กริ๊ง...กริ๊งๆๆ
สาวหน้าสวยตกใจสะดุ้ง หรี่ตามองค้อนพร้อมกับถอนลมหายใจยาวเหยียด ส่ายหน้าไปมาอย่างหงุดหงิดให้กับเสียงร้องเรียกที่มันยังกริ๊งกร๊างออกมาอย่างต่อเนื่อง จากเครื่องมือสื่อสารยุคดิจิทัลที่ยังดังเข้าหูของเธอจนรู้สึกรำคาญ
วาสิตาเป็นบุตรสาวคนโตของท่านทูตกฤษณะซึ่งเป็นรัฐทูตประจำรัฐฟาฮาที่เป็นหนึ่งในสี่รัฐของมหานครฟาดูเรสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในแทบตะวันออกกลาง แต่ชีวิตของเธอก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวสักเท่าไร ทว่าตอนนี้เธอเติบโตขึ้นและได้เป็นถึงดีไซเนอร์สาวที่มากฝีมือแบบเต็มตัว แม้หญิงสาวจะเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวห่างไกลครอบครัว แต่มันก็เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างดีที่ทำให้เธอแข็งแกร่ง ถึงมันจะปะปนกับความแข็งกระด้างตรงไปตรงมาและมั่นใจในตนเองแบบผิดๆ มาบ้างก็ตามที
วาสิตายังคงนั่งก้มหน้าก้มตาเร่งรีบปั่นงานออกแบบเสื้อผ้าในส่วนที่ได้รับผิดชอบ โดยไม่คิดจะสนใจเสียงร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากเจ้ามือถือรุ่นใหม่ที่มันแววระยับประดับประดาด้วยเคสมือถือล้อมเพชรสุดหรูแสนแพงของเธอ
?จะโทร.อะไรกันนักกันหนานะ ถ้าฉันไม่รับก็น่าจะรู้ว่ายุ่งอยู่...แทนที่จะวาง? หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนที่จะชะโงกหน้ามองดูเครื่องมือสื่อสารอย่างหงุดหงิด
แต่ทว่าเมื่อมองดูและรู้ว่าปลายสายคือมาสิกา น้องสาวคนเล็กของเธอ จากใบหน้าเคร่งเครียดก่อนหน้านี้จึงแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มระรื่นอย่างมีความสุขในทันที เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้รับรู้ว่าคนในครอบครัวไม่ได้หลงลืมเธอไปเสียหมด
?ว่าไงคะ คุณหมอมาสิกาคนสวย?
?พี่วา...? มาสิกาน้ำเสียงสั่นเครือจนผู้ที่ฟังอยู่ปลายสายเริ่มหวั่นใจ
?ยัยมา...เป็นอะไร น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย เกิดอะไรขึ้น หรือมีใครเป็นอะไร?
เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที เหมือนกับมีลางสังหรณ์ว่าบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ทำให้เธอรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก
?เปล่าพี่วา...?
?เปล่า...ก็แปลว่าไม่มีใครเป็นอะไร แล้วทำไมเธอถึงทำเสียงอย่างกับคนจะร้องไห้อย่างนั้นล่ะ หรือไปทำคนไข้คนไหนพิการแล้วเขามาเอาเรื่องเข้าล่ะยัยคุณหนูมา?
วาสิตากล่าวเชิงต่อว่าที่น้องสาวทำเสียงเศร้าให้เธอเสียสมาธิในการทำงานและตกใจ โดยที่ยังไม่ทันได้รับฟังปลายสายว่าเกิดอะไรขึ้น
?ฉันเป็นสูตินรีแพทย์นะ จะไปทำใครเขาพิการได้ล่ะ พี่ก็พูดไปเรื่อย?
?ถ้าอย่างนั้นมันเรื่องอะไรล่ะ พี่ไม่ว่างมาเล่นต่อคำกับเธอนะ หัวสมองคนกำลังแล่นๆ เลยทู่หมด รีบๆ พูด พี่จะได้ทำงานต่อ แต่ถ้าไม่พูดพี่จะวางนะ? หญิงสาวบ่นคู่สนทนา ร่ายราวตามปกตินิสัยของเธอ
?เดี๋ยวพี่วา ฟังฉันก่อน คือพ่อจะให้ฉันแต่งงาน?
?หา!!?
?พ่อจะให้ฉันแต่งงาน พี่วาได้ยินไหม??
?อ้อ ก็ดีนี่...เธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา พ่อจะได้เลิกบงการชีวิตของเธอสักที? เพราะในความคิดของเธอ มาสิกาคือลูกแหง่ที่ต้องคอยปฏิบัติตามคำสั่งของบิดาตลอดเวลา แต่ถ้าน้องสาวของเธอแต่งงานออกเรือนไปอาจจะทำให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
?แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน เอ่อ..ไม่ใช่สิ ฉันอยากแต่งงาน แต่แต่งกับคนที่ฉันรัก และตอนนี้ฉันก็มีเขาคนนั้นอยู่แล้ว แต่ฉันปฏิเสธพ่อไม่ได้ ฉันจะทำยังไงดีพี่วา? มาสิการ้องไห้โฮ เสียงปนสะอื้นพูดแทบไม่เป็นคำ แต่ก็ทำให้ผู้เป็นพี่สาวพอจะเข้าใจถึงความรู้สึกของน้องได้เป็นอย่างดี
?เอิ่ม...เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เธอใจเย็นๆ ก่อน และก็หยุดร้องไห้สักที พี่ฟังเธอพูดไม่รู้เรื่อง?
?ค่ะ...พี่วา? มาสิกาตอบเสียงอ่อยเมื่อถูกพี่สาวตำหนิ
?เฮ้อ...นี่ท่านทูตเอาแต่ใจอีกแล้วใช่ไหม คราวนี้เล่นบังคับให้แต่งงานเลยเหรอ อย่างนี้ก็เหมือนต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิตน่ะสิ? หญิงสาวหงุดหงิดแทนน้องสาวขึ้นมาทันที แอบบ่นพึมพำเบาๆ ให้กับบิดาจอมเผด็จการ
เพราะวาสิตาไม่เคยแม้แต่จะฟังหรือทำตามคำสั่งของผู้เป็นบิดาเลยสักครั้งเดียว และเธอยังเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่คอยโต้เถียงกับบิดา เพราะต้องการเป็นกระบอกเสียงทางความคิดให้กับทุกคน
?ยัยมา...เธอบอกพ่อไปหรือเปล่าว่าไม่อยากแต่งงาน เพราะเธอมีคนรักอยู่แล้ว?
