New Release : Stage of Youth หนุ่มเท้าไฟ หัวใจฉันโดนเธอ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Stage of Youth หนุ่มเท้าไฟ หัวใจฉันโดนเธอ

โพสต์ โดย Gals »

เรื่องย่อ
เซี่ยเหล่ยชอบการเต้นมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะพ่อเป็นนักยิงธนูเขาจึงถูกฝึกฝนเพื่อเป็นนักยิงธนู อาการต่อต้านและความอยากเป็นนักเต้นมีมากขึ้นจนเขาไม่อยากจะทนกับสิ่งที่พ่อบังคับอีกต่อไปแล้ว จึงออกจากบ้านมาเพื่อทำตามความฝัน โดยมีเถียนมั่วมั่วเพื่อนสาวคนสนิทที่อยู่บ้านติดกันเป็นแรงใจ และอาโปเพื่อนสินทอีกคนหนึ่งที่คอยหนุนหลังให้ความฝันของเขาเป็นจริงได้ แต่...








1






ทันทีที่เสียงดนตรีจังหวะมันส์ดังขึ้น ร่างสูงก็เริ่มขยับกายพลิ้วไหวไปตามเสียงเพลง ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาจะเริ่มมีเหงื่อผุดซึม แต่ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูปกลับฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจเป็นที่สุด


?เหล่ย! ฉันรักคุณ!?


?กรี๊ดดดดด เซี่ยเหล่ย! ท่าเต้นของคุณละลายหัวใจของฉัน!!?


นั่นแหละ! กรี๊ดให้ดังกว่านี้สิ กรี๊ดให้กับนักเต้นมือหนึ่งของประเทศจีน ?เซี่ยเหล่ย? คนนี้!


หนุ่มร่างสูงนึกอย่างเข้าข้างตัวเองแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุขราวกับได้ขึ้นสรวงสวรรค์ แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่ความคิดของเขาเท่านั้นแหละ... ทั้งแสงสปอตไลท์ที่สาดส่อง ทั้งเสียงกรี๊ด ป้ายไฟ และเหล่าแฟนคลับทั้งหลายล้วนแต่เป็นมโนภาพของเขาทั้งสิ้น อันที่จริงเขาไม่ได้ยืนอยู่บนเวที แต่กำลังฝึกเต้นท่าใหม่ที่เพิ่งคิดได้เมื่อคืนอยู่ที่ลานกว้างในบ้านของเขาต่างหาก!


?เต้นบ้าอะไรแต่เช้า ทำไมถึงไม่ไปซ้อมอีก? พ่อของเขาฉุดให้เขาตื่นขึ้นจากความฝันอันสวยหรู


?นี่มันยังเช้าอยู่เลยนี่ฮะ? ชายหนุ่มที่หลงรักการเต้นตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก คำพูดนี้ของพ่อ เขาฟังมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว


เซี่ยหมิงเหยี่ยนหรือ ?เหล่าเซี่ย? อยากให้ลูกของตัวเองเป็นนักยิงธนูโอลิมปิกเหมือนกับเขา แต่ทว่าความฝันของเซี่ยเหล่ยไม่ใช่การยิงธนู แต่เป็นการเต้นต่างหาก


?เสี่ยวเหล่ย พ่อของเธอไปทำงานแล้วนะ ทำไมเธอยังไม่ไปอีก?


หลังจากเหล่าเซี่ยเดินออกจากบ้านไปทำงาน เหล่ากู้ผู้เป็นแม่ของ ?เถียนมั่วมั่ว? ลูกศิษย์คนโปรดของเหล่าเซี่ยซึ่งบ้านอยู่ในรั้วเดียวกันก็เดินออกมา


?ผมรู้แล้วฮะ ขอเต้นอีกหน่อย เดี๋ยวผมก็ไปแล้ว?





ที่สนามฝึกยิงธนู


เซี่ยเหล่ยยกคันธนูขึ้นมาสุดแขนแล้วเล็งไปที่วงกลมสีเหลืองกลางเป้าธนูด้วยอารมณ์เฉยชาราวกับเขาเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งของโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ ถ้าพ่อมาเห็นการยิงธนูของเขาล่ะก็ต้องถูกดุแหงๆ เพราะมันช่างไม่มีจิตวิญญาณและความมุ่งมั่นเอาเสียเลย


?ระวังท่าเตรียมพร้อมหน่อย ต้องจับให้มั่นกว่านี้? โค้ชช่วยเตือนสติ เขาจึงพยายามตั้งสมาธิจดจ่อกับมันให้มากขึ้น


?ไม่เลวๆ ดีมาก ไหนลองใหม่อีกหน ใช้หัวไหล่รั้งเอาไว้ นั่นแหละ รั้งเอาไว้แบบนั้น?


เซี่ยเหล่ยทำตามที่โค้ชแนะนำ


?ดี ไม่เลว?


ทันทีที่โค้ชเดินไปดูลูกศิษย์คนอื่น เสียงโทรศัพท์ของเซี่ยเหล่ยก็ดังขึ้นเหมือนกับรู้เวลาล่วงหน้า


?ฮัลโหล?


[นี่! เซี่ยเหล่ย นายอยู่ไหน] อาโปเพื่อนสนิทของเขาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


?ฉันกำลังฝึกซ้อมอยู่?


