New Release : Night After Night หล่อเหลือล้น ปล้นเถอะค่ะ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Night After Night หล่อเหลือล้น ปล้นเถอะค่ะ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
ฮอโชฮีปลอมตัวเป็นนกต่อเพื่อสืบเกี่ยวกับสมบัติชาติที่ถูกโจรกรรมและได้พบกับคิมบอมซัง วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องของเก่าซึ่งถูกว่าจ้างให้นำสมบัติชิ้นนั้นไปมอบสู่ผู้มีอิทธิพล ทว่าเพราะทั้งสองคนต่างก็ปลอมตัวมาทั้งคู่ จึงทำให้ถูกตามล่าจากพ่อค้าข้ามชาติตัวจริง กระนั้นก็ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้และได้ของกลับมาด้วยชิ้นหนึ่ง แต่เพราะบอมซังถือว่าเป็นผลงานของตัวเองจึงคิดจะแย่งชิงไป โชฮีไม่ยอมจึงแจ้งข่าวแก่สำนักวัฒนธรรมว่าเขาเป็นคนนำสมบัติชาติกลับคืน ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วประเทศในฐานะฮีโร่ และสำนักวัฒนธรรมยังจ้างให้เขามาทำงานร่วมกับเธอ ทั้งที่เพียงแค่เฉียดใกล้เธอก็อยากบีบคอเขาให้ตายเสียแล้ว








ตอนที่ 1





?ความสวยเป็นเรื่องเฉพาะ แตกต่างกันไปตามมุมมองของผู้ดู?


เสียงทุ้มกังวานของเขาดังก้องไปทั่วห้องโถงขนาดใหญ่ แสงไฟส่องจับที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาได้รูป ริมฝีปากหยักสวยโดดเด่นไม่แพ้ดวงตาคู่คมที่กวาดมองไปยังผู้ชมที่นั่งอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีดำตัดสั้นเหมาะกับบุคลิกสุภาพ เบื้องหน้าของเขาคือแจกันสีเขียวแก่วาดลวดลายสวยงามและประณีต


?โบราณวัตถุชิ้นนี้ พวกคุณคิดว่ามันสวยมากใช่ไหม? สิ้นคำถาม เสียงตอบรับมากมายจากสาวเล็กสาวใหญ่ในห้องส่งพร้อมกับพยักหน้ารัว ชายหนุ่มไล้ฝ่ามือไปตามผิวเรียบลื่นของแจกัน ?แต่มันเป็นของปลอม พวกคุณทุกคนโชคดีมากที่จะได้เห็นของจริงวันนี้ มันเป็นของสำคัญที่ผมจะแนะนำให้รู้จัก?


การบรรยายดำเนินต่อไปเพียงชั่วครู่โดยมีเขา...ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณวัตถุเป็นผู้บรรยาย สะกดให้ผู้ฟังทุกคนหลงเคลิ้มเดินทางตามไปยังประวัติศาสตร์อันยาวนานของเกาหลี


?สำหรับตอนนี้รายการนักล่าสมบัติก็จบลงแล้วค่ะ? อึมฮวายอง ผู้ดำเนินรายการสาวยืนอยู่เคียงข้างคิมบอมซังกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสำหรับค่ำคืนของรายการที่กำลังจะจบลง ?ดิฉันอึมฮวายองขอลาไปก่อน?


?และผม...คิมบอมซังผู้ดำเนินรายการ ราตรีสวัสดิ์ครับ?





ในเงามืดมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กลุ่มคนชุดดำเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว พวกเขาลัดเลาะไปตามกำแพงกระทั่งมาถึงห้องจัดแสดงห้องหนึ่ง ณ ตรงกลางห้องปรากฏให้เห็นรูปปั้นพระพุทธรูปสีทองทรงคุณค่าภายในกระจกใส หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มรีบหยิบแว่นชนิดเลนส์พิเศษขึ้นมาสวม ห้องที่เคยมีเพียงโบราณวัตถุตั้งอยู่โดดเดี่ยวจึงปรากฏแสงเลเซอร์สีแดงมากมาย


เธอเหลือบตาขึ้นมองบนเพดานเพื่อคำนวณทิศทางของกล้องวงจรปิดก่อนหันไปส่งสัญญาณให้ทีมงานอีกสามคนแล้วจึงก้าวข้ามเส้นเลเซอร์เส้นแรกไปอย่างคล่องแคล่ว บิดม้วนตัวอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา ไม่มีอาการลังเลแม้เพียงนิดบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ...พระพุทธรูปองค์นั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว


เธอเจาะรหัสเพื่อปลดเซฟในทันที ไม่นานกระจกแก้วก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวหายไปช้าๆ ทว่าพอมือบางเอื้อมไปสัมผัสกับโบราณวัตถุเท่านั้น ไฟทั้งหมดในห้องก็สว่างขึ้นพร้อมกับสัญญาณเตือนภัยที่ดังสนั่น แต่ก่อนที่ประตูสุดท้ายในห้องจะปิดลง ร่างโปร่งก็สามารถพลิ้วผ่านออกไปได้และวิ่งไปจนถึงทางเดิน


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนรีบวิ่งมาดักและถลาเข้ามาหา เธอก้มลงหลบหมัดแรกก่อนจะจับแขนเจ้าของหมัดแล้วเหวี่ยงร่างนั้นใส่ชายอีกคน ทั้งคู่ล้มลงไปกองกับพื้นเปิดโอกาสให้เธอได้วิ่งหนีต่อพร้อมกับพระพุทธรูปได้อย่างง่ายดาย




?นั่งลง!? ชายในชุดดำร่วมหกคนถูกผลักลงพื้น ล้อมรอบด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจ พวกเขาถูกดึงหน้ากากออกทีละคนเผยให้เห็นใบหน้าบึ้งตึงไม่พอใจ


?ผลักเบาๆ หน่อยสิ!?


?เถียงเหรอ!? ตำรวจคนหนึ่งเงื้อกระบองขึ้น โจรกลับไม่ยอมแพ้หันไปจ้องหน้าทันที


?แกกล้า?แกกล้าจับฉันเหรอ หือ!!!? เม็ดเหงื่อไหลเรื่อยไปตามใบหน้าคล้ายวิตกกังวลแต่ไม่มีความหวาดกลัว ?ฉันจะจำหน้าพวกแกไว้ คอยดู คอยดูเด่ะ!?


ฉับพลันเสียงตบมือก็ดังมาจากประตูทางเข้า หนึ่งในชายชุดดำมองไปก่อนจะก้มหน้าลงอย่างอับอาย ทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากกลุ่มคนผู้มาใหม่ทำให้เขารู้สึกละอายยิ่งนัก นั่นก็เพราะแท้จริงแล้ว...


?ยอดมาก...ยอดมากจริงๆ? เสียงทรงอำนาจดังตามมาติดๆ ทั้งโจรทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังจะลงไม้ลงมือกันจำต้องสะบัดหน้าหันไปมองแล้วก็สะดุ้งน้อยๆ เมื่อมองเรื่อยไปเจอกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าของเสียงนั้น หัวหน้าคิมกำลังคลี่รอยยิ้มประจบประแจงเขาจึงดูโดดเด่นแม้มีคนยืนอยู่ข้างๆ อีกหลายคนก็ตาม ?เห็นไหมล่ะครับ ระบบป้องกันภัยของเราเยี่ยมมาก? เจ้าตัวผายมือไปยังเหล่าชายชุดดำที่ถูกจับเสียอยู่หมัด ?ถ้าหากคุณเอาสมบัติมาเก็บไว้ที่นี่ รับรองว่าของของคุณจะไม่มีวันหาย?


แล้วเสียงหัวเราะก็ดังกังวานผสมผสานกันอีกครั้ง ใช่แล้ว นี่คือการซ้อมโจรกรรมเพื่อทดสอบระบบป้องกันภัยของหน่วยจัดการการโจรกรรมทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรม หัวหน้าใหญ่คิมหัวเราะอยู่พักหนึ่งกระทั่งมองเห็นเจ้าหน้าที่วิ่งตรงมาที่เขา มองจากท่าทีก็ทราบว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก


?หัวหน้าครับ! พระพุทธรูปถูกนิมนต์ไปแล้ว!?


?วะ ว่าไงนะ...? รอยยิ้มหายไปจากใบหน้ากลมของหัวหน้าคิมในทันที สิ่งแรกที่เขาทำคือหลบสายตาชายคนข้างๆ เขาเป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลรายใหญ่?


?ไหนคุณรับรองว่าจะไม่มีวันหาย!? เสียงทุ้มต่ำดังจนหัวหน้าคิมต้องย่นคอ ?คุณคิม!?


?หะ หัวหน้าครับ ดูนู่น!?


และก่อนที่จะแย่ไปกว่านี้ ตำรวจนายหนึ่งก็รีบยกมือชี้ไปทางหญิงในชุดดำที่กำลังเดินตรงเข้ามา ทุกสายตาพลันหันไปจับจ้องเพราะในกระเป๋าข้างหลังเธอนั้นคือพระพุทธรูปที่หายไป


ใบหน้าของหัวหน้าคิมแดงจัดยามตวาด ?เธอเป็นใคร!!! หน่วยไหนส่งมา!?


