New Release เหลียนฮวา : ชายาจ้าวดวงใจ

อัพเดทข่าวบงกชบุ๊คส์ ความเคลื่อนไหว และกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนร่วมสนุกชิงรางวัลพร้อมของรางวัลมากมาย

Moderator: P'Bly, Gals, พี่บี

ตอบกลับโพส
Gals
โพสต์: 1101
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ 13 ก.พ. 2009 3:47 pm

New Release เหลียนฮวา : ชายาจ้าวดวงใจ

โพสต์ โดย Gals »

บทนำ
ช่วยชีวิตคนอย่างไม่เต็มใจ

ภายในหุบเขาหลังสายพิรุณสงบลงตลบอบอวลไปด้วยไอหมอกสีขาวบางๆ พร้อมกันนั้นตามมาด้วยกลิ่นหญ้าสดชื่นจรุงใจ
เสียงลากรถเข็นดังแว่วมาจากเส้นทางเล็กๆ ที่ใต้หุบเขาเป็นระยะๆ ทั้งยังเจือแทรกด้วยเสียงสนทนาแผ่วเบา
?พี่หวา คนที่แม่สื่อหูเอ่ยถึงเมื่อวานคือเถ้าแก่ร้านน้ำมันที่อยู่ในเมืองหลวง ได้ยินว่าเขาเป็นคนซื่อๆ ทีเดียว ทำการค้าก็ตรงไปตรงมา ภรรยาตายไปเมื่อปีก่อนเขาเลยคิดอยากจะตบแต่งภรรยาใหม่จึงขอร้องให้แม่สื่อหูนำของกำนัลล้ำค่ามาสู่ขอท่านถึงที่ ถ้าหากปฏิเสธไปไม่น่าเสียดายแย่หรือ?
?บุรุษที่ภรรยาเพิ่งตายไปเมื่อปีก่อนก็คิดจะแต่งภรรยาใหม่แล้ว ข้าไม่สนใจสักนิด? ที่ตอบกลับมาคือเสียงเอื้อนเอ่ยอันอ่อนหวาน มิได้เสียงแหลมเล็กหวานเยิ้มมากผิดปกติและก็มิได้ทุ้มต่ำกระโชกโฮกฮากจนเกินไป
?แต่ว่าพี่หวาก็ถึงวัยออกเรือนแล้วนะ หากมัวชักช้าต่อไป...?
?ข้ามีร้านขายของอยู่แล้ว ไม่อดตายหรอกน่า?
?การที่พี่หวามีร้านขายขนมก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากอายุมากแล้วไม่มีคนดูแลจะไปดีได้อย่างไรเล่า?
?เช่นนั้นก็ช่างปะไร? สิ่งที่ตอบกลับมาคือน้ำเสียงไม่อินังขังขอบ
?แต่ถ้าประวิงเวลาไปเรื่อยๆ หากคลอดบุตรไม่ได้จะทำอย่างไร? ไฉ่จือลากรถเข็น บนพื้นเฉอะแฉะไปด้วยโคลนเลน ทำให้นางต้องงัดเรี่ยวแรงทั้งหมดออกมา ยามเอ่ยวาจาจึงหอบฮักอยู่บ้างเล็กน้อย
?ข้าขอถามเจ้าหน่อยนะไฉ่จือ แม่สื่อหูให้สินบนเจ้าเท่าไรเพื่อมาพูดโน้มน้าวข้า?