[นี่! ตอนนี้ฉันอยู่ในสวน ฉันเห็นคนกลุ่มหนึ่งเต้นบีบอยได้ร้ายกาจสุดๆ นายรีบมาดูสิ]


อาโปไม่สนใจว่าเซี่ยเหล่ยจะฝึกซ้อมอยู่ ยังไงเขาก็อยากให้เซี่ยเหล่ยได้เห็นคนกลุ่มนี้เต้นบีบอยให้ได้


?ฉันไปไม่ได้ คือว่า...โค้ชคุมอยู่ตลอดเลย? เซี่ยเหล่ยชำเลืองมองโค้ชที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก


ถึงแม้ว่าเขาจะอยากไปดูใจจะขาด แต่ถ้ามีโค้ชยืนคุมไม่ห่างแบบนี้ เขาจะหนีออกไปได้ยังไงกัน


[รีบมาเร็วๆ เหอะน่า] อาโปคะยั้นคะยอ


?นี่! ตรงนั้นน่ะ ระหว่างซ้อมห้ามรับโทรศัพท์? โค้ชหันมาเอ็ดเซี่ยเหล่ย เขาจึงรีบตัดสายอาโปก่อนที่จะโดนโค้ชเอ็ดอีกรอบ


?เดี๋ยวค่อยว่ากันนะ?


แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของอาโปจะยังไม่สิ้นสุด เขาโทรมาถามเซี่ยเหล่ยอีกครั้งหลังจากที่วางสายไปได้แค่แป๊บเดียว


?ฮัลโหล?


[นี่ นายจะมาหรือไม่มา]


?โธ่เอ๊ย นายจะรีบร้อนไปทำไม?


[ไม่รีบได้ไง พวกเขากำลังจะไปกันหมดแล้วนะ]


?จริงเหรอ โอเคๆ งั้นฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ รอฉันก่อนนะ?


[เร็วๆ นะ ได้ๆ บาย]


พอวางสายจากอาโป เซี่ยเหล่ยก็หันซ้ายหันขวาก่อนจะรีบชิ่งออกจากสนามฝึกซ้อมเมื่อเห็นว่าทางสะดวก เมื่อไปถึงสวนที่อาโปนัด เซี่ยเหล่ยก็ร่วมเต้นไปกับกลุ่มนักเต้นบีบอยกลุ่มนั้นอย่างสนุกสนาน วัยรุ่นที่มามุงดูต่างก็ชื่นชมชายหนุ่มที่กำลังเต้นอย่างมีชีวิตชีวากันถ้วนหน้า


ในขณะที่เซี่ยเหล่ยกำลังมีความสุขกับการเต้น เขาหารู้ไม่ว่าอีกด้านหนึ่ง ความประพฤติของเขาที่ชอบมาสายและหนีกลับก่อนบ่อยๆ กำลังโดนสมาคมยิงธนูวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก


?เหล่าเซี่ย?


?หือ?


?เหล่าเซี่ย เซี่ยเหล่ยไม่ตั้งใจฝึกซ้อมซึ่งส่งผลกระทบต่อทีมอย่างหนัก ถึงจะอบรมสั่งสอนเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมปรับปรุงตัวเองเลย ทางสมาคมจึงได้ตัดสินใจ... ตัดชื่อเขาออกจากทีม?


?ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เหล่าเซี่ยผู้เป็นพ่อถึงกับหน้าเสียที่ได้ยินโค้ชจากสมาคมยิงธนูพูด เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เขาเป็นถึงอดีตทีมชาติโอลิมปิก แต่ลูกของเขากลับทำตัวเหลวไหลออกนอกลู่นอกทางจนถูกไล่ออกจากทีม!


?ให้โอกาสเขา...อีกครั้งได้ไหม? เขาไม่เคยต้องขอร้องใคร แต่ในวันนี้เขากลับต้องมาอ้อนวอนขอร้องให้ลูกชายที่ประพฤติตัวเหลวแหลกอย่างเซี่ยเหล่ย!


?เหล่าเซี่ย นี่เป็นการตัดสินใจของทีม เราไม่มีสิทธิ์ผ่อนผันได้เลย? โค้ชจากสมาคมบอกอย่างลำบากใจ


เถียนมั่วมั่วที่กำลังซ้อมยิงธนูก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย เธอเห็นสีหน้าของผู้เป็นอาจารย์แฝงความกังวลอย่างชัดเจนจึงเดินเข้าไปถามอย่างเป็นห่วง


?อาจารย์ เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ...?


เหล่าเซี่ยไม่ตอบแต่กลับเดินหนีไป เธอจึงได้แต่มองตามหลังผู้เป็นอาจารย์อย่างเป็นกังวล พลางนึกเป็นห่วงเซี่ยเหล่ยขึ้นมาจึงไปถามเรื่องนี้เอากับโค้ช และพอเธอได้รู้ เธอก็รีบไปหาเซี่ยเหล่ยทันที


?นายรีบกลับบ้านเถอะ วันนี้พ่อนายเสียใจมากนะ เขาถึงกับไปขอร้องผู้นำ...?


?ใครให้เขาไป ฉันเป็นคนให้เขาไปงั้นเหรอ? เซี่ยเหล่ยสวนกลับเถียนมั่วมั่วอย่างหงุดหงิด ?ฉันก็มีความฝันของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้เขามายุ่งเรื่องของฉัน?


?ฉันรู้ว่านายมีความฝัน และฉันก็เข้าใจนายดีทุกอย่าง แต่เซี่ยเหล่ย...นายก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพ่อนายด้วยนะ?


