New Release!! Rainy Memory ผลงานของ บัฟฟี่

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1073
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release!! Rainy Memory ผลงานของ บัฟฟี่

โพสต์ โดย Gals »

หลังจากห่างหายไปนาน วันนี้ทีมงานก็มีหนังสือเล่มใหม่มาแนะนำให้คุณผู้อ่านที่สนใจนิยายอ่านสนุก ในราคาสบายกระเป๋ากันอีกแล้ว กับเรื่อง 'Rainy Memory บรรจุรักแสบใส ลงในความทรงจำแสนหวาน' ผลงานของนักเขียนผู้มีนามปากกาน่ารักๆ ว่า 'บัฟฟี่'
โดยในเล่มเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ไปตกหลุมรักชายหนุ่มข้างห้องผู้อยู่ร่วมอพาร์ตเมนต์เดียวกัน แต่เพราะชายหนุ่มที่ว่าดันเป็นโรคประหลาด คือจะลืมเหตุการณ์และผู้คนที่พบเจอทันทีหลังตื่นเช้าขึ้นมาในวันใหม่ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักวุ่นๆ ของคนทั้งคู่ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวจะสนุกสนานน่าติดตามขนาดไหน ก็เชิญไปอ่านกันได้เลยค่ะ
:D



1

ซ่า...ซ่า...
ให้ตายเถอะ! ใครลิขิตให้ฝนมันตกเอาตอนนี้นะ! ฉันล่ะอยากกรีดร้องแล้วแปลงร่างเป็นซูเปอร์แมนให้สวรรค์รู้ว่าฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะฝนที่ท่านส่งมาจริงๆ!
ฝนตกยังซวยไม่พอ! กุญแจห้องฉันหาย! ToT
วันนี้ต้องเป็นวันที่ซวยที่สุดในโลกแหงๆ
ฉันเพิ่งจะกลับจากการทำรายงานที่บ้านยัยจุ๊บแจงเพื่อนสาวของฉัน เพราะมันดึกมากแล้วฉันจึงตั้งใจว่าจะรีบเข้าห้องไปอาบน้ำแล้วรีบๆ นอนซะ แต่ความซวยชั้นที่หนึ่งก็มาทักทายฉันโดยไม่ต้องส่งชิ้นส่วนชิงโชคด้วยการบันดาลให้กุญแจห้องฉันหายซะอย่างงั้น
และขณะที่ฉันโทรศัพท์หาเจ้าของอพาร์ตเมนต์ให้เอากุญแจสำรองมาให้ ความซวยชั้นที่สองก็ให้รางวัลฉันด้วยการส่งฝนลงมาซ้ำเติมอีก!
โว้ย! แล้วใครมันออกแบบอพาร์ตเมนต์นี้ให้มีระเบียงอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องฟะ ใช้กระเพาะคิดแทนสมองรึไงเนี่ย ฝนมันสาดนะคิดบ้างเหอะ! >O<
ฉันนั่งขดตัวกอดถุงหนังสือเรียนเพื่อไม่ให้มันเปียก (แต่ฉันเปียกแทน T-T) อากาศแบบนี้หนาวเป็นบ้า ฉันล่ะเกลียดฝนจริงๆ เลยเชียว ทั้งเฉอะแฉะ เลอะเทอะและหนาว น้ำที่สาดเข้ามาไม่หยุดหย่อนทำให้ระเบียงเจิ่งนองไปด้วยน้ำ แต่ฉันไม่สนใจ ยังไงฉันก็เปียกอยู่แล้ว ฉันยังคงรอลุงโป้งผู้เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์และอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านห่างจากที่นี่ไปอีกเกือบสองเขตแดนมาเปิดตู้เก็บกุญแจสำรองให้ เนื่องจากลุงยามที่ดูแลอพาร์ตเมนต์ลากิจไปติดเหล้าในวันนี้ เวลามันผ่านไปนานจนฉันแอบโกรธ
ลุงโป้ง! ฉันโป้งลุงแล้วนะ! เดือนหน้าฉันค้างค่าเช่าลุงแน่! -_-++
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและพยายามจะใช้มันกดโทรหาลุงโป้งอีกครั้ง แต่ก่อนที่ฉันจะกดโทรก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากปลายทางเดิน
?โว้ย! ฉันล่ะเกลียดฝนจริงๆ ทั้งเฉอะแฉะ เลอะเทอะ แถมยังหนาว! แล้วใครมันอุตริออกแบบให้มีระเบียงอยู่หน้าห้องวะ! ใช้กระเพาะคิดแทนสมองรึไงเนี่ย -_-++?
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งบ่นแบบที่ฉันคิดเป๊ะๆ จนฉันต้องหันไปมอง เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ในระยะสายตาก็ทำให้ฉันต้องอ้าปากค้าง
ผู้ชายอะไรหล่อเป็นบ้า!!
ผมสีดำของเขาเปียกน้ำฝนอย่างเซ็กซี่ จมูกโด่ง ปากสีชมพูราวกับปากผู้หญิง เขาสวมเสื้อผ้าสีดำเท่ๆ เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสาร คิ้วเรียวยาวกำลังขมวดมุ่นเพราะหงุดหงิดเรื่องฝนตกเหมือนกับฉัน
ให้ตายเถอะ! มีเทพบุตรย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์เราทำไมลุงโป้งไม่บอกฉันสักคำเนี่ย! -_-^ ย้ะ! ฉันค้างค่าเช่าของเดือนหน้าๆ ด้วยดีกว่า! (จริงๆ แค่หาข้ออ้างไม่จ่ายเท่านั้นเอง >_<)
?อ้าว...เธอ?? เขาร้องออกมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้วเห็นฉันนั่งขดเป็นดักแด้กอดหนังสืออยู่ที่พื้น
?อะ...เอ่อ...หวัดดีจ้ะ?
อย่าหาว่าฉันปัญญาอ่อนเลยนะ แต่ออร่าที่พวยพุ่งเจิดจรัสออกมาจากเขาทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ >_<
แม้จะมองหน้าฉันอย่างสงสัยแต่เขาก็ลงมานั่งข้างๆ ฉันทั้งๆ ที่พื้นเปียก ท่านั่งขัดสมาธิของเขาแทบจะฆ่าฉันได้จริงๆ
ฉันไม่ได้หื่นนะ! แต่เขาน่ากิน! -.- ในที่สุดฉันก็รวบรวมความกล้าถามเขาออกไปว่า
?นะ...นายนั่งทำไมเหรอ -////-...?
