ถึงแม่ที่เคารพ รู้จักการเดินทางไปโลกต่างมิติไหม?
ตอนนี้ผมกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ล่ะ...
เรื่องราวเริ่มจากตอนกลางวันเมื่อวานนี้ เมื่อผมมาเยือนเกาะโอคุโนะชิมะในทะเลเซโตะใน
เกาะโอคุโนะชิมะมีชื่อเรียกอีกชื่อว่าเกาะกระต่าย ที่นี่เป็นสวรรค์ของกระต่ายซึ่งมีกระต่ายป่าอยู่มากมาย นอกจากนั้นยังได้ชื่อว่าเกาะแก๊สพิษเนื่องจากกองทัพญี่ปุ่นเคยใช้สร้างแก๊สพิษขึ้นมาในสมัยสงคราม โดยยังคงมีอาคารร้างที่ดูเหมือนจะเป็นศูนย์วิจัยหรือโกดังหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ ความที่มีสถานพักผ่อนหย่อนใจและโรงแรมอยู่ด้วยทำให้ที่นี่กลายเป็นเกาะรีสอร์ตที่แปลกพิลึกอยู่สักหน่อย
ทำไมผมจึงมาที่เกาะแห่งนี้งั้นหรือ สาเหตุไม่ใช่เพื่อหยุดพักผ่อน แต่เป็นเรื่องงานต่างหาก อาชีพของผมคือช่างภาพ คราวนี้ผมโดนสำนักพิมพ์ว่าจ้างให้ถ่ายภาพสำหรับใช้ในนิตยสารท่องเที่ยว
หลังจากเก็บภาพสถานที่เด่นๆ โดยไม่สนใจนักท่องเที่ยว งานที่เหลือก็แค่เก็บภาพทิวทัศน์ที่มองเห็นจากจุดชมวิวเท่านั้น แต่เพราะอยากถ่ายภาพท้องฟ้ายามรุ่งสางอันสวยงาม ผมจึงยังกลับในตอนเย็นไม่ได้ ความที่มีเวลาว่างเหลือเฟือ ผมเลยไปศึกษาวิถีชีวิตกระต่ายที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและซื้ออาหารมาเล่นสนุกกับพวกกระต่าย
รับงานดีๆ มาได้นะเรา ตอนนั้นผมคิดเช่นนั้น นับตั้งแต่เกิดมาได้ยี่สิบเก้าปี ผมไม่เคยเปิดเผยกับใครแม้แต่พ่อแม่ด้วยซ้ำว่าผมชอบกระต่ายมาก
ผมปิดเงียบไว้เพราะเป็นผู้ชายแต่ดันชอบกระต่ายมันน่าอายไปหน่อย แต่ความนุ่มฟูนั้นมันช่างยากจะทานทน นอกจากหูยาวน่ารักแล้ว ท่าทางตอนที่แอบมองทางนี้เงียบๆ อยู่ห่างๆ ก่อนจะกระโดดดึ๋งดั๋งเข้ามาหาก็น่าเอ็นดู
เกาะแห่งนี้ไม่ใช่สวรรค์ของกระต่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์ของคนที่ชื่นชอบกระต่ายด้วย เพียงแต่ว่าการที่ผู้ชายอายุไม่ใช่น้อยกระดี๊กระด๊าเล่นกับกระต่ายอยู่คนเดียวอาจโดนมองว่าน่าเวทนา ผมจึงเล่นอย่างสงวนท่าทีก่อนจะกลับมายังที่พักซึ่งอยู่ริมเกาะ หลังจากแช่น้ำร้อน นอนกลางวัน ใช้เวลาไปเรื่อยเปื่อย ไม่ทันไรก็ถึงตอนกลางคืน
คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืดไร้เมฆ ดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้า เพราะไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้าสวยงามขนาดนี้มานาน ผมที่ยังอยู่ในชุดยูคาตะจึงเดินออกมาข้างนอกอย่างไร้จุดหมายราวกับโดนเชื้อเชิญ สายลมยามค่ำคืนที่พัดผ่านหลังยามเย็นอันแสนสงบช่างชวนให้รู้สึกสบาย เส้นผมที่เริ่มยาวเพราะยังไม่ว่างไปร้านตัดผมโดนสายลมต้นฤดูร้อนพัดจนยุ่งเหยิง
