ที่วังรื่นหทัย ณ ตำหนักของหม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัส ในขณะนี้หม่อมเจ้าหญิงชรากำลังประทับอยู่กับพระที่นั่งส่วนพระองค์ และพื้นล่างนั้นมีสร้อย หญิงวัยกลางคนกับเด็กหนุ่มทั้งสองกำลังนั่งก้มหน้ามองพื้นพรมนิ่ง
หม่อมเจ้าหญิงชราทอดพระเนตรร่างของสร้อยที่กำลังหมอบกับพื้นด้วยประกายพระเนตรอันแค้นในพระทัยจนแทบจะระเบิดออกมา แค้นแต่หนหลังจวบจนกระทั่งแค้นมาถึงปัจจุบัน ยิ่งทอดพระเนตรสบหน้าสร้อยก็ให้ยิ่งคั่งแค้น แต่ก็ยังทรงพยายามระงับอาการดังกล่าวไว้ด้วยความหนักแน่นในพระทัย ครั้นเมื่อทรงเบนสายพระเนตรมายังเด็กหนุ่มทั้งสอง รอยอาฆาตแค้นก็เปลี่ยนไปเป็นแววพระเนตรอันเอื้ออาทร เอ็นดูรักใคร่ระคนสงสารต่อเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างสุดซึ้ง
?ตกลงเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เป็นหลานของฉันน่ะ คนไหนคือลูกหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์ลูกชายฉัน กับหม่อมกอบศิริเขาล่ะ?
หม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสทรงกระแทกพระสุรเสียงถามต่อสร้อย ในขณะที่แววพระเนตรยังคงมีประกายแข็งอย่างไว้อำนาจและไว้องค์
สร้อยค่อยๆ เงยใบหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาแจ่มใส ไม่มีแววโศกดั่งแต่แรกที่ก้าวเข้ามาในวัง หากแต่ดวงตาอันแจ่มใสของสร้อยนั้นยังคงแอบซ่อนแววโหดร้ายบางอย่างไว้อย่างลึกๆ
?คนนี้เพคะ?
สร้อยกราบทูลขณะที่ชี้นิ้วไปทางศิริศักดิ์...เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อคมด้วยนัยน์ตาที่มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนานา เด็กหนุ่มจึงก้มกราบแทบพระบาทหม่อมเจ้าหญิงชราด้วยกิริยาอันอ่อนน้อม ใบหน้ายิ้มระรื่นหากแต่ดวงตากลับมีความหวังอะไรบางอย่างฉายเด่นชัด
?โถ หลานย่า แกก็ช่างกระไรเสียเหลือเกินนะนังสร้อย เล่นขโมยหลานของฉันไปเสียแต่เล็กๆ จนฉันต้องสับสน ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกของใคร งั้นเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่นั่นก็คงจะเป็นลูกชายของแกที่เกิดกับหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์ลูกชายของฉันสินะ?
หม่อมเจ้าหญิงชราทรงประชดทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำ แต่เมื่อจะทรงชายพระเนตรไปทางเด็กหนุ่มก็ยังอดที่จะพระทัยหายวาบไม่ได้เสียเหมือนกัน เพราะอย่างไรเสียเด็กหนุ่มนั่นก็เป็นพระนัดดาในสายพระโลหิตของท่านเอง แม้เด็กหนุ่มนั่นจะเกิดจากสร้อย หญิงผู้ที่ต้อยต่ำทั้งชาติตระกูลและความเป็นอยู่ในปัจจุบัน อาจจะทรงเกลียดและชิงชังในชาติกำเนิดของสร้อย แต่ก็ไม่อาจจะทำพระทัยรังเกียจต่อเด็กหนุ่มที่นั่งหมอบอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ได้
ตรงกันข้ามหม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสยังทรงเมตตายิ่งนัก ทว่าแม้จะทรงเมตตาต่อเด็กหนุ่มนั่นมากเพียงใด หากจะเปรียบกับศิริศักดิ์แล้วก็ยังไม่ได้ครึ่งที่ทรงรักและเมตตาต่อศิริศักดิ์ และเหตุผลนั้นก็คือ ศิริศักดิ์เปรียบเสมือนพระนัดดาอันเป็นสายพระโลหิตที่บริสุทธิ์ เพราะเกิดจากพระบิดาและพระมารดาที่เป็นเจ้าด้วยกันทั้งสอง
?แล้วชื่ออะไรเล่านังสร้อย ลูกชายแกที่เกิดกับหม่อมเจ้าชายมงคลศักดิ์ลูกชายของฉันน่ะ?
