เหตุการณ์ผ่านมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ ที่ครั้งหนึ่งเขากับเจ้าหญิงหลงทางอยู่ในป่า
ถ้าถามว่าทำไมพวกเขาถึงหลงทาง นั่นก็เพราะเจ้าหญิงเสด็จหนีออกจากวัง
ส่วนสาเหตุที่เจ้าหญิงเสด็จหนีออกจากวัง เป็นเพราะพระองค์ได้ยินบรรดาคุณหญิงคุณนายที่สนิทชิดเชื้อด้วยแอบนินทาพระองค์ลับหลัง เจ้าหญิงในตอนนั้นยังทรงพระเยาว์ ยังไม่รู้จักศาสตร์การทำลายข้าวของและศาสตร์การระบายโทสะ พระองค์ทรงเจ็บปวดพระทัยมากจึงเสด็จหนีออกมาอยู่พระราชวังตากอากาศ แต่เนื่องจากพระองค์กลัวถูกจับกลับไปวังหลวงอีก จึงตัดสินใจเสด็จหนีออกจากที่นั่นในเวลาต่อมา
ตอนเขาเจอเจ้าหญิง พระองค์กำลังบรรทมสลบไสลอยู่ใต้ต้นไม้ วินาทีที่ทรงลืมพระเนตรขึ้นและพบว่าผู้ที่มารับตนไม่ใช่ริฮาร์ทแต่เป็นท่านเคานท์จอมทะเล้น พระพักตร์ของเจ้าหญิงบูดเบี้ยวในทันที ไม่เพียงเท่านั้น ยังทรงรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึกมากกว่าเดิมอีก นี่เจ้าหญิงทรงรังเกียจเขามากขนาดนี้เลยหรือ เขานึกภูมิใจในความสามารถของตัวเองขณะวิ่งไล่ตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลดละ หลังสนุกสนานกับการวิ่งไล่อยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกทีตะวันก็ลับขอบฟ้าเสียแล้ว และเขากับเจ้าหญิงก็กลายเป็นเด็กหลงทางด้วยประการฉะนี้
?ฉันจะกลับ?
ทั้งสองเจอกระท่อมกลางป่าจึงเข้าไปหลบรอฟ้าสางกันภายใน จู่ๆ เซซิเลียก็เกิดกลัวขึ้นมา เจ้าหญิงทรงเขียนประโยคดังกล่าวลงในสมุดก่อนยื่นให้เขาดู เจ้าหญิงในตอนนั้นยังไม่ยอมพูด พระองค์จึงต้องถือสมุดจดกับปากกาติดตัวไปไหนมาไหนตลอดเวลา
?ฝ่าบาทไม่อยากกลับวังจึงเสด็จหนีออกมาไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ??
เป็นคำถามที่ฟังดูสมเหตุสมผลอย่างที่สุด แต่กลับทำให้พระพักตร์ของเจ้าหญิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พระองค์ขยับปากกาลงบนสมุดจดพระหัตถ์เป็นระวิง
?เพราะฉันเกลียดท่าน ฉันจึงอยากกลับ?
พูดอีกอย่างคือเจ้าหญิงไม่อยากอยู่กับเขา กลับไปพระราชวังตากอากาศยังดีเสียกว่า
?ถ้าอย่างนั้นเราสองคนมาสวดภาวนาให้ริฮาร์ทหาพวกเราเจอโดยเร็วกันเถอะ?
เซซิเลียก้มพระพักตร์งุด ท่าทางแลดูหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
แค่ได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น เจ้าหญิงก็ไม่สามารถปิดบังความอ่อนแอของตัวเองไว้ได้แล้ว พระองค์ไม่น่าจะรู้นี่นาว่าความจริงเขาคนนั้นคือพี่ชายแท้ๆ ของพระองค์ แต่ถึงอย่างนั้นริฮาร์ทก็เป็นคนที่พระองค์ยอมเปิดใจด้วยมากที่สุด.... ไม่สิ ริฮาร์ทเป็นคนเดียวที่พระองค์ยอมเปิดใจให้ต่างหาก
?ฝ่าบาททรงชอบริฮาร์ทหรือพ่ะย่ะค่ะ??
เซซิเลียมองค้อนท่านเคานท์ ก่อนขยับปากกาลงบนกระดาษด้วยท่าทีน้อยพระทัย
?ชอบแล้วผิดด้วยหรือ??
?เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ไม่ผิดหรอก แต่เพื่อเป็นกรณีศึกษา รบกวนฝ่าบาทบอกกระหม่อมได้หรือไม่ว่าทรงชอบเขาตรงไหน??
?เขาใจดี ไม่เหมือนท่าน!?
?อ้อ อย่างนี้นี่เอง?
เขาพยักหน้าเห็นด้วย เจ้าหญิงทรงนิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเริ่มลงมือเขียนอะไรบางอย่างเพิ่มเติม
?เขาคนนั้นจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไปหรือเปล่า??
?....ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ??
?ฉันแค่รู้สึกว่า เขาคงไม่ได้อยู่กับฉันตลอดไป?
มีใครบอกอะไรเจ้าหญิงอย่างนั้นหรือ บางทีเจ้าหญิงอาจคาดเดาได้ด้วยพระองค์เองก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เจ้าหญิงคงพอรับรู้ได้แล้วว่าวันเวลาที่จะได้อยู่กับอัศวินแสนอ่อนโยนผู้นั้นเริ่มเหลือน้อยลงทุกที
?ถ้าอย่างนั้นหากกระหม่อมสามารถโน้มน้าวให้เขาอยู่อัลเทมาริสตลอดไปได้ ฝ่าบาทจะยอมหันมาชอบกระหม่อมหรือไม่??
หลังได้ยินข้อเสนอ เจ้าหญิงแสดงอาการตกตะลึงอยู่เสี้ยววินาที ก่อนพระพักตร์แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พระองค์หันขวับไปด้านข้างพร้อมยื่นสมุดให้เขาอ่าน คำตอบบนสมุดในวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในสมองของเขาตราบจนทุกวันนี้
?ถ้าทำได้ก็ทำให้ดูสิ!?
ตั้งแต่ได้รู้จักกับริฮาร์ทและเซซิเลียสองพี่น้อง เขาเฝ้าถามตัวเองเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง
พี่น้องที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่ต้องทำตัวเหินห่าง กับพี่น้องที่สนิทสนมกันมากขนาดสามารถตะโกนบอกรักกันได้แต่จำเป็นต้องอยู่ห่างไกล คู่ไหนมีความสุขหรือมีความทุกข์มากกว่ากัน
(แต่ริฮาร์ทคงไม่คิดว่าตัวเองมีความทุกข์หรอก บางทีท่านเซซิเลียเองก็เช่นกัน)
ในขณะที่ตัวเขานั้นทุกข์แสนสาหัส การไม่ได้อยู่กับน้องสาวสุดที่รักมันช่างทรมานเหลือเกิน
และเพราะความคิดที่ว่าต้องการให้ทุกอย่างที่ปรารถนามาอยู่ข้างตัว ทำให้เขาเอ่ยปากท้าพนันออกไป
คุณย่าซึ่งเปรียบเสมือนมารผจญความสุขของครอบครัวเสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ในเซียรันตอนนี้ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้เริ่มต้นดำเนินแผนการเสียที
?ริฮาร์ท นายชอบผมใช่หรือไม่??
เขานั่งรออยู่ในห้องของบ้านพักกลุ่มอัศวิน และเอ่ยปากถามทันทีที่อีกฝ่ายมาถึง ริฮาร์ทยืนอึ้งในท่าเปิดประตูก่อนตอบกลับด้วยสีหน้างุงงง
?ก็ชอบ....ว่าแต่ทำไมถึงแต่งตัวเช่นนี้??
ปกติแล้วเพื่อนสนิทที่คบหากันมานานผู้นี้ไม่ค่อยแสดงอาการตกใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นสักเท่าไร แต่ดูเหมือนว่าการแต่งกายเป็นหญิงออกมาต้อนรับถึงที่ห้องจะทำให้ริฮาร์ทตกใจไม่น้อย และแน่นอนว่าปฏิกิริยาดังกล่าวสร้างความพึงพอใจให้เฟร็ดเป็นอย่างมาก
?หมายความว่าถ้ามีผู้หญิงหน้าตาเหมือนผมปรากฏกายขึ้น นายจะตกหลุมรักคนคนนั้นสินะ? ผู้หญิงแบบนี้....?
เฟร็ดลุกขึ้นยืนพร้อมหมุนตัวหนึ่งรอบ ชายกระโปรงเดรสพลิ้วไสว วิกผมยาวเด้งกระดอนไปมา ไม่ว่ามองมุมไหนนี่คือสาวน้อยแสนสวยแบบหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ริฮาร์ทกลับทำหน้าเจื่อน
?เปล่า ฉันไม่ได้ชอบเธอเพราะหน้าตาสักหน่อย....?