?พี่วาก็รู้ ฉันเคยกล้าปฏิเสธอะไรพ่อที่ไหน ไม่ว่าฉันจะชอบหรือไม่ชอบ ฉันก็ต้องทำตามที่พ่อบอกอยู่ดี?
?ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่กล้าขัดใจสักอย่าง ตามใจกันเข้าไป ตามใจจนเสียนิสัย? วาสิตาบ่นกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิดให้ทั้งคู่สนทนาและคนที่ถูกกล่าวถึง นั่นก็คือบิดาของเธอนั่นเอง
?พี่วา...ช่วยฉันด้วยนะ ฉันขอร้อง?
?เออ...เออ...พี่จะไปจัดการเรื่องนี้ให้ แต่ตอนนี้แค่นี้ก่อนนะ พี่ยุ่ง?
วาสิตาตอบแบบเหนื่อยใจพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ใช่ว่าเธอจะเก่งกล้าสามารถหรือไม่ได้มีความหวาดกลัวอะไร เพราะในส่วนลึกเธอก็รู้ว่าสุดท้ายบิดามักจะไม่ยอมแพ้ และก็ต้องโต้เถียงกันจนใหญ่โตทุกครั้งไป แต่บิดาก็คือบิดา และเธอก็คือเธอ ซึ่งความรักที่เธอมีต่อผู้เป็นบิดานั้นมันมากมายกว่าคำว่าทิฐิ ถึงจะโกรธกันบ้างงอนกันบ้าง แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นานเท่าไรทั้งคู่ก็หันหน้ากลับมาพูดคุยกันเหมือนเดิม
มาสิกานั่งนิ่งหลังจากที่วางสายจากพี่สาวคนเก่งซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีกำแพงหนาสูง กั้นตัวบ้านจากภายนอกเอาไว้ด้วยใจที่อ่อนล้า
?ฉันไม่ได้รังเกียจที่จะแต่งงานกับคุณนะคะท่านชีค แต่หัวใจของฉันเป็นของคนอื่นไปแล้ว และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฉันและเขา เราสองคนไม่ใช่แค่รักกัน แต่...? เธอหยุดคิดทันที สองมือได้แต่กุมท้องเอาไว้แน่น เปลือกตาค่อยๆ หลับลงช้าๆ ตอนนี้สมองของหญิงสาวมันตื้อตันไปหมด บวกกับความรู้สึกผิดมากมายที่กำลังถาโถมเข้ามาจนทำให้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
*************************************************************************************************
วาสิตาเคลียร์งานที่ยังคั่งค้างอย่างเร่งรีบก่อนจะบินมายังนครทรายอย่างเร่งด่วน ทั้งที่ถูกตาและยายคัดค้านการเดินทางในครั้งนี้ของเธอ เพราะรู้สึกหวงและห่วง ไม่อยากให้วาสิตาต้องมาทะเลาะกับลูกเขยหัวดื้ออย่างกฤษณะเหมือนทุกๆ ครั้ง แต่วาสิตาก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม สุดท้ายเธอก็เดินทางมาอยู่ดี
การเดินทางมายังรัฐฟาฮา ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยและไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเธอ แต่ทว่ามันเป็นครั้งแรกในชีวิตของวาสิตากับการมาเยือนนครทราย และมีเพียงมาสิกาและตากับยายเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
?พี่วา พี่ต้องเอามาแต่เสื้อผ้าที่มันเรียบร้อยที่สุดนะ ต้องหาผ้าคลุมหน้าคลุมผม เหลือแต่ลูกตายิ่งดีนะ ยิ่งตอนออกจากสนามบินต้องปกปิดให้หมดนะ เสื้อต้องแขนยาว กระโปรงยาว หรือถ้าใส่กางเกงก็ต้องขายาวห้ามรัดรูป และต้องมีเสื้อคลุมยาวคลุมทับอีกทีนะพี่วา?
วาสิตาแอบขำเมื่อนึกถึงคำพูดมากมายของน้องสาวที่แสนจะวุ่นวายเจ้าระเบียบ และหวาดกลัวมากเกินไป ถึงเธอจะตอบตกลงรับปากรับคำอย่างแข็งขัน แต่ทว่าวาสิตาก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำขอของน้องสาวเลยแม้แต่นิดเดียว
?ร้อนจะตาย ใครจะไปปิดซะมิดอย่างนั้นล่ะยัยมา และชุดนี้มันก็เรียบร้อยที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว? วาสิตายิ้ม เธอพูดสรุปเอาเองอย่างมั่นใจอยู่เพียงลำพัง เพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวเริ่มสัมผัสผิวของเธอ จึงทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง แต่ก็มั่นใจว่าชุดของเธอชุดนี้สวยและเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เธอมี
วาสิตามองซ้ายมองขวาดูผู้คนที่สวมใสเสื้อผ้ายาวลุ่มล่ามจนมองไม่เห็นส่วนของเนื้อหนังมังสา แม้กระทั่งใบหน้าที่คลุมปิดบังมองเห็นแต่ส่วนของดวงตาเพียงเท่านั้น แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้คิดจะสนใจ หญิงสาวถอดเสื้อคลุมยาวออกทันที เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของทุกส่วนสัดในร่างกายสาว
หญิงสาวร่างงามระหงในชุดเสื้อคอตั้งแบบไม่มีแขนเข้ารูปโชว์หัวไหล่ เผยผิวสาวกับผืนผ้าชีฟองสีทรายแนบผิวขาวเนียน บวกกับกางเกงเอวต่ำขายาวแนบเนื้ออวดสะโพกสวยจนน่าสัมผัส ทุกๆ สายตาต่างจับจ้องมองมาที่เธออย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดหมายกัน เหมือนกับว่าวาสิตาเป็นสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจสายตาของผู้คน หญิงสาวยังเดินอย่างมั่นใจและสง่างาม เธอทำตัวราวกับว่าตนเองกำลังเดินโลดแล่นอยู่บนแคทวอล์ค
?ฉันสวยล่ะสิถึงได้พากันมองตาแทบไม่กะพริบ?