?ชื่อเดี่ยวเพคะ?
สร้อยก้มหน้าตอบเสียงอ่อน ตีหน้าเศร้า หากแต่ริมฝีปากกลับแย้มออกมานิดๆ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เชิงจะยิ้ม คล้ายจะเป็นเยาะเสียมากกว่า
?ชื่อเดี่ยวเหรอ งั้นก็ต้องเป็นหม่อมราชวงศ์เดี่ยวสินะ เพราะลูกชายของฉันเขาเป็นหม่อมเจ้านี่?
หม่อมเจ้าหญิงชราทรงเอ่ยขึ้นด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยนตามความเป็นจริงอย่างผู้ที่ถือยศถือศักดิ์ และเป็นไปตามศักดิ์ตามฐานันดร เมื่อผู้ที่เป็นบิดามียศเป็นหม่อมเจ้า ลูกที่เกิดมาแล้วไม่ว่าจะเป็นลูกของชายาคนใดก็ตามแต่ ก็จะมียศสืบเชื้อสายจากพ่อ คือหม่อมราชวงศ์ด้วยกันทุกๆ คน
?ไม่ได้นะหม่อมย่า จะให้ไอ้เดี่ยวมันมียศเทียมเท่ากับหลานไม่ได้นะหม่อมย่า?
ศิริศักดิ์คัดค้านขึ้นมาอย่างลืมตัว สีหน้าท่าทางเย่อหยิ่งลำพองขึ้นทันที โทสะจึงพลุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจนแทบจะทนทานมิได้ ถลึงนัยน์ตาจ้องมองเดี่ยวอย่างแค้นๆ เจ็บใจ ริษยาอย่างลึกๆ ด้วยไม่ปรารถนาที่จะแลเห็นผู้ใดเหนือไปกว่าตนเอง
?ต้องได้สิหลานรัก เพราะลูกทุกๆ คนที่เกิดจากหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์จะต้องมียศเท่าเทียมกัน คือหม่อมราชวงศ์ เอาล่ะนะไม่ต้องพูดมากอะไรกับย่าแล้วนะ ย่าจะให้นังสินมันจัดที่อยู่ให้แต่ละคน และก็ตามฐานะอันสมควรของแต่ละคนอีกด้วย?
ตรัสจบหม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสก็ทรงลุกจากพระที่นั่งและทรงเสด็จหายออกไปจากห้องโถงนั้นในเวลาต่อมา
เมื่อไม่มีร่างของหม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสประทับอยู่ ณ ที่นี้แล้ว ศิริศักดิ์จึงลุกขึ้นยืนและหันหน้าไปทางสร้อย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอดๆ ระบายลมหายใจที่อัดอั้นไว้ออกมาก่อนที่จะตวาดสร้อยขึ้นสุดเสียง
?เพราะแกคนเดียวนะนังสร้อย ที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องไปตกระกำลำบากเสียตั้งนาน ทั้งที่ฉันก็หม่อมราชวงศ์คนหนึ่ง?
ศิริศักดิ์เข่นเขี้ยวพูดกับสร้อยอย่างแค้นๆ สร้อยสะอึกน้ำตาตกใน เผลอจ้องมองใบหน้าที่หล่อคมของชายหนุ่มอย่างเจ็บบาดลึก ยิ่งต้องเจ็บปวดมากสักเท่าไรก็เหมือนจะตอกย้ำให้ต้องอดทนมากเท่านั้น
?ลูก อย่าประณามแม่แบบนั้นสิจ๊ะ แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อลูกรักของแม่นะ?
สร้อยคร่ำครวญ นัยน์ตาวิงวอน อ่อนโยน ชวนสงสาร หากแต่อีกฝ่ายยังคงใจเด็ด ใจดำ ใจแข็ง จึงไม่แลเห็นถึงอาการเศร้าโศกนั่นจากสร้อย มีเพียงความเกลียดแค้น ชิงชัง อาฆาต หยามเหยียม และดูแคลน
?ไปไกลๆ นะนังสร้อย ฉันไม่ใช่ลูกของแก แต่ฉันเป็นลูกของหม่อมกอบศิริกับหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์หรอก?