?พี่หวา จริงที่แม่สื่อหูอยากจะให้สินบนข้า แต่ว่าข้ามิได้รับเสียหน่อย ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะตั้งเป้าหมายสูงเกินไป ถ้าหากมัวชักช้าร่ำไปจนมิได้เจอคู่ครองดีๆ ซ้ำยังคลอดบุตรไม่ได้จะทำเช่นไรเล่า มีคนคอยอยู่เคียงข้างย่อมดีกว่าโดดเดี่ยวเหงาหงอยอยู่เพียงลำพังอยู่แล้ว? พูดไปไฉ่จือก็อดเป็นกังวลแทนนางมิได้
พี่หวาหรือเหลียนรั่วหวาคือผู้มีพระคุณของนาง หากมิใช่เพราะสองเดือนก่อนพี่หวาเก็บนางกลับมา นางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าป่านนี้ตนเองจะไปอยู่แห่งหนใด นางจึงยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติพี่หวาไปชั่วชีวิต
พี่หวาใจดีมีเมตตาถึงเพียงนี้ ทั้งยังมีรูปโฉมงามชดช้อย โดยเฉพาะดวงตาที่งามหยาดเยิ้มทว่าไม่ดูยั่วยวนคู่นั้น บุรุษที่สบตากับนางเข้าไม่มีผู้ใดไม่หันหน้ากลับมามองซ้ำสอง
ทว่านางกลับมักจะมองชีวิตเป็นเรื่องเฉยชาอยู่ร่ำไป คล้ายกับว่าตนเองจะอยู่หรือจะตายก็ไม่สลักสำคัญทั้งสิ้น ท่าทีปล่อยใจตามอารมณ์เช่นนั้นทำให้ไฉ่จืออดหวากลัวมิได้
?ไฉ่จือ เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่ายามคนเรามาเกิดที่โลกนี้ก็มาตัวคนเดียว ยามจากไปก็ไปเพียงลำพัง ต่อให้ยามมีชีวิตอยู่มีคนคอยเคียงข้างแล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายก็ยังคงต้องเดียวดายอยู่ดี? นางไม่โดดเดี่ยวเหว่ว้า มิหนำซ้ำยังมีความสุขกับชีวิตตัวคนเดียวด้วยซ้ำไป แต่ว่าตอนนี้นางเริ่มจะนึกเสียใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อสองเดือนก่อนนางถึงได้หน้ามืดเก็บไฉ่จือกลับมาบ้านกันนะ เป็นเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงจริงๆ
ไฉ่จือฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง นางคิดจะซักไซ้ไล่ถามต่อไปแต่ก็กลัวว่าถามแล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง ดังนั้นจึงวกกลับมายังหัวข้อสนทนาเดิม ?แต่ว่านะพี่หวา หญิงสาวเติบใหญ่ก็ต้องออกเรือน การแต่งงานมีลูกเป็นสิ่งที่สตรีทุกคนล้วนต้องประสบพบเจอ ถึงแม้สามีจะพึ่งพาอาศัยไม่ได้ แต่ดีร้ายอย่างไรก็ยังมีลูกอยู่ บั้นปลายชีวิตย่อมต้องมีความหวัง?
?ลูก...? เหลียนรั่วหวาอดที่จะครุ่นคิดมิได้
เมื่อก่อนนางเองก็เคยอยากมีลูกสักคนเช่นเดียวกัน ทว่าสวรรค์กลับไม่ประทานให้นาง แต่บัดนี้...สวรรค์จะยอมมอบให้นางหรือไม่หนอ ที่ผ่านมานางไม่เคยคิดถึงปัญหาข้อนี้เลย บางทีต่อจากนี้จะลองคิดดูหน่อยก็ได้
?ใช่ไหมเล่าๆ มีบุตรสักคนดีจะตายไป? ครั้นเห็นนางดูเหมือนจะจิตใจสั่นคลอนขึ้นมาเล็กน้อย ไฉ่จือจึงพูดโน้มน้าวต่อไปอย่างหยุดไม่อยู่ ?ที่บ้านข้ามีน้องชายน้องสาวแปดคน แม้ว่าจะเอะอะเสียงดังไปสักหน่อย แต่พอข้าถูกบิดาขายเข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้านคนร่ำคนรวย ข้าถึงได้รู้ว่าเสียงดังโหวกเหวกโวยวายเช่นนั้นเล่าจึงจะเป็นครอบครัว?
เมื่อนางพูดถึงประโยคสุดท้าย สีหน้าแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นหงอยเหงาเศร้าซึมอยู่บ้าง เหลียนรั่วหวาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพร่ำเอ่ยอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ?ก็ถูก หาบุรุษมาแล้วให้กำเนิดบุตรสักคน ฟังดูก็เป็นความคิดที่ไม่เลว?
?ใช่แล้ว ถ้าหากพี่หวาสนใจละก็...?
?ไม่ต้อง ที่ข้าต้องการคือลูกหาใช่บุรุษไม่?
?หมายความว่าอย่างไร?
