New Release : Richter's Love ปิดบัญชีรักอันตรายนายขี้เก๊ก

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1074
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release : Richter's Love ปิดบัญชีรักอันตรายนายขี้เก๊ก

โพสต์ โดย Gals »

เืรื่องย่อ
เซ็นไดถูกน้องสาวฝาแฝดขอร้องให้ช่วยกันเพื่อนของริคเตอร์ออกห่าง เพื่อเธอจะได้มีโอกาสอยู่กับเขาเพียงลำพังบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เพราะกลับกลายเป็นเซ็นไดเสียอีกที่เรียกความสนใจจากริคเตอร์ที่แสนเย็นชาได้ เขามักจะมาให้เธอได้เจอบ่อยๆ ทั้งที่เธอไม่ได้ต้องการเลย อีกทั้งยังทำให้เธอเดือดร้อนถึงขั้นคอขาดบาดตายเพราะความแค้นระหว่างแก๊งของเขาอีก








1




พลั่ก!!


?โอ๊ย! ไม่มีตารึไงเนี่ย ชนมาได้ คนนะไม่ใช่อากาศธาตุ >O<?


ฉันต่อว่าออกไปอย่างโมโหเมื่อถูกชนจนเซถลา วันนี้อุตส่าห์ออกจากบ้านมาอย่างอารมณ์ดีแท้ๆ เชียว แต่ต้องมาหงุดหงิดเพราะไอ้คนที่วิ่งทะเล่อทะล่ามาอย่างไม่สนใจจะมองอะไรจนมาชนฉันเข้าแบบเต็มๆ เจ็บใช่เล่น >_< แล้วที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าถูกชนก็คือ หมอนั่นไม่คิดจะหันกลับมาขอโทษฉันเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ตัวเองผิดซะเต็มเปาขนาดนั้น คิดแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ดูสิ! ชุดนักศึกษาฉันยับหมดเลย


?เป็นอะไรไปเซ็น ตีหน้ายุ่งเชียว?


ขณะที่ฉันมองตามหลังหมอนั่นไปเพื่อที่จะพยายามจำให้ได้ว่าหมอนั่นคือใคร เสียงของคนคุ้นเคยกันดีก็ทักขึ้นจากทางด้านหลัง แล้วพอหันกลับไปก็รู้เลยว่าใช่คนที่ฉันคิดอยู่จริงๆ


?จะให้ฉันยิ้มรึไง อยู่ดีๆ คนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งมาชน แถมชนแล้วไม่สนใจฉันอีกด้วยนะ?


?ฮึๆ เอาน่า เธอจะเครียดให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ เคียดแค้นไปแล้วเขารู้เรื่องด้วยเหรอ?


มันก็จริงแฮะ แต่มันก็น่าเจ็บใจนี่นา อย่างน้อยหมอนั่นคิดจะขอโทษฉันสักนิดก็ยังดี ไม่ใช่...หนีไปแบบนี้ ฮึ่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น (ใจ)


?ป่ะๆ อย่าไปสนใจเลย เธอไม่เห็นฝุ่นเขาแล้วล่ะ?


?อืมๆ รู้แล้วน่า?


คนอะไรไวชะมัด อย่าให้ฉันเจอหน้าอีกนะ แม่จะเฉ่งซะให้ไม่กล้าวิ่งไปเฉียดใครอีกเลย (แต่ลืมไป ฉันไม่เห็นหน้าหมอนั่นนี่หว่า เฮ้อ~ เซ็ง)


?เออนี่ วันนี้เรามีสอบย่อยใช่มั้ยเวนิซ?


?ใช่ อ่านมารึยังล่ะ?


?ก็ดูๆ มาบ้าง?


ถามเหมือนไม่รู้จักฉันดีพอเลยยัยนี่ ฉันมันพวกชอบอ่านหนังสือนักรึไงกัน แค่เปิดๆ ให้ผ่านตาบ้างก็บุญของหนังสือเล่มนั้นแล้ว ฮึๆ ทำไมพูดไปพูดมาแล้วฉันทำตัวแย่อย่างนี้นะ


?แล้วนี่แม่น้องสาวดาวมหา?ลัยของเธอไม่ได้มาด้วยเหรอ? เวนิซถามขึ้นระหว่างทางที่เราเดินไปตึกเรียน


?ซิดนีย์มีเรียนบ่ายเลยยังไม่มา?


ซิดนีย์เป็นน้องสาวฝาแฝดของฉันเอง ส่วนฉันชื่อเซ็นได หรือจะเรียกเซ็นอย่างที่เวนิซเรียกก็ได้ แล้วเวนิซก็เป็นเพื่อนรักคนเดียวของฉัน ในบรรดาเพื่อนหลายๆ คนเธอเป็นคนที่เข้าใจและรู้ใจฉันที่สุดแล้วล่ะ แม้เราจะเพิ่งรู้จักกันแค่ปีกว่าๆ ตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยนี่เอง


?ก็ดี ยังไม่อยากปากแฉะตั้งแต่เช้า?


?ดูพูดเข้า?


เฮ้อ มันน่าลำบากใจจริงๆ นะ เวลาที่เพื่อนสนิทสุดซี้เจอกับน้องสาวของฉัน ลำบากใจยังไงน่ะเหรอ ก็สองคนนั้นชอบหาเรื่องกันประจำน่ะสิ ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าสองคนนั้นไม่ชอบขี้หน้ากันเอามากๆ แย่จริงๆ โดยเฉพาะการที่ฉันต้องทำตัวให้เป็นกลาง จะว่าใครก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก็จะกลายเป็นการลำเอียง เฮ้อ! ขอถอนหายใจอีกรอบเหอะ -_-!


?เธอไม่ต้องทำหน้าลำบากใจหรอกนะ เธอไม่ได้ผิดซะหน่อย? แน่ะ ยังจะมาพูดอีกนะ


?แต่นั่นมันก็น้องสาวฉันนี่นา?


?ถ้าน้องสาวเธอเหมือนเธอสักนิดมันคงจะไม่เป็นแบบนี้?

ฉันก็พอจะรู้อ่ะนะว่าเวนิซไม่ชอบหน้าซิดนีย์เอามากๆ และก็รู้ว่าซิดนีย์เองก็ไม่ชอบหน้าเวนิซเอามากๆ เหมือนกัน แล้วอย่างนี้จะมีทางไหนมั้ยที่ฉันจะทำให้สองคนนั้นเข้าหน้ากันติด หรือไม่อย่างน้อยก็ขอให้เจอหน้ากันแล้วทำตัวปกติเหมือนกับคนอื่นทั่วไป (สองคนนั้นเจอหน้ากันกัดกันเหมือน...(สุนัข) ทุกที)


?ซิดนีย์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา? ฉันพูดขึ้น แม้จะรู้สึกแย้งในใจนิดๆ ก็เถอะ แต่ซิดนีย์ก็ไม่ได้เลวร้ายจริงๆ นี่นา


?ใช่ ไม่ได้เลวร้ายเลย แค่ขี้วีน เอาแต่ใจ ชอบทำตัวน่ารำคาญไปวันๆ เท่านั้นเอง?


