New Release เหลียนฮวา : สามีเถื่อนขอสำราญ ชุดห้องหออลวน

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1072
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : สามีเถื่อนขอสำราญ ชุดห้องหออลวน

โพสต์ โดย Gals »

บทที่หนึ่ง

ท่องยุทธภพ ลงโทษคนเลวกำจัดคนชั่ว จอมยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรม แบกรับหน้าที่ที่เผชิญโดยไม่ลังเล
สิบวันก่อนซ่งซินหนิงได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้รวมตัวกับศิษย์สำนักอื่น เหล่าจอมยุทธ์จับมือกันเดินทางไกลนับพันลี้ ไล่ติดตามร่องรอยคนของลัทธิมารไปติดๆ ตลอดทาง
พวกคนชั่วเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ระหว่างทางทั้งดักซุ่มโจมตีและวางค่ายกล จุดมุ่งหมายก็เพื่อขัดแข้งขัดขาการเคลื่อนพลของเก้าสำนักใหญ่และขัดขวางการรุกไล่โจมตี
ตลอดทางทั้งสองฝ่ายสู้กันบ่อยครั้ง ในระหว่างสู้กันนัวเนียซ่งซินหนิงตีฝ่าวงล้อมออกมา ทิ้งกองกำลังไร้น้ำยาที่สละชีพรั้งอยู่ท้ายขบวนเหล่านี้แก่ลูกน้องของแต่ละสำนัก ที่นางต้องการไล่จับคือ ปลาตัวใหญ่ที่อยู่ในรายชื่อมารร้ายของยุทธภพ
หากจับมารเหล่านั้นไว้ได้สักคนสองคน ประการแรกสามารถลดการนองเลือดในยุทธภพได้ ประการที่สองสามารถสร้างชื่อเสียงให้สำนักตนเองและทำให้ตำแหน่งของสำนักในยุทธภพมั่นคงขึ้นได้
ด้วยเหตุนี้หลังจากได้ข่าวการชุมนุมกันที่ศาลาเหลยเฟิงของลัทธิมารและพรรคนอกรีต ผู้มีความสามารถโดดเด่นของเก้าสำนักใหญ่ทั้งหมดจึงออกมาเพื่อร่วมแรงร่วมใจกันล้อมปราบ
แม้จะบอกว่าเป็นการร่วมมือกัน แต่ก็เป็นการแข่งขันกันอย่างหนึ่ง ไม่ว่าสำนักใดต่างก็หวังจะจับคนชั่วที่อยู่ในรายชื่อมารร้ายของยุทธภพได้ เพื่อบันทึกความรุ่งโรจน์แก่พรรคและสำนักของตน ให้ชื่อของตนครอบครองพื้นที่เล็กๆ ในอันดับวีรบุรุษแห่งยุทธภพ ให้ชื่อเสียงเลื่องลือในประวัติศาสตร์
ซ่งซินหนิงเป็นศิษย์สำนักวังวิญญาณหยก นางมีสติปัญญาล้ำเลิศ ตั้งแต่เด็กก็เป็นผู้มีความสามารถในการฝึกฝนคนสำคัญของวังวิญญาณหยก โดยมีประมุขวังเป็นผู้ถ่ายทอดวรยุทธ์และวิชาลับเฉพาะของสำนักให้ด้วยตนเอง
นางอายุยี่สิบปี รูปโฉมโนมพรรณงดงาม ใช้นาม ‘อวี้ฝูหรง ’ ในการท่องยุทธภพ มีชื่อเสียงท่ามกลางคนรุ่นหนุ่มสาวที่โดดเด่นไม่น้อย
หลังจากนางไล่ล่าโจมตีไม่หลับไม่นอนสิบวันก็เผชิญกับบุปผาไร้ใจซึ่งอยู่ในอันดับที่ห้าของรายชื่อมารร้ายที่หุบเขาซิวหลัว
หุบเขาซิวหลัว แม้จะชื่อว่าซิวหลัว ทว่าบุปผากลับบานสะพรั่งทั่วทุกแห่งหนราวกับดินแดนเทพเซียน
ซ่งซินหนิงสวมชุดสีขาว บนร่างกายไร้เครื่องประดับที่เกินความจำเป็น มีเพียงเชือกผูกผมเส้นหนึ่งสำหรับผูกผมเท่านั้น กลายเป็นจุดขาวพิสุทธิ์ท่ามกลางบุปผาสีสันงดงามที่บานสะพรั่ง อาวุธของนางคือกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง ปกติจะพันไว้ที่สายรัดเอว เมื่อต้องการก็ชักออกมาและสู้รบกับศัตรูได้ทันที
บุปผาไร้ใจสวมชุดเสื้อตัวยาวแขนแคบสีฟ้าน้ำแข็ง คาดสายรัดเอวสีดำ ใบหน้าตั้งแต่จมูกลงมาสวมหน้ากากสีดำ แม้จะปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง ทว่ากลับปิดบังความสง่างามองอาจไม่มิด กลับขับให้บุรุษผู้นี้ดูหล่อเหลาและลึกลับเสียด้วยซ้ำ