?ฉันนั่งเป็นเพื่อนเธอไง เธอไม่เข้าห้องเหรอ? เขาหันถามฉันด้วยหน้าตาบ้องแบ๊ว กรี๊ดดดดด!!! >O< ผู้ชายอะไรน่ารักแบบนี้!!
ฉันตอบเขาไปด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า
?กะ...-////-...กุญ...กุญแจฉันหายน่ะ?
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ทั้งๆ ที่ฝนก็ไม่ได้ซาลงไปเลย อา...บางทีฉันอาจจะตากฝนจนเป็นไข้จริงๆ ก็ได้ พูดตามตรง ตั้งแต่แม่ถีบฉันออกจากท้องมาฉันยังไม่เคยนั่งข้างผู้ชายใดที่หน้าตาดีได้ใกล้ขนาดนี้เลย
บ้าน่า! ฉันปัญญาอ่อนไปซะแล้ว! อั๊ยๆ! >_<
?อ้าว แล้วโทรตามเจ้าของอพาร์ตเมนต์รึยัง...ฉันโทรตามให้มั้ย?
เขาถามด้วยสีหน้านิ่งๆ และด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมิตรภาพ เมื่อมองหน้าเขา ฉันก็ต้องกรีดร้องในใจอีกครั้ง
พระเจ้า!!! เขาหล่อเทพพพพพพ!!!! และเขานิสัยดีมากกกก!!!!
?เอ่อ...โทรแล้ว...อีกสักพักคงจะมา? ฉันตอบอ้อมแอ้มและพยายามจะหลบสายตา คุณอาจจะว่าฉันบ้าผู้ชาย แต่เขาหล่อจริงๆ!
?เหรอ...ถ้าอย่างนั้น...? ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วลุกขึ้น เขาถอดเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตัวใหญ่ออก
=[]= เขาถอดทำมั้ย!!
?นะ...นายจะทำอะไรน่ะ?
ฉันถามตะกุกตะกักด้วยความตกใจ ไม่ได้นะ! นายจะทำอะไรบัดสีไม่ได้!! วันนี้ฉันใส่เสื้อในกับกางเกงในคนละสี แถมไม่ได้โกนขนรักแร้มาสองอาทิตย์แล้วด้วย! =[]= (นี่หล่อนห่วงอะไรเนี่ย -_-)
เขาไม่ตอบอะไรแต่โยนเสื้อแจ็กเก็ตที่ถึงจะเปียกน้ำนิดหน่อยแต่ก็แห้งกว่าเสื้อฉันมากลงมาคลุมหัวฉัน
?ใส่ซะนะ มันหนาวน่ะ ฉันต้องเข้าห้องแล้วล่ะ?
เอ๋?
เขายื่นหน้ามาใกล้จนจมูกโด่งๆ ของเขาห่างจากหน้าฉันแค่ไม่กี่นิ้ว เขาลูบหัวฉันด้วยมืออันอบอุ่นแล้วพูดว่า
?ขอให้คุณเจ้าของอพาร์ตเมนต์มาเร็วๆ นะครับ บ๊ายบาย ฝันดีล่ะ ฮี่ๆ ^_^?
แล้วเขาก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันใจเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งแรกของชีวิตและ...
มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยลืมเลย....
ฉันได้แต่มองเขาเดินเข้าห้องข้างๆ ฉันไป...ห้องข้างๆ เหรอ? ...เป็นพรหมลิขิตรึเปล่านะ?

ฉันตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าของฉันแต่เป็นบ่ายสามของชาวบ้านด้วยอาการปวดหัวตุบตับและคัดจมูก จะบ้าตาย! นี่ฉันตากฝนจนเป็นหวัดเหรอเนี่ย ToT ฉันเกลียดฝนจริงๆ เลย!!
เมื่อจัดการอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วฉันก็สำรวจตัวเองและรอบๆ ห้องอีกครั้งก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับของสิ่งหนึ่ง...
มันคือเสื้อแจ็กเก็ตของผู้ชายปริศนาที่อยู่ข้างห้องนั่นเอง
เสื้อตัวนั้นถูกฉันส่งซักแห้งไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้ ตอนนี้มันวางรวมอยู่ในกองเสื้อผ้าต่างๆ ของฉัน (ที่ซักเสร็จแล้ว) ดูท่าว่าพนักงานร้านซักรีดคงเอามาส่งให้แล้วฉันลืมมองสินะ
คงต้องเอาไปคืนแล้วสิ เสื้อตัวนั้นท่าทางราคาไม่ถูกเลย
ฉันหยิบเสื้อสีดำแบรนด์เนมชื่อดังตัวนั้นขึ้นมาสำรวจแล้วพานนึกไปถึงหน้าของเจ้าของเสื้อ
เขาหล่อมาก แถมยังนิสัยดีสุดๆ อีกต่างหาก เผลอๆ อาจจะรวยด้วย เพราะเสื้อที่ฉันถืออยู่นี้เป็นแบรนด์เนมดังที่เสื้อตัวหนึ่งราคาแพงเท่าค่าเรียนฉันทั้งเทอม!
>///< อ๊าง สวรรค์ส่งเนื้อคู่ลงมาให้ฉันแล้วสินะ
ฉันจัดการหยิบเสื้อตัวนั้นไปพร้อมกับหนังสือเรียน แล้วตัดสินใจเดินไปกดกริ่งห้องข้างๆ
ออด~~
แล้วรอคอย เวลาผ่านไปเกือบนาทีแต่ก็ยังไม่มีใครมาเปิดเสียที ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้วตัดสินใจกดอีกครั้ง
ออด~~
คราวนี้มีเสียงกุกกักดังมาจากข้างใน ใจของฉันเต้นรัวเมื่อนึกว่าจะได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง และแล้วประตูก็เปิดออกอย่างแรง
ปัง!!