ฉันว่าฉันหมดปัญญาที่จะพูดอะไรต่อไปแล้วล่ะ ก็ในเมื่อแม่น้องสาวของฉันเป็นแบบนั้นจริงๆ นิสัยที่แก้ไม่หายไม่ว่าอยู่ต่อหน้าใครๆ ก็มักจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาเสมอ -_- ซึ่งมันคงจะดีถ้าตัวตนของเธอไม่ใช่คนขี้วีน เอาแต่ใจแล้วก็อะไรสารพัดที่เวนิซว่า


แต่จริงๆ แล้วเธอก็เป็นคนดีนะ >_< (อดเข้าข้างน้องไม่ได้)


?เอาล่ะๆ พักเรื่องของซิดนีย์ไปก่อน ฉันว่าเธอเริ่มอารมณ์เสียแล้ว?


?นั่นสิ ฉันไม่น่าไปถามถึงเลย ฮึ!?


ฉันส่ายหน้ากับคำพูดและท่าทางของเวนิซเบาๆ เวนิซอาจจะดูห้าวก็จริง แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีความเป็นผู้หญิงแฝงเอาไว้เยอะเหมือนกันนะ แต่เพราะการที่ความเป็นผู้หญิงแฝงอยู่นี่แหละ เลยไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นเท่าไหร่


?ยะฮู้~ สองสาว วันนี้มาเรียนก่อนเวลาอีกแล้วนะ?


เสียงคุ้นเคยอีกเสียงหนึ่งดังใกล้เข้ามาจนตอนนี้คนพูดมาหยุดอยู่ต่อหน้าเราสองคน แต่อยากจะบอกให้รู้จริงๆ ว่า เสียงคุ้นเคยที่ว่านั้นเป็นเสียงที่ฉันไม่อยากได้ยินมากที่สุดเลย


?นายอีกแล้วเหรอก๊วยเจ๋ง? เวนิซพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ารำคาญ


?ก็ฉันสิ สุดหล่อแบบนี้จะมีที่ไหนอีก?


?แหวะ พูดได้ไม่อายปาก? เวนิซไม่ได้แหวะแค่ปากนะ เธอยังทำท่าทางซะเหมือนจริงเลยล่ะ แต่มันก็น่าจะเหมือนแหละ เพราะหมอนี่พูดไม่อายปากจริงๆ


?ทำไมวันนี้เซ็นไดไม่ทักทายก๊วยเจ๋งเลยอ่ะ?


ไม่พูดเปล่า ก๊วยเจ๋งยังทำหน้าตาน่าสงสารแถมยังส่งสายตาอ้อนๆ ที่ชวนขนลุกมาให้ฉันอีก อึ๋ย~ ทำมาได้


?ไม่ดีใจที่ได้เจอก๊วยเจ๋งงั้นเหรอ นี่เราไม่ได้เจอกันมาตั้งสองวันเลยนะ เหมือนตกนรกเลย? นรกของนายแต่มันสวรรค์ของฉันเลยนะ ไม่รู้เลยหรือไง


?งั้นเหรอ?


แต่ฉันก็พูดออกไปแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ เลยต้องถามออกไปส่งๆ แบบนั้น เฮ้อ! ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับผู้ชายช่างตื๊อแบบนี้ด้วย พระเจ้าก็ช่างไม่รู้เลยรึไงว่าลูกเกลียดผู้ชายขี้ตื๊อ (หลงตัวเอง) ยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนซะอีก T^T


?ก็ใช่น่ะสิ นี่ก๊วยเจ๋งนั่งนับนอนนับเวลารอเลยนะ เพราะอยากจะเห็นหน้าเซ็นไดเร็วๆ?


?โอ้~ ช่างน่านับถือจริงๆ แต่ตอนนี้นายถอยไปก่อนได้มั้ย พวกฉันรีบ? เวนิซบอก มือทั้งสองข้างก็ทำสัญญาณให้ก๊วยเจ๋งหลบด้วย


?เธอรีบก็ไปก่อนสิ? แต่แทนที่จะหลบ ก๊วยเจ๋งกลับพูดขึ้นแบบนั้น ทำเอาเวนิซตีหน้าเข้ม ฉุนกึกขึ้นทันที


?เอ๊ะ! ฟังไม่รู้เรื่องรึไง ฉันบอกว่า ?พวกเรา? น่ะ?


?รู้แต่ไม่ถอย ได้ยินมั้ยยัยทอม?


?นาย...?


?พอๆ เลิกทะเลาะกันสักที? ทำไมสองคนนี้ชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยนะ ทำอะไรไม่รู้จักอายซะบ้างเลย ลืมไปแล้วรึไงกันว่าเรากำลังยืนอยู่หน้าห้องเรียน อา...คิดมาถึงตรงจุดนี้แล้วฉันก็อายแทนจริงๆ


?นายกลับไปก่อนเถอะก๊วยเจ๋ง ฉันกับเวนิซต้องไปเรียนแล้ว เดี๋ยวจะเข้าสาย?


?อ้อ ถ้างั้น...ไว้เจอกันใหม่ตอนที่เซ็นเรียนเสร็จแล้วนะ?


?อ่ะจ้า?


ที่จริงไม่ต้องมาเจอฉันอีกเลยก็ได้นะ วันนี้ยิ่งหงุดหงิดมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วย ถ้าเกิดนายยังมาก่อความรำคาญอีกฉันกลัวว่าอาจจะอดใจไม่ไหวที่จะหาเรื่องใครก็ได้เพื่อเป็นการระบายสิ่งที่กำลังทำให้อารมณ์เสีย


?งั้นเจ๋งไปก่อนนะ? ไปเถอะ


?รีบๆ ไปเลยไป?


?ยัยผู้หญิงที่ไม่สมกับเป็นผู้หญิง?


?นาย?


?นี่!? ห้ามทัพได้ไม่ถึงนาทีจะเริ่มทะเลาะกันอีกแล้วรึไง คนห้ามมันเหนื่อยนะ เข้าใจกันหน่อยสิ!


?แหะๆ เจ๋งไปแล้วครับ แล้วเจอกันน้าเซ็นได?


?ไปซะได้ก็ดี?