?ยังไม่เข้าใจอีกหรือ แค่หาบุรุษสักคนมาช่วยข้าให้กำเนิดบุตรก็พอแล้ว ข้ามิได้อยากให้บุรุษมาเกาะติดพัวพันข้าสักหน่อย? เหลียนรั่วหวาคลี่ยิ้มให้นาง พึงพอใจที่ได้เห็นใบหน้าของนางเผยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจออกมา
ดีมาก คงจะทำให้นางเงียบเสียงไปได้บ้างสักเล็กน้อย ยายเด็กสาวจอมเอะอะมะเทิ่งนี่
?พี่หวา!? ผ่านไปพักใหญ่ๆ กว่าไฉ่จือจะได้สติคืนกลับมา นางหวีดร้องว่า ?ได้ที่ไหนกัน หญิงสาวผู้หนึ่งหากยังมิได้ออกเรือนแต่กลับตั้งครรภ์ขึ้นมาผู้คนจะต้องพากันครหาเป็นแน่ เด็กคนนี้เกิดมาก็คงมิอาจคบค้ากับคนอื่นเขาได้?
?ผิดกฎหมายหรือไร? เหลียนรั่วหวาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง ?จะถูกลากไปตามถนนหรือว่าถูกจับใส่กรงหมูแล้วนำไปถ่วงน้ำกันเล่า?
ไฉ่จืองุนงงไปชั่วครู่ ?ไม่ถึงขนาดนั้นเสียหน่อย แต่ต่อไปเด็กคนนี้จะไม่สามารถทำการค้า ไม่สามารถสอบรับราชการ ไม่สามารถ...?
?เช่นนั้นให้เขาเป็นชาวนาก็แล้วกัน? รั่วเหลียนหวาน้ำเสียงแน่วแน่มั่นใจ ราวกับว่าในท้องของนางมีเด็กทารกอยู่แล้วก็ไม่ปาน นอกจากนั้นนางยังเตรียมจะเก็บเงินเอาไว้ซื้อที่นาสักสองสามหมู่ แล้วด้วย
?พี่หวา ท่านคงมิได้เอาจริงกระมัง?
?ข้าดูเหมือนล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ?
เพราะไม่เหมือนล้อเล่นอย่างไรเล่านางถึงได้กลัว! ?พี่หวา ท่านคงมิได้มีตัวเลือกเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วกระมัง? มิน่าตอนที่แม่สื่อหูมาสู่ขอถึงที่บ้านพี่หวาถึงไม่หวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว
?ตัวเลือก??
?ท่านหมอเซินของโรงหมอร้านข้างๆ อย่างไรเล่า? ตามที่นางเห็น ท่านหมอเซินกับพี่หวาใกล้ชิดสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นมั่นคง แต่ว่า...ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุใดถึงไม่แต่งงานกันสักทีเล่า
?เขานะหรือ? นางนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ?ไม่ได้?
?หรือว่าพี่หวาอยากจะไปเยือนหอชายบำเรอ?? ไฉ่จือถามหยั่งเชิงเสียงแผ่วเบา
?เมืองฉีเทียนมีหอชายบำเรอด้วยหรือ? เหลียนรั่วหวาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ?เป็นสถานที่ที่ให้สตรีได้หาความสุขสำราญใช่หรือไม่?
ไฉ่จือปิดตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ลอบด่าตนเองในใจว่าพูดเรื่องไหนไม่พูดดันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเสียได้ หากพี่หวาไม่รู้ก็แล้วกันไป ไฉนนางต้องเอ่ยเรื่องพวกนี้ขึ้นมาด้วยเล่า
?อยู่ที่ไหน? เมื่อเห็นไฉ่จือเม้มปากแน่นไม่พูดไม่จา เหลียนรั่วหวาจึงรู้ว่าหอชายบำเรอแห่งนี้จะต้องเป็นสถานที่ที่มีบุรุษมากมายพร้อมให้นางเลือกสรรอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางย่อมต้องลองสืบถามข่าวคราวดูสักหน่อย ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งนางอาจจะไปเป็นแขกที่นั่นก็เป็นได้
แม้นยังมิได้ตัดสินใจแน่วแน่ แต่ถ้าเกิดนางอยากมีบุตรสักคนขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่านางต้องเลือกบุรุษด้วยตนเอง เลือกใครสักคนที่มองแล้วไม่ขัดหูขัดตา หากจ่ายเงินแล้วได้รับสินค้าทันทีก็ยิ่งสมบูรณ์แบบเข้าไปใหญ่
ไฉ่จือเม้มปากแน่นสนิท ต่อให้ตายก็ไม่ยอมพูดแม้แต่ประโยคเดียว นางจะปล่อยให้พี่หวาไปทำเรื่องชวนตะลึงพรึงเพริดพรรค์นั้นมิได้เด็ดขาด!