?เอาอีกแล้ว นายนี่ทำตัวเย็นชาแบบนี้ตลอด รู้ไหมว่าผมเหนื่อยขนาดไหนกับการต้องไปลูเวลุนทุกคืนเพื่อปลอบใจหญิงสาวที่ถูกนายเมินใส่? ผมเมาค้างทุกวัน มีคนเข้ามาวุ่นวายมากมาย แถมยังได้จดหมายรักไม่เว้นวันอีกต่างหาก ลำบากมากจริงๆ ถ้ารู้สึกผิดก็ช่วยทำอะไรให้ผมเป็นการชดเชยด้วยสิ?
ริฮาร์ทเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เขาปิดประตูลงและหันมาหาเฟร็ด
?ก็ได้ อยากให้ฉันทำอะไรล่ะ??
?ถ้าอย่างนั้นเรามาพนันกัน?
?ได้สิ พนันอะไรหรือ?
อารมณ์ของริฮาร์ทกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เฟร็ดยกนิ้วขึ้นทำท่าปฏิญาณก่อนประกาศก้อง
?เป็นการพนันที่ผมต้องชนะอย่างแน่นอน?
น้องสาวที่รักมากที่สุดในโลก
เพื่อนสนิทซึ่งไม่มีใครมาแทนที่ได้
และรอยยิ้มแสนล้ำค่าของเจ้าหญิงที่เพื่อนสนิทคนนั้นเฝ้าทะนุถนอม
ทุกอย่างต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฟร็ดในตอนนั้นมั่นใจมากเพียงใด
บทที่ 1 การเปิดฉากที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด
โซลดูสเป็นเมืองซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเซียรัน ภายในเมืองชนบทแห่งนี้มีไร่นาและป่าไม้เขียวชอุ่มปกคลุมอยู่เต็มพื้นที่ แต่พอหลุดออกมาจากโซนสีเขียวก็จะเจอกับตัวเมืองซึ่งเนืองแน่นไปด้วยบ้านเรือนและผู้คนขวักไขว่
มิเรย์ถูกฮีธลักพาตัวมาได้หนึ่งวันเต็มๆ แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ถึงจุดหมายปลายทางเสียที มิเรย์แนบใบหน้ากับหน้าต่างรถม้าพลางจ้องมองสถานที่โอ่อ่าซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ใหญ่กว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก ลักษณะเหมือนปราสาทมากกว่าที่พักแรม ประตูรั้วเหล็กถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา มีผู้ชายท่าทางเหมือนทหารยามจำนวนหนึ่งเฝ้าอยู่เบื้องหลัง
?ที่นี่คือคฤหาสน์ของนายจ้างฮีธงั้นหรือ??
?เปล่า เป็นบ้านของคนใหญ่คนโตท่านหนึ่งต่างหาก ปกติท่านไม่ค่อยได้มาอยู่สักเท่าไร นายจ้างฉันเลยขอยืมมาใช้ชั่วคราว เพราะไม่อยากไปค้างแรมที่อื่นให้สะดุดตาคนแถวนี้ แต่ว่า....?
ฮีธมองตามมิเรย์ เสียงเจือความสับสนของเขาขาดห้วงไป
?คนเยอะจังเลยเนอะ?
?คงพาอัศวินมาคุ้มกันล่ะมั้ง ช่วงนี้ในเมืองค่อนข้างวุ่นวาย คณะผู้แทนจากเมืองหลวงของเซียรันเดินทางมาเพื่อเตรียมต้อนรับขบวนเจ้าสาว คนใหญ่คนโตในเมืองจึงต้องคอยเลี้ยงต้อนรับและบริการหาที่พักให้คณะผู้แทนกลุ่มนี้?