?ฉันมาจากหน่วยจัดการการโจรกรรมทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรม? ผ้าปิดหน้าพลันถูกดึงออกเผยให้เห็นใบหน้าสวย ดวงตาเรียวเล็กและริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งหมดทั้งมวลฉายแววเด็ดเดี่ยวไม่กลัวใคร ?ฮอโชฮีค่ะ?




ฮอโชฮีค่ะ...นึกทวนคำในใจแล้วก็อยากจะบ้า ฮอโชฮีกวาดตามองไปรอบบ้านเล็กๆ ของตนที่อยู่กันเพียงสองคนกับน้องชายแล้วก็พลิกตัวหนึ่งครั้ง เมื่อพบว่ายิ่งปวดคอก็พลิกตัวอีกหนึ่งที


?นิ่งๆ ก่อนสิ? เสียงยียวนจึงว่าใส่เธอ เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มใบหน้ากวนๆ เข้ากับบุคลิกและน้ำเสียง เจ้าตัวจ้องเข้าไปในรูหูของพี่สาวอย่างมุ่งมั่นท่าทางราวออกรบก็ไม่ปาน เธอนอนหนุนตักเขาอยู่ และพอดิ้นไปดิ้นมาได้ไม่นานก็ต้องหัวเราะเพราะไม้แคะหูในมือน้องชาย


?ฮ่าๆๆ...ไอ้ลิง!!!? ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งโวยวายเพราะเกิดปวดคอขึ้นมา ไม่เหลือเค้าของฮอโชฮีผู้กล้าหาญในพิพิธภัณฑ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอไม่รู้ว่าเธอทำผิดตรงไหน ก็ไหนว่าเป็นแผนซ้อมโจรกรรม เธอก็สวมบทโจรกรรมเสียเต็มที่เพื่อทุกๆ คนแท้ๆ หัวหน้าคิมล่ะจ้องเธออย่างกับเธอเป็นโจรจริงๆ


?โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ? ฮอโชฮีโวยวายต่ออีกเมื่อการขยับตัวอย่างรวดเร็วทำให้เธอปวดเมื่อยไปทั้งตัว ?บอกให้แคะเบาๆ ก็แคะจนขำก๊ากทั้งที่คอไม่เอื้ออำนวย เพราะแกนั่นแหละ!?


?ก็พี่ฝึกหนักเองนี่นา?


พี่สาวที่แสนดีคำรามหนึ่งครั้งจึงตวัดตบหัวจนคนเถียงหน้าคว่ำติดเตียงนอน โชคดีที่ว่านิ่ม เจ้าตัวจึงลุกขึ้นมาคลำๆ หัวพร้อมกับเถียงได้ ไม่สลบไปเสียก่อน แม้จะน้ำตาเล็ดก็ตาม ?ฝึกก็หนักแต่ได้เล่นเป็นคนร้าย ทำไมต้องจริงจังด้วยล่ะครับ พี่ก็รู้ว่าแค่ซ้อมเท่านั้น พอเจ็บตัวจะมาบ่นทำไม...โอ๊ย!?


ในการตบครั้งที่สองยังไม่มีคำว่ายั้งมือ ?คยูน ฉันบอกแล้วว่าอย่ามาดูถูกงานของฉัน!?


?ครับๆ ...คุณพี่สาว?


ไอ้ยิ้มแหยงๆ นั่นมันอะไร! โชฮีคิดในใจขณะมองฮอคยูนลูบหัวตัวเองป้อยๆ เธออยากจะตรงเข้าไปตบอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงเจตนาดีที่เป็นห่วงเธอของเขาก็ได้แต่ถอนหายใจ ?เอาเหอะ มาแคะหูมา?


?แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปทำงานกี่โมงล่ะ? เป็นคำถามที่น่าเอ็นดูจนโชฮีอดยิ้มไม่ได้...กระทั่งประโยคที่สองตามมา ?ฮิๆ พี่ไม่รอดหรอก โอ๊ย!?


ว่าแล้วต้องโดนตบ แต่นี่มันแรงกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก


?โอ๊ยๆๆๆ อย่าตบรัวสิครับ! ให้พักหน้าบ้างสิ โอ๊ย!?


ไม่อยากจะคิดถึงเช้าพรุ่งนี้เลย...






?จงใจฉีกหน้าฉันเหรอ อยากให้ฉันถูกเจ้านายใหญ่ด่าหรือไง!!!?


?ยกโทษให้เธอเถอะนะครับ? โนจองพิลหัวหน้าหน่วยจัดการการโจรกรรมฯ รีบเข้ามาช่วยพูดในทันทีที่หัวหน้าใหญ่คิมเปิดฉากฉะฮอโชฮี เขาเอ็นดูเธอมากเพราะเห็นความตั้งใจและฝีมือที่หาตัวจับได้ยาก


?ยกโทษทั้งที่ผมเสียหน้ากับผู้บริหารอย่างงั้นเหรอ ฮะ!? หัวหน้าใหญ่คิมหันมาตวาดจองพิลแทน ?ผมไม่หายโกรธง่ายๆ หรอก! แต่ในเมื่อคุณขอ ผมจะยกโทษให้สักครั้ง? เสียงอ่อนลงเล็กน้อยทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องถึงกับถอนหายใจ หัวหน้าคิมสะบัดหน้าไปทางโชฮี ?ทำไมถึงทำเกินคำสั่งฉัน!?


?ฉันทำตามกฎการซ้อมน่ะค่ะ? คำตอบตรงๆ พร้อมกับใบหน้าปราศจากความกลัวทำให้คนทั้งห้องพร้อมใจกันยกมือขึ้นกุมหน้าผาก จองพิลยังต้องปาดเหงื่อ ?เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสวมบทบาทให้ดีที่สุด ทำเหมือนกับว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง? แม้หัวหน้าจะจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ?ฉันแค่ทำตามกฎค่ะ?


?นี่เธอ! ต่อหน้าฉัน เธอยังกล้า...!? คำพูดของหัวหน้าใหญ่คิมหยุดไปเท่านั้นเพราะเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวที่กำลังก้มหัวให้ดังขึ้น ในขณะที่ทุกคนในห้องนั่งทื่อตัวแข็ง โชฮีหยิบโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมา


?ฮัลโหล...อะไรนะ! ได้ เดี๋ยวฉันไป? โชฮีกดวางสายลงแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากของหัวหน้าคิมก็ยังไม่หุบลง ?สายของฉันพบผู้ต้องสงสัยที่อินซาดง ขอโทษนะคะแต่ฉันต้องรีบไป วันหลังจะมาฟังค่ะ?


?ดะ...ดะ...? หัวหน้าคิมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ มองประตูที่ปิดลงพร้อมกับการจากไปของลูกน้องตัวแสบ เสียงดังปังของประตูทำให้เขาพูดออกมาเป็นคำได้ ?เดี๋ยวก่อนสิ! กลับมานี่ก่อน กลับมา!!!?


โชฮีออกมาจากห้องทำงานในทันที ไม่นานนักก็มาถึงที่เกิดเหตุและวิ่งตามล่าผู้ต้องสงสัยอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะยัยผู้หญิงในชุดเดรสลายดอกไม้สีบานเย็นแถมยังสวมแว่นกับหมวกเว่อร์ๆ นั่นคือ ซูซูกิ ฮานาโกะ นักค้าโบราณวัตถุชื่อดังที่ลักลอบเอาโบราณวัตถุของเกาหลีออกไปขายที่ญี่ปุ่นแล้วหลายชิ้น


?โอ๊ะ! โธ่เว้ย!? ฮานาโกะหยุดวิ่งนิดหนึ่งเมื่อเธอทำรองเท้าหลุด กระทั่งได้ยินเสียงแหกปากของเจ้าหน้าที่ผู้ทุ่มเทฮอโชฮีก็จำต้องทิ้งรองเท้าสีชมพูแป๋นไว้เบื้องหลัง โชฮีวิ่งตามเธอมาหลายเมตร ไม่มีท่าทีจะเหนื่อย ไม่มีท่าทีจะหยุด เธอเองก็ไม่อยากถูกจับเหมือนกัน!


?ไม่หยุดใช่ไหม!? โชฮีตะโกนไปสับขาวิ่งไป เธอชะลอฝีเท้าและโยกตัวหลบผู้ชายที่เดินสวนมานิดหนึ่งจึงเร่งฝีเท้าต่อ กระทั่งมองเห็นรองเท้า...เธอรีบหยิบมันขึ้นมาและส่งเสียง ?ฮานาโกะ!!!?


ภาพสุดท้ายที่โจรสาวเห็นคือรองเท้าที่พุ่งเข้าใส่กลางหน้าผาก ฮานาโกะล้มลงไปกองกับพื้นได้ครู่เดียวก็ถูกกระชากขึ้นมาใส่กุญแจมือทั้งที่ยังมึนๆ เธอถูกจับยัดใส่รถตำรวจอย่างรวดเร็ว


?เก่งแบบนี้น่าจะมาอยู่ทีมสืบสวนอาชญากรรมกับเรานะ? คำพูดกระแหนะกระแหนดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าเรียวแหลมกับหางตาที่เชิดขึ้น...เจ้าหน้าที่โจซังชอลแห่งหน่วยสืบสวนอาชญากรรม ?...เธอคงชอบ?