หม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์สะบัดขาที่ถูกสร้อยกอดอยู่อย่างแรง ดวงตาดำขลับที่มีแววหยามเหยียดเหลือบมองใบหน้าสร้อยและเดี่ยวพร้อมๆ กันก่อนที่จะพูดกระไรขึ้นมาอีก
?ไอ้เดี่ยวแกช่วยพาแม่ของแกไปให้พ้นๆ หน้าฉันทีสิ เห็นหน้าแล้วบอกตรงๆ นะว่าแค้น?
เดี่ยวค่อยๆ คลานเข้าไปประคองสร้อย แต่เขาก็ถูกสร้อยสะบัดแขนใส่ ทว่าเดี่ยวก็ยังไม่วายที่จะมองสร้อยอย่างอาวรณ์
?อย่ามายุ่งกับฉันนะไอ้เดี่ยว?
สร้อยตวาดแว้ด ดวงตาคู่คมกริบมองหน้าที่หล่อคมของเดี่ยวอย่างเจ็บใจ เดี่ยวจึงถอยหลังหนีอย่างหวาดกลัว อีกทั้งยังแอบซ่อนแววพิศวงคลางแคลงใจไว้อย่างมิดชิด ทำไมสร้อยจึงต้องรังเกียจเขามากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่เขาก็คือลูกแท้ๆ ของสร้อย หม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์เสียอีกที่ไม่ใช่
?นี่ ใครที่ชื่อนังสิน ช่วยพาสองคนแม่ลูกคู่นี้ไปให้พ้นๆ ตาฉันทีเถอะนะ เห็นหน้าสองคนแม่ลูกนี่นานๆ แล้วมันพาเอียนน่ะ?
หม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์พูดห้วนๆ สีหน้าเคร่งขรึม จ้องมองใบหน้าสร้อยและหม่อมราชวงศ์เดี่ยวด้วยประกายตาอันเกลียดชิงชัง ขยะแขยง จนไม่อยากเห็นหน้าทั้งสองคนให้ต้องระคายเคืองลูกนัยน์ตา หากฆ่าคนแล้วไม่ผิด ไม่ต้องติดคุก บางทีเขาอาจฆ่าสองแม่ลูกให้ตายดับไปต่อหน้าต่อตาเขาแล้ว
นังสินหันไปเมียงๆ มองๆ รอบกายอย่างกลัวๆ กล้าๆ ก่อนที่จะตัดสินใจพูดขึ้นมาอย่างอ่านใจและแววตาของหม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์ได้อย่างต้องใจเขา
?จะไล่ทั้งสองไปไหนหรือคะคุณชาย หม่อมท่านก็รับสั่งให้นังสินคนนี้จัดหาที่อยู่ของแต่ละคนตามความเหมาะสมแล้วนี่คะ?
นังสินค่อยๆ พูดช้าๆ อย่างนุ่มนวล พยายามที่จะยิ้มละไมอยู่ในสีหน้าให้กับหม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์อย่างกลัวๆ กล้าๆ ขณะที่หม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์แลเห็นนังสินกลัวจึงยิ่งเหิมใจยิ่งขึ้น
?มันสองคนแม่ลูกมีศักดิ์เป็นเพียงคนรับใช้คนหนึ่งเท่าๆ กับแกนะนังสิน มันสองคนแม่ลูกสมควรที่จะต้องไปอยู่เรือนคนใช้ ไม่สมควรที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนตำหนัก?
เขาพูดเสียงหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยชิงชัง
?เจ้าค่ะ สำหรับแม่สร้อยแล้วก็อาจจะต้องอยู่เรือนคนรับใช้จริงเจ้าค่ะ แต่สำหรับคุณชายเดี่ยวแล้ว จะต้องอยู่บนตำหนักสิเจ้าคะ?