หญิงสาวนึกคิด ยิ้มหวานอย่างมั่นใจในตัวเอง แต่ทว่า...
?ว้าย...!!?
ทั้งที่เธอคิดว่าตนเองเดินอย่างมั่นใจแต่ก็ยังสะดุดกับบางอย่างจนร่างเซถลาเกือบล้มหัวทิ่ม ทว่าสองมือใหญ่ของชายหนุ่มชุดดำที่คลุมหน้าคลุมตาฉุดดึงร่างบางเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอหัวทิ่มล้มคะมำลงกับพื้น นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมเข้มของชายหนุ่มราวกับมีเวทมนตร์ส่งผ่านมาสะกดให้เธอนิ่งงัน ปล่อยเรือนร่างให้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้การต่อต้านขัดขืน
?ถ้าเธอจะมาขาย...หรือทำมาหากินในสถานที่แห่งนี้เธอคิดผิดแล้ว...แม่สาวน้อย เพราะผู้ชายเมืองนี้เขามีสติมากพอว่าของชิ้นไหนดี ชิ้นไหนเน่า พวกเขาไม่มีใครกินของลวกๆ ส่งเดชกัน ทางที่ดีเธอน่าจะไปหากินที่อื่นจะดีกว่า? เสียงทุ้มๆ เรียบๆ ของเขาทุกคำพูดบาดลึกจนถึงก้นบึ้งหัวใจของเธอ
?กรี๊ดด...ไอ้คนบ้า กล้าดียังไงมาว่าฉันเป็น...? เธอกรีดร้องสุดเสียงด้วยความโกรธปนแค้นกับคำพูดดูถูกหยาบคายของเขา ทำให้เสียงแหลมถูกปล่อยออกมาอย่างไร้การควบคุม พร้อมกับสองมือเรียวเล็กที่จงใจทุบตีเข้าที่แผ่นอกกว้างของชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง
?หยุด!!?
เสียงทุ้มเข้มตะคอกใส่หน้าหญิงสาวราวกับอสูรร้าย แววตาแสนเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว วาสิตารีบหุบเม้มปากเรียวสวยของเธอทันที พร้อมกับแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาคู่กลมโตเหลือกขึ้นฟ้ามองบนอย่างหงุดหงิดปนหวาดกลัว สองมือเล็กยังคงกำหมัดแน่นอย่างเก็บกดด้วยอาการที่ฝืนให้ตัวเองสงบเงียบลง
หญิงสาวปล่อยให้เขาเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ และที่เขาทิ้งเอาไว้คือความแค้นเคืองที่หญิงสาวมีอยู่เต็มอก วาสิตารีบดึงเสื้อคลุมที่ถอดวางไว้บนกระเป๋าเดินทางก่อนหน้านี้ขึ้นสวมใส่พร้อมกับติดกระดุมทุกเม็ดอย่างเรียบร้อยเพื่อปกปิดเนื้อหนังมังสาด้วยอาการฉุนเฉียวหงุดหงิด
?ยัยมานะยัยมา ปล่อยให้ฉันมารอตั้งนานสองนาน ทำให้ฉันต้องมาเจอไอ้คนบ้าพูดจาน่าเกลียด แถมหยาบคาย โอ๊ย ฉันจะบ้าตาย? วาสิตาหงุดหงิดบ่นพึมพำก่อนจะเดินเลี่ยงหลบไปจากตรงจุดที่เป็นที่สนใจจากสายตาผู้คน
?พี่วา พี่วา ทางนี้ค่ะ?
?ยัยมา ทำไมเธอมาเอาป่านนี้ รู้ไหมพี่มารอตั้งนานแล้ว?
?ฉันขอโทษนะพี่วา ฉันเห็นขบวนของท่านชีคผ่านมา ฉันก็เลยขอแอบก่อน? มาสิกาหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ เมื่อมองเห็นความหวังสุดท้ายของเธอมาอยู่ตรงหน้า
?เออ ไม่โกรธ แต่นี่มันอะไรของเธอ...ยัยมา สรุปนี่เธอเป็นหมอหรือเป็นพวกผู้ก่อการร้ายที่หนีออกจากคุกที่คุมขังกันแน่?
วาสิตามองสำรวจตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าของน้องสาวตนเอง ได้แต่คลี่ยิ้มฝืดๆ เพราะการแต่งกายของมาสิกาที่ห่อหุ้มปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด เหลือไว้เพียงส่วนของดวงตา และยังมีกรอบแว่นหนาๆ ที่ยังสวมใส่เอาไว้จนมองไม่รู้เลยว่าเป็นมาสิกา
?โธ่พี่วา...ถ้าฉันไม่แต่งตัวมาแบบนี้ก็ต้องเจอ...? มาสิกาหยุดชะงักการสนทนา เพราะเหลือบเห็นกลุ่มคนมากหน้าที่ต่างมารอรับการเดินทางของบุคคลสำคัญ แต่เป็นคนที่เธอไม่อยากพบเจอในสถานการณ์แบบนี้
?พี่วา เร็วเถอะ? เธอรีบฉุดข้อมือของวาสิตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบพาเดินฝ่าออกจากฝูงผู้คนเพราะไม่อยากให้เป็นที่สังเกตของเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้ากลับมา ณ สถานที่ที่ทั้งสองกำลังพูดคุยสนทนา
?โอ๊ย...ตั้งแต่ฉันมาเหยียบที่นี่ ฉันก็เจอแต่คนแปลกๆ เพี้ยนๆ นี่ฉันคิดผิดใช่ไหมเนี่ยที่มาที่นี่? วาสิตาบ่นหงุดหงิด ฉุนเฉียวจนน้องสาวหน้าถอดสี
?ฉันขอโทษนะพี่วา?
?โอ๊ย...พี่ก็ไม่ได้ว่าเธอทั้งหมดหรอก ยังมีคนที่น่าโมโหอีกคน? เธอนึกถึงเจ้าของแววตาคู่งามสีฟ้า แต่ปากคอเราะรายอย่างโกรธเคือง หญิงสาวถอนหายเฮือกใหญ่ เป่าปากเหลือกตาขึ้นฟ้า ก่อนจะทำปากบิดเบี้ยวไปมาตามแบบฉบับของเธอเมื่อรู้สึกหงุดหงิดใจ
?พี่วา...ทำหน้าแบบนี้ หรือไปทะเลาะกับใครเข้า??