โชฮีข่มใบหน้าไว้ไม่ให้คิ้วกระตุกด้วยความโกรธ ?อ๋อ ฉันแค่กลัวยัยตัวแสบจะหนีไปก่อนก็เลยต้องลงมือเองค่ะ และอีกอย่าง จิฮวาจาไม่ใช่แค่ล่าสมบัติ มันเลือกเฉพาะสมบัติของชาติซะด้วย?


?แต่จะทำแบบนี้เธอต้องระวังอันตราย ไม่งั้นสักวันหนึ่งเธอต้องเจอเสียบแบบฉัน?


ไม่รู้ว่าเธอทำหน้าแบบไหน เจ้าหน้าที่ปาร์คจินกุกที่ยืนอยู่หลังเจ้าหน้าที่โจจึงได้หลุดหัวเราะออกมา โชฮีเขม่นมองเขานิดหนึ่ง ทุกอย่างจึงเงียบลง เจ้าหน้าที่โจเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง เขาถลกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแผลขนาดห้าเซนติเมตรที่หน้าท้อง ?ได้มาตอนที่ตามล่าหัวหน้าแก๊งมาเฟีย เจ็บมาก? เขาหลับตาลงและเม้มปาก ?ถ้าเธอเป็นแผลแบบฉัน คนจะคิดว่าเธอเคยมีลูก แล้วใครจะยอมแต่งงานด้วยล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าเอาอย่างฉัน เข้าใจไหม?


แล้วเจ้าตัวก็เดินหนีไปไม่ได้พูดถึงเรื่องงานสักกระผีก โชฮีมองตามไปก็ขมุบขมิบปากบ่น ก็จับโจรให้แล้ว! ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน


?ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง เพียงเท่านั้นเธอก็จำได้ทันที


โชฮีพยักหน้าช้าๆ...เขาก็คือหัวหน้าคังชีวาน เป็นหัวหน้าของหน่วยสืบสวนอาชญากรรมที่ทำงานร่วมกับหน่วยของเธอ รูปร่างสูงโปร่งโดดเด่น ใบหน้าสมส่วนกับคิ้วเรียวเข้มและเส้นผมที่ตัดสั้น ดูสดใสเพราะดวงตาที่โค้งลงเมื่อแย้มยิ้ม คำพูดคำจานุ่มนวลและมารยาทดี เป็นหนึ่งในคนที่เธอให้ความเคารพและชื่นชอบ


หัวใจของเธอมันเต้นแรงเหลือเกิน





คิมบอมซังกวาดตามองไปรอบๆ ห้องพักครูที่เต็มไปด้วยถ้วยรางวัลและเครื่องเฟอร์นิเจอร์หรูหรา เขาฝันที่จะได้เป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มานาน เพียงแต่รอโอกาสเท่านั้น


?ผู้บริหารมหาวิทยาลัยของเราชอบรายการของคุณมาก? ชายชราเอ่ยกลั้วหัวเราะ ?ท่านว่ายิ่งคุณออกทีวีมากเท่าไหร่ มหาวิทยาลัยเราก็ยิ่งดัง ถ้าได้มาเป็นอาจารย์ประจำ อีกหน่อยคนก็มาสมัครกันตรึม?


?เอ่อ?ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ อาจารย์ที่นี่มีเยอะแยะ แต่ละท่านก็ตั้งใจสอน ถ้าหากที่นี่จะดังก็น่าจะดังจากอาจารย์อื่นๆ มากกว่า คงไม่ใช่ผมหรอกครับ? บอมซังยกยิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาอยากจะได้งานนี้ใจจะขาด ไม่ควรแสดงออกไป คิมบอมซังจัดการทุกอย่างได้อยู่แล้ว


?และคุณสมบัติของผมก็ยังไม่พอเพราะผมยังเด็ก คงต้องรออีกหลายปี?


?คุณรู้อะไรไหม จุดอ่อนของคุณน่ะอยู่ที่คุณสุภาพเกินไป แต่ก็ดีแล้ว พอได้ยินแบบนี้ผมค่อยสบายใจ ผมมีอะไรจะบอกพอดี? ชายชราเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ ?เราได้ตัดสินใจให้เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของคุณ กงยงชอล ขึ้นเป็นอาจารย์ประจำแล้วล่ะ?


?อะไรนะ?! เอ่อ...? บอมซังจิกมือตัวเองอย่างแรงเพื่อไม่ให้เผลอแสดงอารมณ์ออกไป แต่ชื่อกงยงชอลมันทำให้เขาหงุดหงิด อย่างหมอนั่นน่ะเหรอ ?กงยงชอลหรือครับ?


?พ่อของคุณกงเป็นรัฐมนตรี เราไม่มีทางเลย เข้าใจนะ?


...เขาพยักหน้า แต่ไม่เข้าใจสักนิดเดียว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เจ้าเพื่อนซี้โอจงคยูเดินมาทักเขาทันทีที่ออกมาจากห้องพักครูแล้วนั่นล่ะ โอจงคยูเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาที่พร้อมจะรับฟังปัญหาของผู้ชายที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอย่างเขาทุกเมื่อจึงคบกันยืดมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น


?นายก็รู้ว่ากงยงชอลมันโง่จะตาย มันจะเป็นอาจารย์ประจำได้ยังไงกันล่ะ!?


ท่าทีนอบน้อมหายไปทันทีที่เขาได้ระบายออกมาให้จงคยูฟัง เขาอาจจะหงุดหงิดน้อยกว่านี้หากระหว่างเดินมานี่ไม่ได้เห็นไอ้ยงชอลหอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีผ่านไป


?ตั้งแต่รู้จักกันมา มันไม่มีอะไรสู้ฉันได้เลย งานวิจัยก็ทำน้อยกว่า ดีที่พ่อมันเป็นรัฐมนตรี แต่ความสามารถมันเทียบฉันไม่ติดเลยสักนิดเดียว ตัวฉัน ลูกศิษย์ก็เชื่อมั่นกว่า?ฮ่าๆ สวัสดีจ้ามินจู? แต่แล้วเจ้าตัวก็เปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อมีนักเรียนสาวๆ เดินผ่านมากลุ่มหนึ่ง ?จ้า แล้วเจอกันนะ... จงคยู! ทำไมที่นี่ถึงให้คนโง่อย่างมันมาเป็นอาจารย์ ฮึ? น่าทุเรศ เฮ้ย! อย่าให้ฉันพูดคนเดียวสิ?


?นึกว่าแกต้องการแบบนั้น?


?เอ้า ก็ไม่ได้เป็นใบ้นี่หว่า อ้าว สวัสดีครับ สวัสดีครับ? บอมซังหันไปยิ้มให้ลูกศิษย์สาวๆ ตามทางไปเรื่อยๆ จนเดินมาถึงทางออกของตึก จงคยูก็ถอนหายใจ


?นี่นายจะทำอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ นายพยายามจะทำให้ทุกคนคิดว่านายเป็นหนุ่มที่เพอร์เฟกต์มากที่สุดเพื่ออะไร?


?ช่างอ่อนต่อโลกเสียจริงๆ นะจงคยู เมื่อฉันอยู่ที่นี่ ถ้าโดนต่อต้านก็ไม่มีเส้นสาย มันต้องสุภาพเข้าไว้ ถ้านายจะอยู่ที่นี่ก็ต้องเอาอย่างฉัน อ้ะ จะจดที่พูดไหม เดี๋ยวจดให้ นี่กระดาษ... เฮ้ย เดี๋ยวสิ จะไปไหนวะ อ๊ะ...สวัสดีครับ ขอลายเซ็นเหรอครับ ได้ครับ?


คิมบอมซังโปรยยิ้มอยู่ได้ชั่วครู่ก็ต้องชะงักไปเพราะโทรศัพท์มือถือของตนมีสายเรียกเข้า...ประธานจาง?





เหล่าเจ้าหน้าที่ทยอยกันเดินเข้ามาในห้องประชุมของสภาวัฒนธรรม แล้วจึงนั่งลงรอบโต๊ะตัวยาวขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้ ที่หัวโต๊ะเป็นคังชีวานที่กำลังจัดการกับคอมพิวเตอร์เพื่อฉายภาพและถือรีโมตไว้ในมือหลวมๆ เมื่อภาพสมบัติโบราณถูกฉายขึ้นแล้วเขาจึงเริ่มพูด


?สมบัติชาติเลขที่สามเจ็ดสอง คือแจกันสลักลายดอกบัวชองฮวา เป็นสมบัติชาติที่หายไปในช่วงสงครามเกาหลี พร้อมกับจานลายครามดอกเบญจมาศชองฮวา สมบัติชาติเลขที่สี่หนึ่งสาม? คังชีวานกดรีโมต หน้าจอพลันฉายภาพโบราณวัตถุสองชิ้นที่ด้านหลัง เหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งล้อมรอบโต๊ะประชุมเบื้องหน้าต่างจ้องเขม็งไปที่ภาพนั้น


?ทั้งสองชิ้นถูกลบชื่อออกหลังจากที่มันหายไป มีข่าวลือว่ามันอยู่ในญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม มีคนพยายามตามหามันตั้งแต่ปี 1962 นี่คือจิฮวาจาที่ถูกจับในวันนี้? ภาพผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้นแทน ?เธอให้ข้อมูลว่าอีกสองชิ้นน่าจะอยู่กับทานากะ อิจิฮิโระ ซึ่งอยู่เบื้องหลังทั้งหมด?