ฮีธเล่าให้มิเรย์ฟังว่าขบวนเจ้าสาวได้เคลื่อนออกจากอัลเทมาริสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าสาวในขบวนเป็นตัวปลอม ?คงเป็นอัศวินหญิงฝีมือฉกาจปลอมตัวเป็นเธอล่ะมั้ง? ฮีธกล่าว
คืนวันเทศกาลสมโภชนักบุญ ฮีธแอบมาพบจี๊คเพื่อแจ้งข่าวการสู่ขอของท่านแกรนด์ดยุคแห่งเซียรันให้องค์มกุฎราชกุมารทรงทราบ หลังจี๊คคิดทบทวนถึงสถานการณ์ต่างๆ อย่างถี่ถ้วน พระองค์ตัดสินพระทัยตอบตกลง เพียงแต่พระองค์ยังไม่แน่ใจว่าจะส่งตัวมิเรย์ไปจริงๆ หรือไม่
?เธอต้องขอบใจฉันนะ เพราะฉันนำเรื่องนี้ไปบอกองค์มกุฎราชกุมาร ทั้งเธอและฝ่าบาทเอเธลเบิร์ตจึงยังอยู่รอดปลอดภัย หากฉันทูลแจ้งองค์กษัตริย์โดยตรงละก็ พวกเธอสองคนคงโดนบังคับให้ทำตามพระราชบัญชาไปแล้ว.... โดยเฉพาะเธอ อาจโดนจับขังจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แค่ถูกกักบริเวณด้วยการคุ้มกันที่หละหลวมเช่นนั้นหรอก เพราะได้องค์มกุฎราชกุมารมาเป็นคนกลาง คอยต่อรองเจรจากับองค์กษัตริย์อย่างสุดความสามารถนี่แหละ ฝ่าบาทเอเธลเบิร์ตจึงสามารถทำตามพระประสงค์ของตัวเองได้?
ฮีธพูดราวกับว่าจี๊คคือวีรบุรุษ แต่องค์กษัตริย์เป็นคนไม่ดีอย่างนั้นแหละ มิเรย์ฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น เท่าที่เธอรู้ องค์กษัตริย์เป็นคนอบอุ่นและมีน้ำใจอย่างที่สุด แม้พระองค์ทรงทราบดีว่าเฟร็ดทั้งดื้อรั้นและเอาแต่ใจมากเพียงใด แต่พระองค์ยังไว้วางพระราชหฤทัยให้ความสำคัญต่อเฟร็ดตลอด ดังนั้นมิเรย์จึงไม่สามารถมองพระองค์ในแง่ร้ายได้
?พูดอีกอย่างก็คือ เวลาอยู่ต่อหน้าริฮาร์ท จี๊คชอบทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร แต่จริงๆ แล้วแอบวางแผนร้ายอยู่สินะ เขาทำให้ริฮาร์ทจนมุม ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับประเทศตัวเอง?
มิเรย์เผลอพูดใส่อารมณ์โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ฮีธกลับทำหน้าไม่แยแส รถม้าหยุดแล้ว เขาจึงก้มหน้าก้มตาเก็บของ
?มันก็ใช่อยู่หรอก แต่สิ่งที่ฝ่าบาทเอเธลเบิร์ตทำอยู่มันเท่ากับบีบคอตัวเองชัดๆ ถ้าคิดจะเสียสละเพื่อเซียรันจริงๆ ก็ควรละทิ้งความเห็นแก่ตัวและยอมรับเงื่อนไขนั้นไปเสีย ทั้งๆ ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งอัลเทมาริสไว้ตั้งแต่แรก เขาและคนรอบข้างก็เตรียมการกับเรื่องนี้มาตั้งนาน แต่เจ้าตัวกลับมาปฏิเสธเอาวินาทีสุดท้าย ขนาดองค์กษัตริย์ยังทรงตกพระทัยเลย แต่ก็เอาเถอะ การที่ทางนั้นปล่อยเขาไปโดยไม่ตำหนิอะไร แสดงว่าคงคาดการณ์เอาไว้บ้างแล้วล่ะมั้ง?
?....หากเป็นเจ้าหญิงในราชวงศ์คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน ริฮาร์ทคงรับข้อเสนอนี้ไปแล้วสินะ?
?คงเป็นเช่นนั้นแหละ เหมือนมีเจ้าหญิงที่ได้รับเสนอชื่อก่อนหน้านั้นด้วย หากเป็นพระองค์นั้น เขาอาจยอมรับข้อเสนอนี้แต่โดยดีก็เป็นได้?
