เหตุการณ์ระเบิดตึกเวิล์ดเทรดในอเมริกาที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกในวันนั้น มีบุคคลที่ได้รับผลกระทบอันรุนแรงจากมันโดยตรงคนหนึ่ง คือนางสาวสเตฟานี่ เชฟแลนด์
หล่อนโดนไฟเผาไปทั้งตัว เกือบตายถ้าพนักงานดับเพลิงเอาตัวหล่อนออกมาไม่ทัน และบัดนี้...อินธนู สุขุมาลย์พินิจ แฟนหนุ่มชาวไทย...กำลังยืนมองร่างที่พันด้วยผ้าก๊อซเต็มตัว เหลือให้เห็นเพียงดวงตาสีน้ำตาล และริมฝีปากที่มีริ้วรอยของแผลถูกไฟลวกจนดูไม่ได้ ทอดมองนิ่งมายังเขาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม...
?หมอบอกคุณไหมแอนโทนี่...ว่าเมื่อไหร่ฉันจะหาย?
สเตฟานี่ถามเขาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง...เพราะหล่อนกำลังจะได้งานแสดงที่เฝ้าฝันมาตลอดชีวิตอยู่แล้วก่อนเกิดเหตุนี้ขึ้น
อินธนูมองหล่อนแล้วพูดไม่ออก...นึกถึงคำพูดของหมอหนุ่มที่เขาเพิ่งได้คุยมาเมื่อกี้นี้เอง ก่อนจะเข้ามาพบหล่อน
?ผมเสียใจด้วยนะครับ...ที่จะต้องบอกว่าเพื่อนสาวของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะไฟลวกเธอเป็นบาดแผลลึกพอควร...เธอมีบาดแผลน่ากลัวมากทั้งตัว ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม?
ขณะนั้นทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานของแพทย์ผู้นั้นซึ่งนำเอารูปถ่ายบาดแผลทั่วตัวของสเตฟานี่ยื่นให้เขาดู เมื่อการรักษาผ่านมาร่วมสามเดือนแล้ว...
อินธนูมองดูรูปถ่ายเหล่านั้นทีละรูป...พร้อมกับถอนใจยืดยาว เพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่เป็นแฟนของเขามาได้หนึ่งปี...และกำลังจะมีอนาคตสวยงามในชีวิตการแสดง แต่บัดนี้...อนาคตของหล่อนคงจะดับวูบไปเสียแล้ว ถ้าผู้อำนวยการสร้างได้เห็นรูปถ่ายของผู้หญิงที่ถูกไฟลวกไปทั้งตัวแบบนี้...
?แอนโทนี่...ทำไมคุณเงียบ ฉันอยากรู้ว่าหมอบอกอะไรบ้าง...?
สเตฟานี่ถามใหม่เมื่อเขาไม่ตอบ
?คุณจะหาย...แต่จะไม่เหมือนเดิม...?
เขาตอบ...แล้วมองดูหล่อนหุบปากเงียบกริบ...เวลาต่อมาก็เห็นน้ำตาหล่อนไหลออกมาเป็นทางอย่างรู้ตัวว่าหมดหวังแล้วทั้งชีวิต
?ฉันอยากเห็นตัวเอง...คุณบอกหมอให้เอาไอ้ผ้าก๊อซออกจากตัวฉันเสียทีได้ไหม?
คำขอของหล่อนทำให้เขาพูดไม่ออก เพราะรู้ว่าหมอเพิ่งเปลี่ยนผ้าให้หล่อนใหม่เมื่อยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แล้วมานี่เอง
?ฉันอยากเห็นตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง...ได้โปรดเถอะแอนโทนี่...ฉันต้องการรู้ว่าฉันจะต้องแก้ไขอะไรบ้างเมื่อเป็นแบบนี้...ช่วยฉันหน่อยสิ คุณก็รู้ว่าอาชีพดาราน่ะต้องอาศัยความสวยนะ...คุณไม่เข้าใจรึไง...?
?เข้าใจ...?
