมเข่าลายจุดสีขาวสลับดำออกมาสวมใส่ จากนั้นก็รวบผมขึ้นครึ่งหนึ่ง ใส่แว่นตา หมุนตัวไปมาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจก หันไปมองยัยวิกกี้ที่ยังคงนอนหลับเป็นตายอยู่บนเตียง ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายข้างสีชมพูหวานแหววขึ้นมาสะพายพาดบ่า เสร็จแล้วก็ออกจากห้องไปต้อนรับวันใหม่ที่หวังว่าจะสดใสกว่าเมื่อวาน
วันนี้ฉันว่าจะออกไปลั้ลลาที่ร้านหนังสือ ไปอ่านหนังสือฟรีฆ่าเวลาดีกว่าอยู่บ้านผจญกับเครื่องดนตรีนานาชนิดที่ยิ่งฟังก็ยิ่งปวดหัว
ฉันเดินออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ ทั้งที่มีคนอยู่ในบ้านถึงหกคน แต่เช้านี้กลับไม่เจอใครสักคน คาดว่าคงจะยังไม่ตื่นกัน ฉันก้าวฉับๆ ตรงไปยังประตูรั้ว เอื้อมมือไปหมายจะเปิดประตูออก
?จะไปไหนอ่ะ? เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
แม่เจ้า! เจอคนโรคจิตทักแต่เช้าแบบนี้ ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่าวันนี้มันจะสดใสกว่าเมื่อวานจริงหรือเปล่า -__-^
?ธุระไม่ใช่?
?พูดดีๆ สักครั้งมันจะตายมั้ยฮะ?
?ฉันพูดดีๆ กับคนดีๆ เท่านั้นย่ะ?
อีตาพีพีกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย อะโด่ ฉันก็เบื่อขี้หน้านายเหมือนกันนั่นแหละน่า
?เอาเถอะๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับเธอแต่เช้า ฉันจะออกไปข้างนอก ถ้าเธอมั่นใจว่าจะไม่ลวนลามฉันในรถ ฉันก็ยินดีให้เธอติดรถไปด้วย? พูดจบหมอนั่นก็เปิดประตูรถกระบะแล้วเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วตะโกนออกคำสั่งกับฉันอย่างน่าจับตีเข่าสักทีสองที =__=+
?เปิดประตูดิ ยืนมองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อรึไง?
ฉันไม่รู้ว่าจะโมโหเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่หมอนั่นหาว่าฉันจะไปลวนลามเขา หรือว่าเรื่องที่ฉันถูกออกคำสั่งอย่างกับเป็นเบ๊เขามาแต่ชาติปางไหน
?มากไปป่ะ ฉันไม่ใช่เบ๊นายนะ?
?เธอกำลังจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ?
?ก็ใช่ แล้วไง?
?ถ้าอยากนั่งรถฟรีก็เปิดประตูซะ?
?ใครว่าฉันจะไปกับนาย ไม่มีทางงงง?
?ตามใจ แต่เอ๊? ค่ามอเตอร์ไซค์ออกไปถนนใหญ่ตั้งสิบบาทเชียวนะ แล้วไหนจะต้องต่อรถไปอีก โอ้โห เสียหลายตังค์อยู่นา~?
หน็อย กล้าดียังไงเอาเรื่องเงินๆ ทองๆ มายั่วฉัน คิดว่าจะยั่วขึ้นเรอะ สำหรับฉันแล้ว เรื่องเงินอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องเสียเงิน...เรื่องใหญ่กว่า
สุดท้ายฉันก็ยอมเปิดประตู เพราะอะไรก็ไม่รู้สิ คนอ่านรู้มั้ยค้า~ เหอๆ
?ตกลงจะไปไหน? อีตาพีพีถามขึ้นอีกครั้งหลังจากฉันเข้ามานั่งในรถแล้ว
?ไปร้าน Caf? Books ออกถนนใหญ่แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ ประมาณสองป้ายรถเมล์ก็ถึง? ฉันว่าพลางดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและ...ทรัพย์สิน อันหลังนี่สำคัญยิ่งชีพ แต่คงจะไม่เกี่ยวกับการคาดเบลท์กระมัง
?Caf? Books ร้านหนังสือเหรอ?
?อือ เป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ มี Coffee Shop เล็กๆ อยู่ในร้านด้วย?
?ก็ดี จะได้ไปที่เดียว ฉันกะจะไปหาซื้อหนังสือเพลงอยู่พอดี?
อะจ๊ากกก~ หมายความว่าฉันต้องใช้เวลาอันแสนสุขในร้านหนังสือโดยมีอีตาพีพีอยู่ด้วยเนี่ยนะ หมดกัน...คงจะหาความสงบสุขเจอหรอกนะคราวนี้ -__-;;
?แล้วนี่เธอจะไปซื้ออะไร?
?ไปร้านหนังสือ ฉันคงไปซื้อตู้อบซาวน่ามั้ง?
?เธอนี่มัน...?
?ทำไม ฉันนี่มันทำไมฮะ? ฉันทำตาลุกวาวใส่คนข้างๆ ที่กำลังเม้มปากแน่นราวกับกำลังเก็บกดและพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เอ่อ...เขาคงไม่ได้โกรธแค้นถึงขนาดหันมาชกหน้าฉันหรอก ใช่มั้ย ฉันยังไม่อยากดั้งหักนะ
?รู้มั้ยว่าถ้าเธอเป็นผู้ชาย เธอจะถูกฉันเตะกลิ้งตกรถอย่างไม่มีความปรานี?
?ขอโทษนะ บังเอิญฉันเป็นผู้หญิง โฮะๆ ^O^?
?แต่ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิง เธอจะถูก...? เขาหยุดพูดไว้แค่นั้น
ฉันชักหวั่นๆ เป็นผู้หญิงจะถูกอะไร!!?? >_<;;;
อีตาพีพีเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ปรายตามองฉันอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหยิบบางสิ่งออกมา แล้วก็...
?แบร่~!!!?
?กรี๊ดดดดดด >[]<!!!?
ฉันหลับตาปี๋พร้อมกับกรีดร้องสุดเสียงเมื่อสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายสัตว์มีพิษชนิดหนึ่งถูกโยนใส่ฉันอย่างรวดเร็ว
?ฮ่าๆๆ?
?ฮือ~ เอามันออกไปนะ เอาออกไปเดี๋ยวนี้ ฮือๆ TOT?
?เฮ้ย แค่นี้ร้องไห้เลยเหรอยัยเฉิ่ม?
?เอาออกไปเซ่ T[]T?
?อ่ะๆ เอาออกแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว?
?แน่นะ??
?เธอก็ลืมตาดูสิ?
?>_O? ฉันค่อยๆ เปิดตาทีละข้างด้วยความไม่มั่นใจ
?ก็แค่พวงกุญแจแมงป่องยาง ไม่มีอะไรสักหน่อย?
?นายพี!! นายแกล้งช้านนนน =O=+?
?ก็กะจะหยอกเล่นนิดหน่อย ใครจะไปคิดล่ะว่าเธอจะกลัวจนร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบเนี้ย?
จำไว้เลยนะ อีตาบ้า ทีใครทีมัน ฮึ่ย!
-___-++


*******************************************************************************

แหม! กำลังอ่านสนุกกันอยู่เลยใช่มั้ยล่ะ ถ้าอยากอ่านแบบฉบับเต็มก็ไปจับจองเป็นเจ้าของกันได้ มีวางแผงที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เดือนมีนาคมนี้แน่นอน ความสนุกคับเล่มในราคาสบายกระเป๋า...รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ :D

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”