พอลับหลังก๊วยเจ๋งไม่ทันไรเสียงของเวนิซก็ดังขึ้น เฮ้อ...นอกจากฉันจะต้องคอยห้ามทัพระหว่างเวนิซกับซิดนีย์แล้ว ฉันยังต้องมาคอยห้ามทัพสงครามย่อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ด้วยเหรอเนี่ย มีอะไรจะทำให้ฉันเหนื่อยได้แบบนี้อีกมั้ย T_T



?นี่เซ็น วันนี้เราหม่ำมื้อเที่ยงเป็นอะไรดีอ่ะ? คำถามแรกที่เวนิซถามฉันหลังจากหมดคาบเรียนคือเรื่องนี้ นี่ขนาดเรายังไม่ทันได้เดินออกจากห้องเรียนเลยนะเนี่ย เธอก็ถามถึงของกินแล้วเหรอ เฮ้อ~


?ไม่รู้สิ ขอไปดูเมนูก่อนได้มั้ย ตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ?


?อืม นั่นสินะ งั้นก็ไปกันเถอะ ฉันยังไม่อยากเจอตัวมารขัดความสุขตอนนี้?


ว่าแล้วเวนิซก็ลงมือลากฉันเดินออกจากห้องเรียนเพื่อที่จะไปยังโรงอาหารของมหาวิทยาลัย อ้อ ส่วนใครที่สงสัยว่า ?ตัวมารขัดความสุข? ของเวนิซเป็นใครนั้น ฉันจะเฉลยให้ฟังแล้วกันนะ เพราะคำตอบมันมีไม่เยอะเท่าไหร่หรอก นอกจาก ก๊วยเจ๋ง -_-


?นี่ๆ เว เธอไม่ต้องจูงมือฉันเหมือนแม่จูงลูกหรอกนะ ฉันเดินเองได้ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ด้วย?


?นี่เธอคิดว่ามันเหมือนแม่กับลูกเหรอ ฉันคิดว่าเราเหมือนทอมกับดี้มากกว่า?


?เวนิซ!? ดู ดู๊ ยัยเพื่อนคนนี้ ถูกคนมองแล้วคิดแบบนั้นแล้วยังจะมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก ฉันอายเป็นนะยะ >O< ดูสิ! ป่านนี้ไม่รู้ใครเขาจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว คอยดูนะ ถ้ามีข่าวว่าฉันเป็นดี้กับเธออีกล่ะก็ ฉันจะโทษเธอคนเดียว


ไม่สงสัยเลยเหรอว่าทำไมฉันถึงพูดคำว่าอีก ก็เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันเคยเกิดมาแล้วน่ะสิ แต่มันก็เงียบไป แล้วถ้าเกิดมันดังขึ้นมาอีก ก็เพราะยัยเพื่อนตัวดีมาจับมือถือแขนฉันเดินโชว์แบบนี้นี่แหละ


?แหมๆ เธอนี่ก็คิดมากไปได้ ใครมันจะคิดยังไงก็ให้มันคิดไปสิ อีกอย่างนะ ให้คนคิดแบบนั้นไปก็ดี?


?ดียังไงไม่ทราบ? ฉันถามพลางมองหน้าเวนิซที่ยังทำลอยหน้าลอยตา แล้วยังทำเฉยไม่ยอมปล่อยมือฉันออกอีก


?ก็จะได้ไม่มีใครมาจีบเธอไง?


?เฮ้อ~?


ฉันถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ไอ้โรคหวงเพื่อนนี่มันเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ บอกตามตรงเลยนะ เมื่อก่อนน่ะเวนิซไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก อีกอย่างเราก็เพิ่งจะรู้จักกันตอนงานรับน้องเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่ระยะเวลาหนึ่งปีก็ทำให้เวนิซกลายเป็นคนที่รักและหวงฉันมากๆ (ในฐานะเพื่อน)


เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากงานรับน้องใหม่ที่สุดแสนจะหฤโหดปนหรรษาผ่านไปแล้ว ฉันหรือเซ็นไดนี่แหละ ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก เอ่อ...แต่ฉันก็พอจะรู้ตัวนะว่าหลายๆ คนรู้จักฉันเพราะใคร ก็เพราะซิดนีย์นั่นแหละ เพราะเธอคนเดียว! ทำไมน่ะเหรอ ก็พองานประกวดดาวเดือนของมหาวิทยาลัยเสร็จ ซิดนีย์ซึ่งพ่วงตำแหน่งใหม่ นั่นก็คือดาวมหาวิทยาลัย เธอก็เป็นที่รู้จักของใครต่อใครทันที แล้วฉันฝาแฝดผู้พี่ของเธอก็เลยถูกทักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเธอไปด้วย (ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าฉันกับซิดนีย์เป็นฝาแฝดกัน อีกอย่างเราเหมือนกันมากๆ เพราะมักจะติดทำตัวเหมือนกันตลอด) มีหนุ่มๆ มาจีบฉันเยอะแยะ แต่ก็เพราะว่าเขาคิดว่าฉันเป็นซิดนีย์ ฉันพยายามปฏิเสธเท่าไหร่แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ จนเวนิซรำคาญแล้วต่อว่าพวกนั้นไป (แรงพอดูเลยล่ะ) แล้วพอพวกนั้นหายวับ เธอก็หันมาเล่นงานฉัน แล้วเริ่มยุให้ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อไม่ให้เหมือนซิดนีย์ นั่นก็คือตัดผม ซึ่งมันจะสังเกตได้ง่าย ตอนแรกที่ได้ยินเวนิซบอกแบบนั้นฉันแทบจะร้องไห้ เพราะฉันเป็นคนที่รักผมตัวเองมากๆ แต่ก็เพื่อความสงบสุขของชีวิต ฉันเลยต้องยอมแลกกับมัน T^T


และพอหลังจากนั้นข่าวเรื่องที่ฉันเป็นฝาแฝดของซิดนีย์ก็เริ่มดัง หลายๆ คนที่เคยเข้ามาจีบฉัน พอเห็นฉันในลุคใหม่ (ผมสั้น) ก็มักจะส่งยิ้มแหยๆ มาให้ฉัน แทนคำทักทายหวานเลี่ยน (เหมือนตอนที่มาจีบ) ฉันพอใจกับชีวิตที่เริ่มจะสงบสุขนะ แต่มันก็รู้สึกเสียความมั่นใจยังไงไม่รู้ ก็ทั้งๆ ที่ฉันกับซิดนีย์เป็นแฝดกัน ซิดนีย์มีคนมารุมจีบมากมาย แต่ฉัน...กลับไม่มีใครมาจีบเลย T^T จะมีก็แต่ก๊วยเจ๋งนั่นแหละ