เหลียนรั่วหวาปรายตามองนางวูบหนึ่ง จากนั้นย่นคิ้วเรียวงามน้อยๆ ก่อนจะจ้องมองไปทางซ้ายมือของนางอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงเดินเปลี่ยนทิศทางอย่างไม่เต็มอกเต็มใจ
?พี่หวา พวกเรามิได้จะกลับบ้านหรอกหรือ ต้องเดินไปทางนี้ต่างหาก? ไฉ่จือชี้นิ้วไปยังทิศทางเบื้องหน้า ทว่าเหลียนรั่วหวากลับเดินไปยังทางแยกซ้ายมือโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง
เมื่อเดินไปได้เป็นระยะทางช่วงหนึ่งก็เห็นเหลียนรั่วหวาหยุดอยู่ตรงหน้าพุ่มไม้ ไฉ่จือยื่นศีรษะเข้าไปดูด้วยความฉงนสนเท่ห์ แต่ทันใดนั้นก็ต้องแตกตื่นตกใจจนถอยกรูดออกมาหลายก้าว
?พะๆๆ พี่หวา คนผู้นั้น...ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
เหลียนรั่วหวาหลุบตามองบุรุษที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบเปรอะเปื้อนและรอยโลหิตเกรอะกรัง ต่อมานางก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนไหล่เขา สุดท้ายก็ตรึงสายตาไว้บนร่างของบุรุษตรงหน้าอีกครา สภาพของเขาคล้ายกับผ่านการต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงมาอย่างไรอย่างนั้น
?พี่หวา พวกเราไปกันเถอะ อย่างมากพวกเราก็แค่ช่วยแจ้งทางการให้เขา ให้เจ้าหน้าที่มาจัดการแทน? ไฉ่จือดึงแขนนาง
เหลียนรั่วหวาถอนหายใจอย่างแผ่วเบาจนแทบจะจับสัมผัสมิได้ ?เขายังมีชีวิตอยู่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปแจ้งศาลาว่าการหรอก?
?เขายังมีชีวิตอยู่?? แต่พี่หวาดูแววตาของเขาสิ แววตาเย็นเยียบคมปลาบเช่นนั้นเหมือนกับคนตายไม่มีผิดเพี้ยน ?พี่หวา ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?
?ข้ากำลังคิดอยู่? แค่ไฉ่จือคนเดียวก็ทำให้นางอยู่ไม่เป็นสุขมากพอแล้ว หากเพิ่มบุรุษมาอีกคน...ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเช่นไร


บทที่หนึ่ง
ผู้สูงศักดิ์ไร้ศักดิ์ศรี

เสียงระเบิดตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว เพลิงอัคคีปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืดมิดอย่างไร้สาเหตุ กัดกินบนร่างกายของเขาประหนึ่งสัตว์ร้าย ทำให้เขาไร้ที่ซึ่งจะหลบหนี
ความเจ็บปวดแผ่ลามออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด โอบล้อมเขาเอาไว้โดยสมบูรณ์ เขากัดฟันแน่นไม่ยอมให้เสียงร้องครวญครางเล็ดลอดออกไป แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็มิอาจอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดร้อนลวกซ้ำไปซ้ำมาทุกวันทุกคืนเช่นนี้ได้
ข้างกายมีคนกำลังเดินไปมา มีคนกำลังสนทนากันเสียงแผ่วเบา
เขาเริ่มขวัญผวา หวาดกลัวว่าตนเองจะย้อนกลับไปยังเมื่อปีที่เกิดเรื่องปีนั้น...เขาทนทุกข์ทรมานจนผ่านพ้นช่วงเวลาหลายปีนั้นมาได้แล้วมิใช่หรือ
อย่าทำให้เขากลัวอีกเลย เขาไม่อยากกลับไปอยู่ในกรงขังนั้นอีกแล้ว!