หากพูดถึงสถานที่ที่มองเห็นดาวชัดเจนคงไม่พ้นจุดชมวิวบนยอดเขาของเกาะนี้ ผมตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่นั่นโดยมีแสงไฟที่เรียงรายกันสาดส่องปลายเท้า ดูเหมือนว่าพวกกระต่ายจะกลับรังกันหมดแล้ว ขนฟูๆ ที่พบเห็นได้ทั่วเมื่อตอนกลางวันจึงไม่ปรากฏให้เห็นอีก
มนุษย์ใช้ชีวิตโดยไม่เกี่ยงกลางวันหรือกลางคืน แต่สัตว์ป่าจะพักผ่อนร่างกายหลังตะวันตกดิน เดิมทีแล้วมนุษย์เองก็อาจจะควรทำแบบนั้นเหมือนกันก็ได้ ผมสำนึกผิดที่ใช้ชีวิตโดยไม่ใส่ใจสุขภาพของตัวเองพลางเดินขึ้นเขามุ่งหน้าสู่จุดชมวิว ทันใดนั้นเองลูกกระต่ายสีขาวตัวหนึ่งก็พุ่งผ่านแล้วกระโดดนำไปข้างหน้า
กระต่ายยุโรปที่พบบ่อยๆ บนเกาะแห่งนี้ล้วนมีขนสีออกน้ำตาล กระต่ายสีขาวล้วนจึงถือว่าหาได้ยาก
นอกจากนั้นเมื่อตอนกลางวันผมยังไม่ได้เห็นลูกกระต่ายเลยด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกมันหลบซ่อนตัวด้วยความไม่คุ้นกับคน หรือเพราะยังไม่ถึงฤดูผสมพันธุ์กันแน่ แต่ผมรู้สึกเหมือนบังเอิญได้พบกับสิ่งล้ำค่าจึงมองตามกระต่ายขาวตัวนั้นไป
ผมนึกว่ากระต่ายตัวนั้นจะออกจากเส้นทางเข้าไปหลบท่ามกลางแมกไม้ทันทีเสียอีก แต่มันกลับกระโดดอยู่กลางถนนราวกับจะนำทางให้ผม
ทั้งที่กระต่ายน่าจะขี้ตื่น แต่มันกลับวิ่งอย่างองอาจ
?ช่วยนำทางให้ฉันตอนกลางคืนแบบนี้งั้นเหรอ??
ก้นสีขาวกระโดดหย็องแหย็งดูเด่นชัดท่ามกลางถนนยามค่ำคืนอันมืดสลัว
ผมออกเดินโดยใช้หางเล็กๆ นั้นเป็นเครื่องนำทาง รู้สึกตัวอีกทีถนนที่ผ่านการปูพื้นก็กลายมาเป็นเส้นทางของสัตว์ป่าไปเสียแล้ว
?...เอ๊ะ??
สองข้างทางมีต้นไม้หนาทึบ รอบข้างมืดมิด ไร้แสงจากไฟถนน
เมื่อตอนกลางวันผมปีนขึ้นไปถึงจุดชมวิวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่รู้สึกว่าจะไม่ใช่ทางนี้ ไม่นึกเลยว่าจะจดจ่ออยู่กับกระต่ายจนมาผิดทาง
หลงทางแล้วเหรอเนี่ย
เอาเถอะ เกาะนี้ใช่ว่าจะใหญ่จนถึงขั้นหลงทางจนตาย หลงไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผมตั้งสติแล้วหันไปสนใจกระต่ายขาวอีกครั้ง กระต่ายขาวที่วิ่งอยู่กลางทางมาตลอดพลันกระโดดเข้าข้างทาง หายวับไปในพริบตาต่อมา
?...หืม??
ผมอยู่บนเนินลาดชันกลางภูเขา ข้างทางเองก็ชันไม่น้อย แถมยังมีใบไม้แห้งชื้นแฉะทับถมอยู่อีก ถึงจะดูเหมือนหายวับไปดื้อๆ แต่มันอาจจะเผลอลื่นตกลงไปก็ได้ ต่อให้เป็นกระต่ายป่าที่มีกำลังขาแข็งแกร่ง แต่ถ้าล้มก็คงเจ็บขาเหมือนกัน ผมนึกเป็นห่วงจึงลองวิ่งไปยังทางลาดชันนั้น ก่อนจะมองเห็นโพรงมหึมาตรงโคนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ต่ำลงไปเล็กน้อย
?รังงั้นเหรอ??