?ก็ใช่นะสิ แต่ก็นิดหน่อย เฮ้ย...มันไม่ใช่นิดหน่อยสิ แต่เยอะมากต่างหาก โอ๊ย...หงุดหงิดเป็นบ้า ไอ้...? เธอลากเสียงยาวเก็บความขุ่นแค้นไว้ในใจ และภาวนาขออย่าให้เจอคนปากเสียอย่างเขาอีก
วาสิตาก้าวขึ้นรถไปพร้อมกับน้องสาว แต่ก็มิวายหันกลับมามองซ้ายมองขวาอย่างระแวง เพราะเธอรู้สึกราวกับว่ามีสายตาของใครบ้างคนจับจ้องมองมาที่เธออย่างไม่ละลายตา
*****************************************************************************************
เมื่อรถขับเคลื่อนออกนอกตัวอาคารสนามบิน มาสิกาก็รีบสลัดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ตอนนี้สองแก้มอาบไปด้วยน้ำตาอย่างซึ้งใจ เธอร้องไห้โฮ รีบโผกอดพี่สาวสุดที่รัก
?นี่...นี่ยัยมา ปล่อยพี่ได้แล้ว พี่หายใจไม่ออก และก็เลิกร้องไห้งอแงเป็นเด็กๆ ได้แล้ว เธอนี่ขี้แยตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ? วาสิตายิ้มหวานก่อนจะเอื้อมมือเล็กๆ เช็ดหยดน้ำใสๆ ที่ไหลผ่านแก้มเนียนสวยของน้องสาว
?พี่วา พี่วาของฉันจริงๆ ฉันดีใจนี่ที่พี่วายอมมาช่วยพูดกับพ่อ?
?ถ้าพี่ไม่มาช่วยน้องสาวของพี่ แล้วจะให้พี่ไปช่วยใครที่ไหนล่ะ ก็เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง? เธอสวมกอดน้องสาวพร้อมลูบไล้ศีรษะไปมาอย่างปลอบโยน การกระทำและคำพูดของวาสิตายิ่งทำให้ผู้เป็นน้องสาวร้องไห้หนักยิ่งขึ้น
?นี่นอกจากเป็นหมอแล้ว เธอยังรับจ้างร้องไห้หน้างานด้วยหรือเปล่า...ยัยมา? เธอหยอกล้อน้องสาวก่อนจะขยี้ผมมาสิกาเบาๆ อย่างเอ็นดู
เมื่อรถเลี้ยวเข้าจอดบริเวณบ้าน พลขับก็นำกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวลงจากรถก่อนจะลากกระเป๋าอันหนักอึ้งของเธอไปเก็บ
?นี่ๆ คุณ ไม่ต้องๆ ฉันทำเอง ฉันไม่ชอบให้ใครมาคอยรับใช้ แต่ก็ขอบคุณนะคะ? วาสิตารีบร้องห้ามก่อนจะยิ้มหวาน ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณอย่างไม่ถือตัว การกระทำของเธอทำให้ผู้ติดตามหยุดชะงักรีบรับไหว้แทบไม่ทัน
?พี่วา ทำไมไม่ให้ปานันยกกระเป๋าไปเก็บให้ล่ะ ปานันเขาเป็นทหารของสถานทูตมาคอยดูแลเราที่นี่ค่ะ?
?นี่ยัยมา แค่คืบแค่ศอก ของของเราเองทำเองได้ก็น่าจะทำเอง จะไปใช้คนอื่นเขาทำไม?
?ค่ะ...ตามใจพี่วาแล้วกัน แต่มันไม่หนักแน่นะคะ? มาสิกามองดูกระเป๋าใบใหญ่ของพี่สาวอีกครั้ง เพราะดูจากสภาพ น้ำหนักก็น่าจะมากโขอยู่ไม่น้อย
?หนักสิ ของในนี้มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น? วาสิตาแอบกระซิบน้องสาวก่อนจะหัวเราะร่าอย่างชอบใจ เสียงของเธอดังไปจนถึงครัวหลังบ้านจนวาสนานึกแปลกใจ และแน่ใจว่าไม่ใช่เสียงของมาสิกาแน่ๆ
?วา ยัยวาลูกแม่?
?แม่คะ?
วาสิตารีบวิ่งไปโอบกอดผู้เป็นมารดาทันที ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึง แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ก่อนจะกระโดดกอดวาสนาผู้เป็นมารดาอีกครั้ง เพราะนานมากแล้วที่เธอและแม่ไม่ได้พบกัน ถึงบ้างครั้งจะพูดคุยกันผ่านทางโลกโซเซียลบ้าง แต่มันก็ไม่เหมือนได้สัมผัสใกล้ชิดเช่นนี้
?แม่ขา...วาคิดถึงแม่ที่สุดในโลกเลย แม่สบายดีนะคะ? เธอเริ่มออดอ้อนมารดาทันที ?ดูแม่ผอมไปนะคะ พ่อใช้งานหนักใช่ไหม หรืออาหารที่นี่ไม่ถูกปาก รสชาติคงไม่เหมือนเมืองไทยบ้านเรา ทำไมแม่ไม่ชวนพ่อย้ายกลับไปอยู่ที่เมืองไทยล่ะคะ วาจะได้ไปเยี่ยมบ่อยๆ ดูที่นี่สิ บ้านก็ไม่เหมือนบ้าน กำแพงรอบบ้านสูงลิ่ว สูงยิ่งกว่าหลังคาบ้าน อย่างกับว่าเป็นสถานที่กักกันยังไงยังงั้น มันเป็นบ้านพักท่านทูตประจำรัฐฟาฮาหรือเรือนจำกันแน่คะแม่?
วาสิตาบ่นร่ายยาวเมื่อมองรอบๆ บริเวณตัวบ้านที่ไม่สามารถมองผ่านทะลุรั้วกำแพงบ้านออกไปเพื่อชมทัศนียภาพภายนอกได้เลย
?แม่ว่า วาเดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะลูก?
?ไม่ล่ะค่ะ วาอยากคุยกับพ่อเรื่องยัยมามากกว่า?
?แต่...แม่ว่าไว้คุยกันวันหลังก็ได้นี่ลูก?
