New Release BLY แปล : รักหมดใจ MY HERO ~จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีปัญหา~ (นิยาย)

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release BLY แปล : รักหมดใจ MY HERO ~จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีปัญหา~ (นิยาย)

โพสต์ โดย Gals »

รักหมดใจ MY HERO
~จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีปัญหา~



ผมมีสิ่งหนึ่งที่เกลียด

ทั้งปรารถนา ทั้งหลงใหลใฝ่ฝัน แต่ไม่มีวันได้มาครอบครอง
โลกนี้มีหนังฮีโรสำหรับเด็กอยู่ถูกไหม? ฮีโรผู้ผดุงความยุติธรรม ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งปานใดก็ยังยืนหยัดเผชิญหน้า ปราบปรามคนชั่ว ช่วยเหลือคนอ่อนแอ นี่แหละคือฮีโรที่ผมหลงใหล
ขอเพียงมีหมัดอันแข็งแกร่ง และหัวใจที่กล้าพอจะปล่อยหมัดออกไป
ก็อาจจะไม่ต้องทนอยู่ในห้องมืดๆ ที่สกปรกและหนาวเหน็บเพียงลำพัง
สักวัน สักวันได้โปรดมาช่วยที ผมวิงวอนต่อฮีโรผู้ส่งยิ้มให้จากในจอโทรทัศน์
ทว่า
ไม่ว่าจะตะโกนหรือร้องไห้สักเท่าไร ก็ไม่มีฮีโรคนไหนมาช่วยผมเลย
ในเมื่อไม่มีใครมาปรากฏตัว วอนขอไปก็ไร้ประโยชน์ หากไม่มีวันได้มา งั้นผมก็ไม่ต้องการ
ฮีโรไม่มีจริงหรอก

