จากความโลภเกิดเป็นรัก
การคัดเลือกสาวงาม ครั้งแรกของฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ทำให้ผู้คนทุกหมู่เหล่าในแคว้นอู๋จี๋เริ่มพากันเคลื่อนไหว
ขุนนางจากกรมขุนนางเดินทางไปยังเขตเมืองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เพื่อทำการคัดเลือกหญิงสาว ไม่ว่าจะเป็นอายุ ความสูง รูปโฉมล้วนต้องสอดคลองกับกฎเกณฑ์ ใช้เวลาไปถึงสองเดือนกว่าจะทำการคัดเลือกรอบแรกเสร็จสิ้นได้ในที่สุด คัดเลือกสาวงามจากตระกูลขุนนางได้ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยนาง
ส่วนคุณหนูขุนนางของเมืองหลวงก็คิดเป็นจำนวนแยกต่างหาก ประมาณการว่าในเดือนหกจะมีสาวงามเข้าพำนักในวังอย่างน้อยหนึ่งพันสามร้อยนาง ทำให้ฝ่ายกิจการภายในยุ่งวุ่นจนหัวหมุนด้วยเรื่องนี้
ขุนนางแต่ละคนไม่มีผู้ใดไม่ทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดแนะนำธิดาของตนเพื่อการคัดเลือกสาวงามนี้ เยี่ยมเยือนผู้ดูแลของฝ่ายกิจการภายในอย่างโจ่งแจ้ง เงินสินบนก้อนแล้วก้อนเล่าถูกส่งไปให้อย่างลับๆ
อย่างไรสาวงามหนึ่งพันสามร้อยนางนี้ สุดท้ายจะเหลือไว้เพียงสามร้อยนาง ส่วนผู้ที่รับผิดชอบคัดเลือกก็คือผู้ดูแลฝ่ายกิจการภายในสั่วหรงกุ้ย
บัดนี้ช่วงซานฝู มาถึงแล้ว สั่วหรงกุ้ยได้ส่งมอบรายชื่อสาวงามสามร้อยคนสุดท้ายไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็รอส่งตัวกลับภูมิลำเนาเดิม
ถงไทเฮายินดีปรีดาเพราะเรื่องนี้เป็นการใหญ่ นางปรึกษากับต้วนซวิ่นอวี่ว่าจะจัดงานเลี้ยงชาววังต้อนรับสาวงามทั้งสามร้อยนาง
?หากมิใช่เพราะผู้สำเร็จราชการ กระทั่งข้าเองก็ลืมเรื่องการอภิเษกสมรสของฝ่าบาทไปเสียสนิท? ถงไทเฮาแต่งกายหรูหรางดงาม มองไม่เห็นความแก่ชราแม้แต่นิดเดียว ยังคงมีรูปลักษณ์สะสวยเช่นเดิม
ต้วนซวิ่นอวี่ปรายตามองนางแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็มองไปบริเวณโดยรอบทันที ?ก็แค่เรื่องที่ฮ่องเต้องค์ก่อนฝากฝังไว้เท่านั้น?
?เอ๋ ท่านอ๋องไม่รู้หรือว่าวันนี้ฝ่าบาททรงพระประชวรเล็กน้อย จึงมิได้เสด็จมาร่วมงานเลี้ยง? ถงไทเฮาถามด้วยใบหน้ายิ้มแฉล้ม ปลายคิ้วตรงหางตาเต็มไปด้วยแววหยั่งถาม
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สำเร็จราชการกับฝ่าบาทยุ่งเหยิงอิรุงตุงนัง ครั้งหนึ่งนางเคยคิดว่าผู้สำเร็จราชการยืนอยู่ฝั่งเดียวกับกลุ่มสภาตะวันตก แต่หลังจากกำจัดกลุ่มสภาตะวันตกไปเมื่อสองเดือนก่อนก็ถือว่าทำให้นางวางใจได้บ้างเล็กน้อย
ต้วนซวิ่นอวี่เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ หัวเราะเบาๆ ?หรือไทเฮาไม่ทราบว่าระยะนี้นอกจากตอนประชุมขุนนาง ข้าก็ไม่ค่อยได้คุยกับฝ่าบาทสักเท่าไร? ความนัยในวาจานี้คือบอกว่าความสัมพันธ์ของเขากับฝ่าบาทยามนี้ไม่ได้ดีถึงเพียงนั้น
จริงที่วาจานี้มิได้ปด ตั้งแต่กำหนดวันคัดเลือกสาวงามเป็นต้นมา ต้วนอี้ก็ไม่ได้พูดคุยกับเขาอีกแม้แต่ครึ่งคำ หากมิใช่เพราะต้องประชุมขุนนาง เกรงว่าต้วนอี้คงไม่มองเขาแม้แต่ปราดเดียวเสียด้วยซ้ำ
?เอ่อ...ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ถงไทเฮาถามหยั่งเชิง
ที่นางถามเช่นนี้ เพราะว่าระยะนี้ฝ่าบาทนับวันก็ยิ่งไม่เหมือนเด็กว่านอนสอนง่ายที่พูดไม่กี่คำก็ตะล่อมได้คนนั้นมากขึ้นทุกที เขามีน้ำโหมีโทสะ ถ้าหากพูดมาก เขาก็จะขับไล่ออกไป เดิมทีคิดว่าเขาไม่เห็นเสด็จแม่อย่างนางอยู่ในสายตา แต่ต่อมาถึงทราบว่าเขาทำแบบนี้กับทุกคนเช่นเดียวกัน แม้แต่ฝูซูที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากที่สุดยังเคยโดนเขาไล่ตะเพิดมาก่อน
สิ่งเดียวที่นางคาดเดาได้ก็คือ เขาคงจะทะเลาะกับผู้สำเร็จราชการจนเข้าหน้ากันไม่ติด แต่แท้จริงแล้วไม่สบอารมณ์เพียงใดไม่มีทางรู้ได้
?ข้าไม่เข้าใจความหมายของไทเฮา? ต้วนซวินอวี่อมยิ้มย้อนถาม
รอยยิ้มนั้นเกรงใจจนใกล้เคียงเย็นชา ถงไทเฮาจึงหยุดพูดแต่พองามทันที ?ช่วงนี้ฝ่าบาททรงเซื่องซึมไม่ร่าเริง พูดคุยกับท่านอ๋องก็น้อยลง เดิมทีข้าคิดว่าฝ่าบาทเป็นคนหนุ่มอารมณ์ร้อน เลยปะทะคารมกับท่านอ๋องเสียอีก?