?ไม่ค่ะแม่ ยังไงวาก็จะคุยวันนี้และก็เดี๋ยวนี้ด้วย วาไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ รู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก?
?แต่วันนี้พ่อเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี?
?นั่นแหละค่ะดีเลย?
วาสนาหันไปมองหน้ากันกับมาสิกาบุตรสาวคนเล็กอย่างเหนื่อยใจ พร้อมกับเดาสถานการณ์ล่วงหน้าของสองพ่อลูกออกทันทีว่าต้องไม่ลงรอยกันอีกตามเคย
?อ้าว...ยัยมา นำทางสิ พี่จะได้ไปคุยกับพ่อ มัวแต่นึกมโนอะไรกับแม่อยู่ได้?
?แต่...แม่ว่า?
?เดี๋ยววากลับมาคุยด้วยนะคะแม่ ขอตัวไปคุยกับพ่อแป๊บเดียวค่ะ? เธอยิ้มร่าเริงอย่างมั่นใจว่าจะเป็นผู้นำชัยมาฝากทุกคน
?ก็ขอให้แป๊บเดียวนะลูก แม่ไม่ค่อยแน่ใจ? วาสนาส่ายหน้ามองตามบุตรสาวอย่างกังวล
มาสิกาพาพี่สาวคนสวยเดินไปจนถึงห้องทำงานของผู้เป็นบิดา วาสิตางงงันกับการตกแต่งและการออกแบบบ้านช่องในเมืองนี้ เพราะเธอต้องเดินวนไปมาอยู่นานสองนาน
?จะทำให้บ้านมันซับซ้อนทำไมกัน ทำอย่างกับทางเดินเขาวงกต? เธอบ่นพึมพำเสียงดังอย่างจงใจ เพราะไม่เข้าใจการออกแบบที่ทำให้บ้านมันดูวกไปวนมาซับซ้อน
?แหม...พี่วาก็ว่าไปนั่น บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นให้คนในบ้านอยู่แบบอุ่นใจตากหากล่ะค่ะ?
?แล้วมันจะอุ่นใจตรงไหน เผลอๆ เดินไปเดินมาพาหลงเข้าให้? วาสิตาทำหน้าเซ็งๆ
?พี่วารู้ไหม ทุกบ้านทุกตึกที่มีบุคคลสำคัญเข้าพักอาศัยอยู่ ท่านชีคแห่งฟาฮาเป็นผู้ออกแบบตัวอาคาร และควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวท่านเองทั้งหมดนะคะ?
?ออกแบบให้คนในบ้านหาทางออกไม่เจอน่ะสิ?
?โธ่...พี่วา ใช่ที่ไหน ท่านออกแบบให้คนในบ้านปลอดภัยต่างหากล่ะ เพราะถ้ามีเหตุอะไรเกิดขึ้น คนในบ้านก็จะมีที่หลบภัย?
?หลบภัยหรือหลงไปเจอภัยกันแน่?
?ไม่หลงหรอกค่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่ไม่กี่ปี ฉันจำได้ทุกซอกทุกมุมแล้ว?
มาสิกายิ้มหวานก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานของบิดา แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ หญิงสาวจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปทันที แต่ทว่าทำให้วาสิตาหัวเราะลั่น เพราะสิ่งที่เธอพบเห็นคือห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้มากกว่าจะเป็นห้องทำงานของบิดา
?จ้ะ...จ้ะ พี่เชื่อว่าเธอจำได้ทุกซอกทุกมุม?
?พี่วาเลิกหัวเราะฉันได้แล้ว ฉันแค่จำผิดนิดหน่อยเอง ปกติฉันไม่ค่อยได้มาหาพ่อที่ห้องทำงานนี่นา? มาสิกาหน้าจ๋อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปเคาะเรียกบิดาอีกห้องที่อยู่ไม่ห่างกันนัก
?มาเหรอลูก เข้ามาสิ? เสียงเข้มขานรับเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวร้องเรียก แต่คนที่เปิดประตูเข้าไปกลับเป็นวาสิตา เธอมองบิดาที่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนว่าเป็นใคร
?บอกแม่ด้วยนะมาว่าวันนี้พ่อขอกับข้าวที่ไม่มีน้ำมัน น้ำพริกกะปิผักลวกที่ไม่สุกจนเกินไป น้ำขออุณหภูมิห้อง ห้ามเอาน้ำเย็นขึ้นตั้งโต๊ะ และกับข้าวต้องเรียบร้อยตอนหกโมงเย็นเพราะพ่อจะไปถึงเวลานั้น? กฤษณะพูดไปพลางก้มหน้าก้มตาทำงานไป โดยไม่ได้สนใจจะถามว่าคนที่มาเยือนมีธุระอะไร จนวาสิตาส่ายหน้า
?ถ้าพ่อจะสั่งกินขนาดนั้น ไปสั่งที่ภัตตาคารดีกว่าไหมคะ? วาสิตากล่าวทักทายและยกมือขึ้นไหว้สวัสดีบิดาเจ้าเผด็จการจอมบงการของเธอ น้ำเสียงที่ไม่นุ่มนวลหรืออ่อนหวานเหมือนมาสิกาทำให้บิดาของเธอรู้ทันที่ว่าบุคคลตรงหน้าคือใคร
ถึงแม้กฤษณะจะรู้สึกดีใจกับการมาเยือนของวาสิตา แต่คนอย่างเขาไม่มีทางที่จะแสดงออกให้ลูกๆ ได้เห็น มิหนำซ้ำยังทำสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
?ยัยวา แกมาทำไม?
?อ้อ นี่คือคำทักทายของพ่อที่ไม่ได้เจอหน้าลูกสาวคนนี้มานานหลายปีหรือคะพ่อ? เธอมองค้อนบิดาอย่างงอนๆ กับคำทักทายที่แสนจะเย็นชาที่เธอได้ยินอยู่ตลอดเป็นประจำตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังไม่ชินสักที
?ก็แกไม่ยอมมาหาฉันที่นี่เอง ฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้?
?แล้วทำไมพ่อไม่คิดจะไปหาลูกบ้างล่ะคะ?