นังสินตัดบทเสียงเรียบๆ แต่ทว่าหนักแน่นในประโยคท้าย สีหน้าเฉยชาซ่อนความรู้สึกหวาดกลัวไว้ในส่วนลึกอย่างแนบเนียน
?ฉันไม่ต้องการจะเห็นหน้ามันสองคนแม่ลูก นังสิน แกกำลังจะลองดีกับฉันใช่ไหม ก็ได้...ฉันจะฟ้องหม่อมแม่ของฉัน?
หม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์ตะคอกเสียงเข้ม ดวงตาคู่คมกริบจ้องหน้านังสินอย่างไม่สบอารมณ์ พาให้นังสินต้องสะดุ้งวาบในใจ ความหวาดกลัวที่มีต่อหม่อมกอบศิริก็มีอยู่มากโข แล้วยังต้องมาหวาดกลัวต่อหม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์เสียอีกคน
ด้วยหม่อมกอบศิริ ใครๆ ทั้งวังรื่นหทัยต่างก็รู้จักนิสัยเป็นอย่างดียิ่ง ยามดีก็ดีจนใจหาย ยามร้ายขึ้นมาแม้แต่หม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสยังยอมให้ แล้วนับประสาอะไรกับคนรับใช้ในวังอย่างนังสินผู้นี้
แต่เมื่อหันไปมองร่างของสร้อยกับหม่อมราชวงศ์เดี่ยวที่ยังคงก้มใบหน้านิ่ง นังสินก็เลยคิดไปเองว่า สองแม่ลูกนั่นก็คงจะไม่มีปัญหาใดๆ มากมายดั่งคุณชายศิริศักดิ์เป็นแน่
?แม่สร้อย คุณชายเดี่ยวด้วยนะเจ้าคะ ตามนังสินไปเถอะเจ้าค่ะ จะไปจัดหาที่พักให้น่ะเจ้าค่ะ?
นังสินพูดอย่างอ่อนโยนกับเพื่อนในอดีตของนาง ซึ่งบัดนี้ก็ได้กลายเป็นหม่อมคนหนึ่งของหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์ไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นหม่อมน้อย แต่ก็เป็นหม่อมที่มีบุตรกับท่านด้วยเช่นกัน
?ไปสิเดี่ยว นังสินจะได้จัดหาที่พักให้กับเรา?
สร้อยพูดเสียงเรียบเหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์บางอย่างไว้กับใจมิให้ต้องพลุ่งพล่านออกมาก่อนที่จะเดินตามนังสินออกไปจากห้องโถงพร้อมๆ กับหม่อมราชวงศ์เดี่ยว
หม่อมกอบศิริกรีดเสียงหัวเราะแหลมด้วยความสะใจ เมื่อนังสินได้เข้ามารายงานว่าบัดนี้สร้อยกับหม่อมราชวงศ์เดี่ยวได้เข้าไปพักอาศัยอยู่ในเรือนคนรับใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แววตาของหม่อมกอบศิริเต็มเปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งความภาคภูมิใจแฝงอยู่ลึกๆ สมใจที่ได้แลเห็นแล้วว่าถึงสร้อยจะมีลูกให้แก่หม่อมเจ้ามงคลศักดิ์เยี่ยงเดียวกับนางได้ แต่ทั้งคู่ก็ไร้สิ้นวาสนาที่จะได้ขึ้นมาอยู่บนตำหนักเทียมเท่ากับบารมีนาง
?มันช่างรู้ฐานะของมันซะจริงๆ เชียวนะนังสร้อยนี่?
?หม่อมเจ้าคะ?
นังสินเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน หม่อมกอบศิริจึงก้มหน้ามองหน้านังสินแล้วกระแทกเสียงถาม
?มีอะไรอีกรึนังสิน?
?นังสินก็ยังแปลกใจอยู่อีกล่ะเจ้าค่ะ?
นังสินอดเอ่ยขึ้นจากความรู้สึกนึกคิดของตนเองอย่างงงงันไม่ได้ ดวงหน้างามผ่องของหม่อมกอบศิริจึงฉายแววสนเท่ห์กับนังสิน หัวคิ้วอันงดงามขมวดเข้าหากันน้อยๆ สีหน้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
?แกยังจะมีอะไรที่แปลกอกแปลกใจอยู่อีกเหรอนังสิน?