มีการตกลงเรื่องนี้กันไว้ตั้งแต่แรก นั่นหมายความว่าเดิมทีริฮาร์ทไม่คิดจะเลือกเส้นทางเสี่ยงตาย เขาตั้งใจจะกลับประเทศโดยขอความช่วยเหลือจากประเทศพันธมิตร ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น.... มิเรย์ครุ่นคิด เธอเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
มิเรย์ยอมให้ริฮาร์ทแต่งงานกับผู้หญิงที่ตนเองไม่รู้จัก ดีกว่าปล่อยให้เขาต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย และสาเหตุที่ริฮาร์ทเลือกเส้นทางอันตรายนี้ก็เพราะเธอ ดังนั้นเธอต้องช่วยเหลือริฮาร์ทอย่างสุดความสามารถ เพื่อชดเชยที่เขาไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากอัลเทมาริสได้
มิเรย์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เธอตั้งท่าจะลงจากรถม้าหลังถูกฮีธเร่งเร้า แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆ เธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้จึงหยุดกึกและหันไปถามฮีธ
?คนที่เป็นเจ้าสาวตัวปลอมต้องแต่งงานกับท่านแกรนด์ดยุคแทนฉันอย่างนั้นหรือ??
?แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นแหละ ขอแค่ฝ่าบาทเอเธลเบิร์ตขับไล่กิลฟอร์ดลงบัลลังก์ได้ทันกาลก็พอ?
?....นั่นสิ?
มิเรย์เป็นกังวลว่าต้องมีใครมารับเคราะห์เพราะเธอหนีออกจากบ้านหรือเปล่า แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็สบายใจ ฮีธสวมหมวกและก้าวลงจากรถม้า มิเรย์สูดลมหายใจเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเองก่อนก้าวตามลงไปติดๆ
บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่วปราสาท ทั้งสองคนรีบตรงปรี่เข้าไปภายในโดยพยายามไม่ให้ใครสังเกตเห็น
เสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองของเหล่าทหารยามดังขึ้นเป็นหย่อมๆ ทั้งสองพยายามหลบสายตาของคนกลุ่มนั้นจนมาถึงจุดหมายในที่สุด เป็นห้องห้องหนึ่งซึ่งไร้เงาผู้คน
?นายท่านยังมาไม่ถึงอีกหรือ.... ว่าแต่ทหารยามพวกนี้ดูมีพิรุธแปลกๆ?
ฮีธพึมพำกับตัวเอง สีหน้าแลดูเคร่งเครียดเล็กน้อย เมื่อได้ยินดังนั้นมิเรย์ซึ่งกำลังมองสำรวจรอบๆ ห้องก็หันขวับมาหาเขาทันที
?ว่าอย่างไรนะ??
?เปล่า.... ฉันแค่รู้สึกว่ามีเยอะเกินไป ตอนอยู่ข้างนอกฉันดูไม่ออก แต่พอเข้ามาข้างในกลับเจอทหารยามเดินยั้วเยี้ย.... ซึ่งผิดกับนิสัยของนายท่าน?
?นายจ้างของฮีธเป็นคนอย่างไรหรือ? สงสัยคงไม่ชอบทำอะไรสะดุดตาแน่เลยใช่ไหม??
มิเรย์เอ่ยปากถามเพราะอยากได้ข้อมูลอีกฝ่ายไว้บ้างก่อนเจอกัน ฮีธขมวดคิ้วเล็กน้อย
?เป็นคนอย่างไรน่ะหรือ.... คงนิยามออกมาเป็นคำคำเดียวได้ยาก ฉันดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีนะ ยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่บางทีก็น่ากลัวเหมือนกัน?
?ยังหนุ่มอยู่? หรือเป็นรุ่นคุณลุง??
?น่าจะอายุมากกว่าฉันนิดหน่อย แต่ดูอ่อนกว่าฉันนะ เขาชอบคิดมากเรื่องหน้าเด็กของตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะอายุพอๆ กับท่านแกรนด์ดยุคนั่นแหละ?
?เอ๋.... ท่านแกรนด์ดยุคหนุ่มขนาดนั้นเลยหรือ!? ฉันนึกว่าแก่กว่านั้นเสียอีก!?
?เขาเป็นพระเชษฐาของฝ่าบาทเอเธลเบิร์ต จะแก่แค่ไหนกันเชียว น่าจะเกือบๆ สามสิบนี่แหละ?