ทันใดนั้นมืออันอ่อนโยนข้างหนึ่งก็ทาบทับลงบนหน้าผากของเขา เจือด้วยความเย็นเยียบเล็กน้อย คล้ายกับสามารถปัดเป่าความร้อนรุ่มภายในกายาของเขาได้ ทำให้เขาเริ่มสงบลง เพียงชั่วพริบตาเดียวจิตสำนึกก็ถูกพัดหอบเข้าสู่ความมืดมิดอีกครา
ยามฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกร้อนแผดเผาก็มลายหายไป สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่ครรลองจักษุคือห้องเล็กๆ ที่เก่าโทรมห้องหนึ่ง...เขาย่นคิ้วด้วยความฉงน ได้กลิ่นหอมๆ ของยาจีน เดิมทีเขาคิดจะหันหน้าไปมอง แต่กลับพบว่าศีรษะของเขาถูกตรึงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง...ไม่ ไม่เพียงแต่ศีรษะเท่านั้น ร่างทั้งร่างของเขากระดิกกระเดี้ยมิได้เลยแม้แต่น้อย
เขาชะงักไปชั่วขณะ เมื่อเหลือบสายตาชำเลืองดูก็เห็นว่าทั้งสองด้านของศีรษะเขาถูกตรึงเอาไว้ด้วยแผ่นไม้ ศีรษะมิอาจขยับหันได้ ส่วนแขนและขาของเขา...ขาไม่มีการตอบสนอง ทว่านิ้วมือยังคงขยับได้เล็กน้อย
นี่คือ...
?ท่านฟื้นแล้ว?
สุ้มเสียงนุ่มละมุนมาพร้อมกับเงาดำที่ทาบทับ เขาหรี่ตาลงน้อยๆ มองเห็นใบหน้าที่อยู่ย้อนแสงดวงนั้นไม่ชัดเจน
?เจ้าคือ...? ครั้นวาจาโพล่งออกจากปาก ลำคอก็เจ็บแสบราวกับถูกดาบกรีดเฉือน แม้แต่เสียงก็ยังแหบแห้งราวกับถูกบดจนเป็นผุยผงก็ไม่ปาน
?ดื่มน้ำสักหน่อยก่อนค่อยพูด? เหลียนรั่วหวานั่งลงที่ข้างเตียง ใช้ช้อนไม้ป้อนเขาดื่มน้ำ
เมื่อดื่มน้ำติดต่อกันไปหลายอึก บรรเทาความเจ็บแสบและความร้อนผ่าวในลำคอไปได้เล็กน้อย เขาก็ขยับลูกตามองไปรอบๆ อีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่าห้องนี้โกโรโกโสเป็นที่สุด อย่าว่าแต่เป็นห้องนอนเลย คงจะนับว่าเป็นห้องเก็บฟืนไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาจำได้ว่าตนเองนั่งรถม้ามุ่งหน้ามายังเมืองฉีเทียน เมื่อมาถึงไหล่เขาของเขาซีอู้ ขอแค่ไปถึงตีนเขาก็จะเข้าประตูตะวันตกได้แล้วแท้ๆ แต่ทันใดนั้นพลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินไหวสะเทือนระลอกหนึ่ง อาชาได้รับความตื่นตระหนกจนลากรถม้าวิ่งห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายดูเหมือนจะพลิกคว่ำลงไปในหุบเขา หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป
แล้ว...ไท่โต่วเล่า
?ขอถามหน่อยแม่นางช่วยชีวิตข้าเอาไว้หรือ? เขาถามอย่างเร่งร้อน
?ใช่?
?มิทราบว่าเห็นผู้ติดตามของข้าหรือไม่?
?...บริเวณที่เก็บท่านได้ เดินไปอีกหน่อยมีศพอยู่อีกศพหนึ่ง ข้าไม่รู้ว่าใช่ผู้ติดตามที่ท่านพูดถึงหรือไม่ ถ้าหากท่านอยากไปดูศพก็ต้องไปที่ศาลาว่าการ?
เขารับฟังถ้อยคำของอีกฝ่ายด้วยความแตกตื่นตกใจเป็นล้นพ้น แผ่นอกกระเพื่อมรุนแรงสองสามคำรบ ครู่ใหญ่ผ่านไปก็ยังเอ่ยวาจาใดๆ ไม่ออก
?ไฉนถึงเป็นเช่นนี้? ไท่โต่วมีวรยุทธ์เก่งกล้าเหนือคนธรรมดา จะมาตายง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร... ?ผู้ติดตามของข้ารูปโฉมหล่อเหลาหมดจดยิ่ง สูงประมาณ...?