?ใครมาปลุกแต่เช้าเนี่ย!!!...ฮ้าว~ เธอเป็นใครน่ะ?? ผู้ชายคนเดียวกับเมื่อวานบ่นด้วยท่าทางหัวเสีย (กรี๊ด พรหมลิขิต! เขานอนตื่นบ่ายเหมือนฉัน!) เมื่อมองในที่ที่สว่างกว่าเดิมฉันพบว่าเขาหล่อมากกว่าเดิมเสียอีก แม้ผมจะยุ่งและกำลังยืนหาวอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเปลือยท่อนบนเห็นแผงอกอันแข็งแกร่งน่าซุก (?) ร่างกายท่อนล่างสวมกางเกงผ้านิ่มๆ ขายาวสีเทา ฉันพยายามละสายตาออกจากซิกแพ็คอันน่ากินของเขาแล้วตอบตะกุกตะกักไปว่า
?อะ...เอ่อ...ฉันเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ห้องนายน่ะ...ละ...แล้ว...เอ่อ...? ฉันพูดติดขัดมากขึ้น ทำให้เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ?ฉันเอาเสื้อที่นายให้ยืมมาคืนน่ะ!! >////<?
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจพูดออกไปอย่างรวดเร็วแล้วยื่นเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่พับไว้อย่างเรียบร้อยให้เขา
?หืม?...นี่ของฉันเหรอ? เขาหยิบไปแล้วทำหน้างงก่อนจะคลี่เสื้อที่พับอย่างเรียบร้อยออกมาดู ?ของฉันจริงๆ ด้วยแฮะ...?
ฉันยืนมองดูเขาพูดกับตัวเอง และก่อนที่จะได้ตัดสินใจเดินหนีไปไหนเขาก็ถามขึ้นด้วยสีหน้างงงวยว่า
?แล้วเธอไปได้มันมาจากไหนเนี่ย??
คำถามของเขาทำให้ฉันงง และงง
บ้าน่า! เขาจำฉันไม่ได้เหรอ?
?เอ่อ...ก็นายให้ฉันมาเมื่อคืนไง? ฉันเริ่มต้นพูดอธิบาย
?เมื่อคืน?? เขาเลิกคิ้วมองฉันอย่างแปลกใจ
?ใช่ ก็แบบว่า...เมื่อคืนน่ะฝนตก แล้วนายก็เดินมาเห็นฉัน นายเห็นฉันตากฝนอยู่ก็เลยโยนเสื้อนี่มาให้สะ...ใส่ -////-?
ให้ตายเถอะ! ฉันแพ้สายตาของเขาจริงๆ
ความรู้สึกร้อนๆ จากอาการเป็นไข้และสายตาที่จ้องมองมาทำให้ฉันพูดติดๆ ขัดๆ หัวใจเต้นแรงขณะที่รอปฏิกิริยาจากผู้ชายตรงหน้า ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า...
?เธอขโมยเสื้อฉันเหรอ??
?ฮะ?! นายว่าอะไรนะ? ฉันถามออกไปด้วยความไม่เชื่อหู
?เธอน่ะ ขโมยเสื้อแจ็กเก็ตของฉันไปใช่มั้ย?
?บ้าหรือไง! ก็นายให้ฉันมากับมือ?
?ฉันไม่เคยให้เธอนะ!! นึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเคยเจอเธอที่ไหน! เธอโกหกฉันใช่มั้ยเนี่ย!?
ตอนนี้ฉันงงและสงสัยมากกว่าที่จะโกรธ นี่มันอะไรกัน ผู้ชายคนนี้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปสนิทเลยจริงๆ เหรอเนี่ย! =O=
ในที่สุดฉันก็รวบรวมสติกลับมาได้จึงพูดออกไปว่า
?ฉันไม่ได้ขโมย?
?โกหก แล้วเสื้อฉันจะไปอยู่กับเธอได้ไง?
?ก็บอกว่าไม่ได้ขโมย! ฉันจะขโมยเสื้อนายไปทำกล้วยตากเหรอยะ!?
?ก็เธอโรคจิตไง! ต้องใช่แน่ๆ? เขาว่าแล้วพยักหน้าอยู่คนเดียว
?ตลกแล้ว! ถ้าฉันโรคจิตและเป็นขโมยจริง ฉันจะเอาเสื้อมาคืนนายทำไมยะ! สู้เอาไปซุกไซ้สูดดมให้สมความจิตแล้วขายต่อตลาดโรงเกลือไม่ดีกว่าเรอะ!?
ฉันพูดเสียงดังอย่างลืมตัวและอับอาย นี่เขาทำฉันแป้กด้วยการแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉันรึไง หรือเมื่อคืนเขาจะเมาน้ำฝนถึงได้จำอะไรไม่ได้เลย =O=
ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อเหตุผลและคำให้การของพยานอย่างฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า
?ก็ได้...เธอไม่ได้ขโมย ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเสื้อฉันไปอยู่กับเธอได้ยังไง แต่ก็ขอบใจที่เอามาคืนแล้วกัน?
?เอ่อ...ไม่เป็นไร? ฉันตอบไป ในหัวของฉันมีแต่คำว่างง และงง และงง เพราะสายตาและสีหน้าของเขาดูก็รู้ว่าเขาจำฉันไม่ได้เลยสักนิดเดียว
อะไรกันน่ะ ปกติต่อให้คนความจำไม่ดีแค่ไหนแต่ก็ไม่มีทางจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้แน่ๆ หรือเขาจะมีสองร่างที่กลางวันเป็นคนนึง กลางคืนก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนนะ อา...แฟนตาซีเป็นบ้า -_-
ฉันโบกมือลาเขาที่เดินเข้าไปในห้องพร้อมทั้งคำถามมากมายในใจและง.งงที่ยังไม่หายจากหัวไปแม้แต่ตัวเดียว

2
ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีส้มอมมืดครึ้มเพราะเป็นเวลาเย็นและฝนกำลังจะตก ฉันกลับจากการเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เหนื่อยเหมือนเพิ่งไปแบกปูนแล้วกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ ทันทีที่รองเท้าคัทชูแตะพื้นหินหน้าที่พักฉันก็ร้องเรียกคนที่อยู่ในระยะสายตาคนนั้น
?ลุงโป้ง!!!!?
เสียงของฉันดังเข้าปลุกชายวัยกลางคนค่อนไปทางปลาย ยังโสดและอ้วนลงพุง ผิวคล้ำแดดและเตี้ยกว่าฉัน ที่กำลังนอนแผ่อยู่บนม้าหินอ่อนหน้าอพาร์ตเมนต์ แน่นอนว่าไม่มีใครว่าแกได้เพราะแกคือเจ้าของของที่นี่
ลุงโป้งผงกคอขึ้นมาสี่สิบห้าองศาก่อให้เกิดห่วงยางที่บริเวณหน้าท้องเนื่องจากไขมันทั้งหมดไปกองรวมกันแล้วทักฉันว่า
?อ้าว ยัยเมษา มีอะไรรึ กุญแจหายอีกแล้วหรือไง?