กล่าวถึงบุปผาไร้ใจ ในรายชื่อมารร้ายไล่เรียงความผิดของเขาออกมาเป็นข้อๆ บอกว่าเขาใช้สตรีเป็นเตาหลอม เก็บหยินเสริมหยาง แอบฝึกพลังปราณ ไม่รู้ว่าย่ำยีสตรีบริสุทธิ์ไปมากน้อยเท่าไรแล้ว
หากกำจัดภัยร้ายนี้ได้ จะเป็นความผาสุกของเหล่าสตรี
บุปผาไร้ใจจ้องมองนาง มุมปากหล่อเหลายกยิ้มชั่วร้ายอันมีเสน่ห์ขึ้นบางๆ
“หนึ่งปีมานี้แม่นางฝูหรงกวนใจข้าผู้นี้ไม่เลิกรา น้ำใจลึกซึ้งเช่นนี้ทำให้ข้าผู้นี้ใจแข็งไม่พอที่จะปฏิเสธอีก วันนี้ข้าผู้นี้ตัดสินใจจะช่วยเหลือให้จิตใจอันลุ่มหลงของแม่นางฝูหรงสมปรารถนา ยินยอมไปเยือนเมฆฝน ร่วมกับเจ้า”
หนึ่งปีมานี้ซ่งซินหนิงประมือกับบุปผาไร้ใจอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่เขาเอ่ยวาจาแทะโลม นางจะทำเป็นไม่ได้ยิน ครั้งนี้นางก็ยังคงไม่พูดไร้สาระให้มากความ ชักกระบี่ออกมาทันที ปลายกระบี่.ียบขาด ล้วนเป็นกระบวนท่าสังหารที่เด็ดขาดทั้งสิ้น
“อย่ารีบร้อนสิ ข้าผู้นี้ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้เจ้าเสียหน่อย โกรธที่ข้าผู้นี้เมินเฉยเจ้ารึ? แม้ข้าผู้นี้จะทำตัวเจ้าชู้อยู่ข้างนอก ทว่าในใจมีเพียงเจ้าเท่านั้น...”
“อ๋า? ระวังหน่อย นี่คือของรักของข้าผู้นี้เชียว หากขาดมันไปข้าผู้นี้จะมอบหยาดน้ำฝนให้เจ้าได้อย่างไร? เจ้าต้องรู้ว่าอาวุธของข้าผู้นี้ใหญ่และทำงานได้เป็นอย่างดี สตรีที่เคยใช้งานมันล้วนบอกว่าดีเยี่ยม...”
“อย่าโจมตีใบหน้า ใบหน้าข้าผู้นี้มีค่ามากนัก หน้าตาข้าผู้นี้หล่อเหลาเกินไปถึงต้องสวมหน้ากากปกปิดสักหน่อย ยามสตรีพบเห็นจะได้ไม่ตกหลุมรักจนเสียเวลาเปล่าไปทั้งชีวิต...”
ดอกไม้นานาชนิดปลิวว่อน กลีบดอกไม้โปรยปรายราวห่าฝน เงาร่างสองสายเคลื่อนไหวไปมาอยู่ท่ามกลางนั้น บางคราก็สูงบางคราก็ต่ำ บางคราก็ซ้ายบางคราก็ขวา รวดเร็วฉับไวดั่งภูตผีปีศาจ หากมีผู้อื่นมองดู คงจะทำได้เพียงมองดูจนตาพร่าลายเท่านั้น
ยอดฝีมือประลองกันชั่วครู่เดียวก็ร้อยกระบวนท่าแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้าภายในเวลาชั่วพริบตา ทันใดนั้นเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น ดาบโค้งในมือบุปผาไร้ใจหลุดกระเด็น กระบี่คมกริบแทงเข้าที่หน้าอกเขา
ตัวของเขาแข็งค้างคล้ายกับไม่อยากเชื่อ จากนั้นก้มศีรษะดูทรวงอกที่ถูกแทง เลือดหลั่งไหลออกมาจากตรงนั้น กระบี่แทงเข้าจุดสำคัญพอดี เกรงว่าต่อให้เป็นเทพเซียนจุติลงมาเกิดก็ยากจะช่วยชีวิตไว้ได้
เมื่อซ่งซินหนิงดึงกระบี่ออก ขาทั้งสองข้างของเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นและล้มลงท่ามกลางดอกไม้นานาชนิด หุบเขาซิวหลัวแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ฝังร่างของเขา
ซ่งซินหนิงมองดูบุรุษที่ล้มลงกับพื้นด้วยความเย็นชาและผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เพื่อตามฆ่าบุปผาไร้ใจนางสิ้นเปลืองกำลังในการศึกษาตำแหน่งที่อยู่ นิสัยใจคอ และกระบวนท่าวรยุทธ์ของคนผู้นี้ไปไม่น้อย ไล่ล่าจับมาหนึ่งปีในที่สุดก็ฆ่าตัวหายนะแห่งยุทธจักรนี้ได้แล้ว
นางยองกายลงและยื่นมือไปถอดหน้ากากของบุปผาไร้ใจออก พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