ชายหนุ่มตอบพร้อมกับถอนใจ พร้อมๆ กับตัดสินใจ
?ผมถึงกำลังจะบอกว่า คุณไม่ต้องกังวลไป...เพราะไม่ว่าผลการรักษาจะออกมาแบบใด...ผมก็จะช่วยให้คุณได้กลับไปเป็นดาราแน่นอน...คุณบอกไม่ใช่หรือว่าเขาแค่เทสต์หน้ากล้องเท่านั้น ยังไม่ได้ตกลงเลือกคุณแน่นอน...ซึ่งแสดงว่าเรายังมีเวลาอยู่?
?เวลาอะไรล่ะ ถ้าเขาเรียกมาฉันก็ต้องไป...แต่จะไปแบบนี้ได้ยังไง...แอนโทนี่...?
สเตฟานี่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอึดอัด กลุ้มใจ...กังวลใจสารพัด
?ผมกำลังจะบอกคุณว่า ผมตกลงกับหมอแล้วว่าจะให้เขาหาหมอผ่าตัดฝีมือดีมาศัลยกรรมคุณให้เหมือนเดิมให้ได้...ผมจ่ายไม่อั้น เข้าใจไหมสเตฟานี่...?
คำอธิบายชัดเจนของเขาทำให้แฟนสาวเงียบไป...พร้อมกับถอนใจ...และกะพริบตามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
?จริงเหรอ แอนโทนี่...คุณจะช่วยฉันแน่นะ...มันแพงมากนะ...?
?คุณก็รู้ว่าผมทำได้...?
เขาตอบและมองสบตากับหล่อน เพราะอินธนูไม่เคยปกปิดฐานะการงาน หรือการเงินของเขากับหล่อน...ตลอดเวลาที่คบกันมา...
?ขอบใจนะ แอนโทนี่...ขอบใจมาก อย่าลืมคำพูดของคุณวันนี้นะที่รัก...คุณต้องทำให้ฉันเหมือนเดิมนะ...?
หล่อนยื่นมือที่ถูกพันไว้ทั้งมือมาดึงมือเขาไปแตะที่ริมฝีปากหล่อน
ชายหนุ่มมองตาม แล้วถอนใจโดยไม่พูดอะไรอีกหลังจากนั้น...ไม่นานร่างสูงของเขาก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยแห่งนั้น ไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นอกห้อง แล้วถอนใจเฮือก...
เขาต้องช่วยหล่อน...เพราะถ้าไม่ช่วย...อนาคตของผู้หญิงคนนี้ต้องดับวูบไปชั่วชีวิต และเขาก็ไม่ต้องการมีแฟนที่ถูกไฟลวกจนดูไม่ได้ไปทั้งตัวแบบนี้
ความจริงอินธนูมีแผนจะพาหล่อนกลับประเทศไทยไปให้บิดามารดาของเขาได้ดูตัวลูกสะใภ้ในอนาคตอยู่แล้วถ้าไม่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างต้องหยุดไปหมด...ทั้งงานของหล่อน...และแผนของเขา...
อินธนูคิดอยู่เหมือนกันว่า พ่อแม่อาจจะไม่พอใจที่เขาเลือกสาวอเมริกัน-นิโกรคนนี้...
แต่สเตฟานี่มีทุกอย่างที่แตกต่างไปจากเผ่าพันธุ์เดิมของหล่อนโดยสิ้นเชิง...ตั้งแต่เส้นผมจนจรดปลายเท้า...
ผมของสเตฟานี่เป็นสีน้ำตาลเข้ม...ยาวสลวย...
เลือดนิโกรของหล่อนผ่านการผสมมาหลายรุ่น จนหน้าตาของสเตฟานี่สวยงามแบบสาวเม็กซิกัน มีผิวสีน้ำตาล...มีหุ่นไม่แพ้นางแบบคนใดในยุคนี้เลย...
ข้อสำคัญ เขาและหล่อนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาแล้วเก้าเดือน หลังจากรู้จักกันมาสามเดือน...รวมเป็นปีหนึ่งพอดีก่อนเกิดเหตุนี้...
เมื่อหล่อนตกอยู่ในสภาพนี้...เขาจึงต้องรับผิดชอบเต็มที่โดยไม่อาจปฏิเสธได้
ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นพาร่างสูงเพรียว ไม่เตี้ยไปกว่าฝรั่งคนไหน เดินออกมาจากโรงพยาบาลแห่งนั้นในเวลาต่อมา...