ฉันนั่งลงที่ม้าหินอ่อนอีกตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้กันแล้วพูดด้วยความหวังดีว่า
?ลุงลุกขึ้นมาก่อนก็ได้ -_- ทำท่าแบบนั้นเดี๋ยวหมอนรองกระดูกก็เคลื่อนอีกหรอก?
?ก็ได้ๆ เอ้า! อู๊ดด? ลุงโป้งร้องอู๊ดเพื่อเบ่งพลังก่อนที่จะลุกขึ้นมา -_- หนูขอโทษนะลุงที่อดไม่ได้ที่จะด่าลุงในใจว่าปัญญาอ่อน แหะๆ
ฉันกับลุงโป้งคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จนเมื่อฉันนึกถึงเรื่องบางเรื่องได้
?เออนี่ลุง ลุงรู้จักคนข้างๆ ห้องหนูป่ะ? ฉันถามขณะที่กำลังกินไอติมที่ลุงโป้งซื้อเลี้ยงเป็นของขวัญเพราะสมเพชที่ท้องฉันร้องจ๊อกๆ
?รู้จักสิ ก็นังพี กะเทยที่เป็นนักศึกษาแพทย์ไง เอ็งนี่ก็ถามแปลกเนอะ เอ็งก็รู้จักมันไม่ใช่เหรอ? ลุงโป้งพูดถึงกะเทยสูงสองเมตรที่อยู่ข้างห้องฉัน ฉันขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า
?ไม่ใช่! ห้องอีกข้างนึงสิลุง หนูจะถามถึงนังพีไปทำซิลิโคนอะไรล่ะ?
?อ๋อ ไอ้หล่อธันวาที่เพิ่งย้ายมาน่ะเหรอ? ลุงโป้งเริ่มเข้าแก๊บของฉัน
ว่าแต่...เขาชื่อธันวาเหรอ เมษากับธันวา! กรี๊ด พรหมลิขิตอีกแล้ว! >///<
?เออ นั่นแหละ หล่อเนอะ แต่เขาดูท่าทางแปลกๆ อ่ะ?
ฉันยังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายได้ เขาจำฉันไม่ได้และหาว่าฉันเป็นขโมยโรคจิต -_-
ลุงโป้งทำสีหน้าตกใจแล้วพูดว่า
?ไฮ้! เอ็งอย่าไปยุ่งกับเขาเชียวนา เสียความรู้สึกเปล่าๆ!?
ฉันเริ่มสนใจจนลืมไอติมในมือ มันละลายหยดลงกระโปรงนักศึกษาของฉันจนเป็นคราบเหนียว ฉันถามลุงโป้งไปว่า
?หมายความว่าไงน่ะลุง?
?ลุงก็รู้มาจากญาติของไอ้หนุ่มนี่ที่พามันมาส่งที่นี่อีกทีน่ะ เขาบอกว่าหมอนี่เป็นโรคความจำเสื่อมแหละ แต่ไม่ใช่เสื่อมธรรมดานา...? ลุงโป้งทำสีสังเวชเวทนาพร้อมทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ ฉันจึงตั้งใจฟังเงียบๆ ราวกับนั่งอยู่ในห้องบรรยายที่มหาวิทยาลัย ?ธันวาถูกรถชนเมื่อประมาณปีก่อนแล้วสมองก็ได้รับการกระทบกระเทือน เขาก็เลยความจำเสื่อมแบบแปลกๆ ไม่สิ เรียกว่าความจำสั้นดีกว่า คือจะจำทุกคนที่อยู่ในชีวิตก่อนหน้านั้นได้ แบบพ่อ แม่ อะไรพวกเนี้ย แต่จะจำคนที่เข้ามาในชีวิตหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ได้เลย ถ้ารู้จักใครในวันนึง เขาก็จะจำคนคนนั้นได้แค่วันเดียวเท่านั้น อีกวันก็ลืมแล้ว บางครั้งก็จะจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านไปในวันนั้นไม่ได้ด้วยนะ ความทรงจำเขาจะแปลกๆ หมอก็รักษาไม่ค่อยจะหาย?
อ๋อ อย่างนี้นี่เอง...
ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงทำท่าแบบนั้น อะโธ่เอ๊ย อย่างนี้ฉันก็เลิกหวังแล้วล่ะ >_< ผู้ชายที่เป็นแบบนั้นคงจะเป็นแฟนกับใครไม่ได้ไปอีกทั้งชีวิตเลยแหละ
?น่าสงสารเนอะ? ฉันพึมพำออกมาไม่รู้ตัว ลุงโป้งหันมามองฉันก่อนที่จะรับคำว่า
?อ้อ น่าสงสารสิ?
ท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนก็เริ่มตกฉันจึงไม่ได้คุยอะไรกับลุงโป้งมากกว่านั้น อากาศที่เย็นและยังคงเปียกชื้นเหมือนเดิมทำให้ฉันต้องรีบวิ่งกลับห้อง ขณะที่ฉันเดินขึ้นมาถึงระเบียงหน้าห้องของตัวเอง ฉันก็พบผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างห้องของฉัน
...เขาคือธันวา...คนที่ฉันกับลุงโป้งเพิ่งจะพูดถึงนั่นเอง -_-b
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมเรียบๆ และใส่กางเกงลายสก็อตสีน้ำตาลขายาวที่ดูดีมากราวกับดาราที่หลุดออกมาจากทีวี ฉันพยายามไม่สนใจเขาในขณะที่ควานหากุญแจในถุงผ้าที่ถือมา ตั้งแต่ได้รู้เกี่ยวกับความผิดปกติประหลาดเกี่ยวกับสมองของเขาก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำความรู้จักกับคนที่จะลืมฉันหลังจากที่เขาเข้านอนไป เป็นคนที่ทำให้เสียความรู้สึกจริงๆ เลย
?เธอ...?