เป็นใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าใบหน้านี้หลอกลวงสตรีมามากน้อยเพียงใด เป็นภัยยุทธจักรและอันตรายต่อผู้คนไม่น้อย
นางยกมือขึ้นอย่างเย็นชาและเงื้อกระบี่ขึ้นเพื่อตัดศีรษะของเขาเอากลับไปรายงานผลงาน ในตอนนั้นเองดวงตาที่เบิกโพลงทั้งคู่ของบุปผาไร้ใจพลันกะพริบใส่นาง
ซ่งซินหนิงตกใจเป็นอย่างยิ่งและรู้ว่าตัวเองติดกับในทันที แต่เมื่อนางคิดจะหลบก็พลาดโอกาสไปเสียแล้ว
บุปผาไร้ใจพลิกกายและกดนางไว้ในพุ่มดอกไม้
“จับเจ้าได้แล้ว” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ บีบประชิดเข้ามาด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย หน้าอกแข็งแรงล่ำสันกดทับความอ่อนนุ่มตรงหน้าอกของนาง ความแข็งขึงที่ด้านล่างนั่นก็แนบกับหว่างขาของนางแน่นเช่นกัน
ใบหน้าที่เยือกเย็นสุขุมมาตลอดของนางเผยความตระหนกตกใจอย่างหาได้ยากยิ่งนักออกมา
“ยุทธภพล่อแหลมอันตราย แม้เผชิญหน้ากับคนตายก็ไม่อาจประมาทได้”
ข้างใบหูของนางคือไอร้อนจากการเปล่งเสียงพูดของบุรุษ แม้จะขวางกั้นด้วยเสื้อผ้า ทว่าอุณหภูมิร่างกายของบุรุษผู้นั้นยังคงร้อนแผดเผาผิวกายนางอยู่ดี
นางตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คาดว่าตัวเองจะขยับไม่ได้
“เจ้าวางยาพิษ?”
บุปผาไร้ใจชื่นชมความตระหนกที่เผยออกมาโดยไม่ตั้งใจทางแววตาของนางอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหุบเขาแห่งนี้ถึงเรียกว่าหุบเขาซิวหลัว เป็นเพราะท่ามกลางบุปผานานาชนิดทั่วทุกแห่งนี้มีบุปผาพิษซ่อนอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าบุปผาพิษเหล่านี้ดูดซับเลือดจากซากศพไปมากน้อยเพียงใดถึงได้เกลื่อนกลาดและงดงามวิจิตรเต็มหุบเขาเป็นผลสำเร็จ และบัดนี้ที่แห่งนี้จะเพิ่มดอกฝูหรงเช่นเจ้าเข้าไปอีก”
ซ่งซินหนิงเข้าใจในทันที ทั้งสองประมือกันในหุบเขาย่อมเลี่ยงการถูกหนามดอกไม้ทิ่มตำได้ยาก และนางก็คร้านที่จะใส่ใจ ดังนั้นถึงได้ตกหลุมพราง ส่วนบุปผาไร้ใจทั้งๆ ที่รู้ว่ามีพิษก็ยังล่อนางมาที่นี่อีก เขาย่อมกินยาถอนพิษมาก่อนเเล้ว
ซ่งซินหนิงรู้สึกถึงความสิ้นหวัง นางไม่คิดว่าสุดท้ายเเล้วตัวเองจะถูกฝังอยู่ที่นี่ แถมบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยตัณหา ต้องทำลายความบริสุทธิ์ของนางก่อนตายเป็นเเน่ ในเมื่อยากที่จะหนีพ้นเคราะห์นี้ นางก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น
“จอมยุทธ์บุปผา ก่อนที่ข้าจะตายเจ้าทำตามความปรารถนาข้อหนึ่งของข้าได้หรือไม่”
คำว่า ‘จอมยุทธ์บุปผา’ สามคำนี้ทำให้คิ้วของบุปผาไร้ใจเลิกขึ้น “เจ้าว่ามา”
“หลังจากข้าตาย โปรดอำพรางซ่อนร่างของข้าไว้ อย่าให้ผู้คนพบเจอ”
“เอ๋? เหตุใดเจ้าไม่ขอให้ข้าช่วยเจ้า”
“เจ้าฝึกบำเพ็ญพลังปราณ ใช้สตรีเป็นเตาหลอม ย่อมไม่ปล่อยข้าเเน่นอน ต่อให้ข้าไม่ได้ถูกพิษตายก็ต้องถูกเจ้าเก็บหยินเสริมหยางจนตายเป็นแน่ ในเมื่ออย่างไรก็ตาย มิสู้ขอเกียรติศักดิ์ศรีของคนตายดีกว่า หลังจากข้าตายไปอย่าให้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งปกปิดร่างกายไม่มิด ทำให้มารดาข้าได้รับความอับอาย นำร่างของข้าซ่อนไว้ นางก็คิดเพียงว่าข้าระเหเร่ร่อนในยุทธภพ ไม่ถึงกับจมอยู่ในความโศกเศร้าที่สูญเสียบุตรสาวไป”
