?มิราอิ! มิราอิ มิราอิ!?
?อะไรเหรอ??
?เมื่อกี้นี้อยู่ดีๆ หม่าม้าก็ฝันประหลาดสุดๆ ไปเลยล่ะ!?
?ฝัน??
?อื้ม?
?ฝันแบบไหนเหรอ??
?คือว่านะ คือมิราอิน่ะ ดูเหมือนมิราอิจะไปมีความรักกับเด็กผู้ชายเข้าล่ะ?
?....อื๋อ? ความรัก??
?ใช่แล้ว?
?ความรักคืออะไรเหรอ??
?แหม มิราอิ ไม่รู้จักความรักหรอกเหรอจ๊ะ??
?อื้อ ไม่รู้จาก?
?เป็นเด็กน้อยจังเลยเนอะ?
?มิราอิไม่ใช่เด็กน้อยซะหน่อย!?
?ฮะๆๆ?
?อย่าหัวเราะสิ!?
?ฮะๆๆ งั้นหม่าม้าจะสอนให้รู้จักความหมายของความรักก็แล้วกันนะ?
?อื้อ?
?ความรักเนี่ยนะ?
?อื้อ?
?มันก็คือการรู้สึกชอบใครสักคนไงล่ะ?
?รู้สึกชอบ??
?ใช่จ้ะ?
?หืม นั่นน่ะ เหมือนที่มิราอิชอบหม่าม้าเหรอ??
?แหม มิราอิ ชอบหม่าม้าเหรอจ๊ะ??
?ชอบมากเลย!!?
?หม่าม้าเองก็ชอบมิราอิมากเหมือนกัน?
?แฮะๆๆ?
?แต่มันออกจะต่างจากแบบนั้นนิดหน่อยนะ?
?ต่างเหรอ??
?ต่างสิ อารมณ์ออกจะเหมือนที่หม่าม้าชอบปะป๊ามากกว่าน่ะ?
?ปะป๊าคืออะไรเหรอ??
?ปะป๊าก็คือปะป๊าของมิราอินั่นแหละจ้ะ แต่มิราอิไม่เคยเจอเขา เพราะงั้นคงไม่เข้าใจสินะ ก็ทันทีหลังจากที่มิราอิเกิดมา เขาก็ออกเดินทางไปเลยนี่นา....แต่เอาเถอะ เรื่องความรักเนี่ยช่างมันก็แล้วกัน เดี๋ยวพอถึงวัยแล้วมิราอิก็คงเข้าใจเองนั่นแหละ ตอนนี้อายุกี่ขวบแล้วนะ??
?คือว่า คือว่านะ น่าจะสี่ขวบมั้ง!?
?ฮะๆๆ นิ้วนับเป็นหกไปแล้วแน่ะ นับสี่ไม่ต้องใช้นิ้วมือทั้งสองข้างหรอกนะ?
?อื๋อ??
?นั่นไง แค่มือขวาอย่างเดียวก็ชูสี่นิ้วได้แล้วเห็นมั้ย??
?จริงด้วย!?
?แหม มิราอิเนี่ยน่ารักเสมอเลยเนอะ?
?อื้อ! มิราอิน่ารักจะตาย!?
?จ้ะๆ แต่ตอนนี้มิราอิอายุสี่ขวบ งั้นก็แสดงว่า งี้เองสินะ....ฝันที่ฉันเห็นเมื่อกี้ บางทีคงเป็นเรื่องสักราวๆ สิบปีให้หลังล่ะมั้ง มิราอิในความฝันดูหน้าตาแล้วน่าจะอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ปีแล้วนี่นา สิบสี่ปี มิราอิตัวน้อยคนนี้จะมีความรักกับเด็กผู้ชายตอนอายุสิบสี่ปีเหรอเนี่ย....?