?ก็ฉันเป็นพ่อแก ถ้าแกคิดถึงพ่อแม่แกก็ควรจะมาหาไม่ใช่เหรอ?? แม้คำพูดจะดูห่างเหิน หากแต่แฝงไปด้วยการประชดประชันบวกกับความน้อยอกน้อยใจที่วาสิตาไม่ยอมมาเยี่ยมเยียนตน
?แล้วทำไมพ่อไม่คิดจะพาแม่ไปเยี่ยมตากับยายบ้างล่ะคะ พ่อไม่คิดว่าแม่จะคิดถึงยายกับตาบ้างเหรอ แถมไปทั้งทีแม่ก็ได้เจอทั้งตากับยาย และวา? เธอย้อนถามบิดาอย่างไม่ยอม
?วาสิตา!!?
กฤษณะตวาดอย่างหงุดหงิดเสียงดังลั่น จนมาสิกาที่ฟังอยู่ข้างๆ สะดุ้งตกใจและรู้สึกหวาดกลัวว่าทั้งคู่จะโต้เถียงกันลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ หญิงสาวตัดสินใจถอยห่างออกไปเพื่อไปตามมารดามาช่วยให้คนทั้งคู่เลิกโต้แย้งกัน
?พ่อนี่ดื้อจริงๆ เลย พอเถียงไม่ชนะก็ตวาดเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ไม่รู้แม่ทนอยู่กับพ่อได้ยังไงจนลูกโต? เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับกลอกตาขึ้นฟ้าตามสไตล์ของเธอ
?เพราะแม่รักพ่อของลูกมาก?
กฤษณะไม่ได้เป็นตอบ แต่คนที่ตอบคือวาสนาที่เดินเข้ามาสมทบในภายหลัง และตอนนี้ทุกคนในครอบครัวบุญทักประสิทธิ์ก็อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงแม้สถานการณ์มันดูเหมือนจะไม่น่ารื่นรมย์สักเท่าไรก็ตามที แต่โอกาสที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ก็หาดูได้ยากสำหรับครอบครัวของวาสิตา
?แม่คะ...เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย เข้าข้างพ่อตลอด จนพ่อได้ใจเสียผู้เสียคนไปกันใหญ่แล้วนะคะแม่? วาสิตาถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เพราะเหมือนทุกๆ ครั้งแม่ของเธอก็มักจะยอมพ่อเสมอ และก็จะว่านล้อมให้เธออ่อนโอนตามด้วยเช่นกัน
?พี่วา...พอเถอะ อย่าทำให้พ่อหงุดหงิดเลย? มาสิกาหน้าซีด เมื่อรู้สึกว่าตัวเธอกำลังทำให้เรื่องมันใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิม เธอเสียใจที่กำลังจะเป็นต้นเหตุให้วาสิตากับพ่อต้องผิดใจกันอีกครั้ง
?ยัยมา...เงียบไปเลย ถ้าพี่ไม่พูดพ่อก็จะเอาแต่ใจไม่เลิกสักที?
?แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันเอาแต่ใจ?
?ก็พ่อเป็นแบบนี้ไง อยากสั่งให้ใครทำอะไรก็สั่งๆ โดยที่ไม่ฟังความคิดเห็นใครๆ เลยว่าจะต้องการไหม?
?ฉันทำทุกอย่างเพราะฉันคิดว่าดีต่ออนาคตของทุกคน?
?อนาคตของทุกคนหรือของพ่อเพียงคนเดียวคะ?
?วาสิตา!?
?ดีใจจังเลยที่พ่อจำชื่อลูกคนนี้ได้ดี และเรียกซ้ำๆ บ่อยมาก? วาสิตาลากเสียงยาว
?วาสิตา?
?พ่อคะ เมื่อไรพ่อจะเลิกบังคับจิตใจคนที่พ่อบอกว่ารักสักทีคะ...พ่อ? วาสิตาปรับน้ำเสียงอ่อนลงราวกับขอความเห็นใจ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนบิดาของเธอ เพราะรู้ดีว่าถ้าใช้ไม้แข็งต่อไป ยังไงพ่อก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี
?ฉันไปบังคับจิตใจใคร??
?ก็ยัยมาไง พ่อบอกให้น้องแต่งงาน พ่อถามน้องสักคำไหมว่าน้องอยากจะแต่งงานหรือเปล่า?
?ไม่เห็นยัยมาจะเดือนร้อนอะไร แล้วทำไมแกต้องมาเดือนร้อนแทนน้องด้วย?
?น้องไม่พูด ไม่ใช่ว่าน้องไม่คิดนี่คะพ่อ ที่น้องไม่พูดไม่บอกพ่อ เพราะน้องกลัวว่าพ่อจะไม่สบายใจ กลัวว่าพ่อจะโกรธเมื่อถูกปฏิเสธ ยัยมาเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อมาก แต่พ่อรู้ไหมน้องไม่ได้ดีใจกับการถูกยัดเยียดให้แต่งงานในครั้งนี้เลยสักนิด?
?จริงหรือเปล่ามาสิกา ที่ลูกไม่อยากจะแต่งงาน? กฤษณะหันกลับไปถามบุตรสาวคนเล็กที่มีอาการอ้ำอึ้งพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว
?พ่อถามว่าจริงไหม?...มาสิกา?
?ค่ะ? มาสิกาก้มหน้าตอบเสียงอ่อย และเป็นครั้งแรกที่เธอเลือกที่จะพูดตามความรู้สึกของตัวเองมากกว่าทุกครั้งที่มักจะให้คำตอบตามที่ใจบิดาต้องการ
?ทำไมลูกไม่ปฏิเสธพ่อตั้งแต่แรก? กฤษณะทรุดลงนั่ง เพราะเขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังบีบบังคับความรู้สึกของบุตรสาวให้แต่งงานทั้งที่มาสิกาไม่ต้องการ
?มา...ขอโทษค่ะพ่อ ที่มาไม่กล้าบอกความรู้สึกจริงๆ กับพ่อ? มาสิกาน้ำตาไหลริน
?แล้วนี่พ่อจะไปปฏิเสธท่านชีคว่ายังไง อีกแค่สองวันก็จะถึงพิธีการที่ถูกกำหนดไว้ พร้อมกับงานฉลองที่ท่านชีคจัดเตรียม พร้อมเชิญแขกบ้านแขกเมืองมาเรียบร้อยแล้ว? กฤษณะกุมขมับอย่างเคร่งเครียด
?ถ้าไม่มีเจ้าสาว ก็ไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นนะคะพ่อ? วาสิตาขัดขึ้น
?มันไม่ง่ายอย่างที่แกว่า?