?ข้าไม่ยักรู้ว่ามีเรื่องพรรค์นี้ด้วย เพียงแต่ช่วงนี้ยุ่งอยู่กับเรื่องการระดมพลทหารของชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ก็เลยห่างเหินกับฝ่าบาทไป? เขาดูแคลนต้วนอี้มากเกินไปจริงๆ คาดไม่ถึงว่าต้วนอี้จะใจแข็งปานนี้ หากมิใช่เพราะจำเป็นต้องสนทนากับเขา ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาต้วนอี้ไม่เคยเหยียบย่างมาที่ตำหนักเยี่ยหวาเลยด้วยซ้ำ
ก็ดี พอถึงตอนนั้นโดนคิดบัญชีทบต้นทบดอกอย่ามาโทษเขาแล้วกัน
?เป็นเช่นนี้นี่เอง...? ถงไทเฮาจ้องมองดวงหน้าหล่อเหลาของต้วนซวิ่นอวี่ตรงๆ รูปโฉมงามล้ำทรงเสน่ห์ปานนี้ แต่กลับนิยมชมชอบบุรุษ ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์ให้เขาได้ก็คงจะเป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่งเช่นกัน
ต้วนซวิ่นอวี่มิได้เอ่ยขานต่อ เขาจิบสุราอึกหนึ่งแล้วคิดจะจากไป ทว่าจู่ๆ ด้านหน้ากลับมีเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้น ครั้นเขาเงยหน้ามองไปก็เห็นว่าต้วนฉู่ยงมาถึงแล้ว
คนที่เชิญมาในงานเลี้ยงวันนี้ นอกจากขุนนางใหญ่แซ่ถงไม่กี่คนแล้ว ล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูง การปรากฏตัวของต้วนฉู่ยงจึงมิได้ทำให้ผู้คนประหลาดใจเท่าใดนัก แต่นี่มิได้หมายความว่าต้วนอี้ไม่ได้อยู่กับเขาหรอกหรือ
ที่จริงก่อนหน้าจะมาที่นี่ ต้วนซวิ่นอวี่รู้แล้วว่าต้วนอี้ใช้ข้ออ้างว่าไม่ค่อยสบายเพื่อปฏิเสธเข้าร่วมงานเลี้ยง เขาจึงสั่งให้เส้าอวี่ไปที่ตำหนักจื่อเวย แต่กลับพบว่าต้วนอี้หาได้อยู่ในตำหนักจื่อเวยไม่ กระทั่งฝูซูเองก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เดิมทีเขาคิดว่าแปดส่วนต้วนอี้คงแอบออกจากวังไปที่จวนจื๋อชินอ๋อง คิดไม่ถึงว่าเขากลับคาดการณ์ผิดพลาดไป
ที่แท้แล้วต้วนอี้ไปที่ใดกันแน่
เขาเพิ่งจะลุกขึ้น ต้วนฉู่ยงก็เดินมาถึงตรงหน้าแล้ว ?เสด็จอา?
?จื๋อชินอ๋องไม่ต้องมากพิธี? เขาโบกมือ ?ข้าขอตัวก่อน?
?เสด็จอา...? ต้วนฉู่ยงเดิมคิดจะไล่ตามไปซักถามอาการของฝ่าบาท แต่มิคาดว่าต้วนซวิ่นอวี่กลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาพูดมากขึ้นอีกประโยคหนึ่ง
?จื๋อชินอ๋อง มานั่งข้างๆ ข้าสิ ข้าไม่ได้พูดคุยสัพเพเหระกับจื๋อชินอ๋องมาตั้งนานแล้ว? ถงไทเฮาให้คนยกถ้วยจานที่ต้วนซวิ่นอวี่ใช้แล้วออกไป แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นถ้วยจานชุดใหม่มาแทน
?พ่ะย่ะค่ะ? ต้วนฉู่ยงเอ่ยเสียงเรียบเฉย
หากรู้แต่แรกว่างานเลี้ยงคืนนี้ฝ่าบาทไม่ได้มาร่วมด้วย เขาก็คงไม่มาหรอก การร่วมโต๊ะนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกับถงไทเฮาทำให้เขาราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม คิดแต่อยากจะรีบกลับจวนไวๆ
?มีท่านอ๋องอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ข้าก็วางใจได้มาก?
?นั่นคือหน้าที่ของหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ?
?ถึงแม้ตอนนี้มีผู้สำเร็จราชการช่วยกำจัดกลุ่มประจิมไปได้ แต่ผู้สำเร็จราชคนนี้นิสัยแปรปรวน ดูไม่ออกว่าจงรักภักดีหรือไม่ ถ้าหากท่านอ๋องอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทตลอดเวลาจะได้คุ้มกันดูแลได้ง่ายๆ?
ต้วนฉู่ยงหลุบขนตาตรึกตรอกเล็กน้อย ?หม่อมฉันทราบแล้ว? เป็นจริงที่เขาหวาดระแวงและยังไม่ค่อยเข้าใจในตัวเสด็จอาอยู่บ้าง เดิมทีจึงควรตั้งป้อมระวังเอาไว้ แต่เมื่อถงไทเฮากลับเป็นคนเอ่ยเตือนวาจาเหล่านี้ นั่นหมายความว่าในวาจายังมีความนัยแฝง
หลังกลุ่มประจิมถูกขจัดไป เดิมทีควรเป็นกลุ่มบูรพาแผ่กระจายขยายอำนาจ แต่น่าเสียดายที่เสด็จอายังอยู่ กลุ่มบูรพาจึงไม่สามารถฉกฉวยหาประโยชน์อันใดได้เช่นกัน เกรงว่าคงอยากจะใช้เขาคานอำนาจกับเสด็จอา ช่างประเมินเขาสูงเกินไปจริงๆ เขาในตอนนี้จะไปเทียบเคียงกับเสด็จอาที่กุมราชสำนักเอาไว้ในมือเดียวได้อย่างไร
?ท่านอ๋องเองก็รู้ว่าพระพลานามัยของฝ่าบาทไม่ค่อยสู้ดีนัก บางครั้งทรงสนทนากับผู้สำเร็จราชการเสร็จ วันถัดมาก็มักจะเข้าประชุมขุนนางไม่ได้...?
ต้วนฉู่ยงเลิกหัวคิ้วเล็กน้อย มองถงไทเฮาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ได้ยินนางพูดต่อว่า ?แต่ระยะนี้ฝ่าบาททรงร่วมประชุมขุนนางทุกวัน พระวรกายก็บำรุงรักษาได้ไม่เลว เพียงแต่กับผู้สำเร็จราชการยังคงมีบรรยากาศตึงเครียดกันอยู่ ทำให้บางครั้งข้าเห็นแล้วก็อดเหงื่อไหลไคลย้อยแทนฝ่าบาทไม่ได้?
ต้วนฉู่ยงพ่นลมหายใจเฮือกอย่างแนบเนียน เมื่อครู่มีชั่วพริบตาหนึ่ง เขาเกือบจะคิดว่าถงไทเฮาได้ยินข่าวคราวอันใดมาจึงกำลังหยั่งถามเขาอยู่
แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไป อย่างไรเดือนหน้าฝ่าบาทก็จะอภิเษกสมรสแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เรื่องระหว่างเสด็จอาก็คงจะถูกปิดผนึกไปโดยสมบูรณ์ มิฉะนั้นหากเรื่องพวกนี้รั่วไหลออกไป ต่อให้ทั้งสองคนไม่สนใจ แต่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วทั้งราชสำนักจะมองเช่นไร แล้วราษฎรจะมองเช่นไร
ถงไทเฮาเห็นเขาแอบครุ่นคิดเงียบๆ จึงกล่าวเสริม ?นอกจากนี้ ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ในมือท่านอ๋องมีคนที่ใช้การได้อยู่ไม่น้อย หากยามใดผู้สำเร็จราชการมีความผิดปกติก็จะสามารถกระทำการให้สำเร็จได้ ถ้ามีสิ่งจำเป็นอันใดก็บอกข้าได้เต็มที่?