สงสัยจะเป็นรังของกระต่าย แต่มันใหญ่เกินไปหน่อย ใหญ่ชนิดที่คนคนหนึ่งมุดเข้าไปได้ทั้งตัว พอคิดว่ากระต่ายขาวเมื่อครู่อาจตกลงมาในโพรงนี้ ผมก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้น...
?เหวอ!?
เท้าของผมพลันลื่นไถล
นี่ไม่ใช่เวลาเป็นห่วงกระต่ายแล้ว ผมไถลลงไปบนใบไม้แห้ง ลงไปสู่โพรงใหญ่นั้น แม้จะรีบยื่นแขนออกไปแต่ก็ไม่มีอะไรให้ยึดเกาะ มือจึงได้แต่คว้าอากาศเปล่าๆ ผมร่วงลงสู่โพรงกระต่ายขนาดยักษ์โดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง จากนั้นสัมปชัญญะก็หลุดลอยไป
หนาวอย่างไรไม่รู้แฮะ
เสียงคลื่นดังแว่วมาไกลๆ ได้กลิ่นทะเลหอมอวล แก้มและหน้าท้องรู้สึกถึงทรายเปียกชื้น อากาศเย็นและแสงแดดที่สัมผัสหลังเรียกสติให้กลับคืนมาทันที พอลืมตาก็พบว่าที่นี่คือบริเวณที่คลื่นกระทบฝั่งทราย ผมนอนคว่ำอยู่โดยสวมกางเกงในแค่ตัวเดียว
?อะ อะไรกันเนี่ย...??
คลับคล้ายคลับคลาว่าไล่ตามกระต่ายขาวอยู่บนภูเขา ก่อนจะตกลงมาในโพรงกระต่ายอย่างกับในเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ แล้วทำไมถึงมาอยู่บนหาดทรายได้เล่า โพรงนั่นเชื่อมมาถึงชายหาดหรือไงนะ บ้าน่า ว่าแต่ชุดยูคาตะกับรองเท้าหายไปไหนหว่า?
ผมผุดลุกขึ้นนั่งพลางกุมศีรษะที่กำลังสับสน กวาดตามองดูรอบข้างแล้วก็เห็นแต่หาดทรายกับโขดหินธรรมดาๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน
ชุดยูคาตะกับรองเท้าโดนคลื่นซัดไปแล้วหรือไงนะ หาไม่เจอเลย
ที่นี่คงเป็นที่ไหนสักแห่งในเกาะโอคุโนะชิมะ เดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวคงกลับถึงที่พักได้เอง แต่จะสวมกางเกงในตัวเดียวอยู่ตลอดมันก็น่าอาย อย่างกับพวกวิตถารไม่มีผิด ขืนบังเอิญเจอเด็กผู้หญิงวัยประถมสักคนระหว่างเดินกลับที่พักคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ เด็กคนนั้นคงร้องไห้จ้าเรียกหาแม่ แล้วผู้ปกครองก็จะโผล่มาหาว่าผมเป็นโลลิคอน เป็นภัยสังคมโรคจิตชอบโชว์ ก่อนจะไปแจ้งตำรวจมาจับตัวผมไปทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันทำอะไรเลย
บางคนอาจจะคิดว่าผมโอเวอร์เกินไป แต่สมัยนี้แค่ถามทางกับเด็กผู้หญิงก็โดนมองว่าเป็นคนน่าสงสัยแล้ว ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ถึงจะไม่มีรองเท้าก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็อยากได้ชุดยูคาตะกลับมา
เพราะไม่เห็นชุดยูคาตะอยู่บนชายหาด ผมจึงเลื่อนสายตาไปทางทะเลเพราะคิดว่าอาจจะลอยอยู่ท่ามกลางคลื่น แต่ก็ยังไม่เห็นสิ่งที่น่าจะเป็นชุดยูคาตะอยู่ดี