อ๊ะๆ แต่ทุกคนก็ยังสงสัยอยู่น่ะสินะว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เวนิซหวงฉัน ฉันจะบอกจริงๆ แล้วก็ได้ (ใจร้อนจริงๆ) เรื่องมันมีอยู่ว่าผ่านไปเกือบเทอม ผู้ชายที่เคยไปรุมจีบซิดนีย์หันกลับมาจีบฉันอีกแล้วน่ะสิ เหตุผลง่ายๆ เลย โดนซิดนีย์เมิน ฉันเลยตกที่นั่งลำบาก (มันไม่น่าภูมิใจเลยเนอะ) จนเวนิซต้องออกโรงอีกแล้ว เธอปกป้องฉันแล้วประกาศโจ่งแจ้งเลยว่า ใครที่คิดจะจีบฉันต้องผ่านด่านเธอให้ได้ก่อน แล้วใครมันจะกล้าล่ะ ก็เวนิซตอนนั้นดูทอมบอยกว่าตอนนี้ตั้งเยอะ ข่าวล่ามาแรงในช่วงนั้นก็เลยเป็นเรื่องที่ว่า ฉันเป็นแฟนกับเวนิซ เฮ้อ...


?ถอนหายใจอีกแล้ว เดี๋ยวก็อายุสั้นหรอก? ไม่พูดเปล่า เวนิซยังยื่นมือทั้งสองข้างมายืดแก้มฉันอีก อ๊าย ยัยเพื่อนบ้า ปล่อยมือแล้วมาจับแก้มนี่นะ มันช่วยได้มากเลยนะยะ


?โกรธเหรอ? เธอถามเมื่อเห็นฉันทำหน้ามุ่ย


?พูดเหมือนกับว่าฉันเคยโกรธเธองั้นแหละ?


?ก็เธอไม่ยิ้มเลย?


แล้วพอเวนิซพูดแบบนั้นฉันเลยหันไปมองหน้าเธอแล้วฉีกยิ้มที่แสนจะอ่อนหวานให้ ^__^ พอใจรึยังจ๊ะ


?มันต้องอย่างนี้สิถึงจะน่ารัก จุ๊บ!?


?ยัยเวนิซ!! >O<?







2




ฉันพูดชื่อเวนิซออกไปเสียงดังหลังจากที่เธอทำเรื่องน่าอายต่อฉัน นั่นก็คือการยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มฉัน ท่ามกลางผู้คนมากมาย ณ บริเวณหน้าโรงอาหาร กรี๊ด~ เซ็นไดอายเพราะเพื่อนแกล้งอีกแล้ว T^T


?โอ๊ะ ว้าวๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้ดูฉากเด็ดก่อนกินมื้อเที่ยงเนี่ย?


ฉันอายแทบจะมุดแผ่นดินหนีเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น ใครเป็นคนพูดฉันไม่รู้ แต่รู้ว่าในน้ำเสียงที่พูดนั้นคนพูดกำลังรู้สึกอย่างไร


?นายเป็นใคร มายุ่งเรื่องคนอื่นทำไมไม่ทราบ? เวนิซถามขึ้นอย่างไม่พอใจ


?โอ้ ดุซะด้วย -O-?


?ฉันถามว่านายเป็นใคร?


?เบาๆ น่าเวนิซ? ฉันยอมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อปรามเวนิซที่กำลังคุกรุ่นไปด้วยความโมโห


?ก็มันหาเรื่องไม่เห็นรึไงเซ็น?


?คุณคนสวยคร้าบ ไม่ลองเปลี่ยนรสนิยมจากทอมมาเป็นผมบ้างเหรอคร้าบ? นี่ถามฉันงั้นเหรอ -_-^


?นี่คุณ จะพูดอะไรก็ให้เกียรติกันบ้างนะ?


?เผ็ดพอกันทั้งคู่ซะด้วย?


ฉันมองผู้ชายตรงหน้าอย่างพยายามระงับอารมณ์ตัวเองสุดขีด ทั้งๆ ที่ตอนแรกฉันคิดว่าจะไม่ใส่ใจเขาแล้วแท้ๆ เชียว แต่คนตรงหน้าก็ดันเป็นพวกชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน อยากจะให้คนอย่างฉันโมโหจริงๆ สินะ


?ทำหน้าอย่างนั้นไม่สวยเลยนะครับ?


?เพื่อนฉันจะทำหน้ายังไงมันเกี่ยวอะไรกับนายฮะ!?


?ฮู้ว~ ดุกันจริงๆ แฮะ?


หน้าเราสองคนเวลาโกรธนี่มันน่ามองนักรึไงนะ ทำไมเขาถึงทำหน้าระรื่นอยู่ได้ -_-^


?นี่นาย เราไม่รู้จักกัน ทางที่ดีนายหลีกทางไปเลยดีกว่านะ? แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันพูดออกไป แต่ความสุภาพไม่เหลือเท่าในตอนแรกแล้ว


?ผมมาดีนะครับ ไม่เห็นจะต้องไล่กันเลย -3-?


?มาดีของนายแต่มันไม่ดีสำหรับพวกฉัน?


?ว้า น่าเสียดายนะครับ เราน่าจะคุยกันดีๆ ได้แท้ๆ?


ฉันไม่รู้ว่าความอดทนของฉันมันจะสิ้นสุดตอนไหน แต่ที่พอจะรู้คืออีกไม่นานนักหรอก ถ้าเกิดคนตรงหน้ายังขยันหาเรื่องกันแบบนี้ เขาบอกว่าเขามาดีงั้นเหรอ เหอะ! กวนบาทาตั้งแต่เดินเข้ามานี่นะเรียกว่ามาดี!


?เราไปกันเถอะเซ็น ปล่อยให้มันเห่าอยู่ตรงนี้คนเดียวเถอะ?


ฉันว่าเวนิซคงพอจะรู้ว่าตอนนี้ฉันเริ่มโมโหแล้ว เธอถึงได้หันมาชวนฉันเดินหนีไปแบบนี้ ฉันยอมเดินตามเวนิซที่พยายามดึงแขนฉันไปอีกทาง แต่ก็เดินไปได้แค่สามก้าวเท่านั้นฉันก็ต้องหยุดลง


?มีหนีซะด้วย?


?มันจะมากไปแล้วนะ!!?


?มีเรื่องอะไรกันเหรอ?


ฉันตะโกนออกไปแบบนั้นและกำลังจะเดินเข้าไปจัดการคนปากมากเพราะขีดความอดทนมันได้สิ้นสุดลง แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีผู้เล่นเดินเข้ามาในสนามเพิ่มอีกหนึ่ง และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนด้วย


?เกิดอะไรขึ้นเหรอเซ็น แล้วนี่นายมาทำอะไรอยู่ที่นี่ซูกัส แล้วริคหายไปไหน?