?...หม่อมฉันเข้าใจแล้ว? ต้วนฉู่ยงยิ้มน้อยๆ เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา ?ผู้ดูแลสั่วมอบรายชื่อสาวงามสามร้อยนางให้แล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?
จะพูดเปรยเรื่องพวกนี้ไปไยกัน ควรต้องทำอย่างไร ในใจของเขารู้กระจ่างยิ่ง
ถงไทเฮาเห็นต้วนฉู่ยงไม่มีความคิดที่จะสนทนาต่อจึงพูดคุยเรื่องเกณฑ์มาตรฐานของการคัดเลือกสาวงามครั้งนี้แต่พอประมาณ พูดคุยกันได้ไม่กี่คำ ต้วนฉู่ยงก็หาข้ออ้างกลับไปก่อน
?ไทเฮา ท่านกำลังดึงตัวจื๋อชินอ๋องมาเป็นพวกหรือ? หลังจากเห็นต้วนฉู่ยงจากไป เจ้ากรมคลังถงอวี๋เยี่ยถึงได้นั่งลงข้างกายไทเฮา
?ที่จริงไม่จำเป็นต้องดึงมาเป็นพวกด้วยซ้ำไป เพียงแค่ชี้แนะจื๋อชินอ๋องเล็กน้อย จะได้ให้เขากำจัดผู้สำเร็จราชการในภายหลังอย่างไรเล่า? ถงไทเฮาแค่เสียงฮึ
นางรู้ว่าต้วนฉู่ยังรักใคร่เอ็นดูต้วนอี้ เพราะเหตุนี้หากมีเรื่องที่คาดว่าน่าจะเป็นอันตรายต่อต้วนอี้ เขาไม่มีทางนิ่งดูดายเป็นแน่
?แต่ส่วนที่ขาดของบัญชีกรมคลังจะรอให้จื๋อชินอ๋องปีกกล้าขาแข็งไม่ไหว? ถงอวี๋เยี่ยไม่อาจทำตัวตามสบายอย่างนางได้ ?เพื่อการคัดเลือกสาวงาม ทั่วทั้งสิบสองเมือง สามสิบสองเขตล้วนขอเบิกเงินจากกรมคลังครั้งแล้วครั้งเล่า จวนจะทำให้ข้าเป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะเลือกคนได้จำนวนที่แน่นอน สุดท้ายต้วนซวิ่นอวี่พูดแค่ประโยคเดียว ในวังก็จัดงานเลี้ยงเป็นบ้าเป็นหลัง จัดงานเลี้ยงหนึ่งครั้งทุกๆ เจ็ดวัน พอเหลือรายชื่อห้าสิบคนยังต้องจัดงานเลี้ยงทุกๆ สามวันไปจนถึงเทศกาลชีซี นี่ยังจะให้ผู้อื่นมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือไร?
หากยังถลุงเงินเช่นนี้ต่อไป เรื่องที่กรมคลังยักยอกเงินท้องพระคลังคงจะแพร่งพรายไปถึงหูผู้สำเร็จราชการไม่ช้าก็เร็ว
?บอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ประมาณตนหน่อย? ถงไทเฮาเอ่ยอย่างฉุนเฉียว
?ผู้ใดจะไปรู้ว่าอยู่ๆ ผู้สำเร็จราชการจะโผล่มาได้เล่า?
?ท่านยังจะกล้าเล่นลิ้นกับข้าอีกหรือ? ถงไทเฮาค้อนตาขวาง เกิดโทสะแน่นเต็มอกต่อพี่ชายที่ไม่ได้ความผู้นี้ ?จะให้ข้าพูดกับท่านพ่อดูหรือไม่?
โกงกินไม่อิ่มก็ช่างเถิด ทว่ายังไม่รู้จักหยุดแต่พอดีอีก ถึงขนาดนำเงินของกรมคลังไปปล่อยเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยสูงให้หน่วยงานอื่นๆ ของราชสำนัก หากมิใช่มีนางคอยช่วยเหลืออยู่ทุกเมื่อเชื่อยาม ไม่รู้ว่าตำแหน่งเจ้ากรมคลัง เขาจะเป็นต่อไปได้อย่างไร
?อย่าๆๆ นะ ท่านห้ามบอกท่านพ่อเด็ดขาด ก็เพราะบอกท่านพ่อไม่ได้ ข้าถึงมาหาท่านอย่างไรเล่า? ถ้าหากท่านพ่อรู้ว่าเขาก่อเรื่องเข้า จะต้องให้เขาออกหน้าแบกรับทุกอย่างเองเป็นแน่
แต่ปัญหาก็คือ เงินของกรมคลังจำนวนนั้นไม่ได้มีเขาคนเดียวที่ใช้ บิดาของเขาก็ได้ส่วนแบ่งไปด้วยเช่นกัน พอเกิดเรื่องกลับให้เขารับผิดชอบคนเดียวคงไม่ได้กระมัง
ถงไทเฮาหรี่ตารูปผลซิ่ง ลง พลางเบ้ปาก ?อย่างไรเสียกู่รั่วไหวก็ยังถูกคุมขังอยู่ในคุกของศาลต้าหลี่ รอวันประหาร กู่รั่วไหวหายไปสักคน ปัญหากวนใจก็ลดลงไปอีกหนึ่งจึงยังไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนปิดโปงบัญชีเท็จของท่าน ส่วนปริมาณการใช้จ่ายเงินในตอนนี้...ตอนประชุมขุนนาง ท่านก็หาตัวตายตัวแทนสักคนไปคร่ำครวญว่าขัดสนเงินทองก่อน จากนั้นค่อยดูการเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบๆ แค่บอกว่าเงินภาษีเมื่อปีก่อนหมดเกลี้ยงแล้ว ขอให้ฝ่าบาททรงลดการจัดงานเลี้ยงในวังลงหน่อย?
?เช่นนั้นก็เอาตามนี้ก่อนแล้วกัน? ถงอวี๋เยี่ยถอนหายใจเฮือก เหลือบเห็นผู้ดูแลใหญ่ของฝ่ายกิจการภายในกำลังเดินมาจากทางเดินเล็กๆ ข้างๆ สวนดอกไม้ ?ผู้ดูแลสั่ว?