บทที่ 1
คุณสุชาดา สุขุมาลย์พินิจ...ตัดสินใจที่จะเข้าไปพูดกับลูกชายคนเดียวซึ่งบัดนี้กลายเป็นนักธุรกิจข้ามชาติต้องบินไปดูงานของบิดาทั่วโลกไปแล้ว
เมื่อหล่อนเปิดประตูเข้าไป...อินธนูกำลังจัดของลงกระเป๋าเดินทางของเขาเท่าที่จำเป็น เพราะส่วนใหญ่มีอยู่แล้วที่ปลายทางที่เขาจะบินไป
?มีอะไรอีกครับแม่...ผมว่าผมพูดไปหมดแล้วนะครับเมื่อกี้...?
?แม่จะเข้ามาขอเวลาอินอีกสักพักได้ไหมลูก...?
คำขอและสายตาของมารดาทำให้ลูกชายต้องถอนใจเฮือก...
?เวียนนากำลังจะมา...เขาไม่รู้เรื่องที่พ่อแม่ตกลงเรื่องการแต่งงานนี่เลย แม่อยากให้อินพาเวียนนาไปหน่อยนะ...จนน้องสามารถถ่ายรูปได้ครบถ้วนแล้วก็จบกัน...อินกลับอเมริกา...เวียนนากลับบ้าน แล้วผู้ใหญ่จะพูดกันใหม่...จะยกเลิกสัญญาที่มีต่อกันให้หมด...ได้ไหมลูก...?
คำขอ...สีหน้า...และแววตาของมารดาที่มองมายังเขาทำให้ชายหนุ่มต้องถอนใจอีกเฮือก...ก่อนจะทรุดร่างสูงเพรียวของเขาลงบนเก้าอี้ยาวไม่มีพนักสีเขียวเข้มซึ่งวางติดอยู่กับปลายเตียงลงนั่งนิ่ง...พลางขมวดคิ้วมุ่น...
?แน่นะครับแม่...อีกพักเดียว...แล้วยกเลิกสัญญาทั้งหมด?
?จ้ะๆ...ใช่จ้ะ...ยกเลิกสัญญาแน่นอนลูก...?
คุณสุชาดาพูดกับลูกชายอย่างเอาใจ...
?แน่นะครับ...?
อินธนู สุขุมาลย์พินิจเขม้นมองมารดาอย่างไม่ไว้ใจนัก...กลัวจะปล่อยเรื่องการแต่งงานที่ผู้ใหญ่ทำเอาไว้ให้คาราคาซังต่อไป ทำให้เขาต้องลำบากใจและไม่เห็นด้วยกับการคลุมถุงชนเป็นอย่างยิ่งนั้น
?จ้ะ...แน่นอน...?
?แล้วสักพักแค่ไหนครับ...?
?ก็แค่...ทั่วประเทศไทยเท่านั้น...แค่ในหนังสือตัวอย่างที่พ่อเขาเอามาให้ดูเท่านั้น?
?ความจริงแค่ส่งหนังสือไปให้อย่างเดียวก็พอแล้ว...เธอน่าจะไปได้เอง...?
?โธ่...อินธนู...เอาเถอะนะลูก พาน้องไปถ่ายรูปสักพักนะ...คิดว่าเวียนนาเป็นน้องนะลูก อย่าให้เขาระแคะระคายว่าเราไม่เต็มใจ...ไม่พอใจจะแต่งงานกับเขา ทำนิ่งๆ ซะ...ไม่รู้ไม่ชี้จนเขากลับไปก็พอนะลูก...พักเดียวลูก...?
ลูกชายฟังมารดาแล้วถอนใจอีกเฮือก...ก่อนจะยอมพยักหน้า...
?ก็ได้ครับ ก็ได้...พักเดียวนะแม่...?
ชายหนุ่มคาดคั้นมารดาเอาไว้อย่างมั่นคงก่อนจะถอนใจครั้งที่สาม เมื่อจำยอมพายายตัวจุ้นที่กำลังจะมาไปถ่ายรูปดอกไม้ทั่วประเทศ ไปเข้าเล่มหนังสือ โครงการใหญ่ดอกไม้จากทั่วโลกให้เรียบร้อย...