หลังจากพึมพำเช่นนั้นอย่างประทับใจเล็กน้อย เธอก็หยุดพูด
ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
เส้นผมรูปสายฟ้ายาวสลวยพลิ้วไสวกลางอากาศ ดวงตาทอประกายสีทอง ร่างกายห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้าที่มีรูปลักษณ์ราวกับผ้าคลุม สายฟ้านั้นลู่ตามสายลมส่งเสียงลั่นดังเปรี๊ยะ
ทายาทแห่งอินทรา----สครัลด์แห่งอันดู
นั่นคือนามของเธอ
ผู้ปกครองสายฟ้าทั้งหมดทั้งมวล
ผู้ปกครองสายฟ้าทั้งหมดในโลกมารแห่งนี้
เพียงเธอผู้นั้นหรี่ตาทรงรียาว เหล่าภูตสายฟ้าทั้งหมดโดยรอบต่างก็ส่งเสียงลั่นดังเปรี๊ยะกันอลหม่าน
สถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้คืออาณาเขตที่พำนักของเหล่าทายาทแห่งอินทรา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโลกมาร กวาดตามองไปเห็นเพียงผืนแผ่นดินรกร้างกว้างใหญ่ไพศาล และท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงสว่างสาดส่องซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆดำครึ้มที่ห่อหุ้มสายฟ้าอยู่ตลอดเวลา
นั่นคือสถานที่พำนักของเผ่าพันธุ์พวกเธอ
อาณาเขตอันเต็มไปด้วยเภทภัยแห่งสายฟ้าซึ่งเหล่าปีศาจชนิดอื่นไม่ย่างกรายเข้ามาใกล้
เธอลุกขึ้นยืนยืดอกตรงนั้น จากนั้นเงยหน้ามองภูเขาที่สร้างจากเกลือสีขาวซึ่งปรากฏขึ้นบนผืนแผ่นดินนี้เมื่อสองวันก่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ภูเขาเกลือสีขาวโพลนเสียจนชวนให้รู้สึกคลื่นไส้
สครัลด์เงยหน้ามองสิ่งนั้น
?นี่ๆ มิราอิ?
?อะไรเหรอ?
?มิราอิเห็นภูเขาลูกนั้นเป็นอะไรเหรอ??
เมื่อเอ่ยถามไปเช่นนั้น ลูกสาวของเธอก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
เด็กหญิงมีผมสีทองพลิ้วไสวในอากาศเป็นรูปสายฟ้าเช่นเดียวกับเธอ พร้อมทั้งดวงตาสีทองน่าเอ็นดูที่ลู่ตกแม้จะดูใจแข็ง มิราอิหันดวงตากลมโตคู่นั้นไปทางภูเขาเกลือ ก่อนจะเอ่ยออกมา
?เห็นเป็นปราสาทล่ะ!?
?ปราสาท??
?อื้อ!?
?หืม อ้อ เข้าใจล่ะ เห็นเป็นปราสาทจริงๆ ด้วยเนอะ งั้นโพรงสีดำที่เปิดอยู่ตรงจุดโน้นจุดนี้ก็คือหน้าต่างสินะ ปราสาท ปราสาทนี่เอง?
สครัลด์พึมพำพลางเงยหน้ามองภูเขาเกลือ....ไม่สิ ปราสาทที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏขึ้นมานั้นอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เอ่ยเสียงดังเล็กน้อย
?....เอาล่ะ เอาล่ะๆ ถ้านั่นคือปราสาทละก็ คงจะเป็นแบบนั้นสินะ? ขอคิดเลยแล้วกันเนอะว่าเข้ามาบุกรุกอาณาเขตของพวกเรา? ยังไงซะเล่นสร้างปราสาทใหญ่โตขนาดนี้ในบ้านคนอื่นเขาโดยไม่ขออนุญาต แล้วจะมาบอกว่าเปล่าชวนทะเลาะนะคร้าบ ก็คงไม่จบแค่นั้นอยู่แล้วเนอะ?