?ทีมจัดการฯ ของเราต้องรีบไปจัดการ? เจ้าหน้าที่นาแทกิลลุกพรวดขึ้นทันที


เสียงหัวเราะพลันดังแว่วมาจากเจ้าหน้าที่โจที่ลุกขึ้นบ้าง ?ผมว่าไม่ใช่หน้าที่ของคุณ ทีมสืบสวนฯ จะจัดการเอง ด้วยมือเรา...? เขากำหมัด สายตามุ่งมั่น ?งานสำเร็จแน่ หึ!?


เอาอีกแล้วตาคนนี้ ฮอโชฮีกลอกตามองคนทั้งคู่ในขณะที่คังชีวานยิ้มเจื่อนๆ ?ผมขอบคุณที่คุณพูดนะ แต่สมบัติสองชิ้นนี้มีค่ามากจนเราจัดการไม่ได้ แต่เรามีแผนแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ?


คังชีวานใช้เลเซอร์ชี้ไปที่ชื่อชื่อหนึ่ง ?ผู้ชายคนนี้ทำงานให้แก๊งมักแดพาและทำงานให้แก๊งริวเซไคหนึ่งในสามของยากูซ่า จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาเดินทางไปมาระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่นอยู่เสมอ รู้จักในชื่อคิมซาง รู้อยู่แค่นี้ ไม่มีชื่อเต็มหรือรูปถ่าย และจิฮวาจาสารภาพว่ามันติดต่อมาเพื่อถามหาสมบัติชาติชิ้นที่หายไปด้วย?


?ถ้าขอความร่วมมือจากตำรวจญี่ปุ่น เราคงจะจับคิมซางได้? จองพิลออกความเห็น


?แค่จับได้เรื่องยังไม่จบหรอกครับ เราต้องล้างบางพวกค้าของเถื่อนข้ามชาติระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่นซึ่งมีพวกยากูซ่าสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือเป้าหมายของเราครับ? ชีวานกวาดตามองไปรอบห้อง ?และในปฏิบัติการนี้...ผมอยากให้คุณเลือกทีมงานคนหนึ่งไปที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นนางนกต่อ?


?ผมขอเสนอคุณฮอ เธอพูดญี่ปุ่นได้? จองพิลหันไปมองฮอโชฮีที่ทำตาโตอยู่ข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม โดยไม่สังเกตเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้นของหญิงสาวนางหนึ่ง


วังจูฮยอนเกือบจะยั้งปากไม่ให้เสนอชื่อตัวเองแทบไม่ทันเมื่อชื่อของโชฮีถูกเสนอออกไปเสียก่อน เธอไว้ผมบ๊อบที่เข้ากับดวงตากลมสวยของเธอ หุ่นสูงชะลูดราวนางแบบ ท่าทางและกิริยาอ่อนหวานไม่มีใครเกิน เธอคิดว่าเธอนี่แหละคือสาวๆ ที่หนุ่มๆ ทุกคนในออฟฟิศใฝ่ฝัน ที่สำคัญคือเธอคิดอยู่คนเดียว


?ถ้าอย่างนั้นฮอโชฮี คุณต้องบินไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้?





?ผมเพิ่งเจอกับคณบดีเมื่อวันก่อน เขาบอกว่าจะจ้างลูกรัฐมนตรี?


คิมบอมซังที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการมองห้องของประธานจางแห่งโอซองคอร์ปถึงกับชะงัก จำต้องละสายตาจากโคมไฟลายดอกไม้สีหวานบนเพดานลงมาสบตากับชายชราเบื้องหน้า ท่านเป็นคนชอบของเก่า ไม่มีโซฟาหรูๆ หรือขวดไวน์ตั้งอยู่ตามตู้โชว์ มีเพียงเสื่อและโต๊ะตัวเล็กคั่นกลางระหว่างกัน


?ผมก็เลยเตือนสติเขาไปว่าถ้าคุณถูกใครซื้อตัวไป เขาต้องโทษตัวเอง? บอมซังอดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้าเล็กน้อย ?ผมอยากจะช่วยเหลือทางด้านการเงินกับคุณ คุณจะว่าไง? เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าทำหน้าอึ้งๆ จึงหัวเราะ ?ฮ่าๆๆ นี่คุณพอจะรู้เรื่องสมบัติชาติสองชิ้นที่หายไปบ้างรึเปล่าล่ะ?


?ท่านหมายถึงสมบัติที่หายไปช่วงสงครามเกาหลีเหรอครับ?


?งานของคุณคือหามันให้เจอ? ประธานจางยกถ้วยชาขึ้นจิบนิดหนึ่งจึงว่า ?ผมได้ข่าวจากประธานคิมและประธานโอเลยคิดว่าน่าจะเชื่อได้ แต่จะให้แน่ใจที่สุดก็คือคุณหาเจอและพิสูจน์ว่าจริง ขอให้เป็นของแท้ จะแพงแค่ไหนผมก็ไม่ห่วง ผมอยากเป็นเจ้าของมัน?





ในวันถัดมา ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมอย่างคิมบอมซังก็มาถึงญี่ปุ่น ทันทีที่เขามาถึงสนามบินก็มีรถยุโรปคันหรูแล่นมารับ เขาต้องไปหาซูซูกิ ฮานาโกะ นักค้าของเก่าชื่อดังของญี่ปุ่น


ญี่ปุ่นค่อนข้างแตกต่างจากเกาหลี ไม่ว่าจะตึกที่สูงหลายชั้นประดับประดาด้วยหลอดไฟหลากสีและแผ่นป้ายโฆษณา ไหนจะผู้คนที่เดินกันพลุกพล่านไปหมด ร้านค้าแต่ละร้านล้วนตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาด นี่คือเมืองวัฒนธรรมแห่งความล้ำยุค...แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายหวานละมุนในมุมหนึ่ง


ที่พักของเขาเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ มีสวนสวยสีเขียวชอุ่มล้อมรอบ ลมเย็นๆ โชยผ่านทำให้รู้สึกสบายใจแม้ยังไม่ได้ก้าวเข้าไปข้างใน ฮานาโกะนัดพบเขาที่นี่เพื่อคุยกันเกี่ยวกับโบราณวัตถุที่ประธานจางพูดถึง และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาก็จะได้พบเธอ


?เชิญทางนี้ค่ะ? พนักงานบริการในชุดกิโมโนผายมือให้เขาเดินเข้าไปในส่วนของโรงแรม


ประตูเลื่อนทำจากไม้ไผ่เปิดออก หญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาและริมฝีปากอวบอิ่มโดดเด่นบนใบหน้าหวาน ชุดกิโมโนสีส้มอมแดงที่เธอสวมใส่สวยเหมาะกับรูปร่างค่อนข้างอวบแต่ดูสง่า ผมสีดำขลับที่ถูกเกล้าขึ้นทำให้เธอดูสวยหมดจดเช่นเดียวกับรอยยิ้มสว่างไสว ?ยินดีที่ได้พบ ดิฉัน...ซูซูกิ ฮานาโกะค่ะ?


ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้า ฮอโชฮีหรือซูซูกิ ฮานาโกะส่งยิ้มละไมให้แก่ชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ด้วยกัน แม้ในใจจะยังสงสัยอยู่เล็กน้อย ท่าทางลื่นยังกับปลาไหล!


เธอจำต้องปลอมตัวมาที่นี่เพื่อสืบหาข้อมูลให้ได้มากพอก่อนจึงค่อยจับกุมตัวทีหลัง


?มีน้อยคนที่จะรู้ว่าจิฮวาจาคือคนคนเดียวกับนักค้าของเก่า ซูซูกิ ฮานาโกะ แต่ถึงแม้ว่าจิฮวาจาจะยอมบอกข้อมูลแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?


นี่คือคำบอกเล่าจากหัวหน้าคังชีวาน แต่เพื่องานแล้ว...เธอก็พร้อมจะเสี่ยง


?ฉันเคยได้ยินเรื่องของคุณคิมมาเยอะเลยค่ะ วันนี้พบตัวจริง รู้สึกยินดีมาก เพราะคุณ...? เพราะแกมันไอ้คนค้าของโจร! ?...เป็นคนดังในวงการนี้ รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ค่ะ?


คิมบอมซังขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้คำยินว่า ?คนดัง? อาจจะเคยเห็นเราในทีวีก็ได้


?ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ? คิมบอมซังหัวเราะบ้าง ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง ?คุณพอรู้ภาษาเกาหลีรึเปล่าครับ?


โชฮีทำหน้าตื่นไปชั่วครู่เพราะคิดว่าจะถูกจับได้จึงพยายามจะหาทางเอาตัวรอด


?ก็ได้...นิดหน่อยค่ะ? เธอบอกพร้อมกับทำมือให้เห็นว่าเล็กน้อยจริงๆ ?แต่คุณพูดญี่ปุ่นเก่งมากเลยนะคะ อย่างกับคนญี่ปุ่นเลย?


คิมซังบอมหัวเราะขึ้นมาเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะถามขึ้น ?ว่าแต่...ขอดูแจกันหน่อยสิครับ?


?ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้เจ้าของบินไปเที่ยวต่างประเทศอยู่ อีกสองวันถึงจะกลับค่ะ?