บุปผาไร้ใจรู้สึกคาดไม่ถึง แม้จะเห็นว่าสีหน้าของนางซีดขาวอยู่บ้าง ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตายกลับสามารถรักษาความนิ่งเฉยและความเยือกเย็นสุขุมไว้ได้ เพียงเเต่นี่ไม่นับว่าแปลกอะไร ระเหเร่ร่อนอยู่ในยุทธภพ ผู้ที่ไม่ยี่หระต่อความเป็นความตายมีถมไป ที่เขารู้สึกประหลาดคือ เมื่อสตรีพบกับเรื่องฉุดคร่ากระทำชำเราพรรค์นี้ส่วนใหญ่จะตระหนกและหวาดกลัว ร่ำไห้ขอความเมตตา แต่สตรีนางนี้ไม่ขอให้เขาปล่อยนาง ขอเพียงหลังจากเขาเสร็จกิจให้สวมเสื้อผ้าปกปิดให้นาง จากนั้นก็ทำลายศพและทำลายหลักฐาน
บุปผาไร้ใจไม่ได้ตอบคำในทันที เพียงประคองใบหน้านางด้วยมือเดียวแล้วจับจ้องใบหน้าของนางเพื่อพินิจพิเคราะห์ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ดูเหมือนเขาจะจับจ้องนานเกินไปซ่งซินหนิงเลยอดร้อนใจเล็กน้อยไม่ได้ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน รอคำสัญญาของเขาไม่ไหว
“ข้ามีเพียงความปรารถนานี้ ไม่มีทางเป็นภัยต่อเจ้า หากเจ้ากลัวว่าจะเสียเวลาเเละถูกผู้อื่นไล่ตามเพราะเหตุนี้ มิสู้กรีดใบหน้าข้าให้ผู้คนจำไม่ได้ จากนั้นค่อยถอดชุดของวังวิญญาณหยกบนตัวข้าแล้วหาโอกาสเผาทิ้งเป็นอย่างไร?”
บุปผาไร้ใจประคองใบหน้านางด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้านาง ผิวเนื้อที่อยู่ใต้นิ้วของเขานั้นให้สัมผัสอ่อนนุ่ม
โฉมงามน้อยตัวเป็นๆ ผู้หนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่จะสูญเสียพรหมจรรย์กลับไม่ร่ำไห้ไม่โวยวาย ถึงกับเสนอเขาว่าจะทำลายศพเเละหลักฐานในเวลาอันสั้นอย่างไรด้วยความใจเย็น...คำพูดนี้ฟังเเล้ว เหตุใดถึงทำให้เขารู้สึกถึงความคึกคักกว่าเสียงหอบครางหวานหูของสตรีเล่า?
“ไม่ดี” เขาเอ่ย
เขาเห็นสีหน้าผิดหวังและความสิ้นหวังในดวงตาของนาง เเต่แม้จะเป็นเช่นนี้นางก็ไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะเพราะเหตุนี้ เพียงเม้มริมฝีปากแน่นและไม่เอ่ยคำใดอีก
ฝ่ามือของเขาเลื่อนลงมาและคลึงลำคอของนาง จากนั้นริมฝีปากบางก็แนบสัมผัสกับใบหูของนาง เขาเห็นนางหลับตาคล้ายกับคิดจะยอมรับความอัปยศอดสูที่สุดจะรับได้ต่อจากนี้
“ข้าหลอกเจ้าต่างหาก” เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่าก่อนจะหัวเราะเบาๆ ข้างใบหูของนาง “หนามดอกไม้ไม่ได้มีพิษถึงขนาดทำให้คนตาย เเค่ทำให้แขนขาชาชั่วคราวเท่านั้น”
ซ่งซินหนิงลืมตามองเขาในทันที
“เพียงเเต่เจ้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้าผู้นี้เเล้ว ข้าผู้นี้ควรจะฆ่าเจ้าปิดปาก”
สีหน้าของนางเเข็งค้าง ดวงตาที่สว่างสดใสอึมครึมอีกครั้ง
“ทว่าดีร้ายอย่างไรเจ้าก็ไล่ตามข้าผู้นี้มาหนึ่งปี แม้ข้าผู้นี้จะชื่อบุปผาไร้ใจแต่ก็ไม่ได้ไร้ใจจริงๆ” ทันใดนั้นเขาก็ล้วงเข้ามาด้านในเสื้อของนางแล้วกระตุกเอี๊ยมของนางออก
“ข้าผู้นี้จะเก็บรักษาไว้ก่อน ถือเป็นของเเทนใจของพวกเรา จำไว้ เจ้าติดค้างชีวิตข้าผู้นี้ชีวิตหนึ่ง” ชายหนุ่มอมติ่งหูของนาง จากนั้นไล้เลียดูดดุนและหยอกเย้า น้ำเสียงเขาแหบพร่าไปหลายส่วน ทว่าชัดเจนทุกถ้อยคำ “เจ้ายังติดค้างการเข้าหอกับข้าผู้นี้ด้วย”
จุมพิตและการไล้เลียดูดดุนของเขากระตุ้นประสาทของนาง ทำให้นางสั่นสะท้าน ทันใดนั้นแรงกดทับบนตัวนางก็หายไป ครั้นนางลืมตาขึ้นกลับไม่พบคนแล้ว