พอลองเอ่ยแบบนั้นไป เหล่าภูตผีปีศาจน่าขนลุกก็เริ่มโผล่หน้าออกมาจากโพรงนับไม่ถ้วนตามปราสาทเกลือ ตรงนั้นมีทั้งปีศาจประเภทที่เธอรู้จักและประเภทที่ไม่รู้จัก ทั้งยังมีบางจำพวกที่ไม่ใช่ปีศาจอยู่ด้วย แต่เอาเถอะ ก็เป็นพวกปลายแถวกันทั้งนั้น ทว่าพวกปลายแถวคงสร้างปราสาทใหญ่โตขนาดนี้ไม่ไหวหรอก
ยังไงบริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยปีศาจสายฟ้าทรงพลังและอสูรสายฟ้าเพ่นพ่านไปทั่ว การจะหลบจากสายตาพวกนั้นและสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นมา หากไม่ใช่สิ่งที่มีพลังมากขนาดนั้นแล้วก็คงทำไม่ไหว สรุปคือในปราสาทนี้น่าจะมีผู้ครอบครองพลังมหาศาลคนอื่นอยู่เป็นแน่
บางทีสิ่งนั้นคงจะไม่ใช่ปีศาจด้วย ปีศาจไม่มีทางย่างกรายเข้ามาใกล้ที่นี่อยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่ใช่พวกงี่เง่าเกินเยียวยา ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าหากมาที่นี่แล้วจะถูกฆ่า ดังนั้นคงไม่เข้ามาใกล้กันหรอก สรุปคือสิ่งที่อยู่ที่นี่ตอนนี้คือพวกไม่รู้เรื่องรู้ราวที่ใช้ <ทาง> เข้ามาจากโลกต่างมิติที่ไหนสักแห่งนั่นเอง
ดังนั้นสครัลด์จึงเอ่ยโดยตั้งใจจะชวนพวกไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นคุย
?เฮ้อ เข้าใจภาษาที่ฉันพูดมั้ย? ดูเหมือนพวกเธอจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด เพราะงั้นฉันจะช่วยบอกให้ก็แล้วกัน ที่นี่เป็นสถานที่ที่ห้ามเข้ามาโดยพลการนะ หรือจะบอกว่าไปขออนุญาตจากธิดาแอสทารอธ หรือตาลุงบาเอล อะไรนั่นมาแล้ว? เพราะงั้นก็เลยมาสร้างปราสาทใหญ่โตขนาดนี้ที่นี่สินะ??
พอถามไป ก็มีเสียงซึ่งเปล่งผ่านอาคมดังก้องมาจากทางปราสาทนั้น ใครบางคนที่มีพละกำลังมหาศาลผิดกับเจ้าพวกปลายแถวที่มองเห็นอยู่ตอนนี้เอ่ยเข้ามาในหัวสมองของเธอโดยตรง
?ขออนุญาตจากจ้าวแห่งโลกปีศาจมาแล้ว....?
ทว่าสครัลด์ก็เอ่ยขัดถ้อยคำนั้นไปอย่างง่ายดาย
?จ้าวที่ว่านี่ใครกัน??
?ซาตา....?
?เจ้าเด็กน้อย ?ซาตานแห่งยมโลก วิสเอล? นั่นน่ะ มันทำตัวโหวกเหวกมากไป ฉันเลยฆ่าทิ้งไปแล้วนะ??
?หา....?
?....อ๊ะ อ๋อ เข้าใจผิดว่าซาตานกุมอำนาจอยู่ งั้นแสดงว่าเธอเป็นมนุษย์ล่ะสิท่า? ฉันเคยฟังมาจากปีศาจที่ชื่นชอบมนุษย์ว่า ไม่รู้ทำไมเจ้า ?ยมบาล? ถึงได้โด่งดังในหมู่มนุษย์เหลือเกิน....?
?........?
?แต่ก็เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง ฉันไม่ค่อยชอบอะไรอ้อมค้อมเท่าไหร่ ขอพูดตรงๆ ดีกว่า งั้นจะพูดล่ะนะ?
?........?
?มันรกลูกหูลูกตา เพราะงั้นจงหายไปซะเถอะ ที่นี่เป็นอาณาเขตที่อยู่ของปีศาจสายฟ้ามาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าไปขออนุญาตจากเจ้าโง่ที่ไหนมาว่าสร้างปราสาทที่นี่ได้....?