?กระหม่อมถวายบังคมไทเฮา คารวะใต้เท้า? สั่วหรงกุ้ยในชุดคลุมผ้าปักสีม่วงเข้มทำความเคารพคนทั้งสอง
สั่วหรงกุ้ยอายุกว่าสี่สิบปี แต่ไม่รู้ว่าเพราะเป็นเช่นนี้โดยกำเนิด หรือว่าเพราะการถนอมบำรุงในภายหลัง ผิวหน้าจึงขาวอมชมพู ถึงแม้อายุจะมากแล้ว แต่จินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลางามล้ำในวัยหนุ่มได้ไม่ยาก
?ไม่ต้องมากพิธี? ถงไทเฮาโบกมือเบาๆ
?ข้าว่านะผู้ดูแลสั่ว การคัดเลือกสาวงามในวังครั้งนี้ เจ้าคงได้เงินเต็มกระเป๋าเลยละสิ? ลองคิดๆ ดูแล้วสาวงามพันกว่านางเข้าวัง ทุกคนล้วนอยากใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงอย่างสุขสบาย ไปจนถึงได้รับความชื่นชอบจนได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อสามร้อยคน จำนวนเงินที่มอบให้คงไม่เบามือเป็นแน่ ทำให้ถงอวี๋เยี่ยอิจฉาริษยาเหลือคณา
?ไม่หรอกขอรับ ผู้น้อยกำลังคิดว่ามีของล้ำค่าสองสามอย่างอยากจะส่งไปให้ทางใต้เท้า ทำตามวิธีเดิม...?
?ไม่ได้? ถงอวี๋เยี่ยกล่าวโดยไม่แม้แต่จะคิด
ที่กล้าพูดนั้นเป็นเพราะสั่วหรงกุ้ยเป็นคนของตนเองมาโดยตลอด
ฝ่ายกิจการภายในเป็นตำแหน่งขุนนางที่ทำเงินได้มาก อีกอย่างในฐานะผู้ดูแลใหญ่ สั่วหรงกุ้ยควบคุมกองทั้งเจ็ด หนึ่งสภาไว้ในมือ มีหน้ามีตายิ่งนัก ทรัพย์สินเงินทองสมบัติล้ำค่าของตำหนักในล้วนต้องผ่านมือเขาทั้งสิ้น บางครั้งก็เลือกของที่ขายต่อได้ง่ายโยนให้กรมคลัง แลกเป็นเงินแล้วค่อยแบ่งกันสามสิบเจ็ดสิบ สมบัติเลอค่าในวังก็หายวับไปกับตาด้วยประการฉะนี้ จากนั้นแก้ไขรายการสิ่งของตามสะดวก ผู้ใดจะไปรู้?
การโกงกินเป็นเรื่องที่ทำกันอย่างลับๆ ในราชสำนัก พูดตรงๆ ก็คือเงินที่ได้มาโดยง่ายจำนวนหนึ่ง จุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กันและกัน เดิมทีนี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่ผู้สำเร็จราชการอย่างต้วนซวิ่นอวี่กลับทำให้ทุกคนเสียแผนเสียได้
?อา...ผู้น้อยเข้าใจแล้ว ช่วงนี้ผู้น้อยก็เงินขาดมือมากเหมือนกันขอรับ อยากจะนำสมบัติสักสองสามอย่างแลกเป็นเงินสำรอง จะโทษต้องโทษที่ผู้สำเร็จราชการ จู่ๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงนี้ไปด้วยเหตุใดไม่รู้? ฝ่ายกิจการภายในไม่ว่าส่วนใดก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ทุกคนต่างยื่นมือมาหาเขา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะไปหาเงินมาจากที่ใด
?เลิกพูดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ผู้ดูแลสั่วนั่นเล่ามาได้อย่างไร? ถงไทเฮาเอ่ยแทรกเสียงกระด้าง
?กระหม่อมนำรายชื่อสาวงามสามร้อยนางมามอบให้ฝูซูกงกง ที่อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าตอนมาเมื่อครู่ได้ยินคนบอกว่าวันนี้ฝ่าบาทมิได้เข้าร่วมงานเลี้ยง?
?เจ้าถือไปมอบให้ฝูซูที่ตำหนักจื่อเวยก็ได้นี่?
?แต่ในตำหนักจื่อเวยไม่มีคนอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ? สั่วหรงกุ้ยกล่าวด้วยความสงสัย ?สอบถามจากขันทีที่ปรนนิบัติฝ่าบาทก็ไม่มีผู้ใดรู้สักคน กระหม่อมจนปัญญาแล้วพ่ะย่ะค่ะ?
?หา??
ฝ่าบาทเสด็จไปที่ใดกัน
***
เมืองหลวงของแคว้นอู๋จี๋เปรียบประดุจเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล ต่อให้เลยยามสอง ไปแล้วก็ยังคงคึกคักพลุกพล่านอยู่ดี ตลาดในเมืองหลวงถูกกั้นด้วยทางเสด็จ แบ่งเป็นตลาดชุนซื่อและตลาดชิวซื่อสองแห่ง ถนนหนทางเชื่อมตัดกัน เจริญครึกครื้น หากไปทางตลาดชุนซื่อ จะจัดการดูแลเรื่องการกิน ที่พัก เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แต่หากไปทางตลาดชิวซื่อ สิ่งเริงใจ การพนันล้วนมีให้ครบครัน
โดยเฉพาะแหล่งละลายทรัพย์ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของตลาดชิวซื่อ ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำรุ่ยเจียงขึ้นติดกันเรียงรายเป็นทิวแถว เสียงดนตรีดังแว่วไม่ขาดสาย ครื้นเครงไม่วางวาย ทำให้พอคนได้ยินเสียงได้กลิ่นหอมก็มุ่งเข้าไปหา
ทุกคราเมื่อถึงยามจุดโคม ด้านหน้าแหล่งละลายทรัพย์ตลอดแนวริมแม่น้ำรุ่ยเจียงจะมีผู้คนไปมารถราขวักไขว่ คึกคักจอแจราวกับตลาดสด
?ฝ่าบาท...ฝ่าบาท...? ท่ามกลางเสียงคนดังโหวกเหวก มีเสียงที่จงใจกดให้ต่ำสายหนึ่งร้องเรียกซ้ำไปซ้ำมาอย่างต่ำเบาและรวดเร็ว
บุรุษที่เดินอยู่เบื้องหน้ารูปร่างสูงเพรียว สวมใส่ชุดลำลองสีดำ ที่เอวรัดเข็มขัดหนังประดับอัญมณี เขาควักพัดจีบในอกออกมา หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่เร็วไวไม่เนิบช้า เคาะพัดไปทางด้านหลัง...
?ฝ่า...? ต่อให้ฝูซูถูกตีก็ไม่กล้าร้องโอดโอย ยิ่งไม่กล้ากระทั่งลงไม้ลงมือกลับ
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้บุรุษตรงหน้าเขาเป็นฮ่องเต้แคว้นอู๋จี๋ตัวจริงเสียงจริงเล่า ต่อให้ฝ่าบาทมีพระประสงค์ให้เขาไปตาย เขาก็ได้แต่ลูบจมูกป้อยๆ นอนรอความตายเท่านั้น
?ท่านห้า? ต้วนอี้เอ่ยเสียงต่ำลึก
เมื่อเทียบกับสองเดือนก่อน เสียงของเขาทุ้มต่ำกว่าเดิม รูปร่างยืดสูงขึ้นเล็กน้อย แม้กระทั่งโครงหน้าก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องความเยาว์วัยออกไป แปรเปลี่ยนเป็นคมสันขึ้น เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มกลายเป็นชายหนุ่มในชั่วอึดใจเดียว หล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ ฝูงคนที่เดินผ่านข้างกาย ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างหยุดเท้าหันหน้ามามองเขาทั้งสิ้น
?แต่ว่า...? ฝูซูพลันเบะปาก
?ฝูซู?? ต้วนอี้หรี่ตาเล็กน้อย
?...ท่านห้า? ฝูซูฝืนใจเรียก ครั้นเห็นต้วนอี้พยักหน้าท่าทางราวกับพึงพอใจจึงถามขึ้นอีกครา ?ท่านห้า ดึกแล้วนะขอรับ พวกเราควรกลับกันได้แล้ว?