?นี่เธอรู้จักเขาด้วยเหรอซิดนีย์?


ใช่แล้วล่ะ เธอคือซิดนีย์ น้องสาวฝาแฝดคนสวยของฉันเอง มาได้ทันเวลาดี เพราะถ้ามาช้าอีกนิดรับประกันได้เลยว่าฉันได้อาละวาดเป็นแน่


?นี่ซูกัส เพื่อนฉันเอง เรียนอยู่คณะวิศวะฯ น่ะ?


เพื่อนของซิดนีย์งั้นเหรอ เหอะ! ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าน้องสาวฉันมีเพื่อนที่ปากชวนหาเรื่องแบบนี้ด้วย รับไม่ได้จริงๆ -_-^


?เลือกคบเพื่อนได้ดีเหมือนกันนะเธอน่ะ?


?นี่ยัยทอม เธอจะหาเรื่องฉันใช่มั้ย!?


?ถ้าใช่แล้วจะทำไม?


?เวนิซพอเถอะ เธอก็ด้วยนะซิด พอซะทีเถอะน่า? ฉันเพิ่งจะระงับตัวเองให้เย็นลงได้นะ ให้ฉันได้พักหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งให้มาห้ามศึกอะไรตอนนี้เลย


?เมื่อกี้เพื่อนเธอหาเรื่องฉันก่อนนะเซ็น เธอก็เห็น?


?เอาน่า ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีตอนไหนที่พวกเธอญาติดีกันหรอก แต่ช่วยดองกันสักนิดได้มั้ย ก่อนที่ฉันจะโมโหซะเอง?


?ชิ! ฉันจะทำเป็นลืมก็แล้วกัน? ว่าแล้วซิดนีย์ก็เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยตามแบบฉบับของเธอ เฮ้อ...ขอบคุณที่ยังเห็นใจ


?ที่จริงเธอไม่น่าห้ามเลยนะเซ็น?


?เอาน่าเว เห็นแก่ฉันเถอะ? ฉันตอบเวนิซกลับไปเบาๆ เหมือนอย่างที่เธอก็กระซิบพูดกับฉันเบาๆ เหมือนกัน


?เราสองคนจะไปกินข้าว เธอจะไปด้วยกันมั้ยซิด? เมื่อชวนเวนิซแล้วก็หันไปชวนซิดนีย์ที่ยังไม่ไปไหน


?อืม ก็ดี นายจะไปด้วยมั้ยกัส?


?ก็ดะ...?


?ยังจะกล้าตามไปอีกเหรอ? ก่อนที่นายซูกัสอะไรนั่นจะพูดจบ คนข้างตัวของฉันก็พูดขัดขึ้น แต่ก็นั่นสิ เขายังจะกล้าขอตามไปด้วยอีกเหรอ


?ซูกัสเป็นเพื่อนฉัน ทำไมจะไปไม่ได้ ทีเธอยังไปกับเซ็นได้เลย?


?ก็เซ็นเป็นเพื่อนฉัน?


?ซูกัสก็เป็นเพื่อนฉัน!?


?นี่พวกเธอ! หยุดหาเรื่องกันสักวันจะได้มั้ย?


อยากจะบ้าตาย ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องชวนให้ปวดหัวก็ไม่รู้ อุตส่าห์ว่าจะมากินข้าวให้อร่อยๆ ก็ดันมาเจอเรื่องชวนหงุดหงิดจนได้ เฮ้อ~ แค่วันเดียวฉันอายุสั้นลงไปแค่ไหนแล้วเนี่ย -_-;




?นี่เซ็น กัสเขาอยากขอโทษพวกเธอน่ะ? ก่อนที่ฉันจะลงมือกินข้าวเสียงของซิดนีย์ก็ดันขัดขึ้น นี่จะรอให้ฉันกินอิ่มแล้วค่อยพูดไม่ได้รึไงนะ ส่วนไอ้คนที่บอกว่าอยากจะขอโทษก็ทำไมไม่พูดออกมาดีๆ ไปขอร้องให้คนอื่นพูดแทนทำไม ทั้งที่ตัวเองเป็นคนก่อแท้ๆ


?ตอนทำล่ะไม่คิด พอรู้ว่าผิดแล้วดันไม่กล้า?


?นี่ยัยเว ฉันพูดกับเซ็นนะ ไม่ได้พูดกับเธอ?


?แต่เผอิญว่าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับฉันด้วย เสียใจด้วยนะจ๊ะ?


เอาอีกแล้วไง สงบศึกกันได้ถึงห้านาทีมั้ยเนี่ยสองคนนี้ ถ้าเกิดเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ


?นายจัดการเองแล้วกันนะกัส ฉันไม่ยุ่งแล้ว? พอรู้ว่าตัวเองเสียหน้าแล้วซิดนีย์ก็ไม่อยากจะยุ่งต่อ เธอเลยโยนเรื่องกลับไปที่นายซูกัสเหมือนเดิม เขามองหน้าฉันกับเวนิซไปมา ด้วยใบหน้าที่จะให้ฉันดูยังไงๆ ก็ไม่เหมือนใบหน้าของคนรู้สึกผิดเลยสักนิด ตกลงเขาอยากขอโทษพวกฉันจริงรึเปล่าเนี่ย


?ไม่มีอะไรจะพูดใช่มั้ย ฉันจะได้กินข้าวซะที? เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่เงียบ ฉันเลยต้องพูดขึ้นแบบนั้น ผ่านไปได้ห้าวิฯ (เดาเอา) คนที่บอกว่าจะขอโทษก็ยังเอาแต่จ้องหน้า ฉันเลยคิดเอาเองว่าคงได้เวลาฉันกินซะที


?ขอโทษ?


มือที่ถือช้อนค้างชะงัก ทั้งๆ ที่อีกแค่ไม่กี่เซ็นต์มันก็จะถึงปากฉันอยู่แล้ว หึ! ทำไมไม่พูดซะตอนที่ฉันอิ่มไปแล้วเลยล่ะ!


?นึกว่าจะพูดไม่เป็น?


ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นเวนิซต่างหากที่พูดออกไปแบบนั้น ตามจริงฉันก็ว่าจะพูดแล้วล่ะ แต่เผอิญว่าความหิวมีมากกว่า ฉันเลยเลือกที่จะเคี้ยวอาหารแทน -_-


?เธอก็อย่าถือสากัสเลยนะเซ็น หมอนี่ก็นิสัยกวนๆ แบบนี้แหละ?


?นี่เธอว่า...?


?นายก็เงียบไปเลยถ้าอยากให้ฉันช่วย?