หัวคิ้วงามดั่งคมเคียวของหม่อมกอบศิริขมวดมุ่นเข้าหากัน
?ก็นังสร้อยสิเจ้าคะ ทำไมมันถึงดูเกลียดชังลูกของมันเองซะเหลือเกิน และตรงกันข้ามมันกลับดูเหมือนว่าจะรักใคร่คุณชายศิริศักดิ์มากน่ะเจ้าค่ะ?
ดวงตาดำคมของหม่อมกอบศิริแลทอดมายังนังสินอย่างดุดัน จนอีกฝ่ายรู้สึกกลัว นึกอยากจะประจบประแจงเหมือนเคยยังไม่กล้า
?อ๋อ นังสร้อยมันก็คงอยากจะแสดงให้ทุกๆ คนได้เห็นว่ามันรักลูกฉันมากกว่ารักลูกของมันเองน่ะสิ โธ่เอ๊ย รักแบบประจบสอพลอทำไมคนอย่างฉันจะไม่รู้เท่าทันมัน นังสร้อยน่ะมันร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม ไม่งั้นมันก็คงจะไม่ใช่เสน่ห์เล่ห์กลแย่งคุณพี่ของฉันไปได้หรอก?
หม่อมกอบศิริกระแทกน้ำเสียงพูดอย่างโกหกทั้งตัวเองและโกหกผู้อื่นไปในเวลาเดียวกัน แต่นังสินเองก็รู้ เพราะเป็นคนรับใช้ในวังนี้มาตั้งแต่เป็นสาวเป็นแส้แล้ว ตื้นลึกหนาบางของทุกๆ คนที่นี่นังสินรู้ดี
อันที่จริงแล้ว สร้อยคือผู้ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์ก่อนหม่อมกอบศิริตั้งนาน แต่ที่สร้อยต้องพ่ายแพ้ก็เพราะบุญของหม่อมกอบศิริที่มีมากล้นกว่าคนรับใช้อย่างสร้อยนั่นเอง
?เออนังสิน แล้วลูกชายของฉันล่ะ เขาเป็นอย่างไงบ้าง พอใจกับที่พักของตนเองไหม?
แล้วหม่อมกอบศิริก็เบนความสนใจไปทางหม่อมราชวงศ์ศิริศักดิ์บุตรชายที่เธอสุดแสนรัก และไม่ปรารถนาที่จะใส่ใจใดๆ อีกแล้วกับสร้อยและหม่อมราชวงศ์เดี่ยว ด้วยนึกรังเกียจ และถือยศถือศักดิ์ขึ้นมาทันที
?ต้องพอใจสิเจ้าคะ ก็แหม...คุณชายได้อยู่บนตำหนักกับหม่อมทุกๆ ท่าน ส่วนสองคนแม่ลูกนั่นต้องอยู่เรือนคนรับใช้น่ะเจ้าค่ะ?
นังสินพูดไปก็ยิ้มระรื่นด้วยสะใจที่ได้แลเห็นสร้อยกับหม่อมราชวงศ์เดี่ยวต้องตกอยู่ในฐานะที่คล้ายคนรับใช้คนหนึ่งของวัง
?ดีมาก เมื่อลูกของฉันพอใจทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ฉันก็ดีใจและสบายใจขึ้นมาก?
หม่อมกอบศิริพูด หากแต่ดวงตายังคงฉายแววห่วงกังวลอยู่กับบางสิ่งบางอย่าง และสิ่งนั้นก็คงจะไม่พ้นเรื่องของถ่านไฟเก่า อดที่จะหวาดหวั่นเสียไม่ได้ หากหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์หวนกลับไปหานังสร้อย หัวใจของหม่อมกอบศิริก็คงจะต้องแตกสลายไปในวินาทีนั้นอย่างแน่นอน
หม่อมเจ้าหญิงแจ่มจำรัสก็ช่างกระไร เคยบอกกันตั้งหลายครั้งว่านังสร้อยไม่สมควรที่จะหวนกลับเข้ามาอยู่ในวังเดียวกับทุกๆ คน แต่นี่ไม่ได้กลับมาเพียงแต่ตัว ยังจะหอบเอาลูกที่ติดท้องกลับมาด้วย สองคนแม่ลูกจะอยู่เป็นศัตรูหัวใจหม่อมกอบศิริไปนานสักเพียงใดกัน?