?ไม่เอาหรอก อย่างไรเสียงานเลี้ยงในวังหากไม่ถึงยามสาม ก็ยังไม่เลิกรา กลับไปก่อนยามสามก็เป็นพอ? ครั้นต้วนอี้หันหน้ากลับก็มุ่งไปทางแหล่งละลายทรัพย์ทันที
พักนี้ในวังจัดงานเลี้ยงไม่หยุดหย่อน เขาจึงสบโอกาสที่ในวังจัดงานเลี้ยงลอบออกมานอกวัง ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ดีทั้งนั้น อย่างไรก็ดีกว่าอุดอู้อยู่ในวังจนแทบจะหายใจไม่ออก
?แต่ว่าข้างหน้า...? ฝูซูเร่งรีบไล่ตามหลัง มองไปยังป้ายร้านขนาดมหึมาตรงหน้า...หอจุ้ยเซียง แค่อ่านชื่อร้านก็ได้กลิ่นอันไม่ปกติแล้ว ต่อมาเห็นแม่นางหลายคนถือพัดซึ่งทำจากผ้าโปร่งในมือ สวมใส่อาภรณ์บางเบาวาบหวิว เอนพิงอยู่หลังราวกั้นระเบียงทั้งสองด้านของประตูร้านให้ผู้คนเชยชม ที่นี่ต้องเป็นหอคณิกาที่พูดถึงกันให้หมู่สามัญชนเป็นแน่แท้
แน่นอน ในเมื่อเป็นบุรุษเพศ การเข้าหอคณิกาย่อมเป็นเรื่องธรรมดา มีอันใดยอดเยี่ยมกัน
แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ตำหนักในของฝ่าบาทของเขามีสาวงามอยู่สามร้อยนาง ต่อให้ชี้นิ้วเลือกส่งๆ ก็ล้วนเป็นโฉมงามดุจบุปผาประหนึ่งจันทรา สาวสวยงามสะคราญโฉมทั้งนั้น ไม่ว่าฝ่าบาททรงอยากทำเช่นไร ผู้ใดจะกล้าเอ่ยคำว่าไม่เล่า แต่ฝ่าบาทของเขากลับไม่ทรงต้องการสาวงามสามร้อยนางนั้น ทว่ามาเชยชมหญิงสาวที่หอคณิกาของสามัญชนแทน
นี่มันอันใดกัน หรือว่าภรรยามิสู้อนุ อนุมิสู้ลักกิน ลักกินมิสู้เด็ดดอกฟ้า?
?เราอยากจะไปที่ใดจำเป็นต้องให้เจ้าสอดปากด้วยหรือ? ต้วนอี้แค่นเสียงฮึ
?แต่ว่า...? ทำอย่างไรดีๆ นับวันฝ่าบาทยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกที!
แรกเริ่มตรัสว่าอยู่แต่ในวังมันอุดอู้ ครั้นมีเวลาว่างจึงเสด็จไปเยือนจวนจื๋อชินอ๋องเป็นครั้งคราว ต่อมาก็ตรัสว่าอยากจะไปเดินเล่นในเมืองหลวงช่วงยามราตรี ต่อมาก็ทรงเดินจากตลาดชุนซื่อมาถึงตลาดชิวซื่อ ทีแรกทรงปีนเขาชมแม่น้ำรุ่ยเจียง แต่บัดนี้กลับมีพระดำริจะไปริมแม่น้ำรุ่ยเจียง เดิมทีเพราะโปรดของเสวยใหม่ๆ ที่ตลาดชุนซื่อ ลิ้มลองอาหารชาวบ้านที่ไม่เหมือนกับอาหารในวังดูบ้าง เสวยสุราเลิศรสของชาวบ้านทั่วไป ทว่ายามนี้กลับทรงหันเหไปยังตลาดชิวซื่อ ที่แท้แล้วพระองค์ทรงอยากจะลิ้มลองอะไรกันแน่ ที่นี่ไม่ได้ขายของกินนะพ่ะย่ะค่ะ!
ที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือ เสียงฮึของฝ่าบาทนั้นเหมือนกับผู้สำเร็จราชการเข้าไปทุกที ติดตามอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท แรงกดดันของเขายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กระเพาะก็ยิ่งปวดมากขึ้นทุกขณะ
แต่ข้างกายเขากลับไม่มีคนยื่นมือให้การช่วยเหลือเลยเสียนี่ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าขันทีผู้ติดตามอย่างเขาอับจนหนทางเพียงไหน น่าสงสารเวทนาปานใด ฝ่าบาทดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยนิสัยเลวร้ายของผู้สำเร็จราชการ นับวันยิ่งไม่ทรงสนใจศีลธรรมจรรยามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทรงแยแสกฎระเบียบในวังมากขึ้นทุกที เหนื่อยขันทีตัวเล็กๆ อย่างเขาต้องวิ่งพล่านไปทั่ว อีกทั้งรายชื่อสาวงามสามร้อยนางก็เพิ่งจะส่งมาให้สดๆ ร้อนๆ ต่อมาก็ต้องให้เขารับผิดชอบสังเกตการณ์สาวงามกลุ่มนี้ จากนั้นคัดเลือกออกมาห้าสิบคน
สาวงามห้าสิบคนที่เหลือเป็นกลุ่มสุดท้ายนี้ นอกจากให้ไทเฮาคัดเลือกสามคนสุดท้ายแล้ว คนอื่นที่เหลือล้วนเป็นนางสนมทั่วไป ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้ ดังนั้นการที่จะต้องคัดเลือกสาวงามห้าสิบคนนี้ ทำให้เขากดดันมากจริงๆ
ไทเฮาเสด็จมาหาเขา ใต้เท้าสภาตะวันออกมาหาเขา แม้กระทั่งผู้ว่าการกองทั้งเก้าก็ยังมาหาเขา ผู้ดูแลสั่วยิ่งมาหาเขาอยู่ร่ำไป...พูดให้น่าฟังหน่อยก็เรียกว่าคอยดึงหูกระซิบกระซาบ พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็เรียกว่าข่มขู่ใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ ต้องการให้เขาเลือกคนที่พวกเขาต้องการ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องมอบรายชื่อสุดท้ายให้เขาตรวจสอบด้วยเล่า
เขาเป็นแค่ขันทีตัวเล็กๆ ฐานะต้อยต่ำ วาจาไร้น้ำหนักเสียจริง ไม่ว่าไปที่ใดก็ถูกคนเขารังแก ถ้าเกิดพาฝ่าบาทหนีออกจากวังแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา หัวของเขา...