ผมคิดอย่างนั้น

หน้าร้านสะดวกซื้อช่วงพลบค่ำ
ตามปกติแล้วควรจะรีบกลับบ้านกลับช่องไปกินมื้อเย็น แต่ผม เซตากาวะ มาซาฮิโระ รู้มานานแล้วว่าบ้านของตัวเองไม่ปกติ
ด้วยความที่ไม่อยากรีบกลับบ้านหลังเลิกเรียน จึงมาเถลไถลฆ่าเวลาอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ แม้จะรู้ว่าไม่ใช่พฤติกรรมที่เหมาะสม แต่ผมไม่อยากไปจากตรงนี้จริงๆ
“สองพันหกร้อยสามสิบสองเยนครับ”
พนักงานเอ่ยเสียงเย็นชา
แน่นอนอยู่แล้ว เขาทำหน้าเหมือนรำคาญกลุ่มคนที่ส่งเสียงโหวกเหวกอยู่หน้าร้านเต็มที
ไม่มีใครกล้าตักเตือนเวลาที่เสียงหัวเราะครื้นใหญ่ดังขึ้น ชายหน้าโฉด ทั้งหัวน้ำตาล หัวทอง สกินเฮด ตั้งวงก๊งเหล้าสูบบุหรี่ ส่งเสียงเอะอะอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อในเวลาค่ำมืดแบบนี้ ไม่มีใครอยากยุ่งด้วยแน่นอน แต่ก็ไม่เห็นจะต้องถลึงตาใส่ผมเลย คุณพนักงาน
“ขะ ขอโทษครับ...”
ผมเอ่ยขอโทษเสียงเบา นึกเห็นด้วยในใจว่าอยากให้ลดเสียงลงอีกหน่อย
พวกที่นั่งสุมหัวกันอยู่แถวหน้าทางเข้า คือกลุ่มนักเลงขึ้นชื่อในละแวกนี้
“ซื้อมาแล้วครับ!”
ผมตรวจดูของในถุงอีกครั้งก่อนเดินปั้นยิ้มออกมาจากร้าน
“โอ๊ะ เร็วโคตร! สมเป็นยอดสุนัขเซทตี้”
น่ารำคาญจริง ใครคือยอดสุนัข ใครคือเซทตี้ เพราะชื่อเซตากาวะเลยเป็นเซทตี้เหรอ? ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย ยอดสุนัขอะไร ไม่ใช่สุนัขผู้ซื่อสัตย์หรอกเหรอ? สุนัขผู้ซื่อสัตย์เซทตี้...ขนาดพูดเองยังรู้สึกเศร้าใจหน่อยๆ เลย
“มีมัสตาร์ดกับน้ำจิ้มอย่างละสองนะครับ ของคุณโทโอรุเป็นไส้ไข่ปลา ส่วนของคุณโยชิเป็นไส้ทูน่า แล้วก็มีบุหรี่กลิ่นเมนทอลเบอร์สามสิบห้า กับบุหรี่เบอร์สิบแปด”
ทุกคนปรบมือหัวเราะกันยกใหญ่ เมื่อผมส่งของที่สั่งให้ทีละชิ้น คงไปสะกิดต่อมอะไรเข้าละมั้ง เบาเสียงลงหน่อยไม่ได้หรือไง
“มาแล้วๆ! นี่ไง! ยอดสุนัข!”
“โย่! เบ๊มือโปร!”
“แสนรู้สุดๆ!”
คำชมที่ผมไม่ต้องการ ยอดสุนัขอะไร เบ๊มือโปรอะไร หมายถึงเบ๊มืออาชีพเหรอ? แล้วมือสมัครเล่นกับมืออาชีพต่างกันตรงไหน สงสัยเบ๊มืออาชีพจะทำตามคำสั่งได้ทุกอย่างละมั้ง
ผมนึกสมเพชตัวเองที่ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ขณะสวมบทยอดสุนัข
“น่าทึ่งใช่ไหม หมอนี่จำยี่ห้อบุหรี่ของทุกคนได้หมดเลย ใช้งานได้จริงๆ”
โทโอรุ ชายผู้เป็นหัวโจกของแก๊งเอ่ยพลางแกะกล่องบุหรี่สีแดงลูกรัก
“เอ้า กระดูกรางวัล”
พูดจบก็โยนบุหรี่ที่หยิบออกมาจากกล่องให้ผมหนึ่งมวน ขนาดโดนหยามศักดิ์ศรีแบบนี้ผมยังรับเอาไว้โดยไม่มีปากเสียง