?ทำไมคะพ่อ ทำไมเราจะปฏิเสท่านชีคอะไรนั่นไม่ได้ ในเมื่อน้องก็บอกอยู่แล้วว่าไม่อยากแต่งงาน เราก็แค่ไปบอกความจริงกับเขาสิคะว่ามาสิกาจะไม่เข้าพิธีแต่งงานอะไรนั้น ไม่เห็นจะยาก?
วาสิตาส่งยิ้มให้กับน้องสาวอย่างมีความสุข เพราะความคิดของเธอในตอนนี้ ยังไงบิดาก็ต้องเห็นใจและเข้าใจลูกสาวของตัวเองมากกว่าจะไปสนใจความรู้สึกของคนอื่น และเธอก็มองว่ามันเป็นแค่เรื่องง่ายๆ กับการปฏิเสธการแต่งงานกับใครสักคน ที่เราไม่อยากแต่งงานด้วย ทว่าใบหน้าของกฤษณะยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เขามีบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ในใจมันคือความลับที่ตัวเขาไม่กล้าจะเปิดเผยให้คนในครอบครัวรับรู้
ครั้งหนึ่งในขณะที่กฤษณะเดินทางมารับตำแหน่งเป็นรัฐทูตอย่างเต็มตัว ณ นครฟาดูเรส เขาตั้งใจจะไปแสดงความเคารพต่อท่านสุลต่าน กษัตริย์ผู้ปกครองนครทรายแห่งนี้ ทว่าเขากลับหลงทางกับเส้นทางที่วกวนจนเข้าไปในเขตราชวังต้องห้าม พื้นที่ตำหนักเก่าของอดีตพระมเหสีลำดับที่หนึ่งของท่านสุลต่าน
มันเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่เกิดการจลาจลขึ้นภายใน ด้วยความไม่รู้ กฤษณะจึงช่วยหนึ่งในคนร้ายที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายในให้หลบหนี เพราะเป็นคนที่เขาก็รู้จักดี นั่นคือบุตรชายคนโตของท่านสุลต่าน องค์ชายราชิตที่ถูกหลงลืมไปเนิ่นนาน...
ราชิตหลุดพ้นการจับกุม และการกระทำทั้งหมดก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของชาลาตัน ชีคหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในบุตรชายของท่านสุลต่านผู้ปกครองนครทรายฟาดูเรส
?ท่านทูต ข้าจะไม่ถามเหตุผลที่ท่านทำเช่นนั้นลงไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าจะถือว่าเป็นความผิดของท่านทูต รอรับผิดชอบเรื่องที่จะตามมาได้เลย?
ชาลาตันกล่าวไว้เช่นนั้น และชีคหนุ่มก็ไม่เคยไว้ใจกฤษณะเลย เริ่มจากเขาได้ส่งปานัน นายทหารหนุ่มมาคอยรับใช้ จัดสรรบ้านที่พักให้แถมยังให้กฤษณะและครอบครัวย้ายมาอยู่ใกล้ๆ โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อการดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวรัฐทูตอย่างกฤษณะ ซ้ำยังจะแต่งกับบุตรสาวของเขาเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมเขาอีกด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมากฤษณะพยายามทำทุกอย่างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อชีคหนุ่มชาลาตันและนครฟาดูเรส แต่มันก็ไม่มากพอหรือเพียงพอเลยสักครั้ง ยิ่งราชิตส่งคนของเขาเข้ามาก่อความวุ่นภายในราชอาณาจักรทั้งสี่รัฐใหญ่ของนครฟาดูเรสมากเท่าไร ก็เหมือนกฤษณะจะตกเป็นเป้าสายตาของชาลาตันมากขึ้นเท่านั้น
?ถ้ายัยมาไปอยู่กับท่านชีคชาลาตัน ยัยมาจะมีความสุขและปลอดภัยที่สุด?
?นี่พ่อมีความลับอะไร มันเป็นสิ่งที่พวกเรารู้ไม่ได้หรือคะ?
?มันเป็นเรื่องภายในที่แกไม่ควรจะรู้...ยัยวา?
?ก็ในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นปัญหาของครอบครัวเรา ทำไมพ่อจะบอกพวกเราไม่ได้ล่ะคะ?
?เพื่อความปลอดภัย แกไม่รู้จะดีกว่าวาสิตา?
?บ้านป่าเมืองเถื่อนชัดๆ?
?ระวังคำพูดของแกด้วย วาสิตา?
?ในบ้านพักของตัวเองก็ยังต้องระวังคำพูด ถ้ามันลำบากมากนัก ทำไมพ่อไม่พาแม่กลับไปอยู่เมืองไทย แต่พ่อกลับเรียกตัวยัยมาให้มาอยู่กับพ่อที่นี่เพิ่มขึ้นอีกคน?
?แกก็เหมือนกัน กลับไปได้แล้ว อย่าอยู่ที่นี่ให้มันนานนัก ฉันไม่อยากปวดหัวเพราะแก?
?อะไรกันคะ วาเพิ่งจะมาถึง พ่อจะไล่วากลับง่ายๆ แบบนี้หรือคะ?
?วาสิตา ฟังฉันและก็ทำตามที่ฉันสั่ง กลับไปเงียบๆ เถอะนะ มันเป็นทางเดียวที่คนเป็นพ่ออย่างฉันจะทำให้แกได้ในตอนนี้? กฤษณะถอนใจเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายยังไงให้บุตรสาวเข้าใจ
?วาไม่กลับจนกว่าพ่อจะยกเลิกงานแต่งงานบ้าๆ อะไรนั่นให้กับน้อง?
?ฉันเป็นพ่อแกนะ ฉันสั่งก็คือสั่ง แกแค่มีหน้าที่ปฏิบัติตาม?
?หรือว่าพ่อไปทำข้อตกลงอะไรกับนายท่านชีคนั่นเอาไว้ ถึงยกเลิกงานแต่งงานไม่ได้?
?ฉันไม่ได้ตกลงอะไรทั้งนั้น ท่านชีคเป็นคนดีจริงจังและจริงใจ ฉันเป็นพ่อก็หวังแค่ให้ลูกมีความสุข?