?พึมพำอันใด? ต้วนอี้ตัดเสียงบ่นงึมงำของฝูซูด้วยความรำคาญ
?...ขอรับ? ฝูซูก้มหน้าต่ำ กล้ำกลืนฝืนใจเดินตามต้วนอี้เข้าไปในหอจุ้ยเซียง
ครั้นแม่เล้าเห็นท่าทางสง่าผ่าเผยของต้วนอี้ กอปรกับอาภรณ์เครื่องประดับชั้นดีอันงดงามประณีตบนร่าง ต่อให้ด้านในจะมีแขกผู้สูงศักดิ์อยู่แล้ว แต่ก็ยังเจียดห้องรับรองชั้นดีให้ได้ จากนั้นส่งนางคณิกาที่รูปโฉมงามเลิศที่สุดของหอคณิกาจำนวนหนึ่งเข้ามา
ต้วนอี้นั่งอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง ด้านซ้ายมีหญิงคณิกานางหนึ่งคอยป้อนสุรา ข้างขวามีหญิงคณิกานางหนึ่งคอยป้อนลูกพลัมซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองไป่มู่จากแดนใต้ กินจนเกิดกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ส่วนข้างขาขวาก็มีคนหนึ่งคอยนวดให้เขา ข้างขาซ้ายก็มีอีกคนเช็ดมือให้เขา...
นี่ มือนั้นกำลังลูบตรงไหนกัน
นั่นคือแก่นกายมังกร แก่นกายมังกรเชียวนะ! เจ้าลูบคลำได้อย่างนั้นหรือ ลูบได้หรืออย่างไรกัน!
?...ฝูซู เจ้าต้องทำหน้าทำตาเช่นนี้ด้วยรึ? ต้วนอี้วกสายตากลับมาจากนอกหน้าต่างพอดิบพอดี เหลือบเห็นฝูซูทำหน้าตาดุร้ายราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อคนก็ไม่ปาน
ฝูซูอึ้งงันไปชั่วครู่ ที่อึ้งมิใช่เพราะตนเองกำลังทำหน้าอย่างไรอยู่ เขาเป็นขันทีประจำพระองค์ของฝ่าบาท ย่อมต้องปกป้องฝ่าบาทตั้งแต่พระเศียรจรดพระบาท ไม่ควรปล่อยให้คนอื่นลูบคลำฝ่าบาทตามใจชอบ แต่ว่าผู้สำเร็จราชการเป็นข้อยกเว้น เพราะว่าเขาเอาชนะผู้สำเร็จราชการไม่ได้
จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ...ฝ่าบาทไม่มีอาการตอบสนอง หรือว่าทรงหลับไปแล้วกันนะ ไม่จริงหรอก ใต้เท้าสภากลางพูดไว้ว่าคนเรายามตื่น ตรงนั้นก็จะตื่นตาม แต่ว่าใต้เท้าสภากลางจะตื่นอยู่ทุกขณะ ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงหลับอยู่ตลอดรึ
?ฝูซู เจ้ามองที่ใดอยู่? ต้วนอี้สลัดมือที่เอาแต่เคลื่อนไล้อยู่ตรงข้างขาเขาออกอย่างอึดอัดอยู่บ้าง
?เปล่าขอรับ? เขาย่อมพูดไม่ได้อยู่แล้วว่ากำลังสังเกตว่าแก่นกายมังกรของฝ่าบาทตื่นหรือไม่
ฝูซูยืนอยู่อีกด้าน เผชิญหน้ากับภาพที่เรียกได้ว่าปลุกปั่นยั่วยวนนี้ ฝูซูเหน็ดเหนื่อยใจสุดแสนอย่างแท้จริง ได้แต่แอบภาวนาให้ละครฉากนี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว
เสด็จกลับวังเถิด ฝ่าบาท กลับใจคือฟากฝั่ง เรื่องเช่นนี้เชื่อว่าสาวงามในวังก็ทำตามแบบอย่างได้เหมือนกัน ไม่ยากที่จะชี้แนะสอนสั่งเลยสักนิด
ฝูซูแอบร่างแผนการอบรมนางสนมชุดหนึ่งขึ้นในใจ ต้องการจะให้นางสนมเหล่านั้นมุ่งมั่นเรียนรู้วิชาชุดนี้ มัดฝ่าบาทให้ดิ้นไม่หลุด ให้ประทับอยู่ในวังนับแต่นี้ต่อไปจนไม่ทรงอยากจะเสด็จไปที่ใดอีก
ขณะกำลังครุ่นคิด บานประตูก็ถูกผลักเข้ามา แม่เล้าเดินเข้ามาอย่างหน้าชื่นตาบาน กลิ่นหอมฟุ้งทั่วทั้งร่างทำให้ฝูซูกลั้นลมหายใจอย่างห้ามไม่อยู่
?คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าพวกสาวๆ ทำให้ท่านพึงพอใจหรือไม่เจ้าคะ? แม่เล้าขยิบตาให้ต้วนอี้
?ก็ดี? ต้วนอี้กล่าวอย่างเบื่อหน่าย
พี่รองเคยบอกกับเขาว่าที่เรียกหอคณิกาของสามัญชนว่าแหล่งละลายทรัพย์ก็เพราะที่หอคณิกานั้นมีสาวงามอยู่มากมาย แต่ละคนล้วนเป็นโฉมสะคราญที่ช่างเอาอกเอาใจ แค่ได้นั่งอยู่ครึ่งเค่อ ก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งได้ แต่ว่าเขานั่งมาครึ่งชั่วยาม แล้ว กลับไม่รู้สึกปลอดโปร่งใจตรงไหนสักนิดเดียว
แต่กลับถูกป้อนให้ดื่มสุราจนใกล้จะเมามายอยู่รอมร่อ มึนศีรษะไปหมดแล้ว
แม่เล้าพลันเลิกคิ้ว คิดในใจว่าคุณชายสูงศักดิ์ท่านนี้คงจะเป็นทายาทของเชื้อพระวงศ์สักคนเป็นแน่ ถึงได้ไม่เห็นสาวงามดาวเด่นพวกนี้อยู่ในสายตา แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังไม่ปล่อยเขาไป ?เช่นนี้วันนี้คุณชายอยากจะพักค้างคืนที่นี่สักคืนหรือไม่เจ้าคะ?
?ได้?
?ไม่ได้!? ฝูซูกรีดเสียงตะโกนร้อง
ต้วนอี้หรี่ตาถลึงใส่ ?ฝูซู เจ้ากลายเป็นนายไปแล้วรึ?
?ไม่ขอรับ แต่ว่า...? ค้างแรมสักคืนอะไรกัน แค่ครึ่งคืนก็ไม่ได้! ถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากจะออกไปประเดี๋ยวนี้เลย!
ประตูวังมีทหารเฝ้ายามอยู่ หากถึงยามสี่ ขุนนางทั้งหลายเข้าวัง ตอนซักถามยามเข้าวังจะไม่ความแตกเอาหรือ
?ข้าบอกว่าจะค้างก็จะค้าง ถึงตาเจ้าสอดปากหรือ?