แสงไฟจากร้านสะดวกซื้อเป็นดั่งไฟล่อแมลง ดึงดูดพวกผมให้เข้ามา สุมหัวคุยเรื่องไร้สาระกันอย่างออกรสอยู่นานสองนานจนลืมเวลา คล้ายกำลังเติมเต็มความเปล่าเปลี่ยว
นอกจากย้อมสีผมแล้ว ผมยังใส่เครื่องประดับที่ไม่เข้ากับตัวเองเพื่อเป็นเกราะป้องกัน จงใจแต่งตัวไม่เรียบร้อยและวางท่าใหญ่โต หากมองจากสายตาคนนอกผมคงไม่ต่างอะไรจากคนเหล่านี้ แต่ถ้าไม่ทำตัวให้เข้ากับพวกเขา ผมคงอยู่ตรงนี้ไม่ได้
ยังไงเสียก็ดีกว่ากลับบ้าน
ไว้เอากระดูกรางวัลไปทิ้งทีหลังแล้วกัน
“จริงสิ พวกแกได้ยินรึยัง? ไอ้หมอนั่นมันโผล่มาอีกแล้ว ไอ้นักล่าหมีน่ะ”
นักล่าหมี?
ฟังดูป่าเถื่อนชอบกล
“พวกอัคคุงโดนเล่นไปแล้ว เห็นว่าคนในกลุ่มหายไปเกินครึ่งเลย”
“ฮะ? อะไรวะนั่น!”
“ได้ยินว่าเป็นชายร่างใหญ่ ชอบใส่เสื้อยืดพิลึกกึกกือ บ้างก็ว่าเป็นนักฆ่าของแก๊งไหนสักแก๊ง บ้างก็ว่าเคยล่าหมีสีน้ำตาลเพื่อเอาเนื้อมากิน มีแต่ข่าวลือไม่ดีหนาหูไปหมด”
งงแฮะ ตกลงเป็นยากูซ่าหรือนายพรานกันแน่
“แต่ที่ฉันได้ยินคือหมีควายนะ?”
“ไม่ใช่หมีหลังแดง อะไรนั่นเรอะ”
“มั่วแล้ว ฉันได้ยินว่าแพนด้า”
ข่าวลือเกี่ยวกับ ‘นักล่าหมี’ ถูกสาธยายออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ชายเถื่อนที่ล้มหมีมาแล้วจะหันมาเล่นงานนักเลงวัยเรียนทำไม แล้วหมีหลังแดงอะไรนั่น มันคือตัวการ์ตูนไม่ใช่เหรอ
“มันจะลักพาตัวคนไปเพื่ออะไร”
ใช่ๆ ไหนจะเหตุผลที่จ้องเล่นงานแต่พวกนักเลงอีก
“ก็ไอ้นั่นไงเล่า”
“จับไปต้มกินไง”
จะบ้าเรอะ จังหวะนี้ควรระเบิดหัวเราะออกมาแล้ว
แต่ทุกคนกลับเงียบกริบ ผิดกับที่ผมจินตนาการไว้
“เฮ้ย รู้สึกขนลุกขึ้นมาเลยว่ะ...ขอไปยิงกระต่ายแป๊บ”
เดี๋ยวๆ ถามจริงเถอะ ใครมันจะจับคนไปต้มกินเล่า!
บางครั้งคนพวกนี้ก็ใสซื่อผิดกับภาพลักษณ์ภายนอก หากลองตั้งสติคิดดู เรื่องพวกนี้เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมไม่กล้าพูดออกไปหรอก
นักล่าหมีเหรอ เรื่องฉายาช่างมันไปก่อน เขาคนนั้นคงจะรู้สึกปลอดโปร่งน่าดูที่เล่นงานคนเป็นฝูงจนหมอบได้ ปรากฏตัวทุกค่ำคืนเพื่อจัดการกับพวกกากเดนแล้วหายตัวไปแบบนี้ อย่างกับฮีโรเลย
ถึงตอนนี้ผมจะเป็นหนึ่งในกากเดนพวกนั้นก็เถอะ จะมีวันที่ผมถูกจับไปต้มกินหรือเปล่านะ ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากถูกฮีโรที่ตนหลงใหลเล่นงานในฐานะตัวร้ายหรอก แต่รู้อีกทีก็กลายเป็นผู้ร้ายเต็มตัวเสียแล้ว
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากสุมหัวอยู่กับคนพวกนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเบ๊ก็ดีหรือสุนัขรับใช้ก็ดี ผมยังคงเป็นที่ต้องการของพวกเขา