ซ่งซินหนิงนิ่งงันอยู่พักหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงค่อยตระหนักว่าตัวเองรอดจากความตายเเละหลีกหนีคราวเคราะห์พ้น
หลังจากพบว่าเเขนขาขยับได้นางก็ลุกพรวดขึ้นจากพื้นทันที ความปีติยินดีที่รอดพ้นมาได้อย่างโชคดีลดทอนความสำคัญที่นางถูกเอาเปรียบไป
เอี๊ยมนับเป็นอะไรได้? ไม่ได้มีชื่อนางเขียนไว้บนนั้นเสียหน่อย เเล้วบุปผาไร้ใจจะเสียใจที่ไม่ได้ฉวยโอกาสฆ่านางเสีย นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอที่ถูกคนจูบแล้วจะฆ่าตัวตาย นางจะถือเสียว่าถูกหมามันกัด
คราวนี้เป็นเพราะตัวนางเองประมาท คราวหน้านางไม่มีทางทำผิดเช่นนี้อีกเเน่นอน
หลังจากจัดการเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยและเเน่ใจว่าไม่เห็นความผิดปกติจากภายนอก นางก็ไปรวมกับคนอื่นๆ ที่ไล่ตามมา และตามทุกคนไล่ตามเบาะแสไปอีกสองวัน จนกระทั่งถึงริมเเม่น้ำถึงได้หยุดลง
เนื่องด้วยแม่น้ำมีขนาดกว้างและความสามารถในการว่ายน้ำของผู้คนส่วนใหญ่ไม่ดีนักจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามข้ามเเม่น้ำ ด้วยกลัวว่าจะเจอกับกองกำลังที่ดักซุ่มอยู่ในน้ำจนต้องสังเวยชีวิต ดังนั้นหลังจากทุกคนปรึกษาหารือกันแล้วเลยตัดสินใจกลับไปรายงานก่อน

เมื่อซ่งซินหนิงกลับถึงวังวิญญาณหยก นางรายงานกระบวนการไล่ล่าครั้งนี้ต่อประมุขวัง ในขณะเดียวกันก็ได้ยินจากปากคนอื่นๆ ว่า ที่เก้าสำนักใหญ่ผนึกกำลังกันปราบปรามในครั้งนี้สังหารคนชั่วไปทั้งสิ้นยี่สิบหกคน ไม่นับสุนัขรับใช้ของคนชั่วเหล่านั้น ในนั้นมีคนชั่วช้าห้าคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในรายชื่อมารร้าย น่าเสียดายที่ไม่มีบุปผาไร้ใจ ปล่อยให้เขาหนีไปได้อีกแล้ว
ที่น่ายินดีคือ คนชั่วช้าหนึ่งในนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหาร
ซ่งซินหนิงแอบผูกใจรักเเละชื่นชมศรัทธาศิษย์พี่ใหญ่
ที่วังวิญญาณหยก วรยุทธ์ของศิษย์พี่ใหญ่เป็นรองเพียงประมุขวังเท่านั้น ทุกคนล้วนพูดกันว่า มีความเป็นไปได้ที่ศิษย์พี่ใหญ่จะถูกผู้อาวุโสเลือกให้เป็นประมุขวังคนถัดไป
ภายในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองความดีความชอบ ประมุขวังบำรุงขวัญเหล่าศิษย์ที่ออกจากวังไปครั้งนี้ และหลังจากมอบรางวัลทีละคนเเล้วก็ปล่อยให้ทุกคนสนุกสนานกันเอง
วังวิญญาณหยกมีกฎระเบียบเคร่งครัดมาโดยตลอด ช่วงเวลาเดียวที่สามารถทำอะไรตามใจได้คือที่งานเลี้ยง บรรดาศิษย์จึงถือโอกาสในครั้งนี้รวมตัวกันพูดคุยหนุงหนิง หลังจากดื่มสุราไประยะหนึ่งการระมัดระวังควบคุมตนเองในยามปกติก็หมดไปนานเเล้ว ต่างเล่นหัวเราะด่าทอกันและกัน พูดคุยออกรสกันอย่างเต็มที่
เหล่าศิษย์ที่ไม่ได้ออกจากวังล้อมรอบบรรดาศิษย์ที่เข้าร่วมการไล่ล่าในครั้งนี้ ซักถามถึงรายละเอียดการตามฆ่าคนชั่ว ซ่งซินหนิงก็ถูกเหล่าศิษย์น้องชายหญิงรุมล้อมเช่นกัน นางตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและพูดคุยเล่นกับเหล่าศิษย์น้องชายหญิง ทว่าในยามที่ไม่มีผู้ใดสนใจ สายตานางจะมองไปทางศิษย์พี่ใหญ่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ศิษย์พี่ใหญ่อวี้จ่านรูปร่างงามสง่าน่าเกรงขาม บุคลิกลักษณะสง่างามไม่ธรรมดา ยามที่เขามองเจ้า สายตาของเขาราวกับรับเอาดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้ามา เปล่งแสงแพรวพราวระยิบระยับ เขามักจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับบนใบหน้าเสมอ ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความอ่อนโยนและเอาใจใส่ ทำให้เจ้าที่อยู่ต่อหน้าเขา แม้จะเป็นคุณหนูที่เอาแต่ใจก็ละทิ้งนิสัยเอาแต่ใจและอ่อนโยนนุ่มนวลลงโดยไม่รู้ตัว