ใบหน้าของฝูซูขมขื่นจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้ เค้นสมองนึกคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะตีฝ่าบาทให้สลบแล้วแบกกลับวัง แต่ก็ไม่ทำให้ฝ่าบาททรงเจ็บจนมาเอาโทษกับเขาทีหลังได้...กะแรงยากจริงๆ เลยทีเดียว
?ในเมื่อคุณชายพูดเช่นนี้ เช่นนั้นต้องการเลือกใครอยู่ปรนนิบัติคุณชายดีเจ้าคะ? แม่เล้ารีบร้อนหมายจะรั้งเทพแห่งความมั่งมีตัวน้อยผู้นี้ไว้อย่างกระตือรือร้น
ต้วนอี้หรี่ตา ชี้นางคณิกาที่นั่งขนาบอยู่สองข้างอย่างส่งๆ ?สองคนนี้แล้วกัน?
ฝูซูตื่นตะลึงจนตาค้าง ฝ่าบาทจะทรงลองของใหม่แล้ว ซ้ำยังทรงต้องการนางคณิกาคราเดียวสองคนอีกด้วย!
ถึงแม้ฝ่าบาทกำลังหนุ่มแน่นเปี่ยมกำลังวังชา อยากจะร่วมประเวณีก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้แปลกอันใด แต่ที่นี่ไม่ใช่ในวังหลวง ถ้าหากไม่ระวังทิ้งเมล็ดพันธุ์มังกรไว้ข้างนอก จะไม่เกิดปัญหาใหญ่เข้าหรอกหรือ
?เจ้าค่ะ แค่สองคนนี้ จิ้งเอ๋อร์ หวาเอ๋อร์ ปรนนิบัติให้ดีๆ เล่า? แม่เล้าผลักฝูซูออกไปจากห้องรับรองอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นถือโอกาสพานางคณิกาอีกสองคนออกไปด้วย
?ฝ่า...ท่านห้า!? อย่านะ! น้ำรักมังกรไม่อาจใช้สิ้นเปลืองได้ ถ้ากลับวัง ให้เขาเลือกหญิงสาวสองสามคนมาทำให้ฝ่าบาทสุขสมอารมณ์หมายก็ย่อมได้!
ต้วนอี้เมาจนสมองเริ่มสะลึมสะลือ ต้องการเพียงหลับตาพักผ่อน ทว่าทันใดนั้นกลับพบว่ามีคนกำลังถอดชุดลำลองของตนเองอยู่ อีกทั้งยังมีคนลูบไล้ไปทางขาทั้งสองข้าง นอกจากนั้นยังได้กลิ่นหอมฉุนพุ่งปะทะเข้าใบหน้า ทำให้เขาเบิกตาโพลง เบนหน้าหนีได้อย่างหวุดหวิด แล้วตวาดว่า ?ใครอนุญาตให้เจ้าทำเช่นนี้?!?
ถึงกับคิดจะจุมพิตเขา! ริมฝีปากของเขา นางสามารถแตะต้องได้อย่างนั้นหรือ
จิ้งเอ๋อร์ตกใจเสียขวัญโดยพลัน รีบปั้นรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ขึ้นมา ?หากคุณชายไม่ชอบ จิ้งเอ๋อร์ก็จะไม่จูบแล้ว คุณชายอย่าได้โมโหเลยนะเจ้าคะ?
ต้วนอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย รู้สึกได้ว่ามือของหญิงสาวอีกนางหนึ่งไล้เคลื่อนเข้าไปใต้กางเกงเขาเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้แม่นางคนนี้ก็เปลี่ยนไปเริ่มพรมจูบต้นคอของเขาแทน จากนั้นเคลื่อนตรงไปยังแผ่นอก เขาถึงตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ที่แท้การพักค้างแรมที่นี่ก็คือการร่วมประเวณีกับหญิงสาวพวกนี้...ความสะอิดสะเอียนถาโถมใส่หัวใจอย่างฉับพลัน ขณะกำลังคิดจะเตะพวกนางออกไปนั้น กลับคิดขึ้นมาได้ว่าต่อให้กลับวังหลวง สุดท้ายคงจะมีสักวันที่เขาต้องร่วมรักกับนางสนมในตำหนักในอยู่ดี
อย่างไรเสีย บุรุษผู้นั้นก็ไม่แยแสเขาอีกแล้ว
คำสาบานของอีกฝ่ายในวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ที่ข้างหู...ข้าทั้งขี้หึงทั้งขี้ระแวง เมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้ และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป แต่ข้ารักมั่นไม่แปรเปลี่ยน เมื่อตั้งใจแล้วก็จะรักไปตลอดชีวิต ท่านหนีไม่พ้นแล้ว
หนีไม่พ้น? คนที่หนีนะใครกันแน่ คนที่รักมั่นไม่แปรเปลี่ยนจะทนเห็นคนที่รักสุดหัวใจแต่งงานมีภรรยาได้หรือ เขาทำไม่ได้ แต่เสด็จอากลับจัดงานคัดเลือกสาวงามให้กับเขา
ถ้าหากรักจนถึงส่วนลึกของหัวใจอย่างแท้จริง เสด็จอาจะทนให้เขาโอบกอดผู้อื่นเข้าสู่นิทราได้อย่างไร
ดังนั้นเสด็จอาคงจะเบื่อหน่ายเขาแล้ว เพราะว่าเขารอคอยอยู่ทุกค่ำคืน แต่เสด็จอากลับไม่เคยเหยียบเข้ามาในตำหนักจื่อเวย และเขาเองก็เหนื่อยหน่ายที่จะรอคอยต่อไปแล้วเช่นกัน
ช่างปะไร...
ต้วนอี้หลับตา ขณะที่ปล่อยให้พวกนางคณิกาปลุกเร้า จู่ๆ เสียงฝีเท้าก้าวเดินอย่างเร่งรีบก็ดังลอยเข้ามาจากด้านนอก ระหว่างที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นนั้น บานประตูก็ถูกเตะเปิดออก พาให้นางคณิกาทั้งสองแตกตื่นตกใจจนดวงหน้างามราวบุปผาซีดเผือด
ต้วนอี้มองดูอย่างตะลึงงัน หลับตาลงด้วยความคลางแคลงใจอยู่บ้าง สงสัยว่าตนเองตาฝาดไป
ต้วนซวิ่นอวี่เดินมายังเบื้องหน้าต้วนอี้ด้วยฝีเท้าเนิบนาบ กล่าวด้วยเสียงต่ำลึก ?ไป?
ต้วนอี้จ้องมองเขาอย่างอึ้งงันอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ?ไปที่ใด?
ไป? พูดง่ายเสียเหลือเกิน แต่จะให้ไปที่ใดได้เล่า เดินไปยังทิศทางที่เสด็จอาต้องการ หรือว่าเดินไปยังผลลัพธ์ที่เสด็จอาอยากได้กันแน่
ต้วนซวิ่นอวี่คว้าตัวต้วนอี้ไว้หมับ ตะโกนเสียงต่ำ ?ฝูซู!?