ทะเลสงบนิ่งตรงข้ามกับความร้อนรนของผม ดวงอาทิตย์ยามเช้ากำลังโผล่พ้นเส้นขอบฟ้าภายใต้ท้องฟ้าสดใสสมเป็นทะเลเซโตะใน เห็นแล้วผมจึงตระหนักได้ว่าตัวเองหมดสติไปทั้งคืน ทันใดนั้นผมก็สังเกตถึงสิ่งผิดปกติขึ้นมาได้
ดวงอาทิตย์ยามเช้าขึ้นทางเส้นขอบฟ้า
รอบข้างไม่มีเกาะใดๆ
ไม่มีแม้แต่เกาะเดียว
เมื่อวานผมได้เฝ้ามองทะเลจากมุมต่างๆ หลังจากมาเยือนเกาะโอคุโนะชิมะ ไม่ว่าจะมองทิศทางไหนก็เห็นเกาะเล็กเกาะน้อย แถมยังมองเห็นแผ่นดินใหญ่ด้วย ที่นี่เป็นทะเลในจึงไม่มีทางมองเห็นเส้นขอบฟ้า ทว่าทิวทัศน์ที่แผ่กว้างในสายตาขณะนี้กลับมีแต่ทะเลและท้องฟ้า พอไล่สายตาตามเส้นขอบฟ้าไปเรื่อยๆ เส้นขอบฟ้าก็หายลับไปในหน้าผาริมชายหาดแห่งนี้ จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นเกาะเลยสักแห่ง
หมายความว่าอย่างไรกัน
ลางสังหรณ์ถึงสิ่งผิดแปลกทำให้ผมสั่นสะท้าน พอลองหันมองแผ่นดินด้านหลังก็เห็นโขดหินอยู่อีกด้านหนึ่งของชายหาด ถัดไปอีกเป็นป่ารกทึบทอดยาว
ตอนแรกนึกว่าตัวเองอยู่ที่ใดสักแห่งบนเกาะโอคุโนะชิมะ แต่พอนึกดูดีๆ แล้ว เกาะนั้นไม่มีหาดทรายกว้างขนาดนี้ แถมยังมีสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์อยู่ทุกที่ หาดทรายที่กว้างที่สุดในเกาะอยู่ติดกับที่พัก มองเห็นทั้งทำนบกั้นน้ำและประภาคาร ส่วนถนนก็ลาดยางเสร็จสรรพ แต่หาดทรายแห่งนี้ทอดยาวยิ่งกว่าหาดนั้นหลายเท่าตัว
หรือว่าจะลอยมาติดเกาะข้างเคียง ผมลองคิดเช่นนั้น แต่ถ้าเป็นเกาะข้างๆ ก็ต้องมองเห็นเกาะอื่นๆ แถมเรื่องพรรค์นั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ในความจริงด้วย ผมจึงปฏิเสธความคิดนั้นไปทันที
เดิมทีแล้วผมควรหมดสติอยู่บนภูเขา การมาอยู่ริมทะเลจึงเป็นเรื่องแปลกประหลาด
ที่นี่ไม่ใช่เกาะโอคุโนะชิมะ และบางทีคงไม่ใช่เกาะข้างเคียงด้วย
...งั้นที่นี่มันที่ไหนกัน
เกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่
ผมยกสองแขนกอดร่างที่ไม่รู้ว่าสั่นเทาเพราะความหนาวเย็นหรือความกังวลใจกันแน่ ก่อนจะมองเห็นกลุ่มคนเดินมาจากโขดหินริมภูเขาที่อยู่ห่างออกไป
น่าจะมีราวสิบคน ทุกคนสวมเสื้อผ้าที่ดูคล้ายกับชุดยูคาตะ
?...คนนั้นขอรับ... พอออกมาดูทะเลก็พบเข้า...?
ผมได้ยินคนที่เดินนำทางตะโกนพลางชี้มาทางนี้ เขาอาจเห็นผมสลบอยู่จึงพาคนมาช่วยก็ได้
มีคนอยู่ที่นี่ แถมยังพูดภาษาญี่ปุ่น ผมโล่งใจจนลืมสภาพเลวร้ายของตัวเองไปสนิท เอาเป็นว่าที่นี่คือที่ไหนสักแห่งในญี่ปุ่นสินะ
แต่เมื่อคนกลุ่มนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมกลับต้องเอียงคองุนงง กะพริบตาปริบๆ
รู้สึกว่าระยะใกล้ไกลที่มองเห็นมันแปลกอย่างไรไม่รู้
เหมือนกับว่าผู้คนดูตัวใหญ่แปลกๆ... นอกจากนั้นยังเหมือนกับมีบางอย่างติดอยู่บนศีรษะ...