หลายวันต่อมา
พวกที่พูดถึงนักล่าหมีกันสนุกปากล้วนมีบาดแผลเต็มตัวและนั่งคอตกไปตามๆ กัน
ไม่เคยเห็นพวกเขาในสภาพหดหู่หรือ ‘พ่ายแพ้หมดรูป’ อย่างนี้มาก่อนเลย
“ฮะ...!? ถูกเก็บเรียบ...ในคืนเดียวเหรอครับ? คุณโทโอรุกับคุณโยชิต่อยตีเก่งจะตาย! คนอื่นๆ ก็ด้วย...”
ผมแทบไม่เชื่อหูจึงเผลอตะโกนออกไป เจ้าหัวโล้นซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มตอบเสียงสั่นเครือ แม้แต่นิ้วที่คีบบุหรี่ไว้ยังสั่นระริก
“ทะ ทั้งโทโอรุคุงทั้งโยจจังโดนมันเล่นงานแล้ว ละ ลากตัวไปหมดเลย!”
ท่าทางจะสะเทือนใจน่าดู ถึงปล่อยให้เถ้าบุหรี่ร่วงไปเฉยๆ โดยไม่คิดจะยกขึ้นมาสูบ
“เป็นหมอนั่นแน่ๆ...มันมีไฝใต้ปาก...สะ ใส่เสื้อยืดลายประหลาด ไอ้นักล่าหมี...!”
ชายผู้ออกตัวว่าไม่เคยกลัวสิ่งใดและพร้อมจะมีเรื่องเสมอกำลังนั่งกุมหัว ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว และเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิวว่า