?นังสิน แกจะต้องทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้กับฉันด้วยนะ?
หม่อมกอบศิริพูดเสียงเข้ม มอบความไว้วางใจให้แก่นังสินทั้งหมด นังสินจึงยิ้มอย่างเต็มหน้า ถึงหม่อมกอบศิริจะไม่พูดฝากฝังใดๆ ต่อนังสิน นังสินก็พร้อมที่จะทำหน้าที่อันนี้อยู่แล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่แก่หม่อมกอบศิริ และเพื่อที่จะได้หน้าได้ตาอย่างสมใจนังสินอีกด้วย
?เป็นหูเป็นตาในเรื่องอะไรหรือเจ้าคะหม่อม?
นังสินเสแสร้งถามอย่างเซ่อๆ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วก็มากล้นไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวด้วยเหมือนกัน
?ก็เรื่องของนังสร้อยกับลูกของมันไง อย่าให้มันทั้งสองเข้าใกล้คุณพี่ของฉันได้ ฉันเกลียดมันทั้งสองคนแม่ลูก เกลียดยิ่งกว่าที่จะเกลียดสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดในโลกนี้เสียอีก?
ดวงตาของหม่อมกอบศิริยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเคืองแค้นเกลียดชังระคนอาฆาตที่ผุดขึ้นในแววตาคู่นั้น ช่างน่าเกรงกลัว คมลึกแทบจะทะลุหัวใจผู้คนที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งบางครั้งก็ดูเหมือนจะเยือกเย็น และบางครั้งก็ร้อนแรงจนนังสินแทบจะวิ่งหนีไปเสียให้ไกลๆ
?รับปากกับฉันสินังสิน ใครเขาปิดปากแกไว้เหรอถึงไม่รับปากกับฉัน ?
ถามอย่างผู้ที่เอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้ง
?เจ้าค่ะ นังสินคนนี้จะทำหน้านี่อันนี้ให้ดีที่สุดเชียวเจ้าค่ะ?
นังสินลอยหน้าลอยตาทอดเสียงหวานอย่างเอาใจนายและรู้ใจซึ่งกันและกัน อย่างชนิดที่ว่าดูตาก็รู้ใจ
?ดีมากนังสิน และเมื่อแกทำงานถูกใจฉัน ฉันก็จะมีรางวัลงามๆ ให้กับแกด้วย คนอย่างฉันน่ะไม่เคยใช้งานใครฟรีๆ หรอกนะ แกเองก็รู้ไม่ใช่รึนังสิน?
ขณะที่เน้นคำพูดกับนังสิน ดวงตาของหม่อมกอบศิริยังคงลุกวาวโรจน์ด้วยอารมณ์แค้น
?เจ้าค่ะ?
นังสินพยายามสะกดกลั้นความโลภอยู่เป็นครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
**นวนิยายต้นฉบับที่ถูกนำไปดัดแปลงสร้างเป็นละครดังทางไทยทีวีสีช่อง 3
เพลิงแค้นที่พร้อมจะเผาผลาญถูกจุดขึ้นให้ลุกโหมท่วมวังรื่นหทัยแห่งนี้ เมื่อสร้อย เมียบ่าวของหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์กลับมาพร้อมรอยอาฆาตเต็มหัวใจ ด้วยเคยถูกกลั่นแกล้งจากหม่อมกอบศิริเมียเอกจนต้องระเห็จออกจากวังไปหนก่อน ทว่าการกลับมาคราวนี้หล่อนได้นำตัวหม่อมราชวงศ์ โอรสในหม่อมเจ้ามงคลศักดิ์กับหม่อมกอบศิริที่ขโมยไปกลับมาคืนให้ พร้อมทั้งพาบุตรชายของหล่อนที่เกิดกับหม่อมเจ้าฯ เข้ามาอยู่ในวังด้วย ก่อนจะใช้ความพยาบาทเป็นแรงผลักให้เริ่มแผนการชำระแค้นเงียบๆ หมายใจให้ทุกคนในวังที่เคยทำให้เจ็บช้ำต้องกระอักเลือดไปทีละคน โดยไม่รู้เลยว่าเหยื่อแห่งความพยาบาทในครั้งนี้จะรวมถึงตัวหล่อนด้วย