?ฉันไปทำอะไรให้? เซี่ยเหล่ยเริ่มพาลจนเถียนมั่วมั่วนึกโมโห


?นายทำให้พ่อนายโกรธขนาดนั้นยังจะมาถามอีก ไป กลับบ้าน? เธอขึ้นเสียงนิดๆ แล้วดึงมือเขาให้กลับไปกับเธอ แต่เซี่ยเหล่ยก็ปัดมือของเถียนมั่วมั่วออก


?ไม่! ฉันไม่กลับ?


?เอ๊ะ นายนี่ดื้อจริงๆ!? เถียนมั่วมั่วเริ่มโมโหอยากจะลงมือลงไม้กับคนตัวโตแต่หัวดื้อยิ่งกว่าเด็กเล็กๆ ให้เข็ดหลาบ


?ใครดื้อ! ฉันดื้อหรือว่าเขาดื้อ กลับบ้านไปก็ให้ซ้อมธนูทุกวัน?


?เฮอะ! สรุปแล้วก็เป็นลาทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ? เถียนมั่วมั่วเริ่มเอือมระอาเลยคิดจะเดินหนี แต่ถูกเซี่ยเหล่ยดึงเสื้อเอาไว้


?นี่! เมื่อกี้พูดอะไร เธอว่าใครเป็นลา?


?ฉันว่านาย!?


?เธอกล้าว่าอาจารย์เธอเป็นลาแก่หัวดื้อเหรอ?


?ฉันไม่ได้พูดนะ!?


?เธอว่าพ่อฉันเป็นลาแก่หัวดื้อ? เซี่ยเหล่ยดึงเถียนมั่วมั่วกลับมาแล้วแกล้งล็อกคอเธอเอาไว้


?ฉันพูดแค่ ?ลา? แต่นายเติมคำว่า ?แก่? กับ ?หัวดื้อ? เองนะ!?


?เหมือนกันนั่นแหละ ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอย่างนั้น เพราะฉันเป็นคนที่รู้ใจเธอที่สุด?


?โอ๊ย รู้ใจบ้าอะไรเล่า อย่ามาล็อกคอฉัน! แค่กๆ? เถียนมั่วมั่วแกล้งไอแล้วผลักเซี่ยเหล่ยไปให้พ้น เขาเล่นล็อกคอเธอไว้แบบนั้น ถึงมันจะดูป่าเถื่อนแต่มันก็เป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกันเกินไป แล้วยิ่งพูดว่าเป็นคนรู้ใจเธอที่สุดอีก เฮอะ ไม่รู้บ้างหรือไงนะว่าทำให้คนที่ได้ยินคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว!


เถียนมั่วมั่วได้แต่เบือนหน้าหนีคนตัวโตที่ยังล็อกคอเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอในตอนนี้เลยจริงๆ


?เธอรู้ไหม... ฉันรู้สึกว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเต้นจริงๆ นะ? สายตาของเซี่ยเหล่ยเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ แขนของเขายังคงกอดคอเถียนมั่วมั่วไว้หลวมๆ


?เกิดมาเพื่อเต้นงั้นเหรอ...?


?ใช่?


?เฮอะ พูดจริงหรือเปล่า แบบนี้เขาเรียกว่าหลงตัวเองนะ ไม่ใช่หลงตัวเองธรรมดา แต่หลงตัวเองมากๆๆ? เถียนมั่วมั่วแกล้งพูดยียวนไปอย่างนั้นเอง เซี่ยเหล่ยมีเสน่ห์ที่สุดเวลาเต้น ท่วงท่าของเขาดูมีชีวิตชีวาและทำให้ทุกคนหลงใหล แล้วแบบนี้จะไม่เรียกว่าเกิดมาเพื่อเต้นได้ยังไง


?นี่ พูดอย่างนี้หมายความว่าเธอไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ จะบอกให้นะ ตอนเด็กน่ะ ฉันชอบร้องไห้ที่สุด?


?ชิ ทุกคนรู้เรื่องที่นายขี้แยกันหมดแหละ?


?ถ้าเธอกวนโมโหฉันอีกครั้งนึง ฉันจะโยนเธอลงไปในสระน้ำนี่ซะเลย? เซี่ยเหล่ยพยักพเยิดไปทางสระน้ำในสวนสาธารณะที่อยู่ด้านหน้าเป็นเชิงขู่


?โอเคๆ เชิญนายพูดต่อได้เลย?


?ถึงฉันจะชอบร้องไห้ แต่เพียงแค่แม่เปิดเพลงให้ฉันฟัง ฉันก็หยุดร้องไห้ทันที แม่ก็เลยบอกกับพ่อฉันว่า เด็กคนนี้โตขึ้นต้องมีพรสวรรค์ทางด้านการเต้นแน่นอน? น้ำเสียงของเซี่ยเหล่ยเจือความเศร้าและแฝงความคิดถึงคนที่จากไปไกลอย่างไม่มีวันหวนกลับมาหาเขาได้อีก


?คิดถึงแม่เหรอ...? เถียนมั่วมั่วอดรู้สึกเศร้าตามไม่ได้


?ฉันหวังว่าสักวัน...? เซี่ยเหล่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แววตาของเขาดูเศร้าสร้อยจนเถียนมั่วมั่วที่ยืนอยู่ข้างกายอยากจะดึงคนตัวโตที่หัวใจอ้างว้างคนนี้มากอดและปลอบโยน


?ฉันได้ยืนอยู่บนเวที... มีคนมากมายมารอดูฉันเต้น และก็หวังว่า... ?แม่ของฉัน? ท่านจะได้เห็นฉันเต้นและท่านก็จะภาคภูมิใจในตัวฉัน?