หึ! ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ เลยว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในกลุ่มสวามิภักดิ์ต่อซิดนีย์รึเปล่า


?ฉันรู้ว่าเธอคงโกรธ แต่เห็นแก่เพื่อนฉันได้มั้ย?


ฉันมองหน้าซิดนีย์และรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร คงจะขอให้ฉันอภัยให้กับเพื่อนของเธอ เหมือนกับที่ฉันเคยขอให้เธออภัยให้เพื่อนของฉัน ไม่ว่าจะฝ่ายไหนๆ คนกลางก็เป็นฉันอยู่ดีสินะ


?อืม ฉันจะคิดซะว่าหมามันเห่าก็แล้วกัน?


ฉันพูดออกไปแบบนั้นแล้วก็ลงมือกินข้าวต่อ โดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของเวนิซและทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหมอนั่นพูดกับซิดนีย์ด้วย


?พี่สาวเธอนี่แสบใช่ย่อยเหมือนกันนะ?


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดพวกเราก็กินอิ่ม ถึงมันจะอิ่มแบบบรรยากาศไม่เป็นใจ แต่มันก็ยังดีกว่ากินอะไรไม่ลงล่ะนะ


?อืม นายยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าริคไปไหน?


ริค...คือใครงั้นเหรอ ฉันได้ยินซิดนีย์ถามนายซูกัสไปรอบนึงแล้วนะ


?มันกลับไปแล้วน่ะ?


?หา! แล้วริคไม่เรียนคาบบ่ายรึไง พวกนายมีเรียนตอนบ่ายสามไม่ใช่เหรอ?


?อ้อ มันลาอาจารย์ไว้ตั้งแต่เรียนคาบเช้าเสร็จแล้วล่ะ?


ฉันกับเวนิซนั่งเงียบ ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่าแอบฟัง -_- แต่จะพูดว่าแอบก็ไม่ถูกนะ สองคนนี้พูดให้เราสองคนได้ยินเอง ว่าแต่...ฉันยังไม่รู้เลยนะว่าริคคือใคร เพื่อนอีกคนของซิดนีย์งั้นเหรอ ทำไมน้องฉันมีเพื่อนต่างเพศเยอะแบบนี้นะ (อิจฉาล่ะสิ)


?แล้วนายรู้มั้ยว่าริคไปไหน?


?เห็นบอกว่ายูไม่สบายน่ะ มันเลยกลับไปอยู่เป็นเพื่อน?


เอาแล้วไง ตัวละครเพิ่มขึ้นมา เพิ่มความอยากรู้ให้เซ็นไดอีกแล้ว >_<;


?ยู...ยูนิต น้องสาวริคน่ะเหรอ?


อ้อ น้องสาวนี่เอง ไอ้เราก็นึกว่าแฟน แต่เอ...แล้วนายริคอะไรนั่นเป็นมากกว่าเพื่อนกับซิดนีย์รึเปล่าเนี่ย ทำไมซิดนีย์ดูสนใจเรื่องหมอนั่นจัง


?ใช่?


?น่าอิจฉาน้องยูนะ ที่ริครักและห่วงมากขนาดนั้น?


?ถ้ามันไม่ห่วงน่ะสิแปลก เมื่อก่อนนะมันยิ่งกว่านี้อีก ตอนนี้ยังว่าดีขึ้นมาหน่อย?


?อ๋อ เพราะน้องยูมีคนคอยห่วงเพิ่มอีกคนแล้วใช่มั้ยล่ะ?


?นั่นก็ใช่ ตั้งแต่ยูคบกับ...ไอ้เลกซัส ริคมันก็ห่วงยูน้อยลง แต่ความหวงน้องของมันยังเหมือนเดิม?


?คิกๆ ริคนี่ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ?


?น่ารักซะที่ไหนกันล่ะ มุมน่ากลัวของมันต่างหาก? ซูกัสพูดแล้วทำหน้าเหยเกประกอบ


?อ้อ คิดออกแล้ว ที่นายบอกว่าเมื่อก่อนริคกับเลกซัสเป็นศัตรูกันแล้วก็เพิ่งกลับมาญาติดีกันตอนที่เลกซัสคบกับน้องยูใช่มั้ย?


?อืม?


?งั้นฉันขอเดานะ เลกซัสจะต้องไปเฝ้ายูแน่ๆ เลยใช่มั้ย ริคถึงหนีเรียนไปแบบนี้?


?ถูกต้องแล้วคร้าบ?


เฮ้อ...ฟังมาตั้งนาน ที่แท้ก็แค่เรื่องพี่ชายหวงน้องสาว ไอ้เราก็นั่งฟังอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย นอกจากฟังแล้วงง เพราะไม่รู้จักตัวละครในเรื่อง -_- (เลกซัส + ยูนิต : จากเรื่อง Secret Plan แผนร้ายป่วนหัวใจให้ลงล็อก)


?เธอมีเรียนบ่ายโมงไม่ใช่เหรอซิดนีย์? พอฉันถามออกไป ซิดนีย์ก็ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา พอเห็นเวลาที่บ่งบอกว่าอีกแค่สิบนาทีก็จะเริ่มเรียนเธอก็หันมาพูดกับฉันก่อนที่จะชวนเพื่อน (ชาย) ของตัวเองลุกจากไป


?อ๊ะ ใช่จริงๆ ด้วย ขอบใจนะเซ็นที่เตือน ไปพร้อมฉันเลยมั้ยกัส?





?ไปซะได้ก็ดี จะได้สบายหู? เวนิซพูดขึ้นพลางเลื่อนจานเปล่าตรงหน้าหนี


?เธอจะทำอะไรน่ะเว?


?จะนอน...? ไม่พูดเปล่า เวนิซยังทำท่าจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะกินข้าวจริงๆ ซะด้วย


?นอนในโรงอาหารนี่นะ?


?ทำไมล่ะ เรามีเรียนอีกทีตั้งบ่ายสามนะ?


?มันก็ใช่ แต่จะนอนที่นี่ได้ยังไง? โต๊ะก็สกปรกจะตาย เพิ่งกินข้าวเสร็จไปเมื่อกี้ยังไม่ทันได้เช็ดทำความสะอาดด้วยซ้ำ


?แล้วจะให้นอนที่ไหนล่ะ?


?ไปห้องสมุดกันเถอะ?


?โอ้ เป็นความคิดที่ดีมากเลยเพื่อน >O<?