แม้ซ่งซินหนิงจะชอบเขา แต่ไม่มีทางไปล้อมรอบเขาเหมือนกับศิษย์น้องหญิงคนอื่นๆ แบบนั้น ตรงกันข้าม นางคอยรักษาระยะห่าง ไม่ใช่จงใจวางท่าจิตใจงดงามมีคุณธรรมสูงส่ง แต่นางกลัวตัวเองจะตื่นเต้นและเสียกิริยาต่อหน้าเขา เพราะว่าแค่แววตาและรอยยิ้มเพียงครั้งเดียวของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้นางจิตใจไม่สงบ เป็นทุกข์เป็นร้อนไปทั้งวันแล้ว
ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นเขาที่เป็นฝ่ายมาหานางเพื่อพูดคุยก่อน
“ศิษย์น้องฝูหรง”
“ศิษย์พี่ใหญ่”
นางโค้งให้เขาเล็กน้อยแล้วหลุบตาลง ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ด้วยกลัวว่าจะเปิดเผยความสับสนวุ่นวายใจของตนเอง เพียงแค่เขาเรียกชื่อตัวเอง นางก็รู้สึกใบหูร้อนผ่าวแล้ว
“เมื่อครู่นี้หาเจ้าไม่พบ คิดว่าเจ้าหลบข้าเสียอีก”
“จะเป็นไปได้อย่างไร เพียงแต่เห็นศิษย์พี่ใหญ่ถูกผู้คนรุมล้อมมากมายขนาดนั้น ข้าเข้าไปรบกวนคงไม่สะดวก”
นางมีความรู้สึกหนึ่งมาตลอด ศิษย์พี่ใหญ่ปฏิบัติต่อนางคล้ายว่าจะแตกต่างจากศิษย์น้องหญิงคนอื่น
เขาเป็นฝ่ายเข้าหานาง พูดคุยกับนาง ในระหว่างการพูดการจามักจะมีความคลุมเคลือที่อธิบายไม่ถูกอยู่
“น่าเสียดายจริงๆ ข้าล่ะหวังจริงๆ ว่าศิษย์น้องจะมารบกวนศิษย์พี่”
ฟังสิ เหมือนแบบนี้อย่างไร จงใจกดเสียงต่ำ คำพูดคำจาสนิทสนม และสายตาที่เขามองนางก็ลึกซึ้งกว่าปกติ
เขากำลังบอกใบ้อะไรนางอยู่หรือเปล่า?
น่าเสียดายทุกครั้งยามที่นางคิดจะยืนยันในหลายๆ ทางมักถูกคนอื่นรบกวน ในตอนนี้เองศิษย์น้องชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็ล้อมเข้ามา ขัดโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังสองคน เขาละสายตาจากนาง พูดคุยกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม ส่วนนางก็ตกเข้าสู่ความงุนงงสับสนในคำพูดที่เขาพูดเมื่อครู่ มันแฝงด้วยความหมายอื่นอีกหรือไม่?
นางอายุยี่สิบแล้ว ควรจะแต่งงานแล้ว ในใจจึงเลี่ยงที่จะมีความใฝ่ฝันว่าอยากแต่งงานกับคนในดวงใจได้ยาก
นางรอศิษย์พี่ใหญ่เอ่ยปากมาโดยตลอด แต่นอกจากสายตาอันอบอุ่นและคำพูดที่แฝงความคลุมเครือแล้ว เขาก็ไม่เคยมีการกระทำที่ละเมิดทำนองคลองธรรมต่อนาง
หากจะบอกว่าเขาปฏิบัติต่อนางไม่ต่างกับที่ปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ทว่าเขาก็วางตัวอย่างที่ไม่ทำกับศิษย์น้องหญิงคนอื่นๆ เช่นกัน
เขาฝึกกระบี่เป็นเพื่อนนางจนถึงดึกดื่น อยู่ร่วมห้องศึกษาพิจารณาข้อคิดวิธีการที่ต่างคนต่างได้มากับนาง มาเยี่ยมเยียนกลางดึกยามที่นางป่วยหรือบาดเจ็บหลายครั้งหลายคราและห่มผ้าห่มให้นางดีๆ
เขาตั้งใจมาหานางโดยเฉพาะเมื่อนางจงใจห่างเหินจากเขา เพื่อลดระยะห่างซึ่งกันและกัน
หากไม่ใช่เพราะใส่ใจนาง เหตุใดจึงดูแลนางอยู่ตลอด?