พอลูกชายรับปาก...คุณสุชาดาก็รีบวิ่งแน่บลงมาส่งข่าวให้สามี...คุณยิ่งยศ สุขุมาลย์พินิจ ได้รับรู้ในเวลาต่อมาทันที...
?คุณคะ...นายอินเขายอมแล้วค่ะ จะพาหนูเวียนนาไปถ่ายรูป...จบแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน...?
คุณยิ่งยศฟังภรรยาพูดแล้วนิ่งคิดอยู่ในห้องนั่งเล่นอันหรูหราโอ่อ่าของคฤหาสน์หลังนั้น
?มันยอมแล้วก็ดี...เพราะฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสแรก และโอกาสสุดท้ายที่เด็กสองคนนี้จะได้รู้จัก...ได้ศึกษาซึ่งกันและกันในระยะเวลาสั้นๆ ถ้ามันไม่ช่วยให้เขาเข้าใจกันได้...ฉันก็ต้องยอมเซย์กู๊ดบายกับเพื่อนรักเหมือนกัน เอาเถอะ...ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาแล้วนะ?
คุณยิ่งยศพูดกับภรรยาอย่างปลงตกในเวลานั้น
***********************************************************************************************************
ในที่สุด...ก็ถึงวันนัดที่นางสาวเวียนนาจะถูกบิดาของหล่อนซึ่งเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ใหญ่ส่งตัวไปถ่ายรูปดอกไม้สวยจากทั่วโลก มาพบกับสารถีหนุ่มที่พ่อแม่ต้องขอร้องแกมบังคับให้มาขับรถให้หล่อน...
ความจริงแล้ว...ทั้งเวียนนาและอินธนูไม่จำเป็นต้องมาเจอกันโดยมีงานสำคัญของหญิงสาวเป็นที่กล่าวอ้างก็ได้...
แต่เมื่อผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายต้องการให้ทั้งคู่ได้เห็นหน้ากัน...ได้รู้จักกัน ได้เดินทางร่วมกัน ได้ใช้ชีวิตด้วยกันสักพักใหญ่ เพื่อศึกษานิสัยใจคอกันว่าจะไปกันได้หรือไม่...การพบปะคราวนี้จึงต้องเกิดขึ้น...เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของทุกๆ คน...
หลังจากรอกันอยู่พักใหญ่ อินธนูก็เห็นจักรยานคันหนึ่งแล่นตีวงเข้ามาจอดหน้าบ้านเขา ซึ่งชายหนุ่มยืนกอดอกพิงประตูรถแวนคันใหญ่ทันสมัยของเขารออยู่แล้ว...
ดวงตาคมของอินธนูกะพริบปริบๆ มองไปยังร่างบางของหญิงสาวที่แต่งตัวทะมัดทะแมง สะพายเป้ใบใหญ่ติดหลังมาด้วย...แถมมีกล้องสะพายอยู่ตรงด้านหน้า
ไม่รวมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ผูกมากับอานจักรยานด้านหลัง...เล่นเอาเขาต้องมองหล่อนอย่างทึ่งๆ เพราะไม่คิดว่าลูกสาวเจ้าสัวใหญ่จะมาในลักษณะนั้น...
หล่อนชื่อเวียนนา เพราะพ่อแม่เรียนจบกันที่นั่น...รักกันที่นั่น และแต่งงานกันที่นั่น
พ่อแม่อินธนูบอกเขาไว้อย่างนี้...
แต่เวียนนามาคลอดที่เมืองไทยเมื่อปู่เสียชีวิตลง พ่อจึงต้องหอบหิ้วแม่กลับมาสานต่อธุรกิจเล็กๆ จนกลายเป็นธุรกิจอันใหญ่โตในปัจจุบัน
แล้วอินธนูก็ยกมือรับไหว้หล่อนแทบไม่ทันเมื่อหญิงสาวในเครื่องแต่งกายทะมัดทะแมงราวกับทอมบอย แถมใส่หมวกกลับปีกไปไว้ข้างหลัง อวดดวงหน้าจิ้มลิ้มงดงามของหล่อนที่ไม่มีเครื่องสำอางฉาบทาเอาไว้เลยให้เขาได้เห็นชัดถนัดตา...เดินเข้ามายกมือไหว้
?สวัสดีค่ะ ถ้าเดาไม่ผิด...คุณต้องเป็นพี่อินธนู...ลูกชายคนเดียวของคุณลุงยิ่งยศ และคุณป้าสุชาดาไหมคะ...?