เธอพูดค้างไว้แค่นั้น แล้วก็หยุด
จากนั้นก็ปรบมือดังป้าบเหมือนนึกบางอย่างออก
?....อ๊ะ แต่ในโลกมาร มีอยู่วิธีหนึ่งที่จะขออนุญาตสร้างปราสาทขึ้นที่นี่ได้นี่นา จะลองใช้วิธีนั้นดูมั้ย??
เธอเอ่ยไปแบบนั้น
พอเอ่ยเช่นนั้น สิ่งที่อยู่ในปราสาทก็ถามกลับมาว่า
?วิธีการที่ว่าคืออะไร??
สครัลด์จึงผุดยิ้มแล้วตอบกลับไป
?ฆ่าฉันไงล่ะ ปลาใหญ่ก็ต้องกินปลาเล็ก กฎของที่นี่มีเพียงแค่นั้นแหละ ถ้าฆ่าฉันผู้เป็นจ้าวแห่งอาณาเขตที่ปีศาจอาศัยอยู่ได้ ทู้กคนก็จะยอมสยบให้เธอกันทั้งนั้นแหละ จะลองดูมั้ยล่ะ??
เธอพูดแล้วก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า พอทำเช่นนั้นก็เริ่มมีพลังมารวมกันตรงมือข้างนั้น
พลังแห่งสายฟ้า
พลังแห่งสายฟ้าอันแกร่งกล้า
นั่นคือพลังแห่งอินทราอันแข็งแกร่งยากจะเชื่อ ถึงขนาดที่แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่อาจแตะต้องได้
ทุกสรรพสิ่งถูกแสงแห่งสายฟ้านั้นสาดส่องไปทั่วสุดขอบทัศนวิสัย บริเวณรอบข้างสว่างจ้าขึ้นเสียจนชวนให้หน้ามืด
สิ่งที่อยู่ในปราสาทเอ่ยต่อสิ่งนั้น
?เข้าใจแล้ว เราจะถอยกำลังกลับ เพราะงั้น....?
ทว่าสครัลด์หัวเราะตอบคำพูดนั้น
?ควรจะตัดสินใจได้แบบนั้นก่อนฉันมามากกว่านะ?
แล้วก็ปล่อยสายฟ้าออกไปอย่างง่ายดาย
เพียงแค่นั้นทิวทัศน์ก็แปรเปลี่ยน ปราสาทถูกเป่าปลิวหายวับไป
มิราอิเห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงจากข้างหลัง
?หม่าม้าสุดยอดดดดดดด!
เพราะเธอตะโกนมา ผู้เป็นแม่จึงเผยยิ้ม
?เดี๋ยวสักพันปีลูกก็ทำได้เหมือนกันแหละจ้ะ?
?จริงเหรอ!??
?จริงสิจริง อีกอย่าง....?
เธอจ้องมองไปทางปราสาทที่ตนเองเพิ่งทำลายไปเมื่อครู่ ทันใดนั้นเศษซากของปราสาทนั้นก็ลอยล่องขึ้นกลางอากาศ สิ่งนั้นประกอบสร้างเป็นบางอย่างที่ดูราวกับดวงตา และดวงตานั้นก็จับจ้องมาทางนี้ ทุกครั้งที่กะพริบมันจะส่งเสียงไม่น่าพิสมัยดังแซ่กๆ ไม่มีทีท่าว่าจะโจมตีเข้ามา มันเพียงแค่จับจ้องมาทางนี้จากที่ไกลๆ แล้วส่งเสียงดังแซ่กๆ ราวกับจะสังเกตการณ์เท่านั้น
เห็นเช่นนั้นสครัลด์ก็เอ่ยถาม
?....ตายจริง ปราสาทนี้มีจุดประสงค์แบบนั้นเองเหรอเนี่ย เพื่อตรวจสอบพลังของฉันสินะ??