ในใจของเขา...คงจะมีนางอยู่เช่นกันกระมัง
เขาไม่ได้พูดชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร นางก็ไม่กล้าถามเช่นกัน เลยมักจะสงสัยหวาดระแวงและดิ้นรนอยู่ภายในใจ
นางไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ยังจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าไร ทว่ากลับมีคนช่วยนางถามความสับสนงงงวยภายในใจออกมา
“ข้าชอบศิษย์พี่ใหญ่”
น้ำเสียงสตรีที่ไพเราะดั่งนกขมิ้นส่งเสียงร้องดังมาจากในป่าไผ่เบาๆ ซ่งซินหนิงรู้สึกตื่นตะลึงในใจ
ที่ไกลโพ้นด้านหลังเขาของวังวิญญาณหยกมีป่าไผ่ผืนหนึ่ง ที่แห่งนี้ผู้คนบางตา น้อยนักที่จะมีคนมา ยามปกติเมื่อไม่มีอะไรทำนางชอบมาหลบพักอยู่ที่นี่ชั่วครู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบไผ่ที่วนเวียนอยู่ปลายจมูกทำให้นางรู้สึกใจสงบ แต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะบังเอิญได้ยินการสารภาพรักต่อศิษย์พี่ใหญ่ของศิษย์น้องหญิงเล็กที่นี่
วิชาซ่อนลมหายใจของนางล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงแต่นางไม่ส่งเสียงก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นนาง
“ศิษย์น้องหญิง เจ้ายังเด็ก”
“ข้าอายุสิบห้าถึงวัยปักปิ่นแล้ว สามารถแต่งงานได้แล้ว”
ศิษย์พี่หญิงเช่นข้าอายุยี่สิบปีแล้ว ยังไม่ได้แต่งงานเช่นกัน เจ้าจะรีบร้อนไปไย จริงๆ เลย! ศิษย์หญิงอายุน้อยสมัยนี้แต่ละคนล้วนไม่รู้ว่าการสำรวมคือสิ่งใด
ซ่งซินหนิงตั้งอกตั้งใจซ่อนลมหายใจยิ่งขึ้น แอบฟังอย่างระมัดระวัง เพราะนางอยากรู้มากกว่าว่าศิษย์พี่ใหญ่จะตอบอย่างไร
“ขอบคุณในความรักของศิษย์น้องหญิง ศิษย์พี่ใหญ่รับไว้ด้วยใจแล้ว”
มุมปากซ่งซินหนิงโค้งขึ้น
“ศิษย์พี่ใหญ่มีคนที่ชอบแล้วใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่า...ศิษย์พี่ใหญ่ปฏิบัติต่อศิษย์พี่หญิงฝูหรงแตกต่างออกไปเป็นพิเศษ หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่ชอบนาง?”
หัวใจของซ่งซินหนิงถูกแขวนขึ้นสูงยิ่งนัก
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าไปกันใหญ่แล้ว”
“ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์พี่ใหญ่จะชอบนาง ศิษย์พี่หญิงฝูหรงงดงามไม่พอ นิสัยเย็นชา ทั้งไม่น่าสนใจ อายุก็มาก...”
นี่ๆๆ...เจ้าเป็นศิษย์ของหัวหน้าสายใด กล้าปั้นเรื่องโกหกเพื่อถากถางลับหลังข้า!
“นางไม่คู่ควรกับศิษย์พี่ใหญ่” หลังจากศิษย์น้องหญิงเล็กที่ไร้มารยาทเอ่ยจบก็ร้องไห้แงๆ เสียแล้ว
ร้องอะไร? ด่าทอคนแล้วยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกหรือ? ช่างเปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ
ซ่งซินหนิงหดหู่ใจเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าตัวเองงดงามไม่พอ แต่นั่นมันเทียบกับศิษย์ของวังวิญญาณหยก หากออกจากวังวิญญาณหยก รูปโฉมของนางก็สามารถเหยียบย่ำผู้คนจำนวนหนึ่งได้เถอะ
ที่แท้ตัวนางในสายตาผู้อื่นเป็นเช่นนี้นี่เอง ก็ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่มีความเห็นต่อนางอย่างไร เขาจะคิดว่าตัวนางนิสัยเย็นชาและไม่น่าสนใจเช่นกันหรือไม่?