หล่อนถามแล้วกวาดตาไปรอบคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างชื่นชม ก่อนจะหันมาถามเขาว่า...
?แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะคะ?
?ไปวัดกันแต่เช้า...ท่านให้ผมพาคุณไปทำงานได้เลย...?
?งั้นคุณพร้อมหรือยังคะ...จะได้ไปกันเลย...อ้อ...จักรยานฝากไว้ที่นี่ได้ไหมคะ?
?ได้...เดี๋ยวจะสั่งคนเก็บไว้ให้?
ชายหนุ่มหันไปส่งเสียงเรียกเด็กหนุ่มรับใช้ในบ้านให้มาเอาจักรยานไปเก็บ ก่อนจะเปิดประตูรถให้หล่อน และช่วยหญิงสาวขนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ยักษ์หนักอึ้งทั้งสองใบขึ้นวางไว้บนเบาะด้านหลัง...ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นประจำที่ด้านหน้า แล้วเคลื่อนรถออกไปทางประตูด้านหน้าช้าๆ
?คุณรู้จักผมได้ไง...?
อินธนูถามเมื่อพารถพ้นออกไปยังถนนด้านนอก...
?คุณลุงคุณป้าให้ฉันดูรูปคุณตอนคุณไปอเมริกาค่ะ...ตอนนั้นพ่อฉันจะส่งฉันตามคุณไปที่โน่นอยู่แล้ว...แต่พอดีงานที่ฉันทำอยู่ยังไม่เสร็จ...เลยต้องยกเลิกรูปดอกไม้ในอเมริกาทั้งเหนือและใต้เอาไว้ก่อน...มาเก็บในส่วนของเอเชียทั้งหมดก่อนโดยเฉพาะประเทศไทย...ฉันมีอยู่แล้วบางส่วนนะคะ ในแง่มุมกล้องของเราที่มองเห็น...ซึ่งเป็นผลงานที่เราจะเอาลงหนังสือของเราได้เองโดยไม่ต้องไปขออนุญาตใคร?
หล่อนตอบยาวจนเขาต้องหุบปาก ยกเลิกคำถามว่าทำไมหล่อนไม่เอารูปในหนังสือเล่มนั้นไปลงซะเลย...
?นี่ค่ะ...นี่เป็นเป้าหมายทั้งหมดที่เราจะไป คุณคิดจะไปไหนก่อนดีล่ะคะ...?
หล่อนส่งแผนที่ให้เขาซึ่งมีตำแหน่งที่จะต้องเก็บรูปภาพประกอบไว้ทั้งหมด...เล่นเอาชายหนุ่มต้องพารถเข้าจอดข้างทาง แล้วดูแผนที่นั้นให้ชัดๆ
?คุณทานอะไรมารึยัง...?
เขาถามขณะที่กวาดตามองแผนที่อย่างครุ่นคิด...
?ยังค่ะ...แล้วคุณล่ะคะ...?
?ยังเหมือนกัน...ทุกวันจะมีคนจัดให้ แต่วันนี้เขาไปไหนกันหมดบ้านไม่รู้...ปล่อยเราหิวท้องกิ่วอยู่คนเดียว?
?งั้นจะทานอะไรดีคะ ฉันจะลงไปซื้อตรงร้านนี้แล้วกัน...?
หล่อนพูดพลางกระโดดลงไปซื้ออาหารเช้าในร้านสะดวกซื้อที่เขาพามาจอดรถลงตรงหน้าร้านพอดี...
อินธนูมองตาม แล้วตัดสินใจดับเครื่องเดินลงไปด้วยกันในร้านแห่งนั้น
ไม่นานหล่อนและเขาก็ได้อาหารเช้าง่ายๆ ตามกันออกมาทั้งคู่...มานั่งกินไปดูแผนที่กันไปในรถซึ่งมีของเขาแผ่นหนึ่ง...ของหล่อนอีกแผ่นหนึ่ง...