...นั่นมันปีศาจชัดๆ

สีหน้านั้นดูราวกับคนที่เพิ่งเห็นนรกมา
ขอโทษนะ แต่ผมรู้สึกสะใจนิดหน่อยทั้งๆ ที่ผมก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม แม้จะอยู่ในสถานะเบ๊ก็ตาม รู้สึกผิดเป็นบ้าเลยที่แอบสะใจเมื่อเห็นพวกเขาพังพินาศ
ตัวผมแค่บังเอิญโชคดีที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ถ้าอยู่ตรงนั้นด้วย คนอย่างผมคงโดนเก็บก่อนใครเพื่อน
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีที่นักเรียนออกมาเดินเตร็ดเตร่ในย่านกลางคืน แต่พวกผมยังคงตามหาสิ่งนั้น ตามหาที่ยืนของตน ท่ามกลางความพลุกพล่านจอแจ
“ซวยเลย ไม่มีที่ไปซะแล้ว”
คนพวกนั้นกำลังขวัญหนีดีฝ่อ คงไม่มีอารมณ์มาเที่ยวเล่น เผลอๆ อาจจะเลิกสุมหัวหน้าร้านสะดวกซื้อไปเลยด้วยซ้ำ แต่ก็น่าจะแค่ชั่วคราวแหละ
ไม่อยากกลับเลย
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ผมเริ่มไม่อยากกลับบ้าน
“ยังไงก็คงมีแต่ขยะกับชามที่ไม่ได้ล้างอีกตามเคย...”
พูดแล้วก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่ กองขยะกับจานชามมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เก็บล้างเท่าไรก็ไม่หมดสักที ผมเลยทิ้งให้มันรกเลอะเทอะเพราะทำความสะอาดไปก็เปลืองแรงเปล่า
ห้องที่แคบเท่ารูหนูเลยยิ่งแคบกว่าเดิมและมีบรรยากาศทึมทึบกับกลิ่นไม่พึงประสงค์
“...กลับก็กลับ”
แสงไฟหน้าร้านสะดวกซื้อชวนให้สบายใจกว่าจริงๆ ผมคิดขณะเงยหน้ามองอะพาร์ตเมนต์
“แปลกแฮะ ทำไมไฟเปิดอยู่”
มีแสงลอดออกมาทางหน้าต่างบานเล็ก
เวลานี้น่าจะยังไม่กลับนี่
“หรือว่านักล่าหมีดักรออยู่ในนั้น...”
เขาหาที่นี่เจอได้ไง? พวกที่โดนเล่นงานเป็นคนซัดทอดเหรอ แต่จะตามมาเก็บผมไปเพื่ออะไร ผมคือยอดสุนัขรับใช้ที่อยู่สุดปลายแถวนะ? จับไปต้มกินก็ไม่อร่อยหรอก!
“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่แล้ว”
ถึงจะลือกันอย่างนั้น แต่ก็คงไม่มีใครจับคนไปต้มกินจริงๆ หรอก มันคือการฆาตกรรมเชียวนะ มนุษย์ไม่ใช่ของกินเสียหน่อย น่าจะมีใครสักคนพูดเกินจริงโดยไม่คิดนั่นแหละ
ดีไม่ดีผมอาจจะลืมปิดไฟก่อนออกจากห้องเอง อุตส่าห์ตั้งใจจะประหยัดไฟแท้ๆ
“.....”
เสียงอะไรไม่รู้แว่วมา
จังหวะที่กำลังจะหมุนลูกบิดประตู เสียงที่ผมคิดว่ามโนไปเองก็ทะลุเข้าโสตประสาทอย่างจัง
“...อ๊า คุณสุกิโมโตะ”
ใคร?!
ไม่สิ จะใครก็ช่าง ยัยป้าตัวดี!
ยัยป้าเอ๊ยยัยป้า ไม่ตลกนะ!
อ๊าก! ขนลุกเป็นบ้า ใครมันจะอยากได้ยินเสียงครางของแม่ตัวเองกัน
ความคิดที่จะกลับบ้านมาแยกขยะกระเด็นหายไปทันที ผมวิ่งสุดแรงเกิดไปตามถนนมืดๆ โดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น
ยัยป้านั่น เคยเตือนแล้วแท้ๆ ว่าอย่าพาลูกค้ามาที่บ้าน ไม่ฟังกันบ้างเลย! แถมยังจะ...อ๊าก แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว! เรื่องอย่างว่าของผู้เป็นแม่คือสิ่งต้องห้ามอันดับหนึ่งที่เด็กวัยรุ่นไม่ควรมาเห็น ผมไม่อยากรับรู้เลยจริงๆ
“น้ำตาจะไหล...”
อันที่จริงก็ไหลไปแล้ว
เด็กวัยรุ่นอย่างผมกำลังยืนร้องไห้คนเดียวในสวนสาธารณะ นึกไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงหากมีคนมาเจอเข้า ตอนนี้ต้องรีบสงบสติอารมณ์ก่อน
ไม่ว่าที่นั่นจะสกปรกแค่ไหนมันก็ยังเป็นบ้านของผมอยู่ดี เจอแบบนี้ยิ่งไม่อยากกลับเข้าไปใหญ่ อุตส่าห์ไปนั่งสุมหัวอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อเพราะต้องการสถานที่ให้กลับ แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
ทำยังไงดี เงินก็ไม่มีติดตัว ถ้าป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะโดนเรียกไปสอบความประพฤติได้ ไม่อยากไปที่สถานีตำรวจเลย เดี๋ยวจะยุ่งยากทีหลัง ใครจะเป็นคนมารับผมล่ะ แม่ที่กำลังทำเรื่องบ้าบออยู่ในห้องตอนนี้เหรอ? ให้ตายก็ไม่เอาด้วยหรอก
เพื่อน...คนพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนอยู่แล้ว ผมรู้ตัวดีว่าเป็นแค่เบ๊ที่ใช้งานสะดวกเฉยๆ
“จะดีใจกับคำว่าเบ๊มืออาชีพไปทำไม”
โง่หรือเปล่า
เวลาในชีวิตถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์เพราะต้องการที่ยืนของตัวเอง จะเบ๊ก็ดี หรือสุนัขก็ดี ผมยอมทำตามทุกอย่างเพียงแค่มีคนเรียกชื่อของผม
นั่นไม่เรียกว่าที่ยืนหรอก ผมรู้อยู่แก่ใจ แม้แต่พื้นที่ของตัวเองยังสร้างขึ้นมาไม่ได้เลย
ถึงอย่างนั้นก็ยังตามหาต่อไป
ตามหาสถานที่ที่จะช่วยเติมเต็มความเปลี่ยวเหงา