?เขาไปเมืองนอก?? แม้ปากจะถามออกไปแบบนั้นแต่ดวงตากลับฉายแววเคลือบแคลงประหลาดจนโชฮีพยักหน้ารับเป็นเชิงให้เชื่อเถอะ ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายลุกขึ้น


?ช่วยไม่ได้ งั้นผมจะเที่ยวแถวๆ นี้รอเขากลับมาแล้วกันนะครับ?


?ถะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะนำเที่ยวเองค่ะ? โชฮีลุกขึ้นยืนตามบ้าง บอมซังจึงต้องโบกมือไปมา ?ไม่เป็นไรหรอกครับ รบกวนกันเปล่าๆ?


?ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ดิฉันมีหน้าที่ต้อนรับคุณอยู่แล้ว...? โชฮีเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงมากขึ้น ?เอาเป็นว่า คุณไปล้างหน้าล้างตาสักครู่แล้วค่อยออกไปเที่ยวกันดีกว่านะคะ?


?ถ้าอย่างนั้น...ก็ตามใจครับ แต่ว่า...?


อ๊ะ...โชฮีเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันทีที่อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก ยังไม่หวานเท่าน้ำเสียงของบอมซัง ?ผมชอบกลิ่นนี้จังเลย ผมว่ามันเป็นกลิ่นที่ทำให้มีเสน่ห์?


แล้วเขาก็เดินจากไป...ทิ้งให้ฮอโชฮียืนทำหน้าเอ๋ออยู่ในห้องครู่หนึ่ง ?ฉันใช้สบู่แตงกวาโว้ย? แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนไล่หลังไป เธอรีบนั่งลงกับพื้นแล้วค้นพาสปอร์ตจากกระเป๋าเสื้อสูทที่ถอดเอาไว้ของเจ้าตัวขึ้นมาดู


?คิมบอมซัง...ฮะ?!? โชฮีอ่านทวนชื่อซ้ำอีกครั้งแล้วก็นึกขึ้นได้ทันที ?ตาคนในทีวีนี่ มิน่าล่ะคุ้นๆ อยู่ ตาบ้าเอ๊ย! ออกทีวีอย่างนั้นยังกล้าค้าของเถื่อนอีก? เธอส่ายหัวไปมากระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาทางนี้จึงรีบหยิบเสื้อสูทของบอมซังขึ้นมาถือเพื่อเตรียมที่จะสวมให้เผื่อเจ้าตัวมาถึง...ต้องเล่นละครกันต่อไป



ก็คนมันหล่อจะทำอย่างไรได้ คิมบอมซังหัวเราะน้อยๆ


เขาเดินออกมาจากโรงแรมนั่นไม่ทันได้ไปไหนก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวมารุมล้อมกันใหญ่เพราะจำได้ว่าเขาคือพิธีกรรายการนักล่าสมบัติ คิมบอมซังหัวเราะเมื่อกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านั้นเชื้อเชิญให้เขาไปที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เขาแกล้งเดินตามไปทันทีโดยไม่รอฮานาโกะ ต้องมีมาดกันบ้างล่ะ

?เครื่องลายครามแบบนี้หายาก? ในมือของเจ้าของร้านมีแจกันลายครามอยู่ชิ้นหนึ่ง คิมบอมซังสำรวจมันผ่านๆ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ?ถ้าใครจะซื้อต้องมากกว่าห้าล้านเยน?


?ผมว่าเงินเท่านั้นผมคงเหมาได้ทั้งร้าน?


?งั้นคุณก็รวยมาก!? เจ้าของร้านทำตาโต ?ดูอย่างขวดสาเกใบนั้น กว่าจะได้มาก็ร้อยห้าสิบล้านเยน?


คิมบอมซังเพียงมองขวดสาเกสีน้ำตาลอ่อนซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เฉยๆ เขาเอ่ยปากขอดูใกล้ๆ และเมื่อเจ้าของร้านส่งมันให้...เขาก็โยนมันลงพื้นทันที เจ้าของร้านร้องเสียงหลงแต่เขาก็ไม่สนใจ


?ผมจ่ายเงินก็ได้ ถ้ามันเป็นของแท้? มือเรียวหยิบชิ้นกระเบื้องขึ้นมา เนื้อของมันเป็นสีขาวแม้ผิวนอกเป็นสีน้ำตาล ?ทั้งที่เปิดร้านใหญ่โต ทำไมคุณไม่ศึกษาเรื่องของมันบ้าง เครื่องลายครามต้องเกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ พื้นผิวของมันจึงต้องเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่นี่...แตกแล้ว ก็ยังเป็นสีขาว พวกของปลอมทั้งหลายจะทำเลียนแบบเฉพาะข้างนอก เพราะฉะนั้นแล้วชิ้นนี้เป็นของปลอม?


เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวจากคนรอบด้านทำให้เขาอดที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ คิมบอมซังโปรยยิ้มไปรอบๆ จนไปสะดุดกับชายคนหนึ่ง เขาสวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมและใส่ยูคาตะสีน้ำเงินเข้ม


?ผมชื่อทานากะ อิจิฮิโระ? เจ้าตัวเดินตรงมาทางนี้และเอ่ยทักทายทันทีด้วยรอยยิ้ม ?คุณมีความสามารถมาก ไม่ทราบว่าคุณจะไปที่บ้านของผมได้ไหม?


?ครับ?? อะไรน่ะตาแก่นี่


?ที่บ้านของผมสะสมเครื่องลายครามแล้วก็ของพวกนี้เยอะไปหมด ผมมีของที่อยากให้คุณช่วยดู? ทานากะยิ้มบางๆ ?ถ้าคุณไม่รังเกียจผมก็อยากจะเชิญคุณไป...?


?คุณคิม!!?


ยัยนั่น...คิมบอมซังหันไปตามเสียงเรียกก็เจอกับฮานาโกะที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขา แวบหนึ่งเขาเห็นประกายตาเหนื่อยหน่ายแต่มันก็หายไปเมื่อเธอพูดขึ้น ?คุณจะไปไหนคะ?


?เขาเชิญให้ผมค้างคืนนี้ ถ้าปฏิเสธก็คงจะน่าเกลียด? บอมซังพยักพเยิดหน้าไปทางทานากะ ?ผมว่าเรางดทัวร์วันนี้ก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน...อ้า! คุณครับ ไปกันเถอะ?


ร่างสูงหันไปยิ้มให้ทานากะแล้วก็ออกเดินในทันที แม้จะได้ยินเสียงแว้ดๆ ของฮานาโกะตามมาจากข้างหลัง ท่าจะหลงเสน่ห์เขาจริงๆ




ฮอโชฮีกำลังนั่งอยู่ในรถคันหรู ในมือถือแก้วไวน์ ก่อนมานี่เธอเพิ่งโทรบอกหัวหน้าคังชีวานไปว่าคิมซางก็คือคิมบอมซัง พิธีกรรายการนักล่าสมบัติ และกำลังเสริมก็กำลังจะมาถึง แต่ตานี่ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ เลย ยังจะไปพักกับใครก็ไม่รู้ เธอที่มีหน้าที่ต้องคอยประกบเขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือตามและตามไปเรื่อยๆ มันน่าโมโหชะมัด


?อ้อ ผมลืมแนะนำตัว น่าเกลียดจริงๆ นะครับ? ชายใส่แว่นตรงหน้าพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน ท่าทางภูมิฐานทำให้เธออึดอัดเล็กน้อย ?ผม...ทานากะ อิจิฮิโระครับ?


?ค่ะ...หา!!?


?อะไรของคุณ? บอมซังสะดุ้งบ้างเมื่อจู่ๆ หญิงสาวคนข้างๆ ก็ร้องออกมา พอหันไปถามสาวเจ้าก็ส่ายหน้าวืดๆ ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเปิดประตูแล้วกระโดดลงจากรถเดี๋ยวนี้ ไอ้พวกซื้อของเถื่อนตัวพ่อ! โชฮีกำแก้วไวน์แน่น ตาจ้องมองน้ำสีแดงนั้น พยายามทำใจให้เย็นไว้ นี่ก็ไวน์ยากูซ่า!


?แล้วชื่อของคุณล่ะครับ?


?ฉะ ฉัน!? โชฮีสะดุ้งเฮือกจนไวน์ในแก้วแทบจะกระฉอก คิมบอมซังปรายตามองงงๆ แล้วจึงเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทนด้วยความหวังดี


?เธอชื่อซูซูกิ ฮานาโกะครับ?


?โอ้ เป็นชื่อดีนะครับ ชื่อเหมือนเพื่อนของผมคนหนึ่งเลย เขาเป็นนักค้าของเก่า?


?มะ หมายถึงซูซูกิ ฮานาโกะที่โตเกียวใช่ไหมคะ? โชฮีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา เพราะคิมบอมซังเริ่มหันมามองเธออย่างไม่ไว้ใจเสียแล้ว ?ฉันเคยเจอกับเขาสองสามครั้ง ได้ข่าวว่าเขาดังในวงการนี้มานาน?


?ชื่อเธอแปลว่าดอกไม้แรกแย้ม ผมคิดว่าชื่อฮานาโกะเหมาะกับคุณมากกว่าเพื่อนของผมเสียอีก คุณเป็นฮานาโกะที่สวยมาก? สิ้นคำพูดของทานากะรถก็จอดตัวลงพอดี ทานากะมองเลยออกไปยังประตูรถที่เปิดออก เขาก้าวลงมาช้าๆ ?ถึงที่พักแล้วล่ะครับ?