จู่ๆ เขาก็เรียกฉัน ด้วยสัญชาตญาณฉันจึงหันไปตามเสียงเรียก ธันวามองหน้าฉันอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า
?มีเบอร์เจ้าของอพาร์ตเมนต์มั้ยครับ? เขาถาม หน้าใสๆ ของเขาทำฉันเคลิบเคลิ้มอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อหลุดจากภวังค์ฉันจึงส่งสายตาเป็นคำถามไปให้เขา ฝนที่ตกหนักขึ้นเริ่มสาดเข้ามาในระเบียงอีกครั้งแต่ฉันกลับไม่รู้สึกหนาวเลย
?คือ...ฉันทำกุญแจห้องหายน่ะ แหะๆ? ธันวาบอกพลางแลบลิ้นเล็กน้อยอย่างน่ารัก และภาพนั้นมันทำให้ฉันหน้าแดงอย่างไม่มีเหตุผล >///<
กรี๊ด พรหมลิขิตอีกแล้ว กุญแจห้องเขาหายเหมือนฉัน! >_< ถึงแม้ฉันจะไม่สนใจเขาแล้วก็เถอะ แต่มันอดใจเต้นไม่ได้
?อ้อ...อ๋า อืม มีสิ? ฉันตอบเมื่อรวบรวมสติกลับมาได้แล้ว ฉันใช้มืออันเงอะงะของตัวเองล้วงกระเป๋าผ้าเพื่อหาโทรศัพท์มือถือที่บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของลุงโป้งไว้
?อ๊ะ เจอแล้ว? ฉันโพล่งขึ้นมาเมื่อพบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสี่มิติที่เต็มไปด้วยถุงขนมที่กินหมดแล้วของฉัน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าของธันวาอยู่ห่างจากฉันแค่คืบเดียวเท่านั้น
?เอ่อ...? เสียงของฉันออกมาจากลำคอได้เพียงเท่านั้นทั้งที่ฉันอยากจะถามเขาว่ายื่นหน้าเข้ามาทำไม
?มีอะไรเหรอ เปิดเบอร์ขึ้นมาสิฉันจะได้เมมฯ ไว้ แล้วจะได้โทรหาเจ้าของอพาร์ตเมนต์ด้วย? เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยออร่าแบบคนหน้าตาดี ในมือของเขาถือโทรศัพท์มือถือราคาแพงหูฉี่
อ๊าย รุ่นนั้นมันรุ่นในฝันของฉันเลยนะ ฉันเคยตัดรูปมันออกมาจากใบปลิวโฆษณาแล้วแปะลงในไดอารี่ด้วย >_<
มือของฉันสั่นน้อยๆ เมื่อกดหาเบอร์ลุงโป้งในรายชื่อ และในที่สุดก็เจอ
?นี่ไง เบอร์นี้แหละ? ฉันพูด ใบหน้าฉันเริ่มร้อนอีกครั้ง นี่ฉันยังไม่หายหวัดใช่มั้ยนะ...
ธันวาก้มหน้าก้มตากดเบอร์โทรศัพท์ยุกยิกและโทรออก
?ครับ...กุญแจห้องผมหายครับ...ขอกุญแจสำรองด้วยครับ?
ฉันฟังเสียงเขาคุยโทรศัพท์กับลุงโป้งอย่างเคลิ้มๆ ผู้ชายคนนี้มีความเป็นซูเปอร์สตาร์โดยที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรให้มากมายเลยจริงๆ ริมฝีปากเขาเวลาพูดดูสวยจังเลยนะ...
อ๊ะ! จริงสิ ฉันควรจะรีบเข้าไปในห้องได้แล้วนี่นา
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ไขกุญแจเข้าห้อง ให้ตายเถอะ! เสื้อเปียกอีกแล้ว กะว่าจะเก็บไว้ใส่ถึงมะรืนนี้สักหน่อย -.- อ๊ะ ฉันไม่ได้ซกมกนะ! ซักบ่อยๆ มันเปลืองน้ำนี่นา เราต้องช่วยโลกประหยัดพลังงาน อะจ้า!
?เดี๋ยวสิ เธอ...? จู่ๆ ธันวาก็เรียกฉันจากทางด้านหลัง
ฉันหันไปมองเขาแบบงงๆ แล้วก็มีอะไรบางอย่างโยนมาหาฉัน ซึ่งฉันก็สามารถรับไว้ได้พอดี เมื่อแบมือดูก็พบว่ามันคือลูกอมรูปหัวใจราคาเม็ดละบาทนั่นเอง
?แทนคำขอบคุณไง ^-^ กินแล้วอย่าลืมแปรงฟันนะครับ?
ตึกตัก...ตึกตัก...
โอย หวั่นไหวไหวหวั่น -////- ทำไมเขาถึงได้ยิ้มได้น่ารักแบบนี้นะ เขี้ยวขาวๆ ที่มุมปากของเขากระแทกลงไปถึงกลางใจฉันเลยทีเดียว
?อะ...อืม? เสียงของฉันฟังดูบางเบา ฉันเดินเข้าห้องขณะที่ลุงโป้งเดินขึ้นบันไดมาพร้อมบ่นเป็นวรรคเป็นเวรเรื่องที่กุญแจหายกันไม่เว้นวัน
เมื่อเข้าห้องมาฉันก็ยืนพิงประตูไม้เพราะใจยังคงเต้นเป็นจังหวะแทงโก้ ทำไมรอยยิ้มจริงใจของใครคนหนึ่งมันมีอิทธิพลต่อฉันขนาดนี้นะ ฉันไม่เห็นจะเคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
หรือว่าฉันจะชอบเขา!?
อ๊าย ไม่ได้! เขากับฉันเพิ่งจะรู้จักกันเองนะ แถมหมอนั่นยังประหลาดอีก
ฉันจะทนไม่ชอบเขาได้มั้ยเนี่ย ToT เขาหล่อมากนะ!
ความคิดกระโดดกระเด้งไปมาในหัวอย่างวุ่นวาย ฉันสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านออกไป
ไม่! ฉันจะไม่สนใจเขาแล้ว! >_<
ฉันคิดขณะที่แกะลูกอมรูปหัวใจมาอมแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ และเข้านอน (ไม่ลืมที่จะแปรงฟันหลังอมลูกอมด้วยนะ)
ถึงแม้จะคิดไม่สนใจเขาแต่ฉันก็เอากระดาษห่อลูกอมอันนั้นมาแปะในสมุดไดอารี่จนได้ -////- แค่บันทึกประจำวันเท่านั้นจริงๆ นะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเล้ย...ไม่จริงๆ นะ
แต่ทำไม...ฉันถึงแกะรอยยิ้มของเขาออกไปจากหัวไม่ได้สักทีล่ะ


3

ร้านอาหารแห่งหนึ่งตกแต่งด้วยสีทองและครีมออกสไตล์หลุยส์ แชนเดอเลียร์อันสวยและรูปปั้นเทพกรีกสีขาวถูกตกแต่งทั่วทั้งบริเวณ เสียงเพลงรักโรแมนติกดังคลอเบาๆ มาตามสายลม ตรงที่ฉันนั่งอยู่มีพุ่มกุหลาบเล็กๆ วางอยู่เก๋ไก๋ดูมีความเป็นส่วนตัว
ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย!