ทว่าดวงตาไม่ยอมตอบคำถามนั้นอีกแล้ว มันเพียงแค่ส่งเสียงดังแซ่กๆ เท่านั้น
?มนุษย์สินะ เจ้าเมฟิสต์ โคล้ดเคยพูดไว้ว่ามนุษย์นิสัยแย่ที่สุด นั่นน่ะดูท่าว่าจะจริงสินะ อย่างเรื่องที่ว่าพยายามจะไขว่คว้าเอาทุกมิติมาครองเนี่ย....นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ??
เธอถาม แต่มันกลับเพียงแค่ส่งเสียงดังแซ่กๆ ไม่ยอมตอบกลับ
ดวงตาเพียงแค่จับจ้องมาทางนี้เท่านั้น
เห็นเช่นนั้นเธอก็
?........?
เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับจะรับมือสายตาจากดวงตานั้น และก็จ้องดวงตาที่ลอยอยู่บนฟ้าด้วยดวงตาสีทองของเธอเขม็ง
ทันใดนั้นเพียงแค่จ้องเขม็ง ดวงตาสีดำนั้นก็ปริแตก
?........?
มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากข้างใน
คนคนนั้นยังเป็นเด็กอยู่
น่าจะโตกว่ามิราอิราวๆ หนึ่งหรือสองปีได้ล่ะมั้ง? ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เนื่องจากเจ้านั่นไม่ใช่ปีศาจ ดังนั้นก็เลยเดาอายุจริงๆ จากรูปลักษณ์ไม่ออก แต่ถ้าเป็นมนุษย์ก็คงอายุราวๆ หกหรือเจ็ดปีจริงๆ อย่างที่คาด ผมดำตาดำ ใบหน้าสงบดูโตกว่าวัยอย่างน่าประหลาด....ไม่สิ ดูเหมือนความรู้สึกเขาตายด้านไปแล้วมากกว่า ใบหน้าราวกับคนตายด้านนั้นจับจ้องมาทางนี้
?อา โดนเจอตัวจนได้สินะ สมแล้วที่เป็นสครัลด์?
เขาเอ่ยเช่นนั้น
เธอเอียงคอฉงน
?แหม รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ??
เด็กชายพยักหน้า
?แน่นอน คุณมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเป็นปีศาจที่แกร่งที่สุดในโลกมารนี่นา?
?เอ๋ แล้วก็บุกเข้ามาที่นี่ทั้งที่รู้เรื่องนั้นดีอยู่แก่ใจเนี่ยนะ??
?อื้อ?
?อยากจะฆ่าตัวตาย??
ทันใดนั้นเด็กชายก็หัวเราะด้วยสีหน้าเหมือนค่อนขอดดูไม่สมเป็นเด็ก
?ฮะๆๆ ไม่ใช่หรอก?
?ถ้างั้นมาทำอะไรล่ะ?
?มาทำให้คุณอยู่ใต้การปกครองของผม....?
สครัลด์หัวเราะกับถ้อยคำนั้น
?ตั้งใจจะทำสัญญากับฉันเหรอ??
?อือ?
?คิดว่าทำได้หรือไง??
พอเอ่ยไปเช่นนั้น เด็กชายก็ยกมือขึ้นช้าๆ ก่อนจะลดมือลงทั้งๆ อย่างนั้น
ทันใดนั้นพื้นดินบริเวณเท้าของเขาก็ดันตัวยกสูงขึ้น หญิงสาวงดงามคนหนึ่งปรากฏร่างออกมาจากตรงนั้น
เส้นผมสีขาวโพลน
ผิวขาว
ดวงตาขาว
เสื้อผ้าดำ
ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวในสภาพเหมือนหมอบอยู่แทบเท้าเด็กชาย
สครัลด์เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถาม
?แหม เธอคือธิดาแอสทารอธสินะ??
พอถามไป หญิงสาวก็มองมาทางนี้ ดวงตาสีขาวยืนยันร่างของสครัลด์ให้แน่ใจ
?....โฮ่ๆๆ ที่แท้ท่านก็คือท่านสครัลด์นี่เอง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้??