?ผู้น้อยอยู่นี่ขอรับ!? ฝูซูรีบร้อนเดินเข้ามาจากนอกประตู
?แบกเจ้านายของเจ้าลงไปชั้นล่างเสีย!? ต้วนซวิ่นอวี่ผลักต้วนอี้ให้ฝูซู จากนั้นหันกายเดินออกไปทันที
?ผู้น้อยน้อมรับบัญชาขอรับ? ฝูซูไม่รอช้า เก็บแก่นกายมังกรของฝ่าบาทให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยเริ่มลงมือจัดแต่งอาภรณ์ให้
ต้วนอี้จดจ้องแผ่นหลังของต้วนซวิ่นอวี่แน่วนิ่ง เพลิงโทสะที่อัดแน่นมาหลายวันปะทุออกมาในชั่วพริบตา ?ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร อยากจะให้ข้าทำอะไรก็ต้องทำตามเช่นนั้นหรือ ข้าไม่ทำเสียอย่าง ข้าจะค้างคืนที่นี่!?
?อุดปากเขาไว้? ต้วนซวิ่นอวี่กล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง
ฝูซูอึ้งงันไปเล็กน้อย ไม่นะ จะให้เขาเป็นคนทำหรือ
เรื่องนี้ฝูซูทำไม่ได้อย่างแน่นอน ทว่ากลับเห็นเว่ยเส้าอวี่ที่ติดตามมากับต้วนซวิ่นอวี่หยิบผ้าสี่เหลี่ยมผืนหนึ่งออกมาจากในอกอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ยัดใส่ในปากของต้วนอี้อย่างไม่เกรงอกเกรงใจแม้แต่นิดเดียว ต่อมาก็ตบบ่าฝูซูเบาๆ
?เอ้า แบกสิ?
ฝูซูน้ำตาแทบจะหลั่งรินเป็นสองสายในทันใด
ทุกคนเป็นอย่างนี้กันเสียหมด งานแย่ๆ ล้วนโยนมาให้เขา...พอฝ่าบาทเสด็จกลับวัง คนที่มีปัญหาก็เป็นเขาไม่ใช่หรือไร บางทีเขาควรจะไปปรึกษากับใต้เท้าสภากลางสักหน่อย ดูว่ามีวิธีอันใดช่วยย้ายเขาไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวหรือไม่
ที่จริงแล้วเขาก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในสภากลางก่อนหน้านี้มากทีเดียว ถึงแม้ใต้เท้าสภากลางมักจะชอบขยำก้นเขา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอันใดถึงเพียงนั้น อย่างไรก็ดีกว่าถูกข่มขู่คุกคามอยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาท
ต้วนอี้จ้องฝูซูเขม็งอย่างเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ราวกับกำลังก่นด่าที่เขาทรยศ
ฝูซูรู้สึกว่าตนเองช่างน่าเวทนาจนถึงขั้นย่ำแย่ ?กระหม่อมไม่ได้เป็นคนไปหาผู้สำเร็จราชการนะพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้จะไปหาก็ไม่เร็วปานนี้หรอก แต่ว่าตอนที่กระหม่อมถูกแม่เล้าไล่ลงไปชั้นล่างบังเอิญพบผู้สำเร็จราชการเข้าพอดี เขาถามว่าฝ่าบาทอยู่ที่ไหน กระหม่อมไม่พูดได้หรือ?
เขามีแค่หัวเดียวนะ อย่างไรก็ต้องเก็บไว้ใช้งานบ้าง ถูกหรือไม่ แต่จะว่าไปแล้ว การที่ฝ่าบาทมาเชยชมสาวงามในที่อโคจรก็เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรอยู่แล้ว
สีหน้าของต้วนอี้สงบลงเล็กน้อย ทว่ายังคงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
?นายท่าน ท่านเมาแล้ว ให้ผู้น้อยแบกท่านไปดีกว่า? ฝูซูถอนหายใจเฮือกไม่สนว่าต้วนอี้จะอนุญาตหรือไม่ เขาออกแรงเบาๆ แบกต้วนอี้ขึ้นมาเหมือนกระสอบข้าวสาร เลือกระเบียงทางเดินที่ไม่มีคนสัญจรไปมา เดินอ้อมสักหน่อยเพื่อไว้หน้าผู้เป็นนายบ้าง จนมาถึงหน้ารถม้าของต้วนซวิ่นอวี่อย่างรวดเร็ว
?ท่านอ๋อง?
?โยนลงไป? ต้วนซวิ่นอวี่เอ่ยเสียงเย็นชา
ฝูซูจ้องต้วนซวิ่นอวี่อย่างอึ้งๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ
อย่าทำให้เขาลำบากใจแบบนี้เลย ถึงตอนนั้นคนที่ถูกเล่นงานก็คือเขานะ!
โชคดีที่ต้วนอี้ถึงจะเมาอยู่ แต่หากอยากจะขึ้นรถม้าด้วยตนเองก็มิได้ยากลำบากเกินไปนัก
เมื่อเห็นต้วนอี้ขึ้นรถม้าไปแล้ว ฝูซูก็ผ่อนลมหายใจได้ในที่สุด ขณะกำลังจะบอกว่านายของตนเมาสุราอยู่ ขอให้รถม้าอย่าขับเคลื่อนเร็วเกินไป รถม้าก็พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่งทันที
?อย่านะ!? นายเหนือหัวของเขาเมาอยู่นะ! ?ท่านอ๋อง ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!?
ฝูซูผู้น่าสงสารได้แต่โกยแนบไล่ตามไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต้วนอี้ไม่อาจเข้าใจได้ว่าแท้จริงแล้วในสมองของต้วนซวิ่นอวี่กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ทั้งที่พวกเขาทั้งสองมีใจให้กันและกัน สาบานว่าจะอยู่เคียงข้างกันชั่วชีวิตนับแต่นี้ไป ทว่าจู่ๆ ต้วนซวิ่นอวี่กลับบอกว่าจะจัดงานคัดเลือกสาวงาม ช่วยเขาหาภรรยา เขาโมโหจนไม่พูดไม่จากับต้วนซวิ่นอวี่อยู่หลายวัน ซ้ำยังโกรธจัดจนแต่งตั้งฮองเฮา แต่สุดท้ายเขาก็ทำลายสีหน้าที่มักจะดูราวกับมีแผนการอยู่ในใจนั้นได้สำเร็จ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจกันได้ คิดว่าในที่สุดพวกเขาก็จะได้อยู่ด้วยกันไปชั่วนิจนิรันดร์ มิหนำซ้ำแม้แต่ราชโอการสละบัลลังก์เขาก็เขียนเสร็จแล้ว แต่ต้วนซวิ่นอวี่กลับบอกว่าไม่รักเขาแล้ว อยากจะสลัดเขาทิ้ง ยิ่งกว่านั้นยังคิดแต่จะฆ่าตัวตาย
แม้ไม่รู้ว่าต้วนซวิ่นอวี่เบื่อชีวิตด้วยเหตุใดกันแน่ แต่ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ตั้งแต่แรกแล้ว
หากต้วนซวิ่นอวี่อยู่ เขาก็จะอยู่ หากต้วนซวิ่นอวี่จากไป เขาก็จะตามไปสุดหล้าฟ้าเขียว...