“.....”

หืม
เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ...
ในหัวสับสนจนรู้สึกทรมาน แต่ยังไม่วายจับเสียงอะไรบางอย่างได้
เสียงนั้นเบาแสนเบา บางทีอาจจะหูฝาดไปเอง
ผมเงยหน้าที่ฟุบอยู่บนม้านั่งขึ้นมา ใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา อันที่จริงไม่ต้องสนใจเสียงนั่นก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่ามันคล้ายเสียงร้องของสิ่งมีชีวิต
“มี้...”
เสียงที่เบาหวิวจนแทบจะเลือนหายไปในอากาศเป็นเสียงร้องของตัวอะไรสักอย่างจริงๆ ตัวอะไรจะมาอยู่ในสวนสาธารณะตอนกลางคืนแบบนี้ ไม่สิ มันออกมาเพราะเป็นเวลากลางคืนหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนแรงเต็มที
ผมเดินไปทางทิศที่มาของเสียง เห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนกำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าลังกระดาษที่วางอยู่บนพื้น เด็กเหรอ?
ไม่ ไม่ใช่
ถ้าจำไม่ผิด หมอนี่เคยเรียนห้องเดียวกับผมตอนประถม...
“เฮ้อ เอาไงดีนะ ตัวนิดเดียวเอง...ยังไม่ตายใช่ไหม?”
ผู้ที่กำลังชะโงกมองในกล่องด้วยท่าทีกระวนกระวายคือโอชิบะ เคนสุเกะ เด็กที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ผมจำได้แม่นเพราะหมอนี่เป็นเจ้าเปี๊ยกที่มีดวงตากลมโต
มือของโอชิบะเดี๋ยวยื่นเดี๋ยวหดอย่างเป็นกังวล
ในกล่องมีตัวอะไรอยู่เหรอ? หรือว่าจะเป็น
“ลูกแมว?”
“เอ๊ะ?”
ผมเผลอร้องทักจากด้านหลัง ในกล่องมีลูกแมวอยู่จริงๆ มันยังเล็กมาก คงเพิ่งเกิดได้ไม่นาน
“เอ่อ โทษที นายคือโอชิบะที่อยู่ห้องสามใช่ไหม?”
“อือ”
ดวงตากลมโตคู่นั้นกะพริบปริบๆ หมอนี่น่าจะอายุพอกันกับผม จะเรียกว่าหน้าอ่อนหรือหน้าเด็กดี อ้อ ต้องเรียกว่าหน้าตาจิ้มลิ้มถึงจะถูก
นัยน์ตาสีดำมองตรงมาที่ผมโดยไร้ความระแวง ขนาดเห็นสร้อยเส้นใหญ่กับเครื่องแบบหลุดลุ่ยของผมยังไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือรังเกียจสักนิด ผู้ใหญ่ทุกคนที่เห็นสภาพนี้ล้วนทำหน้ารังเกียจกันหมดแท้ๆ
“เอ่อ ฉันอยู่ห้องสองก็จริง แต่พวกเราเคยเรียนห้องเดียวกันสมัยประถม”
“อะ อ๋อ! เซตา เซตา...เซกา...บันดะ...”
“...เซตากาวะ”
“เออ นั่นแหละ!”
จำไม่ค่อยได้สินะ
“ไม่เจอกันตั้งนาน! นานเหรอ? ต้องไม่นานสิ ก็อยู่โรงเรียนเดียวกันนี่! ฮ่าๆๆ”
“ฮะๆ...”
ผมยิ้มตอบตามมารยาทเมื่อเห็นโอชิบะหัวเราะอย่างไร้เดียงสา จากนั้นย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ แล้ววกกลับเข้าประเด็น ลูกแมวในกล่องยังคงส่งเสียงร้องสุดชีวิต
“ตัวเล็กขนาดนี้ยังเอามาทิ้งให้คนอื่น ‘เก็บไปเลี้ยง’ อีก...ใจร้ายชะมัด”
“อืม”
“คงไม่ใช่ฝีมือนายหรอกใช่ไหม”
“เปล่า”
นั่นสินะ
ค่อยยังชั่ว
“พอดีด้วงคีมที่ฉันเลี้ยงไว้มันตายเลยจะเอามาฝัง แต่บังเอิญมาเจอลูกแมวเข้าเพราะได้ยินเสียงร้อง”
โอชิบะเล่าที่มาที่ไปให้ฟังขณะก้มมองลูกแมวด้วยท่าทางหงอยๆ รู้สึกผิดเลยที่แอบสงสัยไปชั่วขณะ ถึงจะคิดว่าไม่ใช่อยู่แล้วก็เถอะ
“เหรอ ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”
อันที่จริงก็อยากทักเรื่องด้วงคีมด้วย แต่ตอนนี้ควรสนใจลูกแมวก่อน
เจ้าเหมียวที่ตัวสั่นกึกๆ ยังแหกปากร้องไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังหิวหรือโหยหาความอบอุ่นกันแน่ มันพยายามตามหาอะไรบางอย่างทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท
“ทำยังไงดีน้า?”
“ดูอ่อนแรงแฮะ ให้ความอบอุ่นก่อนดีกว่า เสร็จแล้วค่อยหานมมาเจือจางแล้วอุ่นให้เท่ากับอุณหภูมิผิว ที่จริงควรใช้นมสำหรับแมวโดยเฉพาะมากกว่า”
เคยได้ยินว่านมวัวมีสารอาหารเยอะเกินไปจึงไม่เหมาะสมกับแมว ทุกวันนี้เลยมีนมสำหรับสุนัขและแมวขายแยกโดยเฉพาะ ส่วนเหตุผลที่ต้องอุ่นให้เท่าอุณหภูมิผิวก็เหมือนกับเวลาให้นมทารก
หลังให้มันกินอิ่มแล้วจะทำยังไงต่อ บ้านของผมเลี้ยงไม่ได้แน่นอน ปล่อยทิ้งไว้ตรงนี้ก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เช้ามามันอาจจะถูกอีการุมจิกก็ได้ แต่ถ้าไม่พร้อมจะเลี้ยงก็ไม่ควรดูแลครึ่งๆ กลางๆ
“เดี๋ยวฉันพามันกลับไปเอง!”
โอชิบะหยิบกล่องขึ้นมาแล้วลุกขึ้น ไม่รู้สัมผัสความกังวลของผมได้หรือเปล่า
“จริงเหรอ! โล่งอกไปที!”
“อือ!”
ถ้าโอชิบะเอามันไปเลี้ยงก็สบายใจได้ เจ้าเหมียวต้องได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน เดิมโอชิบะแค่มาฝังด้วงคีมด้วยซ้ำ คนที่นั่งเฝ้าลูกแมวในกล่องด้วยสีหน้าเป็นห่วงแบบนี้ ไม่มีทางเป็นคนไม่ดีอยู่แล้ว
ผมเองก็ควรกลับบ้านเหมือนกัน ใจจริงไม่อยากกลับหรอก แต่จะนอนกลางแจ้งคงไม่ได้
พอทำท่าจะลุกไปจากตรงนั้นก็รู้สึกชายเสื้อมันตึงๆ เหมือนถูกอะไรดึงไว้
“เอ๋?”
“กะ กูรูสัตว์เลี้ยง...!!”
โอชิบะนี่เองที่กำชายเสื้อของผมอยู่ ดวงตากลมโตของหมอนั่นเป็นประกายวาววับขณะแหงนมองผมด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
เดี๋ยวก่อน ทำสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง หยุดเลยนะ? ผมแค่ได้ยินผ่านๆ จากรายการโทรทัศน์ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญสักหน่อย กูรูสัตว์เลี้ยงอะไร ความคิดเด็กประถมชัดๆ
ถูกมองด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ ใครจะกล้าพูดจาตัดรอนว่า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ กันเล่า ผมไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้นสักหน่อย
ช่วยไม่ได้แฮะ นมสำหรับลูกแมวน่าจะมีวางขายอยู่ในร้านเฉพาะทางเท่านั้น เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยพาไปหาสัตวแพทย์แล้วกัน
...อันที่จริงผมแอบโล่งใจนิดหน่อยที่ถูกโอชิบะดึงชายเสื้อไว้ มันแปลว่าผมยังไม่ต้องกลับไปที่นั่นก็ได้