?แม่นายต้องได้เห็นแน่นอน ขอแค่นายยึดมั่นในความฝัน สักวัน...นายต้องมีเวทีเป็นของตัวเองได้แน่นอน!?


?อือ สักวัน...ฉันจะเต้นอยู่บนเวที มีแสงสปอตไลท์ส่อง มีสาวๆ ตามกรี๊ด เซี่ยเหล่ย! ฉันรักคุณ! เธอว่ามันสุดยอดไปเลยใช่ไหม? เซี่ยเหล่ยหันมาทำหน้าทะเล้นใส่


?ตาบ้าเอ๊ย! ฉันไม่น่าหลงเป็นห่วงนายเลย?


?อะไร เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ ดูไปดูมา หน้าเธอแดงก่ำเลยนะเนี่ย เขินเหรอที่ได้เดินควงว่าที่ซูเปอร์สตาร์ในอนาคตอย่างฉันน่ะ ฮะๆ?


?นายมันบ้า!? เธอว่าอย่างนั้นแล้วก็ดึงมือเขาออกจากคอของตัวเองทำท่าจะเดินหนี


?นี่ๆ อย่าเพิ่งเดินหนีฉันสิ? เซี่ยเหล่ยดึงคอเสื้อของเถียนมั่วมั่วเอาไว้ ?ฉันเพิ่งคิดท่าเต้นใหม่ เท่มากๆ เลยนะ มาๆ ฉันจะเต้นให้เธอดูเป็นคนแรกเลย ดูนะ?


เซี่ยเหล่ยกระโดดขึ้นไปยืนบนม้านั่ง เขาบิดแขนเป็นคลื่นและขยับขาเป็นจังหวะ ท่วงท่าของเขาดูมีเสน่ห์มากจนเถียนมั่วมั่วเริ่มหน้าแดงอีกระลอก


?เป็นไงบ้าง ไม่เลวใช่ไหม?


?ไม่เลวเลย มันดีมากๆ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ? เถียนมั่วมั่วไม่อยากใจเต้นแรงเพราะท่าเต้นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และออร่ามหาศาลของเซี่ยเหล่ย เธอจึงดึงดันจะกลับบ้านและให้เซี่ยเหล่ยหยุดเต้น


?นี่ เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังเต้นไม่จบเลยนะ?


?นายเต้นได้เยี่ยมมากจริงๆ แต่เราต้องกลับบ้านกันแล้ว?


?เดี๋ยวก่อน ไม่เอานะ ฟ้ายังไม่มืดเลย? เซี่ยเหล่ยอิดออดแต่เถียนมั่วมั่วก็ยังจะลากเขากลับบ้านให้ได้ เซี่ยเหล่ยจึงต้องทำตาม แต่ก็ไม่วายบ่นพึมพำตลอดทาง





เมื่อเดินมาถึงบ้าน เซี่ยเหล่ยกับเถียนมั่วมั่วก็เปิดประตูมาเจอเหล่ากู้ที่ยืนรออยู่แล้ว การกระทำของแม่ที่แปลกไปจากทุกวันทำให้มั่วมั่วรู้สึกถึงความผิดปกติ เธอเข้าไปถามแม่ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล


?แม่คะ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?


แต่เหล่ากู้ไม่ได้สนใจลูกสาว เธอหันไปบอกเซี่ยเหล่ยอย่างร้อนใจ ?เสี่ยวเหล่ย เธอรีบออกไปก่อน!?


?มีเรื่องอะไรเหรอฮะ?


?พ่อเธอกำลังโมโหมากนะ เขาจะตีเธอ รีบๆ ไปสิ? เหล่ากู้รีบดันเซี่ยเหล่ยให้ออกไปก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะช้าไปเสียแล้ว เพราะเหล่าเซี่ยที่กำลังโกรธถึงขีดสุดเดินออกมาจากข้างในบ้านพร้อมกับไม้กวาดหนึ่งด้าม


?ไอ้เด็กบ้า! แกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ?


?อาจารย์!? เถียนมั่วมั่วเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปห้ามไม่ให้เหล่าเซี่ยเอาไม้กวาดไล่ตีเซี่ยเหล่ย ส่วนแม่ของเธอก็ช่วยปกป้องเซี่ยเหล่ยโดยการผลักให้เขาไปหลบอยู่ด้านหลัง


?เหล่าเซี่ย! คุณคิดจะทำอะไร? เหล่ากู้พยายามกันไม่ให้เหล่าเซี่ยทำร้ายเซี่ยเหล่ย ?เหล่าเซี่ย คุณอายุมากแล้วนะ คุณจะไปถือสาเด็กทำไม?


?ทำไมฉันถึงมีลูกชายไม่ได้เรื่องอย่างแก! ฉันทุ่มเทแรงกายแรงใจไว้กับแก แต่ดูที่แกทำสิ! แกทำฉันขายหน้าหมดแล้ว!? เหล่าเซี่ยใช้ไม้กวาดชี้หน้าด่าเซี่ยเหล่ยด้วยความโมโห


?ใครใช้ให้พ่อมัวแต่แคร์สายตาคนอื่นกันเล่า!?


?แกถูกไล่ออกแล้ว ยังจะมาปากดีอีกเหรอ!?


?โธ่เอ๊ย พวกเธอเป็นพ่อลูกกันนะ ทะเลาะกันได้ตลอดเวลา จะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอ? เหล่ากู้ปรามอย่างเหนื่อยใจ


?คุยอะไรอีก มันถูกไล่ออกแล้ว ยังมีอะไรน่าคุย!?