โชฮีสะดุ้งอีกเป็นครั้งที่สามเมื่อก้าวลงมาจากรถยังไม่ทันเต็มเท้าดีก็มีเหล่าสมาชิกแก๊งยากูซ่าใส่สูท สวมแว่นดำ ท่าทางนิสัยไม่ดีสักคน วิ่งมายืนเข้าแถวเรียงกันเป็นตับ คนที่ไม่ค่อยจะกลัวอะไรอย่างเธอยังกลับหลังหันอัตโนมัติ แต่พอหันปั๊บก็เจอกับแผ่นอกของคิมบอมซังที่มองเธออยู่


จ้องอะไรไอ้บ้า! เธอยั้งปากตัวเองไว้แล้วก็หันหน้าไปทางนู้นทีทางนี้ที ?ฉันขอตัวแป๊บนึง!? เธอรีบก้าวฉับๆ เข้าไปในสวนใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บ้านของทานากะใหญ่มาก แต่ก็เป็นเงินสกปรก...ที่สำคัญคือเธอไม่มีเวลามากนัก โชฮีจัดการโทรศัพท์หาคังชีวานในทันที ?หัวหน้าคัง ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านของทานากะ?


[ฮะ! ถ้าโดนจับได้ว่าปลอมตัวคุณจะทำยังไง คุณรีบออกมาเดี๋ยวนี้ ทิ้งคิมซางไว้ที่นั่น]


?ไม่ได้ค่ะ? น้ำเสียงเรียบนิ่งบ่งบอกให้รู้ถึงความตั้งใจที่แท้จริง คังชีวานได้แต่ถอนหายใจ


[ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกแผนเดิม ผมจะส่งคนไปแถวๆ บ้านของทานากะและผมจะไปหาคุณที่ญี่ปุ่น]


?อะไรนะ...อ๊ะ? โชฮีซ่อนโทรศัพท์มือถือแทบไม่ทันเมื่อเห็นลูกน้องของทานากะเดินผ่านมา ไม่ช้าบอมซังก็หันมาเรียกเธอให้เดินตามเข้าไปข้างในบ้าน เธอกดตัดสายและเดินเข้าไปในตัวบ้าน สำรวจรอบๆ อย่างสนใจ ตามชั้นวางของมีแต่โบราณวัตถุจากเกาหลีเต็มไปหมด เครื่องลายครามนั่นก็น่าจะอยู่เช่นกัน


?คุณทานากะน่ะสะสมเครื่องลายคราม? บอมซังก้มหน้าลงมากระซิบ ?เขาเลยอยากชวนมาดู?


โชฮีสบตาอย่างไม่พอใจก่อนจะนึกขึ้นได้ ถ้าทานากะโชว์เครื่องลายครามสองชิ้นนั้นล่ะ เขาต้องถามความคิดเห็นของเธอแน่ และเธอก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรสักนิด...เร็วเท่าความคิด เธอแกล้งเป็นลมล้มใส่อ้อมแขนของคิมบอมซัง ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว โชฮีได้ยินเสียงวุ่นวายอึกทึกครึกโครมเต็มไปหมด รู้สึกว่าร่างตัวเองถูกยกขึ้นและวางลง ณ ที่หนึ่ง เมื่อหาจังหวะลืมตาขึ้นได้ ใบหน้าระยะประชิดของคิมบอมซังก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า


?ลุกไหวไหม ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณเหนื่อยทั้งวันจนเป็นลม? เขาตรงเข้ามาช่วยประคอง อ่อนโยนจนเธอรู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ แต่คำว่าโจรก็ยังค้ำคอ เธอทำเป็นเหมือนร่างกายไม่มีแรง ปล่อยให้เขาพูดต่อไป ?คุณทานากะบอกว่าพรุ่งนี้ค่อยไปดูเครื่องลายคราม คืนนี้คุณพักก่อนดีกว่าครับ?


?อ่ะ เอ่อ...คุณคิมคะ? เธอนึกอะไรบางอย่างได้ในวินาทีที่เขากำลังจะเดินออกไป ?ฉันคิดว่าจะบอกคุณแต่ก็ลืมไปซะสนิท เจ้าของเครื่องลายครามที่คุณอยากได้จะขอนัดพรุ่งนี้เช้าค่ะ เอ่อ...? เธอพยายามเค้นหาคำโกหกต่อไป ?ที่เขาเดินทางกลับมาเร็วขึ้นคงเพราะเกรงใจที่ให้คุณต้องรอ?


?ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี? คิมบอมซังพยักหน้า มือจับอยู่ที่ประตูทำท่าจะเปิดออกไปแต่แล้วก็ค้างอยู่ตรงนั้น เขาเหลือบตาลงมองโชฮีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนฟูกเบื้องหน้า ?ผมเป็นห่วงนะครับ?


แล้ว...มันก็จากไป


?ไอ้บ้าเอ๊ย!? โชฮีผุดลุกขึ้น ?อย่าคิดว่าจะหนีได้เลย หัวขโมยอย่างแกน่ะมันต้องตาย เป็นห่วงป้าแกสิ โอ๊ย หลัง!? เธอยกมือขึ้นลูบเอวที่ถูกสายโอบิรัดไว้เสียแน่นก่อนจะจัดการแกะมันออกทันที ?จะตายอยู่แล้ว อึดอัดโว้ย! เอ๊ะ...? พลันสายตาก็ไปเจอกับอะไรบางอย่างที่ประดับอยู่บนผนังห้อง


?นี่ภาพวาดของคิมฮงโดนี่? เธอพึมพำเสียงเบาขณะกวาดตาสำรวจไปเรื่อยๆ ?ทำไมของล้ำค่าถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ เฮ้อ...แล้วแจกันลายครามอยู่ไหนล่ะ?


ฮอโชฮีคนนี้ไม่มีวันอยู่เฉยแน่ๆ


เธอคิดแบบนั้น...กระทั่งเดินไปถึงห้องห้องหนึ่งและสัญญาณกันขโมยก็ดังขึ้น เธอจึงออกวิ่งแบบไม่คิดชีวิตไปสู่สวนกว้างด้านนอก ข้ามสะพานผ่านบ่อน้ำพุร้อนไปจนคิดอะไรอย่างหนึ่งได้เดี๋ยวนั้น


เอาวะ!





?ว้ายยย!?


โชฮีร้องเสียงหลง สาบานได้ว่าเธอไม่เคยทำเสียงแหลมขนาดนี้มาก่อน มันเป็นชั่วอึดใจที่เธอตัดสินใจกระโดดลงบ่อน้ำพุร้อน ใครจะไปรู้ว่าไอ้ห้องนั่นมันจะติดสัญญาณกันขโมยไว้แบบว่าเดินเข้าไปแตะปั๊บก็ดังปุ๊บเล่า โอเค เธอเลินเล่อเอง คิดไปก็ถอนหายใจ โดดลงน้ำให้ตัวเปียกตอนกลางคืนแบบนี้ไม่สนุกสักนิด


รอดไป ฮอโชฮีค่อยๆ ว่ายไปข้างหน้าเพื่อหาทางขึ้นจากฝั่ง แต่แล้ว...


?คุณฮานาโกะ?!?


ตาย...เธออยากจะมุดน้ำหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ คิมบอมซังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในสภาพที่เรียกได้ว่าไม่เปลือยก็กึ่งเปลือยเพราะเสื้อคลุมสีขาวบางที่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ แม้จะพยายามผูกสายที่เอวเป็นพัลวันแต่เพราะสายตาของคนตรงหน้าที่มองมาก็ทำเอาเธอมือสั่น ไหนจะชุดชั้นในที่...แย่ที่สุด!


ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก ?ระ ร้อนจังนะคะ!?


?ก็คุณอาบน้ำร้อนนี่ ฮะๆ? หัวเราะแล้วยิ้มกริ่ม คิมบอมซังนี่...น่ากลัวเหมือนกัน


โชฮีหัวเราะบ้าง แล้วก็ตัดสินใจที่จะหนีไปทางอื่น แต่ว่าคิมบอมซังก้าวเข้ามาประชิดตัวเสียก่อน ท่ามกลางกระแสน้ำ...คนตรงหน้าทำให้มันร้อนยิ่งขึ้น โชฮีเหลือบมองแผ่นอกกว้างแล้วก็อยากจะกรี๊ด พอเธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาก็ก้าวขึ้นมาอีกหนึ่งก้าว ?ผมรู้คุณต้องการอะไร มาเถอะ เริ่มกันเลย?


หา?! โชฮีได้แต่อ้าปากค้างยามที่คิมบอมซังมาดหมายจะโอบกอดเธอ มันทำให้ต้องถอยหลังแล้วก็สะดุดเข้ากับก้อนหินใต้น้ำหงายหลังลงไปดำผุดดำว่าย รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา


?ปล่อยโว้ย!? ฮอโชฮีลืมทุกอย่างหมดสิ้น เธอผลักบอมซังออกอย่างแรง เขาถึงกับเซไปชนหินอีกฝั่ง ?ฉันอยากได้เหรอ! ไอ้ลามก ไอ้หื่นเอ๊ย! จะเล่นไข่แดงฉันเหรอ ไอ้บ้า!?