?ใบหน้าของศพนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนแล้ว ส่วนรูปร่างเนื่องจากมีกระดูกหักหลายทีจึงทำให้ผิดรูปผิดร่างไป ดังนั้นประมาณการด้วยสายตาคงจะไม่แม่นยำ ถามข้าไปก็เปล่าประโยชน์ รอให้แผลของท่านหายดีแล้วค่อยเดินทางไปตรวจสอบที่ศาลาว่าการเพื่อความแน่ใจดีกว่า? เหลียนรั่วหวาตัดบทคำถามด้วยความร้อนรนใจของเขาอย่างเฉยเมย
เขาจับจ้องใบหน้าที่ยังคงมองเห็นไม่ชัดนั้นเขม็ง หมายจะมองให้ชัดว่าเหตุใดนางถึงได้ใจจืดใจดำปานนี้
แต่จะว่าไปก็ถูก ถึงอย่างไรก็มิเคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน จะมีน้ำใจไมตรีต่อกันได้สักเท่าไรเชียว
?อย่างไรเสียคนเราก็เดินบนทางสายเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็วคงมีสักวันที่พวกท่านจะได้เจอหน้ากันอีก? เหลียนรั่วหวาลุกขึ้น จากนั้นก็ยกถ้วยเข้ามา ?เกิดเป็นคนต้องพานพบชะตากรรมเช่นนี้เข้าสักวัน สิ่งที่ท่านต้องดีใจแทนอีกฝ่ายก็คือเขาอาจจะมิได้เจ็บปวดนานเท่าไรนัก นี่ก็ถือเป็นความเมตตาอย่างหนึ่งจากสวรรค์?
เขาฟังจนฉงนงุนงงไปหมด รู้สึกได้ว่าวิธีการพูดของนางช่างเย็นชา แต่ในความเย็นชาก็คล้ายกับแฝงไว้ด้วยสัจธรรม สรุปแล้วก็คือนางอยากจะบอกเขาว่า...ให้เขาเลิกเศร้าโศกแล้วทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่
?ดื่มยาเสีย ถ้าท่านอยากมีชีวิตรอดก็จงดื่มยาเข้าไป แต่หากท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็อย่าได้สิ้นเปลืองยาของข้า? นางตักช้อนยกขึ้นรอ ไร้ซึ่งความรำคาญใจ เพียงแค่รอคอยการตัดสินใจของเขาอย่างสงบเยือกเย็นเท่านั้น
หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งอยากจะเห็นใบหน้านางให้ชัดๆ กว่าเดิม...เขาอยากรู้จริงๆ ว่ายามนางเอ่ยวาจาเหล่านี้ ใบหน้าของนางมีสีหน้าเช่นไรกันแน่
ตัวนางมีความเฉยชาอันน่าแปลกประหลาดบางอย่าง ราวกับมองความเป็นความตายได้ทะลุปรุโปร่ง ทว่าการเลือกใช้คำกลับคมกริบเสียดแทงหัวใจพานให้คนไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
แต่ว่าไม่พอใจก็ส่วนไม่พอใจ ที่เขามาอยู่ที่นี่ได้แน่นอนว่าเป็นเพราะนางช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงต้องซาบซึ้งในบุญคุณของนาง เขาอ้าปากกว้างดื่มน้ำแกงโอสถที่นางป้อนลงไป ให้นางรู้ว่าเขาอยากมีชีวิตต่อไปยิ่งนัก ไม่มีทางทำให้นางต้องสิ้นเปลือกหยูกยาเด็ดขาด
?เอาละ ดื่มยาแล้วท่านก็นอนพักสักครู่เถิด? เหลียนรั่วหวาเอ่ยจบก็คิดจะลุกขึ้น
?ขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยชีวิตข้า ถ้าบาดแผลของข้าหายดีแล้วจะต้องตอบแทนแม่นางอย่างแน่นอน?
?ท่านไม่ต้องมากพิธีไป ข้าก็แค่ออกแรงช่วยนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น? เหลียนรั่วหวาวางถ้วยไว้บนตั่งซึ่งอยู่อีกด้าน นางเหมือนจะนึกอะไรได้บางอย่าง อยู่ๆ ก็พลันเอ่ยถามขึ้น ?จริงสิ บ้านของท่านอยู่ที่ใด ข้าจะได้ให้คนไปแจ้งที่บ้านท่านให้ทราบเรื่อง?