?เหล่าเซี่ย ทำไมคุณยังไม่เข้าใจ เซี่ยเหล่ยไม่ชอบยิงธนู ทำไมคุณต้องไปทรมานเขาด้วยล่ะ? เหล่ากู้พยายามอธิบายให้เหล่าเซี่ยฟังอย่างใจเย็น แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับฟังและไม่เย็นลงเลยสักนิด


?ไอ้เด็กเวร? เหล่าเซี่ยสบถอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ม้าหิน


?อาจารย์ ท่านสอนหนูยิงธนูตั้งแต่เด็ก เพราะนั่นมันเป็นความฝันของหนู แต่เซี่ยเหล่ยไม่เหมือนกัน ความฝันของเขาคือการเต้น เขาเกิดมาเพื่อเต้น เซี่ยเหล่ย ตอนเช้านายฝึกท่าใหม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เต้นให้พ่อนายดูสิ? เถียนมั่วมั่วเดินไปหาเซี่ยเหล่ยแล้วดึงเขาให้มาเต้นให้เหล่าเซี่ยดู แต่กลับถูกสะบัดแขนออกอย่างไร้เยื่อใย


?ฉันไม่เต้น! เขาไม่ชอบดูฉันเต้นหรอก!?


?เฮอะ เป็นผู้ชายทำไมต้องฝึกเต้นด้วย? เหล่าเซี่ยแค่นเสียงอย่างดูถูก คำพูดของเขามันยิ่งกระตุ้นความโกรธของเซี่ยเหล่ยให้ระเบิดออกมา


?ผมชอบเต้นนี่! พ่อเอาอะไรมาตัดสินอนาคตของผม!? เซี่ยเหล่ยกำหมัดแน่นเพื่อพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ?แม่ก็รู้ว่าผมชอบเต้นตั้งแต่เด็ก แม่บอกว่าผมสานความฝันได้ แล้วพ่อล่ะ พ่อไม่เคยสนับสนุนผม ไม่เคยเข้าใจผมเลย! บีบให้ผมทำเรื่องที่ผมไม่อยากทำ พ่อบีบให้ผมทำตามความฝันของพ่อ!?


?แกพูดอะไร! พูดอีกทีซิ!? เหล่าเซี่ยลุกขึ้นมาชี้หน้าเซี่ยเหล่ยอย่างมีน้ำโห ความเจ็บปวดที่เลี้ยงลูกออกมาไม่ได้ดั่งใจมันจุกอกแน่นจนเขาแทบคลั่ง! เขาทุ่มเทให้ลูกทุกอย่าง แต่ดูสิ่งที่ไอ้ลูกเนรคุณมันตอบแทนสิ! ที่เขาขีดเส้นทางเดินให้มันไม่ใช่เพราะรักอย่างนั้นเหรอ เขาผิดหรือไงที่อยากจะให้ลูกมีชีวิตที่สวยงามอย่างที่เขาตั้งใจ ถ้าไม่ได้เป็นนักยิงธนู แล้วไอ้ลูกไม่ได้ความอย่างเซี่ยเหล่ยมันจะทำอะไรได้!


?ผมอยากเดินตามเส้นทางของตัวเอง! ไม่ใช่เส้นทางที่พ่อขีดเอาไว้! ผมไม่ใช่เด็กแล้ว ผมจะไม่ยอมให้พ่อบงการชีวิตของผม! ในสายตาของพ่อ...นอกจากธนูแล้วยังมีอะไรอีก ไม่มีเลยสักอย่าง! ไม่มีผม! และไม่มีแม่ของผมด้วย!? เซี่ยเหล่ยตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะผลุนผลันวิ่งออกจากบ้านไป


เซี่ยเหล่ยปั่นจักรยานอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เขาเจ็บปวดที่พ่อไม่เคยเข้าใจเขาเลย ไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อก่อน พ่อก็เคยไม่เคยรักอย่างอื่นมากกว่าการยิงธนู!


เซี่ยเหล่ยอดย้อนคิดถึงอดีตที่เจ็บปวดไม่ได้ ?อดีต? ที่ไม่น่าจดจำของเขาและพ่อ...


เมื่อก่อนพ่อเป็นนักกีฬายิงธนูที่โดดเด่น ตอนนั้นเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับสนามฝึกซ้อม แม้แต่ตอนที่แม่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล เขาก็ยังกลับมาดูใจแม่ไม่ทัน! แล้วผมจะให้อภัยได้เหรอ...ให้อภัยผู้ชายไร้หัวใจคนนั้นได้เหรอ! ถึงแม้ว่าความสามารถของพ่อจะสามารถเข้าร่วมแข่งโอลิมปิกได้ แต่ในการแข่งขันนัดสำคัญเขากลับพ่ายแพ้ นั่นทำให้เขาท้อใจมาพักหนึ่ง และหันเหตัวเองมาเป็นโค้ช เขาเริ่มฝึกผมกับมั่วมั่วตั้งแต่เด็ก มั่วมั่วเป็นคนมีพรสวรรค์ เธอโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผม... ผมกลับทำตามที่เขาตั้งเป้าเอาไว้ไม่ได้ เขาถึงได้บังคับและดุด่าผมอย่างทุกวันนี้ไงเล่า!