ว่าพลางก็ปีนขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อนโดยไม่ได้สนใจเลยว่าเบื้องหลังของตนมีอะไรลอยอยู่


คิมบอมซังได้แต่มองชุดชั้นในนั้นงงๆ ...80 B?


?ไอ้หื่นเรอะ ก็เธอเสนอฉันถึงสนองไงล่ะ โธ่เว้ย? เขาตัดสินใจขึ้นจากน้ำในที่สุดหลังจากหมดอารมณ์สุนทรีย์ในการดูดาวแล้ว แต่ไม่วายสำรวจชุดชั้นในนั้นอีกครั้ง พลิกไปพลิกมาแล้วสะดุดตากับอะไรบางอย่าง จึงแต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วเดินขมวดคิ้วไปตามริมระเบียงบ้านของทานากะ


?เป็นไปได้ยังไงตั้ง 80 B...เฮ้ย ไม่ใช่สิ? มือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะ ?คุณฮานาโกะใช้บราจากเกาหลี??


ทันใดนั้นเขาก็หยุดเดินเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ขา เป็นเจ้าแมวขนปุยของทานากะนั่นเอง ซุมิเระ? เหมือนเขาจะได้ยินทานากะเรียกแบบนั้น ขนปุยสีขาวสวยทำให้มันน่ารักเหมือนตุ๊กตา อดไม่ได้ที่เขาจะย่อตัวลงไปลูบหัวมันเบาๆ เจ้าแมวครางรับและยืดตัวขึ้นทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่าง...



เอ๋?





?ไปกันเลยไหมคะ!? โชฮีตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อคิมบอมซังเดินตรงมาหาเธอในตอนเช้า เธอเพิ่งจะวางโทรศัพท์จากคังชีวานไปเมื่อสักครู่นี่เอง มันทำให้คิดได้ว่า อย่างไรก็ตาม...การจับกุมตัวเขาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อะไรจะเกิดที่บ่อน้ำพุร้อนเมื่อคืนเธอคงต้องทำเป็นลืมๆ ไปซะ


?เราควรจะไปลาคุณทานากะก่อน แล้ว...? คิมบอมซังเว้นไปครู่หนึ่ง ?เรื่องเมื่อคืนน่ะ?


?ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ...?


?ไม่เป็นไร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ แต่เราควรไปลาคุณทานากะก่อน?

?ฉันลาเขาให้แล้วล่ะค่ะ?


คิมบอมซังเพียงยิ้มรับแต่ก็ยังจะเดินหนี โชฮีจึงรีบวิ่งไปดักหน้าไว้ จ้องตากันอยู่เนิ่นนานกระทั่งชายหนุ่มเป็นฝ่ายโน้มหน้าเข้าหาจนเธอต้องขยับหนี เขากระซิบเสียงเบา


?ถึงจะรีบก็น่าจะรอดูแจกันสลักลายดอกบัวชองฮวาก่อน เป็นสมบัติของชาติเราทั้งที คุณไม่อยากดูเหรอ? ใบหน้าระรื่นของเขาเปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ?คุณอย่าทำเป็นไม่รู้ จริงๆ แล้วซูซูกิ ฮานาโกะน่ะเป็นคนเกาหลี แล้วคนของผมก็บอกว่าเธอถูกจับไปแล้ว นี่คุณเป็นใครกัน ผมถามว่าคุณเป็นใคร!?


?อ๊ะ คุณทานากะ!? โชฮีแกล้งชี้มือไปยังด้านหลังหวังให้ชายหนุ่มหันไปมอง ทว่าพอเธอย่องออกมาเขาก็คว้าคอเสื้อของเธอไว้ทันที ?จะหนีไปไหน! คุณสนิทกับทานากะไม่ใช่หรือไง?


?คุณคิม คุณฮานาโกะ เชิญทางนี้ครับ? ทานากะที่อยู่ในห้องถัดไปโผล่หน้าออกมาโบกมือเรียก คิมบอมซังและฮอโชฮีจึงผละออกจากกันชั่วคราว


ทานากะพาเขาเดินตรงเข้าไปในตัวบ้าน...ห้องที่ทำให้โชฮีต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อคืน เขากดรหัสอะไรบางอย่างแล้วประตูก็เปิดออก มีเพียงแจกันลายครามใบเดียวตั้งอยู่กลางห้อง มันดูมีค่ามากเสียจนเธอรู้สึกตาพร่า ในขณะที่บอมซังยกมือขึ้นลูบคางอย่างครั่นคิด เจ้าของบ้านสังเกตอาการเหล่านั้นแล้วหัวเราะ เขาเดินไปหยิบแจกันขึ้นมาแล้วส่งให้บอมซัง ?ผมภูมิใจที่ได้เชิญพวกคุณมาดู นี่คือแจกันลายครามมูลค่ามหาศาล?


?แปลกมาก...ทั้งสี ทั้งลาย เป็นอะไรที่ลงตัวมาก? บอมซังมองสำรวจของในมืออีกครั้ง ?ถ้าจะว่าไปแล้วก็ทำเหมือนมาก คุณทานากะ นี่เป็นของปลอมครับ?


โชฮีอ้าปากค้าง...ตานี่รู้ได้ยังไง? ทีแรกเธอกะจะพูดขัดคอเสียหน่อย แต่หันไปเห็นว่าทานากะทำท่าทางโกรธแค้นเสียก่อน ร่างในชุดยูคาตะสีเข้มเดินออกไปด้านนอกและออกปากสั่งลูกน้องเสียงดังให้ออกตามล่าใครสักคนในทันที วินาทีนั้นเองที่เธอนึกขึ้นได้ว่าคิมบอมซังทำงานอะไร เขาต้องรู้อยู่แล้ว


?ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไง คุณช่วยผมไว้ถึงสองครั้ง?


ทานากะเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งสามคนเดินออกมาถึงห้องรับแขกแล้ว โชฮีไม่สนใจสาระของมันสักนิด เธอทำหน้ายุ่งๆ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเพียงไม้ประดับ บอมซังก็แอบกระแหนะกระแหนเธอตลอด


?สายเลือดซามูไรต้องตอบแทนคุณ ต้องการอะไรก็บอก ให้ฆ่าคนก็ได้ ขอแค่คุณพูด?


?จริงเหรอครับ? บอมซังรอจนทานากะพยักหน้าแล้วจึงได้พูดต่อ ?ถ้าอย่างนั้นผม...? เขาค่อยๆ หันนิ้วไปทางฮอโชฮีที่ยืนมองอย่างตระหนก เธอไม่คิดว่าหมอนี่จะล้อเล่น ยิ่งสายตาที่สบกันนั่นแล้ว มันทำให้เธอรีบยกมือขึ้นโบกเป็นพัลวันและหลับตาปี๋ แต่ว่า...


?ผมขอแค่แมวตัวนั้น?

Gals
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

Re: New Release : Night After Night หล่อเหลือล้น ปล้นเถอะค่

โพสต์ โดย Gals »



คิมซางตัวจริงก้าวลงมาจากรถด้วยท่วงท่ามั่นใจ เขาไว้ผมสีบลอนด์สะดุดตาและใส่สูทสีขาวที่ไม่เข้ากับใบหน้าค่อนข้างแบนนั่นสักนิด ดวงตาโปนกวาดมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง บ้านของทานากะ


เมื่อวานเขานัดพบกับซูซูกิ ฮานาโกะเพื่อจะคุยเกี่ยวกับสมบัติสองชิ้นสำคัญของเกาหลี ไม่รู้ทำไม...พอเขาไปถึงโรงแรมหล่อนกลับไม่อยู่ และลูกน้องของเขาก็รายงานว่าหล่อนถูกจับไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะเขารู้ว่าของนั่นอยู่ที่บ้านของทานากะ ทำให้เขาจำเป็นต้องมาที่บ้านหลังนี้เพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการ


ต้องมีใครสักคนเล่นตลก และเขาจะไม่อยู่เฉย ทานากะจะได้รู้เรื่องนี้


คิมซางมองดูรูปถ้วยลายครามในมืออีกครั้งจึงเดินเข้าไปในตัวบ้าน สวนกับอีกสองคนที่เพิ่งเดินออกจากบ้านมา


?เขายกสมบัติทั้งหมดของซุมิเระให้คุณด้วยสินะ?


?ใช่? คิมบอมซังมองกระเป๋าที่ทานากะมอบให้ ในนั้นมีเจ้าแมวขนปุยและข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย รวมถึง... ?นี่คือจานลายครามลายดอกเบญจมาศชองฮวา เป็นหนึ่งในสองของสมบัติชาติเกาหลีที่อยู่ภายในบ้านของทานากะ แจกันนั่นเป็นของปลอม แต่จานใส่ข้าวของซุมิเระเป็นของจริง ทีนี้มาเคลียร์กัน คุณเป็นใคร?


?ฉันขอถามก่อน? โชฮีถอนหายใจเบาๆ ?คุณทำงานให้แก๊งริวเซไคหรือเปล่า?


?อะไรเซๆ นะ ผมไม่รู้จัก? คิมบอมซังเก็บจานลายครามลงไปในกระเป๋าดังเดิม ตอนนี้ทั้งเขาและโชฮีออกมายืนอยู่หน้าบ้านของทานากะแล้ว เขาสังเกตเห็นรถยนต์สีดำสนิทจอดอยู่ด้านข้าง ?อา...ผมว่าคิมซางของคุณคงอยู่ข้างในนั่นแหละ ตาหัวบลอนด์ที่เดินสวนไปเมื่อกี้แหงๆ?