เธอจะได้นอนหลับสบายไม่มีใครมาส่งเสียงดังรบกวนสินะ ฉันคิดพลางส่ายหน้าไปมา จะว่าระอาก็ไม่ใช่ ก็ในเมื่อเพื่อนฉันก็เป็นแบบนี้ ไม่ค่อยจะแคร์สายตาใครเท่าไหร่ (ถ้าแคร์คงไม่ทำกับฉันจนเป็นเรื่องกันอย่างตอนนั้น และก็คงไม่กล้าที่จะนอนหลับในโรงอาหารหรอก -_-)







3




ริคๆ ริค ชื่อของหมอนั่นลอยเข้าหูของฉันอีกแล้ว >_< ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆ มันเกิดอะไรขึ้น เพราะตั้งแต่วันที่ฉันได้ยินซิดนีย์พูดกับซูกัสเรื่องของนายริคหรือริคเตอร์ (ฉันรู้เพราะซิดนีย์เล่ากรอกหูฉัน) นั่น! เรื่องราวของคนที่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าก็จะถูกพูดถึงผ่านหูฉันตลอด เพราะนอกจากฉันจะได้ยินชื่อหมอนั่นจากปากของซิดนีย์แล้ว ฉันยังได้ยินพวกผู้หญิงในเอกเดียวกันพูดถึงหมอนั่นด้วย และฉันก็มั่นใจเหลือเกินว่ามันต้องริคเดียวกันแน่ๆ แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ในเมื่อฉันไม่ได้รู้จักหรือแม้กระทั่งความอยากรู้จักยังไม่มีเลย ทำไมชื่อหมอนั่นมันติดหูฉันแบบนี้ อยากจะบ้าตาย!


?แยกกันตรงนี้แล้วกันนะเซ็น แล้วเจอกันตอนเที่ยง?


?อืม?


วันนี้ฉันกับซิดนีย์มาเรียนพร้อมกัน เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีเรียนตอนเก้าโมงเหมือนๆ กัน เพียงแค่เราเรียนคนละคณะเท่านั้นเอง ฉันเรียนนิเทศฯ โฆษณา ส่วนซิดนีย์เรียนบัญชี


เวนิซมาเรียนรึยังน้า ฉันคิดพลางเดินผ่านหน้าตึกคณะบัญชีเพื่อที่จะไปยังตึกคณะนิเทศฯ มหาวิทยาลัยของฉันจะสร้างตึกคณะต่างๆ ไว้ไม่ห่างกันนัก แล้วแต่ละตึกก็จะมีทางเชื่อมหากันได้ด้วย ทำให้สะดวกในการที่จะเดินจากตึกนั้นไปตึกนี้ได้ง่ายๆ อย่างตอนนี้ฉันอยู่หน้าตึกคณะบัญชี ถัดจากตึกบัญชีไปไม่ไกลนักก็จะเป็นตึกเรียนรวม หลังตึกเรียนรวมห่างออกไปก็จะเป็นตึกคณะวิศวะฯ ส่วนตึกของคณะนิเทศฯ จะอยู่เยื้องๆ ตึกเรียนรวม (ข้ามถนนไปอีกฝั่งน่ะ) ซึ่งมีตึกคณะสถาปัตย์และโรงอาหารอยู่ใกล้ๆ ส่วนคณะอื่นๆ ก็อยู่ถัดๆ กันไป ให้ฉันอธิบายแค่นี้พอเถอะ เดี๋ยวจะงงกันไปใหญ่ -_-


พลั่ก!


?อ๊ะ?


นี่มันซวยอะไรของฉันกันเนี่ย ทำไมต้องถูกชนอยู่เรื่อยเลย ฉันเดินมาจนถึงหน้าตึกเรียนรวมและกำลังจะข้ามถนนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ข้าม ไอ้คนที่เดินข้ามมาจากฝั่งนั้นก็เดินมาชนไหล่ฉันซะก่อน แถมชนแล้วเดินหนีไปเฉยๆ เหมือนอย่างวันนั้นอีก ไม่ใช่แค่นั้นนะ ภาพด้านหลังยังเหมือนกับคนที่วิ่งชนฉันวันนั้นไม่มีผิด!


?นี่นาย? ฉันเรียก แล้วคนที่กำลังจะเดินจากไปก็หยุดแล้วค่อยๆ หันหลังกลับมาทางฉัน หึ! หน้าตาก็ดีนี่นา ไม่สิ! หล่อมากเลยต่างหาก แต่ทำไมทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้


?เธอเรียกฉันงั้นเหรอ? เขาจ้องหน้าฉันเงียบๆ สักพักก่อนที่จะถามกลับมา


?ใช่ ฉันเรียกนาย?


?มีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบ?


กรี๊ด นั่นเหรอปาก พฤติกรรมตรงกันข้ามกับหน้าตาเหมือนหน้ามือกับหลังเท้าเลยนะนาย!


?เมื่อกี้นายเดินชนฉัน?


?อ้อ เหรอ แล้วไง??


?แล้วไงงั้นเหรอ ขอโทษน่ะพูดเป็นมั้ย? ฉันกำมือทั้งสองข้างแน่นแล้วถามออกไปอย่างระงับอารมณ์


?ฉันผิดอะไรล่ะ?


โอ๊ย! เซ็นไดชักจะหมดความอดทนกับอีตานี่แล้วนะ ตัวเองเดินชนคนอื่นเขา ทำคนอื่นเขาเจ็บตัว แล้วยังจะมามีหน้าถามว่าตัวเองทำอะไรผิด นายจะด้านไปไหนฮ้า


?ถามจริงเถอะ สองวันก่อนนายได้วิ่งชนใครแล้วไม่ได้ขอโทษแบบนี้บ้างมั้ย?


?อะไรนะ?


งงเหรอ ทำเป็นไม่เข้าใจคำถามฉันงั้นเหรอ ต่างกับฉันเลยนะ เพราะฉันว่าฉันเริ่มจะมั่นใจแล้วล่ะว่าคนที่วิ่งชนฉันวันนั้นกับหมอนี่มันคนเดียวกัน!


?วันนั้นนายวิ่งชนฉันอยู่ที่ฝั่งโน้น ในตอนเช้าน่ะ นายแน่ใจเหรอว่าจำไม่ได้?


เขาเงียบไปเหมือนกำลังคิดตามคำถามของฉัน แล้วไม่นานนักเขาก็หันมามองหน้าฉันแล้วจ้องเหมือนกับจะจำอะไรได้


?อ้อ ใช่ วันนั้นฉันชนเธองั้นเหรอ?


?ก็ใช่น่ะสิ?


?ช่วยไม่ได้นะ เธอขวางทางฉันเอง?


กรี๊ดดดด!! ฉันล่ะอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ ถ้าไม่ติดว่านี่คือสถานศึกษาอ่ะนะ ทำไมหมอนี่ถึงนิสัยเสียแบบนี้ ทำผิดแล้วยังมาโยนความผิดให้คนอื่นหน้าด้านๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!