?หน็อยแน่! เถียงคำไม่ตกฟาก! ไม่เชื่อฟังอาจารย์! ดูซิ จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก!? เถียนมั่วมั่วยิงหนังสติ๊กไปที่ต้นไม้พลางจินตนาการเป็นหน้าเซี่ยเหล่ยอย่างนึกโมโห อยากจะจับเขามาเป็นเป้ายิงธนูซะให้เข็ด!


?เฮ้ มั่วมั่ว เธอยังไม่นอนเหรอ? เซี่ยเหล่ยที่เพิ่งกลับบ้านมองเถียนมั่วมั่วที่ยิงหนังสติ๊กใส่ต้นไม้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสีหน้าแปลกใจ


?ทำไมถึงกลับดึกขนาดนี้ ฉันรอนายตั้งนาน? เถียนมั่วมั่วพูดอย่างเคืองๆ


?พ่อฉันนอนหรือยัง? เซี่ยเหล่ยไม่ตอบแต่กลับถามอย่างเป็นกังวล


?นอนแล้วล่ะ?


?นี่... หลังจากฉันไป พ่อฉันเป็นไงบ้าง?


?พ่อนาย จะโมโหตายเพราะนายอยู่แล้ว ฉันคุยด้วยเขาก็ไม่สนใจ เดินหนีเข้าบ้านไปเฉยเลย? เถียนมั่วมั่วพูดเสียงดังอย่างมีน้ำโหที่เซี่ยเหล่ยก่อเรื่องจนเธอเองก็พลอยโดนลูกหลงไปด้วย


?ชู่ว์ เธอพูดเบาๆ หน่อยได้ไหม? เซี่ยเหล่ยเอานิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของเถียนมั่วมั่วเพื่อจะให้เธอลดเสียงลง โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขามันทำให้เธอตัวแข็งทื่อไปทันที


ทันทีที่นิ้วเรียวยาวของเซี่ยเหล่ยสัมผัสมาที่ริมฝีปาก เธอก็รู้สึกเหมือนกับถูกไฟฟ้าแสนโวลต์ช็อตใส่เอาดื้อๆ


?เฮ้ มั่วมั่ว เธอเป็นอะไรน่ะ ทำไมตาเหลือกอย่างนั้นล่ะ? เซี่ยเหล่ยมองหน้าเถียนมั่วมั่วอย่างขำๆ


?ปละ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร นี่ นายรู้หรือเปล่า ถ้าคืนนี้นายไม่กลับมา พ่อของนายจะโมโหยิ่งกว่านี้แน่ นายไปบ้านอาโปมาใช่ไหม? เถียนมั่วมั่วรีบเปลี่ยนเรื่อง


?อือ?


?นึกแล้วเชียว...แต่เอาเถอะ ไปนอนได้แล้ว อ๊ะ เดี๋ยวก่อน พรุ่งนี้เช้าถ้าอาจารย์ว่าเธออีก อย่าไปเถียงเด็ดขาดนะ เข้าใจไหม? เถียนมั่วมั่วกำชับเพราะกลัวเซี่ยเหล่ยจะอารมณ์ร้อนแบบวันนี้อีก


?อือ รู้แล้วๆ? เซี่ยเหล่ยตบไหล่เถียนมั่วมั่วเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป





กรุงโซล ประเทศเกาหลี


สาวสวยผมสีดำสนิทซอยสั้นรับกับใบหน้าในชุดฝึกยิงธนูตั้งท่าอย่างสง่างาม ก่อนจะยิงลูกธนูเข้าไปในใจกลางวงกลมสีเหลืองพอดิบพอดี


?ยอดเยี่ยมมาก จินอีลูกพ่อ? ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีเดินเข้ามาหาลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกถึงความภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก


?พ่อไม่ต้องมาปลอบใจหนูหรอก...? เธอยิ้มบางๆ อย่างหนักใจ ก่อนจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่เธอค้างคาใจ ?การยิงธนูของหนูมันไม่ค่อยพัฒนามาสักพักแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะหนูฝึกซ้อมไม่ดีพอหรือเปล่า หรือเป็นเพราะหนูไม่มีความสามารถพอมาตั้งแต่แรกก็ไม่รู้?


?ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ลูกอยู่ในชั้นแนวหน้าอยู่แล้ว อยากจะพัฒนาฝีมือขึ้นอีก มันย่อมเป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้ว?


?แต่หนูอยากเป็นนักธนูมือหนึ่งนี่คะ ผลการฝึกในตอนนี้ หนูยังไม่พอใจเลย?


?ลูกมีความมุ่งมั่นดีมาก แต่ว่า...หากต้องการจะเป็นนักธนูมือหนึ่ง ลูกยังขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง?


?อะไรล่ะคะ? จินอีเบนหน้ามองผู้เป็นพ่ออย่างสงสัย ซึ่งเขาก็แย้มยิ้มให้เธอก่อนจะตอบ


?การปล่อยวาง...?


จินอีขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ


?มีปรัชญาที่โด่งดังของจีนบทนึงกล่าวไว้ว่า แม้ว่าเราจะยกคันธนูขึ้นและยิงศรออกไป แต่มันก็ยังคงอยู่ในใจของเราเอง การจะเป็นนักธนูที่ดีนั้น จิตใจที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ถ้าลูกยังมีความกังวลและปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ เข้าครอบงำ แล้วจิตใจของลูกจะนิ่งสงบดุจน้ำได้ยังไง?


?เฮอะ หนูไม่เห็นเข้าใจเลย?