จะว่าไปก็จริงอย่างที่ฮีธพูด พอได้ยินว่าท่านแกรนด์ดยุคเอาผู้หญิงของปู่ตัวเองมาเป็นภรรยา มิเรย์จึงจินตนาการไปว่าน่าจะเป็นชายวัยกลางคน แต่ในเมื่อพระองค์เป็นพี่ชายของริฮาร์ท แสดงว่าอายุก็ไม่น่าจะต่างกันมาก
?แต่นายท่านคนนี้สั่งให้ฉันลักพาตัวเธอ แถมยังกำชับว่าห้ามให้ท่านแกรนด์ดยุคจับได้และห้ามให้คุณหนูรู้เรื่องด้วย?
ฮีธพึมพำพร้อมแสดงสีหน้ายุ่งยาก มิเรย์รู้สึกประหลาดใจจึงเงยหน้าขึ้นถาม
?แล้วทำไมเธอถึงยอมให้ความร่วมมือคนที่เชื่อถือไม่ได้อย่างนี้ล่ะ?
?โลกของผู้ใหญ่มันมีอะไรอีกหลายอย่าง?
?....ฮีธ นี่นายมีอะไรปิดบังฉันอยู่อีกใช่ไหม??
มิเรย์จ้องอีกฝ่ายเขม็ง ฮีธหัวเราะพลางยกมือขึ้นตบศีรษะของมิเรย์เบาๆ
?ไว้ฉันจะสรุปให้เธอฟังอีกที ตอนนี้รู้มากไปก็มีแต่อันตรายเปล่าๆ?
?อันตรายก็ช่าง หากเป็นเรื่องของริฮาร์ทบอกฉันมาเถอะ อะไรก็ได้ ฉันอยากรู้ทุกอย่าง?
ฮีธหุบยิ้มทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
?อะไรๆ ก็ริฮาร์ท ดูเหมือนสมองของเธอมีแต่เรื่องของเขา นี่รู้ตัวหรือเปล่า? ไม่ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เธอกับเขาก็ไม่มีทางคบกันแบบเมื่อก่อนได้อีกต่อไปแล้ว หากทุกอย่างราบรื่น เขาจะได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นท่านแกรนด์ดยุค แต่หากผิดพลาดขึ้นมา เขาจะถูกจับและถูกฆ่าตาย แบบนี้เธอยังคิดจะตามเขาไปอีกหรือ??
?อย่าพูดจาอัปมงคลแบบนี้สิ! ฉันมาช่วยเขาเพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นนะ?
?ถ้าเขาได้เป็นท่านแกรนด์ดยุค เธอกับเขาก็จะอยู่กันคนละโลก และเธอไม่มีวันจะได้เจอเขาอีก?
คำพูดตอกย้ำของฮีธทำให้มิเรย์สะอึก อยู่กันคนละโลก.... วลีนี้ริฮาร์ทเองก็พูดบ่อยๆ แต่สิ่งที่ต่างจากครั้งก่อนๆ คือ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่มิเรย์ในตอนนี้กลับเถียงไม่ออก
?เขาบอกฉันว่าเราจะได้เจอกันอีก?
มิเรย์ตอบกลับขณะลดสายตาก้มต่ำมองพื้น ฮีธเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
?....ผู้ชายบาปหนา?
ฮีธหมุนส้นเท้ากลับ อย่าออกไปจากที่นี่ล่ะ เขาสั่งทิ้งไว้ก่อนออกจากห้องไป
เหลือมิเรย์อยู่เพียงลำพัง เธอเดินเข้าใกล้หน้าต่างทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อคลุมยาวพร้อมฮู้ดอยู่
ทิวทัศน์นอกบานหน้าต่างน่าจะเป็นสวนด้านหลังของปราสาท ชายหนุ่มแต่งกายคล้ายทหารยามหลายคนกำลังจับกลุ่มเดินกันขวักไขว่ มิเรย์จ้องมองภาพเบื้องหน้าพลางถอนหายใจ
(รูดี้เจอริฮาร์ทแล้วหรือยังนะ....)
มิเรย์น่าจะฝากต่างหูไว้กับรูดี้ เพราะหากรูดี้ได้เจอริฮาร์ทในเมืองโรลเวอรี่จะได้มอบให้เขา มิเรย์นึกเจ็บใจอยู่เหมือนกัน แต่ความคิดที่ว่าอยากคืนต่างหูให้ริฮาร์ทด้วยตัวเองนั้นแรงกล้ามากกว่า
ราวกับว่าคืนที่มิเรย์เปิดอกคุยกับริฮาร์ทนั้นผ่านไปแล้วนานแสนนาน ทั้งๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนเอง แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอเขานานเหลือเกิน
(ตอนนั้นฉันไม่น่าหลับเลย....)