“มี้ มี้”
เจ้าลูกแมวกินนมที่อุ่นเท่าอุณหภูมิผิวอย่างตะกละตะกลาม สัมผัสได้ถึงกำลังวังชาของมัน
“โอ๊ะ กินใหญ่เลย คงจะหิวมากสินะ”
โอชิบะกำลังป้อนนมและเฝ้าดูลูกแมวที่แหกปากร้องอยู่หน้าโถงทางเข้า ผมไม่เคยมาบ้านโอชิบะมาก่อน บ้านเดี่ยวแบบนี้ดีจังเลยนะ เคยอยู่แต่ห้องเช่าอะพาร์ตเมนต์ที่เก่าโทรมและคับแคบ ผมเลยหลงใหลการมีบันไดอยู่ในบ้านเป็นพิเศษ
ถึงไม่ใช่บ้านที่เพิ่งสร้างใหม่แต่ก็สะอาดสะอ้าน นี่แหละ บ้านของคนทั่วไป
“โอชิบะ พรุ่งนี้อย่าลืมพามันไปหาสัตวแพทย์ล่ะ?”
“อืม! น่ารักจังเลยน้า น่ารัก~”
“นายจะเลี้ยงมันไว้รึเปล่า?”
“เลี้ยงสิ! น่ารักขนาดนี้ อ๊ะ หาวด้วย! ฮ่าๆๆ”
เจ้าลูกแมวกินนมจนพุงป่อง อ้าปากหาวพร้อมเสียงเรอเบาๆ โอชิบะดีใจใหญ่ที่ได้เห็นความน่ารักของมัน บ้านนี้จะต้องเอ็นดูเจ้าลูกแมวมากแน่ๆ ดีจังเลยเนอะ อุตส่าห์เกิดมาทั้งที ไม่ว่าใครก็อยากถูกเลี้ยงดูด้วยความรักอยู่แล้ว
“...อ๊าก!!”
“ฮะ?!”
ผมและลูกแมวต่างสะดุ้งตกใจกับเสียงร้องลั่นของโอชิบะ อยู่ๆ เป็นอะไรไปเนี่ย
“ซวยแล้ว! ถ้าพี่รู้เข้าต้องโดนฆ่าตายหนึ่งในสามแน่!”
“หนึ่งในสาม...?”
“ไม่ใช่ครึ่งเป็นครึ่งตายนะ ประมาณหนึ่งในสาม! อ๊าก ทำยังไงดี!”
ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับโอชิบะที่กำลังสติแตกดี คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือ
“นายมีพี่ชายด้วยเหรอ”
“งานงอกแล้ว! เซตากาวะ เราไปหาที่ซ่อนลูกแมวกันเถอะ! พี่บอกว่าวันนี้จะออกไปสั่งสอนพวกนักเลงให้กลับตัวกลับใจอีก นี่ก็ใกล้จะกลับมาแล้ว!”
“ดะ เดี๋ยวนะ! สั่งสอนพวกนักเลงเหรอ?”
“ลูกแมวน่ารักขนาดนี้ ตัวก็นิดเดียวเอง คงไม่เอาไปโยนทิ้งหรอกมั้ง? พี่ไม่น่าทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้น...อ๊า จะทำไหมเนี่ย! ที่รู้ๆ คือฉันโดนแน่”
อาการแตกตื่นของโอชิบะเรียกได้ว่าเข้าขั้นผิดปกติ หมอนั่นเขย่าคอเสื้อของผมจนย้วยแล้วย้วยอีก
เพิ่งรู้ว่าโอชิบะมีพี่ชายด้วย อันที่จริงพวกเราแค่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นมากกว่า ผมเลยไม่รู้ว่าคนในครอบครัวเขามีใครบ้าง
พี่ชายคนนั้นของโอชิบะออกไปสั่งสอนพวกนักเลง?
“นี่ โอชิบะ ฉะ ฉันเข้าใจผิดไปรึเปล่า...คงไม่ใช่ว่าคนที่ตระเวนเล่นงานแก๊งอันธพาลแถวนี้...”
กลุ่มของคุณโทโอรุโดนเล่นจนหมอบ ขนาดนักเลงที่ไม่เคยกลัวอะไรยังขวัญหนีดีฝ่อ
“ชายที่มีไฝใต้ปาก ชอบใส่เสื้อยืดลายประหลาด ฉายา ‘นักล่าหมี’ ...”
“หืม?”
เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง
กลิ่นบุหรี่คุ้นจมูกโชยมาพร้อมสายลมเย็นเฉียบ
บรรยากาศกดดันหนักอึ้ง
“เมื่อกี้นายว่าใครใส่เสื้อลายประหลาด”
เดี๋ยวๆ ไอ้ที่ใส่อยู่นั่นแหละ ใช่เลย ใช่เลยครับ เมโสโปตาซ ต้นกำเนิด...อะไรล่ะนั่น ทำไมเลือกใส่เสื้อยืดที่เขียนข้อความมั่วซั่วชวนงงแบบนี้ ซื้อมาเหรอ? ขายอยู่ที่ไหนเนี่ย! เมโสโปตาช? ต้นกำเนิดอารยธรรม??
ผู้ที่กำลังก้มมองผมกับโอชิบะซึ่งตัวแข็งเป็นหินไปแล้วทั้งคู่ คือชายผู้มีรอยเลือดกระเซ็นติดอยู่บนใบหน้า ท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ ใต้ปากมีไฝเม็ดจิ๋วประดับอยู่ ดูดีๆ แล้วหล่อเหลาไม่เบา
“วิจารณ์กันสนุกปากเลยนะ...นายเป็นใครเนี่ย”
บนเสื้อยืดลายประหลาดมีรอยด่างสีน้ำตาล นั่นคงเป็นเลือดของใครสักคน ทำไมมีรอยเลือดเต็มตัวแบบนี้ล่ะ!
โอชิบะนั่งตัวสั่นกึกๆ อยู่ข้างผม ท่าทางจะกลัวจนขึ้นสมอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือพี่ชายคนที่ว่า
“หืม? นั่นกล่องอะไรน่ะ เคน กินได้รึเปล่า?”
ไม่ครับ ไม่ได้ เจ้าลูกแมวที่กินอิ่มนอนหลับอยู่ในกองผ้าขนหนูอุ่นๆ ไม่ใช่ของกินนะครับ!
“อา หิวเป็นบ้าเลย”
โดนจับต้มกินแน่...?!