?ก็หมายความว่า ถ้าลูกเอาแต่คิดจะเป็นที่หนึ่งอย่างเดียว ผลที่ได้มันก็จะกลับกลายเป็นลบยังไงล่ะ สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า ?กังฟูอยู่นอกสำนัก? พ่อว่าตอนนี้ลูกน่ะ อย่าเอาแต่ฝึกซ้อมอย่างเดียว ออกไปข้างนอกเปิดหูเปิดตาผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย จริงสิ จินฮุ้ยได้รับจดหมายเชิญจากบริษัทที่จีนให้ไปช่วยฝึกสอนคนใหม่ไม่ใช่เหรอ ลูกก็ถือโอกาสนี้ไปกับน้องเลยสิ?


?แต่ว่าพ่อคะ นี่ก็ใกล้จะถึงโอลิมปิกแล้ว แค่นี้หนูก็ฝึกซ้อมแทบไม่ทัน จะให้ไปกับจินฮุ้ยได้ยังไง?


?ชีวิตคนเราต้องมีสีสันบ้างนะจินอี แต่ละวันเธอใช้เวลาครึ่งหนึ่งไปกับการฝึกซ้อม ไม่เสียดายบ้างเหรอ ตอนนี้ต่อให้ฝึกซ้อมตลอด 24 ชั่วโมง ก็ก้าวหน้าได้ไม่มาก สู้ออกไปข้างนอก ผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อย บางทีอาจจะได้ประสบการณ์มากมาย?


?แต่ว่าหนู...?


?ลูกต้องจำที่พ่อบอกไว้นะ ?กังฟูอยู่นอกสำนัก? คนที่ยิงเป็นแต่ธนูอย่างเดียวไม่ใช่คนเก่งที่สุดเสมอไป แล้วอีกอย่าง ถ้าลูกเกิดอยากฝึกซ้อมที่ประเทศจีนขึ้นมา พ่อก็มีเพื่อนเก่าแก่ชื่อ ?เหล่าเซี่ย? อยู่ที่นั่น แล้วพ่อจะช่วยติดต่อให้ลูกเอง?


?ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปจีนพร้อมกับจินฮุ้ย?





หลังจากที่เซี่ยเหล่ยถูกไล่ออกจากทีม เขาก็คอยหลบหน้าพ่อตลอดเวลา เขาออกจากบ้านแต่เช้าตรู่และกลับถึงบ้านเวลาค่ำมืดเป็นประจำ วันทั้งวันเขาเอาแต่ขลุกอยู่ที่บ้านของอาโป ในเมื่อเขาหลุดพ้นจากทีมยิงธนูที่เขาไม่ได้รักแล้ว เขาจึงตั้งใจว่าจะเข้าคณะเต้นที่อาโปอยู่เพื่อสานฝันของตัวเอง และดูเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเขาเป็นพิเศษ คณะเต้นของอาโปที่ไม่ได้รับสมาชิกใหม่มานานถึงได้บังเอิญเปิดรับสมาชิกใหม่เข้าทีมในช่วงเวลานี้พอดิบพอดี


ก๊อกๆๆ


เซี่ยเหล่ยกลับบ้านมาถึงบ้านในเวลาเกือบสามทุ่ม เขาเคาะประตูบ้านของเถียนมั่วมั่วเบาๆ อยู่สองสามครั้งเธอก็เดินออกมาเปิดประตู


?ทำไม มาหาฉันเหรอ? พอเถียนมั่วมั่วเห็นคนตรงหน้าก็เก็บความดีใจซ่อนเอาไว้ให้ลึกที่สุดเพราะกลัวจะเสียฟอร์มต่อหน้าเซี่ยเหล่ย เธอไม่ได้เห็นหน้าเขามาหลายวันเพราะเขาเล่นหายหัวไปตั้งแต่เช้ายันเย็นทุกวัน เธอคิดถึงจะแย่อยู่แล้วนะ!


?มานี่ๆ? เซี่ยเหล่ยกวักมือเรียกเถียนมั่วมั่วให้เดินออกมาจนเธอต้องถามอย่างไม่เข้าใจ


?มีอะไร ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย?


?ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ คณะของอาโปกำลังเปิดรับสมัครล่ะ แล้วฉันเองก็อยากจะไปสอบ?


?จริงเหรอ! งั้นก็ดีสิ? เถียนมั่วมั่วเผลอตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ เซี่ยเหล่ยเลยต้องรีบดึงเธอไปกอดแล้วเอามืออุดปากเธอไว้ หัวใจของเถียนมั่วมั่วเต้นแรงเหมือนกับโอบกอดลูกระเบิดไว้กับตัว แต่ดูเหมือนตัวการที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวจะไม่รับรู้อะไรด้วยเลย


?ชู่ว์...เธอพูดเบาๆ สิ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็กลัวจะสอบไม่ผ่านอยู่ดี? เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเป็นกังวล


เมื่อเห็นว่าเถียนมั่วมั่วที่ช่างเจรจาไม่ยอมพูดอะไรออกมาเขาก็เริ่มจะเอะใจ เขาก้มลงมองร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างสงสัย


อ้อ ที่แท้เป็นเพราะเขาเอามือปิดปากเธออยู่นี่เอง มิน่าล่ะ! ร่างเล็กในอ้อมกอดถึงไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ


เซี่ยเหล่ยปล่อยมือที่ปิดปากเธอเอาไว้ เถียนมั่วมั่วหน้าแดงก่ำ รีบอ้าปากหาอากาศหายใจทันที


?นายเกือบจะฆ่าฉันแล้ว?