?นั่นมันคำพูดของทางฉันต่างหาก ทำไมเวริม (ผู้ยิ่งใหญ่ทางเหนือ) ถึงไปคลานอยู่แทบเท้ามนุษย์ได้ล่ะ??
ได้ยินเช่นนั้นธิดาแอสทารอธก็แย้มยิ้มเหมือนดีใจ
?ก็เพราะเด็กคนนี้น่ารักไงล่ะ?
?เฮอะ หลงผู้ชายอีกแล้วเหรอ เธอหลงผู้ชายจนตั้งใจจะฆ่าฟันกับฉันสินะ? ทั้งที่อย่างเธอเอาชนะฉันไม่ได้แท้ๆ?
?แหมๆ ท่านเองก็ดูจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปเหมือนเคย?
ธิดาแอสทารอธเอ่ยแล้วก็ยกมือขวาขึ้น พอทำเช่นนั้นก็มีงูพิษพุ่งออกมาจากฝ่ามือแล้วส่งเสียงคำราม
สครัลด์ผุดยิ้มกับสิ่งนั้นและทำท่าจะเรียกแสงสายฟ้ามาไว้ในกำปั้น ทว่าตอนนั้นเอง
?เก็บงูไป ไอวี่ ฉันมาคุยกับเธอคนนั้นต่างหาก?
เด็กชายพูด ธิดาแอสทารอธผู้ถูกเรียกว่าไอวี่หันกลับไปตามเสียงนั้น
?ตายจริง งั้นหรือคะ??
เธอเอ่ย
ซึ่งเด็กชายพยักหน้า
?อือ ที่เรียกเธอออกมาก็แค่อยากจะแสดงให้เห็นเท่านั้นเองว่าฉันมีพลังพอจะสู้กับทางนั้นได้อยู่ เพราะงั้นเธอแค่คอยปกป้องฉันอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว?
?งั้นหรือคะ ถ้าอย่างนั้นจะขอเดิมพันชีวิตปกป้องเลยก็แล้วกัน?
เด็กชายผุดรอยยิ้มเยือกเย็นไม่สมเป็นเด็กเช่นเคยต่อถ้อยคำนั้น
?ฮะๆ ปีศาจจะเดิมพันชีวิตเพื่อฉันเหรอ? ล้อเล่นแรงจังเลย?
พอเขาพูดแบบนั้นไอวี่ก็หัวเราะด้วย เธอเปิดปากกว้างแล้วยื่นลิ้นขาวโพลนออกมา
?ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ความแตกแล้ว? ฉันชอบเจ้านายก็ตรงที่ดูฉลาดทะแม่งๆ แบบนั้นทั้งที่เป็นมนุษย์ด้วยนะคะ?
เด็กชายยิ้มบางๆ ต่อคำพูดนั้น เขาจับจ้องหญิงสาวผู้ยังคงคลานอยู่บนพื้นดินราวกับจะดูแคลน ก่อนจะเงยหน้ามองมาทางสครัลด์อีกครั้ง
?ผมเกลียดปีศาจ?
เขาพูดแบบนั้น สครัลด์รับรู้ได้ถึงความเป็นเด็กเพียงเล็กน้อยในถ้อยคำนั้น ก็เลยจวนจะเผลอหลุดหัวเราะออกมา
?แต่ก็ยังอยากจะทำสัญญากับพวกเรา??
?อือ?
?เลยแสดงให้เห็นว่าตัวเองทำสัญญากับธิดาแอสทารอธไปแล้ว เพื่อจะขู่ฉันว่าตัวเองมีพลังอยู่เหมือนกันงั้นเหรอ??
?อือ?
?บอกไว้ก่อน อย่างฉันน่ะ แค่ระดับธิดาแอสทารอธเนี่ยไม่คณา....?
ทว่าเด็กชายกลับเอ่ยขัด
?ผมไม่ได้ทำสัญญาไว้แค่อัสทารอทหรอกนะ?