คำถามเด้งขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับหันหน้ามองสำรวจรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุดกับคนที่มานั่งตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
?เฮือก =[]= ธันวา?
ใช่แล้ว...ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันคือธันวา คนข้างห้องฉันที่ความจำสั้นนั่นเอง
เขาใส่เสื้อสีขาวเรียบๆ และมีสูทสีดำสนิทสวมทับ ผมที่ดูยุ่งนิดๆ แต่สะอาดตาของเขาดูดีมากในสายตาฉัน ตอนนี้ในร้านทั้งร้านเหมือนจะมีแค่เราสองคน
?^^ สวัสดี? ธันวาทักทายฉันพร้อมรอยยิ้ม
?เอ่อ...? ฉันพูดไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี่ย! ทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ! แล้วทำไมฉันมานั่งตรงนี้เนี่ย!
แถมที่สำคัญ...ฉากแบบนี้มันคุ้นๆ
เหมือนฉากขอแต่งงานในหนังที่ฉันเพิ่งจะดูไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเลย! =O=
?เมษา...? ธันวาเรียกทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้ชื่อฉันมาก่อน ฉันเงยหน้าจากจานอาหารว่างๆ ไปมองหน้าเขา ใบหน้าของธันวาดูใสวิ้งเหมือนมีออร่าออกมาเหมือนเคย เขาดูจริงจังขณะที่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อสูท เขาดูจริงจังมากขึ้นไปอีกเมื่อขยับปากพูดว่า
?แต่งงานกันนะครับ?
หา!! =[]=
ฉันตกใจมาก และเมื่อมองไปที่แหวนที่เขาหยิบออกมาก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีก เพราะแหวนวงนั้นมีหัวแหวนเป็นลูกอมแบบที่เขาให้ฉัน!!!
?เฮือก!?
ฉันลืมตาแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงของตัวเอง เหงื่อแตกพลั่กราวกับเพิ่งจะออกกำลังกายอย่างหนัก สภาพห้องที่อยู่ในสายตาบ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อกี้นั้น...
มันคือความฝัน!! T[]T
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นฝันดีหรือเปล่าที่หนุ่มข้างห้องผู้ความจำเสื่อมมาขอฉันแต่งงาน แต่ความฝันนั้นก็ทำให้หัวใจพองโตอย่างน่าประหลาด
อ๊าย! >_< นี่ฉันหวั่นไหวกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักสองวันได้ไงเนี่ย
ฉันสะบัดหัวเหมือนคนบ้าแล้วลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า (แต่ไม่อาบน้ำ -_-;; ไว้เดี๋ยวค่อยอาบน่า) เมื่อท้องร้องหาอาหารเช้าฉันจึงไปเปิดตู้หามาม่ากิน แต่ก็พบว่าตู้นั้นว่างเปล่านัก ฉันได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินเตาะแตะลงบันไดไปยังมินิมาร์ทเพื่อซื้อเสบียง ฉันเห็นลุงโป้งนั่งแคะสะดืออยู่ที่ป้อมยามจึงเดินไปทัก
?โย่ ลุงโป้งมาทำอะไรตรงนี้น่ะ ไม่ร้อนเหรอ?
ลุงโป้งเบนหน้ามาหาฉันก่อนจะแสร้งทำหน้าตกใจแล้วพูดว่า
?เฮือก! =[]= ทำไมนังเมษาตื่นก่อนเที่ยง! เอ็งเป็นตัวปลอมรึเปล่าเนี่ย?
-_-; เพราะฝันประหลาดนั่นแท้ๆ เชียวที่ทำให้ฉันตื่นก่อนเที่ยง ลุงโป้งนี่ก็ตกใจเว่อร์ไป ปกติฉันตื่นเช้าจะตายไป!
?แล้วน้ายามไปไหนล่ะลุง? ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจปฏิกิริยาของลุงโป้งแล้วถามต่อเมื่อมองเข้าไปในป้อมยามอันว่างเปล่า ลุงแกยักไหล่แบบไม่ใส่ใจก่อนที่จะแคะขี้มูกแล้วตอบว่า
?อ้อ ลุงไล่ออกไปแล้ว!?
?หา! =[]=?
?ตกใจอะไร ก็เมื่อคืนมันกินเหล้าเมาแล้วมาตีป้อมยามของลุงนี่ ดูสิ กระจกแตกเลย?
ไม่ว่าเปล่า ลุงโป้งชี้ไปที่รอยร้าวบนกระจกของป้อมยาม ฉันได้แต่ส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ -_- ลุงโป้งนะลุงโป้ง ไล่แบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลย ถ้ามีโจรบุกมาลุงจะสู้กับมันแทนยามได้มั้ยเนี่ย
ก่อนที่ฉันกับลุงโป้งจะได้เสวนาอะไรกันต่อก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
?เอ่อ...ขอโทษนะครับ วันนี้มินิมาร์ทตรงนั้นไม่เปิดเหรอครับ?
ผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูฉันก็เห็นธันวาอีกแล้ว วันนี้เขาใส่เสื้อยืดหลวมๆ สีขาวกับกางเกงขาสั้นเพ้นท์ลายที่ดูสบายๆ แต่หล่อ -.-
เมื่อคิดถึงความฝันเมื่อคืน จู่ๆ หน้าฉันก็แดงแปร๊ดขึ้นมา -////-
หมอนี่เจอกับฉันบ่อยเกินไปมั้ยเนี่ย!
?อ้อ วันนี้แม่สวายลาหยุดไปดูหมอลำน่ะ -_-;?