สายตาทำงานผิดปกติจนความรู้สึกเรื่องระยะใกล้ไกลผิดเพี้ยน แถมยังมองเห็นผู้คนตัวใหญ่เบ้อเริ่มอีก แบบนี้อย่างกับเป็นโลกอลิซในแดนมหัศจรรย์เลยไม่ใช่หรือไงกัน ดวงตาของผมคงเพี้ยนไปแล้วสินะ
คนกลุ่มนั้นตรงเข้ามาใกล้จนในที่สุดก็มองเห็นได้ชัดเจน...ผมพบเห็นสิ่งเหลือเชื่อเข้าให้แล้ว
ทุกคนในกลุ่มหน้าตาเหมือนจะเป็นชายชาวญี่ปุ่น แม้เครื่องหน้าคมชัดจนใบหน้าออกจะคมเข้มแต่ก็เป็นใบหน้าของคนญี่ปุ่น ผิวออกคล้ำตามแบบฉบับหนุ่มลูกน้ำเค็ม ผมสั้นเกรียมแดดจนออกแดง เสื้อผ้าไม่ใช่ชุดยูคาตะ หากแต่เป็นชุดกิโมโนอย่างดี มองผ่านๆ แล้วมีทั้งคนอายุยี่สิบกว่าไปจนถึงห้าสิบกว่า
มิหนำซ้ำทุกคนยังตัวใหญ่ผิดปกติ สูงเฉียดสองเมตร ไหล่กว้างล่ำสัน ร่างใหญ่โตกำยำนั้นทำเอาคำอธิบายว่า ?ท่าทางบึกบึน? ฟังดูกระจอกไปเลย
เอาเถอะ ลำพังแค่นั้นยังไม่เท่าไรหรอก
การที่ทุกคนสวมกิโมโนแปลว่าอาจมีงานเทศกาลที่นี่ นอกจากนั้นชายญี่ปุ่นที่ร่างใหญ่ขนาดนี้ถือว่าแปลกมาก ถ้าควานหาทั่วทั้งญี่ปุ่นคงเจอแค่ราวๆ สิบคน บางทีพวกเขาอาจบังเอิญมารวมตัวกันเพราะมีงานประกวดคนตัวใหญ่ก็เป็นได้
ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ผมกึ่งบังคับตัวเองให้ยอมรับเรื่องเหล่านี้
แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยคือ...ใบหู
ทั้งสิบคนมีใบหูยาวราวกับกระต่าย
?.....?
ผมพูดไม่ออก
ควรบรรยายความรู้สึกนี้อย่างไรดี
เรียกว่าเป็นความรู้สึกของคนแคระที่ได้พบสโนว์ไวต์ครั้งแรกดีไหมนะ ไม่สิ ต่างกันนิดหน่อยล่ะมั้ง คุ้นๆ ว่าทั้งๆ ที่เจ้าหญิงสโนว์ไวต์ที่ตัวโตจนเห็นได้ชัดว่าเป็นคนละเผ่าพันธุ์กันเข้ามายึดครองบ้านของพวกตัวเองแท้ๆ แต่เจ้าคนแคระพวกนั้นกลับชมเปาะว่าเป็นเจ้าหญิงผู้น่ารัก แถมยังสนิทสนมกันทันทีอีกต่างหาก เจ้าพวกนั้นไม่นึกกลัวสโนว์ไวต์ที่บุกรุกมากะทันหันเลยหรือ ไม่ตื่นตระหนกเลยรึไงกัน...ผมเผลอนึกเรื่องไร้สาระในสถานการณ์แบบนี้ อาจเป็นเพราะสมองกำลังหาทางหนีความจริงอยู่
ระหว่างที่กำลังเหม่อลอย จู่ๆ ชายคนที่อยู่ใจกลางกลุ่มก็วิ่งเข้ามาพลางตะโกนลั่น
?อันตราย!?
สายตาของพวกเขามองไปยังด้านหลังผมเป็นตาเดียว เกิดอะไรขึ้น?
พอหันมองตาม ผมก็เห็นจระเข้ตัวมหึมา ลำตัวน่าจะยาวสักห้าเมตร กำลังอ้าปากกว้างจวนจะกินผมอยู่รอมร่อ
ผิวหนังของมันราวกับก้อนหิน คมเขี้ยวเปียกชื้นทอแสงวาววับสยดสยอง ดวงตาชวนขยะแขยงตามแบบฉบับสัตว์เลื้อยคลาน ท่าทางของมันที่กำลังจะขย้ำเหยื่อโดยมีดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังนั่นมันสัตว์ประหลาดชัดๆ
?~~~อึก!?