?ฉันก็ว่างั้น! โธ่เอ๊ย!! ต้องโทรบอก หัวหน้าคัง? หญิงสาววิ่งกลับเข้าไปข้างในทันทีเพื่อดูสถานการณ์ บอมซังมองตามแล้วก็ยักไหล่ สักพักหล่อนก็วิ่งกลับออกมาพร้อมคำพูดที่ว่า ?วิ่งซะ ถ้าไม่อยากตาย!?


ไม่ต้องการคำอธิบายมากกว่านั้น เมื่อลูกน้องจำนวนมากของทานากะพากันกรูออกมาจากบ้าน คิมบอมซังยืนมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ อยู่พักหนึ่งก่อนออกวิ่ง ?มันตามเราทำไม!?


?มันตามคุณ!? โชฮีตะโกนลั่นแม้สับขาวิ่งอย่างเหน็ดเหนื่อย เธอและบอมซังวิ่งเลาะไปตามซอยเล็กซอยใหญ่แต่ก็สลัดพวกมันไม่หลุด ?คิมซางบอกทานากะเกี่ยวกับจานลายครามที่คุณจิ๊กมา!?


?ผมไม่ได้จิ๊ก เขาให้ผม?


?หน้ามึน!?



ไว้หนีรอดเมื่อไหร่เขาจะจัดการหล่อนทีหลัง บอมซังผู้ไม่เคยถูกใครว่ามาโดนยัยนี่ด่าตั้งสองครั้งสองครา หมายหัวไว้ในใจแล้วก็เร่งฝีเท้าต่อกระทั่งไปเจอเอากับชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่ง


โชฮีและบอมซังค่อยๆ เดินถอยหลัง แล้วก็ปะทะกับพวกมันอีกหนึ่งกลุ่ม ตาย...กับตาย





?ที่คุณขอจานลายครามไปเพราะรู้ค่าของมัน? ปลายดาบซามูไรถูกยกขึ้นชี้หน้าคิมบอมซัง ในขณะที่ฮอโชฮีกระโดดหลบไปยืนข้างหลังเขาอย่างทันท่วงที ตอนนี้ทั้งคู่ถูกพาตัวกลับมาที่บ้านของทานากะอีกครั้ง ไม่ใช่ห้องพักสะดวกสบายแต่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยเหล่าลูกน้องยากูซ่า


?เจ้าหัวขโมย! คุณคิดว่าใครๆ จะไม่รู้ค่าของมันอย่างนั้นสินะ!?


?ผมคิดว่านั่นคือของตอบแทน?


?คุณเรียกค่าตอบแทนแพงเป็นล้านเลยหรือไง!?


?คุณนั่นแหละที่ไม่เห็นค่าของมัน? โชฮีลุกขึ้นยืนอย่างทนไม่ไหว เธอแก้สายโอบิที่รัดตัวออกอีกครั้ง บอมซังจ้องตาแทบถลน เขาไม่รู้ว่าแม่นี่กำลังทำอะไร กระทั่งเธอตะโกนออกมา ?อึดอัด!?


ลูกน้องทุกคนที่ทำท่าจะตรงเข้ามาจับเธอได้แต่ยืนนิ่งเมื่อทานากะยกมือขึ้นห้าม


?ยังไงมันก็เป็นของฉัน?


?คุณใช้มันเป็นจานข้าวแมว? โชฮีจ้องตาทานากะอย่างไม่เกรงกลัว เธอหัวเราะหยันๆ แล้วทำท่าจะพูดต่อ แต่คิมบอมซังลุกขึ้นยืนและพูดแทรกเสียก่อน


?ของทุกๆ อย่างมีค่าของมันเอง เมื่อคุณเห็นเป็นจานข้าวแมวมันก็จบ คุณเป็นคนยกให้ผมเอง ผมไม่ได้เอ่ยปากขอ แล้วอย่างนี้ยังจะหาว่าผมผิดอีกเหรอ?


?สำหรับคุณแล้วมันคงมีค่าเป็นแค่ทรัพย์สิน? โชฮีพูดขึ้นบ้าง ?สำหรับเรามันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมจากบรรพบุรุษ เป็นประวัติศาสตร์และเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งเกาหลี!?


โชฮีเหลือบตามองบอมซังที่มองมาทางเธอเล็กน้อย เขายิ้มบางๆ แล้วก็เอ่ยต่อ ตาจับจ้องอยู่ที่อดีตจานข้าวแมวในมือ ?ผมพูดตรงๆ นะ สมบัติชิ้นนี้ควรจะอยู่กับคนที่รู้ค่าของมัน เพราะคุณมองไม่เห็นค่าของมันเลย นอกจากแค่ความสวยงาม ผมถึงได้ยอมรับมันมาจากคุณโดยไม่พูดอะไร?


?หวังว่าจากนี้คุณจะเห็นค่าของมันและใช้มันอย่างเหมาะสม ขอบคุณค่ะ? ว่าแล้วฮอโชฮีก็กลับหลังหันเช่นเดียวกับคิมบอมซัง จุดมุ่งหมายก็คือประตู แต่ว่าชายชุดดำก็ไม่ยอมเปิดทาง


?ฉันไม่ให้ไปง่ายๆ หรอก เอาซุมิเระของฉันคืนมา?


เมื่อได้ยินดังนั้น บอมซังก็จำต้องส่งกระเป๋าที่เขาถือวิ่งหนีแทบเป็นแทบตายให้ทานากะอย่างช่วยไม่ได้ กระทั่งจะออกเดินอีกครั้ง คนของทานากะก็ยังไม่ยอมเปิดทางให้


?ยังไม่ได้บอกให้ไป? ทานากะเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะหยิบจานข้าวแมวออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้บอมซังและโชฮี ?พวกคุณบอกว่าให้แลกกับคุณค่าของมันใช่ไหม มันมีค่าเท่ากับซุมิเระของผม เอาไป!?


ทั้งสองคนหันมองหน้ากันเล็กน้อย...ต่างคนต่างอ่านแววตาของอีกฝ่ายไม่ออก





?คุณคิดจะทำยังไงกับมัน? ฮอโชฮีมองคิมบอมซังที่กำลังบรรจงวางจานลายครามใส่กล่องด้วยท่าทางเรียบเฉยหลังจากทานากะและลูกน้องออกไปแล้ว พวกเขาให้เวลาเล็กน้อยเพื่อที่คิมบอมซังจะได้เก็บของ


?ผมคงเอาไปนั่งมองเล่นมั้ง? เขาตอบกลับพร้อมยักคิ้วกวนๆ ?หรือไม่ก็ใส่ข้าวกิน?


?คุณควรจะบริจาค บอ-ริ-จาค? โชฮีเอ่ยย้ำ ถ้าทำได้ก็อยากจะเอานิ้วจิ้มศีรษะเขาเพื่อย้ำให้มันเข้าหัวเขาจริงๆ ด้วย ?มันเป็นสมบัติของชาติ ชาติของเรานะ ไม่อยากให้คนในชาติได้สัมผัสมันบ้างเหรอ?


?ผมว่าผมคงไม่มีเลือดรักชาติแรงขนาดนั้นหรอก ที่สำคัญคือผมไม่ชอบแบ่ง คนเราแบ่งกันไม่ได้ และผมว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว งั้นลากันตรงนี้เลยนะคุณฮานาโกะ ลาก่อน!? พูดจบร่างสูงก็จ้ำพรวดออกจากห้องไป ทิ้งให้ฮอโชฮียืนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง


?ก็ได้! ลองดูว่าใครจะแน่กว่ากัน ได้เห็นดีกันแน่!? เธอกวาดตามองไปรอบๆ ตัว ในหัวก็คิดหาวิธีที่จะได้จานลายครามใบนั้นกลับไป ?ต้องโทรบอกหัวหน้า...แต่ว่า อุตส่าห์ได้จานใบนั้นมาแล้วแท้ๆ?


หลังวางสายจากคังชีวานแล้วเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น อีกประเดี๋ยวหัวหน้าคังก็คงมา


?ถ้าหมอนั่นยอมคืนจานให้คงเป็นข่าวใหญ่จนโด่งดังไปทั่วเกาหลีแล้วแท้ๆ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีความรักชาติเอาซะเลย...อ๊ะ ข่าวใหญ่งั้นเหรอ!? โชฮีผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว


เธอมองโทรศัพท์มือถือในมืออีกครั้ง ปรากฏเป็นรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า





----------
เรียกได้ว่าเป็นการเชือดเฉือนระหว่างพระนางในเรื่องเลยก็ว่าได้สำหรับเรื่องนี้ นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องราวที่น่าติดตามอีกมากมาย ทั้งการหายตัวไปของพ่อของฮอโชฮี ทั้งการที่สมบัติชาติที่หายไปถูกนำมาคืนโดยจอมโจรปริศนา รับรองว่าถ้าหากได้อ่านเรื่องนี้แล้วคงวางไม่ลงกันทีเดียว ร่วมค้นหาและติดตามการสืบค้นของทั้งสองคนได้จากนิยาย Night After Night หล่อเหลือล้น ปล้นเถอะค่ะ ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”