?ผมอยากไปทางตะวันออกก่อน...แล้วถอยกลับเข้ามาทีละจังหวัดจนถึงกรุงเทพฯ หรือไม่ก็ไปทางเหนือสุดก่อน...แล้วเก็บลงมาทีละจังหวัด...จนมาถึงกรุงเทพฯ คุณว่าไงล่ะ...?
?ฉันคิดว่าไปทางเหนือสุดก่อนก็ดี ตอนนี้อากาศกำลังหนาวเย็น...คุณเตรียมเต็นท์มาหรือเปล่าคะ...?
?ผมชอบนอนในรถ...รถคันนี้สามารถพับเบาะลงทั้งหมด แล้วใช้เป็นที่นอนได้เลยนะ เคยนอนในรถไหม...?
?ค่ะ...เคย...แต่มันเย็นมากนะคะ สมัยที่ฉันเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้อยู่เคยใช้หลังคารถเป็นตู้เย็นเลยนะคะ...มีอะไรเก็บไปวางไว้บนหลังคาหมดตอนกลางคืน...มันรักษาอาหารไว้ได้เลยนะคะ ไม่บูดไม่เสีย...พอตอนเช้าเอามาอุ่นกินได้สบายเลย...ถ้านอนในรถเราต้องมีเครื่องนอนกันความหนาวให้ครบในฤดูหนาว...แต่ด้านในเต็นท์จะอุ่นขึ้นเพราะดินใต้เต็นท์มันอุ่นไงคะ?
?เอาเถอะ...เอาไว้ไปถึงค่อยคิด...ดูภูมิประเทศแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกทีแล้วกันว่าจะนอนตรงไหน...ผมเอาอุปกรณ์เดินทางมาแล้วทั้งหมดอยู่หลังรถ...?
?โอเคค่ะ...สำหรับฉัน...คิดว่าจะเก็บทางเหนือลงมาจนถึงกรุงเทพฯ แล้วค่อยลงไปเก็บทางใต้ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ...คุณว่าไงคะ...?
?เห็นด้วย...งั้นไปกันได้แล้ว...?
เขาดื่มกาแฟอึกสุดท้ายก่อนจะหย่อนแก้วใส่ถุงขยะซึ่งแขวนไว้ข้างๆ ที่นั่ง ก่อนจะออกรถเบนหัวขึ้นเหนือสุดของประเทศไทยเป็นแห่งแรก...
เวลานั้น...ไม่มีใครคำนึงถึงว่าจังหวัดไหนจะไกลไปกว่าจังหวัดไหน...นอกจากจะขึ้นไปให้ถึงก่อนเท่านั้น...
?หรือถ้าชอบพักตามรีสอร์ทก็ได้นะ...?
เขาพูดพลางชำเลืองดวงตาสีเข้มมามองหล่อน...เห็นหญิงสาวกำลังขยับหมวกแก๊ปของหล่อนอยู่พอดี...
ดวงตาคมจึงจับอยู่ที่ปลายนิ้วเรียวยาวราวลำเทียนนั้น ก่อนที่มันจะหายไปในขอบเสื้อแขนยาวลวดลายสวยงามที่หล่อนสวมมา...
อินธนูถอนสายตากลับมายังถนนเบื้องหน้าอย่างแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าไปสนใจอะไรกับมือของหล่อนนักหนา
?คุณคงเดินทางบ่อยงั้นสิ...?
เขาถามเมื่อขับรถไปเรื่อยๆ...มุ่งหน้าขึ้นสู่จุดหมายปลายทางที่วางกันเอาไว้
?ฉันเดินทางในประเทศบ่อยค่ะ...ไม่เหมือนคุณที่ไปมาทั่วโลกแล้ว...?
?มันจำเป็น ในเมื่อพ่อแม่ทำทางให้แล้วก็ไม่อยากทิ้ง...เหมือนคุณนั่นแหละ...?
?ใช่ค่ะ...ความคิดของฉันก็คือสานต่องานที่พ่อแม่ทำค้างไว้ให้ดีที่สุดต่อไป...รักษามันเอาไว้เพื่อส่งต่อให้รุ่นหลังๆ ที่จะตามมา โดยไม่ต้องไปบุกเบิกกันใหม่...ให้เหนื่อยยากลำบากกันสายตัวแทบขาดอย่างที่เคยเป็นมาในสมัยปู่ย่าตายาย...เราต้องดำรงเอาไว้ รักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะถ้าจะขึ้นต้นกันใหม่...มันหนักหนาสาหัสมากกว่าการคอยต่อยอดอย่างในเวลานี้...?