?ฮะๆ ขอโทษๆ ฉันแค่อยากให้เธอลดเสียงลง?


?ช่างเถอะ นายน่ะ ทำไมถึงได้พูดแบบนี้ตลอดเลยฮะ อยากสอบก็ต้องตั้งใจสอบสิ จะคิดมากไปทำไม?


?ฉันรู้แล้ว ฉันจะพยายาม ถ้าหาก...?


?ไม่มีถ้าหาก! ฉันเชื่อว่านายต้องสอบได้แน่นอน?


?อือ? เซี่ยเหล่ยยิ้มกว้าง ไม่รู้ทำไมแค่คำพูดไม่กี่คำของเถียนมั่วมั่วเขาก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกเป็นกอง





พอถึงวันสอบ อาโปก็มาเป็นเพื่อนเซี่ยเหล่ย พวกเขายืนอยู่หน้าประตูห้องแล้วแอบมองเข้าไปในห้องออดิชั่นเพื่อดูการเต้นของผู้สมัครคนอื่นๆ เมื่อถึงตาของเซี่ยเหล่ยเขาก็สลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดออกจากหัว แล้วเดินเข้าไปในห้องออดิชั่นอย่างมุ่งมั่น ถึงจะตื่นเต้นแค่ไหน แต่เขาจะไม่ยอมให้มันผิดพลาดเป็นอันขาด!


เซี่ยเหล่ยเริ่มขยับแขนขาและใส่จิตวิญญาณลงไปในทุกท่วงท่า การเต้นของเซี่ยเหล่ยทั้งมีเสน่ห์ ทั้งดึงดูดใจจนกรรมการต่างชื่นชมและจับจ้องทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของเซี่ยเหล่ยราวกับตกอยู่ในภวังค์


หลายวันต่อมา เซี่ยเหล่ยยังคงกระวนกระวายเกี่ยวกับผลการสอบ เขาคอยถามอาโปอยู่ทุกวี่ทุกวัน และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เซี่ยเหล่ยยังคงไม่ลดละความพยายามในการคะยั้นคะยอ


?อาโปๆๆ เป็นไงบ้าง นายถามหัวหน้าหรือยัง ฉันสอบผ่านหรือเปล่า? เซี่ยเหล่ยรีบวิ่งมาหาอาโปทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามาในบ้าน เพราะเขารออาโปที่ออกไปถ่ายรูปตามอาชีพส่วนตัวและเพิ่งกลับมาอยู่พักใหญ่แล้ว ถึงจะบอกว่าอาโปอยู่คณะเต้น แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นตากล้องของคณะและรับงานนอกด้วย ไม่ใช่นักเต้นเหมือนคนอื่นๆ


?โธ่เอ๊ย นายรอเดี๋ยวสิ อย่ารีบร้อนขนาดนี้?


เซี่ยเหล่ยช่วยอาโปถอดเสื้อนอกอย่างเอาอกเอาใจ แล้วพามานั่งบนเก้าอี้ที่ห้องกินข้าว


?รีบพูดสิ ฉันรอไม่ไหวแล้ว นายถามเขาหรือเปล่า?


?ฉันถามเขาแล้ว หัวหน้าบอกว่า หลายวันมานี้มีคนมาสอบเยอะ ผลสอบก็เลยยังไม่ออก?


?ตอนนี้ไม่รู้ผลสอบ แล้วนายถามหัวหน้าหรือเปล่าว่าฉันมีความหวังไหม? เซี่ยเหล่ยทำตาเป็นประกายรอคำตอบจนอาโปแทบอยากจะเบือนหน้าหนี


?ฉันถามแล้ว หัวหน้าบอกว่าเขารู้สึกประทับใจนายมาก และก็บอกว่าการเต้นของนายมีชีวิตชีวา?


?จากนั้นล่ะ?


?ไม่มีแล้ว? อาโปบอกด้วยหน้านิ่งๆ เหมือนกับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนอีกคนเท่าไหร่ และมันก็ทำให้เซี่ยเหล่ยไม่พอใจนัก ตอนนี้เขามีแต่ความกังวลเต็มไปหมด แต่ว่าอาโปก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างที่คิดไว้


?แค่นี้เองเหรอ? เซี่ยเหล่ยเขวี้ยงเสื้อตัวนอกที่เขารับมันมาถือไว้ในตอนแรกเพื่อเอาใจคืนเจ้าของเดิมทันทีพลางคิดว่าอาโปนี่ไม่ได้ความเลยจริงๆ


?เฮ้ นายจะเอาอะไรอีก เซี่ยเหล่ย นายควรทำใจให้สบายนะ ไม่งั้น...ก่อนที่ผลสอบจะออก นายอาจจะเป็นบ้าไปก่อนก็ได้?


?โธ่เอ๊ย ยังจะมาล้อเล่นกับฉันอีก?


เขาอยากรู้ผลสอบจวนเจียนจะคลั่งตายอยู่แล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรมายืนยันเพิ่มความมั่นใจให้เขา มีหวังเขาต้องกังวลจนเป็นบ้าก่อนจะรู้ผลอย่างที่อาโปว่าแน่ๆ




---------
สุดท้ายแล้วความฝันของเซี่ยเหล่ยจะสำเร็จหรือไม่ มาร่วมเชียร์กันค่ะกับนิยาย Stage of Youth หนุ่มเท้าไฟ หัวใจฉันโดนเธอ ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป หรือ 7-11

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”