ผมตั้งใจจะหนี แต่ความหวาดกลัวทำให้ร่างกายนิ่งงันไม่ยอมเคลื่อนไหว ได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องราวกับไก่โดนบีบคอ ทันใดนั้นร่างของผมก็โดนแขนกำยำคว้าตัวไป
เจ้าของแขนคือชายคนที่วิ่งเข้ามา หลังจากช่วยผมเอาไว้จากคมเขี้ยวของจระเข้ทันหวุดหวิด เขาก็ใช้ดาบสั้นแทงเข้าใส่จระเข้ ก่อนจะผละออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยที่ยังอุ้มผมไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง จระเข้ดิ้นรนอย่างหนัก ครั้นตระหนักว่าไม่อาจไล่ตามเหยื่อได้อีก มันจึงค่อยๆ คลานกลับลงทะเลไปในที่สุด
เหลือเพียงท้องทะเลอันสงบสุขแผ่กว้าง
...ทะ ทะ ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย
มีจระเข้อยู่ในทะเล ที่นี่คือออสเตรเลียงั้นเหรอ หรือว่าเนเวอร์แลนด์ หรือฟาร์มจระเข้อาตากาวะกันแน่
จระเข้หายลับไปจากสายตา พอตระหนักว่าอันตรายผ่านพ้นไปแล้ว ผมจึงทรุดลงตรงนั้นอย่างอ่อนแรง ถึงจะน่าสมเพช แต่ผมเจอเรื่องชวนตระหนกอย่างต่อเนื่องจนเกือบร้องไห้ แทบจะกลั้นฉี่ไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ
?บาดเจ็บหรือเปล่า?
ชายคนนั้นวางมือลงบนไหล่ของผมแล้วคุกเข่าเพื่อพยุงร่างของผมที่กำลังจะทรุดลง
?มะ มะ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ช่วยได้มากจริงๆ?
ผมนึกขอบคุณจากใจจริงพลางเงยมองหน้าอีกฝ่าย
เขาเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบกลางๆ ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสูงส่งและน่าเกรงขาม ทั้งที่ไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไร แถมยังสวมกิโมโนย้อมสีครามเหมือนคนอื่นๆ แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาคือหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่สวมอยู่ภายนอกจะไม่ส่งผลอะไรกับความโดดเด่นเฉพาะตัวของเขาเลย
ชายหนุ่มอ้าปากคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่พอมองหน้าผม เขาก็ทำสีหน้าบ่งบอกว่าพูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองผมอย่างอึ้งงันอยู่อย่างนั้น
อะไรของเขานะ หรือว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกผิดแปลกกับรูปลักษณ์ภายนอกของผมเหมือนกัน
แต่จะว่าอย่างไรดีนะ ช่างเป็นผู้ชายที่เท่จริงๆ ผมอาจรู้สึกแบบนี้เพราะเขาเพิ่งช่วยชีวิตเอาไว้ก็ได้ แต่ทั้งๆ ที่เขามีบรรยากาศเยือกเย็นทรงภูมิ ดวงตานั้นกลับทรงพลังจนชวนให้ใจเต้นเมื่อโดนจับจ้อง ผมเผลอหลงมองราวกับโดนดึงดูด ถึงเขาจะมีหูกระต่ายก็เถอะ
เราสองคนจ้องหน้ากันและกัน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไรแล้ว รู้สึกเหมือนจ้องมองกันอยู่เนิ่นนาน จากนั้นชายหนุ่มจึงสะดุ้งราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะยืนขึ้น
?ขออภัยที่ไม่ทันใส่ใจ... รับไว้เถอะ?
ชายหนุ่มเอ่ยกับผมพลางถอดกิโมโนของตัวเองจนเหลือเพียงเสื้อซับใน จากนั้นจึงช่วยสวมกิโมโนที่ถอดออกมาให้ผมที่เปลือยกายอยู่ ใจดีชะมัดเลยแฮะ ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงยังพอเข้าใจอยู่หรอก แต่คนที่ใส่ใจกับผู้ชายแบบนี้ไม่ค่อยมีนักหรอก
?ขอบคุณครับ...?
?ท่านเป็นใครหรือ? รูปร่างหน้าตาถึงได้แตกต่างจากพวกเรานัก...?
น้ำเสียงที่ชายหนุ่มเอ่ยถามนั้นราบเรียบทว่าแฝงแววสับสน อีกฝ่ายคงตื่นตกใจเช่นเดียวกับผมที่ได้พบเจอเผ่าพันธุ์ซึ่งไม่รู้จักมาก่อน
?ขอทราบชื่อได้ไหม??