?หมดเรื่องจะพูดแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้ไปเรียน?


?ยัง!?


ฉันพูดขึ้นอย่างโมโห ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา อีตานิสัยเสียก็ไม่ได้แปลกใจหรือถอยหนีฉันที่กำลังเดินเข้าไปหาเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงยืนมองฉันด้วยสายตานิ่งเฉยเท่านั้น ดี! นิ่งให้ได้ตลอดแล้วกัน


เพียะ!


?ถ้านายแค่พูดว่าขอโทษสักคำ เรื่องมันก็คงจบ!?


ฉันพูดออกไปแบบนั้นหลังจากที่ฝากรอยตบทั้งห้านิ้วไว้บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ไม่ได้อยากจะชมหรอกนะ แต่หมอนี่หล่อจริง แต่ก็น่าเสียดาย เซ็นไดไม่ปลื้มคนที่หน้าตากับนิสัยไม่ไปทางเดียวกัน!


?เธอกล้ามากเลยนะที่ตบหน้าฉัน? คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำฟังดูน่ากลัว แถมสายตาที่จ้องมาเหมือนถ้าตบฉันได้คงตบไปแล้ว T^T และเมื่อเขาก้าวเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งนั้นฉันยิ่ง...


?โอ๊ย ปล่อยฉันนะ?


แขนของฉันถูกกระชากพร้อมทั้งกำแน่น >O< โอ๊ย! อีตาบ้ารังแกผู้หญิง!


?แล้วตอนตบไม่คิดเหรอว่าฉันจะเจ็บ?


?ก็นายไม่ขอโทษฉันเองนี่นา? ฉันครางรับเสียงอ่อย


?ในเมื่อฉันไม่รู้ว่าทำผิดอะไรแล้วฉันจะขอโทษทำไม?


?นี่นาย...?



โอ๊ย~ ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองผิด แล้วที่นายตรงเข้ามาบิดแขนฉันแบบนี้ไม่คิดเหรอว่าตัวเองไม่เป็นสุภาพบุรุษ อีกอย่างนี่มันก็ที่แจ้ง ใครต่อใครมาเห็นแล้วเขาจะคิดยังไง (ฉันลืมไปเลยว่าเราอยู่ตรงไหน T^T)


?เฮ้ยๆ แกทำอะไรอยู่วะริค อ้าวเธอ...?


?นายซูกัส?


ฉันเรียกชื่อซูกัสออกมาหลังจากที่เขาเดินเข้ามาทัก อ๊ะ! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาเรียกอีตานี่ว่าอะไรนะ ริคงั้นเหรอ หมายความว่าหมอนี่คือริคหรือริคเตอร์ คนที่น้องสาวฉันพูดถึงทุกวันแถมยังพร่ำบอกว่าหล่อและนิสัยดีอย่างนั้นน่ะเหรอ


?แกรู้จักยัยนี่ด้วยเหรอวะกัส? อีตาริคมองหน้าฉันก่อนจะหันไปถามเพื่อนของเขา


?แกมองหน้าดีๆ สิวะ แล้วค่อยถามฉัน?


แล้วพอซูกัสบอกแบบนั้น อีตาริคนิสัยเสียก็หันมาจ้องหน้าฉันแบบเอาเป็นเอาตาย อีตาบ้า จะจ้องหน้าเสียมารยาทอีกนานมั้ยฮะ


?คุ้นๆ นะ แต่ฉันคิดว่าฉันไม่เคยรู้จักยัยนี่?


?ฉันก็ไม่รู้จักนายเหมือนกันแหละย่ะ?


?พอๆ ไอ้ริค ที่แกบอกว่าคุ้นแกว่าคุ้นเพราะเหมือนใครวะ? ซูกัสห้ามเราสองคนไว้ แล้วเขาก็หันไปถามเพื่อนของเขาอีกที


?ซิดนีย์...งั้นเหรอ? เขาพูดออกมาแล้วทำท่าตกใจเล็กน้อย นี่คงคิดว่าฉันเป็นซิดนีย์สินะ -_- รู้เรื่องอะไรกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย


?เปล่าๆ นี่ไม่ใช่ซิดนีย์ แต่เป็นเซ็นไดต่างหาก?


ซูกัสช่วยแก้ให้เมื่อเห็นว่าหมอนี่เข้าใจผิด แต่ฉันว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่หรอกนะ


?ใครวะ?


?ไอ้นี่ -_-^ ก็พี่สาวฝาแฝดของซิดนีย์ยังไงล่ะวะ?


นี่พวกเขากะจะพูดถึงฉันเหมือนกับฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย -_- รับรู้ซะบ้างเซ่ว่าฉันอยู่ตรงนี้ แล้วอีกอย่างปล่อยแขนฉันสักทีจะได้มั้ย นั่นแหละ ฟังไม่ผิดหรอก อีตาบ้านี่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากแขนฉันเลย


?หึ! งั้นเหรอ?


จ้องเข้าไป ไอ้คนไม่มีมารยาท กล้าดียังไงมามองหน้าฉันแล้วยิ้มกวนๆ แบบนั้นฮะ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!


?ปล่อยแขนฉันสักทีอีตาบ้า!?


และแล้วความอดทนของฉันก็หมดลง ฉันเลยต้องตะคอกคนตรงหน้าออกไปแบบนั้น และเขาก็ทำเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้เลยรีบปล่อยมือจากแขนของฉัน แล้วยังแสดงมารยาททรามๆ ด้วยการหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือข้างที่จับแขนฉันอีก กรี๊ด อีตาบ้า!


?หวังว่าฉันจะไม่เจอพวกนายสองคนอีกนะ?


ฉันเดินหนีจากมาหลังจากพูดประโยคนั้นจบ ฮึ่ย! น่าโมโหที่สุด เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเสียมารยาทกับฉันแบบอีตานั่นเลยนะ ทำแบบนั้นหมายความว่ายังไง หาว่าคนอย่างฉันสกปรกอย่างนั้นเหรอ กรี๊ด! เกลียดๆ เกลียด ฉันเกลียดนาย อีตาริคเตอร์!


--------------
นี่ยังเป็นเพียงแค่การเกริ่นนำสำหรับเรื่องราวของริคเตอร์และเซ็นไดเท่านั้น เพราะเรื่องราวระหว่างสองคนนี้ยังมีอีกมาก รวมถึงความตื่นเต้นกับเรื่องเสี่ยงตายที่จะมาร่วมด้วยในตอนหลัง ติดตามกันแบบเต็มรูปแบบได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำ และ 7-11 นะคะ หรือสั่งซื้อได้ที่ http://www.bongkoch.com/catalog/product ... ts_id=6433 ค่ะ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”