วังวิญญาณหยกรับศิษย์จะคัดเลือกที่รูปโฉมงดงามโดยเฉพาะ ตรงจุดนี้นางรู้มาตั้งนานแล้ว และเพราะรู้ว่ารูปโฉมของตัวเองเทียบกับคนอื่นๆ ไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่เด็กที่นางฝึกวรยุทธ์จึงขยันขันแข็งและพยายามมากกว่าคนอื่น
เมื่อขาดในด้านรูปโฉมนางก็ชดเชยกลับมาในด้านวรยุทธ์ และได้รับความโปรดปรานจากประมุขวังจริงดังคาด รับนางเป็นศิษย์สายตรง นางกลายเป็นหนึ่งในศิษย์เอกทั้งเจ็ดของประมุขวัง ทั้งเป็นศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของประมุขวังอีกด้วย
เสียงทอดถอนใจเบาๆ ของศิษย์พี่ใหญ่ดึงดูดความคิดจิตใจของซ่งซินหนิงกลับมา หัวใจนางบีบรัดแน่นยิ่งขึ้น
“ข้ากับนางมีอาจารย์คนเดียวกัน พึงจะดูแลเอาใจใส่ต่อนางให้มากหน่อย เจ้าคิดมากไปแล้ว”
“เป็นเช่นนี้หรือ” เสียงร้องไห้ของศิษย์น้องหญิงเล็กพลันหยุดชะงัก ความสบายอกสบายใจเข้ามาแทนที่
“ในฐานะศิษย์เอกสายตรงทั้งเจ็ด หน้าที่ที่ควรรับผิดชอบย่อมมากกว่าศิษย์คนอื่นๆ อยู่บ้าง ประมุขวังเรียกร้องและคาดหวังต่อพวกเราสูงมาก วันหน้าจะต้องรับภาระหน้าที่ของเหล่าผู้อาวุโสต่อ ด้วยเหตุนี้ข้าและนางจึงต้องดูแลและกระตุ้นกันและกัน ศึกษาแลกเปลี่ยนวรยุทธ์ และศึกษาพิจารณาข้อคิดวิธีการที่ต่างคนต่างได้มาด้วยกันอยู่บ่อยๆ วันเวลาที่อยู่ด้วยกันย่อมมากกว่าคนอื่นและสนิทสนมกว่าเป็นธรรมดา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้...”
“เพราะฉะนั้น” เสียงอ่อนโยนของศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเข้มงวด “เจ้าห้ามคิดมากและห้ามคาดเดามั่วซั่ว ข้าเป็นบุรุษ หากมีเรื่องชู้สาวอะไรแพร่ออกไปก็ยังไม่เป็นอุปสรรคกับข้า แต่ฝูหรงเป็นสตรี ความบริสุทธิ์ของสตรีสำคัญยิ่งกว่าชีวิต คำพูดในวันนี้เจ้าห้ามพูดกับผู้อื่นอีก หากทำลายชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของศิษย์พี่หญิงฝูหรงของเจ้า ศิษย์พี่ใหญ่จะดำเนินการตามกฎของวัง ลงโทษความผิดฐานไม่เคารพของเจ้าอย่างเฉียบขาด”
“อา...ศิษย์พี่ใหญ่อย่าโมโหไป ข้ารู้ผิดแล้ว ท่านอย่าตำหนิข้า...” น้ำเสียงของศิษย์น้องหญิงเล็กหวานหยดย้อย เกรงว่าจะกลัวจริงๆ แต่ความออดอ้อนกลับครอบครองเจ็ดส่วนเต็ม
ศิษย์พี่ใหญ่ทอดถอนใจเบาๆ อีกครั้ง “คราวหน้าห้ามเอาแต่ใจเช่นนี้อีก...” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง ให้ความรู้สึกตามใจเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง
ซ่งซินหนิงฟังอยู่เงียบๆ จนกระทั่งวันนี้เมื่อนางฟังที่เขาพูดจากมุมมองของบุคคลที่สามถึงค่อยตระหนักในทันที ที่แท้ความอ่อนโยนของเขาไม่ใช่ของนางแต่เพียงผู้เดียว
ศิษย์น้องหญิงเล็กรู้สึกว่าศิษย์พี่ใหญ่ปฏิบัติต่อนางซ่งซินหนิงด้วยท่าทีพิเศษ แต่มองจากมุมของนางซ่งซินหนิง ที่ศิษย์พี่ใหญ่ปฏิบัติต่อศิษย์น้องหญิงเล็กทำไมจะไม่พิเศษเล่า?
ที่แท้เป็นนางที่คิดเข้าข้างตัวเอง



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซ่งซินหนิงตัดสินใจออกจากยุทธภพกลับไปแต่งงาน เพื่อให้มารดาที่เป็นอนุนอกบ้านได้กลับเข้าตระกูล แม้ชื่อเสียงข้างนอกของนายน้อยรองจวนเจิ้งว่าที่สามีนางจะไม่ดี ทั้งเสเพล ไร้ความรู้ความสามารถจนสตรีจากตระกูลดีๆ อยากหลบเลี่ยง แต่สำหรับนาง จวนเจิ้งก็คือถ้ำเทพเซียนที่ไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร ห่างไกลจากการวิวาทในยุทธภพ

แต่เมื่อเห็นหน้าสามี นางกลับตะลึงงัน ผู้ใดจะไปคิดว่ามารขยี้บุปผาคนชั่วช้าติดอันดับมารร้ายในยุทธภพที่นางตามไล่ล่ามาตลอดหนึ่งปีจะเป็นสามีนาง แถมสามีที่ติว่านางแก่ นางไม่งดงามพอ และชาติตระกูลแย่ผู้นั้นอยู่ๆ ยังมาร้องขอให้นางปฏิบัติหน้าที่ของภรรยา แม้ใช้กำปั้นทุบตีเตะถีบอย่างไรก็ไล่ไม่ไป ใช้อุบายใช้พิษก็ไม่กลัว ไม่เพียงแต่ยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ ทั้งยังถูกอกถูกใจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ช่างเป็นผีร้ายตามรังควานเสียจริง!


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”