?เอ๋ แต่ถึงจะพาใครมา....?
เขาเอ่ยขัดคำพูดนั้นอีก
?ผมคือหัวขวาของอีกาที่ <มารสวรรค์> ปล่อยออกมา ผมหอบความมืดมายังที่แห่งนี้?
สครัลด์จนด้วยคำพูดไปชั่วขณะหนึ่งต่อถ้อยคำนั้น
มารสวรรค์....ถ้อยคำนั้นที่เด็กชายเอ่ยออกมา
นั่นคือชื่ออันน่าชิงชังที่ไม่ควรจะเอ่ยออกมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ
เป็นชื่ออันคลุ้มคลั่ง
ทว่าเด็กชายผู้นี้กลับเอ่ยชื่อนั้นออกมาอย่างง่ายดาย อีกทั้งเจ้าตัวยังพูดอีกว่าตัวเองเป็นหัวขวาของอีกาที่มารสวรรรค์ปล่อยออกมา
อีกา อีกา อีกา
เคยได้ยินคำนั้นมาบ้าง
นั่นคือคำที่โผล่มาในความฝันที่เห็นเมื่อครู่นี้
ชื่อของเด็กชายผมดำที่มิราอิตัวน้อยจะตกหลุมรักในอนาคต
เด็กคนนั้น
?........?
สครัลด์จับจ้องเด็กชายผมดำคนนั้นที่พอมองดูดีๆ แล้วก็เหมือนกับเด็กชายที่โผล่มาในความฝันทุกกระเบียดนิ้ว
?....เธอส่งความฝันเมื่อกี้เข้ามาในหัวฉันเหรอ??
พอถามไป เด็กชายก็พยักหน้า
?พูดตามตรงคือผมเอาความฝันที่ <มารสวรรค์> เห็นมาที่นี่?
?เอ๋ ไอ้นั่นเมื่อกี้คือความฝันของ <มารสวรรค์> นี่เอง แล้วเพราะในฝันเธอจะกลายเป็นแบบนั้นไปในอนาคต ก็เลยล่วงหน้ามาขอลูกสาวฉันไปเป็นเจ้าสาวตั้งแต่ตอนนี้เลยว่างั้น??
พอถามไป เด็กชายก็หัวเราะ
?ผมไม่ได้โผล่ออกมาในความฝันหรอกนะ?
เขาเอ่ยเช่นนั้น
สครัลด์หรี่ตาต่อคำพูดนั้นแล้วจ้องหน้าเด็กชาย ถึงแม้อายุจะต่างกัน แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงเหมือนเด็กผู้ชายผู้โผล่มาในความฝันทุกกระเบียดนิ้วอยู่ดี
เหมือนกันเปี๊ยบกับเด็กชายชื่อคุเรไน เกคโคที่โผล่ออกมาในความฝัน
ดังนั้นเธอจึงถามออกไป
?เธอชื่ออะไร??
เด็กชายตอบกลับมา
?คุเรไน ฮินาตะ?
คำตอบนั้นทำให้สครัลด์เอ่ยออกมา
?อ้อ?
ฮินาตะ (แสงอาทิตย์) กับเกคโค (แสงจันทร์)
แสงสว่างกับเงามืด
สครัลด์พูดต่อไปว่า
?....เคยได้ยินอยู่หรอกว่าอีกาที่มารสวรรค์ใช้งาน ถือกำเนิดออกมาเป็นฝาแฝดและจะห้ำหั่นกันและกัน....พวกเธอเป็นฝาแฝดกันสินะ?
เมื่อเอ่ยไปเช่นนั้น ฮินาตะก็พยักหน้าอีกครั้ง
?ใช่?
?แล้วเธอก็เลยมายืมพลังฉันเพื่อจะเอาไปห้ำหั่นกับพี่น้องฝาแฝดนั่นงั้นสิ??
ทันใดนั้นฮินาตะก็ผุดยิ้มเพียงเล็กน้อยตอบกลับถ้อยคำนั้น เขายิ้มด้วยใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อย จากนั้น
?....ไม่ใช่หรอก แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายเรื่องนั้นกับคุณหรอกนะ?