เขานิ่งชะงักไป แล้วจึงค่อยเผยรอยยิ้มขมขื่น ?บ้านข้าอยู่ที่เมืองหลวง ข้าแค่มาเที่ยวเล่นที่เมืองฉีเทียนเท่านั้น?
?เมืองหลวง?? เหลียนรั่วหวาเอ่ยทวนซ้ำอีกรอบ จากนั้นถามว่า ?อยู่ไกลจากเมืองฉีเทียนมากหรือไม่?
?ราวๆ พันลี้ ได้? เขาเดาว่าบางทีนางอาจจะไม่เคยเดินทางออกจากเมืองเทียนฉีเลยก็เป็นได้
?อย่างนั้นหรือ พูดอีกอย่างก็คือ ข้าต้องดูแลท่านจนกว่าท่านจะหายดีสินะ?
เขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยหน่ายใจในถ้อยวจีของนาง คิ้วเข้มขมวดขึ้นเบาๆ ?ข้าจะหายเป็นปกติให้เร็วที่สุด? ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรสร้างปัญหาให้ผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นหญิงสาวด้วยแล้ว ลำพังแค่บุรุษกับสตรีอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพังก็เสื่อมเสียชื่อเสียงได้แล้ว นางจะพะว้าพะวงก็เป็นเรื่องปกติ
?หากไม่ใช้เวลาเป็นเดือนอาการบาดเจ็บของท่านไม่มีทางหายดีได้หรอก? จากการวินิจฉัยของนางกับเซินจ้งอิ่น ระยะเวลาหนึ่งเดือนเป็นการคาดการณ์ในแง่ดีที่สุดแล้ว
?ยิ่งไปกว่านั้น...ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพอถึงตอนนั้นท่านจะเคลื่อนไหวได้หรือไม่?
?...หมายความว่าอย่างไร? เขาเอ่ยถามเสียงต่ำลึก
เหลียนรั่วหวาคิดในใจว่าหากจะต้องปิดบังเขา มิสู้บอกความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดให้เขารู้เลยเสียยังจะดีกว่า ?ร่างกายท่านมีกระดูกหักหลายแห่ง ปัญหาใหญ่ที่สุดอยู่ตรงช่วงคอกับกระดูกไหปลาร้า ข้าช่วยดามบริเวณศีรษะกับขาทั้งสองข้างเอาไว้แล้ว แต่ข้ามิอาจแน่ใจได้ว่าจะบาดเจ็บไปถึงเส้นเอ็นหรือไม่"
ถึงอย่างไรในยุคสมัยนี้ก็ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ นางทำได้เพียงวินิจฉัยไปตามสิ่งที่ร่ำเรียนมา ส่วนบาดแผลภายนอกและภายในอื่นๆ ต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านหมอเซินจ้งอิ่นแล้ว
?เจ้าจะบอกว่าข้าอาจจะเป็น...อัมพาต?? เขาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
?ถูกต้อง เซินจ้งอิ่นกล่าวไว้เช่นนี้ ท่านรู้ได้อย่างไร? คำศัพท์ในสมัยโบราณและปัจจุบันไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไร แต่นางก็เคยได้ยินเซินจ้งอิ่นเอ่ยถึงมาก่อนจริงๆ
เขาหลับตาลง มิอาจยอมรับเรื่องกระทบกระเทือนใจที่เกิดขึ้นติดๆ กันได้ไปชั่วขณะ
การตายของไท่โต่วก็ทำให้เขาเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจมากพอแล้ว บัดนี้ต้องมารู้ว่าตนเองอาจจะกลายเป็นคนพิการอีก...สวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่ใช่หรือไม่ สิบสองปีก่อนเขารอดพ้นความตายมาได้ สิบสองปีให้หลังจึงต้องตามมากลั่นแกล้งเขาอีกครั้ง!