เสียงต่ำเอ่ยถาม หลังจากสติเริ่มกลับมาแล้วผมจึงกลืนน้ำลายและเอ่ยตอบ
?อินาบะ...?
ยาสุฮิเดะ ชื่อเนี่ยคงไม่ต้องบอกหรอกมั้ง ผมตัดสินใจเช่นนั้นและตั้งท่าจะถามว่าที่นี่คือที่ไหน ทว่าชายหนุ่มกลับเบิกตาโตอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกับที่ชายรอบข้างพากันตื่นเต้นจนส่งเสียงฮือฮา
?อินาบะ...?
คนหนึ่งพึมพำขึ้น คนอื่นๆ จึงพลอยเอ่ยตามกัน
?ร่างเปลือย ผิวขาว มีนามว่าอินาบะ... หรือว่าจะเป็นบุคคลในตำนานนั่น?
?กระต่ายขาวที่โดนจระเข้ลวงหลอกจนเปลือยกายร้องไห้อยู่ริมชายหาด... โอ ตรงตามตำนานเทพจริงๆ ด้วย?
?เทพกระต่ายนี่เอง!?
?เทพกระต่าย!?
?ต้องบอกทุกคนว่าในที่สุดเทพกระต่ายก็เสด็จลงมาแล้ว!?
.....
เอ่อ...
หมายถึง...กระต่ายขาวแห่งอินาบะงั้นเหรอ...?
แต่รู้สึกเหมือนจะไม่ใช่... ตามตำนานแล้วไม่ใช่จระเข้แต่เป็นฉลามต่างหากล่ะ? แถมกระต่ายยังเป็นฝ่ายหลอกลวงด้วย... ว่าแต่เทพกระต่ายอะไรกัน
?ท่านเทพกระต่าย หูของท่านเป็นอะไรไปหรือ??
ชายหนุ่มถามด้วยท่าทางเป็นห่วง ผมได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกว่า หูของผมมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ ระหว่างนั้นชายคนอื่นๆ จึงเริ่มคิดเองเออเองตามใจชอบ
?โดนจระเข้กัดขาดสินะขอรับ? ช่างน่าสงสาร...?
?เจ้าจระเข้นั่น บังอาจทำกับเทพผู้คุ้มครองของพวกเรา...อภัยให้ไม่ได้ พวกเจ้า ได้เวลาล้างแค้นพวกมันแล้ว!?
ชายคนหนึ่งคำราม คนอื่นๆ จึงพากันเลือดร้อนขึ้นมาด้วย
?เอ่อ จระเข้ไม่เกี่ยวอะไรหรอก...?
ถึงจะยังไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไร แต่ผมก็ลำบากใจที่ต้องกลายเป็นสาเหตุให้กระต่ายกับจระเข้ตีรันฟันแทงกันผมจึงเอ่ยแทรกขึ้นมา
?โอ้ ท่านเทพกระต่ายกรุณากล่าวกับพวกเราด้วยปากอันสูงส่ง?
?ปกป้องแม้แต่จระเข้ที่น่าชิงชัง ใจดีอะไรอย่างนี้...?
ว่าแล้วชายเหล่านั้นก็น้ำตารื้น
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ผมตามความตื่นเต้นของพวกเขาไม่ทันแล้ว
?เอาเป็นว่าไปที่คฤหาสน์ก่อนเถอะ ขืนอยู่อย่างนี้เดี๋ยวเทพกระต่ายจะเป็นหวัด ทะเฮ ช่วยกลับไปเตรียมการให้ทีสิ ฝากติดต่อซาเอมอนด้วย?
ชายหนุ่มหันไปเอ่ยกับชายคนอื่นๆ ก่อนจะหันกลับมาทางผมแล้วจ้องมองด้วยสายตาคล้ายจะดูท่าที
?ขออภัยที่ทำให้ท่านลำบาก แต่ได้โปรดร่วมทางไปยังคฤหาสน์ของพวกเราด้วยเถิด?
แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่บรรยากาศก็ช่วยให้ผมไม่ต้องกังวลว่าจะโดนปฏิบัติด้วยอย่างเลวร้ายอะไร ผมมีเรื่องที่ไม่เข้าใจมากมายจนต่อให้ถามตรงนี้ไปก็ไม่น่ากระจ่างแจ้งอยู่ดี เอาไว้ตั้งหลักได้ก่อนแล้วค่อยฟังพวกเขาเล่าดีกว่า
แต่ว่าตามไปง่ายๆ จะไม่เป็นไรหรือ ดูเหมือนพวกเขากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ หากแก้ความเข้าใจผิดนั้นแล้วท่าทีอาจเปลี่ยนไปก็ได้ พวกเขาคงโวยวายว่า บังอาจหลอกพวกเรางั้นรึ ก่อนจะเอาคืนด้วยการเตะต่อยผมแล้วโยนผมออกมา แบบนั้นผมก็โดนต่อยฟรีกันพอดี
แต่คนใจเสาะอย่างผมก็ไม่กล้าพอที่จะตัดสินใจปฏิเสธคำเชิญด้วยความเป็นไปได้คลุมเครือเช่นนั้น
?เอ่อ... คฤหาสน์ที่ว่า อยู่ที่ไหน...?
?ใกล้ๆ นี่เองขอรับ ข้าจะนำทางไปเอง?
?อ้อ...?
แม้จะกังวลใจเล็กน้อย แต่ลำพังผมคนเดียวก็อับจนหนทางอยู่ดี ตอนนี้ควรทำตามที่คนพื้นที่แนะนำมากกว่า
?...งั้นก็ ด้วยความยินดี...?
ผมพยักหน้าคล้อยตามหลังจากลังเล อาจเพราะยังรู้สึกอิดออดทำให้ขาหนักอึ้ง ขณะที่พยายามลุกขึ้นอย่างงุ่มง่าม แขนของชายหนุ่มก็ยื่นมาอย่างรวดเร็ว
?ขออภัย?
?เอ๊ะ... เหวอ?
กิโมโนที่สวมอยู่แนบชิดเข้ากับร่าง ก่อนที่หลังและใต้ข้อพับเข่าจะโดนช้อนแล้วจับอุ้มขึ้นดื้อๆ ร่างลอยหวือขึ้นกลางอากาศโดยไม่ทันได้ขัดขืน
?เอ่อ??
?ท่านไม่ได้สวมรองเท้า ขออภัยที่เสียมารยาท แต่เราจะมุ่งหน้าไปกันทั้งๆ อย่างนี้ขอรับ?
?ทั้งๆ อย่างนี้เหรอ เอ่อ เธอคือ...?
?ข้าชื่ออาคาอิ ทาคาโทชิขอรับ?
เขาหันหน้ามาทางผม หวา ใกล้จัง ใกล้เกินไปแล้ว
ผมนึกว่าดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลเช่นเดียวกับคนญี่ปุ่นทั่วไป แต่พอมองใกล้ๆ กลับเห็นว่าขอบม่านตาสีออกน้ำเงิน ดูลึกลับราวกับท้องทะเลล้ำลึก
สีของเส้นขอบฟ้า พอมองดูแล้วราวกับจะโดนดึงดูดเข้าไป
?อาคาอิคุง คือว่า?
?เรียกทาคาโทชิเถิด คนนามสกุลอาคาอิมีอยู่มากมาย?
เสียงทุ้มต่ำที่กังวานในหูฟังดูเย้ายวนใจ รู้สึกได้ว่าหัวใจหดลีบลงอย่างประหลาดเมื่อโดนดวงตาราวกับท้องทะเลนั้นจ้องมองในระยะประชิดจนริมฝีปากแทบสัมผัสกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตากล้องหนุ่ม อินาบะ ยาสุฮิเดะมาทำงานที่เกาะแห่งหนึ่ง ครั้นเมื่อไล่ตามกระต่ายขาวไป เขากลับตกลงไปในโพรงขนาดใหญ่จนหมดสติ พอตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าที่นั่นคือเกาะซึ่งผู้คนที่มีหูกระต่ายอยู่บนหัวอาศัยอยู่ ผู้คนเหล่านั้นชื่นชมใบหน้าจืดชืดของอินาบะว่างดงามเย้ายวน ทั้งยังยกย่องบูชาเพราะเชื่อว่าเขาคือ ?เทพกระต่าย? ในตำนาน ทว่าเพื่อช่วยเหลือเกาะแห่งนี้ อินาบะผู้เป็น ?เทพกระต่าย? จะต้องทำเรื่องอย่างว่ากับทาคาโทชิ ราชาผู้ปกครองเกาะทุกๆ วัน!?