?จะให้ฉันช่วยโดยไม่อธิบายกันเลยเนี่ยนะ??
ทว่าเขากลับส่ายหน้ากับคำพูดนั้นเช่นกัน
?ไม่จำเป็นต้องช่วยผม ไม่สิ คุณไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ถ้าผมขอร้อง....?
พูดมาถึงตรงนั้น เธอก็เข้าใจสิ่งที่เขาตั้งใจจะเอ่ย
?มิราอิ??
พอเธอพูดออกไป ฮินาตะก็พยักหน้า
?อือ อยากให้ช่วยส่งมิราอิมายังโลกของพวกเราที เธอเป็นเด็กที่จะช่วยกู้ชะตากรรมของพี่เอาไว้ได้?
?เธออุตส่าห์มาที่นี่เพื่อจะขอร้องเรื่องนั้น??
?อือ?
?แต่นั่นมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? พี่น้องอีกาต้องห้ำหั่นกันเองไม่ใช่หรือไง? พูดแบบนั้นก็เหมือนเธอตั้งใจจะตายเองเลยไม่ใช่เหรอ??
ทว่าคำถามนั้น
?........?
ดูเหมือนฮินาตะจะไม่มีเจตนาตอบเช่นกัน เขายังคงสีหน้าไร้อารมณ์ไม่สมเป็นเด็กเช่นเคย
สครัลด์จ้องมองภาพนั้น ก่อนจะเอ่ยว่า
?....ก็ได้ จะสัญญาก็แล้วกัน เด็กน้อยถึงขั้นทำหน้ากลุ้มใจถ่อมาถึงที่แบบนี้คนเดียว แสดงว่าคงจะเอาจริงสินะ ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าเจ้าพวกมารสวรรค์ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่....แต่ก็เอาเถอะ ฉันไม่รังเกียจพวกงี่เง่าอย่างเธอนักหรอก?
ธิดาแอสทารอธผู้ยังคงคลานอยู่กับพื้นดินเหมือนเคยก็มองมาทางเธอ
?ไม่รังเกียจ? ไม่เกลียด? ทีนี้ท่านเองก็หลงผู้ชายเหมือนกัน....?
?อย่าเหมาฉันรวมกับเธอสิ?
?อา น่ากลัวจัง น่ากลัว?
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
?....ฉันอยากให้ไทโตะได้มีความทรงจำสนุกสนานอย่างเต็มที่ไงล่ะ?
?ในระหว่างที่เขายังใช้ชีวิตในสภาพของมนุษย์ท่ามกลางเหล่ามนุษย์ได้อยู่สินะ??
<ลาเมียล ลิลิธ> เผยรอยยิ้มตอบรับคำถามของคุโรสึด้วยใบหน้าจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
แม้จะตกรวดทุกวิชา แต่พวกไทโตะก็ผ่านพ้นการสอบปลายภาคมาได้และเข้าสู่ช่วงวันหยุดฤดูร้อนเสียที สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการเข้าค่ายฝึกฝนที่จัดโดยคุโรสึ ผู้ดูแลจาก <กองทัพ> บททดสอบนับแล้วนับเล่าถาโถมเข้าใส่สภานักเรียนที่กำลังเริงร่ากับทะเล ชุดว่ายน้ำ และวันหยุดพักร้อน
<กองทัพ> <โบสถ์> <รีล> <มารสวรรค์> <เทพรอบนอกดวงจันทร์>
ระหว่างถูกปั่นหัววุ่นวายจากเจตนารมณ์ของแต่ละฝ่ายที่ค่อยๆ เปิดเผยมากขึ้นทีละน้อยไทโตะก็ได้เห็น ?กระต่ายดำ?....
นี่คือเรื่องราวแฟนตาซีการคืนชีพในรั้วโรงเรียนที่ ?โลกตามปกติ? กลับเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แตกต่างออกไป