?แต่ถ้ายัยมาไม่มีความสุขล่ะคะพ่อ?
กฤษณะไม่ตอบ เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทรุดตัวนั่งลงอย่างวิตกกังวล เพราะคำมั่นสัญญาก็สำคัญ ความปลอดภัยของทุกคนก็สำคัญ และที่สำคัญที่สุดก็คือความรู้สึกของลูกๆ แล้วคนที่เป็นพ่ออย่างเขาจะตัดสินใจยังไงเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด
?พ่อคะ...ถ้าวาจำไม่ผิด ยัยมาเคยบอกว่าท่านชีคแห่งฟาฮาต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของท่านทูตกฤษณะใช่ไหมคะพ่อ?
เมื่อวาสิตามองเห็นสีหน้าบิดาที่เต็มไปด้วยความวิตก เธอก็ไม่รอช้าที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ถึงใครๆ จะมองว่าทั้งสองคนพ่อลูกดูเหมือนจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่ในส่วนลึกทั้งคู่ก็รักและผูกพันกันไม่ต่างจากพ่อลูกคู่อื่นๆ เพียงแต่ด้วยความที่นิสัยเหมือนกันจนเกินไปเลยทำให้แสดงออกไม่เหมือนพ่อลูกคู่อื่นๆ เพียงเท่านั้น
?ใช่ ท่านชีคพูดกับพ่อว่าอย่างนั้น?
?ถ้าท่านชีคอยากแต่งงานกับบุตรสาวของท่านทูตกฤษณะ ก็ให้แต่งไปเถอะค่ะ?
?พี่วา/วา? ทุกคนร้องเสียงหลง เพราะนึกแปลกใจเมื่อคนที่คัดค้านตั้งแต่ต้นกลับเปลี่ยนใจอย่างง่ายดาย
?ฟังวาให้จบก่อนสิ อย่าเพิ่งขัด? หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างขัดใจ ?พ่อกับแม่ลืมไปแล้วหรือคะว่าพ่อกับแม่มีลูกสาวสองคน?
?หมายความว่าไง ฉันก็ยังไม่เข้าใจแกอยู่ดี? กฤษณะทำหน้างงซึ่งก็ไม่ต่างจากทุกคนในสถานที่แห่งนี้
?ก็หมายความว่าวาจะเป็นคนแต่งงานและเข้าพิธีอะไรนั่นกับท่านชีคแทนยัยมาเอง? วาสิตายิ้มอย่างมั่นใจ ทั้งที่ภายในใจของเธอก็หวั่นๆ อยู่มากมาย แต่เพราะความอยากเอาชนะบิดาบวกกับความหัวรั้นดื้อดึง คิดเร็วทำเร็วของเธอ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะทำแบบนี้
?แต่ถ้าลูกทำอย่างนั้น ลูกก็จะต้องกลายเป็นคนของฟาฮา และต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่ลูกไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือวา? วาสนาหน้าถอดสีที่ได้ยินการตัดสินใจของวาสิตา
?แม่คะ แม่คิดว่าท่านชีคอะไรนั่นจะทนคนอย่างวาได้ถึงอาทิตย์หรือคะ วาว่าแค่สามวันก็คงขับไล่วาออกนอกรัฐฟาฮาไปแทบไม่ทันแล้วค่ะ ถึงตอนนั้นยัยมาก็ไม่ต้องแต่งงาน และพ่อก็ไม่ต้องกลายเป็นคนผิดคำพูด แต่กลายเป็นท่านชีคอะไรนั่นต่างหากที่จะต้องเสียหน้า? วาสิตาหัวเราะร่าอย่างชอบใจ
?แต่ฉันก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีที่แกจะทำแบบนี้ หรือจะประชดคนเป็นพ่อที่ปกป้องลูกๆ ไม่ได้อย่างฉัน? กฤษณะคัดค้าน ทั้งที่แอบเป็นกังวลในการตัดสินใจแบบมั่นใจเกินไปของบุตรสาว และเขาก็พอจะรู้นิสัยของชีคหนุ่มแห่งฟาฮา เพราะชาลาตันไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาท้าทายได้ง่ายๆ
?วาไม่ได้ประชดค่ะ แต่ถ้าเป็นวา วายังคงพอที่จะรับมือกับนายท่านชีคอะไรนั่นได้มากกว่ายัยมา?
?แต่...พ่อว่า...?
?จะเป็นวาหรือเป็นยัยมา สุดท้ายพ่อก็ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้อยู่ดี ก็พ่อรับปากเขามาแล้วนี่ แต่งๆ ไปซะมันจะได้จบๆ?
?แต่...?
?ไม่มีแต่แล้วค่ะพ่อ และพ่อก็ต้องเชื่อใจวา เชื่อฝีมือลูกคนนี้ วาอยากช่วยน้องและก็พ่อด้วย วารับรองค่ะนายท่านชีคอะไรนั่นไม่มีทางได้ถูกเนื้อต้องตัววาแม้แต่ปลายก้อยแน่นอน...ชัวร์ค่ะพ่อ? เธอหัวเราะกลบเกลื่อน แอบเผลอเป่าปากระบายความเครียดภายในร่างกาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วาสิตา ดีไซเนอร์สาวมีศักดิ์เป็นถึงลูกสาวรัฐทูตแห่งฟาฮา หนึ่งในสี่รัฐของมหานครทรายฟาดูเรสโดยมีชีคชาลาตันเป็นผู้ครองรัฐ เธอสลับตัวกับน้องสาวเพื่อเข้าพิธีแต่งงานทางการเมืองกับชีคหนุ่มเพราะต้องการช่วยน้องที่มีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ด้วยหมายใจว่าหลังแต่งจะป่วนประสาทเขาให้ทนไม่ได้จนต้องขอหย่าไปเอง และเธอก็ทำแสบจริงๆ จนชีคหนุ่มปวดหัวกับวีรกรรมเปรี้ยวซ่ากล้าเกินหญิงของที่นี่ หากทว่าจนแล้วจนรอดเขากลับไม่ยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มไปพ้นวงแขน ซ้ำยังใช้นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้นสยบและสะกดเธอจนเผลอไผลหลงใหลไปกับสัมผัสผ่าวร้อนของหนุ่มเลือดทะเลทรายคนนี้