?เป็นความคิดที่ดี...?
เขาชมหล่อน และปรายตามามองหญิงสาว...พลางยิ้มที่มุมปาก ทำให้ใบหน้าที่คมคายนั้นน่าดูขึ้นเป็นอย่างมาก
ขณะนั้นชายหนุ่มคิดถึงสาวน้อยข้างๆ ตัวเขาว่า
เวลานี้หล่อนโตมากแล้ว เป็นสาวเต็มตัวแล้ว...เป็นนักธุรกิจหญิงที่กำลังสานต่องานที่พ่อแม่วางรากฐานเอาไว้อย่างเอาจริงเอาจัง...อย่างน่านับถือทีเดียว...
สักวันคงจะมีใครมาคว้าเอาหล่อนไปเป็นแม่ศรีเรือนอย่างแน่นอน...
ส่วนเขาและสเตฟานี่...
อินธนูคิดได้แค่นั้นก็คิดไม่ออก เพราะเขาและแฟนสาวยังไม่เคยพูดเรื่องแต่งงานกันสักครั้ง
ยิ่งตอนนี้สเตฟานี่ได้บทภาพยนตร์ของหล่อนมาแล้ว ก็ยิ่งพูดอะไรไม่ได้อีก...
เขาถอนใจยาวเมื่อนึกถึงชีวิตตัวเองกับแฟนสาวที่นับวันจะห่างไกลกันไปเรื่อยๆ จนไม่แน่ใจเลยว่าจะไปจบลงตรงไหน...
เวียนนาเองหันหน้ามาจะพูดกับเขา แต่พอเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันขณะที่ขับรถไปข้างหน้าด้วยท่าทางเคร่งเครียดแล้วก็ถอนใจ...
เขาจะรู้เรื่องพ่อแม่ของเขากับพ่อแม่ของหล่อน...ที่พยายามจะจับเขาและหล่อนแต่งงานกันไหมนี่...
หล่อนตั้งคำถามอยู่ในใจ ก่อนจะปรายตากลับมาทอดไปหน้ารถตามเดิมพร้อมกับถอนใจยาว พลางบอกตัวเองว่าถ้าเขาไม่พูดถึง...หล่อนก็จะไม่พูดถึงเหมือนกัน
จะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไปจนจบทริปนี้แหละ...แล้วก็จากกันไป...ทางใครทางมัน...หล่อนสรุปให้ตัวเองในเวลานั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การคลุมถุงชนระหว่าง ?อินธนู? และ ?เวียนนา? เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่เต็มใจ
ด้วยชายหนุ่มมีคู่รักสาวชาวต่างชาติที่ต้องการแต่งงานด้วยอยู่แล้ว
ทว่าแฟนสาวผู้ทะเยอทะยานกลับทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเขาให้กลับมาเป็นสาวสวยอีกครั้ง
และทิ้งบาดแผลไว้กับชายหนุ่มจนยากเกินเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ
ตลอดเวลาของความเจ็บปวด เวียนนาอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
และเต็มใจมอบความรักให้ท่ามกลางความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นเต็มหัวใจ
อินธนูจึงต้องใช้ความรุ่มร้อนของร่างกายพิสูจน์ให้รู้ว่าทั้งหัวใจเขามอบให้เธอคนเดียว
?ได้โปรดเข้าใจผมให้ถูกต้อง เพราะเวลานี้...ผมไม่ได้รักใครนอกจากคุณ?
อินธนูดึงผ้าขนหนูผืนนั้นออกจากตัวหล่อน...
เผยให้เห็นหญิงสาวร่างงามตลอดตัวจนไม่มีที่ติในกระจกบานนั้นให้เขาเห็นเต็มตา
ก่อนจะหมุนหล่อนมาเผชิญหน้ากับเขาและช้อนอุ้มไปยังเตียงกว้างสวยงามในบ้านหลังนั้น...