ลุงโป้งพูดถึงคุณป้าที่อาศัยอยู่ชั้น 2 ของอพาร์ตเมนต์ซึ่งเปิดร้านมินิมาร์ทขึ้นมาโดยมีพนักงานคนเดียวคือป้าสวายเองเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย -_-
?จะซื้อของรึพ่อหนุ่ม เดี๋ยวลุงไปเปิดร้านให้ก็ได้? ลุงโป้งพูดแบบนั้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าร้อนใจของธันวา
พอพูดจบปุ๊บลุงโป้งก็เดินดุ๊กดิ๊กไปที่มินิมาร์ทเป็นสัญญาณให้ธันวาเดินตามไป ฉันมองป้อมยามว่างเปล่าแล้วนึกสงสัยในใจว่าถ้าลุงโป้งไปเปิดมินิมาร์ทแล้วใครจะมาเฝ้าหน้าอพาร์ตเมนต์แทนล่ะ -_-

ตอนนี้ฉันกับธันวากำลังเดินอยู่ในมินิมาร์ทโดยมีลุงโป้งคอยเฝ้าร้านอยู่ ฉันพยายามจะไม่สนใจธันวาที่ก่อบรรยากาศแปลกๆ ให้ฉันใจตุ้มๆ ต่อมๆ แล้วเดินไปซื้อของ
เอ๊ะ...เมื่อกี้ฉันตั้งใจจะมาซื้อมาม่าใช่มั้ย...อา มาม่าเพื่อนยาก
ฉันลากเท้าไปที่ชั้นวางมาม่าถ้วยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบ ทว่า...
?อ๊ะ ขอโทษ?
...มีมือหนึ่งมาสัมผัสถูกมือฉันพอดีเพราะต้องการจะหยิบมาม่าถ้วยนั้นเหมือนกัน และเจ้าของมือคือ...
?ธันวา! =[]=? ฉันหลุดปากไป เขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!
ธันวาขมวดคิ้วแล้วก้มลงมาอยู่ในระดับสายตาเดียวกับฉัน เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า
?เธอรู้จักฉันเหรอ?
ตอนนี้หน้าเราอยู่ห่างกันแค่คืบ ฉันไม่เข้าใจหมอนี่จริงๆ เขาสายตาไม่ดีรึไงนะ ถึงได้ชอบยื่นหน้ามาใกล้ๆ นัก -////-
?มะ...ไม่หรอก มันเป็นคำอุทานน่ะ เหมือนโอมายก็อดไง ^^;;;? ฉันตอบไปน้ำขุ่นๆ เขาทำให้ฉันใจเต้นรัวทีเดียว -////-
ดูเหมือนธันวาจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่ติดใจอะไร ฉันจ้องมองรูปกุ้งบนถ้วยมาม่าเพื่อสงบจิตใจที่เต้นแรงเหมือนกลอง
โอม...เงียบนะลูก....เงียบนะเจ้าหัวใจบ้า!
บ้าชะมัด! ความรู้สึกนี้มันอะไรกันนะ!
?นี่เธอ? ธันวาเรียกฉัน ฉันสะดุ้งตกใจแล้วร้องออกมาว่า
?หะ...หา!?
?ทำไมทำท่าตกใจแบบนั้น -_- คือ...ฉันจะถามว่าเธอรู้มั้ยว่าสองอันนี้รสชาติต่างกันยังไง?
เขาถามพลางชูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองถ้วยขึ้นมา ถ้วยหนึ่งเป็นรส ?หมูสับต้มยำ? อีกถ้วยเป็นรส ?ต้มยำหมูสับ?
?เอ่อ...-_-; ไม่ต่างหรอก อันไหนก็เหมือนๆ กันแหละ? ฉันตอบไปส่งๆ พลางพยายามหลบตาเขา ภาพความฝันเมื่อคืนยังกระเด้งกระดอนดุ๊กดิ๊กอยู่ในหัวไม่สร่างซา
ธันวาทำท่าคิดอย่างกังวลใจขณะที่มองถ้วยบะหมี่ทั้งสอง เขาขมวดคิ้วเมื่อมองไปบนฝาถ้วยแล้วถามฉันว่า
?มันเผ็ดรึเปล่า? เขาถาม ฉันสะดุ้งอีกครั้งแล้วตอบว่า
?เอ้อ...ผะ...เผ็ดสิ -////-?
?อ๊า ฉันกินเผ็ดไม่ได้อ่ะ? ธันวาร้องออกมาแล้วทำแก้มป่องใส่ถ้วยมาม่า ฉันมองภาพนั้นแล้วรู้สึกว่าน่ารักเหลือเกิน...>////<
หัวใจของฉันเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา รู้สึกร้อนๆ ที่หน้าและใบหูทั้งๆ ที่ในร้านก็เปิดแอร์เย็นชุ่มฉ่ำ ความรู้สึกประหลาดพวกนั้นผลักดันฉันให้รีบไปจ่ายเงินให้ลุงโป้งแล้วเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วที่สุดจนลุงโป้งมองอย่างสงสัย
ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าของธันวาแล้ว แต่หัวใจของฉันก็ยังเต้นแรงอยู่ดี...

วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยเป็นบ้า -_-
ฉันคิดในใจอย่างวัยรุ่นเซ็งขณะที่เดินบิดขี้เกียจขึ้นบันไดทั้งที่มือยังถือหนังสือหนาปึกเท่าตึกสามชั้นอยู่ นึกภาพไม่ออกล่ะสิ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นความสามารถพิเศษที่มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ >_< (ทำไมหล่อนดูภูมิใจ)
?ฮ้าว...? เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันต้องหันไปดู แล้วก็พบธันวากำลังบิดขี้เกียจท่าเดียวกับฉันเป๊ะเลย
หน็อย -_-^ นั่นมันความสามารถพิเศษของฉันนะ! ทำไมนายทำได้ล่ะ!
?อ้าว...เธอคนเมื่อเช้านี่? ธันวาร้องทัก ซึ่งทำให้ฉันแปลกใจอย่างมากว่าทำไมเขาจำฉันได้ แต่ก็นึกออกว่าวันนี้ยังไม่ผ่านไปอีกวัน ดังนั้นเขาจึงยังไม่ลืมฉัน
?อะ...เอ่อ สวัสดี -////-?
ทำไมทุกครั้งที่เจอเขาหน้าของฉันมักจะแดงแบบไม่มีเหตุผลนะ!
ฝนข้างนอกเริ่มตั้งเค้าจะตกอีกครั้ง ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลยแฮะ สงสัยจะเป็นเพราะเริ่มจะเข้าหน้าฝนแล้ว
?วันนี้เธอก็ไปเรียนด้วยเหรอ ขยันจัง? ธันวาชวนคุยแล้วมองมาที่หนังสือในมือของฉัน ฉันพยายามควบคุมหัวใจแล้วตอบไปว่า
?เปล่าหรอก... เอ่อ... พอดีไปทำรายงานบ้านเพื่อนมาน่ะ?
?อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง? ฉันเดินขึ้นบันไดไปจนใกล้จะถึงชั้นสามที่ตัวเองอยู่ จู่ๆ ธันวาที่เดินมาด้วยกันก็ร้องว่า
?เฮือก!?
?นายเป็นอะไรน่ะ? ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปถาม ธันวาดูตกใจเหมือนเห็นผีแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางหน้าห้องของตัวเอง
?เธอเห็นอะไรนั่นมั้ย กะเทยคนนั้นน่ะ? ธันวาพูด ฉันหันมองตามสายตาเขาไปก็พบแม่นางพี กะเทยที่เป็นนักศึกษาแพทย์และอาศัยอยู่ที่ห้องข้างๆ ฉันกำลังยืนรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
?เอ่อ...ทำไมเหรอ ถึงพีจะน่ากลัวแต่ก็ไม่เคยกัดใครนะ? ฉันหันไปถามธันวาที่บัดนี้เดินถอยหลังลงบันไดไปหลายก้าว เขาส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กราวกับจะเถียงขาดใจแล้วพูดว่า
?กะเทยคนนั้นแอบจับก้นฉันเมื่อตอนบ่าย!?
เฮือก! =[]= ยัยพีไม่มีความเป็นกุลกะเทยเอาซะเลย
ธันวาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อสังเกตเห็นว่ายัยพียืนอยู่หน้าห้องของเขา เขาสะกิดฉันจากด้านหลังแล้วบอกว่า
?เธอช่วยล่อมันไปได้มั้ย?
?หะ...หา!? ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างตกใจแล้วก็ต้องพบดวงตากลมๆ ที่อยู่ห่างจากฉันไปไม่มากจนแทบจะหายใจรดกันได้
มะ...หมอนี่ -/////- นอกจากจะความจำสั้นแล้ว เขายังสายตาสั้นด้วยจริงๆ สินะ ถึงได้ชอบยื่นหน้าเขามาใกล้ๆ เนี่ย
?นะ...นะ คนสวย อ๊ะ เธอชื่ออะไรนะ?
?มะ...เมษา?
?นะครับ...เมษา ช่วยผมหน่อยน้า? ธันวาพูดพลางทำแก้มป่องๆ แล้วอ้อนวอนฉันแบบเด็กๆ เสียงของเขาที่เรียกชื่อฉันมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะไข้ขึ้นอีกครั้ง ทำไมเขาถึงได้ปล่อยฟีโรโมนออกมาพร่ำเพรื่อแบบนี้นะ
?กะ...-////-...ก็ได้?
ในที่สุดฉันก็ยอมแพ้แล้วรีบปรี่ขึ้นบันไดไปเพราะหัวใจเต้นแรงคล้ายจะเป็นลมเนื่องมาจากความน่ารักของธันวา
พีเป็นกะเทยที่สูง สูงกว่าธันวาเสียอีก เป็นนักศึกษาแพทย์ที่ตัวผอมแห้งเหมือนคนเป็นโรคอโนเร็กเซีย ใส่แว่นกลมๆ อันเล็กไว้บนดั้งจมูกแต่กลับไม่ช่วยให้ดูฉลาด มีฟันที่เหยิน และตอแหลเป็นที่สุด
?อ้าว เมษา! สวัสดี *-*? ยัยพีทักฉันก่อนด้วยน้ำเสียงจีบปากจีบคอและดวงตาเป็นประกายทันทีที่ฉันเดินถึงระยะสายตาของหล่อน ฉันยิ้มแหยๆ ไปแล้วทักตอบไปว่า
?สวัสดีจ้ะ ^^;;; เอ่อ...พีมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ ห้องของพีพี่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ? ฉันพูดพลางชี้ไปที่ห้องของยัยพี ยัยนี่ชอบให้คนเรียกว่า ?พีพี่? เพราะมันฟังดูน่ารักอาโนเนะ -_-
?อ๋อ คือว่าพีพี่มายืนรอเจ้าชายในฝันน่ะ?
?เจ้าชายในฝัน??
?เก๊าะ...พ่อหนุ่มที่อยู่ในห้องนี้ไง เมษาเคยเห็นเขามั้ย หล่อมากเลยล่ะ *-*? พีพูดพลางสะบัดมือไปมาอย่างเขินอาย ฉันได้แต่มองภาพนั้นอย่างเอือมระอาแล้วเริ่มดำเนินการตามแผนว่า
?เอ่อ...พีพี่จ๊ะ เมื่อกี้ตอนเดินขึ้นมาเราเห็นมีใครก็ไม่รู้กำลังปีนห้องพีพี่น่ะ อาจจะเป็นขโมยก็ได้นะ?
?หา! =[]= แล้วทำไมเมษาไม่รีบบอกพีเนี่ย ว้ายตายแล้ว!?
เมื่อสิ้นประโยคพีก็รีบกระโจนเข้าห้องของตัวเองไป ฉันจึงรีบส่งสัญญาณให้ธันวาขึ้นมา
?โอเคมั้ย รีบเข้าไปในห้องเร็วเข้า ยัยพียิ่งอารมณ์เปลี่ยวอยู่ นายจะไม่ปลอดภัยเอานะ? ฉันถามรัวเร็วแล้วรีบดันธันวาให้เดินเข้าห้องไป เขายิ้มอย่างน่ารักก่อนจะโยนช็อกโกแลตมาให้ฉันแล้วพูดว่า
?แทนคำขอบคุณน่ะ ^-^ กินแล้วอย่าลืมแปรงฟันล่ะ? เขาพูดแล้วรีบเข้าห้องไป
ช็อกโกแลตก้อนเล็กยังคงอยู่ในมือฉันที่พร่ำบอกตัวเองว่าไม่ควรจะชอบเขา ไม่ควรจะใจเต้นเพราะเขา ไม่ควรคิดถึงเขา เพราะถ้ารักเขา ฉันก็มีแต่เจ็บกับเจ็บ
แต่สุดท้าย กระดาษห่อช็อกโกแลตอันนั้นก็ถูกล้างให้สะอาดแล้วแปะลงในไดอารี่ของฉันตามเคย... ฉันเป็นอะไรกันแน่นะ ฮือๆ โฮ T[]T



**************************************************

แหม! กำลังสนุกเลยใช่มั้ยล่ะ ถ้าอยากอ่านแบบฉบับเต็มๆ ก็ไปหาซื้อกันได้ที่ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น วางแผงเดือนมีนาคมนี้แน่นอนค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”