หายนะภัยจากเพลิงอัคคีทำให้เขาต้องใช้เวลาถึงห้าปีกว่าจะกลับมาเดินเหินได้เป็นปกติ แต่คราวนี้...จะต้องให้เขานอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงตราบชั่วชีวิตให้ได้เชียวหรือ
?แต่ว่านั่นเป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด มิได้หมายความว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นเสียหน่อย ข้าได้คิดหาวิธีรักษาให้ท่านตั้งแต่แรกแล้ว ขอแค่ในช่วงสองสามวันนี้ขาของท่านมีปฏิกิริยาตอบสนองและความรู้สึกก็หมายความว่านั่นเป็นแนวโน้มที่ดี? เมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่พักใหญ่ นางจึงจำต้องปลอบใจเขาเท่าที่จะทำได้
เขาเอ่ยอะไรไม่ออก ตัวเขาในเวลานี้หมดอาลัยตายอยากในชีวิตยิ่ง ทำได้เพียงใช้ความเงียบต่อต้านความอยุติธรรมที่สวรรค์มีต่อเขา
?มิทราบว่าควรเรียกขานท่านว่าอย่างไรดี? เหลียนรั่วหวาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยปากไต่ถาม
ถ้าหากเขามีอันเป็นไป มีชื่อมีแซ่เอาไว้จะได้ให้เจ้าหน้าที่ทางการไปแจ้งคนในครอบครัวของเขา...แต่จะว่าไป นางให้ไฉ่จือไปแจ้งทางการว่าบนเขามีคนตายอยู่หนึ่งคน ส่วนนางก็เก็บมาได้อีกหนึ่งคน แต่เจ้าหน้าที่ทางการบอกแค่ว่าให้นางจัดการเอาเอง มิได้ส่งคนมาตรวจดูเลยด้วยซ้ำ บางทีพรุ่งนี้พอดวงตาของเขาปิดลง นางก็คงทำได้แค่หาสถานที่เหมาะๆ ในหุบเขาฝังเขาเอาไว้ เท่านี้ก็ถือว่ามีเมตตาช่วยเหลืออย่างถึงที่สุดแล้ว
?...เฉิงซิน? แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนล้าไปทั้งกายใจ แต่เขาก็ยังจำได้ว่าไม่ควรกล่าวชื่อเดิมออกมา
?ซื่อสัตย์ รึ เช่นนั้นท่านเรียกข้าว่าจริงใจก็ได้? นางลองพูดล้อเล่นเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ
พักใหญ่ผ่านไปทางนั้นก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง นางได้แต่ลูบจมูกป้อยๆ พลางบอกว่าตนเองพยายามสุดความสามารถแล้วนะ
เหลียนรั่วหวาเห็นสีหน้าท้อแท้หมดหวังของเขาจึงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาจนแทบมิอาจสังเกตเห็น นางคิดว่านางควรจะพูดให้นุ่มนวลกว่านี้อีกสักหน่อย มิให้เขาโศกเศร้าหดหู่จนเกินไป แต่อย่างไรนั่นก็มิใช่งานของนาง หากจะให้นางเปลี่ยนนิสัยก็เท่ากับสร้างความลำบากให้ตนเองชัดๆ
ในยุคปัจจุบัน นางเป็นหมอ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเป้าหมายที่นางต้องเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดคุยสนทนาด้วย
เพราะว่านางเป็นหมอนิติเวชอย่างไรเล่า




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เขาพลัดตกจากหุบเขาจนร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ไปครึ่งตัว ซ้ำยังเหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ให้นางรีดเร้นสิ่งมีค่าอย่างสุดท้ายจากเขา...เพื่อให้นางได้มีลูกหน่อยเถิด! อย่างไรนางก็มิได้ให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกับสตรีในยุคนี้อยู่แล้ว และยังมิปรารถนาจะออกเรือนติดตามสามี ด้วยเหตุฉะนี้นางจึงยกบุญคุณมาบีบให้เขาต้องตอบแทนด้วยร่างกายเสีย
แต่จะว่าไปก็แปลกพิลึก ดีร้ายอย่างไรชาติก่อนนางก็เป็นหมอนิติเวช มีนางคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตามหลักแล้วขาของเขาน่าจะหายดีตั้งนานแล้ว แต่ขาของเขากลับกระดิกกระเดี้ยมิได้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งลงจากเตียงหรืออาบน้ำก็ยังต้องให้คนคอยปรนนิบัติ ดังนั้นบุรุษลึกลับที่ช่วยเหลือนางจากการถูกแทะโลมที่หอคณิกาคงจะมิใช่เขากระมัง


รูปภาพ

ตอบกลับโพส

ย้อนกลับไปยัง “Bongkoch Books News & Activities”