ห้องครัวบ้านโอชิบะสะอาดและเป็นระเบียบ
แต่มีแม้กระทั่งเครื่องปรุงหมดอายุ กระปุกที่น่าจะเป็นเครื่องปรุงจากต่างประเทศซึ่งไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร ไปจนถึงของตากแห้งปริศนาที่แห้งแล้วแห้งอีก มันไม่เหมือนห้องครัวของบ้านทั่วไปที่ผมเคยจินตนาการไว้เท่าไร ไม่สิ นี่อาจจะเป็นสภาพปกติของห้องครัวก็ได้
“อันนั้นเป็นเครื่องเทศที่แม่ได้มาจากข้างบ้าน”
โอชิบะเดินมาอธิบายด้วยดวงตาเป็นประกายหลังเห็นผมยืนจ้องกระปุกเครื่องปรุง
เนื่องจากคุณนักล่าหมีท้องร้องจ๊อกๆ ผมเลยเสนอตัวทำมื้อเย็นให้เพราะกลัวลูกแมวจะถูกจับกิน ถึงจะทำได้แค่เมนูง่ายๆ ก็เถอะ ดีกว่าปล่อยให้เขากินลูกแมวนั่นแหละ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีปัญหา”

นักเลงกระจอกเซตากาวะเป็นทั้งลูกศิษย์และลูกสมุนของคุณโคสุเกะ ครูสอน ม.ปลาย จอมป่าเถื่อน แต่เขากลับถูกคำพูดและการกระทำของคุณโคสุเกะที่ตนแอบปลื้มนักหนาปั่นหัว จนความสัมพันธ์ทำท่าจะหยุดไม่อยู่...แล้วเดินหน้าต่อเป็นความรักท่าเดียว!!

‘รักหมดใจ MY HERO’ การ์ตูนยอดฮิตเคล้าเสียงหัวเราะและน้ำตา ★ ฉบับนิยายมาแล้ว ★★★


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”