และนี่คือเรื่องที่มิเรย์เจ็บใจมากที่สุด
มีอีกตั้งหลายเรื่องที่มิเรย์อยากคุยด้วย ยังอยากมองหน้าเขาให้นานกว่านี้ อยากจับมือเขาให้รู้สึกว่ามีเขาอยู่เคียงข้าง จุดประสงค์ที่มิเรย์เดินทางไกลมาถึงต่างแดนก็เพื่อคืนต่างหูให้ริฮาร์ท และตั้งใจจะพูดโน้มน้าวให้เขายอมรับข้อเสนอเรื่องแต่งงาน แน่นอนว่าทั้งสองเรื่องล้วนสำคัญ แต่ความจริงแล้วเธออาจตามมาเพียงเพราะต้องการเจอริฮาร์ทก็เป็นได้ มิเรย์เพิ่งตระหนักได้หลังสมองเริ่มสงบนิ่งจนมีเวลาได้ครุ่นคิด
ตอนเจอกันในป่า อารมณ์ต่างๆ ภายในใจมิเรย์ระเบิดออกมาพร้อมกันจนผสมปนเปไปหมด เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำหน้าอย่างไรจนเผลอแสดงกิริยาไม่น่ารักออกไป และนั่นเป็นเหตุให้บรรยากาศหลังจากนั้นชวนอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายจึงนำไปสู่ความฝันแปลกประหลาด
(ฉันฝันแบบนั้นไปได้อย่างไร.... ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองชอบคิดฟุ้งซ่านแปลกๆ)
เช้าวันนั้นหลังรู้ว่าริฮาร์ทหายตัวไป สมองของมิเรย์สับสนไปหมดจึงยังไม่ทันได้คิดอะไร แต่พอลองนึกถึงความฝันในคืนนั้น จู่ๆ ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน ริฮาร์ทอุ้มมิเรย์มาส่งที่ห้องนอน มิเรย์รั้งเขาเอาไว้ เขาหันมายิ้มให้เธอ เขาหันมาหาเธออีกครั้งก่อนค่อยๆ เขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้....
(....เอ๊ะ นี่ฉันคิดอะไรอยู่!! นั่นมันก็แค่ความฝัน!)
มิเรย์เขินจนทนไม่ไหว เธอทุบขอบหน้าต่างดังตุ้บๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
เพราะไม่มีทางเป็นความจริงได้จึงเก็บไปฝันอย่างนั้นหรือ ช่วงนี้มิเรย์รู้สึกว่าตัวเองแปลกไปจริงๆ พอรู้ว่าริฮาร์ทต้องกลับเซียรัน เธอคงช็อกมากจนทำให้ระบบการทำงานของสมองรวนไปหมด มิเรย์ยกมือขึ้นขนาบแก้มอุ่นๆ พลางนึกย้ำเตือนตัวเอง
(ใจเย็นๆ หน่อยสิ ฉันต้องคิดว่าจากนี้ไปควรทำอย่างไรต่างหาก นี่ไม่ใช่เวลามาฟุ้งซ่านสักหน่อย ริฮาร์ทกำลังเผชิญกับเรื่องลำบากนะ เพราะฉะนั้นฉันต้องพยายามสืบหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด....)
มิเรย์เริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว และทันใดนั้นจู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มิเรย์ยอมถูกฮีธลักพาตัวเพียงเพราะต้องการเจอริฮาร์ท แต่พอลืมตาตื่นขึ้นเธอกลับพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ท่ามกลางเหล่าอัศวินในประเทศศัตรู! มิเรย์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากงัดความสามารถพิเศษ (!?) คือปลอมตัวเป็นผู้ชายกลับมาใช้อีกครั้ง เธอขอสมัครเป็นทหารฝึกหัด ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายอัศวินสุดโหดโดยพยายามปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคือบรรดาอัศวินที่ทั้งรูปงามและแปลกประหลาดไม่แพ้อัศวินจากพระราชวังอัลเทมาริสเลยทีเดียว!? และแล้วภารกิจสายลับที่บ้าบิ่นที่สุดและท้าทายที่สุดในชีวิตของ ?ท่านเคานท์กำมะลอ? ก็ได้เริ่มต้นขึ้น!
ความสัมพันธ์ระหว่างมิเรย์และริฮาร์ทมีพัฒนาการครั้งใหญ่! ภาคเซียรันของจริงเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!!
